เรือนไทย

General Category => ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 20:39



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 20:39
 8) สวัสดีครับ ผมกุุรุกุลากลับมาแต่ลังกาทวีปแล้ว ทริป 10 วันนี้ทำให้เข้าใจศิืลปะสุโขทัยขึ้นมานักหนาแก่กม ของบางอย่างที่เคยสงสัยก็หายสงสัย แต่บางอย่างแทนที่จะเป็นอย่างที่คิด ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก


แต่ที่แน่ใจก็คือ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ไม่ได้ลอกเลียนใครมาทั้งดุ้น ที่สมควรเลียนก็เลียนมาปรับให้เข้ากับตัวเราเอง ซึ่งก็คงขึ้นกับปัจจัยบางอย่าง ที่เราไม่อาจจะทราบความคิดของช่างได้แน่นอน

ทั้งพม่า สุโขทัย อยุธยา เขมร ลาว มีลังกาเป็นครูทั้งนั้น ทั้งทางศาสนาและทางงานช่าง แต่น่าพิศวงตรงที่ งานช่างของสุวรรณภูมิเรานั้น หลายอย่างงดงามประณีตกว่าลังกามากมายนัก ทางศาสนาเองก็เจริญรุ่งเรือง ขนาดลังกาต้องกลับมาขอพระสงฆ์พม่า พระสงฆ์ไทย ไปสืบพระศาสนาที่เมืองแคนดี้


กระทู้คราวนี้จะพาไปชมงานศิลป์ที่คิดว่า ช่างสุวรรณภูมิอาจจะได้เคยเห็น เคยสัมผัสมาแล้ว ลองเปรียบเทียบกันดู ถึงจะไม่เหมือนร้อยเปอร์เซนต์ แต่เชื่อว่าคงมีเ้ค้าอยู่บ้างครับ ;D



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 15 มี.ค. 10, 20:55
ยินดีต้อนรับกลับบ้านคุณกุ  หวังว่าคงเห็นภาพศิลปะสวยๆนะครับ  ครูช่างโบราณท่านเก่ง กระแสอารยธรรมและศิลปกรรมที่ถ่ายทอดเข้ามาในสยามนั้น ครูช่างโบราณท่านนำมาผสมผสานกับวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นทำให้เกิดความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเราขึ้น 


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 21:54
สวัสดีครับพี่ยุทธ ดีใจที่กลับบ้านครับ เมืองไทยดีสุดแล้ว คนลังกาเคยพูดกับท่านสุภัทรดิศว่า "เกิดเป็นคนไทยนี้ช่างมีบุญนักหนา" ผมว่าก็จริง น่าจะให้พวกไม่รักแผ่นดินไปดูงานอินเดียลังกาบ้าง เราอยู่เฉยๆก็สบายอยู่แล้ว ไม่พอใจต้องหาเรื่องให้มันวุ่นวายเล่น


วันแรก ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่โคลอมโบครับ อาจจะไม่เกี่ยวกับศิลปะไทยเท่าไรนัก แต่อยากให้ชมมาสเตอร์พีซของเขา เก็บรักษาไว้ที่นี่หลายชิ้น เหมือนพิพิธภัณฑ์พระนครบ้านเรา

ค่าชมพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานของลังกาแพงมากครับ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ มีเหมารวม 50 ดอลล่าร์ แต่ดูได้แค่ที่ละวันเดียว ถ้าอยากดูต่ออีกวัน ต้องเสียอีกวันละ 25 ดอลล่าร์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะดูอยุธยาให้เสร็จในวันเดียว ผมเีสียค่าตั๋วรวมทั้งทริปไปประมาณ 2000 บาท

(แต่จริงๆแล้ว ระบบตรวจตั๋วของลังกาแย่มาก ถึงจะใช้คอมพิวเตอร์ตรวจ ถ้าไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ บางแห่งก็แอบแฝงเข้าฟรีได้ อิอิ ;D)


พระพุทธรูปสมัยอนุราธปุระครับ ถือเป็นสมัยคลาสสิคของลังกา เป็นเมืองหลวงแห่งแรกมีอายุนับพันปี ส่วนอายุของพระพุทธรูปคงราวๆพุทธศตวรรษที่ 9-11


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 21:57
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรองค์งามของเขาครับ ท่านั่งคล้ายๆกวนอิมราชวงศ์ซ่งอยู่ พระหัตถ์เดิมอาจจะมีดอกไม้เสียบได้ มีอิทธิพลศิลปะอินเดียใ้ต้ แต่ชายผ้าทำได้พลิ้วกว่าของอินเดีย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:02
ดูฝีมือช่างทองลังกาบ้าง ศิลปะอนุราธปุระ เมืองหลวงแรกครับ ของจริงใหญ่ประมาณเม็ดขนุนได้ ตรงกลางน่าจะเป็นควอทซ์ ห้อยอเมทิสสีม่วง ขนาบด้วยแก้วสีเขียวมรกต ยังสมบูรณ์อยู่แม้จะอายุเป็นพันปีแล้ว :)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:14
ลังกามีของน่าสนใจกว่าประเทศอื่นๆตรงที่สาธารณูปโภคยุคโบราณของเขาทันสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ไปเที่ยวลังกาจึงไม่ได้มีแต่วัดๆๆๆ เหมือนบางประเทศ

ที่นี่มีอ่างเก็บน้ำขนาดมหึมา และบ่อน้ำเล็กน้อยเป็นหมื่นๆแห่ง เนื่องจากความแห้งแล้งและเป็นเกาะ น้ำฝนจึงไหลลงทะเลอย่างรวดเร็ว

มีสวนน้ำของพระราชาที่น้ำพุโบราณยังใช้งานได้ในหน้าฝน เล่นระดับด้วยท่อน้ำเป็นรางยาว มีพระราชวังบนหน้าผา รวมทั้งโรงพยาบาลไฮเทคที่จัดสัดส่วน OPD ด้วย (เขาว่าอย่างนั้นนะ) การรักษาก็มีทั้งยาสมุนไพร (อายุรเวทแบบลังกาที่ทุกวันนี้เอาไว้ขายนักท่องเที่ยว) การเอาคนป่วยลงแช่ในอ่างยา รวมทั้งการผ่าตัด..

ตกใจกับเครื่องมือทางการแพทย์ของลังกา มันเล็กจิ๋วจนนึกถึงเครื่องมือสมัยนี้ เขาว่าขุดได้ในบริเวณโรงพยาบาล

กรรไกรแบบสองขาไขว้กัน บ้านเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ก่อนมีแต่กรรไกรหนีบหมาก


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:17
เครื่องมือทางการแพทย์ครับ บางอย่างก็นึกไม่ออกจริงๆว่าเอาไว้ทำอะไรบ้าง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 15 มี.ค. 10, 22:26
ต้อนรับกลับบ้านครับ ไปเที่ยวมาหลายวันคงได้อะไรๆมาฝากผมบ้างนะ  (ของฝาก) ;D
กำลังรอชมสารคดีชุดศรีลังกาอยู่ครับ



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:36
หมดพระองค์แล้วน้องเน ต้องนอนสนามบินแล้ว เอิ๊ก...



การที่ลังกามีเทคโนโลยีไฮเทคขนาดนี้ อาจเป็นเพราะเป็นเมืองท่าที่ติดต่อกับทั้งตะวันตก ตะวันออก ที่นี่พบเหรียญโรมันเป็นเรื่องปกติ (ตั้งแต่ยุคต้นอาณาจักรโรมันจักรพรรดิฮาเดรียน) ขณะที่บ้านเราพบเหรียญจักรพรรดิวิคโตรีนุสที่อู่ืทองเหรียญเดียวก็พูดได้น้ำไหลไฟดับ อิอิ 8)

นอกจากนี้ยังพบจารึกจำนวนมากมายมหาศาล ทั้งภาษาทมิฬ โปรตุเกส วิลันดา อาหรับ รวมทั้งภาษาจีนที่เมาท์กันว่าเป็นของเจิ้งเหอ? ด้วย

เครื่องถ้วยจีนก็พบมากมาย ส่วนใหญ่ตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งลงมา พยายามหาของไทย แต่ไม่เจอ คิดว่าคงไม่ได้จัดไว้


มงกุฏของพระเจ้ากรุงลังกาองค์สุดท้ายครับ พระเจ้ากิตติสิริสีหะ ในช่วงหลังโปรตุเกสเป็นเจ้าเข้าครอง พระเจ้ากรุงลังกาเลยทรงเครื่องแบบโปรตุเกส ท่าทางจะร้อนตับแลบ ถึงขนาดมีพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งเข้ารีต ทรงพระนามดอนฮวนธรรมปาละ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:42
ภาพพระราชาทรงเครื่องโปรตุเกส ของแท้จะมีผ้าจีบระบายรอบพระศอ ให้ร้อนพระวรกายเล่นเป็นที่สำราญพระหทัยยิ่งนัก


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:49
ในที่สุดก็เจอของไทยแล้ว เย่ๆๆ เป็นเงินพดด้วง ? รูปช้างกับจักร แต่ไม่ทราบว่าสมัยไหน อายุเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ เพราะลังกาเขาก็ไม่รู้ อันไอเดนติไฟด์ไว้ :D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 15 มี.ค. 10, 22:51
พอก่อนครับ เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาต่อใหม่ ลาด้วยภาพดอกไม้ไหว้พระธาตุ เขาเด็ดโปรยไว้ที่ฐานเลย มีหลายๆอย่างปนกัน ดูแปลกตาดี


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 15 มี.ค. 10, 23:10
ชอบการถวายบูชาแบบนี้เหมือนกันครับ เคยดูในสารคดีรู้สึกเขาจะชอบใช้ดอกไม้สีขาว แสดงออกแบบเรียบง่าย
เมืองไทยเราชอบถวายดอกไม้บูชาในหลายๆลักษณะ เป็นพวงมาลัย พุ่มดอกไม้ ดอกบัวพับกลีบ ฯลฯ แสดงออก
ถึงถวายบูชาด้วยความตั้งใจของตน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่พวงมาลัยจะติดริบบิ้นเป็นขยะพลาสติก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร
ก็ถือเป็นอามิสบูชา เกิดศรัทธาที่เป็นเหมือนสารส้ม แกว่งในน้ำที่ขุ่นมัวให้ตกตะกอนเป็นน้ำที่ใส ก็คือความเชื่อ
อย่างแรงกล้าให้กระทำในสิ่งที่ดีงามต่อไป จึงสมควรแก่การอนุโมทนา

"บุคคลย่อมข้ามห้วงน้ำได้ด้วยศรัทธา ข้ามมหาสมุทรได้ด้วยความไม่ประมาท ล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร และบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา"





กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 มี.ค. 10, 03:05
ชอบภาพสุดท้ายจังครับ แสงสวยมากมาย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 16 มี.ค. 10, 04:53
เมื่อไหรเมืองไทยจะเลิกเอาพวงมาลัยริบบิ้นมาถวายสิ่งสักการะ  เอาผ้ามาห่มประติมากรรมหรือพระพุทธรูปและสถาปัยกรรมสวยๆ เวลาไปเก็บข้อมูลหรือเสก็ซงานมันดูแล้วหงุดหงิดหัวใจจริงแกะออกพระท่านก็ว่าแล้วจะให้ดูทำไงเนี่ยดูทำลายความงามของศิลปกรรมไปเลยครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 10:19
สวัสดีครับพี่ยุทธ คุณติบอแล้วก็น้องเน การบูชาของศรีลังกาดูเข้าท่าคลาสสิคกว่าบ้านเราจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่มีการเวียนดอกไม้มาขายใหม่เหมือนบางวัด

ดอกบัวเขาก็มีวิธีพับหลายแบบ ใช้ทั้งดอกบัวสาย บัวหลวง เด็ดกลีบปลิดก้านแล้ววางไว้กับฐาน (ฐานมีชื่อเรียกว่า บุปผาสนะ แปลว่า ฐานวางดอกไม้โดยเฉพาะ) นอกจากนี้ก็มีฐานพิเศษ เอาไว้วางเครื่องบูชาหน้าเจดีย์ ซึ่งส่งอิทธิพลให้สุโขทัยบ้านเราเหมือนกัน


ฐานบุปผาสนะ ของสุโขทัย ที่วัดสิงห์ กำแพงเพชร เปรียบเทียบกับศรีลังกา ที่กัณฐกเจดีย์ครับ เป็นฐานวางดอกไม้ มีหลังคาคลุมอยู่หน้าเจดีย์ทั้งสี่ทิศ



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 10:21
แขกไหว้พระหม่อง  8)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 10:50
ถัดจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ก็ึคือ วัดกัลยาณี วัดสำคัญแห่งหนึ่งของศรีลังกา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัลยาณี เชื่อว่าพระพุทธองค์เคยเสด็จมาระงับการวิวาทของนาคราชลุง-หลาน ชื่อจุลทร และมโหทร (ท้องเล็กและท้องโต) ซึ่งแย่งชิงบัลลังก์กัน เมื่อพระพุทธองค์ทรงเทศนาโปรดแล้ว นาคทั้งสองก็ถวายบัลลังก์แด่พระพุทธองค์

ในลังกาเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาเกาะนี้ 3 ครั้ง คือ

1.ปราบยักษ์ที่มหิยังคณะ (ต้นเค้าวัดมเหยงคณ์บ้านเรา)

