กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 เม.ย. 03, 17:28
กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 01 เม.ย. 03, 19:23 เข้ามารายงานตัวครับ
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ท่านเป็นผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถหลายๆ ด้าน แต่ไม่รู้อย่างไร พระราชกิตติคุณในทางพระปรีชาสามารถของท่านไปตกลับอยู่พักหนึ่ง คนไทยเราไม่ค่อยพูดถึงกันมาก ยกเว้นแต่ในวงการเฉพาะ จนเมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่เกินสิบห้าปี ที่มีการพูดถึงพระราชกรณียกิจกันในวงกว้างมากขึ้นอย่างมาก และทางราชการได้เฉลิมพระราชสมัญญาภิไธยถวายเป็นพระเกียรติยศเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 01 เม.ย. 03, 23:44 ขอมาร่วมน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง "ถุงแดง" ค่ะ
พระองค์ท่านทรงจัดแต่งเรือสำเภาบรรทุกสินค้าจากผลผลิตในประเทศไปค้าขายกับต่างประเทศ ทำให้ทรงมีรายได้มาก และเก็บราชทรัพย์นี้ไว้ใน ถุงแดง เมื่อใกล้สวรรคต เงินในถุงแดงของพระองค์มีเหลือถึง 4 หมื่นชั่ง ทรงขอไว้สำหรับเป็นส่วนของการทำนุบำรุงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดที่ยังทรงทำค้างอยู่ 1 หมื่นชั่ง อีก 3 หมื่นชั่ง พระราชทานให้เป็นเงินจับจ่ายใช้สอยในราชการแผ่นดินต่อไป เงินจำนวนดังกล่าว เก็บไว้จนถึงรัชกาลที่ 5 เมื่อเกิดกรณีพิพาท ร.ศ. 112 จึงโปรดให้นำเงินในถุงแดงใช้เป็นค่าปรับแก่คู่พิพาทไป เงินในถุงแดงของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้กลับมาช่วยกู้อิสรภาพแห่งแผ่นดินจังหวัดจันทบุรีที่คู่พิพาทบุกยึดไว้ ก็เมื่อเจ้าของเงินท่านเสด็จสวรรคตไปแล้วถึง 42 ปี กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 02 เม.ย. 03, 01:03 ขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านด้วยครับ
สำหรับผมนั้นนับถือและยกย่องในพระปรีชาสามารถของพระองค์มาก ที่ผมนับถือมากที่สุดคือ พระองค์ไม่ทรงหวงราชสมบัติไว้ยกให้ลูกหลานของพระองค์เอง แต่กลับปล่อยให้ราชสมบัติกลับคืนสู่น้องของท่าน ที่จริง ๆ แล้ว ถือว่าเป็นผู้มีสิทธิในราชสมบัติมากกว่าพระองค์ท่านเองซะอีก กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 02 เม.ย. 03, 18:09 ขอเรียนถามว่า มหาเจษฎาแปลว่าอะไรครับ
กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 03, 09:19 เจษฎา พจนานุกรมราชบัณฑิตฯ ให้ความหมายไว้ ๒ อย่าง คือ
๑ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ๒ ความตั้งใจ มหาเจษฎา แปลได้ว่า ความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง ค่ะ กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 มี.ค. 08, 18:09 ครบ ๒๒๐ ปี แล้วค่ะ
กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 มี.ค. 08, 18:33 ครบรอบ วันที่ 31 มีนาคม 2551 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 220 ปีวันประสูติ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอรำลึกด้วยการเล่าถึงราชินิกูลรัชกาลที่ 3 (บางส่วน)ค่ะ
คือสกุลทางฝ่ายพระชนนี สมเด็จพระศรีสุราไลย( สะกดตามหนังสืออ้างอิง "ราชินิกูลรัชชกาลที่ ๓ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุขฯ เมื่อพ.ศ. ๒๔๗๑) สมเด็จพระศรีสุราไลย (หรือเจ้าจอมมารดาเรียม) พระชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เป็นธิดาของพระยานนทบุรี(จัน) และท่านเพ็ง ท่านจันเป็นคนไทย บิดามารดาชื่อใด ไม่มีหลักฐานปรากฏ ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่บางเชือกหนัง ธนบุรีใต้ ต่อมาเมื่อท่านได้เป็นเจ้าเมืองนนทบุรี ก็ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นนทบุรี มีเชื้อสายสืบสกุลต่อมา เรียกกันว่า " สกูลเมืองนนท" กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 มี.ค. 08, 18:54 ส่วนท่านเพ็ง ภรรยาพระยานนทบุรี เป็นลูกสาวของพระยาราชวังสัน(หวัง) สืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาจักรีแขก ชื่อตัวว่า "หมุด" ซึ่งเคยเป็นหัวหมื่นมหาดเล็กสมัยปลายอยุธยา เชื้อสายแขกสุหนี่
