กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: BlueMT ที่ 18 ก.ค. 06, 18:55
ฆาตกรรายนี้มิได้อยู่ไกลจากเราเลยครับ เขาอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ
และเป็นนักโทษรายสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทยนับจากปี2475เป็นต้นมาที่ตายไปโดยไม่มีศีรษะอยู่บนบ่า
"บุญเพ็ง" หากเรียกเฉยๆ คงอาจไม่มีใครทราบได้นะครับ ว่า เขาคือใคร............................
หลายคนอาจคิดว่า เขาเป็น หมอดูที่หน้าหยก กิริยานอบน้อม และมีความเฉลียวฉลาด
แต่....................................
หากเรียกว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" หลายคนคงจะทราบดีนะครับ
ฆาตกร ฆ่าหั่นศพหญิงสาวในย่านบางลำภู ช่วง พุทธศักราช 2461
"บุญเพ็ง" พระนอกรีตที่ถูกจับสึกเพราะทำผิดวินัยสงฆ์ต่อมาตั้งตนเป็นอาจารย์ มีคาถาอาคมทำเสน่ห์เมตตามหานิยมให้ผู้ที่เชื่อในเรื่องของคุณไสย และลงมือสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนแล้วคนเล่าเพียงเพื่อต้องการทรัพย์สมบัติมาเป็นของตน โดยอำพรางคดีด้วยการหั่นศพใส่หีบเหล็ก และในที่สุดวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นก็แสดงอาถรรพ์ให้ทกคนได้เห็น จนในที่สุด "บุญเพ็ง" ก็ถูกจับและศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการกุดหัวเป็นคนสุดท้าย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 242 ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย
ในขณะที่ต่างประเทศได้ให้ความสนใจถึงขนาดตั้งฉายาของ"บุญเพ็ง หีบเหล็ก"ว่า
"THE MURDERESS IRON BOX "หรือฆาตกร ผู้อำพลางด้วยหีบเหล็ก
ย้อนรอยชีวิตฆาตกร
หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ช่วงนั้นได้มีการประหารนักโทษสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นว่า "บุญเพ็ง" ซึ่งก่อคดีฆ่าคน ตายหลายชีวิต และศพที่ "บุญเพ็ง" ฆ่านั้นก็ได้นำมาใส่หีบเหล็ก แล้วโยนทิ้งน้ำทุกครั้ง จนชาวบ้านขนานนามว่า
ซึ่งนับว่า "บุญเพ็ง" เป็นนักโทษประหารคนสุดท้าย ของกรุงรัตนโกสินทร์ บุญเพ็งเดิมเป็นชายหนุ่มรูปงามนักเป็นที่เลื่องลือ และกล่าวขาน เขากำพร้าพ่อแม่แต่เล็ก อยู่กับตายาย ชื่อตาสุก และยายเพียร ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูอย่างทนุถนอมมา
แต่ หนุ่มบุญเพ็ง ไม่เอาไหน งานการไม่อยากทำ โดยปล่อยให้ตายาย ไปทำนาตามประสา ส่วนตัวเองกลับสนใจวิชาทางด้านไสยศาตร์เวทมนต์และ ได้ไปขอเรียนวิชาอาคม กับ ตาไปล่ สัปเหร่อวัดไผ่เคาะ ผู้มีวิชาดี ทาง กำจัดภูติผี ปีศาจ และทำเสน่ห์ยาแฝด และหมอดู บุญเพ็งเรียนจบครบหลักสูตรวิชาไสยศาตร์ประเภทมนต์ดำฝังรูปฝังรอย พร้อมวิชาหมอดู
นอกจากเขาจะมีรูปร่างอ้อนแอ้น เขายังมีกิริยานอบน้อม เจรจาพาทีไพเราะ จนสาว ๆ ทั้งหลายทอดสายตาให้ วิชาที่บุญเพ็งเรียนมา เป็นวิชาที่ไม่ให้คุณใคร และตาสุก ยายเพียรตระหนักดี แกคอยห้ามปราม ต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากบุญเพ็งเท่าที่ควร
ต่อมาเขาได้เติบโตเป็นหนุ่ม ถูกตายายดุด่า ห้ามปรามไม่ให้เล่นวิชาไสยศาสตร์ เขาจึงทนไม่ไหว และมุ่งหน้าเข้าสู่บางลำภู ที่บางกอก (กรุงเทพฯ) มาตั้งสำนักหมอผี อยู่ในสวน ใกล้คลองบางลำภู เปิดสำนักดูหมอสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาชีวิต รับทำเมตตามหานิยม เสน่ห์ยาแฝด และไสยศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นมีคนมาหาแวะเวียนมากมาย
บุญเพ็งมีคนรักชอบพอมากมายเนื่องจากเป็นคนรูปร่างดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กับอีกด้าน ก็มีคนไม่ชอบอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ศัตรูก็ไม่น้อย ที่สำนักของเขามีหีบเหล็กโบราณ อยู่ถึง 7 ใบ ช่วงนั้นผู้หญิงได้ไปติดพัน ไปหาตอนกลางคืน และนั่งคุยจนดึกดื่น ก็ต่างตกเป็นทาสสวาทของเขาทั้งสิ้น นานวันเข้าผู้หญิงคนนั้นก็หายไปอย่างลึกลับ ไร้ร่องรอย พร้อมกับหีบเหล็กที่หายไปทีละ 1 ใบ พฤติกรรมของเขา ที่เล่นบทรักกับผู้หญิงอย่างซาดิสม์ ทารุณ จนขาดใจตาย แล้วเขาจะใช้มีดสับศพเป็นท่อน ๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำไปทิ้งลงคลองย่านบางลำภูเพื่อทำลายหลักฐานซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่สุดเหี้ยมโหดในสมัยนั้น
ก็มีผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่ต้อง มาสังเวยชีวิตให้กับบุญเพ็ง คนสุดท้ายเป็นคุณนาย ที่สามีทอดทิ้ง รูปร่างดี แต่งกายทองเต็มตัว บุญเพ็งก็เสพสมแล้ว กลายเป็นขาประจำ จนกระทั่งวันหนึ่ง หญิงคนนั้นก็เกิดตั้งท้อง ยื่นคำขาดให้บุญเพ็งรับผิดชอบเป็นเมียอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งบุญเพ็งจะบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา
ดังนั้นเขาจึงต้อง ฆ่าหญิงคนนั้นเสีย แล้วนำศพหั่นเป็นท่อน ๆ ยัดลงหีบนำไปทิ้งลงคลองอีกเช่นเคย "และเป็นหีบใบสุดท้ายที่มี" ซึ่งหลังจากนั้นเริ่มระแคะระคาย บุญเพ็งจึงลี้ภัยที่รู้ว่าจะมาหาตัว หนีไปบวชเป็นพระที่วัดแถวอยุธยา หลังจากนั้นซึ่งไม่รู้ว่าเป็น กรรมเวรอะไร ทำให้บุญเพ็งต้องสึกออกมาเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงที่หมายปอง และคืนนั้นเองที่ ยังไม่ทันจะได้ถึงสวรรค์ ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาล้อมจับไว้อย่างละม่อมในข้อหา ฆ่าคนตายอย่างเหี้ยมโหด เรื่องราวทั้งหมดสืบเนื่องมาจากได้มีชาวบ้านไปทอดแห แล้วเจอหีบทั้ง 7 ใบ ในนั้นมีซากศพเป็นท่อน ๆ อยู่ในหีบทุกใบ จึงต้องโทษ และถูกตัดสิน โดยการประหารชีวิต เป็นการลงโทษที่หนักที่สุด ซึ่งในช่วงประหารชีวิตนั้นได้มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคน แม้กระทั่งเจ้าสาวซึ่งยังไม่ทัน จะส่งตัวเข้าห้องหอ ก็ไม่มา
แต่..................
มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยครับ เนื่องจากระหว่างที่นายบาปเพ็ง เอ้ย.............บุญเพ็งจะถูกประหารเนี่ย
ในช่วงประหารชีวิตนั้นเอง เพชรฆาต รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะ ขาดเลือดพุ่งกระฉูด กลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลย จนเพชรฆาตรพูดว่า "มึงมีอะไรดี ให้เอาออกเสียเถอะ" หลังจากนั้นเพชรฆาต ก็เอาพระเขวี้ยงทิ้งไปในกอไผ่
คราวนี้รำดาบใหม่ ดาบหน้ารำจนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นดาบหลังฟันดัง
ฉับ !
คราวนี้ คอขาด หัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวีดว้ายระงม
เพราะ................ว่าๆกันว่า ขณะที่ศีรษะถูกคมดาบของเพชรฆาตฟันฉับนั้น ในช่วงวินาทีสั้นๆ ชาวบ้านหลายคนได้เห็นมุมปากของบุญเพ็ง ขมุบขมิบเหมือนท่องคาถาอะไรสักอย่าง
ซึ่งว่ากันว่า อาจจะเป็นไพ่ตาย คุณไสย์ครั้งสุดท้ายของเขาเผื่อจะป้องกันชีวิตของเขาได้ครับ
แต่ผมว่าของดีของบุญเพ็งน่าจะเสื่อมไปนานแล้วละครับ เพราะผู้หญิงกับคุณไสย ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ของดีเช่นคาถา อาคมของเขาจึงเสื่อมด้วยประการฉะนี้
ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถ์วัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลลุงบุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคลาง และเข้าใจว่าวิญญาณของเขายังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จนถึงทุกวันนี้เพื่อไถ่บาปอีกนับร้อนนับพันปี
นับว่าเขาคือ นักโทษคนสุดท้ายที่ได้รับโทษประหารชีวิตด้วยการบั่นศีรษะ
และบุญเพ็ง คือ ฆาตกรฆ่าหั่นศพคนแรกของเมืองสยาม
สิ่งที่ทำให้บุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้กระทำความผิดนั้น มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ *กิเลส* ในจิตใจของเขานั่นเอง
มนต์ดำ คือของนอกรีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นสิ่งที่คอยผูกมัดมนุษย์ด้วยความกลัว ความโลภ ความหลง
และสิ่งที่เขาได้รับเป็นผลตอบแทนจากกรรมของเขา จะเป็นบทเรียนที่สำคัญให้แก่นักเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำนอกรีต
ดังนั้น ประวัติของบุญเพ็ง หีบเหล็ก จึงจบลงด้วยประการนี้ครับ........................................
และเป็นนักโทษรายสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทยนับจากปี2475เป็นต้นมาที่ตายไปโดยไม่มีศีรษะอยู่บนบ่า
"บุญเพ็ง" หากเรียกเฉยๆ คงอาจไม่มีใครทราบได้นะครับ ว่า เขาคือใคร............................
หลายคนอาจคิดว่า เขาเป็น หมอดูที่หน้าหยก กิริยานอบน้อม และมีความเฉลียวฉลาด
แต่....................................
หากเรียกว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" หลายคนคงจะทราบดีนะครับ
ฆาตกร ฆ่าหั่นศพหญิงสาวในย่านบางลำภู ช่วง พุทธศักราช 2461
"บุญเพ็ง" พระนอกรีตที่ถูกจับสึกเพราะทำผิดวินัยสงฆ์ต่อมาตั้งตนเป็นอาจารย์ มีคาถาอาคมทำเสน่ห์เมตตามหานิยมให้ผู้ที่เชื่อในเรื่องของคุณไสย และลงมือสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนแล้วคนเล่าเพียงเพื่อต้องการทรัพย์สมบัติมาเป็นของตน โดยอำพรางคดีด้วยการหั่นศพใส่หีบเหล็ก และในที่สุดวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นก็แสดงอาถรรพ์ให้ทกคนได้เห็น จนในที่สุด "บุญเพ็ง" ก็ถูกจับและศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการกุดหัวเป็นคนสุดท้าย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 242 ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย
ในขณะที่ต่างประเทศได้ให้ความสนใจถึงขนาดตั้งฉายาของ"บุญเพ็ง หีบเหล็ก"ว่า
"THE MURDERESS IRON BOX "หรือฆาตกร ผู้อำพลางด้วยหีบเหล็ก
ย้อนรอยชีวิตฆาตกร
หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ช่วงนั้นได้มีการประหารนักโทษสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นว่า "บุญเพ็ง" ซึ่งก่อคดีฆ่าคน ตายหลายชีวิต และศพที่ "บุญเพ็ง" ฆ่านั้นก็ได้นำมาใส่หีบเหล็ก แล้วโยนทิ้งน้ำทุกครั้ง จนชาวบ้านขนานนามว่า
ซึ่งนับว่า "บุญเพ็ง" เป็นนักโทษประหารคนสุดท้าย ของกรุงรัตนโกสินทร์ บุญเพ็งเดิมเป็นชายหนุ่มรูปงามนักเป็นที่เลื่องลือ และกล่าวขาน เขากำพร้าพ่อแม่แต่เล็ก อยู่กับตายาย ชื่อตาสุก และยายเพียร ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูอย่างทนุถนอมมา
แต่ หนุ่มบุญเพ็ง ไม่เอาไหน งานการไม่อยากทำ โดยปล่อยให้ตายาย ไปทำนาตามประสา ส่วนตัวเองกลับสนใจวิชาทางด้านไสยศาตร์เวทมนต์และ ได้ไปขอเรียนวิชาอาคม กับ ตาไปล่ สัปเหร่อวัดไผ่เคาะ ผู้มีวิชาดี ทาง กำจัดภูติผี ปีศาจ และทำเสน่ห์ยาแฝด และหมอดู บุญเพ็งเรียนจบครบหลักสูตรวิชาไสยศาตร์ประเภทมนต์ดำฝังรูปฝังรอย พร้อมวิชาหมอดู
นอกจากเขาจะมีรูปร่างอ้อนแอ้น เขายังมีกิริยานอบน้อม เจรจาพาทีไพเราะ จนสาว ๆ ทั้งหลายทอดสายตาให้ วิชาที่บุญเพ็งเรียนมา เป็นวิชาที่ไม่ให้คุณใคร และตาสุก ยายเพียรตระหนักดี แกคอยห้ามปราม ต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากบุญเพ็งเท่าที่ควร
ต่อมาเขาได้เติบโตเป็นหนุ่ม ถูกตายายดุด่า ห้ามปรามไม่ให้เล่นวิชาไสยศาสตร์ เขาจึงทนไม่ไหว และมุ่งหน้าเข้าสู่บางลำภู ที่บางกอก (กรุงเทพฯ) มาตั้งสำนักหมอผี อยู่ในสวน ใกล้คลองบางลำภู เปิดสำนักดูหมอสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาชีวิต รับทำเมตตามหานิยม เสน่ห์ยาแฝด และไสยศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นมีคนมาหาแวะเวียนมากมาย