2.ทรมานนาคลุงหลานที่แม่น้ำกัลยาณี (วัดกัลยาณีนี้เอง)

3.ประทับพระบาทที่ยอดเขาสุมนกูฏ (ต้นเค้าวัดพระบาทน้อยพระบาทใหญ่ และพระบาททั้งหลายในสุโขทัย รวมทั้งรูปพระไต่โซ่ไหว้พระบาท)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 10:59
วัดนี้อยู่ห่างจากโคลอมโบไปประมาณ 7 กิโลเมตร มีความสำคัญมากมาแต่อดีตกาล นอกจากเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าแล้ว ในคริสตวรรษที่ 15 ได้เพิ่มพิเภกหรือวิภีษณะเข้าไปเป็นผู้ดูแลวัดแห่งนี้

ในราวณคาถา ของวิกรมสิงเห อธิกรรณะ กล่าวว่า หลังจากพระรามปราบทศกัณฐ์ได้แล้ว ได้อภิืเษกพิเภกให้เป็นราชาแห่งยักษ์ต่อไป พิเภกได้ย้ายเมืองหลวงจาก อลกามณฑล (เมืองยักษ์ชื่อเดียวกับเมืองของเวสสุวัณ ท้าวมหาราชของยักษ์) มาที่กัลยาณีแห่้งนี้ ชาวบ้านแถบนี้จึงนับถือพิเภกเป็นพิเศษ

ภาพพระรามอภิเ๋ษกพิเภกขึ้นครองอลกาครับ ผู้หญิงข้างๆคงเป็นตรีชฎา (หรืออาจเป็นมณโฑ แต่ในอินเดียไม่ค่อยฮิตนางมณโฑ) :-X



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 11:40
ลังกาก็เช่นเดียวกับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนับถือผีและเทพพื้นเมือง รวมทั้งศาสนาต่างๆปะปนกัน ที่นี่จึงมีเทพรักษาเกาะโดยเฉพาะตั้งแต่ยุคก่อนพระพุทธกาลอยู่หลายองค์ ที่นับถือกันแพร่หลายมีอยู่ 4 องค์ คือ

1.กะตะระคาม (องค์นี้คือ กรรติเกยะ หรือ สกันทกุมาร หรือขันทกุมาร เทพพื้นเมืองอินเดียใต้ที่โดนฮินดูกลืนให้เป็นบุตรพระศิวะ แล้วก็โดนไทยกลืนต่อ เดิมเราเรียก ขัตตคาม แล้วเพี้ยนความ กลายเป็น "จตุคาม" หรือ เทพสี่บ้าน ซึ่งไม่เหลือความหมายเดิมอีกต่อไป) 

2.รามเทพ องค์นี้คือพระราม

3.วิภีัษณะ (พิเภก)

4.สุมัน (สุมน เทวดารักษาเขาสุมนกูฏหรือเขาพระบาทอัน "พระยาธรรมิกราชให้ไปพิมพ์เอารอยตีนพระเป็นเจ้า เราเถิงสิงหล อันเหยียบเหนือจอมเขาสุมนกูฏบรรพต") อันหนึ่งไว้เมืองสุโขทัย อันหนึ่งไว้เมืองศรีสัชนาลัย อันหนึ่งไว้เมืองบางพานเหนือจอมเขานางทอง อันหนึ่งไว้เขาปากพระบาง (นครสวรรค์)


ที่ใดที่มีชาวสิงหลไปตั้งบ้านตั้งเมืองอยู่หนาแน่น ก็จะสถาปนาพระบรมธาตุประจำเมือง แล้วสร้างเทพเจ้าทั้งสี่องค์ให้รักษาพระศาสนา คตินี้สะท้อนกลับมายังเมืองนครศรีธรรมราชบ้านเรา แต่คติกตรคาม-รามเทพ นี้คงมีมาไม่นานนัก เนื่องจากศาสนสถานที่มีอายุก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 ยังไม่ปรากฏเทพเจ้าเหล่านี้ชัดเจนนัก บ้านเราเหลือเพียง 2 องค์ ก็ไม่ทราบว่าทำไม แต่เดิมอาจจะมีถึง 4 ก็ได้

เมืองนครเอง คงมีชาวลังกามาอาศัยอยู่มากมาย พุทธศาสนาก็คงรุ่งเรือง ถึงแก่พระเจ้ารามคำแหงท่านออกพระโอษฐ์ไว้ว่า

"สังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตรหลวกกว่าปู่ครูในเมืองนี้ ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา"


ภาพกตรคามครับ มีหกหน้า เำพราะแต่เดิมดาวลูกไก่ (กฤติกา) เอาไปเลี้ยง ถือหอก (เวละ) ทรงนกยูง






 



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:17
ไม่มีรูปเทวดารักษาพระธาตุนคร ใครมีช่วยเอามาแบ่งกันดูไหมครับ  :P

วัดนี้สร้างใหม่ทั้งหมด เนื่องจากโดนโปรตุเกสเผาเหี้ยนเตียน โดยสร้างเลียนแบบวัดพระเขี้ยวแก้วที่แคนดี้ แต่ก็ทำได้สวยงามดี โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนัง ที่เขียนขึ้นโดยช่างชาวศรีลังกา เมื่อ 60-70ปีที่แล้ว งามจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแค่ช่างแขกที่ไม่เคยไปเรียนที่อิตาลีหรือฝรั่งเศส


ศิลปินท่านนี้ชื่อ Solius Mendis เป็นชาวบ้านธรรมดาๆชาวสิงหล พ่อแม่อยากให้บวชพระเสีย แต่เมนดิสแกเกิดรักทางช่าง แสดงฝีมือออกมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนมีผู้เห็นแวว พอมีการสร้างวัดกัลยาณีขึ้นมาใหม่ ก็ส่งแกไปดูงานจิตรกรรมอินเดียที่อชันตา เอลโลรา และภาค หวังว่าแกจะได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะคลาสสิคเมื่อหลายพันปีก่อน แต่แกกลับสร้างแนวทางของตัวเองขึ้นมา โดยใช้ระบบทัศนียวิทยาแบบสมจริงตามแบบตะวันตก สร้างผลงานที่เป็นอมตะจนทุกวันนี้


เมนดิสใช้เวลาเขียนวัดกัลยาณีอยู่ถึง 19 ปี โดยใช้วัสดุจากท้องถิ่นสิงหลเอง และจากที่ได้ไปดูงานในอินเดีย ทั้งจากดิน จากพืช และมีส่วนผสมที่ใช้รักษาสภาพสี ซึ่งไม่มีใครทราบว่าแกใช้อะไร

งานเขียนของแกกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ใช้สีแนวเอิร์ธโทนที่ไม่ข่มประติมากรรมประธาน หรือประติมากรรมอื่นๆ ไม่แย่งซีนกันเด่น และมีกลิ่นอายของจิตรกรรมอินเดียผสมผสานกับศิลปะคลาสสิคแบบลังกา

ภาพพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะรับหน่อพระศรีมหาโพธิ์จากพระมหินท์ครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:22
ตอนแรกผมก็นึกว่าเป็นช่างชาวยุโรป มาตกใจตอนหลังที่รู้ว่าเป็นแขกสิงหลหน้าหนวดๆ บ้านๆนี่แหละ

ภาพพระพุทธโฆษาจารย์แปลคัมภีร์ภาษาสิงหลเป็นบาลี ในพุทธศตวรรษที่ 10 พระพุทธโฆษาจารย์องค์เดียวกับที่วัดพุทไธสวรรย์ อยุธยานั้นเอง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:26
พระอุบาลีรับตาลปัตรจากพระเจ้ากรุงแคนดี้ พระอุบาลีนี้เป็นพระชาวสยามที่พระเจ้าบรมโกศทรงส่งให้ไปบรรพชากุลบุตรชาวสิงหล เนื่องจากพุทธศาสนาที่ลังกาขาดวงศ์เสียแล้ว ในลังกานับถือท่านมากมายนักหนาแก่กม สยามวงศ์ปัจจุบันก็ยังเป็นผู้ครอบครองพระเขี้ยวแก้วอยู่


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:35
เมนดิสเขียนภาพวัดกัลยาณีอยู่ถึง 19 ปี จนกระัทั่งมีเหตุมากระทบกระเทือนใจแก เนื่องจากมีคำสั่งแต่เบื้องบนมาให้เปลี่ยนช่างเขียน เป็นช่างชาวรัสเซีย ซึ่งไว้ใจกันว่าเขียนดีกว่าตามประสาคนเอเซียเห่อฝรั่ง แล้วบริเวณที่เขียนก็เป็นช่วงสำัคัญที่สุด คือสกัดหลังพระประธาน ที่เก็บไว้เขียนหลังสุด

ปัจจุบัน ช่างรัสเซียคนนั้นเขียนสกัดหลังเป็นเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ว่าขาดความสมจริง ดูแปลกปลอมและไม่เข้ากัันกับส่วนอื่น ขาดจิตวิญญาณของพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง

ส่วนเมนดิสเอง แกช้ำใจตามประสาศิลปินอารมณ์อ่อนไหว ก็เลยเลิกเขียนจิตรกรรมอย่างสิ้นเชิง กลับไปเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:42
ฝีมือไม่ธรรมดาเลยพ่อคนนี้ พอสูสีกับพระที่นั่งอนันตสมาคมของเราเลย

แต่เกิดเป็นช่างก็คู่กับความอาภัพเป็นธรรมดา  :'( แกอกหักครั้งนั้นแล้วก็กลับไปอยู่บ้าน และไม่เคยกลับไปยังวัดกัลยาณีที่แกทำงานมา 19 ปีอีกเลย

แต่แกก็ยังทำบุญทำทานตามประสาชาวพุทธ โดยบริจาคเงินกับที่ดินให้สร้างมูลนิธิคนตาบอด แกให้เหตุผลว่าสงสารคนที่ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความสวยงามของงานจิตรกรรมที่ช่างทั้งหลายรังสรรค์ขึ้น (โฮ้.....)

 แ้ล้วยังยกชาดกเรื่องสีวีราชขึ้นมาประกอบ เรื่องมีว่าพระโพธิัสัตว์เสวยชาติเป็นขอทานตาบอดไปหาพระเจ้าสีวิราช ซึ่งพระองค์ก็บริจาคพระราชทรัพย์ให้มากมาย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:48
ภาพเขียนแปลกปลอมของช่างชาวรัสเซีย ใช้สีฟ้าแปร๋นขึ้นมาตัดกับส่วนอื่นอย่างสิ้นเชิง พระประธานก็มีขนาดเล็กไม่เข้ากับสัดส่วนซุ้ม


ส่วนเมนดิสของเราันั้น แกก็ตายไปอย่างคนธรรมดาในปี 1975 โดยไม่มีเกียรติไม่มียศ งานศพจัดอย่างชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีใครจำแกได้ ทางการก็ไม่สนใจอะไรแก แม้ว่าแกจะฝากผลงานไว้ในวัดหลายๆแห่งก็ตาม อย่างที่รู้กันว่าศิลปินมักได้รับเกียรติหลังตายไปแล้ว



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 12:54
19 ปีนี้ แกทำรีเสริชมาดีจริงๆ ใครชอบศิลปะมาที่นี่ ต้องมานั่งเดานั่งคิดกัน ว่าจุดนู้นจุดนี้ที่แกเขียน แกไปเห็นอะไรมา ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

ภาพทูตพระเจ้าบุเรงนองมาศรีลังกา จะเห็นพม่านุ่งโสร่งกั้นจ้องอยู่ซ้ายสุด มงกุฏการแต่งกายอะไรเป็นพม่าหมด ไม่ได้เขียนอย่างลวกๆให้เสร็จๆ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มี.ค. 10, 12:56
น่าสงสารช่างเมนดิสท่านนี้ครับ แต่ถึงอย่างไรผลงานก็ยังฝากไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมได้ศึกษา
คนที่เข้าไปในพระอารามก็จะได้ระลึกถึง มีจิตใจส่งเมตตาถึงกันเป็นกุศล

แล้วนี่พี่กุได้ไปชมพระบาทบนเขาสุมนกูฏไหมครับ อยากดูภาพ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 13:17
ไม่ได้ไปสุมนกูฏอะน้องเน สูงเท่าดอยอินทนนท์อะ เดินขึ้นวันนึง ลงอีกวัน ขึ้นเย็นถึงตีสอง

ไม่มีรูปทวารบาลพระธาตุนครชัดๆหรอ ;D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มี.ค. 10, 13:39
กำลังจะบอกว่าให้ขอพี่ยุทธเลยครับ แต่ไม่ทันแล้วพี่เขาจัดไว้ให้แทบทุกตารางฟุต  ;D
พี่ยุทธภาพชุดนั้นถ่ายละเอียดดีจังครับ แต่ชอบภาพที่ไม่ใช้แฟลชมากกว่า ดูลึกลับดี 555


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 16 มี.ค. 10, 13:58
 :Pทุกตารางฟุตแบบนี้หรือเปล่าน้องเนจ๋าอิอิ(ค้าวขาวน่ากิน)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 16 มี.ค. 10, 15:14
ไอ้ภาพพระบฎที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสงไปถวายพระเจ้ากรุงลังกา มันยังเหลืออยู่รึเปล่าคุณกุ(น่าจะอยู่ในพิพิธภัณฑ์ใดที่นึง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 18:28
พี่ยุทธมีอีกหรือเปล่าครับ 5555 ;D

ภาพพระบฏไม่ทราบว่าไปไหนครับ มีแต่ในหนังสือของอาจารย์นันทนา ซึ่งแกสนิทกับโรแลนด์ ซิลวา นักโบราณคดีและไฮโซชาวลังกา เลยได้ภาพมา

ได้แวะเข้าไปวัดบุปผาราม ที่ำพระอุบาลีไปจำพรรษามาด้วย ทุกวันนี้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดมัลวัตตะ ไปถามพระดู แกทำท่างงๆ (ได้ข่าวว่าเคยมีการถามมาหลายรอบแล้ว) เชื่อว่าพระบฏนั้นคงจะเก็บไว้วัดอื่นมากกว่า :)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 18:47
วัดนี้ยังมีรูปพระเจ้าเข้านิพพานองค์ใหญ่ ลังกาชอบมากมาย เป็นพระนอนพับศอกแบบอินเดีย ดังนั้น พระนอนสุโขทัยหรืออยุธยาตอนต้นก็พับศอกเหมือนกัน

มีตู้ใหญ่อยู่ท้ายพระบาท คลุมผ้าสีๆ เหมือนทิเบต ก็สงสัยว่าเป็นตู้อะไร แล้วสักพักก็มีเจ๊แขกคนนึงอุ้มลูกมา เอาลูกวางไว้บนแท่นแล้วก็ไหว้สรวงบวงพลีอยู่หน้าตู้นั่น เราก็สงสัยว่าในนั้นมีอะไรหว่า


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 18:49
เจ๊แขกเอาลูกวางหน้าตู้ลึกลับ ??? แล้วไหว้สรวงบวงพลีอะไรบางอย่างในตู้...


