ยิงปืนเล็ก กับยิงปืนใหญ่มันผิดกัน ป้อมผีเสื้อสมุทรไม่ได้ยิงปืนใหญ่สักโป้ง แต่ยิงปืนเล็กไปเปาะๆแปะๆ จะยากอะไร จิ๊กโก๋ก็ยิงได้ นายป้อมเองยังบอกว่าคงไม่ได้ผล เพราะยิงเข้าไปในความมืด
เอ ...ผมว่าป้อมผีเสื้อสมุทรก็ยิงปืนอาร์มสตรองตอบกลับไปนะครับ ในรายงานของผู้การเกิตเช่ก็เขียนไว้ว่าสั่งให้ยิงตอบกลับไป ไม่ได้บอกว่ายิงปืนอะไร
ในรายงานของผู้การเรืออังกฤษลำที่ชื่อพาลลาส ก็บอกว่าเห็นแสงไฟจากปากกระบอกปืน เวลาประมาณ ๑๙.๑๔ น. ยิงตอบโต้กัน ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่เรือโคเมตแล่นไปถึงป้อมผีเสื้อสมุทรพอดี ถ้าเป็นปืนเล็ก ไม่น่าจะเห็นได้ในระยะไกลขนาดนั้นกระมังครับ
ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันครับ ยิ่งมาแปลกใจขึ้นไปอีกในรายงานของ ผู้กองคริตมาส ที่บอกว่า ผู้การเกิตเช่ ได้รับคำสั่งช้าเลยไม่ได้ยิงปืนใหญ่
สรุป คนอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน กล่าวกันไปคนละทางเลย
ฝรั่งเศสกะเวลาถูกต้องตรงเป๊ะที่จะมาถึงปากอ่าวตรงกับช่วงน้ำขึ้นสูงสุดพอดี เขาตั้งใจจะนำเรือมาจอดแค่ปากน้ำ แต่พอถูกยิง เขาก็ลุยลึกเลย ไปจอดอีกทีก็หน้าสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงเทพ ไม่เกี่ยวกับกล้าบุกตอนกลางวันหรือไม่กล้า
ผมว่าฝรั่งเศสไม่ได้แค่หยุดเรือกระมังครับ เพราะแล่นด้วยความเร็วมาเอื่อย ๆ แบบแทงกั๊ก ในบันทึกส่วนตัวของเจ้าคุณชลยุทธ์ ก็บอกว่า เรือแองกองสตองผ่านหน้าเรือพาลลาสที่ท่านเจ้าคุณอยู่ด้วยซ้ำไป และตอนแรกทำท่าจะหยุด เจ้าคุณดีใจนึกว่าไม่มีปัญหา แต่กลายเป็นว่าจากที่จะหยุดเลยลุยต่อซะงั้น
ส่วนเรื่องที่ฝรั่งเศสกะเวลาได้นั้น เพราะมีคนนำร่องที่เป็นคนอังกฤษมานำร่องให้ครับ ใน นสพ. บางกอกไทม์ บอกไว้ชัดเจน
ที่ผมตั้งสมมติฐานว่าไม่กล้าบุกตอนกลางวัน เพราะว่า ถ้าบุกตอนเห็นตัวชัด ๆ ฝรั่งเศสก็คงจะเจ็บหนักกว่านี้ เพราะระยะกระสุนจากป้อมผีเสื้อสมุทร ก็คงระดมยิงช่วยป้อมพระจุลได้ครับ ซึ่งฝรั่งเศสก็คงจะรู้จุดนี้ดี จึงทำให้ ป้อมผีเสื้อสมุทรยิงตอบโต้ได้น้อยมาก ๆ เพราะกลัวว่าจะยิงโดนเรือพวกเดียวกันนั่นเอง
ถึงอยู่ก็มองไม่เห็น มันมืด
ก็มีสิทธิเป็นไปได้ครับ แต่ก็น่าจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าในวันนั้นเป็นวันแรมหรือไม่ ถ้าไม่ใช่วันแรมแล้ว ก็น่าจะพอมองเห็นตะคุ่ม ๆ บ้างครับ