ส่วนที่ผมตั้งคำถามว่า
๕๑๐๕ กณามระ
๙๐๑ กฤษณามระ
๔๘๕๕ กันตามระ
๒๘๔๙ จันทรามระ
เป็นนามสกุลที่มีที่มาและความหมายอย่างไร
ซึ่งคุณเพ็ญฯ ได้ตอบผมมาว่า
นามสกุลลงท้ายด้วย มระ
คำที่สัมพันธ์กับชื่อผู้ขอ, ชื่อพ่อ, ชื่อปู่ + อมระ
อมร, อมร [อะมอน, อะมอนระ, อะมะระ] น. ผู้ไม่ตาย, เทวดา. ว. ไม่ตาย, ไม่เสื่อมสูญ, ยั่งยืน. (ป., ส.).
เป็นการตอบถูกบางส่วน
เพราะนามสกุลกณามระ และกันตามระ
บรรพบุรุษของผู้ขอพระราชทานนามสกุล ชื่อ รอด
จึงทรงแปลคำว่า รอด ว่าไม่ตาย ตรงกับคำ อมร
(อ-ไม่ มร-ตาย) ที่แปลตามรูปศัพท์ว่า ไม่ตาย เหมือนกัน
แต่...ใช่ว่า นามสกุลพระราชทานทุกนามสกุลที่ลงท้ายว่า -ามระ
จะมีที่มาจากคำว่า อมระ อันหมายถึง ไม่ตาย
ซึ่งตรงกับคำว่า "รอด" ชื่อบรรพบุรุษผู้ขอพระราชทานนามสกุลเสมอไป
เพราะอย่างนามสกุล กฤษณามระ
(๐๙๐๑, กฤษณามระ, Krishna^mara,
พระยาพิทักษ์ทวยหาญ (ทองดำ) ผู้ว่าราชการเมืองประทุมธานี
ปู่เป็นเมืองอุไทยราชธานี (ม่วง))
มาจากคำว่า กฤษฺณ + อามฺร
กฤษฺณ (สันสกฤต) แปลว่า ดำ ตรงกับบางส่วนของชื่อตัวของผู้ขอ
อามฺร (สันสกฤต) แปลว่า มะม่วง ตรงกับชื่อ ม่วง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ
ของผู้ขอ
ส่วนนามสกุล จันทรามระ
(๒๘๔๙ จันทรามระ Chandra^mara
พลเสือป่าชุม กองร้อยที่ ๒ เมืองลพบุรี มณฑลกรุงเก่า
ทวดชื่อจันทร์ ปู่ชื่ออ่ำ)
มาจาก จนฺทฺร (ชื่อทวด) + อมร (แปลงชื่อ อ่ำ ของปู่เป็นคำบาลี
ที่ออกเสียงคล้ายหรือใกล้เคียง รัชกาลที่ ๖ ทรงใช้หลักนี้เพื่อทรงพระราชนิพนธ์
ชื่อสกุลหลายสกุล)
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า นามสกุลพระราชทานที่ลงท้ายเหมือนกัน
แต่มีที่มาแตกต่างกัน ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป จะไปตั้งเกณฑ์
แปลเหมารวมทั้งหมดไม่ได้