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 19:00
สักพักก็มีตุ๊เจ้าแขกองค์นึงเดินเข้ามา ถามเราว่ามาจากเมืองไทยใช่ไหม (รู้ได้ไงหว่า ปกติมีแต่คนทักเป็นเกาหลี ;D) แล้วท่านก็แหวกม่านไขประตูตู้ให้เราเข้าไป

ตกตะลึงมั่กๆ ข้างในเป็นเทวรูปเทพรักษาเกาะลังกา คือกัตตุคาม รามเทพ สุมนเทพบุตร ทำจากปูนปั้นทาสีสูงสักสามเมตรได้ บรรยากาศลึกลับมีแสงสลัวๆ แล้วท่านก็หยิบสายสิญจน์มาผูกข้อมือให้ สวดภาษาบาลีอะไรสักอย่าง จับได้แต่ฑีฆายุโก สุขขัง อะไรทำนองนั้น


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 19:58
ผนังรอบๆพระเจ้าเข้านิพพาน เขียนภาพเทพผู้พิทักษ์พุทธศาสนา มีทั้งท้าวมหาราชทั้งสี่ เทพรักษาเกาะลังกาทั้งสี่ เทพชุมนุมที่มาในการปรินิพพาน พระสงฆ์สาวกถือดอกบัวรายล้อมเป็นแถวๆ รวมทั้งเทพฮินดูที่จับมารักษาพุทธศาสนาด้วย

พระศิวะแบบลังกาครับ :)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 20:00
จตุคาม แบบมีหน้าเดียว  :(


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 20:21
วันถัดมา ผมไปเยี่ยมเมืองอนุราธปุระครับ เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา ตั้งแต่ยุคพุทธกาลทีเดียว จนกระทั่งถูกทมิฬตีแตกในพุทธศตวรรษที่ 16 นับว่าเป็นเมืองหลวงที่มีอายุยาวนานแห่งหนึ่งของโลก คือราวๆ 1600 ปีทีเดียว ทั้งเมืองจึงเต็มไปด้วยซากศาสนสถาน โดยเฉพาะสำนักสงฆ์ต่างๆ มีจำนวนมหาศาล ลองนึกภาพเขตอรัญญิกในกำแพงเพชร หรือศรีสัชนาลัยครับ แต่อาณาบริเวณกว้างขวางกว่ามากมายนัก


มีวัดจำนวนไม่มากนัก แต่บริเวณของแต่ละวัดกว้างมาก แต่ละัวัดก็จะมีแนวความคิดของตัวเองแตกต่างกันไป เช่น วัดนี้เป็นมหายาน วัดนี้เป็นเถรวาท คล้ายเป็นสำนักสงฆ์แตกแยกความคิดกันไป โดยมีวัดหลักๆ 2-3 วัด เช่น สำนักมหาวิหาร เป็นสายเถรวาทหลัก สำนักอภัยคีรีเป็นมหายาน เป็นต้น

วัดใหญ่ๆบางวัดอาจจะมีพระสงฆ์ถึง 5000 รูป!!! วัดขนาดรองลงไปก็จะมีพระประมาณ 2000 รูป

 ตามบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน กล่าวว่า มีพระนักศึกษาจากประเทศต่างๆมาร่ำเรียนกันที่นี่ รวมทั้งตัวท่านเองด้วย แต่ละสำนักก็จะวีนแข่งกันเอง

ในวัดก็จะประกอบด้วยศาสนสถานต่างๆ หลักๆคือ ต้องมีเจดีย์ประธานขนาดมหึมา ที่นี่ไม่สร้างเจดีย์กันพร่ำเำพรื่อ มีเจดีย์น้อยกว่าบ้านเราหลายเท่า แต่เจดีย์ิองค์หนึ่งๆ สูงราวๆพระปฐมเจดีย์ แต่อ้วนกลมกว่ามาก บางองค์อย่างที่เชตวัน ถือเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากปิรามิดที่กีซ่า

นอกจากนี้ก็จะมี หมู่กุฏิเครื่องไม้ ซึ่งพังไปหมด แต่ยังมีฐานจำนวนมากมาย บางหลังมีอ่างอาบน้ำส่วนตัวด้วย มีห้องสมุด หอไตร มีโบสถ์กลางสระ มีที่ทำสมาธิ มีหอฉันเป็นสัดส่่วน มีโรงพยาบาลสงฆ์ มีบ่อกักเก็บน้ำ บ่่อสรงน้ำของพระ กุฏิของพระชั้นสูงบางหลังก็มีถานส่วนตัว เหมือนที่พบกันในสุโขทัย

สถูปเชตวันครับ หลวงจีนฟาเหียนแกเคยไปร่ำเรียนอยู่วัดนี้ เป็นสำนักมหายานที่ใหญ่ที่สุดในลังกา





กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 20:36
ส้วมพระไฮโซครับ คงเป็นถานของพระราชาคณะ ถึงทำเป็นรูปปราสาท ร่องกว้างๆคงเป็นถานสำหรับอุจจาระ

ในพระวินัยกำหนดให้แยกอุจจาระออกจากปัสสาวะ ถานพระจึงมี 2 ที่ หรือบางถานก็รวมกัน แต่มีร่องระบายน้ำปัสสาวะไว้ ไม่ให้ปนกับอุจจาระ เนื่องจากจะทำให้อุจจาระเปียกและส่งกลิ่นเหม็น สู้ปล่อยให้แห้งไปดีกว่า

แต่ของลังกาไฮเทคกว่านั้น เนื่องจากลังกามีอ่างเก็บน้ำมาก เขากลัวน้ำโสโครกจะไหลลงอ่างน้ำ จึงจัดการกรองเสียก่อน ด้วยการฝังหม้อดินถึงสามใบลงไปใต้ถานปัสสาวะ หม้อแต่ละใบก็จะใ่ส่ทราย ใส่กรวด ใส่อะไรต่ออะไรลงไปกรอง เหมือนระบบกรองน้ำปัจจุบันเลย

ส่วนถานอุจจาระก็จะมีหม้อใบใหญ่รองรับ รอจนแห้งหรือเต็มค่อยหิ้วไปจำเริญ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 20:41
อันนี้เป็นถานพระสำหรับปัสสาวะครับ ในพระวินัยกำหนดในพระถ่ายปัสสาวะต้องนั่งยองๆ จึงมีที่รองเท้าให้ด้วย และมีรางระบายปัสสาวะออกไป

ในสุโขทัย ล้านนาของเราเองก็มีถานลักษณะนี้อยู่มากมาย เป็นถานก่ออิฐก่อแลงบ้าง เป็นแผ่นหินก็มี ซึ่งแต่เดิมเคยเชื่อกันว่าเป็นฐานโยนิ!



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 21:56
ส้วมของสุโขทัยครับ ทำจากแลง มีรางระบายปัสสาวะ ชิ้นนี้อยู่ในอรัญญิกที่กำแพงเพชร วัดอาวาสใหญ่ ปัจจุบันมีเฟินขึ้นสวยงาม


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 16 มี.ค. 10, 21:58
ส้วมล้านนาครับ วัดธาตุเขียว เมืองเชียงแสน คาดว่าเป็นพวกนิกายลังกาใหม่วัดป่าแดง เคร่งครัดมาก วัดเดียวจึงมีส้วมถึง 13 หลัง คาดว่าอาจเป็นส้วมปลอมของพระพุทธรูปมากกว่า แบบที่แพร่


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มี.ค. 10, 23:09
Ho! ... Lord!!!! ภาพด้านบนไม่ไหวครับ .... :-\ 
กรรม โดน paparazzi เข้าให้แล้ว  :'(

ภาพซุ้มเทพยาใน คคห.35 ทำให้นึกถึงซุ้มของสุโขทัยนะครับ มีลักษณะนี้หลายที่คงมาจากลังกานี่เอง
ภาพประกอบจากวัดมหาธาตุครับ

... :'( :'( :'(


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มี.ค. 10, 23:11
ภาพนี้มาจาพช.รามคำแหงครับ ถ่ายแต่เป็นจุดๆมาลืมถ่ายภาพรวม ต้องขออภัย

ปล.ปวดใจตรงที่มันอยู่ภาพบนนี่ล่ะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มี.ค. 10, 23:12
อีกส่วนของชิ้นที่แล้วครับ จะเห็นว่าเป็นรูปแบบเดียวกันกับของลังกาเลย  :o


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 17 มี.ค. 10, 03:47
นั่งปั่นงานมา 4 ชั่วโมง เพิ่งจะเสร็จ
เข้ามาแปะโป้งไว้ก่อนนะครับ ไว้ว่างมาอ่านต่อ



ปล. กระทู้นี้เรต R มีทั้งช่างภาพ นายแบบ และเจ้าของกระทู้ หุหุหุ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 08:17
ปวดจายอารายน้องเน พี่ดิปวด5555 อัพกระทู้ทีไรรูปแกขึ้นมาเปงรูปแรกเรย กว่ามันจะขึ้นหน้าใหม่ให้ 5555 (สงสัยรีบตอบๆๆให้มันเปลี่ยนหน้าใหม่แหงม) ;D


ซุ้มที่แกยกมาเป็นซุ้มมกรโตรณะแบบอินเดียใต้อะ มันส่งอิทธิพลให้ลังกาด้วย ส่วนสุโขทัยเอาไปปรับใช้ให้มีกลิ่นแบบไทยๆเข้าไป ดูอ่อนช้อยขึ้น

คติของมกรโตรณะมีอยู่ว่า มกรเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ เพราะเป็นสัตว์น้ำ น้ำเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการเกิด ดังนั้น เมื่อมกรคายวงโค้งออกมาเป็นซุ้ม ก็จะคายคนออกมาด้วย (การเกิด)

ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนปลายซุ้มไปเป็นกินรี ก็จะหลุดคอนเซปต์ไป แต่ก็ยังทำ อาจเป็นเรื่องของความงามตามใจช่างท่าน เปลี่ยนหางมกรให้เป็นหางกินรีเสีย ซุ้มกินรีนี้ พบมากมายนักหนาในพุกาม มากกว่าในสิงหลเสียอีก

การที่มีอิทธิพลลังกาอยู่ในสุโขทัยมาก ปรากฏเรื่องอยู่ในจาึรึกวัดศรีชุมว่า "สมเด็จพระมหาสามี จากแต่สีหลมาพาฝูงคนดีแบกอิฐแต่ต่ำ ขึ้นไปกระทำพระเก้าท่านคืนบริบวรณด้วยศรัทธา" และเอาพระธาตุจากสีหลมาบรรจุไว้ 2 องค์ หลายคนตีความตอนนี้ว่าเป็นการซ่อมพระมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย ซึ่งก็ต้องกับหลักฐาน เพราะปูนปั้นที่นั่นเกือบจะดูเป็นลังกาแท้ สรุปว่า พระมหาเถรศรีศรัทธาท่านอิมพอร์ตช่างมาแต่ลังกาทีเดียว


แต่ขึุ้นชื่อว่าช่างไทยแล้ว ไม่ลอกใครมาเปล่าๆลุ่นๆ เลยครับ ถึงจะมีตัวอย่างจากเมืองนอก แต่ท่านพลิกแพลงไปตามใจชอบ เห็นสมควรว่าสวยว่างาม ลังกามีอิทธิพลทางศาสนาต่อสุโขทัยก็จริง แต่รากฐานดั้งเดิมทางพุกาม-เขมร ซึุ่่งเป็นครูเก่ามาก่อนเราก็ยังไม่ทอดทิ้ง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 08:50
เรื่องซุ้มลังกา - สุโขทัย เดี๋ยวจะเอามาให้ดูแน่ๆ ขอรีเสริชก่อน แป๊บนึงๆ ???


