เรือนไทย

เท่าที่ผมได้อ่านจากหนังสือมาบ้าง ก็มีชื่อของการไว้หนวดแต่ละแบบ ดังนี้
เขี้ยวกระแต
ชะแง้กระต่าย
สาหร่ายบก
ปรกข้างปาก
ฉากข้างแก้ม
แหลมขึ้นตา
พม่าติดบั้ง
รั้งขมวด
หนวดไม้กวาด
สาดลูกคาง
กางปีกนก
ปรกรากไทร

อย่างเช่น พี่เล็กคาราบาว ท่าจะไว้หนวดทรง แหลมขึ้นตา

ส่วนหนวดของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ ตามรูปน่าจะเป็นทรงไหนครับ

ทรงเดียวกับพระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) หรือเปล่าคะ

มีภาพอยู่ครับ

 ???

กรมหมื่นบริรักษนรินทรฤทธิ์

เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต น่าจะทรง พม่าติดบั้ง นะครับ

กรมหมื่นบริรักษ์ฯ ทรงไว้แบบ "เขี้ยวกระแต" หรือเปล่าคะ

พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบทหารบก ทรงฉายที่เรือนต้น ปลายรัชกาล

พระยาสโมสรสรรพการ  ต้นสกุลผมเองครับ

สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม ดาวตลกรุ่นเก่า กับหนวดทรงชะแง้กระต่าย

ผู้ชายไทยสมัยนี้ไม่ค่อยไว้หนวดแบบที่เห็นในรูปวาด     ถ้าจะหาต้องไปดูดาวร้ายในหนังรุ่นเก่า   
พิภพ ภู่ภิญโญ กับหนวดทรงปกรากไทร

เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)

ขุนนางสกุลบุนนาค ไว้หนวดคล้ายๆกัน มีคำบรรยายว่าเป็นบุตรของพระยาอรรคราชนารถภักดี (หวาด บุนนาค)

แถวยืนจากซ้าย พระยาเดชานุชิต (หนา) , พระยาวิชยาธิบดี (แบน) , พระเทพสงคราม (โต)
แถวนั่งจากซ้าย พระยาศรีธรรมศกราช (ปิ๋ว) , พระยาวิสุทธิราชรังสรรค์ (ใหญ่) , หลวงวินิตนราการ (เล็ก)

พันตรีวิลาศ  โอสถานนท์ ท่านเล่าไว้ว่า เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ พ.ศ. ๒๔๖๐  ได้โปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้เล่าซึ่งเป็นเป็นนักเรียนมหาดเล็กหลวงตามเสด็จไปด้วย  และเมื่อนั่งเรือข้ามจากระนองไปเมืองภูเก็ต  พอเรือใกล้จะถเทียบสะพานน้ำที่เมืองภูเก็ตก็มีรับสั่งให้คุณวิลาศไปยืนที่หัวเรือ  คุณวิลาศท่านเล่าว่า เมื่อเป็นรับสั่งก็ต้องไปยืนโดยไม่ทราบว่ามีพระราชประสงค์อะไร  พอเรือใกล้ฝั่งก็เห็นมีคนมารอรับเสด็จกันมากมาย  แต่มองไม่เห็นบิดาของตนที่เป็นปลัดมณฑลประจำเมืองภูเก็ต  จนขึ้นฝั่งแล้วจึงมีพระราชกระแสให้หาบิดาและบุตรให้พบกัน  ที่บุตรจำบิดาไม่ได้เพราะท่านบิดาโกนหนวดทิ้งไปแล้ว  ข้างฝ่ายบิดาก็จำบุตรไม่ได้เพราะไม่ได้พบกันหลายปี  บุตรชายเติบโตเป็นหนุ่มจนบิดาจำไม่ได้   

การไว้หนวด เห็นกันหนาตาในพระรูปพระบรมวงศานุวงศ์ และรูปถ่ายขุนนางในสมัยรัชกาลที่ ๕   ต่อมาในรัชกาลที่ ๖ ก็ยังมี   แสดงว่าเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้น   อาจจะเจริญรอยตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๕ กระมัง

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) ไว้หนวดทรงเดียวกัน

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ

พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้านิพันธ์ภาณุพงศ์  กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช

พระเอกหนังไทยรุ่นเก่าบางคนก็ไว้หนวด  แต่ไม่ใช่หนวดเฟิ้มอย่างคนโบราณ  เป็นหนวดเรียวเล็ก
เช่น มิตร ชัยบัญชา   
ไม่เข้าข่าย ๙ ประเภทในค.ห.แรก

การไว้หนวด ช่างเข้ากับเสื้อราชประแตน คอตั้ง ดีจังเลยครับ .......... ยิ่งแต่งเต็มยศและผู้แต่งชุดไว้หนวด ดูขลังดีครับ

มาลงให้ดูอีก ๒ รูป ล้วนแต่ขุนนางใหญ่ในอดีต

พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง)

พระยาอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์( ม.ร.ว.ประยูร อิศรศักดิ์)

ขุนพันธรักษ์ราชเดช ไว้หนวดโค้งมาก

สมัยก่อนเขาเรียก หนวดโง้ง ค่ะ     คำว่า โค้ง หมายถึงโค้งลง 
หนวดของท่านขุน  ทรงเดียวกับนายจันหนวดเขี้ยว