บุญเพ็งมีคนรักชอบพอมากมายเนื่องจากเป็นคนรูปร่างดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กับอีกด้าน ก็มีคนไม่ชอบอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ศัตรูก็ไม่น้อย ที่สำนักของเขามีหีบเหล็กโบราณ อยู่ถึง 7 ใบ ช่วงนั้นผู้หญิงได้ไปติดพัน ไปหาตอนกลางคืน และนั่งคุยจนดึกดื่น ก็ต่างตกเป็นทาสสวาทของเขาทั้งสิ้น นานวันเข้าผู้หญิงคนนั้นก็หายไปอย่างลึกลับ ไร้ร่องรอย พร้อมกับหีบเหล็กที่หายไปทีละ 1 ใบ พฤติกรรมของเขา ที่เล่นบทรักกับผู้หญิงอย่างซาดิสม์ ทารุณ จนขาดใจตาย แล้วเขาจะใช้มีดสับศพเป็นท่อน ๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำไปทิ้งลงคลองย่านบางลำภูเพื่อทำลายหลักฐานซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่สุดเหี้ยมโหดในสมัยนั้น
ก็มีผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่ต้อง มาสังเวยชีวิตให้กับบุญเพ็ง คนสุดท้ายเป็นคุณนาย ที่สามีทอดทิ้ง รูปร่างดี แต่งกายทองเต็มตัว บุญเพ็งก็เสพสมแล้ว กลายเป็นขาประจำ จนกระทั่งวันหนึ่ง หญิงคนนั้นก็เกิดตั้งท้อง ยื่นคำขาดให้บุญเพ็งรับผิดชอบเป็นเมียอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งบุญเพ็งจะบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา
ดังนั้นเขาจึงต้อง ฆ่าหญิงคนนั้นเสีย แล้วนำศพหั่นเป็นท่อน ๆ ยัดลงหีบนำไปทิ้งลงคลองอีกเช่นเคย "และเป็นหีบใบสุดท้ายที่มี" ซึ่งหลังจากนั้นเริ่มระแคะระคาย บุญเพ็งจึงลี้ภัยที่รู้ว่าจะมาหาตัว หนีไปบวชเป็นพระที่วัดแถวอยุธยา หลังจากนั้นซึ่งไม่รู้ว่าเป็น กรรมเวรอะไร ทำให้บุญเพ็งต้องสึกออกมาเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงที่หมายปอง และคืนนั้นเองที่ ยังไม่ทันจะได้ถึงสวรรค์ ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาล้อมจับไว้อย่างละม่อมในข้อหา ฆ่าคนตายอย่างเหี้ยมโหด เรื่องราวทั้งหมดสืบเนื่องมาจากได้มีชาวบ้านไปทอดแห แล้วเจอหีบทั้ง 7 ใบ ในนั้นมีซากศพเป็นท่อน ๆ อยู่ในหีบทุกใบ จึงต้องโทษ และถูกตัดสิน โดยการประหารชีวิต เป็นการลงโทษที่หนักที่สุด ซึ่งในช่วงประหารชีวิตนั้นได้มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคน แม้กระทั่งเจ้าสาวซึ่งยังไม่ทัน จะส่งตัวเข้าห้องหอ ก็ไม่มา
แต่..................
มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยครับ เนื่องจากระหว่างที่นายบาปเพ็ง เอ้ย.............บุญเพ็งจะถูกประหารเนี่ย
ในช่วงประหารชีวิตนั้นเอง เพชรฆาต รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะ ขาดเลือดพุ่งกระฉูด กลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลย จนเพชรฆาตรพูดว่า "มึงมีอะไรดี ให้เอาออกเสียเถอะ" หลังจากนั้นเพชรฆาต ก็เอาพระเขวี้ยงทิ้งไปในกอไผ่
คราวนี้รำดาบใหม่ ดาบหน้ารำจนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นดาบหลังฟันดัง
ฉับ
!คราวนี้ คอขาด หัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวีดว้ายระงม
เพราะ................ว่าๆกันว่า ขณะที่ศีรษะถูกคมดาบของเพชรฆาตฟันฉับนั้น ในช่วงวินาทีสั้นๆ ชาวบ้านหลายคนได้เห็นมุมปากของบุญเพ็ง ขมุบขมิบเหมือนท่องคาถาอะไรสักอย่าง
ซึ่งว่ากันว่า อาจจะเป็นไพ่ตาย คุณไสย์ครั้งสุดท้ายของเขาเผื่อจะป้องกันชีวิตของเขาได้ครับ
แต่ผมว่าของดีของบุญเพ็งน่าจะเสื่อมไปนานแล้วละครับ เพราะผู้หญิงกับคุณไสย ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ของดีเช่นคาถา อาคมของเขาจึงเสื่อมด้วยประการฉะนี้
ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถ์วัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลลุงบุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคลาง และเข้าใจว่าวิญญาณของเขายังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จนถึงทุกวันนี้เพื่อไถ่บาปอีกนับร้อนนับพันปี
นับว่าเขาคือ นักโทษคนสุดท้ายที่ได้รับโทษประหารชีวิตด้วยการบั่นศีรษะ
และบุญเพ็ง คือ ฆาตกรฆ่าหั่นศพคนแรกของเมืองสยาม
สิ่งที่ทำให้บุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้กระทำความผิดนั้น มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ *กิเลส* ในจิตใจของเขานั่นเอง
มนต์ดำ คือของนอกรีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นสิ่งที่คอยผูกมัดมนุษย์ด้วยความกลัว ความโลภ ความหลง
และสิ่งที่เขาได้รับเป็นผลตอบแทนจากกรรมของเขา จะเป็นบทเรียนที่สำคัญให้แก่นักเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำนอกรีต
ดังนั้น ประวัติของบุญเพ็ง หีบเหล็ก จึงจบลงด้วยประการนี้ครับ........................................
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: กุรุกุลา ที่ 19 ก.ค. 06, 10:17
น่ากลัวจังเลยครับ แปลกนะครับที่ฆาตกรก็ยังมีศาลเอาไว้กราบไหว้บูชา
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุม ที่ 19 ก.ค. 06, 13:27
มันจะแปลกไปได้กะไร เล่าคุณ "กุรุกุลา" ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ ชาวไทยยังกราบไหว้ ราวกับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทีเดียว..
