yutthana
|
วัดนางนองเป็นวัดที่คนที่ศึกษาศิลปะไทยและคนที่เป็นคนไทยควรไปชมงานศิลปะกรรมล้ำค่าของวัดนี้ เนื่องจากช่วงนี้กรมศิลปากรได้เข้าไปทำการบูรณะซ่อมแซม ผมเลยคิดว่าในวันอาทิตย์นี้จะไปถ่ายเก็บเป็นหลักฐานงานศิลปะก่อนซ่อมแซมครั้งใหญ่อีกครั้งก่อนที่ีอารมณ์ความรู้สึก ความงามแบบเดิมจะสูญหายไป ตอนที่ไปถ่ายรูปที่วัดนางนองครั้งก่อนนั้นผมใช้กล้องคอมเเพ็คถ่ายซึ่งบางครั้งชัดบางครั้งไม่ชัดต้องขออภัยเอามาเรียกน้ำย่อยก่อนแล้วกันครับ
"วัดนางนองวรวิหาร" ตั้งอยู่ถนนวุฒา กาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเขตจอมทอง โดยเฉพาะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่คับคั่งมาแต่โบราณ คือ คลองด่าน หรือคลองสนามชัย อยู่ริมคลองฝั่งใต้ตรงข้ามวัดหนัง วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏหลักฐานของการสร้าง แต่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา ประมาณสมัยสมเด็จพระศรีสรรเพ็ชญ์ที่ 8 (ขุนหลวงสรศักดิ์) ราวปีพ.ศ. 2245-2252 ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพ.ศ. 2375 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้ทำเป็นงานใหญ่ รื้อของเก่า และปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม ดังปรากฏงานศิลปกรรมแบบพระราชนิยมในพระองค์ที่พระอุโบสถและพระวิหารคู่ การทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดนางนองนั้น สืบเนื่องจาก วัดนางนองใน แขวงบางนางนอง เดิม เป็นนิวาสสถานของสมเด็จพระศรีสุลาลัยพระนามเดิมคือ เจ้าจอมมารดาเรียม พระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดนางนอง จึงมีศิลปะแบบพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระ นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ ศิลปกรรมที่เลียนแบบศิลปะจีนได้ปรากฏในงานสถาปัตยกรรมเป็นหลัก จากรูปแบบการวางแผนผังพระอารามในรัชสมัยและงานสถาปัตยกรรมไทยที่สร้างสรรค์ ผสมผสานศิลปะจีน การบูรณปฏิสังขรณ์ใช้เวลาหลายปีจึงแล้วเสร็จ ได้สถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯ ให้ประกอบพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถเมื่อพุทธศักราช 2384 ทั้งนี้ พระพุทธรูปประธานประดิษฐานประจำพระอุโบสถวัดนางนองวรวิหาร มีพระ นามว่า "พระพุทธมหาจักรพรรดิ" พระพุทธมหาจักรพรรดิ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย พระพักตร์พุทธศิลป์สมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 2 เมตร 25 เซนติ เมตร หรือประมาณ 4 ศอกครึ่ง เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่ทำเครื่องทรงเครื่องประดับตกแต่งทุกชิ้น แยกออกจากองค์พระสวมทับลงไว้ ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ปั้นลายปิดทองประดับกระจก กล่าวได้ว่า พระพุทธมหาจักรพรรดิ ถือ เป็นงานประติมากรรมชิ้นเอก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีความงามอย่างวิจิตรอลังการ ให้ความเลื่อมใสศรัทธาแก่ผู้เข้ามาสักการะมีความอิ่มเอิบยึดมั่นในพระพุทธ ศาสนาอย่างสงบเยือกเย็น มีเรื่องเล่าขานถึงมงกุฎทรงของพระพุทธมหาจักรพรรดิ เฉพาะเครื่องศิราภรณ์ คือ มงกุฎของพระพุทธมหาจักรพรรดิ มีประวัติว่า องค์ที่สวมอยู่นี้ เป็นองค์ที่ 2 องค์แรกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดนภศูลพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เมื่อครั้งทรงปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดให้สูงขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เป็นสัญลักษณ์ชาติไทยสิ่งหนึ่งที่ชาวโลกรู้จัก สร้าง ขึ้นด้วยพระราชศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยมีพระราชดำริเห็นว่าพระปรางค์เดิมสูง 8 วานั้น ยังย่อมอยู่ กรุงรัตนโกสินทร์ได้ตั้งขึ้นเป็นราช ธานี ยังไม่มีพระมหาธาตุ ควรเสริมสร้างให้ใหญ่เป็นพระมหาธาตุสำหรับพระนคร จึงทรงโปรดฯให้ลงมือขุดราก แต่การได้ค้างอยู่เพียงนั้นก็สิ้นรัชกาล พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติได้ทรงโปรดฯให้ปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชวราราม ต่อมา มีพระราชดำริออกแบบพระปรางค์เสริมให้สูงขึ้น เสด็จพระราชดำเนินไปก่อพระฤกษ์ในปีที่ทรงผูกพัทธสีมาวัดนางนอง คือ พ.ศ.2385 ครั้นพระปรางค์สำเร็จเป็นพระมหาเจดีย์ โปรดยกยอดพระปรางค์ซึ่งเดิมเป็นยอดนภศูลตามพระปรางค์แบบโบราณได้เสด็จพระราช ดำเนินทรงเททองหล่อยอดนภศูลพระปรางค์เมื่อเดือน 12 พ.ศ.2390 มีหมายรับสั่งกำหนดวันยกยอดพระปรางค์ในเดือนอ้ายปีเดียวกัน ครั้นใกล้วันพระฤกษ์ ทรงโปรดฯให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานใน วัดนางนองมาสวมต่อบนยอดนภศูล เกี่ยวกับเรื่องให้ยืมมงกุฎพระประธานวัดนางนอง ไปสวมบนยอดนภศูลพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือ "ความทรงจำ" ตอนหนึ่งว่า "จะเป็นด้วยพระราชดำริอย่างไร จึงทำเช่นนั้นหาได้ตรัสให้ใครทราบไม่ และการที่เอามงกุฎขึ้นต่อบนยอดนภศูล ก็ไม่เคยมีแบบอย่างที่ไหนมาก่อน" คนในสมัยนั้น จึงพากันสันนิษฐานว่า มีพระราชประสงค์จะให้คนทั้งหลายเห็นเป็นนิมิตว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎ จะเป็นยอดของบ้านเมืองต่อไป กาลเวลานับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบูรณปฏิสังขรณ์นานกว่า 200 ปี สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งแท่นฐานชุกชี พระพุทธมหาจักรพรรดิได้ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ทำให้องค์พระประธานเอนไปด้านหลัง จึงได้บูรณะซ่อมแซมเสริมความมั่นคง ตลอดทั้งพระอุโบสถด้วย พระพุทธมหาจักรพรรดิ เดิมไม่มีพระนาม แต่ได้ถวายพระนามในภายหลัง ด้วยพิจารณาว่า พุทธลักษณะแสดงถึงพระพุทธมหาจักรพรรดิทางธรรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:30
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:32
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:33
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:34
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:34
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:35
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:36
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:36
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:39
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:39
|
|
"พระพุทธมหาจักรพรรดิ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:41
|
|
ส่วนลวดลายฐานพระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:41
|
|
ส่วนลวดลายฐานพระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:42
|
|
ส่วนลวดลายฐานพระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 30 ต.ค. 09, 22:43
|
|
ส่วนลวดลายฐานพระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|