Wandee
|
หนังสืออนุสรณ์งานปลงศพ นายพันตรี พระชำนาญคุรุวิท (แย้ม ภมรมนตรี)
และนางชำนาญคุรุวิท(แอนเนลี ภมรมนตรี)
จดหมายเหตุ เรื่องเจ้าพระยาภูธราภัยยกทัพไปปราบฮ่อ
โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากรปี
๒๔๗๓
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 08:46
|
|
เรื่องมารดาของพลโทประยูร ภมรมนตรี มีข้อมูลน้อยมาก
ต่อมาได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกฉีกปกออกแล้วใส่ปกขาว ที่เอ่ยเรื่องนางชำนาญคุรุวิทไว้เล็กน้อย
ข้อมูลด้านการเมืองนั้น ไม่ได้นำมาใช้ แต่เรื่องราวส่วนตัวของท่านนั้นน่าสนใจมากจึงนำมาเล่าสู่กันฟัง
ว่าสุภาพสตรีเยอรมันเลี้ยงลูกอย่างไรในสยาม
สหายที่มีข้อมูลเรื่องคุณนายแอนเนลี ขอเชิญมาเพิ่มเติมความรู้
เรื่องนายพันตรี พระชำนาญคุรุวิท (แย้ม ภมรมนตรี) นั้นจะเขียนต่อไปในเวลาอันสมควร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 09:07
|
|
แอนเนลี เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๐ ณ ตำบลดิสเซน
จังหวัด ฮัมเบิด ประเทศเยอรมันนี
บิดาคือ เรคเตอร์ไฟร
แอนเนลีได้ศึกษาวิชาแพทย์ในมหาวิทยาลัย มีความรู้ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส
สมรสกับนายร้อยเอก พระชำนาญคุรุวิทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ คุณพระออกไปศึกษาต่อณประเทศยอรมันนี
ในพ.ศ. ๒๔๓๐ และกลับสู่สยามในปี ๒๔๓๔ แอนเนลีก็เดินทางมากับสามีด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 12:33
|
|
ประวัติของแอนเนลีเขียนไว้แต่เพียงว่า ได้เคยไปตรากตรำลำบากกับสามีในราชการรักษาชายพระราชอาณาเขต
พลิกกลับไปที่ประวัติสังเขปของคุณพระ ระหว่างปี ๒๔๓๕ - ๓๘ ได้ออกไปรับราชการเป็นผู้บังคับการทหารมณฑลอุดร
และได้ตั้งกองทหารรักษาชายพระราชอาณาเขตต์ที่เมืองมุกดาหารริมฝั่งแม่น้าโขง ในสมัยที่มีข้อพิพาทระหว่างสยามกับ
ฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ (ร.ศ. ๑๑๒) เมื่อกลับมาได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสสริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้น ๓ เป็นบำเหน็จ
และเข้ารับราชการเป็นนายเวรแบบธรรมเนียมในกรมยุทธนาธิการทหารบก
ประวัติของคุณพระบันทึกไว้อีกว่า ในปี ๒๔๓๙ ได้ออกไปรับราชการตำแหน่งผู้ช่วยทูตในราชการทหารบกประจำประเทศเยอรมันนี
พ.ศ. ๒๔๔๕ กลับเข้ามารับราชการในโรงเรียนนายร้อยทหารบก เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง และมียศสูงกว่าคณะครูในสมัยนั้น
จึงได้รับหน้าที่ปกครองบังคับบัญชาบรรดาครูทั้งหมด ตำแหน่งนี้เท่ากับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาสามัญในกรมยุทธศึกษาทหารบกสมัยนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 13:07
|
|
กลับมาที่ประวัติของแอนเนลี
