naitang
|
ความคิดเห็นที่ 285 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 18:55
|
|
ไปที่ "มะพร้าว" นะครับ
ผมคิดว่ามะพร้าวเป็นพืชผลที่นำมาใช้ในการทำอาหารหลากหลายเมนูมากที่สุด ทั้งในไทยและในต่างประเทศที่สามารถปลูกมะพร้าวได้
จะว่าไปแล้ว มะพร้าวเป็นพืชที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้นเลยทีเดียว ซึ่งก็เกี่ยวกับการเรื่องของการเอามาทำกินเกือบทั้งหมดอีกด้วย
รากมีสรรพคุณในทางเป็นยาสมุนไพร ต้นใช้ประโยชน์หลากหลายทราบกันอยู่แล้ว ใบเอามาใช้สานเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ของประดับและของเล่นต่างๆ ก้านใบหรือทางมะพร้าวเอามาทำไม้กวาดและใช้เป็นไม้สำหรับเสียบเนื้อสัตว์ย่างบนเตาไฟ ของเหลวจากงวงมะพร้าวเอามากินเป็นน้ำตาลสด เอามาเคี่ยวเป็นน้ำตาลมะพร้าว เอามาหมักเป็นของมึนเมา ผลก็เช่นกัน ส่วนเปลือกเอามาใช้สารพัดตั้งแต่ปลูกต้นไม้ ผสมดินปลูกไม้ดอกไม้ผลต่างๆ ใช้เป็นฟืน ใช้สำหรับรมควันการย่างเนื้อสัตว์ต่างๆ และทำขนม (กะละแม ขมเปียกปูน) กะลาเอามาทำเป็นฟืน เอาไปเผาทำถ่านกำมันต์ชั้นดี (activated charcoal) ส่วนที่เป็นเนื้อก็เอามาทำอาหารต่างๆทั้งคาวและหวาน ส่วนที่เป็นน้ำก็เอามาดื่มกินแก้กระหาย ส่วนที่เป็นจาว (หัวของหน่อมะพร้าวอ่อน) ก็เอามากิน ตัดหัวมันเอาส่วนที่เป็นยอดมะพร้าวมาทำอาหารคาวสารพัด ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 286 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 19:19
|
|
มะพร้าวเป็นเรื่องคุยกันได้ยาว ก่อนอื่น ขอเสิฟบรรดานักเรียนเรือนไทยที่อายุใกล้เคียงครู ด้วยมะพร้าวของหวานข้างล่างนี้ ไอศกรีมกะทิสด ในเรือนไทย ไม่ต้องกลัวเบาหวาน หรือไขมันในเส้นเลือดค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 287 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 19:39
|
|
เมื่อกล่าวถึงมะพร้าว เรามักจะนึกในทันใดถึงน้ำมะพร้าวและแกงกะทิ ซึ่งเป็นรูปแบบการใช้ที่เราได้เห็นชินตามากที่สุดในยุคปัจจุบัน แท้จริงแล้วมีอาหารและขนมหวานของไทยมากมายที่มีส่วนผสมที่มาจากมะพร้าว อาทิ ข้าวยำ เมี่ยงคำ ขนมชั้น ขนมอาลัว ...ขนมต่างๆที่มีมะพร้าวขูดเป็นองค์ประกอบทั้งแบบโรยหน้า แบบคลุก และทำเป็นใส้ อาทิ กล้วยต้ม ขนมต้ม ขนมสอดใส้ ขนมขี้หนู ...ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 288 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 20:21
|
|
ผมก็ชอบไอศกรีมกะทิสดมากนะครับ เสียดายแถวบ้านหากินยากที่มีก็ไม่อร่อยเลย เดี๋ยวนี้เลยไม่ค่อยได้ทานไอศกรีม จบกัน บรรดาสาว ๆ สมัยนี้ก็กำลังเห่อไอศกรีมกูลิโกะกันไปเสียแล้ว ขนาดนี้พี่สาวผมยังมีความพยายามดั้นด้นเสาะแสวงหา ไม่เคยทานเลยไม่รู้ว่ามันอร่อยมากขนาดนั้นเชียว กลับมาที่มะพร้าว ผมยังทันเอากะลามาทำกระบวยตักน้ำนะครับ ตอนประถมนี่แหละกว่าจะเสร็จนานเหมือนกัน ใช้กระดาษทรายขัดด้วยงานละเอียดมาก ให้ทำอีกตอนนี้ไม่ได้แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 289 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 20:24
|
|
ไอศครีมกะทิสด ..มาเสิร์ฟหลังอาหารพอดี