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 14:28
ชื่อใหม่ โพสต์ครั้งแรก
************************
คุณสุขุมพูดจาไม่น่าฟังเลยนะคะ
น่าเกลียดมาก เปรียบเทียบอย่างไม่รู้จักการควรมิควร เทียบถึงพระพุทธเจ้าเชียวหรือ
ชาวไทยคนไหนไม่ทราบ คุณกับดิฉันก็เป็นชาวไทย
ดิฉันไม่เคยทำ คิดว่าคนอื่นๆในเรือนไทยหรือเว็บวิชาการก็ไม่มีใครทำ
************************
คุณสุขุมพูดจาไม่น่าฟังเลยนะคะ
น่าเกลียดมาก เปรียบเทียบอย่างไม่รู้จักการควรมิควร เทียบถึงพระพุทธเจ้าเชียวหรือ
ชาวไทยคนไหนไม่ทราบ คุณกับดิฉันก็เป็นชาวไทย
ดิฉันไม่เคยทำ คิดว่าคนอื่นๆในเรือนไทยหรือเว็บวิชาการก็ไม่มีใครทำ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 14:29
คุณเจ้าของกระทู้ได้ที่มาของเรื่องนี้จากเว็บหรือหนังสือไหนคะ
ขอให้อ้างอิงที่มาด้วย ก็จะดีค่ะ
ขอให้อ้างอิงที่มาด้วย ก็จะดีค่ะ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 19 ก.ค. 06, 15:10
เคยอ่านเรื่องบุญเพ็งหีบเหล็กมาก็หลายหน ไม่เคยได้ยินอะไรพิลึกพิลั่นแบบนี้
ถามน้องกู๊กดู ได้ความว่าเรื่องที่คุณ BlueMT เล่ามีที่มาจากหนังไทยเกรดที่ไม่ได้เข้าฉายในโรงเหนังเรื่องหนึ่ง
ชื่อ THE MURDERESS IRON BOX นั้นดูขัดตาขัดใจยิ่งนัก แปลไม่เป็นภาษามนุษย์ ไม่มีทางที่ใครในต่างประเทศ(อย่างที่อวดอ้าง)จะตั้งชื่อแบบนี้ได้
ที่สำคัญ บุญเพ็ง จะเป็น murderess ไปได้อย่างไร ในเมื่อบุญเพ็งเป็นชาย
หาคนเขียนบทที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ?
มักง่ายแท้ๆเชียว
ถามน้องกู๊กดู ได้ความว่าเรื่องที่คุณ BlueMT เล่ามีที่มาจากหนังไทยเกรดที่ไม่ได้เข้าฉายในโรงเหนังเรื่องหนึ่ง
ชื่อ THE MURDERESS IRON BOX นั้นดูขัดตาขัดใจยิ่งนัก แปลไม่เป็นภาษามนุษย์ ไม่มีทางที่ใครในต่างประเทศ(อย่างที่อวดอ้าง)จะตั้งชื่อแบบนี้ได้
ที่สำคัญ บุญเพ็ง จะเป็น murderess ไปได้อย่างไร ในเมื่อบุญเพ็งเป็นชาย
หาคนเขียนบทที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ?
มักง่ายแท้ๆเชียว
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 15:31
ขอบคุณคุณอาชาผยองค่ะ ที่เข้ามาชี้แจง
มิน่า....
ทีเคยอ่านมา ก็ไม่ได้เติมพริกป่น และผงชูรสปลอม เยอะขนาดนี้
อ่านให้ดีๆ ข้อความจะขัดกันเอง ไม่รู้ว่าก่อนหรือหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองกันแน่
ทีแรกบอกว่าหลัง แต่ต่อมาถูกประหารไปตั้งแต่ปี 2474 ก็ก่อนน่ะซิคะ
หนังเรื่องนี้ แค่อ่านเรื่องย่อ ก็มีฉากติดเรทแบบซาดิสม์เอาการ
มิน่า....
ทีเคยอ่านมา ก็ไม่ได้เติมพริกป่น และผงชูรสปลอม เยอะขนาดนี้
อ่านให้ดีๆ ข้อความจะขัดกันเอง ไม่รู้ว่าก่อนหรือหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองกันแน่
ทีแรกบอกว่าหลัง แต่ต่อมาถูกประหารไปตั้งแต่ปี 2474 ก็ก่อนน่ะซิคะ
หนังเรื่องนี้ แค่อ่านเรื่องย่อ ก็มีฉากติดเรทแบบซาดิสม์เอาการ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 20 ก.ค. 06, 00:48
ผู้เสนอเรื่องชิ้นนี้ ทำผิดมารยาทมากนะครับ
ผมไปพบเรื่องนี้ ที่นี่
http://66.102.7.104/search?q=cache:rrz9KFYjdmoJ:my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php%3Fid%3D138659%26chapter%3D4+THE+MURDERESS+IRON+BOX&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=3
ลงวันที่อับเดทว่า
ตอนที่ 4 : "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" จอมไสยเวทย์ฆาตกรรม / โดย กำเหลง / อัพเดท 13 เม.ย. 49
-----------------
ขอเสนอให้ลบกระทู้ทิ้ง จะผิดกติกาใหมครับ หรือล็อคไว้เพื่อเป็นตัวอย่างที่ไม่พึงกระทำ
การลอกเขามาทั้งดุ้นก็ผิดมากแล้ว แล้วยังไม่บอกที่มาอีก
ผมไปพบเรื่องนี้ ที่นี่
http://66.102.7.104/search?q=cache:rrz9KFYjdmoJ:my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php%3Fid%3D138659%26chapter%3D4+THE+MURDERESS+IRON+BOX&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=3
ลงวันที่อับเดทว่า
ตอนที่ 4 : "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" จอมไสยเวทย์ฆาตกรรม / โดย กำเหลง / อัพเดท 13 เม.ย. 49
-----------------
ขอเสนอให้ลบกระทู้ทิ้ง จะผิดกติกาใหมครับ หรือล็อคไว้เพื่อเป็นตัวอย่างที่ไม่พึงกระทำ
การลอกเขามาทั้งดุ้นก็ผิดมากแล้ว แล้วยังไม่บอกที่มาอีก
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 20 ก.ค. 06, 01:57
ที่สำคัญคือ คุณ BlueMT ขออนุญาตผู้เขียนหรือยังครับ
ผู้แต่ง : กำเหลง email : c5289884@ego.co.th
Story at Dek-D.com : Copyright 1999-2006
คำเตือน : ข้อความในทุกบทความในคอลัมน์นี้ ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความแต่เพียงผู้เดียว
ห้ามมิให้ทำการลอกเลียน คัดลอก ทำซ้ำ หรือทำการเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
ผู้แต่ง : กำเหลง email : c5289884@ego.co.th
Story at Dek-D.com : Copyright 1999-2006
คำเตือน : ข้อความในทุกบทความในคอลัมน์นี้ ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความแต่เพียงผู้เดียว
ห้ามมิให้ทำการลอกเลียน คัดลอก ทำซ้ำ หรือทำการเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 06, 08:23
อยากลบค่ะ แต่มีคำถามขึ้นมาในใจ
หรือว่าคุณ BlueMT และคุณกำเหลง เป็นคนเดียวกัน !
หรือว่าคุณ BlueMT และคุณกำเหลง เป็นคนเดียวกัน !
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 20 ก.ค. 06, 10:56
ผมก็เป็นคนนึงนะ ที่เห็นแบบเดียวกับคุณสุขุม ที่เห็นคนไทยในปัจจุบัน ไปไหว้หมูหมาพิกลพิกร สุดธูปเทียนเครื่องบูชาเหมือนบูชาพระพุทธปฏิมา หรือ พระพุทธปฏิมาด้วย เพื่อขอหวย (ตอนแรกอยากเรียกว่าขอโชคลาภ แต่ว่าคิดๆแล้วมันก็คือขอหวย) แล้วก็สังเวชใจ พระพุทธศาสนา มีหลักที่จะสั่งสอนพุทธศาสนิกชนให้ไกลจากอบาย คือ ความเสื่อมทั้งหลาย แต่มาบัดนี้ พระสงฆ์บางรูป และ วัดบางวัดก็ทำตัวเป็นสำนักใบ้หวย อยากให้ทาง มหาเถรฯ มาจัดการให้เรียบร้อยกว่านี้ พระหมอดู พระหมอยา ผมยังรับได้ แต่พระใบ้หวยนี่ ผมถือว่าเป็นพวกมหาโจรปล้นพระศาสนา ตายไปก็มีแต่ไปอเวจีมหานรก
กลับมาที่ความงมงายของคนไทยสมัยนี้ ผมว่า มันรุนแรงขึ้นทุกวันๆ เมื่อปีก่อนๆ(จนถึงปัจจุบัน) เห็นมีไหว้เปตร ไหว้หมูหมากาไก่ เป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด ถ้าจำไม่ผิดผมเคยอ่ายนตำราพรหมชาติ เรื่องการสัตว์ตกลูกออกมาพิกลพิการแบบนี้ แต่โบราณเค้าถือเป็นเครื่องอุบาทย์ ต้องมีการทำพิธีปัดอุบาทย์กันเป็นการใหญ่( หาอ่านได้ในตำราพรหมชาติ เล่มหนาๆเลย) แต่ทำไมตอนนี้กลับเห็นดีเห็นงาม ชะรอยว่า บ้านเมืองจะเป็นทุรยุค ไพร่บ้านพลเมืองอับปัญญาไร้ดวงตาแห่งธรรม.....
..........เมืองไดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน.......
กลับมาที่ความงมงายของคนไทยสมัยนี้ ผมว่า มันรุนแรงขึ้นทุกวันๆ เมื่อปีก่อนๆ(จนถึงปัจจุบัน) เห็นมีไหว้เปตร ไหว้หมูหมากาไก่ เป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด ถ้าจำไม่ผิดผมเคยอ่ายนตำราพรหมชาติ เรื่องการสัตว์ตกลูกออกมาพิกลพิการแบบนี้ แต่โบราณเค้าถือเป็นเครื่องอุบาทย์ ต้องมีการทำพิธีปัดอุบาทย์กันเป็นการใหญ่( หาอ่านได้ในตำราพรหมชาติ เล่มหนาๆเลย) แต่ทำไมตอนนี้กลับเห็นดีเห็นงาม ชะรอยว่า บ้านเมืองจะเป็นทุรยุค ไพร่บ้านพลเมืองอับปัญญาไร้ดวงตาแห่งธรรม.....
..........เมืองไดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน.......
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 06, 11:14
การมาด่า คงไม่ได้แก้ไขให้อะไรดีขึ้นหรอกค่ะคุณลำดวน ก็อาจจะเป็นการระบายอารมณ์ได้ชั่วครั้งคราว
แต่ทุกอย่างในสังคมก็ยังเหมือนเดิม
มีข้อแนะนำถึงทางออก ที่นำไปปฏิบัติได้ มั่งไหมคะ
แต่ทุกอย่างในสังคมก็ยังเหมือนเดิม
มีข้อแนะนำถึงทางออก ที่นำไปปฏิบัติได้ มั่งไหมคะ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุม ที่ 21 ก.ค. 06, 15:06
ขอโทษที่โพสตรงกับความจริงไปนิดน่ะครับ แต่ก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปมิใช่หรือครับ คุณเทาชมพู
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุม ที่ 21 ก.ค. 06, 15:14
ชื่อใหม่คับ
แต่ก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นสมาชิคที่ดีของ "วิชาการ.คอม"ด้วยน่ะ ขอรับ
(แต่ชื่อนี้ สั้นไปอ่านแล้วแปลๆ กะไรอยู่ ว่าจะตั้งนามใหม่เป็น "สุขุมวงศ์"น่ะครับ )
แต่ก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นสมาชิคที่ดีของ "วิชาการ.คอม"ด้วยน่ะ ขอรับ
(แต่ชื่อนี้ สั้นไปอ่านแล้วแปลๆ กะไรอยู่ ว่าจะตั้งนามใหม่เป็น "สุขุมวงศ์"น่ะครับ )
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ค. 06, 17:18
ไม่ชอบที่คุณด่ากราดไปทั่วน่ะคะ คนที่กราบไหว้สัตว์พิการคงไม่ใช่ชาวไทยโดยทั่วไป
อาจเป็นคนจำนวนหนึ่ง ที่สื่อไปเสนอเป็นข่าว แต่คนในหมู่บ้านหรือในตำบลที่เขาไม่ได้ร่วมขบวนไปไหว้ คงมีมากกว่า
อาจเป็นคนจำนวนหนึ่ง ที่สื่อไปเสนอเป็นข่าว แต่คนในหมู่บ้านหรือในตำบลที่เขาไม่ได้ร่วมขบวนไปไหว้ คงมีมากกว่า
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุมวงศ์. ที่ 21 ก.ค. 06, 21:08
รับทราบขอรับ อ.เทาชมภู ที่เคารพยิ่ง
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุมวงศ์. ที่ 21 ก.ค. 06, 21:15
ขอแย้งด้วยความเคารพ ผมมิได้ด่ากราดผู้ไดเลยน่ะขอรับ ท่าน อ.เทาชมพู ผมเพียงแต่ชี้แนะผู้ที่ตอบกระทู้-คำถามก็เพียงเท่านั้น มิเห็นข้อความไดจะเป็นการด่ากราดผู้ไดหรือชนกลุ่มไหนเลยน่ะขอรับ หรือจะผิดพลาดประการไดโปรดชี้แนะครับ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 22 ก.ค. 06, 10:58
ขอแสดงความเห็นบ้างนะครับ
ประเด็นนี้น่าศึกษา
"ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ ชาวไทยยังกราบไหว้ ราวกับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทีเดียว.. "
คำนี้แรงในความรู้สึกครับ เพราะมีคำบ่งบอก ขนิดไม่มีทางบ่ายเบี่ยง คือคำว่า"ชาวไทย" ถ้าแก้เป็น
"ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ บางคนยังกราบไหว้ ราวกับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทีเดียว.. "
ก็จะไม่มีใครต้องสะเทือนใจ
เว้นแต่บางคนที่จิตใจละเอียดอ่อน อาจจะสงสัยว่า จำเป็นต้องอ้างถึงพระพุทธเจ้าเชียวหรือ แต่คุณสุขุมวงศ์ก็มีสิทธิ์ใช้ เพราะต้องการเปรียบเทียบ ไม่ต้องการจาบจ้วง
จะให้เหมาะ ผมเสนอให้ใช้ว่า
ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ บางคนยังกราบไหว้ ราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลย ทีเดียว..
ประเด็นนี้น่าศึกษา
"ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ ชาวไทยยังกราบไหว้ ราวกับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทีเดียว.. "
คำนี้แรงในความรู้สึกครับ เพราะมีคำบ่งบอก ขนิดไม่มีทางบ่ายเบี่ยง คือคำว่า"ชาวไทย" ถ้าแก้เป็น
"ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ บางคนยังกราบไหว้ ราวกับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทีเดียว.. "
ก็จะไม่มีใครต้องสะเทือนใจ
เว้นแต่บางคนที่จิตใจละเอียดอ่อน อาจจะสงสัยว่า จำเป็นต้องอ้างถึงพระพุทธเจ้าเชียวหรือ แต่คุณสุขุมวงศ์ก็มีสิทธิ์ใช้ เพราะต้องการเปรียบเทียบ ไม่ต้องการจาบจ้วง
จะให้เหมาะ ผมเสนอให้ใช้ว่า
ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ บางคนยังกราบไหว้ ราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลย ทีเดียว..