พาเที่ยวต่อๆๆๆ มหาสถูปแรกที่ผมไปเที่ยวเลย คือรุวันเวลิเสยะ (Ruvanveli) ซึ่งมีอีกหลายชื่อ คือ สุวรรณมาลิกเจดีย์ (เจดีย์ทรายทอง) รัตนมาลิกเจดีย์ (เจดีย์ทรายแก้ว) ซึ่งชื่อหลังทั้งสอง เป็นชื่อที่คนไทยสมัยสุโขทัยเรียก


พระมหาสถูปแห่งนี้ถือเป็นเจดีย์สำคัญที่สุดองค์หนึ่งของลังกา เปรียบเสมือนเจดีย์ยุทธหัตถีบ้านเรา เพราะสร้างขึ้นเมื่อพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยชนช้างได้ชัยแก่พระยาเอฬารทมิฬ กอบกู้อิสรภาพให้กรุงลังกาได้

พระองค์จึงให้สร้างมหาสถูปมีหัตถีปราการ (ช้างล้อมที่ฐานด้านนอก หรือฐานประทักษิณ) ถือเป็นเจดีย์รุ่นแรกๆของลังกาที่มีช้างล้อม บางท่านก็ว่าท่านถือเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ชนช้างชนะพระยาทมิฬ ช้างจึงเ้ป็นสัตว์มีบุญคุณปกป้้องพุทธศาสนาจากท้าวต่างแดนนอกรีต



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 09:06
เจดีย์องค์นี้ คนสุโขทัยไปเที่ยวไหว้นมัสการกันแล้ว ท่านเรียกว่า สุวรรณมาลิกบ้าง รัตนมาลิกบ้าง

มีความเชื่อของลังกาว่า เมื่อถึงเวลาธาตุอันตรธาน (เมื่อสิ้นพุทธศาสนา 5000 ปี) พระบรมธาตุเจ้าทั้งหลายในพิภพมนุษย์ พิภพนาค จะไปรวมกันในห้องธาตุเจดีย์องค์นี้ แล้วเหาะไปต้นพระศรีมหาโพธิ์ เกิดเพลิงไหม้พระธาตุอันตรธาน เปลวเพลิงพุ่งขึ้นสูงเท่าพรหมโลก...

ในจารึกนครชุมกล่าวพยากรณ์วันสิ้นศาสนาไว้ว่า

"เมื่อปีอันจักสิ้นศาสนาพระพุทธเป็นเจ้าที่สุดทั้งหลายอั้น ปีชวดเดือนหกบูรณมี วันเสาร์ วันไทยวันระวายสัน ไพสาขฤกษ์ เถิงเมื่อวันดังนั้น แต่พระธาตุทั้งหลายอันมีในแผ่นดิืนนี้ก็ดี ในเทพโลกก็ดี ในนาคโลกก็ดี เหาะไปกลางหาว และไปประชุมกันในลังกาทวีป เข้าอยู่ในกลวงรัตนมาลิกมหาสถูป"

"แล้วจึงจักเหาะไปอยู่ในต้นพระศรีมหาโพธิ ที่ำพระพุทธเป็นเจ้าตรัสแก่สรรเพชญุตญาณเป็นพระพุทธเมื่อก่อนอั้นจึงจักกาลำไฟไหม้พระธาตุทั้งอั้นสิ้นแล เปลวพุ่งขึ้นคุงพรหมโลก ศาสนาพระพุทธจักสิ้นในวันดังกล่าวอั้นแล"

นึุกถึงเพลง Requiem ของโมสาร์ทเลย :'(

ช้างล้อมซ่อมใหม่แล้ว เป็นช้างยืนโผล่ออกมาครึ่งตัว เหมือนวัดช้างล้อมกำแพงเพชร แต่ไม่ทรงเครื่อง ไม่อยู่ในซุ้ม


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 10:07
เมืองอนุราธปุระ ยังมีวัดเก่าแก่อีกมายมายน้ักหนา เช่น วัดเชตวัน วัดลังการาม วัดทักษิณาราม วัดอโศการาม

ถ้าสนใจประวัติศาสตร์สุโขทัย จะทราบได้ว่า ชื่อวัดเหล่านี้ปรากฏในจารึกของสุโขทัยทั้งนั้น

พาไปดู monastery เขาบ้าง เป็นสำนักสงฆ์ที่มีอาคารอำนวยความสะดวกครบครันครับ

โรงพยาบาลครับ สิงหลเรียก เวทหาละ (Vedahala) ตรงกลางจะมีห้องพระ ล้อมรอบด้วยอาคารต่างๆ แบ่งเป็นผู้ป่วยนอก OPD ผู้ป่วยใน มีห้้องรักษาโรคแบบต่างๆ

อันนี้เป็นโลงหิน เขาว่าเอาไว้จับพระป่วยแช่น้ำยา


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 10:12
ห้องผู้ป่วยแต่ละห้องจะแยกจากกัน มีผนังคั่น (นัยว่ากันติดเชื้อมั้ง) มีห้องยาด้วยนะ ในนั้นก็จะมีพวกหิน โกร่ง สำหรับบดยา

อันนี้เป็นบ่อแช่น้ำร้อนในโรงพยาบาล เขาเรียกว่า ชันตาฆระ (Jantaghara) แขกสิงหลคุยว่าใช้หินแกะเป็นเดือยเข้าล๊อกกันสนิท น้ำไม่รั่วไม่ซึมเลย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 10:23
อันนี้เป็นหอฉัน จำชื่อสิงหลไม่ได้เสียแล้ว

นัยว่าแขกคุยว่าแต่ละวัดมีพระอยู่ 5000 รูป เวลาบิณฑบาต ก็จะเอาข้าวมาเทรวมๆกันในราง แล้วตักแบ่งกันทีหลัง รางข้าวทำจากหิน ยาวถึง 19 เมตร!!!

ต้องคิดดูว่าพระจะเยอะขนาดไหน บางวัดพิเศษเลย มีรางแยกกับด้วย แต่รางแยกกับจะสั้นกว่า

มีห้องนั่งฉันในระเบียง ตรงกลางเป็นลานตากบาตร และมีรางน้ำบนหลังคาปล่อยลงมาสำหรับล้างบาตร ที่ฐานมีบริเวณสำหรับล้างบาตร และมีทางระบายน้ำออกด้วย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 10:32
ดูฝ่ายอรัญญิกกันบ้างครับ ที่นี่ชื่อกาฬุเทยะ โปกุนะ (Kalutiya Pokuna) หรือสระดำ เชื่อว่า เป็นอารามเก่าแก่ ชื่อ หทัยุณหาราม (วัดหัวใจอบอุ่น :-*)

อยู่ในบริเวณวัดมหินตาเล อันเป็นที่มาของวัดป่ามะม่วงบ้านเรา

อารามนี้มีสระน้ำตรงกลาง กั้นเขื่อนกันตลิ่งพัง มีโบสถ์กลางน้ำ มีเจดีย์บนเนิน มีห้องสมุด มีกุฏิสองชั้นห้องน้ำในตัว มีบันไดหินเชื่อมแต่ละกุฏิ พื้นเล่นระดับ มีที่ทำสมาธิบนหน้าผา สามารถมองเห็นวิวทั้งหมด ยังกับรีสอร์ทหรูกลางป่า น่าไปบวชเป็นพระลังกามั่ง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 10:55
มาถึงวัดมหินตาเลครับ วัดนี้อยู่นอกเมืองอนุราธปุระไปพอสมควร บรรยากาศคล้ายๆภูพระบาทบ้านเรา

มีความสำคัญตรงที่ เป็นสถานที่ซึ่งพระมหินท์ โอรสพระเจ้าอโศกมหาราชที่บวชเป็นพระอรหันต์ มาพบกับพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะซึ่งกำลังออกล่ากวาง ทั้งสองได้ทายปัญหากัน แล้วพระเจ้าเทวาันัมปิยติสสะก็ยอมรับนับถือพุทธศาสนา มีเจดีย์สำคัญที่สร้างเป็นอนุสรณ์คือ อัมพสถานเจดีย์ หรือเจดีย์มะม่วง

ปัญหานั้นมีว่า พระมหินท์ชี้ไปที่ต้นไม้ใกล้มือ...

 "ดูกรมหาบพิต ต้นไม้นี้ชื่ออะไร"

"นี่ต้นมะม่วง"

"นอกจากต้นมะม่วงนี้ ยังมีต้นมะม่วงต้นอื่นอีกหรือไม่"

"ยังมีต้นมะม่วงอีกมายในป่านี้"

"นอกจากต้นมะม่วงอื่นๆแล้ว ยังมีต้นไม้อื่นอีกหรือไม่"

"นอกจากต้นมะม่วงอื่นๆแล้ว ยังมีต้นไม้อื่นอีกมากแต่มิใช่ต้นมะม่วง."

"นอกจากมะ่ม่วงต้นอื่นๆ และต้นไม้อื่นที่มิใช่ต้นมะม่วงแล้ว ยังมีต้นไม้อื่นอีกหรือไม่ มหาบพิต"

"มีสิ ก็ต้นมะม่วงต้นนี้ไง " 8)

"โอ มหาบพิต พระองค์ทรงพระสติปัญญาอันล้ำเลิศ!!"  :o


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 11:30
วัดนี้จะถือเป็นจุดกำเนิดพระพุทธศาสนาในลังกาก็ว่าได้ ทุกวันนี้เจดีย์มะม่วงหรืออัมพสถานถูกซ่อมใหม่แล้ว แต่ก็ยังเป็นปูชนียสถานสำคัญของลังกา เป็นที่แสวงบุญกันแพร่หลาย


 และที่สำคัญก็คือเป็นต้นกำเนิดวัดป่ามะม่วง สุโขทัยบ้านเรา!!! ;)

เรื่องปรากฏในจารึกป่ามะม่วง ปีพ.ศ.1890 พญาฤาไทย (ลิไทย มหาธรรมราชาที่1) เสวยราชย์อยู่เมืองศรีสัชชนาลัย สุโขทัยได้ยี่สิบสองข้าว ก็โปรดให้ราชบัณฑิตไปเชิญมหาสามี แต่ลังกาทวีป อันมีศีลาจารคล้ายพระขีณาสพมายังกรุงสุโขทัย ให้มาพักยังเมืองพันในหัวเมืองมอญ จากนั้นพระองค์โปรดให้ปลูกกุฎีวิหารในป่ามะม่วงทิศใต้กรุงสุโขทัย ปราบพื้นให้ราบแล้วประดับประดาข้าวตอกดอกไม้เรียบร้อยงามหนักหนาดังพระพิษณุกรรมมานฤมิตร


แล้วให้อำมาตย์ราชสกุลทั้งหลายไปอัญเชิญมหาสามีมาแต่เมืองพัน มาทางเมืองฉอด เมืองเชียงทอง เมืองบางจันทร์ บางพาร เข้าประตูทางทิศบูรพาไปถึงทิศประจิม  ให้กั้นเพดานผ้าไม่ให้แสงตะวันร้อน แขวนพวงมาลัยดอกไม้ ปูลาดผ้าเบญจรงค์ไม่ให้ฝุ่นเปื้อนพระบาท อัญเิชิญมหาสามีเข้าจำพรรษา


เมื่อออกพรรษาก็ทรงกระทำมหาทาน หล่อพระพุทธรูปทองสำริดใหญ่เืท่าองค์พระพุทธเจ้า ประดิษฐานไว้กลางเมืองสุโขทัย

จากนั้นทรงออกบวชเป็นพระภิกษุ ทรงอธิษฐานว่า ผลบุญที่อาตมาออกบวชครั้งนี้ไม่ปรารถนาจักรพรรดิสมบัติ พรหมสมบัติ อินทรสมบัติ อาตมาปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้านำสัตว์ข้ามสังสาร....


พญาิลิไทยทรงพระโอษฐ์ (เมาท์) ต่อว่า เมื่อทรงรับไตรสรณคมแล้ว ชาวบ้านต่างร้องไห้สาธุการบูชา ธรณีไม่อาจรับพระคุณอันหนักของพระองค์ได้ก็สั่นไหว พื้นน้ำก็สะเทือน เมื่อพระองค์ย่างพระบาทลงสัมผัสพื้นดินวัดป่ามะม่วง ธรณีก็ไหว (อีกรอบ)  และยังมีปาฏิหาริย์อื่นๆอีก แต่ไม่ทรงเมาท์ต่อ...


