พิธีการ
รู้จักกับ “อึ่มหลาง”
ชาวบาบ๋าภูเก็ตมีพิธีการแต่งงานที่ซับซ้อนมาก ในสมัยอดีตเนื่องจากหญิงสาววัยรุ่นจะถูกห้ามออกจากบ้าน การจะได้รู้จักโดยฝ่ายชายจะเป็นไปได้ยากมาก จึงต้องผ่านคนกลางที่เป็นผู้อาวุโสหญิงของชุมชน ที่เรียกว่า “อึ่มหลาง”หรือแม่สื่อ ความประสงค์ในการจับคู่มักเกิดจากพ่อแม่ หรือเป็นการคลุมถุงชน แต่หากชอบลูกสาวบ้านไหนก็มักไหว้วานอึ่มหลางเป็นคนไป “โป่” หรือ พูดให้เกิดความนิยมชมชอบซึ่งกันและกัน ค่าจ้างอึ่มหลางให้เกียรติด้วย ขาหมูอย่างดี อั่งเปาและเทียนแดงหนึ่งคู่
การแลกแหวน
การแลกแหวน เป็นการรับประกันอย่างหนึ่งว่าจะเกิดพิธีการแต่งงานขึ้นอย่างแน่นอน แต่ทั้งว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวไม่ได้มาทำพิธีสวมแหวนหมั้นด้วยตนเองดังเช่นในปัจจุบัน อึ่มหลางและญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะเตรียมแหวนที่จะผูกด้วยด้ายแดงที่วงแหวน (แหวนจะคืนกลับให้ และหากคู่ไหนอยู่กันจนอายุยืนยาวก็จะมีคู่อื่นขอไปแลกเป็นสิริมงคลได้หลายๆคู่ ด้ายแดงผูกหลายเส้นจนแน่นมาก) แล้วห่อด้วยกระดาษแดงนำไปบ้านเจ้าสาวพร้อมด้วยขนมมงคล เช่น ถ่อต้าวถึง หยุ่นถึง อั้งโจ้ว ผ่างเปี้ย น้ำตาลกรวด จันอับ มีกระดาษแดงตัดเป็นรูปดอกไม้สวยงามรองก้นภาชนะที่ใส่ขนม ซึ่งทำจากไม้ไผ่ มีลักษณะกึ่งปิ่นโตกึ่งตะกร้า ทาสีแดงดำ เรียกว่า “เสี่ยหนา”
ชมห้องเจ้าสาว
ในระยะก่อนถึงวันแต่งงาน เจ้าสาวจะต้องเตรียมที่นอน หมอน มุ้ง ดอกไม้ประดับห้องและเครื่องเรือน เครื่องใช้ต่างๆ ไว้ในห้องเจ้าสาว ห้องเจ้าสาวจะเป็นห้องที่สวยที่สุดของบ้าน ทุกคนในงานเมื่อตามขบวนมารับเจ้าสาวจะต้องมาดูห้องเจ้าสาว และต้องเปิดให้ญาติมิตรสามารถมาชมได้ล่วงหน้าอย่างน้อย ๓ วันก่อนการแต่งงาน
ตามประเพณีบาบ๋า หลังแต่งงาน ฝ่ายชายมีทั้งที่นำตัวเจ้าสาวแยกเรือนไปอยู่กับตน หรือจะอยู่กันที่บ้านฝ่ายหญิงด้วยพ่อตาต้องการให้ลูกเขยมารับช่วงกิจการใหญ่หรือในกรณีที่ตนไม่มีลูกชาย ซึ่งจะมี “พิธีหกวัน”ซึ่งให้เจ้าสาวไปอยู่ที่บ้านเจ้าบ่าวก่อนเป็นเวลา ๖ วันแล้วกลับมาอยู่บ้านเจ้าสาว จะมีการตั้งโต๊ะไหว้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยขนมและผลไม้
ประเพณีเริ่มที่บ้านเจ้าบ่าวตามฤกษ์ยาม เมื่อขบวนเจ้าบ่าวพร้อมญาติมิตรเริ่มเคลื่อนขบวนต้องมีการจุดประทัด เจ้าบ่าวมักนั่งรถหรูที่หาได้ในสมัยนั้น “รถปาเก้” หมายถึงรถเก๋งมักเป็นพาหนะยอดนิยมในทุกยุคสมัย นำด้วยรถไม้แบบภูเก็ตที่เรียกว่า “โพถ้อง”ซึ่งบรรทุกนักดนตรีที่เรียกว่า “ตีต่อตีเฉ้ง” เมื่อถึงบ้านเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะลงเดิน พร้อมขบวนขันหมากและเสี่ยหนา ตามด้วยประทัดต้อนรับ เจ้าบ่าวต้องเดินผ่านเด็กชายหญิงต้อนรับหน้าประตูที่จะมอบบุหรี่ใส่พานให้ เจ้าบ่าวจะมอบอั่งเปาตอบ จากนั้นเข้าบ้านไปมอบขันหมากและเสี่ยหนาแก่ญาติฝ่ายหญิง แล้วอึ่มหลางจะจูงมือเจ้าบ่าวไปรับตัวเจ้าสาวในห้องเจ้าสาว
พิธีไหว้เทวดา