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 22 ก.ค. 06, 11:27
เห็นด้วยกับคุณ pipat ครับ
เชื่อว่าคุณสุขุมวงศ์เจตนาบริสุทธิ์ แต่ภาษาเป็นเรื่องของการสื่อสารกับคนรอบข้าง
น่าจะรับฟังบ้างนะครับ
เชื่อว่าคุณสุขุมวงศ์เจตนาบริสุทธิ์ แต่ภาษาเป็นเรื่องของการสื่อสารกับคนรอบข้าง
น่าจะรับฟังบ้างนะครับ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: BlueMT ที่ 22 ก.ค. 06, 19:31
บางครั้งการกระทำด้วย ความประมาท นั้นก็มักจะสร้างความเสียหายเป็นอัน มากดัง ในกรณี มีคำเตือนที่ว่า คำเตือน : ข้อความในทุกบทความในคอลัมน์นี้ ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความแต่เพียงผู้เดียว ห้ามมิให้ทำการลอกเลียน คัดลอก ทำซ้ำ หรือทำการเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต ต้องขอขอบคุณด้วยครับ
ซึ่งอย่างไรก็ตามต้องขออภัยไว้ด้วย หากไม่ได้ขออนุญาตคุณ กำเหลง ซึ่งการกระทำนี้เป็นเพียงแค่การเผยแพร่ให้เห็นถึงความโหดร้ายของสังคมไทยเท่านั้น มิได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้นครับ Blue MT.
ซึ่งอย่างไรก็ตามต้องขออภัยไว้ด้วย หากไม่ได้ขออนุญาตคุณ กำเหลง ซึ่งการกระทำนี้เป็นเพียงแค่การเผยแพร่ให้เห็นถึงความโหดร้ายของสังคมไทยเท่านั้น มิได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้นครับ Blue MT.
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: BlueMT ที่ 22 ก.ค. 06, 19:46
Blue MT.
ตอนนี้ ผมได้จัดการส่ง เมล์ ไปขออนุญาต คุณกำเหลง ในเนื้อความ เรื่อง ขออนุญาตคัดลอกบทความ เพื่อกระทำการเผยแพร่
เรียบร้อย ครับ
และสำหรับที่มา คัดลอกมาจาก http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=138659&chapter=4 ครับ
ตอนนี้ ผมได้จัดการส่ง เมล์ ไปขออนุญาต คุณกำเหลง ในเนื้อความ เรื่อง ขออนุญาตคัดลอกบทความ เพื่อกระทำการเผยแพร่
เรียบร้อย ครับ
และสำหรับที่มา คัดลอกมาจาก http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=138659&chapter=4 ครับ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุมวงศ์. ที่ 22 ก.ค. 06, 21:49
ขอบพระคุณ คุณ pipat มากครับ
เหตุเกิดเพราะผมไม่ชินกับลักษณะการใช้ภาษาของบอดร์"วิชาการดอทคอม"นั่นเอง
ถ้าเหตุเกิดเพราะการใช้ภาษาที่ผิด
"ผม ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ครับ"
เหตุเกิดเพราะผมไม่ชินกับลักษณะการใช้ภาษาของบอดร์"วิชาการดอทคอม"นั่นเอง
ถ้าเหตุเกิดเพราะการใช้ภาษาที่ผิด
"ผม ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ครับ"
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 23 ก.ค. 06, 00:02
คงไม่ใช่ภาษาของบอร์ดวิชาการดอทคอมหรอกครับ
ภาษาไทยทั่วๆไปนี่แหละ
ภาษาไทยทั่วๆไปนี่แหละ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 23 ก.ค. 06, 01:14
ยินดีช่วยเหลือครับ
แล้วก็ขอถอนคำร้องปิดกระทู้ด้วย เพราะคุณBlueMTได้แก้ไขข้อบกพร่องทันใจดีจริง
ผมขอถือโอกาสถามต่ออีกนิด ว่าเรื่องที่ยกมา มีคติน่าใส่ใจตรงใหนครับ
ผมอ่านจบแล้ว รู้สึกว่าแรงกระตุ้นมันมากกว่าแรงกำราบ
อ่านแล้วเจ้าโหดตนนี้ออกจะเป็นฮีโร่กลายๆเสียด้วยซ้ำ
ที่เขาเล่าไว้ในเวบอื่น อาจจะมีเจตนาส่งเสริมการขาย
พอมาเล่าในเวบวิชาการนี่ มันน่าจะชี้ประเด็นที่จับใจคนอ่านสักหน่อยนะครับ
เหมือนสมัยเด็ก อ่านเรื่องของคุณ ท. เลียงพิบูลย์ เป็นเรื่องแนวอิทธิฤทธิ์ มนตร์ดำ ไสยศาสตร์ขนาดหนัก แต่แกก็ผูกปมตอนจบเพื่อเป็นคำสอนที่ชัดเจนทุกครั้ง ถือเป็นบทเรียนสอนใจได้ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
ท่านอื่นๆ เห็นอย่างไรกันบ้างครับ
แล้วก็ขอถอนคำร้องปิดกระทู้ด้วย เพราะคุณBlueMTได้แก้ไขข้อบกพร่องทันใจดีจริง
ผมขอถือโอกาสถามต่ออีกนิด ว่าเรื่องที่ยกมา มีคติน่าใส่ใจตรงใหนครับ
ผมอ่านจบแล้ว รู้สึกว่าแรงกระตุ้นมันมากกว่าแรงกำราบ
อ่านแล้วเจ้าโหดตนนี้ออกจะเป็นฮีโร่กลายๆเสียด้วยซ้ำ
ที่เขาเล่าไว้ในเวบอื่น อาจจะมีเจตนาส่งเสริมการขาย
พอมาเล่าในเวบวิชาการนี่ มันน่าจะชี้ประเด็นที่จับใจคนอ่านสักหน่อยนะครับ
เหมือนสมัยเด็ก อ่านเรื่องของคุณ ท. เลียงพิบูลย์ เป็นเรื่องแนวอิทธิฤทธิ์ มนตร์ดำ ไสยศาสตร์ขนาดหนัก แต่แกก็ผูกปมตอนจบเพื่อเป็นคำสอนที่ชัดเจนทุกครั้ง ถือเป็นบทเรียนสอนใจได้ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
ท่านอื่นๆ เห็นอย่างไรกันบ้างครับ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: สุขุมวงศ์. ที่ 23 ก.ค. 06, 12:30
ขอบคุณ คุณCrazyHOrse ครับที่แสดงความเป็นห่วงในการใช้ภาษาของผม
ผมเชื่อว่า คุณCrazyHOrseคง ได้อ่านภาษาที่ใช้เป็นบทความตามหน้าหนังสือพิมพ์ใช้คำที่แรงกว่าข้อความที่ผมโพสซักหลายเท่าตัวนัก
สงสัยคุณCrazyHOrse คงต้องเหนือยส่งจดหมายหรือสารไปเรียกร้องตามหนังสือพิมพ์กันมือเป็นปะวิง ละกระมัง
ผมเชื่อว่า คุณCrazyHOrseคง ได้อ่านภาษาที่ใช้เป็นบทความตามหน้าหนังสือพิมพ์ใช้คำที่แรงกว่าข้อความที่ผมโพสซักหลายเท่าตัวนัก
สงสัยคุณCrazyHOrse คงต้องเหนือยส่งจดหมายหรือสารไปเรียกร้องตามหนังสือพิมพ์กันมือเป็นปะวิง ละกระมัง
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: BlueMT ที่ 23 ก.ค. 06, 14:40
BlueMT
"สิ่งที่ทำให้บุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้กระทำความผิดนั้น มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ *กิเลส* ในจิตใจของเขานั่นเอง
มนต์ดำ คือของนอกรีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นสิ่งที่คอยผูกมัดมนุษย์ด้วยความกลัว ความโลภ ความหลง
และสิ่งที่เขาได้รับเป็นผลตอบแทนจากกรรมของเขา จะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุด"
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: นพณัฐ ที่ 28 ก.ค. 06, 11:58
ผมเคยอ่านใน Dek-d .com มาแล้วหนึ่งครั้งครับ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: Package ที่ 01 ต.ค. 06, 23:06
...ใช่แล้วครับ คัดลอกมาจาก เด็กดี ดอท คอม ...
