การพูดโต้ตอบบุคคลที่พูดในลักษณะ (1) - (5) นั้น ด้วยอารมณ์เกลียดชัง หรืออย่างที่เรียกว่า "ทัวร์ลง" จะจัดเป็น HS ด้วยหรือไม่
เช่น กรณีพิธีกรชาย ที่ถึงบุคคลที่มีเพศสภาพไม่แน่นอนในรายการทีวีรายการหนึ่ง แล้วถูก "ทัวร์ลง" เป็นต้น
HS ไม่เน้นที่ส่วนตัวบุคคล คือไม่ใช่ว่า นาย ก. เป็นคนพูดหรือทำอะไรให้เกิดความเกลียดชัง จนถูกทัวร์ลง อย่างนั้นน่าจะเข้าข่ายการทะเลาะวิวาทกันมากกว่า
แต่ HS เกิดจากอคติในสถานภาพของบุคคลเป้าหมาย เช่นผู้โจมตีมีอคติต่อใครก็ตามที่เป็นเจ้าของบิ๊กไบค์ เชื่อว่าคนขี่บิ๊กไบค์ต้องเป็นคนโลดโผนโจนทะยาน ขับขี่รถไม่ระวัง ชอบฝ่ากฎจราจร ดังนั้นถ้าได้ข่าวว่าคนขี่บิ๊กไบค์ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต แม้ไม่รู้จักกัน ไม่รู้รายละเอียด ก็เขียนข้อความได้ทันทีว่า "สมน้ำหน้า ขี่บิ๊กไบค์ก็สมควรตาย" ทั้งๆในความเป็นจริง เจ้าของบิ๊กไบค์อาจขี่ด้วยความระมัดระวัง ทำตามกฎจราจร แต่เป็นฝ่ายถูกรถยนต์ซึ่งขับผิดกฎจราจรชนจนเสียชีวิตก็ได้
ในกรณีพิธีกร หากว่ากล่าวร้ายด้วยอคติต่อบุคคลที่มีเพศสภาพไม่แน่นอน ด้วยความเกลียดชัง หมั่นไส้ คนประเภทนี้ เลยเห็นพวกเขาทำอะไรก็ประณามว่าเลวร้ายเอาไว้ก่อน ไม่ใช่เพราะไม่ชอบหน้ากันเป็นส่วนตัว ก็เข้าข่าย HS ค่ะ
็ประเทศที่ถือว่า HS เป็นสิ่งไม่สมควร ถึงขั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ มีเหตุผลคือมุ่งคุ้มครองบุคคลกลุ่มน้อยที่มีลักษณะบางอย่างผิดแผกไปจากคนกลุ่มใหญ่ในประเทศ ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดการกดขี่ข่มเหงรังแกโดยพวกเขามิได้เป็นผู้กระทำผิด
HS ในตัวของมันเองไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย บางประเทศจึงไม่เห็นว่า HS ก่อความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน (ส่วนเสียหายทางใจ หรือรำคาญหู กฎหมายไม่นับ) ก็เลยไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรม แต่ความสำคัญของ HS คือมันนำไปสู่ Hate Crime ซึ่งมีผลเสียในวงกว้างกว่าคดีอาญาประทุษร้ายบุคคลต่อบุคคลโดยทั่วไป
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง Hate Speech ได้ที่นี่ค่ะ
https://hilight.kapook.com/view/98194