น่าจะเป็นโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล........ล้อเล่น
National Geographic Thailand มาช่วยให้คำตอบดังนี้จากภาพข่าวที่ปรากฏและแชร์ใน
สื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพชาวบ้านรอบปากแม่น้ำบางปะกง บริเวณปากอ่าว ออกเรือพร้อมสวิงไปช้อนปลาดุกที่เหลือเฉพาะส่วนหัว โดยชาวบ้านบอกว่า “โลมาแบ่งไว้ให้”
เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ เกิดขึ้นอีกหลายแห่งทั่วโลก แม้ว่าตามปกติแล้ว โลมาจะกินเหยื่อทั้งตัว แต่บางครั้งพวกมันก็เลือกที่จะกินเฉพาะบางส่วน อย่างในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก พบโลมาเลือกกินเฉพาะเนื้อของปลามาฮิ-มาฮิ (mahi-mahi) และทิ้งส่วนก้างไป
ทว่าพฤติกรรมการหาอาหารของโลมาบริเวณปากอ่าวที่ทิ้งส่วนหัวของเหยื่อเอาไว้ เป็นพฤติกรรมที่พบได้ยาก และต้องใช้เวลากว่าสิบปีในการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาเผยแพร่ในรูปแบบงานวิจัยทางวิชาการ
“เราไม่มีข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่เพียงพอจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือแม้แต่ทุกวันนี้ ก็มีข้อมูลเพียง ๑๓ จุดสำรวจ ซึ่งถือว่ายังน้อยในเชิงสถิติ” Errol Ronje นักชีววิทยาประมงที่ร่วมมือกับองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) กล่าว
เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ Ronje และคณะกำลังทำการสำรวจอยู่นอกชายฝั่งเกาะแห่งหนึ่งในรัฐมิสซิสซิปปี เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติบนผิวน้ำจึงรุดไปดู พวกเขาพบหัวปลาดุกทะเลลอยอยู่ใกล้ ๆ กับฝูงโลมา
ทีมนักวิจัยเก็บตัวอย่างของหัวปลาดุกทะเลมาทั้งหมดเจ็ดตัวอย่าง พบว่าครีบอกและลูกตายังเคลื่อนไหวอยู่ ขณะที่เรือกำลังแล่นกลับเข้าฝั่งส่วนหัวเริ่มส่งเสียงคล้ายเสียงท้องร้อง Ronje อธิบาย
หลังจากการเตรียมวิเคราะห์ส่วนหัวที่เก็บมา โดย Ronje ศึกษาโครงสร้างของกะโหลก เพื่อหาสาเหตุที่โลมาทิ้งไว้ “นี่ไม่ใช่การสุ่มกินบางส่วนของตัวปลา” เขากล่าว “แต่โลมาตั้งใจกินเฉพาะส่วนท้ายของตัวปลา” Ronje อธิบายว่า โลมามีเหตุผลที่ดีในการตัดส่วนหัวออก “เนื่องจากปลาดุกมีกะโหลกที่มีโครงสร้างเพื่อการป้องกันอย่างดี พวกมันมีเงี่ยงที่คมคล้ายฟันเลื่อยถึงสามชิ้น ซึ่งพอเหมาะพอดีกับฐานกะโหลก และสามารถล็อกเงี่ยงเหล่านี้ได้”
แต่ไม่ใช่โลมาทุกตัวจะฉลาดเสมอไป เคยมีรายงานพบโลมา ๓๘ ตัว ได้รับบาดเจ็บจากเงี่ยงปลาดุก และพบโลมาหนึ่งตัวเสียชีวิตขณะที่ในท้องของมันมีเงี่ยงปลาดุกติดอยู่ ๑๗ ชิ้น
นอกจากนี้ การสำรวจพบว่า โลมาที่รู้จักวิธีการตัดหัวเหยื่อจะรู้จักกับโลมาตัวอื่น ๆ ในฝูงเป็นอย่างดี จึงน่าจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของสมาชิกในฝูง “เรากำลังพูดถึงวัฒนธรรมในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในทะเล และการส่งผ่านวัฒนธรรม ทั้งเทคนิคการเรียนรู้ และการส่งต่อ” สเตฟานี กัซดา นักชีววิทยาจาก มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ บอก “สำหรับฉัน การค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า นี่อาจจะเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่ง”