ใช้ภาชนะถ้วยลักษณะงานญี่ปุ่น ขนาดของลูกไอศครีมกำลังพอดี เนื้อไอศครีมดูละเอียดเนียน แสดงว่าความเข้มข้นของกะทิกำลังพอดี โรยหน้าด้วยถั่วดินถ้วยนึง อีกถ้วยนึงโรยด้วยถั่วเขียวทอดพอง (?) โดยรวมแสดงถึงความพิถีพิถันของการทำในทุกขั้นตอน อร่อยชัวร์เลยครับ
ไอศครีมกะทิรุ่น สว.นั้น ยังไม่ได้ขึ้นเหลา มีแต่เร่ขายด้วยรถถีบซาเล้ง หรือในกระติกแฝดที่หิ้วเดินขาย หากเป็นใน ตจว. สั่นกระดิ่ง กิ๊งๆ ปัจจุบันนี้ ขึ้นเหลาไปหมดแล้ว ซึ่งผู้ที่นิยมบริโภคก็ดูจะเป็นหมู่ สว.ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เยาว์วัยนั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 290 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 20:46
|
|
ใช้ภาชนะถ้วยลักษณะงานญี่ปุ่น ถ้วยไอศกรีมของคุณเทาชมพูน่าจะเป็นกะลามะพร้าว กลับมาที่มะพร้าว ผมยังทันเอากะลามาทำกระบวยตักน้ำนะครับ ตอนประถมนี่แหละกว่าจะเสร็จนานเหมือนกัน ใช้กระดาษทรายขัดด้วยงานละเอียดมาก ให้ทำอีกตอนนี้ไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้เด็กก็ยังใช้กะลามะพร้าวทำการฝีมืออยู่ การฝีมือเด็กที่บ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 291 เมื่อ 04 ก.ค. 16, 21:25
|
|
ใช้ภาชนะถ้วยลักษณะงานญี่ปุ่น ถ้วยไอศกรีมของคุณเทาชมพูน่าจะเป็นกะลามะพร้าว รูปซ้าย มีถ้วยกระดาษรองอีกทีค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 292 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 09:20
|
|
พูดถึงแกงใส่กะทิของโปรดกันก่อนดีกว่าค่ะ ตอนเด็กๆสมัยยังกินเนื้อวัวอยู่ จำได้ว่าไม่มีแกงน้ำข้นอะไรที่อร่อยเท่าแกงเผ็ดเนื้อ แม่ครัวที่ฝีมือดีจะทำแกงเผ็ดเนื้อได้อร่อย รสชาติเข้มข้นแต่กลมกล่อม แกงเผ็ดหมูยังไม่เป็นที่รู้จัก เพราะหมูมักจะขึ้นชื่อแต่หมูสะเต๊ะ หมูหัน หมูแดง ส่วนแกงเผ็ดไก่ นึกไม่ออกค่ะว่าฮิทเท่าแกงเนื้อไหม น่าจะยังไม่เท่า
แกงเผ็ดเนื้อเป็นอาหารชั้นขึ้นโต๊ะของคนฐานะมีอันจะกิน เพราะเนื้อวัวราคาแพงกว่าเนื้อชนิดอื่นๆ และแพงกว่าเนื้อปลาแน่นอน คนจนไม่ค่อยจะมีสิทธิ์ คนเมืองหลวงกินแกงเผ็ดเนื้อมากกว่าคนชนบท จำได้ว่าในนิยายเรื่อง "ความผิดครั้งแรก" มีฉากเจ้าคุณพ่อของนางเอกนั่งรับประทานอาหาร คลุกข้าวกับแกงเผ็ดเนื้อ นึกอร่อยกับรสชาติจนไม่อยากตอบคำถามภรรยา เป็นฉากที่นักเขียนน้อยคนนักจะบรรยายถึง แสดงภาพและอุปนิสัยตัวละครได้ชัดโดยไม่ต้องสาธยาย ทำให้คนอ่านวาดภาพออก ว่าเจ้าคุณพ่อเป็นชายสูงวัยร่างอ้วนท้วน เป็นพ่อบ้านใจดี มีความสุขง่ายๆกับชีวิตในบ้าน คนแบบนี้จะไม่ชอบเที่ยวเตร่นอกบ้าน ไม่นำความเดือดร้อนมาให้ลูกเมีย
แกงเผ็ดเนื้อที่อร่อย เนื้อต้องติดมันจึงจะนุ่มอร่อย ไม่เหนียว กินเนื้อหมดแล้วเหลือแต่น้ำแกงข้นๆ แม่ครัวก็ไม่เททิ้ง แต่เอาขนมปังปอนด์หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เด็กๆจิ้มกินแบบกินน้ำจิ้มสะเต๊ะ หมดเกลี้ยงหม้อไปได้โดยไม่เสียเปล่าค่ะ
พอเลิกกินเนื้อวัว แกงเผ็ดเนื้อก็เหลือแต่ในความทรงจำเท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 293 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 17:01
|
|
มื้อเย็น เสิฟขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 294 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 17:04
|
|
