ชะตากรรมของหนึ่งในสามทหารเสือ คุณ NAVARAT.C เล่าไว้ในกระทู้ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช
ยกข้ามมากระทู้นี้สำหรับท่านที่ติดตามอ่านกระทู้ แต่ยังไม่ได้ไปอ่านกระทู้โน้น
พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าใหญ่หมายเลข 1 ของ "คณะราษฎร" ท่านมีอุปนิสัยใจคอโอนอ่อนผ่อนตาม วางเฉยในเกือบทุกกรณีขัดแย้งระหว่างกลุ่ม วางตัวอยู่เหนือปัญหาใดๆ จนไม่สามารถควบคุมสมาชิกรุ่นรอง จนเห็นกันว่าผู้กุมอำนาจแท้จริงนั้นไม่ใช่เจ้าคุณพหลฯ แต่เป็นฝ่ายทหารกลุ่มหนุ่ม มิตรสหายของท่านถูกตีกระจุยไปหมดสิ้น เหลือแต่ตัวท่านโดดเดี่ยว
แต่คณะราษฎรกลุ่มที่หวังอำนาจเด็ดขาดยังต้องพึ่งบารมีพระยาพหลฯอยู่ เผด็จการยังยึดพื้นฐานไม่แน่นพอ แต่ในที่สุดเมื่อทุกอย่างลงตามแผนเต็มที่ รุ่นเด็กครองอำนาจเบ็ดเสร็จ พระยาพหลพลพยุหเสนาก็ถูกสูบลมลอยเคว้งคว้างขึ้นเป็น "เชษฐบุรุษ" หมดอำนาจบังคับบัญชาและอิทธิฤทธิ์ ได้แต่นั่งดูสมาชิกแก่งแย่งชิงดี ละทิ้งสัญญาที่ให้ไว้กับราษฎร บางกลุ่มกอบโกยผลประโยชน์หวังร่ำรวยไปตามกัน มีแต่มิตรสหายของท่านเท่านั้นที่ต่างต้องชะตากรรมระหกระเหิน
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
สงครามมหาเอเชียบูรพางวดหนัก ฝูงบินสัมพันธมิตรเข้ามาทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ถี่และรุนแรง ชาวกรุงต้องอพยพหนีภัยทางอากาศออกไปอยู่รอบนอก พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ขณะนั้นป่วยเป็นอัมพาตที่ขาบางส่วน ย้ายไปพักอยู่ที่เรือนข้าราชการบริพารในพระราชวังบางปะอิน ผมติดตามท่านผู้ใหญ่ในฐานะพลกรรเชียงเรือจากบางกะสั้น ไปเยี่ยมเจ้าคุณพหลฯ ตอนต้นปี พ.ศ. 2488 ท่านพลเอกหัวหน้าคณะผู้ยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองผู้แกร่งกร้าว ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น "เชษฐบุรุษ" และขณะนั้นก็ดำรงตำแหน่ง "แม่ทัพใหญ่" อยู่กับท่านผู้หญิงและคนไม่กี่คน เงียบสงบ ไร้บริวารแห่ห้อมเกรียวกราว หลังไหล่ของท่านที่คนอื่นเคยอาศัยเหยียบก้าวผ่านไปสู่อำนาจราชศักดิ์อัครฐาน บัดนี้สิ้นแล้วซึ่งความสำคัญและสิ้นความหมาย"คณะราษฎร"ส่วนที่เสวยอำนาจต่างหันหลังให้โดยสิ้นเชิง
"ขเด็ทพจน์" ชันกายขึ้นนั่งบนเตียงต้อนรับสหายขเด็ทผู้มาเยือน โอบกอดน้ำตาคลอ สหายสนิทที่ต้องห่างเหินไปตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากสารทุกข์สุกดิบที่วนมาลงที่ปัญหาบ้านเมือง ตอนหนึ่งท่านน้ำตาไหล
"สอาด ที่เจ้านิลเตือนแต่แรกนั่นน่ะ ถูกทุกอย่าง"
"เจ้านิลว่ากันจะน้ำตาตก ก็ตกจริงๆ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเปลี่ยนการปกครอง แล้วราษฎรไม่ได้อะไรเลย มีแต่ประชาธิปไตยหลอกๆ ถูกข่มเหงมากขึ้น หันไปพึ่งใครก็ไม่ได้
คณะราษฎรเองกลับหาประโยชน์หาอำนาจใส่ตัว แก่งแย่งชิงดีถึงเอาชีวิต คนบริสุทธิ์ผู้หลักผู้ใหญ่ ขุนนางเก่าเดือดร้อนกันเป็นแถว"
"พวกเขาผลักกันออกนอกทาง หมดทางยับยั้งห้ามปรามประชาธิปไตยไม่เห็นแม้แต่เงา เจ้านิลพูดถูก"
.
.
เจ้าคุณพหลถึงแก่อนิจกรรมด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก ขณะนอนแช่ในอ่างน้ำอุ่นเพื่อบำบัดอาการอัมพาต อันเป็จกิจวัตรประจำวันของท่าน
ป.ล. เจ้านิล หมายถึง พลตรี หม่อมเจ้า นิลประภัศร เกษมศรี เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก หรือ "ขเด็ท พริ้นซ์ นิล" ทรงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าคุณพหลฯ
คุณ NAVARAT.C เล่าไว้ว่า ครั้งสุดท้ายพบปะกันที่วัง หม่อมเจ้า นิลประภัศรฯ สามย่าน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเกลอก็ทรงเตือนเจ้าคุณพหลฯ ถึงความใจอ่อน คล้อยตามเรื่อง "ไล่ลดปลดทิ้ง" กำลังพลชั้นดีที่เพียงแต่เห็นว่า "ไม่ใช่พวกคณะราษฎร" ระวังจะเป็นเหยื่อให้เด็กหลอกใช้ หรือดีไม่ดีจะเป็นหุ่นให้กลุ่มเด็กเชิดแล้วจะเสียใจไม่รู้จบ
พระยาพหลพลพยุเสนา หัวหน้าคณะราษฎรหมายเลข 1 โกรธ หาว่าท่านนิลฯ ดูหมิ่นเพื่อนฝูงว่าฉลาดไม่ทันเด็ก โน่น - ท่านตีความไปโน่น