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: ติหลาอรสา ที่ 02 ต.ค. 06, 00:43
โอ้ โผล่มาอ่านก็เรื่อง บุญเพ็งก็งงแล้ว
ยังสงสัยเรื่องเกิดขึ้นเนิ่นนานป่านนี้
ทำไมบรรยายได้แหลมคมราวกับข่าวในไทยรัฐ
พอเห็นว่าเป็นการเล่าถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
ก็เลยถึงบางอ้อ
อ่านเลยมาอีกหน่อยถึงวิวาทะเรื่องไสยศาสตร์กับสังคมไทย
เลยไปถึงเรื่องวิธีการเลือกใช้คำ
เราก็เลยไปถึงบางอ้ำอึ้งเลยไปบางอ้าว บางเอ๊ะ แล้วก็อย่ากระนั้นเลย ลงมาลุยในกระทู้นี้เสียด้วยจะดีกว่า
เอาประเด็นแรกก่อนนะคะ ไสยศาสตร์กับสังคมไทย
ในฐานะนักเรียนประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์มาก่อน เราคิดว่าปรากฏการณ์เรื่องกราบไหว้อะไรก็ตามที่ผิดธรรมชาติ หรืออะไรก็ตามที่แลดูน่าขัน หรือน่าอดสูตามสายตาคนเมือง เพื่อขอลาภสักการะ ขอให้ชีวิตดีขึ้น ขอให้มีความสุข ที่เกิดขึ้นในชนบทไทย เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจยิ่ง และมันบอกอะไรหลายประการในนั้น
หนึ่งก็คือ ความไม่พอเพียงของแนวคิดกระแสหลัก(ในที่นี้คือพุทธศาสนาแนวทางของคนเมือง) ในการตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตให้กับชาวบ้าน ดังนั้นเขาจึงแสวงหาแนวทางอื่น ๆเพื่อที่จะได้คำตอบในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และสุขภาพ
สอง แนวคิดเรื่องการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติอันหลากหลาย สืบทอดกันมาเนิ่นนาน ทำให้มีหลายแนวคิดผสมปะปนกันอยู่ตั้งแต่ศาสนาของคนไทยก่อนที่พุทธศาสนาจะถูกเผยแผ่เข้ามาในสุวรรณภูมิ (อันมิได้หมายถึงสนามบินหมื่นล้าน) ศาสนาพุทธ พราหมณ์ คนเราอาจจะไหว้ได้ทั้งพระ ทั้งผี ทั้งธรรมชาติ(ในกรณีนี้ เราคิดว่าสัตว์หรือพืชที่ออกมารูปร่างแปลก ๆเป็นการยืนยันให้ชาวบ้านเชื่อว่านอกจากธรรมชาติที่ตาเห็น ทำนายได้ ยังมีอำนาจเหนือกว่านั้นคอยควบคุมบังคับอยู่ และอำนาจนั้นอาจจะรับฟังปัญหาของมนุษย์หากว่าบัดพลีถูกใจ เหมือนเมื่อที่บรรพบุรุษของเขาทำมาก่อนประวัติศาสตร์
สาม กระบวนการแก้ปัญหาของชาวบ้าน เราได้เคยคลุกคลีกับชาวบ้านในหมู่บ้านห่างไกลมาไม่น้อยในชีวิตของการเป็นนักเรียนสังคมศาสตร์ นักข่าว ที่จริงเขาไม่ได้งมงายอย่างที่เราเห็น แต่บางส่วนเป็นกระบวนการทางจิตวิทยาแบบหนึ่ง เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาที่พวกเขาแก้ไม่ได้ (ทีดินทำกินถูกแย่งไป ลูกสาวไปขายตัว เป็นหนี้พ่อค้า หรือแม้แต่การวิวาทระหว่างชาวบ้านกันเอง) เคยเห็นงานวิจัยอันหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการใช้เรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการักษาแผนใหม่ เข้าใจว่าจะเป็นเรื่องการรำผีฟ้าในหมู่บ้านในขอนแก่น ที่นักสาธารณสุขที่นั่นใช้กระบวนการนี้เพื่อให้ความมั่นคงทางจิตใจแก่ชาวบ้านและผลที่ได้ก็ออกมาค่อนข้างดี
สี่และห้า ยังคิดไม่ออก แต่คิดว่าน่าจะมีเพราะดูดีกว่าสามข้อ ถ้าเป็นข้อสอบตอบอาจารย์ก็น่าจะได้คะแนนดีกว่าเพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่มาเท่านั้นเอง
ถ้าเช่นนั้นเรามาพูดถึงประเด็นที่สองดีกว่า ความหนักเบาของการใช้ภาษาที่แต่ละบุคคลรับรู้ โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต กรณีความที่คุณสุขุมวงศ์ใช้กระทบใจหลายคน แต่พออ่านอีกครั้งหนึ่ง ก็คิดเอาเองว่าคุณสุขุมวงศ์คงใช้เพราะคิดว่าเป็นการพูดถึงสถานการณ์ทั่วไปไม่ได้เจาะจงเฉพาะ ไม่ได้ตั้งใจจะก่อความเสียหาย
หากแต่ว่าการรับรู้ของบุคคลและการให้ความสำคัญต่อระดับการหนักเบาของภาษีไม่เท่ากัน ยิ่งในอินเตอร์เน็ต เรารู้จักกันแต่เพียงตัวหนังสือ ก็เลยถือว่าตัวหนังสือของอีกฝ่ายคือตัวตนของอีกฝ่าย ต้องขบคิดตีความและให้ความสำคัญกับคำพูดที่ปรากฏออกมามากกว่าปกติ(หรือเปล่า) ไม่มีสำเนียงให้จับได้ว่าพูดหนักเบาอย่างไร เห็นแต่ตัวหนังสือเท่านั้น
การวิพากษ์วิจารณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการยืนยันความคิดเห็นของตนเองน่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะ ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปิดรับความคิดเห็นของอีกฝ่าย และปรับการนำเสนอ หรือปรับวิธีคิด ปรับการให้น้ำหนักของสิ่งต่าง ๆให้ต่างจากเดิม เราคงอยู่ด้วยกันได้ คุยกันได้นาน ๆ แล้วก็ให้อภัยและตลอดจนเห็นใจและเข้าใจข้อจำกัดของการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงช่องว่างแห่งความแตกต่างในการรับรู้ความหนักเบาของภาษาของกันและกันด้วย...