หรือขนมจีนน้ำยากะทิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 295 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 17:56
|
|
ใช้ภาชนะถ้วยลักษณะงานญี่ปุ่น ถ้วยไอศกรีมของคุณเทาชมพูน่าจะเป็นกะลามะพร้าว รูปซ้าย มีถ้วยกระดาษรองอีกทีค่ะ งานละเอียดดีนะครับ ขนาดเนื้อมะพร้าวที่ติดผิวกะลายังขูดให้เป็นลาย มิใช่สักแต่ว่าใช้ช้อนขูด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 296 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 18:27
|
|
ขนมจีนเป็นของโปรดของผม ไม่ว่าจะเป็นกับน้ำพริก น้ำยาป่า น้ำยากะทิ แกงเขียวหวาน แกงเผ็ดแบบไม่ใส่กะทิ หรือขนมจีนซาวน้ำ
ก็เป็นไปดั่ง อ.เทาชมพู ว่าไว้ ขนมจีนกับแกงเขียวหวานที่เป็นของคู่กันและเป็นเมนูอร่อยจริงๆ ก็จะต้องเป็นแกงเขียวหวานเนื้อติดมัน เป็นแกงเขียวหวานที่ทำให้อร่อยได้ค่อนข้างยากเอาการอยู่ ยิ่งเมื่อผนวกกับราคาเนื้อวัวที่ค่อนข้างจะสูง เลยทำให้ไม่มีแม่ค้าทำขาย แม้กระทั่งแกงเผ็ดเนื้อแบบไม่ใส่กะทิที่ใช้เนื้อไม่ติดมันหรือเนื้อส่วนที่มีราคาย่อมเยาว์กว่าก็ยังเลิกทำขาย เพราะต้นทุนราคาเนื้อสูงนั่นเอง ต่างก็เลยหันไปใช้ไก่กันหมด แกงเขียวหวานปลาดุกที่เข้ากันได้ดีกับขนมจีนก็ยังหากินไม่ได้ในปัจจุบันนี้
แกงเขียวหวานเป็นแกงที่ต้องใส่มะเขือเปราะและมะเขือพวง หากแม่ครัวมีฝีมือจริงๆ แกงได้อร่อยเหลือล้ำ คนที่ไม่นิยมกินมะเขือทั้งสองชนิดก็ยังต้องกิน ซึ่งก็จะผันไปเป็นคนชอบกินมะเขือในภายหลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 297 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 19:02
|
|
แกงเขียวหวานเนื้อติดมัน
ที่แกงยาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเนื้อที่จะนำมาใช้จะเป็นเนื้อส่วนที่ค่อนข้างจะเหนียว เว้นแต่จะใช้ส่วนที่เป็น rib eye ทำให้จะต้องใช้เวลาเคี่ยวเนื้อในน้ำแกงที่เป็นกะทิ ความเข้มข้นของกะทิจึงมีความสำคัญ ด้วยว่าหากกะทิข้นเกินไป เมื่อเคี่ยวนานกะทิก็จะแตกมัน เมื่อออกมาผสมกับน้ำมันจากมันเนื้อ แกงเขียวหวานก็จะมันย่อง หมดความอร่อยไปเลย วิธีแก้ไขอย่างง่ายก็หมักเนื้อด้วย meat tenderizer ที่ทำมาจากมะละกอหรือสับปะรดก่อนที่จะแกง หรือให้เนื้อมันหมักด้วยตัวมันเองด้วยการเอาแช่ใว้ในตู้เย็นสองสามวัน
มะเขือเปราะและมะเขือพวงนั้น ใส่ลงเมื่อแกงได้ที่แล้ว ใส่ลงไปแล้วปิดฝาหม้อ พอเดือดพลุ่งขึ้นมาก็ปิดเตา เป็นอันเสร็จสิ้น
สำหรับน้ำพริกแกง จะลองโขลกยี่หร่าคั่วใส่เพิ่มลงไป ก็จะได้กลิ่นหอมเพิ่มขึ้นและออกเป็นแขกนิดๆ ก็จะกินได้ทั้งแบบไทย (กับขนมจีน) และแบบแขก (กับโรตีธรรมดานุ่มๆ กับโรตีโอ่งหรือดาล) เป็นอาหารสองลักษณะในมื้อเดียวกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 298 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 19:16
|
|
เมื่อทานขนมจีนแกงเขียวหวานหรือแกงเผ็ดไม่ใส่กะทิ ผมชอบที่จะใส่ข้าวผสมลงไปด้วย แถมด้วยน้ำปลาพริกขี้หนูใส่หอมแดงซอยและบีบมะนาว กับไข่พะโล้หรือกับไข่ต้มยางมะตูมสักฟองหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 299 เมื่อ 05 ก.ค. 16, 19:31
|
|
สมัยก่อนแกงเผ็ด มีของแนมอย่างหนึ่งคือปลาเค็มชุบไข่ ชิ้นเล็กๆ คุณตั้งเคยรับประทานไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|