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา
ทรงไว้หนวดแบบบางๆ

เจ้าพระยาพลเทพฯ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) เสนาบดีสมัยรัชกาลที่ 5

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุบรรณ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล

พระยอดเมืองขวาง

พระศรีพนมมาศ (ทองอิน แซ่ตัน)

เจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี)

เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)

เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)

พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระจักรพรรดิพงศ

พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิประพันธพงศ

เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)

เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระภาณุพันธุวงศวรเดช

พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร

ขอคั่นรายการด้วยหนวดแบบที่นิยมกันในยุคพ.ศ. 2500 กว่าๆ   พระเอกหนังไทยในยุคนั้นไว้หนวดเรียวเล็กเหนือริมฝีปาก   นอกจากมิตร ชัยบัญชา ก็มี แมน ธีระพล

ฉัตรชัย เปล่งพานิช ไว้หนวดในบทของม.ร.ว. เชษฐา วราฤทธิ์ ในหนัง เพชรพระอุมา
ความจริง ในนิยายที่พนมเทียนบรรยายไว้  ม.ร.ว. เชษฐาไว้หนวดแบบแมน ธีระพล  เป็นแฟชั่นยุค 2500   ซึ่งเป็นยุคที่คุณพนมเทียนเริ่มเขียนเพชรพระอุมา  ไม่ใช่หนวดเฟิ้มแบบในรูปคุณฉัตรชัย

หนวดเหมาะกับผู้ชายหน้าตาคมคายแบบชายไทยโบราณ   ถ้าเป็นสไตล์เกาหลีที่อินเทรนด์กันอยู่ตอนนี้  ไว้หนวดอย่างรูปเก่าๆในกระทู้นี้คงไม่รับกัน
ยุคนี้ก็เห็นมีผู้พันเบิร์ด ที่ไว้หนวดแล้วดูดี

ตนกูอับดุลกาเดร์ กามารุดดีน เจ้าเมืองปัตตานีพระองค์สุดท้าย

พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง)

มหาเสวกเอก เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)

.

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร

พระยานิพัทธ์กุลพงศ์ (ชิน บุนนาค) คณบดีคนแรกของคณะยันตรศึกษาหรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ กรมมหาวิทยาลัย กระทรวงธรรมการ
และอธิการหอ “วังวินเซอร์” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

คุณ ส.อาสนาจินดา  ดาราหนังไทยในอดีต  ศิลปินแห่งชาติ

เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)

พล อ.อ. ทวี จุลละทรัพย์

มหาเสวกโท  พระยาเดชานุชิต(หนา บุนนาค) ไว้หนวดทรง รั้งขมวด

พระยาอรรคราชนารถภักดี (หวาด บุนนาค)  ใน 3 วัย
ทรงหนวดของท่านก็เปลี่ยนไปตามวัย

เจ้าพระยาสมัยรัชกาลที่ ๖   เจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร์ (ชม สุนทรารชุน) ไว้หนวดทรง ปกข้างปาก

การไว้หนวดของผู้ชายไทยในอดีต ตั้งแต่รัชกาลที่ 4  มาจนถึงรัชกาลที่ 7  น่าจะเป็นไปเพื่อความสง่างามภูมิฐาน    ยิ่งท่านที่อายุมากๆ แล้ว   ส่วนใหญ่จะไว้หนวดเฟิ้มทีเดียว       
แต่พอมาถึงสงครามโลกครั้งที่ 2   หนวดกลายเป็นเครื่องหมายของความดุดัน น่ากลัว     เห็นได้จากดาวร้ายหนังไทย ไว้หนวดกันทั้งนั้น     ถ้าไม่ไว้แล้วอาจจะดูหน้าตาเป็นคนดี  ใกล้เคียงกับพระเอกมากไปก็ได้

ข้างล่างนี้เป็นดาวร้ายชื่อดังในหนังไทยเมื่อ 60-70 ปีก่อน     เริ่มต้นจากสมพล กงสวรรณ ซึ่งอยู่ในวงการมาตั้งแต่หนุ่มจนชรา   ทัต เอกทัต  ประมินทร์ จารุจารีต และทักษิณ แจ่มผล
ล้วนแต่ไว้หนวดเรียว ทรงคล้ายๆกัน  จนน่าจะเรียกว่าทรงดาวร้าย

หนวดของผู้ชายสมัยรัชกาลที่ ๖
หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร  โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ 
อดีตผู้พิพากษาศาลคดีค่างประเทศ และอดีตอัยการกระทรวงยุติธรรม  สิ้นชีพิตักษัยเมื่อพ.ศ. ๒๔๖๘
ทรงไว้พระมัสสุทรง"ชะแง้กระต่าย"

ยังนึกไม่ออกว่า มีท่านผู้ใดในรัชกาลที่ ๔ ไว้หนวดบ้างหนอ

 ???

นึกออกยัง?
1)

2)

3)

 4)

ต่อยอดจากคำตอบของคุณเทาชมพู




 ;D

เฉลยภาพที่  ๖๐-๖๓
๑       หม่อมราโชทัย  (ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกูร)
๒       พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
๓       พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าลดาวัลย์   กรมหมื่นภูมินทรภักดี   ต้นราชสกุลลดาวัลย์
๔       พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโกเมน กรมหมื่นเชษฐาธิเบนทร์    ต้นราชสกุลโกเมน
         ทั้งสองพระองค์เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว