ถ้าพูดถึงเลชาโซ่ในแคว้นนี้ หรือถ้าไปเมืองอื่น แล้วเรียกว่า
เลชาโซ่ เด คาสติลย่า อิ เลโอน จะหมายถึงลูกแกะ
ผมหมายถึงลูกแกะจริงๆ จะต้องอายุไม่เกิน สามสิบห้าวัน ยังไม่หย่านมแม่
(และยังกินแค่นมแม่เท่านั้น) และมีน้ำหนัก ระหว่าง เก้าถึงสิบสองกิโลกรัม
ทางการของคาสติลย่า อิ เลโอน เขาจดทะเบียนไว้อย่างเรียบร้อย
ว่าลูกแกะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง ถึงจะอนุญาติ ให้เรียกว่า
เป็น เลชาโซ่เดคาสติลย่า อิ เลโอน (แล้วต้องเป็นสายพันธุ์ที่มีชื่อว่าอะไรผมก็ลืมแล้วละครับ)
เนื้อจะนุ่มมาก ไม่มีกลิ่นแกะเหมือนกินแกะแก่ๆของออสเตรเลีย
การทำก็ดูง่ายๆ แม่ลองทำหลายหน ไม่อร่อยเท่ากับไปกินที่ร้าน
เขาเอาเข้าเตาอบ แล้วคงจะมีเครื่องเทศผสม สูตรใคร สูตรมัน
แม่ยังล้วงความลับจากใครไม่ได้ซักคน เลชาโซ่ อาซาโด้
ของแม่เลยออกเป็นรสไทยมากๆ กลิ่นรากผักชีออกตลบอบอวน เต็มครัว
แล้วอย่าไปสั่งสับสน จากเลชาโซ่ เป็น เลชอน (lechón)
เพราะจะได้ลูกหมูตัวเล็กๆ ที่เอาไว้ไปทำหมูหันแทน
ย่าผม พร้อมทั้งครอบครัวสเปนของผมเวลาไปสั่งหมูหัน
เผลอไปสั่งเป็นเลชาโซ่ ออกบ่อย ย่าเลยสอน
ว่าถ้าจะสั่งหมูหันแบบไม่ให้สับสนก็ต้องสั่งไปเลยตรงๆ ว่าโคชินีโย่ (cochinillo)
ส่วนพ่อผมนั้นอธิบายให้ฟังง่ายๆ ว่า คำทั้งสองคำ ทั้ง เลชาโซ่ และเลชอนนั้นมาจาก
คำว่า เลเช้ (leche) ที่แปลว่านม น่าจะหมายถึงลูกสัตว์เล็กๆ ที่ยังกินนมอยู่
แน่นอนครับว่าเราสั่ง เลชาโซ่ อาซาโด้ มากินเป็นมื้อกลางวัน
แซวี่เป็นคนเดียวที่ไม่กินเพราะเธอไม่กินเนื้อสัตว์
โฮเซ้สั่งไวน์ ของคาสติลย่า อิ เลโอนมาชิม
เพราะไหนๆ เราก็ออกจาก รีโอค่า มาแล้ว เปลี่ยนมาจิบไวน์
รีเบร่า เดล ดวยโร่(Ribera del Duero) ยี่ห้อเปสเก-ร่า (Pesquera)
อร่อยมาก กินข้าวเสร็จ ก็ได้เวลา ลาจาก โฮเซ้กับเทเรสลากลับบ้าน
แซวี่ลาไปเขียนจดหมาย ส่วนแม่และผม ลาไปนอนพักพุง
ซักทุ่มกว่า เราออกมาเดินเล่นที่พลาซ่า มายอร์ จะไปดูโบสถ์ มีสองโบสถ์
ผัดกันเปิดบริการ โบสถ์ละหกเดือน ชื่อโบสถ์ซานต้ามาเรีย ส่วนอีกโบสถ์ชื่อซานเปโดร
แต่วันนี้มีงาน โบสถ์ปิด อดดูอีกแล้ว
พลาซ่า มายอร์ ดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนกลางวัน มีดนตรีเล่น มีคนเต้นระบำกันเป็นคู่ๆ
ในใจกลางจัตุรัส แต่มีแต่ผู้สูงวัย ดูแล้วน่าเอ็นดู มีคนมาออกร้านขายของ
ทั้งของกิน ของเล่น มีเกมส์ยิงปืนแม้นได้หมี แล้วอะไรต่ออะไรสารพัด
ที่เด่นๆ เป็นของกินคู่ใจของงาน ไปงานวัดเมืองไหนในสเปนต้องมี
อาหารที่อร่อยมาก แต่บั่นทอนสุขภาพเป็นที่สุด แม้จะรู้ แต่เห็นที่ไหนก็อดกินไม่ได้
ครับ ชูร์โรส (Churros) คล้ายๆ ปาท่องโก๋ แต่หวาน
(รูปได้มาจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/File:Chocolate_with_churros.jpg)
ส่วนผสมมีแป้งสาลี น้ำ น้ำตาล เกลือ เนย เอาแป้งผสมใส่ไปในแม่พิมพ์
รูปร่างประมาณนิ้วชี้อ้วนๆ ยาวประมาณนี้วชี้ สองนี้วต่อกัน
แล้วบีบลงไปในน้ำมันร้อน (เหมือนทำเส้นขนมจีน) ถ้าขายตามงานวัด
เขาเอาชูร์โรส ใส่ถุงกระดาษแล้วเทน้ำตาลโรยหน้าให้ เดินกินในงานอร่อยไม่น้อย
แต่ถ้าชูร์โรสขึ้นภัตตาคารเมื่อใด ก็จะใส่จานสวย โรยน้ำตาล หรือถ้าร้านหรูมากๆ
เขาใช้ น้ำตาล ไอ๊ซิ่ง (icing) เสริพพร้อมช็อกโกแลตร้อนถ้วยโต
ที่ข้นมากและหวานแสบไส้ ข้นขนาดที่ยกถ้วยดื่มไม่ได้
ต้องใช้ ชูร์โรสจิ้ม หรือใช้ช้อนตัก ต้องเรียกว่ากิน แทนที่จะดื่ม
เราเดินกินชูร์โรส กันคนละถุง แล้วไปนั่งดื่มนมร้อนคนละแก้ว
เราเดินกับโรงแรมก่อนสามทุ่ม เพราะทั้งแม่ ทั้งผมเหนื่อยมาก
ร่างกายเราคงตกใจ ที่วันนี้ไม่ได้ออกแรงเดิน