เพราะแท้จริงแล้ว เราก็คือก็เหล่ามวลมิตรที่พร้อมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ความรู้และมุมมองระหว่างกันอยู่แล้ว
จริงป่ะ
ยังสงสัยเรื่องเกิดขึ้นเนิ่นนานป่านนี้
ทำไมบรรยายได้แหลมคมราวกับข่าวในไทยรัฐ
พอเห็นว่าเป็นการเล่าถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
ก็เลยถึงบางอ้อ
อ่านเลยมาอีกหน่อยถึงวิวาทะเรื่องไสยศาสตร์กับสังคมไทย
เลยไปถึงเรื่องวิธีการเลือกใช้คำ
เราก็เลยไปถึงบางอ้ำอึ้งเลยไปบางอ้าว บางเอ๊ะ แล้วก็อย่ากระนั้นเลย ลงมาลุยในกระทู้นี้เสียด้วยจะดีกว่า
เอาประเด็นแรกก่อนนะคะ ไสยศาสตร์กับสังคมไทย
ในฐานะนักเรียนประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์มาก่อน เราคิดว่าปรากฏการณ์เรื่องกราบไหว้อะไรก็ตามที่ผิดธรรมชาติ หรืออะไรก็ตามที่แลดูน่าขัน หรือน่าอดสูตามสายตาคนเมือง เพื่อขอลาภสักการะ ขอให้ชีวิตดีขึ้น ขอให้มีความสุข ที่เกิดขึ้นในชนบทไทย เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจยิ่ง และมันบอกอะไรหลายประการในนั้น
หนึ่งก็คือ ความไม่พอเพียงของแนวคิดกระแสหลัก(ในที่นี้คือพุทธศาสนาแนวทางของคนเมือง) ในการตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตให้กับชาวบ้าน ดังนั้นเขาจึงแสวงหาแนวทางอื่น ๆเพื่อที่จะได้คำตอบในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และสุขภาพ
สอง แนวคิดเรื่องการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติอันหลากหลาย สืบทอดกันมาเนิ่นนาน ทำให้มีหลายแนวคิดผสมปะปนกันอยู่ตั้งแต่ศาสนาของคนไทยก่อนที่พุทธศาสนาจะถูกเผยแผ่เข้ามาในสุวรรณภูมิ (อันมิได้หมายถึงสนามบินหมื่นล้าน) ศาสนาพุทธ พราหมณ์ คนเราอาจจะไหว้ได้ทั้งพระ ทั้งผี ทั้งธรรมชาติ(ในกรณีนี้ เราคิดว่าสัตว์หรือพืชที่ออกมารูปร่างแปลก ๆเป็นการยืนยันให้ชาวบ้านเชื่อว่านอกจากธรรมชาติที่ตาเห็น ทำนายได้ ยังมีอำนาจเหนือกว่านั้นคอยควบคุมบังคับอยู่ และอำนาจนั้นอาจจะรับฟังปัญหาของมนุษย์หากว่าบัดพลีถูกใจ เหมือนเมื่อที่บรรพบุรุษของเขาทำมาก่อนประวัติศาสตร์
สาม กระบวนการแก้ปัญหาของชาวบ้าน เราได้เคยคลุกคลีกับชาวบ้านในหมู่บ้านห่างไกลมาไม่น้อยในชีวิตของการเป็นนักเรียนสังคมศาสตร์ นักข่าว ที่จริงเขาไม่ได้งมงายอย่างที่เราเห็น แต่บางส่วนเป็นกระบวนการทางจิตวิทยาแบบหนึ่ง เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาที่พวกเขาแก้ไม่ได้ (ทีดินทำกินถูกแย่งไป ลูกสาวไปขายตัว เป็นหนี้พ่อค้า หรือแม้แต่การวิวาทระหว่างชาวบ้านกันเอง) เคยเห็นงานวิจัยอันหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการใช้เรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการักษาแผนใหม่ เข้าใจว่าจะเป็นเรื่องการรำผีฟ้าในหมู่บ้านในขอนแก่น ที่นักสาธารณสุขที่นั่นใช้กระบวนการนี้เพื่อให้ความมั่นคงทางจิตใจแก่ชาวบ้านและผลที่ได้ก็ออกมาค่อนข้างดี
สี่และห้า ยังคิดไม่ออก แต่คิดว่าน่าจะมีเพราะดูดีกว่าสามข้อ ถ้าเป็นข้อสอบตอบอาจารย์ก็น่าจะได้คะแนนดีกว่าเพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่มาเท่านั้นเอง
ถ้าเช่นนั้นเรามาพูดถึงประเด็นที่สองดีกว่า ความหนักเบาของการใช้ภาษาที่แต่ละบุคคลรับรู้ โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต กรณีความที่คุณสุขุมวงศ์ใช้กระทบใจหลายคน แต่พออ่านอีกครั้งหนึ่ง ก็คิดเอาเองว่าคุณสุขุมวงศ์คงใช้เพราะคิดว่าเป็นการพูดถึงสถานการณ์ทั่วไปไม่ได้เจาะจงเฉพาะ ไม่ได้ตั้งใจจะก่อความเสียหาย
หากแต่ว่าการรับรู้ของบุคคลและการให้ความสำคัญต่อระดับการหนักเบาของภาษีไม่เท่ากัน ยิ่งในอินเตอร์เน็ต เรารู้จักกันแต่เพียงตัวหนังสือ ก็เลยถือว่าตัวหนังสือของอีกฝ่ายคือตัวตนของอีกฝ่าย ต้องขบคิดตีความและให้ความสำคัญกับคำพูดที่ปรากฏออกมามากกว่าปกติ(หรือเปล่า) ไม่มีสำเนียงให้จับได้ว่าพูดหนักเบาอย่างไร เห็นแต่ตัวหนังสือเท่านั้น
การวิพากษ์วิจารณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการยืนยันความคิดเห็นของตนเองน่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะ ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปิดรับความคิดเห็นของอีกฝ่าย และปรับการนำเสนอ หรือปรับวิธีคิด ปรับการให้น้ำหนักของสิ่งต่าง ๆให้ต่างจากเดิม เราคงอยู่ด้วยกันได้ คุยกันได้นาน ๆ แล้วก็ให้อภัยและตลอดจนเห็นใจและเข้าใจข้อจำกัดของการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงช่องว่างแห่งความแตกต่างในการรับรู้ความหนักเบาของภาษาของกันและกันด้วย...
เพราะแท้จริงแล้ว เราก็คือก็เหล่ามวลมิตรที่พร้อมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ความรู้และมุมมองระหว่างกันอยู่แล้ว
จริงป่ะ
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 06, 07:40
จริงจ้ะ.... 
ว่าแต่ผู้ร่วมวงทั้งหลายหายไปเกือบหมดแล้วค่ะคุณติหลาฯ
รวมทั้งคุณสุขุมวงศ์ด้วย ไม่ทราบว่าอำลาไปเลย หรือว่ามาใหม่ในชื่ออื่น
เรื่องก็ยังค้างคาอยู่จนบัดนี้ ว่ากระทู้นี้เจ้าตัวคนเขียนบทบุญเพ็งหีบเหล็กเขารู้เรื่องด้วยหรือเปล่า
ว่าแต่ผู้ร่วมวงทั้งหลายหายไปเกือบหมดแล้วค่ะคุณติหลาฯ
รวมทั้งคุณสุขุมวงศ์ด้วย ไม่ทราบว่าอำลาไปเลย หรือว่ามาใหม่ในชื่ออื่น
เรื่องก็ยังค้างคาอยู่จนบัดนี้ ว่ากระทู้นี้เจ้าตัวคนเขียนบทบุญเพ็งหีบเหล็กเขารู้เรื่องด้วยหรือเปล่า
กระทู้: บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
เริ่มกระทู้โดย: Package ที่ 03 ต.ค. 06, 12:46
รับทราบตลอด ครับ