ในบริเวณเดียวกันยังมีเจดีย์อีกหลายองค์ ในภาพบนยอดเขาคือ เจดีย์มหินทุเสยะ ครับ ประดิษฐานพระอุณาโลมของพระพุทธเจ้า


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 11:36
จะเห็นได้ว่า พญาิลิไทยทรงไอเ้ดนติไฟน์พระองค์เองเป็นพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ อาจจะเป็นเพราะทรงเชี่ยวชาญปิฎกไตร ทรงอ่านมหาวงส์พงศาวดารลังกามากจนอินพระทัย เมื่อเชิญมหาสามีมา ก็ตี๊ต่างให้มหาสามีสิงหลนั้นเป็นพระมหินทเถระ ปลูกกุฎีวิหารให้อยู่ในป่ามะม่วง จำลองเหตุการณ์ตอนพบเทวานัมกับพระมหินท์พบกันที่มหินตาเล

ลังกานี่ช่างมีอิทธิพลต่อสุโขทัยจริงๆ หายใจเข้าออกเป็นสิงหลทวีปกันหมดเลย

มีเจดีย์อีกบนยอดเขาอีกลูก ชื่อเจดีย์กัณฐกะครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 17 มี.ค. 10, 11:40
ใกล้ๆเจดีย์ยังมีอาราธนาคัล หรือหินอาราธนา ซึุ่งเชื่อว่าพระมหินท์เหาะจากอินเดียมาลงที่นี่ บ้างก็เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่สุมนสามเณรเหาะขึ้นไปประกาศเชิญเทพเจ้าต่้างๆ ให้มาฟังพระมหินท์เทศนา


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 17 มี.ค. 10, 12:25
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายครับพี่กุ  ;D
บรรยากาศที่ลังกานี่น่าไปเหมือนกันนะครับ เพิ่งดู little Buddha เห็นแล้วอยากไปเนปาล


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 11:45
ิบรรยากาศคล้ายๆเนปาลนะ (เคยไปหรอฟะ ???)

ขอรักษาคอนเซปท์ชมรมอนุรักษ์ิจิตรกรรมไทยบ้างนิดนึงครับ พาไปดูิจิตรกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกาที่สีห์คีรียะกันดีกว่า จิตรกรรมที่นี่มีอายุตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 11 ถ้าเชื่อว่าเขียนขึ้นสมัยพระเจ้ากัสสปะ ผู้สร้างวังสิห์คีรียะ นั่นคือร่วมสมัยตอนต้นของทวารวดีบ้านเราทีเดียว และมีอายุอยู่ร่วมสมัยจิตรกรรมอันเลื่องชื่อที่ถ้ำอชันต้า รัฐมหาราษฏร์ อินเดียอีกด้วย

ลักษณะการเขียนเห็นได้ชัดว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากจิตรกรรมอินเดียสมัยคลาสสิค ซึ่งเขียนภาพมีมิติ มีกล้ามเนื้อเสมือนจริง มีการลงแสงเงาทำให้ภาพไม่แบน ลักษณะเด่นก็คือ นิยมให้แสงเข้าจากด้านหน้า ทำให้เน้นเ้ส้นใช้สีเข้มกว่า

หากเทียบกับอินเดียแล้วถือเป็นยุคทองทีเดียว ซึ่งหลังจากนั้นต่อมา จิตรกรรมอินเดียจะเสื่อมลง กลายเป็นภาพสองมิติ เขียนแบบแบนๆ ไม่ีมีแสงเงา ไม่มีกล้ามเนื้อ ใช้มุมมองจากด้านข้างมากกว่า






กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:09
สีหคีริยะเป็นก้อนหินขนาดมหึมาสูง 90 เมตร พระเจ้ากัสสปะผู้ครองราชย์ช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 10 ทรงสร้างพระราชวังไว้ด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นรมยสถานอุทยานสวนน้ำ มีน้ำพุที่ยังใช้งานได้ในหน้าฝน (พุแบบเตี้ยๆ) มีอ่างน้ำเล่นระดับเป็นลำรางสวยงามนักหนาแก่กม

เขาเมาท์กันว่าพระองค์ทรงกระทำปิตุฆาต แล้วขับไล่เจ้าชายโมคคัลลาน์ ซึ่งเป็นรัชทายาทองค์จริงไปอยู่อินเดีย ต่อมาเกิดกลัวว่าพี่ชายจะกลับมาชิงบัลลังก์ เลยสร้างวังไว้บนยอดเขา จะได้ตีฝ่าเข้ามายาก (ซึ่งก็ยากจริงๆ วังแกยังกะค่่ายกล กว่าจะปีนขึ้นไปได้) อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็โดนโค่นบัลลังก์โดยเจ้าชายโมคคัลลาน์อยู่ดี แต่บางกระแสก็ว่าโดนสนมวางยา



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:11
น้ำพุโบราณสมัย 1500 ปีที่แล้ว ยังใช้ได้ในฤดูฝน เทคโนโลจีของลังกาสุดยอดจริงๆ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:20
ภาพเขียนที่สีหคีริยะเหล่านี้อยู่ในชะง่อนผาชันเกือบ 90 องศา คล้ายๆผาแต้มบ้านเรา แต่อยู่สูงเหนือกว่าพื้นดินมากทีเดียว กล่าวคือ เหนือกว่าระดับทางเดินปกติขึ้นไปมากทีเดียว ต้องไต่กระไดวนขึ้นไป โดยเขาาสร้างนั่งร้านทางเดินไว้ให้ชมภาพโดยเฉพาะ ถ้าใครขี้เกียจปีน จะเดินขึ้นเขาไปดูวังต่อก็ได้ครับ

พื้นที่ของภาพกินอาณาบริเวณยาวกว่า 140 เมตร และสูง 40 เมตร เขียนด้วยเทคนิกเฟรซโก้ หรือภาพปูนเปียก เป็นภาพผู้หญิงครึ่งตัว (ไ่ม่มีขา) เขาว่าเป็นเทพยดานางฟ้า แต่ก่อนมีถึง 500 นาง (เมื่อราว 100 ปีก่อน) เดี๋ยวนี้เหลือ 20 กว่านางเอง

ทางลังกาได้อนุรักษ์ภาพเขียนเหล่านี้เอาไว้อย่างดี เนื่องจากมีอายุกว่า 1500 ปีแล้ว และถือเป็นภาพเขียนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซีย ต่อมามีแขกสิงหลขายของอยู่แถวตีนเขา ถูกไล่ที่ขายของ เกิดโมโหขึ้นมาเอาสีเขียวไปป้ายทับเสีย แต่โชคดีที่ทางการอนุรักษ์ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเคลือบพลาสติก ??? ก็เลยจัดการซ่อมแซมลอกเอาสีออกได้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ก็มีการกั้นรั้วเรียบร้อย มีแขกหนวดหน้าตาดุร้ายยืนเฝ้าไม่ให้เอามือไปจับ ห้ามพกน้ำขึ้นไป ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:22
ความสูงจากระดับภาพเขียน เขาทำทางเดินไว้ให้เป็นระเบียงมีลูกกรงกันตกอย่างดี


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:27
ดูภาพเขียนกันบ้างครับ ภาพนางกำนัล เขาว่าตัวไม่ใส่เสื้อเป็นตัวนายถือดอกไม้ ตัวคนใช้ถือถาดใส่เสื้อ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:29
 8)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:31
 ดูรายละเอียดมือเขา ช่างท่านช่างสังเกตจริงๆ ยังกับจิตรกรรมยุคเรอเนสซอง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:33
ช่างท่านตั้งใจเขียน ขนาดอยู่ในที่ลับตา (เพราะสูงจากทางเดินขึ้นไปสิบกว่าเมตร)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:34
 ;D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 12:37
ถือเป็นยุคคลาสสิกของจิตรกรรมลังกาจริงๆครับ เพราะหลังจากนี้ ช่างลังกาจะเขียนไม่ได้อย่างนี้แล้ว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 18 มี.ค. 10, 15:00
สวยจริงๆคะ อย่างกับมีชีวิตจริงๆ ทรวดทรง องค์เอว ลายเส้นที่วาด ดูมีอิสระ ไม่ต้องเนี๊ยบมาก ยิ่งทำให้ดูมีชีวิตชีวา

อยากได้ซักภาพ มาแขวนไว้ที่กำแพงเสียจริง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: asia ที่ 18 มี.ค. 10, 19:28
วันนี้ เลิกงานเร็ว ก็เลยเข้ามาชมบ้านชมเมือง ชาวลังกาทวีป งดงามจริงๆครับ ขอบคุณ คุณ kurukula ที่นำภาพงามๆมาฝาก


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 22:52
สวัสดีครับพี่แพร สาวๆเมื่อ 1500 ปีก่อนต้องหุ่นอย่างนี้เนาะถึงจะสวย มีหน้าท้องนิดๆพอเป็นลอนๆ อิอิ

พี่เซียไปอยู่ไกลพระนครเหงาแย่เนาะ ไม่มีสีแดงๆให้ดูเล่น :)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 18 มี.ค. 10, 23:22
เขาเรียกว่าสีห์คีรียะหรือครับ ผมชินกับการเรียกสิกิริยาเสียจนเคยตัว  ถ้ำนี้ถือเป็นครูผมอีกถ้าหนึ่งนอกจากถ้ำอาชันต้า ในการเขียนภาพที่พิพิธภัณฑ์จันเสน  จ.นครสวรรค์ทำให้เห้นการวิวัฒนาการและการได้รับอิทธิพลของศิลปกรรมไทย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 18 มี.ค. 10, 23:26
ครับก็สวยงามดี เพียงแต่ชอบภาพเทพพิทักษ์เกาะลังกาในวัดกัลยาณีมากกว่า ในคคห.36-37 ครับ
เหอะๆ อย่าว่าผมตาไม่ถึงเลยนะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 18 มี.ค. 10, 23:36
 เน แกชอบลายประดับตกแต่งอาสิ อิอิอิ ที่สีห์คีรียะช่างท่านชอบโชว์กล้ามเนื้อมากกว่าน่ะ นึกถึงศิลปะโกธิคที่ใส่เสื้อผ้าหนาๆ โผล่มือมานิดเดียว ไม่ต้องกังวลมากเรื่องกายวิภาค

ที่นี่เรียกสีห์คีรียะครับพี่ยุทธ แปลว่าภูเขาสิงโต เพราะทางขึ้นพระราชวังเขาทำกรงเล็บสิงเบ้อเริ่มเอาไว้


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 18 มี.ค. 10, 23:52
งานสองแบบงามกันคนละแบบครับแบบที่น้องเนชอบเป็นงานปราณีตเหมือนศิลปะตกแต่งเนี๊ยบดูสงบนิ่ง อีกแบบหนึ่งเป็นทีแปรงเน้นชีวิตชีวามากกว่าทำให้ดูเคลื่อนไหว  คุณกุไปที่ไหนในอยุธยาบ้างครับ จริงๆวัดที่นอกตัวเกาะอยุธยามีอีกหลายวัดที่อยากไปสำรวจดู  ยังไงก้ถ่ายรูปเผื่อด้วยละกันครับ  สิ้นเดือนนี้นัดทานข้าวกันสักครั้งก้ดีครับจะได้คุยกันเรื่องชมรมด้วยครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 18 มี.ค. 10, 23:56
นัดเลยครับ จะได้พบปะกันอีกสักที นัดกันแต่เนิ่นๆนานไว้ก่อน จะได้ไม่มีใครเบี้ยว 5555


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 19 มี.ค. 10, 00:01
เอาประมาณวันอาทิตย์สิ้นเดือนแล้วกัน(เงินออกพอดีเลยอิอิ)ส่วนสถานที่เอาไว้รอยายแพรเลือกอีกทีแล้วกันดูจากหุ่นก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ชำนาญการ (กิน) ใกล้วันจะโทรนัดอีกที  อยากไปอยุธยาด้วยเดี๋ยวจะตามไป แอบไปดูกุตัวดำ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 19 มี.ค. 10, 08:29
อยากได้วัดไหน ที่ไหนในบริเวณรอบเกาะเมืองอยุธยา รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง บอกได้เลยครับพี่ยุทธ งานนี้เป็นสำรวจชำระแผนที่พระยาโบราณราชธาณินทร์ รวมทั้งคำให้การชาวกรุงเก่าครับ ฟรีสไตล์มาก ถ้าว่างก็ไปด้วยกันไหมครับ  ;)
 :)




กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 19 มี.ค. 10, 08:50
สีห์คีรียะมีที่มาจากกรงเล็บสิงห์ตรงทางขึ้นพระราชวังนี้เอง (ทางขึ้นนี้ไม่ได้อยู่ระดับพื้นดิน แต่ต้องไต่ขึุ้นไปครึ่งเขา จึงจะเห็น)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 19 มี.ค. 10, 09:12
ลายประดับที่แกชอบเลย เน คริคริคริ อันนี้อยู่ในเพดานซอกผา คล้ายๆดาวเพดาน ไม่โดนฝนก็เลยสมบูรณ์อยู่


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 19 มี.ค. 10, 09:15
เห็นแล้วตกใจมาก นี่มันลายทวานี่หว่า ???


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 19 มี.ค. 10, 13:03
ไม่แปลกหรอกครับคุณกุผมว่าลายแบบนี้ที่ถำ้ำอาชันต้าก็มีครับศิลปะแบบนี้ส่งผลต่องานศิลปะกรรมของทวาราวดีและศรีวิชัยอย่างมากครับโดยเฉพาะเครื่องถนิมพิมภาภรณ์ต่างๆของรูปสลักหินและดินเผาของทวาราวดีรวมทั้งสถาปัตยกรรมเหมือนกับภาพเขียนในอาชันตาเเทบทุกอย่าง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 19 มี.ค. 10, 23:47
สวยครับ  :o น่าสนใจมากมาย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 19 มี.ค. 10, 23:53
เอาภาพมาเผื่อท่านอื่นๆที่สนใจศิลปะทวาราวดี จะได้ดูข้อมูลเทียบกันแบบอารมณ์ดี
ดูลายแถบหน้ากระดานของภาพเขียนที่ศรีลังกา กับลายสลักที่ต้นเสาทวาราวดีของเราครับ
....