(กรุณาอ่านบทความ สุลต่านสุไลมานกับราชวงศ์จักรี ประกอบ ค่ะ) ท่านเพ็ง หรือถ้าเป็นสมัยรัชกาลที่ ๕ ควรเรียกว่าคุณหญิงนนทบุรี เป็นลูกสาวคนโตของพระยาราชวังสัน มีน้องสาวอีก ๒ ท่านด้วยกัน ชื่อ ปล้องและรอด ท่านรอด ต่อมาคือพระนมรอด ในพระบาทพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นภรรยาพระยาศรีสรราช (เงิน) ส่วนท่านปล้อง สมรสกับพระยาพัทลุง(ทองขาว) สกุลแขกสุหนี่ พระยาพัทลุง เลื่อนขึ้นเป็นพระยาแก้วเการพพิไชย เจ้าเมืองพัทลุง ลูกหลานใช้นามสกุลว่า ณ พัทลุง กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 31 มี.ค. 08, 20:39 เข้ามาน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านครับ
โดยเฉพาะทางด้านศาสนา ทรงบำรุงพระบวรพุทธศาสนาโดยทางศิลปะ ทำให้เกิดยุคทองของศิลปกรรม ที่แตกต่างไปจากสมัยอยุธยาหรือรัชกาลที่ 1 และ 2 เรียกว่าสามารถสังเกตได้ และมีความงามมิยิ่งหย่อนไปกว่ากัน กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 01 เม.ย. 08, 06:56 ผมลองไปค้นคำว่า "เจษฎา" ได้ความมาดังนี้ครับ
ในคำสันสกฤต มีอยู่สองคำคือ 1. สันสกฤต: เชฺยษฺฐ [เทวนาครี: ज्येष्ठ; โรมัน: jyeshṭha] แปลว่า พี่ชายคนโต หรือ ผู้เป็นเลิศกว่าทุกคน ต่อมาคำนี้ก็เพี้ยนเป็นภาษาอื่นๆ ดังนี้ครับ บาลี: เชฏฐ [โรมัน: Jeṭṭha] ; ทมิฬ: เจฏฏนฺ [โรมัน: cēṭṭaṉ], เชฺยษฺฏนฺ [โรมัน: jyēṣṭaṉ] ฮินดี: เชษฺฏ [जेष्ट ; jeshṭ], เชฐ [जेठ ; jeṭh], เชฐา [जेठा ; jeṭhā], เชฐฺรา [जेठरा ; jeṭhrā], เชษฺฐ [जेष्ठ ; jeshṭh] ไทย: เชษฐา, เจษฎา ; เขมร: ชีตา (รูปคำปริวรรต) แต่มาเลย์เรียก abang ;D คำว่า อาบัง ก็คงมาจากภาษามาเลย์นี่เอง คือแปลว่า "พี่" ทำนองเดียวกับคำจีนว่า เจ็ก - เจ๊ก ซึ่งก็แปลว่าพี่เช่นกัน 2. สันสกฤต: เจษฺฏา [เทวนาครี: चेष्टा ; โรมัน: ćeshṭā] แปลว่า การขยับกาย, การประพฤติ ถ้าในความเห็นของผมนะครับ พระนามของรัชกาลที่ ๓ นี้ น่าจะมีต้นเค้ามาจากการที่พระองค์ทรงเป็นพระโอรสองค์แรก ของรัชกาลที่ ๒ จึงได้รับพระราชทานพระนามด้วยคำว่า "เจษฎา" ที่แปลว่า พี่ชายคนโต แต่อย่างไรก็ตาม คำว่าเจษฎานี้ ได้กลายเป็นภาษาไทยไปแล้ว ดังนั้น ถ้าจะแปลตามที่ อาจารย์เทาชมพูว่าไว้ก็ได้เช่นเดียวกันครับ คำนี้ เป็นคำที่แปลกอยู่คำหนึ่ง เข้าใจว่า คำไทยคงเขียนขึ้นมาเสียงที่ได้ยินจากปากของพราหมณ์ที่ใช้ภาษาสันสกฤต เสียง "ชฺย" ของสันสกฤต ไ้ด้เพี้ยนเป็น "จ" (ในภาษาทมิฬก็เช่นกัน จาก jy เป็น c) ส่วน "ฐ" ของสันสกฤต ก็กลายเป็น "ฎ" (เลื่อนจาก "ฏ" อีกที) กระทู้: ๒๑๕ ปี มหาเจษฎาราชเจ้ารำลึก เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 01 เม.ย. 08, 08:19 เพิ่มเติมอีกนิดครับ
ดังนั้น คำว่า "เจษฎา" (ที่เพี้ยนมาจาก "เชฺยษฐ") ในภาษาไทยอาจไม่ได้รับมาจากพราหมณ์อินเดียเหนือ แต่อาจรับมาจากพราหมณ์อินเดียใต้ ที่ใช้ภาษาทมิฬเป็นหลัก เพราะผมดูรูปศัพท์ของทมิฬแล้ว มีเค้าของคำว่า "เจษฎา" ชัดเจนมาก คือ "เชฺยษฺฏน" คือ แค่เปลี่ยน "ชฺย" เป็น "จ" และตัด "-นฺ" ที่เป็นวิภัติของภาษาทมิฬออก เชฺยษฺฏนฺ => เจษฺฏ => เจษฎ ถ้าเป็นไปตามนี้ แสดงว่า ราชสำนักไทยสมัยก่อนน่าจะ "นำเข้า" พราหมณ์จากทมิฬนาฑู มากกว่าพราหมณ์จากแถบอื่นๆ ของประเทศอินเดีย จำได้เลาๆ ว่า ในวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี ก็ได้บรรยายถึงพราหมณ์เดินทางกลับไปยังเมืองต่างๆ และ บทโคลง ๓๒ ชนชาติ ในส่วนที่พูดถึงแขกอินเดีย ก็พูดถึงพราหมณ์จากเมืองต่างๆ ด้วยเช่นกัน |