ตามประวัติ กล่าวว่าต้นฉบับดั้งเดิมตกอยู่ในหอวชิรญาณ มี 2 ฉบับด้วยกัน คือฉบับสมุดไทยดำเส้นรง ซึ่งเป็นสมบัติเดิมของหอพระสมุด 1 ฉบับ และฉบับสมุดไทยดำเส้นดินสอฝุ่น ซึ่งหอพระสมุดซื้อมาเมื่อพ.ศ. 2450 อีก 1 ฉบับ เนื้อความในฉบับเส้นรงบางตอนไม่ปรากฏในฉบับดินสอฝุ่น
หลักฐานตรงนี้ แสดงว่าฉบับสมุดไทยดำเส้นดินสอฝุ่นที่หอพระสมุดซื้อมาเป็นฉบับครบถ้วนสมบูรณ์ ไปตกอยู่กับเอกชนภายนอกวัง หอพระสมุดจึงซื้อมาได้ ส่วนฉบับเส้นรงน่าจะตกค้างอยู่ในวังหน้ามาตั้งแต่พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตรสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4 ข้าวของที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ เช่นหนังสือส่วนพระองค์คงถูกเก็บรักษาไว้ไม่มีใครแตะต้อง จึงเหลือรอดมาจนถูกรวมเข้ากับสมุดไทยอื่นๆ ไปเก็บรักษาอยู่ที่หอพระสมุด
ดิฉันเห็นด้วยกับท่านนวรัตนว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่สู่ผู้คนในวงกว้าง แม้แต่วงกว้างในวังหน้าด้วยกันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะบางตอนในเรื่องเป็นเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัว น่าเสียดายที่ดิฉันไม่ทราบว่า
"เนื้อความในฉบับเส้นรงบางตอนไม่ปรากฏในฉบับดินสอฝุ่น" น่ะหมายถึงตอนไหน
ถ้าเป็นตอนท่านรำพันอำลาอาลัยแฟน ก็พอจะเข้าใจว่า ฉบับเส้นดินสอฝุ่นที่ตกไปอยู่นอกวังอย่างครบถ้วนนั้นน่าจะทรงมอบให้นางในคนโปรดของท่าน ทำนอง "สารนี้นุชแนบไว้ ในหมอน" กระมัง เธอก็เก็บรักษาไว้อย่างดีไม่มีตกหล่น จนถึงแก่กรรม ลูกหลานซึ่งอ่านไม่เข้าใจคุณค่าของสมุดไทยที่ว่าก็เลยนำออกขาย ทำให้ย้อนคืนกลับมาเป็นของหลวงอีก
นิพพานวังน่าอาจจะเป็นแบบไดอารี่ของฝรั่ง คือผู้เขียนเขียนให้ตนเองอ่าน อยากจะบันทึกความรู้สึกนึกคิดอะไรก็เขียนไป ไม่ได้ระมัดระวังว่าวันหนึ่งสิ่งที่เขียนไว้จะถูกเผยออกมาให้ขายหน้าตนเอง
ถูกเป๋งเลย
ที่จริงสมาชิกเจ้าประจำเรือนไทยก็เขียนอะไรกันเก่งๆทั้งนั้น ถ้าจะเขียนไดอารี่เมื่อไหร่ อย่าลืมเตือนตัวเองว่าถ้าเขียนแล้วบอกใครไม่ได้ อย่าเขียนซะดีกว่า