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 20 มี.ค. 10, 00:53
ขออนุญาติ นำภาพจากเมืองบัคตาปูร์ ประเทศเนปาลมาลงเสริม เห็นว่ามีคนอยากไป

ที่นี้เด่นเรื่องไม้แกะสลักตามอาคารต่างๆ ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ผสมผสานทั้งฮินดู และพุทธ



กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 20 มี.ค. 10, 00:57
ซุ้มไม้แกะสลัก ที่นี้เด่นเรื่องไม้แกะสลักตามอาคารต่างๆ ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ผสมผสานทั้งฮินดู และพุทธ

จากเมืองบัคตาปูร์


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 20 มี.ค. 10, 00:58
มุมกว้าง ชานพักไว้นั่งชิว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 20 มี.ค. 10, 01:01
ภาพส่งท้าย เป็นไม้แกะสลักประดับอีกเช่นเคย มองดีๆจะเห็นอะไรดีๆ :-X

ว่าแล้วก็อยากกลับไปอีกชะมัด


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: offzaa ที่ 20 มี.ค. 10, 02:01
สวยงามแปลกตา....แต่ยังไงอยุธยาก็เป็นที่ ๑ ในใจผมเสมอไม่เปลี่ยน งืมๆๆ
งานแกะไม้ของพี่แพร....น่าเอามาลองแกะเครื่องสดดูนะ..วิจิตร ;D ;D ;D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 20 มี.ค. 10, 08:56
ลองดูลวดลายของอิฐที่ใช้ก่อสร้างโบราณสถานสมับทวารราวดีบ้างนะครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 22 มี.ค. 10, 18:24
ภาพอิฐของพี่ยุทธเขาเขียนลายทำไมอ่ะครับ  ???

ขอบคุณสำหรับภาพครับพี่แพร ว่าแต่กระทู้นี้ต้องขอปักหมุดนะ น๊านนานจะได้เห็นภาพจากพี่แพรสักที 5555

สงสัยกระทู้ศรีลังกาจะเป็นทวาฯไปซะแล้ว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 22:38
ช่วงนี้โอนทะเบียนบ้านไปอยู่อยุธยาชั่วคราว ไม่มีเวลาอัพกระทู้เลยครับ แย่จัง  :'(

พระพม่าท่านมาแต่กรุงรัตนปุระอังวะ มาศึกษาพุทธศาสนามหายานที่อินเดีย ว่างๆก็เลยธุดงค์มาสีหคีรียะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 22:50
ขอบคุณภาพอิฐสวยๆของพี่ยุทธครับ

ไม่ค่อยมีเวลาเลยช่วงนี้ เอาลายลังกาดูไทยๆมาให้ชมเล่นกันดีกว่า (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) จากวัดชื่อเอมเบกเก้ Embekike เป็นเทวาลัยฮิืนดู สร้างสมัยเมืองกัมโปละ (ในศิลาจารึกไทยเรียกกัมพไล) ช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20 ก่อนย้ายเมืองหลวงไปแคนดี้ เมืองนี้หลวงพ่อศรีศรัทธาแกเคยธุดงค์มาถึง

ศิืลปะในยุคนี้มีไม่มากนัก เพราะบ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย แต่มีหลายอย่างใกล้เคียงกับสุโขทัยบ้านเรา


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 22:53
มณฑปของวัดนี้ และศาลากลองหน้าวัด มีเสาไม้แกะสลัก ประดับลวดลายงามหนักหนาแก่กม เขาว่าเก่าแต่สมัยเมืองกัมพไล ร่วมสมัยกรุงสุโขทัยนั่นเทียว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 22:59
กนกคล้ายกนกในวัดราชบูรณะเลยครับ แต่ตัวภาพไม่เหมือน


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 22 มี.ค. 10, 23:00
สวัสดีพี่กุครับ เหนื่อยไหมอ่าวันนี้ ...

ดีนะครับที่ศรีลังกายังเหลืองานจำพวกนี้อยู่เยอะ เอามาเทียบกับของเราได้เล่นๆก็ดีเหมือนกัน
เอาภาพหงส์พ่นน้ำของสุโขทัยมาฝากครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 23:16
เหนื่อยมากมาย ต้องไปอีก 4 วัน 5555


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 23:20
 :(


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 23:22
กินรีดีดเปี๊ยะ (เพลี้ย) หรือเอกตันตรี เครื่องดนตรียอดฮิตที่มีทุกชาติในเอเซีย (มั้งนะ)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 22 มี.ค. 10, 23:25
หงส์ึ่คาบช่อดอกไม้


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 23 มี.ค. 10, 00:04
เอาอีก เอาอีกชอบจริงๆเลยประติมากรรมเนี่ย  ขอบคุญสำหรับงานสวยๆครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 06:53
ช้างอมหัวกวาง ชอบกนกมันจังเลยครับ แต่ก่อนเคยคิดว่ากนกแบบนี้เป็นของเขมรผสมจีน เพิ่งได้มาเบิ่งในศรีลังกา


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 07:01
พี่ยุทธชอบประติมากรรมหรือครับ ผมก็ชอบครับ   ;D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 07:07
ลายก้านขดออกหัวกนกผักบุ้ง (ใช่ป่าว)  ;D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 07:10
สิงห์ัลังกา ลายข้างบนกระบวนคล้ายๆขาสิงห์เลยครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 07:13
กนกไทย จากวัดราชบูรณะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 07:13
กนกลังกา เอามาเทียบกันครับ  :P


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 23 มี.ค. 10, 12:13
กลายเป็นว่าได้หลักฐานที่มาของ กนกของไทยชิ้นใหม่เลยนะครับ   ???


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 23 มี.ค. 10, 13:02
ไม่ได้ชอบหรอกครับงานประติมากรรม แต่ตูบ้าเลยละ     ขอบคุณคุณกุครับที่ให้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ศิลปะนี่ได้รับอิทธิพลไปเต็มๆเลย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 23 มี.ค. 10, 13:47
สงสัยเราจะเอาลายจากศรีลังกานี่มาปนเขมรอีกที ก่อนที่จะพัฒนาการเป็นลายไทยอย่างสมบูรณ์แบบต่อมา ??
ไม่รู้ว่าลังกาทิ้งระบบลายแบบนี้ไปเมื่อไหร่ หรือเขาพัฒนาไปอีกรูปแบบครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 23 มี.ค. 10, 13:55
เรื่องระบบลายพวกนี้มองดูก็น่าชื่นใจ แสดงว่าระดับความสัมพันธ์ของไทยกับลังกานี่มีมาก คงเป็นจุดเริ่มต้นที่เรา
รับรูปแบบศาสนาและศิลปะจากเขา ต่อมาเขาก็มารับจากเราในสมัยอยุธยา การยักย้ายถ่ายเททางด้านศาสนา
และวัฒนธรรม ถ้าไม่มองในเรื่องของเขาของเราอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็แสดงว่าเรากับเขาก็พลัดกันล้มพลัดกันยืน
เติบโตมาด้วยกัน

สงสารก็แต่ศรีลังกาเคยถูกต่างชาติมายุให้รำตำให้รั่ว จนทำให้ตอนนี้ก็ยังแตกกันเป็นบาดแผลลึกของคนในชาติที่แสนเจ็บปวด
เมืองไทยเองดูเหมือนก็จะเจริญรอยตามศรีลังกาไปอีกครั้ง และเจ็บปวดไม่แพ้กัน เพราะคงไม่อาจลดเหตุผลที่มีมากมาย
ในใจของแต่ละคน

..... สิงห์สุโขทัยครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 23 มี.ค. 10, 13:57
สามสิงห์ ... เห็นแล้วนึกถึงแมว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 21:10
ศิลปะสุโขทัยเติบโตขึ้นมาจากรอยครูเก่า คือ เขมร และำพุกาม ขณะเดียวกัน ก็ได้รับแนวความคิดของศาสนาใหม่มาจากลังกา เนื่องจากศูนย์กลางความศักดิ์สิทธิ์เดิมสูญสิ้นไป ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพุทธศตวรรษที่ 18

ถ้าเรามองประวัติศาสตร์เอเซียโดยภาพรวม จะเห็นว่า ราชวงศ์หยวนมองโกลปราบได้ทศทิศ พระเจ้าหงวนสีโจ๊วทรงวีนเมืองพุกามล่มจมไปแล้ว ขณะที่เมืองพระนครของขอมล่มไปเพราะไม่สามารถจัดการกับระบบชลประทานขนาดมหึมาได้ พุทธศาสนาหินยานเก่าฝ่ายมรัมวงศ์จึงสิ้น ขณะที่มหายานของเขมรก็ล่มสลาย

ที่สำคัญคือ ศาสนาอิสลามเริ่มแพร่เข้าสู่อินเดีย วีนราชวงศ์ปาละ-เสนะ และพุทธคยา ซึ่งเป็นศูนย์กลางความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพุทธศาสนาจนล่ม พระอินเดียแตกกระเจิงไปอยู่ทิเบตบ้าง พม่าบ้าง

เช่นเดียวกับอาณาจักรพุทธ-ฮินดูในชวากำลังระส่ำระสายเพราะการขยายตัวของอิสลาม

สถานการณ์พุทธศาสนาขณะนั้น กำลังย่ำแย่สุดขีด เหลือเพียงศรีลังกาแห่งเดียว ที่พุทธศาสนายังเหลือรอด แต่ก็ย่ำแย่เต็มที หากพระเจ้าวิชัยพาหุและปากรมพาหุมิได้กู้กรุงจากน้ำมือทมิฬสำเร็จ ศูนย์กลางความศักดิ์สิทธิ์สมัยนั้น จึงเลื่อนจากคยา ไปอยู่ที่ศรีลังกา จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมใครต่อใครจึงไปลังกากันวุ่นวายนัก

เหนมีคนอยากดูสิงโตลังกา ชิ้นนี้อายุร่วมๆกับสุโขทัยอยู่


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 21:18
จากวัดลังกาดิลก กรุงโปลนนารุวะครับ งามนักหนา เขาว่าเป็นชิ้นเอก เลยดูแปลกตากว่าสุโขทัยนิดๆ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 23 มี.ค. 10, 21:34
สิงห์พูเดิ้ลแบบบ้านเราบ้าง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 24 มี.ค. 10, 22:03
จิตรกรรมที่ลังกาดิลก โปลนนารุวะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 24 มี.ค. 10, 22:08
ดูวัดศรีชุมบ้าง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 24 มี.ค. 10, 22:33
ลังกาก็เหมือนบ้านเราแถวๆนครศรีธรรมราชครับ คือฝนตกชุก พืชพรรณก็คล้ายๆกัน ต้นมะพร้าว มะม่วงเยอะแยะ เพราะอากาศชื้น ฝนตกบ่อย ดังนั้นก็เลยมีปัญหาเหมือนเราด้วย คือจิตรกรรมเก่าๆไม่เหลือมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นของใหม่สมัยแคนดี้

อันนี้ที่เหลือก็น้อยเหลือเกิน แต่ก็ละม้ายคล้ายสุโขทัย โดยเฉพาะเทวดาใส่การัณฑมงกุฏ (มงกุฏปล้องๆชั้นๆสำหรับเทพชั้นรอง) และอุทรพันธะ สายรัดพุงแบบอินเดียใต้ ลองนึกถึงเทวดาวัดเจ็ดยอดครับ เหมือนกันเลย


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 24 มี.ค. 10, 22:37
อิอิ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 24 มี.ค. 10, 22:39
จิตรกรรมสมัยนี้เป็นช่วงคลาสสิคทีเดียวครับ ก่อนสุโขทัยเล็กน้อย ต่อมาช่วงลังกาจะเขียนได้แต่อะไรแข็งๆไม่มีชีวิตชีวา


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 24 มี.ค. 10, 22:43
จิตรกรรมสมัยแคนดี้ครับ ที่ถ้ำดัมบูละ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 25 มี.ค. 10, 00:07
ภาพในคคห.117 สวยมากครับ ขอไฟล์ภาพใหญ่ได้ไหมอ่ะพี่กุ สุดยอด  :o


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 09:25
ตาแหลมนะเนี่ย มาขอรูปที่พี่ไม่ได้ถ่าย :(


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 12:16
มนุษยนาคของลังกา ร่วมสมัยสุโขทัย แต่ซ่อมทาสีใหม่ ดูสง่างามดี


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 12:21
มนุษยนาคหรือนาคแปลง ในชั้นแรกของลังกาเป็นนาคจริงๆ ตัวเป็นงู ชั้นหลังจึงทำนาคแปลง เป็นมนุษย์ด้านหลังมีศีรษะพังพานนาค ถือหม้อปูรณกลศ หรือหม้อแห่งความอุดมสมบูรณ์ ยืนอยู่หน้าวัด คอยรักษาศาสนาและให้พรคนมาไหว้พระ

ของบ้านเรานาคแปลงมักสวมชฏานาคแบบละคร ซึ่งเป็นของรุ่นหลังที่เห็นกันชินตา ก็สวยงามตาดี แต่มีของรุ่นแรกๆในสุโขทัยที่ทำอย่างลังกาเหมือนกัน ที่วัดเจดีย์สี่ห้อง ส่วนเครื่องทรงปนเขมรเข้าไปมากแล้ว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 12:26
พิศดูเครื่องทรงเขามากมายนักหนา ที่เด่นๆคือสวมการัณฑมงกุฏ หรือมงกุฏเป็นชั้นๆ สำหรับเทพชั้นรอง มีอุทรพันธะคาดเอว (แบบอินเดียใต้)