ครั้นสมัยเมื่อนายพันตรี พระชำนาญคุรุวิท เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยทหารบก นางชำนาญคุรุวิท
ได้ช่วยรับหน้าที่สอนภาษาต่างประเทศแก่นักเรียนนายร้อยที่ราชการได้คัดเลือกไปเรียนเพิ่มเติมในต่างประเทศ
เป็นการเตรียมตัวชั้นต้น ดังปรากฎในบัดนี้ว่า มีนายทหารผู้ใหญ่ซึ่งได้เคยเป็นศิษย์อยู่หลายคน
กลับไปที่ สมุดปกขาว(ห้ามจำหน่าย) พลโทประยูร ภมรมนตรีเล่าว่า มารดาได้สอนภาษาเยอรมันให้แก่ พลเอก
พระยาพหลพลพยุหเสนา(พจน์ พหลโยธิน) พันเอกพระยาทรงสุรเดช(เทพ พันทุมเสน) พลตรีหม่อมเจ้าปรีดิเทพพงษ์
และนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคน สำหรับท่านพระยาพหล ฯ นั้นได้มากินนอนอยู่ในบ้านเป็นเวลาหลายเดือน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 13:18
|
|
สมุดปกขาวเล่าต่อไปว่า ท่านมารดาซึ่งเป็นแพทย์(หนังสืองานศพแจ้งเพียงว่าได้เรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัย)
ได้ทำการรักษาพยาบาลเจ้านายฝ่ายใน และสะสมวัตถุโบราณมาบูรณตกแต่งส่งไปขายยุโรป
ได้คุณหลวงวิศาล (เชื้อ) เป็นผู้ช่วยเขียนแบบปรับปรุงและได้ตั้งร้านค้าใหญ่โต เรียกว่าสโมสรข้าราชการ
นับว่าได้สะสมเงินทองเป็นกอบเป็นกำ ซื้อที่ทางไว้เป็นสมบัติแก่ลูกหลานตลอดมา
นอกจากนั้นยังทำไร่สวนครัว เลี้ยงปศุสัตว์ ทำเนย ขนมปัง ช่วยตัวเองทุกอย่างด้วยความวิริยะอุตสาหะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 13:36
|
|
ครอบครัวของ นายพันตรี พระชำนาญคุรุวิท (แย้ม ภมรมนตรี) อาศัยบ้าน พล.อ.เจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต (แย้ม ณ นคร)
ที่หลังวัดราชนัดดาอยู่ เพราะว่าบ้านเดิมที่อนุญาตให้น้าของบิดาอยู่ระหว่างไปเป็นทูตทหาร น้านำไปจำนำและหลุดจำนำไป
แอนเนลลีมีตะเกียงน้ำมันก๊าซโป๊ะสีเขียวอันใหญ่ เธออ่านนิทานกริมม์ให้ลูก ๆ ฟังในยามค่ำคืน และเล่าเรื่องโลก
ชีวิต ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์แต่โบราณให้ฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 13:46
|
|
นางชำนาญคุรุวิท เกิดบุตรและธิดาด้วยพระชำนาญคุรุวิทรวม ๖ คน
ที่มีชีวิตอยู่บัดนี้(พ.ศ. ๒๔๗๓) มี ๓ คนคือ
นางสาวอรุณ ภมรมนตรี
นายวรกิจบรรหาร (ประยงค์ ภมรมนตรี)
นายร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี
เธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๖ อายุ ๔๖ ปี
เมื่อสามีของเธอเสียชีวิตในปี ๒๔๗๓ เมื่ออายุ ๖๗ ปี ลูก ๆ ก็ได้จัดงานปลงศพพร้อมกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 20 ส.ค. 12, 16:44
|
|
หารูปแม่ไม่ได้ครับ เอารูปลูกๆมาลงประกอบก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงไก่
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 21 ส.ค. 12, 12:43
|
|
ได้มาจากกระทู้เก่า "วีรเวร-วีรกรรมของร.ล.ธนบุรีในยุทธนาวีที่เกาะช้าง"