อึ่มหลางจะนำคู่บ่าวสาวมาไหว้เทวดาที่หน้าบ้าน บางบ้านมีการตั้งโต๊ะไหว้ บางบ้านไม่จัดโต๊ะก็จะใช้พื้นที่ลานหน้าบ้าน จะมีการจุดธูปใหญ่สามดอกให้ทั้งคู่ ไหว้ ๑๒ ครั้ง(เรียกว่า “จับหยี่ป๋าย”) พร้อมแตรจีนเป่าบรรเลง เพื่อแสดงความกตัญญูต่อองค์เง็กเซียนฮ่องเต้และเทวดาทั้งมวลที่คุ้มครองดูแลตนจนเติบใหญ่มีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานได้
พิธีผ่างเต๋
เป็นการไหว้คารวะผู้ใหญ่ด้วยน้ำชามงคล ตระเตรียมเก้าอี้อย่างดีเป็นคู่ ตรงจุดสำคัญในบ้าน ผู้ใหญ่ชายนั่งทางซ้าย ผู้ใหญ่ที่เป็นสตรีนั่งทางขวา มีการประกาศเชิญผู้อาวุโสสูงสุดตามลำดับ ผู้ใหญ่จะรับน้ำชาจากคู่บ่าวสาว จิบน้ำชาแล้วมอบอั่งเปาที่อาจประกอบด้วยเงิน เพชร ทอง โฉนดที่ดิน ให้แก่ทั้งคู่ พิธีนี้จะมีการหยอกเย้ากันในบางครอบครัว คือเอาตัวผู้ใหญ่ไปซ่อน เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องไปตามหาจนเจอ จึงจะทำพิธีต่อไปได้ อย่างไรก้ตามพิธีผ่างเต๋จะทำให้ลูกหลานและญาติมิตรได้รู้จักกัน และเรียงลำดับญาติมิตรของตนในสังคมได้ถูกต้อง เป็นพิธีสำคัญมากในการดำรงสังคมของชาวบาบ๋าที่นับวันจะจากกันไปอยู่หรือทำงานไกลบ้านเกิดมากขึ้น
พิธีไหว้พระที่ศาลเจ้า
เป็นธรรมเนียมของคนบาบ๋าภูเก็ตที่มักเดินทางไปไหว้ขอพรต่อองค์พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามศาลเจ้า(อ๊าม)ใกล้บ้าน หรือที่มีชื่อเสียง เช่น เจ้าแม่กวนอิม อ๊ามปุดจ้อ (มีความเชื่อว่าจะทำให้มีบุตรหลานได้ง่าย) เป็นต้น หรือ บางครอบครัวจะเดินทางไปกราบไหว้หลวงพ่อแช่ม ซึ่งเป็นพระคู่บ้านเมืองภูเก็ต ณ วัดฉลอง(ไชยธาราราม)
การแต่งกาย
แฟชั่นการแต่งกายของชาวบาบ๋าประยุกต์จากชุดแต่งกายของชาวเมเลย์และจีนจนเป็นหนึ่งเดียว ถ่ายทอดจากมะละกา ปีนัง มาถึงภูเก็ตตามเส้นทางค้าขายทางทะเล ชุดเจ้าบ่าวแต่อดีตเป็นสากลนิยม(เพราะทำงานหรือค้าขายกับฝรั่ง) สวมสูทขาวกางเกงขาว ผูกเนคไทหรือหูกระต่ายสีแดง (มักเหน็บผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมผืนสวยที่แม่ให้) ชุดแต่งงานเจ้าสาวเป็นชุดที่หรูอลังการและสวยงามมาก ตามประเพณีดั้งเดิมจะใส่ชุดครุย(Baju Panjang) ที่ประกอบด้วย เสื้อตัวในสั้น คอตั้ง แขนยาว ติดกระดุมทอง(กิมตุ้น) คลุมด้วยเสื้อครุยยาวที่เดิมทำจากผ้าฝ้ายหรือมัสลิน ต่อมาใช้ผ้าป่านบาง ปักเป็นลวดลายดอกไม้เล็กๆ ยาวประมาณน่อง และนุ่งโสร่งปาเต๊ะ
เครื่องประดับชุดเจ้าสาวจะสวยงามมาก ประกอบด้วย
-กอสัง(Kerongsang) หรือชุดเข็มกลัดแทนกระดุมที่มักทำจากทองคำฝังเพชร ชิ้นโตมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจและมักมีชิ้นลูกอีก ๒ ชิ้นเป็นรูปทรงกลม ตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้ เรียกว่า ชุดแม่ลูก ปัจจุบันของโบราณจะยิ่งมีราคาแพงมาก
-ปิ่นตั้ง เป็นเข็มกลัดทำจากทองคำประดับด้วยเพชรซีกหรือเพชรลูก ลักษณะเป็นดอกไม้บานเต็มที่มีทั้งขนาดเล็กหรือใหญ่
-กำไล
สวมเป็นวงเดียวหรือหลายวงที่เรียก กำไลมโนราในภาษาท้องถิ่นเรียก “หมั้ยโนรา” เหมือนที่ผู้รำมโนราสวมขณะแสดง นอกจากนี้การเรียกชื่อกำไลของชาวภูเก็ตยังเกี่ยวข้องกับพืชพรรณธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น กำไลหนามเรียน(ทุเรียน) กำไลข้ออ้อย กำไลลายดอกโป๊ยเซียน เป็นต้น
ที่มา
http://www.phuketemagazine.com/blog/2012/08/ba-ba-wedding/