นุ่งผ้าเป็นชั้นๆคล้ายต้นคริสต์มาส คาดผ้าและเข็มขัดจำนวนหลายเส้น ชักไปชักมาพริ้วเล่นลมเีวียนหัวยิ่งนัก แบบอินเดียใต้อีกแล้ว

ก็สงสัยอยู่ว่า พุทธคยาจำลองที่วัดเจ็ดยอด ไปจำลองอินเดียเหนือมา ไหงประติมากรรมเทพชุมนุมแต่งตัวเป็นลังกาอินเดียใต้


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 12:31
อีกองค์ครับ องค์นี้สวมการัณฑมงกุฏชัดเจน บางองค์ก็มีสร้อยรัดเอวด้วย แต่ผมว่าบ้านเรางามกกว่าลังกานัก หน้าก็สวยกว่า ดูอ่อนหวานยิ้มแย้มแบบคนเหนือ ไม่เป็นแขกดำ

อย่างไรก็ตาม ล้านนาเองก็ติดต่อกับลังกาโดยตรงอยู่แล้ว พระเถรเณรตุ๊ทั้งหลายท่านก็ลงเรือไปเที่ยวเกาะแก้วลังกากันวุ่นวาย จนมีปัญหาลังกาเก่าลังกาใหม่วีนกันทั้งวัดป่าแดง วัดสวนดอก ต่างฝ่ายต่างหาว่าอีกฝ่ายไม่เป็นพระ เพราะบวชไม่สมบูรณ์ (ซะงั้น)

สมัยเจ้าสามพระยา ก็ปรากฏว่าพระญาณคัมภีร์แกล่องเรือไปลังกา สมัยพระเจ้าติโลกราชท่านก็อุดหนุนนิกายวัดป่าแดงลังกาใหม่ จึงคิดว่าไม่แปลกถ้าจะเอาศิลปะลังกามาปั้นปูนประดับเล่นที่วัดเจ็ดยอด และศิลปะลังกาเหล่านี้ก็ยังคงติดอยู่ในเทวดาล้านนาจนถึงสมัยเจ้าเจ็ดตนนั่นเทียว


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 12:34
เทวัญลังกาที่วัดลังกาดิลก มีคนเสนอว่าวัดนี้เหมือนวัดเจ็ดยอดที่สุด ผมก็ว่าเหมือน เสียดายไม่ได้ถ่ายเพราะขึ้นนั่งร้านกันอุบาทว์ตา


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 25 มี.ค. 10, 12:41
พระแขกหน้าตาน่ากลัว พระคนชาติไหนก็หน้าเหมือนคนชาตินั้น  ;D (เมื่อวานไปอยุธยามา เจอตาลุงคนนึงหน้าเหมือนพระอยุธยาปลายเลย)


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: asia ที่ 25 มี.ค. 10, 20:01
ศิลปะเมืองลังกา งดงามถึงเพียงนี้เชียว ฤ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 25 มี.ค. 10, 22:57
ไอ้ตัวพี่นี่ยุ่งหนักหนา ไม่มีเวลามาเสพศิลป แต่ที่สงสัยมานานว่า ไอ้ศิลปะสมัยโน้นที่มันมาคล้ายคลึงกันนั้นอย่างที่ลังกากับสุโขทัย มาถึงสมัยอยุธยาตอนต้นนั้น มันไปลอกเลียนกันตอนไหน แล้วไปๆมา ไหงของเราดันสวยกว่า(เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน)อย่างที่ว่าเข้ามาเผยแผ่ศาสนาก็น่าจะเป็นพระ พระรูปนั้นก็น่าจะเป็นศิลปินด้วย อย่างพระสงฆ์ไทยที่เป็นช่างก็มีหลายรูป แต่ฝ่ายเราที่รับทำไมมันเรียนรู้เร็วจริง ไอ่เราเองน่าจะวาดของเราเป็นอยู่ก่อนบ้างนะ ไม่ใช่อะไรก็เอาแบบเค้ามาหมด ดูอย่างลายบ้านเชียงนั่นปะไร  คิดอีกที ไอ้ที่เราเห็นว่าคล้ายกับอย่างลังกา ช่างลังกามาเขียนเองรึเปล่าใครจะไปรู้ เฮอะๆ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 25 มี.ค. 10, 23:55
ขุดภาพเทวดาปูนปั้น วัดเจ็ดยอด เมื่อสมัยไปทำงาน งานพืชสวนโลก ครั้งกระนู้นนนนนน

ของเราเอามา สวยกว่า อ่อนหวานกว่าเยอะเลย

ในภาพข้างบน คือ เทวดาตัวข้างบนซ้าย ใช่ไหม ....


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 26 มี.ค. 10, 00:23
น่าจะใช่องค์นั้นนะครับพี่แพร ต้องเล่นโฟโต้ฮั้นท์ซะแล้ว หมู่นี้ยิ่งตาไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย

สวัสดีครับพี่ยีนส์ เรื่องช่างลังกาเขียนเองนั้น น่าจะเป็นไปได้สูงครับ เพราะในจารึกหลักที่ 2 วัดศรีชุม หลวงพ่อศรีศรัทธาแกเมาท์ว่า มาแต่สิงหลทวีป...เอาฝูงคนดีแบกอิฐแต่ต่ำมากระทำพระมหาธาตุ... แกไปลังกามา ได้ลูกศิษย์ลูกหามากมาย เพราะท่านขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ไปไหว้พระธาตุ ก็มีพระธาตุเสด็จลงมาในมือแก ฝูงลังกาห้าบ้านแถวแม่น้ำมหาวาิลิก ถึงกับขุดเอาดินใต้ฝ่าเท้าแกไปบูชา กลับมาสุโขทัยคงได้ช่างมาด้วยแน่

ในอยุธยาก็มีอิทธิพลลังกาอยู่ไม่น้อยครับ เช่นประภามณฑลพระพุทธรูปปูนปั้น (ไม่แน่ใจว่าวัดพระรามหรือวัดราชบูรณะ) ในกรุวัดราชบูรณะก็มีพระพุทธรูปลังกาและอินเดียใต้ ที่วัดพระนอนจักรสีห์ก็มีพระพุทธรูปลังกา (นัยว่าหลวงพ่อศรีศรัทธาแกเอามาตอนบูรณะวัดพระนอนจักรสีห์แถบรัตนกูดาสทิงคลองพลับหรือเปล่า)

และเชื่อว่าอยุธยาคงรับผ่านลังกามาโดยตรงด้วยซ้ำ ไม่ได้ผ่านทางสุโขทัย เพราะอยุธยาออกทะเลง่ายกว่า ตอนพระธรรมคัมภีร์ท่านลุกมาแต่เมืองเชียงใหม่ จะล่องเรือไปลังกา ก็ต้องผ่านอยุธยา ขากลับทวนน้ำขึ้นเหนือ ก็ผ่านอยุธยาอีก เป็นที่โปรดปรานของ"พระเป็นเจ้า" มหาราชเจ้าสามพระยายิ่งนัก





กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 26 มี.ค. 10, 00:31
เทวาถืออาวุธ วัดลังกาดิลกเมืองโปลนนารุวะครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 26 มี.ค. 10, 00:33
พระอัฏฐารสสูงใหญ่ลุกยืนในพิืหารอันราม...


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 26 มี.ค. 10, 00:38
พระประธานวัดลังกาดิลกครับ เป็นต้นเค้าพระอัฏฐารสบ้านเรา แต่สูงใหญ่กว่า ขนาดประมาณพระอาจจะนะลุกยืน จีวรเรียบไม่มีริ้ว ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆของลังกาที่ทำจีวรเรียบ (ส่วนมากเป็นริ้ว) และเป็นช่วงสั้นๆที่ใกล้เคียงกับสมัยสุโขทัย  :-X

ที่สำคัญคือมีอุโมงค์ข้างๆผนังมณฑปให้เดินประทักษิณได้ แต่ไม่ต้องมุด เพราะที่กว้างวิ่งเล่นได้ครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 26 มี.ค. 10, 21:47
ของคุ้นหูคุ้นตา แถวนี้ก็มีเหมือนกัน แถมปักป้ายบอกเลยว่าเหมือนกันกับที่ลำพูน


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 29 มี.ค. 10, 22:55
นับวันพี่กุจะเล่าเรื่องได้ตื่นเต้นมากขึ้นทุกทีนะครับ ชวนติดตามจริงๆ
ภาพเทวดาแบกหม้อใน คคห.135 ท่าสวยมากครับ
ศิลปะลังกางามอย่างบุคลิกลังกา เราก็เอามาทำอย่างบุคลิกของเรา ก็งามแบบบุคลิกเรา
เป็นมรดกแบบแผนที่น่าศึกษาจริงๆ ว่าแต่หลวงพ่อศรีศรัทธาที่พี่กุว่าไว้ ทำไมคนศรัทธามากมาย
มีเรื่องมาเล่าให้ฟังไหมครับ ฝากเอาเรื่องพระพุทธโฆษาจารย์มาเล่าด้วยนะครับ
พี่กุทิ้งท้ายไว้อีกเรื่องว่า เป็นที่โปรดปราณของเข้าสามพระยา ?? ทำไมถึงโปรดล่ะครับ
เรียกเก็บค่าผ่านทางได้หรือ?

สุดท้ายแล้วครับถามว่า ภาพด้านบนเขาปักป้ายไว้เลยหรือครับว่าเหมือนที่ลำพูน
อาจารย์เสนอ นิลเดช เขียนไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมไทยว่า
"...ยังมีเจดีย์อีกแบบหนึ่งที่ประดับตกแต่งมาก เป็นเจดีย์เหลี่ยมแบบ ๔ เหลี่ยม
ซ้อนเป็นชั้นๆ ๕ ชั้น แต่ละด้านมีพระพุทธรูปประดับ นับรวมได้ทั้งหมดถึง ๖๐ องค์
เจดีย์แบบนี้มีอยู่ที่วัดกู่กุด จังหวัดลำพูน.."  คือท่านกล่าวไว้ในหัวข้อทวาราวดีนะครับ
ผมก็เลยงงๆ

... ;D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 29 มี.ค. 10, 23:21
เรื่องหลวงพ่อศรีศรัทธาแกเมาท์เองเลยในจารึกวัดศรีชุม มีปาฏิหาริย์มากมายเกิดขึ้นในลังกา ขนาดคนลังกาลงนอนให้แกเหยียบหลังเป็นทางเดิน

ส่วนพระธรรมคัมภีร์ หรือพระญาณคัมภีร์ เป็นพระสงฆ์ล้านนาจบนอก (ลังกา) แถมเป็นลังกาหัวใหม่ จบสำนักวัดป่าแดง ที่ไม่ถูกกับสำนักลังกาเก่าวัดสวนดอก เรื่องเจ้าสามพระยาทรงโปรดแกก็เมาท์เอง หาอ่านเรื่องเมาท์ได้ที่ตำนานมูลศาสนาวัดป่าแดงเชียงตุงครับ

พรุ่งนี้ว่างก็ไปฟังเรื่องตลาดเสรีในจิตรกรรมฝาผนัง ที่ท้องพระโรงวังท่าพระ เวลา 11.00 น. นะครับ แล้วจะกลับมาหาข้อมูลมาเล่าเรื่องเจ้าสามพระยาต่อ


ส่วนเรื่องปราสาทแบบกู่กุดนั้น เดิมจะชื่ออะไรไม่ทราบแน่ชัด ลังกาเขาสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น สัตตมหาปราสาท ตามที่ปรากฏในมหาวงส์ ว่าสร้างสมัยปรากรมพาหุ และบอกว่าคล้ายกับวัดกู่กุด ลำพูน ไทยแลนด์ เป็นรูปแบบที่พบทั่วไปในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม กู่กุดบ้านเรา ใหญ่กว่า สมบูรณ์กว่า และสวยกว่าด้วย :D


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 29 มี.ค. 10, 23:37
มีเรื่องให้เมาท์มากมาย ...เหอะๆ

พรุ่งนี้ผมมีติวภาษาคงไม่สะดวกไป น่าเสียดาย เอาไว้สัปดาห์หน้าน่าจะว่างทั้งสัปดาห์
มีอะไรดีๆชวนผมบ้างนะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 13:38
มาต่อกระทู้หลังจากหายไปหลายวันครับ

จะพาไปชมต้นกำเนิดของวัดมเหยงคณ์ ที่ลังกาทวีป วัดนี้ชื่ิ้อเหมือนกันเลย คือ มหิยังคณะ เป็นหนึ่งในสักการสถานศักดิ์สิทธิ์ 16 แห่งของศรีลังกาครับ

มีประวัติว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาลังกาครั้งแรก ณ จุดนี้ เพื่อปราบยักษ์ ปัจจุบันก็ยังมีชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ของชนเผ่าพื้นเมือง เนื่องจากการเข้ามาของพุทธศาสนา

เจดีย์วัดมเหยงคณ์ครับ เป็นสำเนียงไทยๆ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 13:42
ตัวเจดีย์ถูกซ่อมทับหลายครั้ง จากองค์เล็กๆกลายเป็นใหญ่ขนาดนี้ ซึี่งเป็นงานซ่อมสมัยหลังโปลนนารุวะครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 13:48
แต่เดิม เราเชื่อกันว่า วัดมเหยงคณ์ที่อยุธยา ได้แบบช้างล้อมมาจากสุโขทัย โดยสันนิษฐานจากพงศาวดารอยุธยา ว่าเจ้าสามพระยาผู้สร้างวัดมเหยงคณ์ มีพระราชมารดาเป็นคนสุโขทัย และเคยเสด็จไปทำทานที่สุโขทัยด้วย