กับเรื่องราวของแอนเนลี ภมรมนตรี
เทาชมพู: อ้างจาก: NAVARAT.C ที่ 28 ก.ย. 11, 16:54
ก่อนการรบท่านผู้นำได้ส่งพันเอกประยูร ภมรมนตรีบินด่วนนำสารของพระยาพหล อดีตนักเรียนนายร้อยไกเซอร์เกลอเก่าของเกอริงไปเยี่ยมคำนับเพื่อ“ขออนุญาต”เพราะฝรั่งเศสเป็นเด็กในคาถาของเยอรมันไปแล้ว ถ้าไม่บอกกล่าวเดี๋ยวผู้ปกครองเขาจะโกรธเอา แม่ทัพใหญ่เยอรมันเห็นใจที่ไทยอยากได้ดินแดนคืนก่อนที่ญี่ปุ่นจะชุบมือเปิบไปอีกทีหนึ่ง จึงบอกว่าถ้าไทยจะบุกเข้าไปในอินโดจีนเฉพาะในดินแดนเดิมของไทยก็จะไม่ห้าม แต่อย่าล้ำเส้นเกินเข้าไปในอินโดจีนส่วนอื่นก็แล้วกัน ดังนั้นเมื่อรบกันจริงๆ กองทัพเรือจึงถูกรัฐบาลสั่งให้รักษาพรมแดนไว้ อย่าได้รุกล้ำน่านน้ำของเขาเข้าไปสร้างปัญหาเป็นอันขาด
พันเอกประยูร ภมรมนตรี หรือต่อมาคือพลโทประยูร ภมรมนตรี เป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านเป็นบุตรของนายพันตรี พระชำนาญคุรุวิทย์ (แย้ม ภมรมนตรี) ซึ่งเป็นบุตรพระยามนเทียรบาล(บัว) และเป็นหลานปู่ พระยาราชมนตรี (ภู่) สืบประวัติขึ้นไปได้ถึงพระยาธิเบศรบดี จางวางมหาดเล็กในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัต ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นายพันตรีแย้มเคยไปศึกษาวิชาทหาร ณ ประเทศเยอรมนี ได้ภรรยาเป็นสาวเยอรมัน ชื่อแพทย์หญิงแอนเนสีร์ ไฟ.เอ ธิดาศาสตราจารย์ ดร.ไฟร์ เอ อธิการบดีมหาวิทยาลัยในรัฐฮาโนเวอร์ เมื่อจบการศึกษาวิชาการทหารปืนใหญ่และสรรพาวุธแล้ว ได้เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมด้วยภรรยาชาวเยอรมัน พลโทประยูร จึงเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน พูดเยอรมันได้คล่อง ก็เหมาะสมแล้วที่จะไปเป็นทูตเจรจาในครั้งนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 23 ส.ค. 12, 13:19
|
|
ขอบคุณคุณนวรัตน และคุณลุงไก่เจ้าค่ะ
ประวัติของท่านผู้ใหญ่ที่หาได้ยาก เมื่อลูกท่านเล่าไว้ ก็น่าจะใช้ได้
จากหนังสือปกขาว หน้า ๑๑๖ - ๑๑๗ พลโทประยูร ภมรมนตรีเล่าว่า
"แห่งแรกที่ไปคือไปเปิดประตูเจดีย์ที่ฝังแม่ นำดอกไม้เข้าไปกราบศพ นั่งสงบนิ่งอยู่เป็นครู่ใหญ่
พลางกระซิบ แม่จ๋า ...ลูกกลับมาแล้ว น้ำตาหยดลงรดดอกไม้ที่แจกัน รุ่งขึ้นตักบาตร
แล้วไปถวายสังฆทานที่วัดคฤหบดี
ที่เจดีย์ฝังศพมารดานั้น มีคนร้ายหักเอาหูมือจับกับเชิงเทียนทองเหลือง ๒ อัน แต่ทำแจกันเคลือบตกแตก
แล้วเลยเหยียบได้แผลเบ้อเริ่ม ต้องทิ้งของไว้ในร่องสวน เลยถือกันว่าเฮี้ยนนัก ท่านมารดาได้เลี้ยงอัลเซเชี่ยนไว้ตัวหนึ่งสีดำให้ชื่อว่า เนโร่
(แปลว่าดำ) เป็นสุนัขที่รักมาก ตอนนำท่านบรรจุ มันไม่ยอมไปไหน นอนเฝ้าเจดีย์อยู่จนตาย บางทีพระจันทร์ดั้นเมฆ ลมพัดกรรโชก
ก็หอนโหยหวน ความกตัญญูของสุนัขนี้ซาบซึ้งตรึงใจเป็นที่สุด"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|