 แต่เนื่องจากช้างล้อมของสุโขทัย มักจะล้อมที่ฐานเจดีย์ หรือล้อมลานประทักษิณแคบๆ จึงแตกต่างไปจากมหิยังคณะที่ลังกา ซึ่งช้างล้อมรอบประทักษิณกว้างขวาง เรียกว่า หัตถีปราการ

ช้างล้อมของลังกา พังไปแล้วซ่อมใหม่


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 13:50
วัดมเหยงคณ์บ้านเราครับ มีช้างล้อมรอบลานประทักษิณ ช้างโผล่มาครึ่งตัวเช่นเดียวกัน และไม่ทรงเครื่อง แต่อยู่ในซุ้ม ซึ่งต่างไปจากลังกา ไม่ทราบว่าแต่เดิมก่อนจะซ่อม ลังกาจะมีช้างในซุ้มหรือเปล่า

ที่แน่ๆคือ ขนาดเล็กกว่ามาก


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 13:55
พระพุทธเจ้าเสด็จปราบยักษ์ที่มหิยังคณะ มีบันทึกว่า พระมหาเถรศรีศรัทธาก็เคยมาที่นี่เหมือนกัน


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 14:02
ถ้้าถามว่า วัดมเหยงคณ์บ้านเรามาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากสุโขทัย ก็คงต้องอ้างตำนานมูลศาสนาญาณคัมภีร์วัดป่าแดงฉบับต่างๆ เช่น ฉบับวัดบ้านเอื้อม เชียงตุง จะพบว่า ในสมัยเจ้าสามพระยา ในนั้นเรียก พระเจ้าบรมราชาธิราช ในพ.ศ.1967 ได้ต้อนรับพระภิกษุญาณคัมภีัร์จากล้านนา ซึ่งเดินทางกลับจากลังกา จะไปเชียงใหม่ ท่านผู้นีี้ได้แสดงธรรมจนเป็นที่โปรดปรานแ่ก่เจ้าสามพระยา ถึงขนาดมีภิกษุบวชแปลงเป็นลังกากว่า 300 วัดทีัเดียว (บางเล่มว่า 70วัด)

วัดมเหยงคณ์นี้ เอกสารหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ว่าสร้างพ.ศ.1981 ก็เป็นไปได้ว่า อาจเป็นวัดใดวัดหนึ่งที่สร้างขึ้นตามคติลังกาใหม่ หรืออาจจะมีสงฆ์อยุธยาไปลังกาแล้วกลับมาสร้างเอง โดยไม่เกี่ยวกับพระญาณคัมภีร์ก็เป็นได้ เพราะทั้งเอกสารอยุธยา ล้านนา สุโขทัย นครศรีธรรมราช ต่างให้ความสำคัญกับลังกาทั้งสิ้น


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: yutthana ที่ 01 เม.ย. 10, 14:07
อืม........... ???


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 01 เม.ย. 10, 14:08
ช้างล้อม (สิงห์ล้อม) ของอยุธยา (ในดินแดนสุโขทัยกำแพงเพชร) ล้อมรอบฐานเจดีย์ มิใช่ลานประทักษิณกว้างขวาง


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: asia ที่ 04 เม.ย. 10, 00:06
เห็นภาพ ที่คุณ kurukula เอามาให้ชมแล้ว ทริปต่อไปเราไปย้อนรอยอดีตเมืองพระร่วงเจ้ากันดีมัยคับ ทั้ง สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Ngao_Mak ที่ 05 เม.ย. 10, 16:59
วัดนี้อยู่ห่างจากโคลอมโบไปประมาณ 7 กิโลเมตร มีความสำคัญมากมาแต่อดีตกาล นอกจากเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าแล้ว ในคริสตวรรษที่ 15 ได้เพิ่มพิเภกหรือวิภีษณะเข้าไปเป็นผู้ดูแลวัดแห่งนี้

ในราวณคาถา ของวิกรมสิงเห อธิกรรณะ กล่าวว่า หลังจากพระรามปราบทศกัณฐ์ได้แล้ว ได้อภิืเษกพิเภกให้เป็นราชาแห่งยักษ์ต่อไป พิเภกได้ย้ายเมืองหลวงจาก อลกามณฑล (เมืองยักษ์ชื่อเดียวกับเมืองของเวสสุวัณ ท้าวมหาราชของยักษ์) มาที่กัลยาณีแห่้งนี้ ชาวบ้านแถบนี้จึงนับถือพิเภกเป็นพิเศษ

ภาพพระรามอภิเ๋ษกพิเภกขึ้นครองอลกาครับ ผู้หญิงข้างๆคงเป็นตรีชฎา (หรืออาจเป็นมณโฑ แต่ในอินเดียไม่ค่อยฮิตนางมณโฑ) :-X



อลกา ที่ไหนหรอครับ

ถ้าเป็นพิเภก ก็ครองเมืองลงกา

ส่วนเมียพิเภก(วิภีษณะ) คือนางสรมา นางตรีชฏา เป็นสาวใช้นางสรมาครับ...อ้างอิงจากรามายณะ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Ngao_Mak ที่ 05 เม.ย. 10, 17:14
ลังกาก็เช่นเดียวกับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนับถือผีและเทพพื้นเมือง รวมทั้งศาสนาต่างๆปะปนกัน ที่นี่จึงมีเทพรักษาเกาะโดยเฉพาะตั้งแต่ยุคก่อนพระพุทธกาลอยู่หลายองค์ ที่นับถือกันแพร่หลายมีอยู่ 4 องค์ คือ

1.กะตะระคาม (องค์นี้คือ กรรติเกยะ หรือ สกันทกุมาร หรือขันทกุมาร เทพพื้นเมืองอินเดียใต้ที่โดนฮินดูกลืนให้เป็นบุตรพระศิวะ แล้วก็โดนไทยกลืนต่อ เดิมเราเรียก ขัตตคาม แล้วเพี้ยนความ กลายเป็น "จตุคาม" หรือ เทพสี่บ้าน ซึ่งไม่เหลือความหมายเดิมอีกต่อไป) 

2.รามเทพ องค์นี้คือพระราม

3.วิภีัษณะ (พิเภก)

4.สุมัน (สุมน เทวดารักษาเขาสุมนกูฏหรือเขาพระบาทอัน "พระยาธรรมิกราชให้ไปพิมพ์เอารอยตีนพระเป็นเจ้า เราเถิงสิงหล อันเหยียบเหนือจอมเขาสุมนกูฏบรรพต") อันหนึ่งไว้เมืองสุโขทัย อันหนึ่งไว้เมืองศรีสัชนาลัย อันหนึ่งไว้เมืองบางพานเหนือจอมเขานางทอง อันหนึ่งไว้เขาปากพระบาง (นครสวรรค์)

1.กะตะระคาม คือชื่อสถานที่ในศรีลังกา เมืองมีมีวัดชื่อเดียวกับชื่อเมือง และเป็นวัดพระขันทกุมาร
2.ผมว่าเป็นพระวิษณุ มากกว่าพระราม
ที่แหลมDondra มีวัดพระวิษณุ ชื่อวัดUpulvan temple(อุบลวรรณ?)

องค์ที่3 มีปัญหา ของไทยบันทึกว่า ขัตตุคามเทพ รามเทพ ลักขณเทพ สุมนเทพ
เคยได้ยินว่าที่เขาสุมนกูฏมีเทพ2องค์ องค์ขึ้นเฝ้าเขา องค์นึงเฝ้าพระพุทธบาท

แล้วองค์ที่3 มีอีกความเชื่อนึง แต่องค์นี้อยู่ที่เมืองแคนดี คือ นาถเทพ วัดนาถเทพ คือ พระอวโลกิเตศวร

รูปร่าง ท่านั่ง ของจตุคาม จะเอาแบบมาจากพระนาถเทพรึเปล่า ก็ไม่แน่ใจครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Ngao_Mak ที่ 05 เม.ย. 10, 17:28
จตุคาม แบบมีหน้าเดียว  :(

พระสุมนเทพป่าวคับ

หัวด้านล่างที่โผล่มา ไม่แน่ใจว่าคือหัวช้างรึเปล่า

ถ้าเป็นหัวช้าง ก็คือสุมนเทพ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Ngao_Mak ที่ 06 เม.ย. 10, 08:37
วัดนี้อยู่ห่างจากโคลอมโบไปประมาณ 7 กิโลเมตร มีความสำคัญมากมาแต่อดีตกาล นอกจากเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าแล้ว ในคริสตวรรษที่ 15 ได้เพิ่มพิเภกหรือวิภีษณะเข้าไปเป็นผู้ดูแลวัดแห่งนี้

ในราวณคาถา ของวิกรมสิงเห อธิกรรณะ กล่าวว่า หลังจากพระรามปราบทศกัณฐ์ได้แล้ว ได้อภิืเษกพิเภกให้เป็นราชาแห่งยักษ์ต่อไป พิเภกได้ย้ายเมืองหลวงจาก อลกามณฑล (เมืองยักษ์ชื่อเดียวกับเมืองของเวสสุวัณ ท้าวมหาราชของยักษ์) มาที่กัลยาณีแห่้งนี้ ชาวบ้านแถบนี้จึงนับถือพิเภกเป็นพิเศษ

ภาพพระรามอภิเ๋ษกพิเภกขึ้นครองอลกาครับ ผู้หญิงข้างๆคงเป็นตรีชฎา (หรืออาจเป็นมณโฑ แต่ในอินเดียไม่ค่อยฮิตนางมณโฑ) :-X



อลกา ที่ไหนหรอครับ

ถ้าเป็นพิเภก ก็ครองเมืองลงกา

ส่วนเมียพิเภก(วิภีษณะ) คือนางสรมา นางตรีชฏา เป็นสาวใช้นางสรมาครับ...อ้างอิงจากรามายณะ

ขออภัย เข้าใจผิด

อลกา คือเมืองในลงกา

ผมเข้าใจผิด ขออภัยครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 08 เม.ย. 10, 07:00
พาไปดูพระอุบาลีบ้างดีก่า ให้ท่านออกโรงบ้าง เล่นแต่สุโขทัยอยุธยาต้นมานาน ไม่ถึงคิวอยุธยาปลายเสียที อิอิ ครับ

ครับ พระอุบาลีเป็นสมณฑูตที่พระเจ้าบรมโกศส่งไปสืบพระศาสนาสมัยเมืองแคนดี ชาวบ้านนับถือมาก ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบุปผาราม เมืองแคนดี ทุกวันนี้เรียกวัดมัลวัตตะ

มีรูปท่านเขียนไว้ในฝาผนังวัดมากมาย น่าแปลกที่คนลังกาชอบเขียนภาพพอร์เทรต ไม่ทราบว่าจะเป็นอิทธิพลของฝรั่งโปรตุเกสหรือเปล่า


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 08 เม.ย. 10, 07:11
พระอุบาลีนี้มีปาฏิหาริย์มากมายเกี่ยวกับท่าน ในคำให้การชาวกรุงเก่าว่า ท่านลงสำเภาไปเจอพายุใหญ่ พวกกัปตันจะให้สละเรือ ให้ลูกเรือกินข้าวเข้าไปมากๆเอาน้ำมันชุบผ้าแล้วพันตัว ตกน้ำจะได้ไม่จมหาย ท่านว่าไม่ต้องหรอก ก็ให้พระอริยมุนีกับพระสงฆ์อื่น อัญเชิญพระพุทธรูปห้ามสมุทรไปตั้งไว้หัวเรือ แล้วเจริญพระพุทธมนตร์ พอลมพัดเข้าหาเรือ ก็แหวกออกเป็นช่อง คลื่นที่ซัดมาถึงเรือก็เงียบหายไป ฝรั่งมังค่าต่างสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยสิ้นทั่วทุกตัวคน แลให้จดวันเดือนปีที่เกิดพายุนั้นไว้ด้วย

ฟังเหมือนหนังจีนเลยครับ อรหันต์ห้ามสมุทร 8)

วัดบุปผาราม กรุงแคนดี้ครับ


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 08 เม.ย. 10, 07:13
อุโบสถธรรมดามากๆ วัดนี้เป็นวัดใหญ่กลางกรุงแคนดี แต่ไม่ใช่วัดนักท่องเที่ยว พอถามชาวบ้าน แกก็ถามกลับมาว่าจะไปหาพระหรอ?

ครับ ผมจะไปหาพระอุบาลี ไม่ทราบว่ากุฏิไหนครับ  :-[


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 08 เม.ย. 10, 07:15
พยายามมองหาอะไรที่เป็นไทยๆในวัด ไม่มีเลย มาสะดุดตากับหินก้อนหนึ่ง ไม่มีแบบนี้ในวัดอื่นๆเลย ยกเว้นวัดบุปผาราม


กระทู้: ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 08 เม.ย. 10, 07:19
แต่ลายข้างในไม่ได้เป็นไทยแล้ว เสมาแบบนี้ปักรอบโบสถ์วางกับพื้นครับ

วัดธรรมาราม อยุธยา ที่พระอุบาลีท่านจำพรรษาอยู่ครับ