เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: ประกอบ ที่ 24 มิ.ย. 13, 21:36



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 มิ.ย. 13, 21:36
เห็นมีกระทู้มนุษย์ต่างดาวแล้วเลยต้องหาอะไรมาแข่งหน่อย  วันนี้ได้อ่านข่าวเรื่องแปลกประหลาดที่พิพิธภัณฑ์เมืองแมนเชสเตอร์ เรื่องของรูปสลักที่หันได้เอง เลยเอามาตั้งเป็นกระทู้เรียกแขกและเพิ่มงานให้ท่านอาจารย์ทั้งหลายในเรือนไทย โดยเฉพาะซายาเพ็ญฯ น่าจะชำนาญทางนี้มาก เรียนเชิญมากระทู้นี้ด้วยนะคร้าบบบ

ลองดูคลิปกันก่อน


http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=737_twBD1bs

ข่าวจากผู้จัดการ:

เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ในอังกฤษต้องเจอกับเหตุการณ์ลึกลับยากจะพิสูจน์ เมื่อรูปปั้นอียิปต์โบราณที่มีนามว่า “เนบ-เซนู” (Neb-Senu) เกิดขยับหมุนได้เองอย่างปริศนา
       
       ใครที่ชื่นชอบตำนานพีระมิดผีสิงหรือมัมมีคืนชีพ อาจมองว่าพฤติกรรมประหลาดของรูปปั้น เนบ-เซนู ซึ่งสร้างเพื่ออุทิศแด่เทพโอซิริสตัวนี้ เป็น “ปรากฎการณ์ลึกลับที่สุด” ที่เกิดขึ้นในแวดวงอียิปต์วิทยาในรอบหลายสิบปี
       
       แคมป์เบลล์ ไพรซ์ ภัณฑารักษ์วัย 29 ปี ประจำพิพิธภัณธ์แมนเชสเตอร์ กล่าวว่า การเคลื่อนที่ของรูปปั้น เนบ-เซนู ซึ่งถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องถ่ายวีดีโอแบบ time-lapse อาจต้องการคำอธิบายเชิง “จิตวิญญาณ”
       
       “มีอยู่วันหนึ่ง ผมสังเกตว่ารูปปั้นหันหลังกลับไป... ผมรู้สึกแปลกใจมาก เพราะมันตั้งอยู่ในตู้กระจก และก็มีผมคนเดียวที่ถือกุญแจ”
       
       “ผมจับมันหันกลับมาตามเดิม แต่แล้ววันรุ่งขึ้นมันก็หันกลับไปอีก”
       
       “ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่า หากมัมมีถูกทำลายไป รูปปั้นจะกลายเป็นสื่อของวิญญาณคนตายได้ บางทีนี่อาจเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด”
       
       รูปปั้น เนบ-เซนู ซึ่งสร้างขึ้นราว 1800 ปีก่อนคริสตศักราช ถูกบริจาคให้แก่พิพิธภัณฑ์แมนเชสเตอร์ในปี 1993 และแทบไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายมาก่อนตั้งแต่นั้นมา
       
       อย่างไรก็ดี ไพรซ์ และเพื่อนภัณฑารักษ์สังเกตว่า รูปปั้นตัวนี้มันจะขยับหันหลังให้กับตู้จัดแสดง เผยตัวอักษรที่สลักไว้เบื้องหลังว่า “ขนมปัง, เบียร์, วัว และไก่”
       
       ภาพจากกล้องวีดีโอเผยให้เห็นว่า รูปปั้นค่อยๆขยับไปทางซ้ายจนกระทั่งหันหลังในระยะเวลา 3 วัน และที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ มันจะขยับเฉพาะเวลา “กลางวัน” และไม่เคยหมุนเกิน 180 องศา
       
       ศาสตราจารย์ ไบรอัน ค็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ ให้คำอธิบายว่า แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากฝีเท้าของผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในเวลากลางวัน อาจเป็นสาเหตุให้รูปปั้นขยับเขยื้อนได้ แต่ ไพรซ์ ก็ตั้งคำถามว่า เหตุใดรูปปั้นที่ถูกวางบนพื้นผิวกระจกมานานแล้วจึงเพิ่งจะมีอาการเช่นนี้ แถมยังหมุนเป็นครึ่งวงกลมสมบูรณ์แบบทุกครั้งด้วย
       
       “ใครช่วยไขปริศนานี้ได้ก็คงจะดีมาก” เขากล่าว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 13, 21:53
ไม่มีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้ค่ะ    แต่เดาว่าเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป  คนคงแห่ไปดูพิพิธภัณฑ์นี้กันคึกคัก  เก็บค่าเข้าชมได้เต็มกระเป๋าทีเดียว

ป.ล.โปรดอ่านในตอนดึกๆ ขณะนั่งเล่นเน็ตอยู่คนเดียว จะได้บรรยากาศสมจริงสมจังมากขึ้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 13, 22:02
คุณชายประกอบเทพมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 มิ.ย. 13, 22:03
ที่นี่รู้สึกจะเข้าชมฟรีครับ ผมน่าจะเคยไปชมมาแล้ว  คาดว่าต้องหาเวลาไปอีกเร็วๆ นี้ เรื่องผีๆ  นี่ของชอบบบบบ

ตอนนี้ยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมรูปสลักหันได้  แต่จากข่าวบอกหันแต่ตอนกลางวันที่มีคนเดินไปเดินมา กลางคืนไม่หัน  ตู้กระจกที่ใส่มีคนมีกุญแจคนเดียว คาดว่าไม่ได้เกิดจากใครทะลึ่งมาเล่นตลก ตอนนี้ชาวบ้านต่างคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นผลมาจากคนเดินไปเดินมาเกิดแรงสั่นสะเทือน รูปสลักก็เลยค่อยๆ หัน ตอนนี้ฝรั่งก็กำลังหาคำตอบกันอยู่


ถ้าให้ผมเดาคงเดาว่าอาจจะเป็นเพราะจุดศูนย์ถ่วงของรูปสลักที่อาจจะเอียงนิดๆ หรือพื้นกระจกไม่ได้เป็นแนวระนาบพอ  พอโดนแรงกระเทือนเลยค่อยๆ หันไป แต่ใจจริงอยากให้เป็นเพราะพลังงานลึกลับมากกว่าครับ แบบนั้นมันตื่นเต้นดี


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มิ.ย. 13, 22:41
เห็นด้วยกับคุณประกอบ

การวิเคราะห์สาเหตุมีเหตุมีผล น่าเชื่อถือ   ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 มิ.ย. 13, 07:23
ผมก็คิดเห็นด้วยกับคุณประกอบครับ คือไม่เห็นมีอะไรที่จะอ้างได้ว่าเป็นอะไรลึกลับอะไรเลย

1. การหมุนตัวของวัตถุ เกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น ซึ่งเกิดการการสั่นสะเทือนจากคนที่เข้ามาชม ทำให้รูปเคารพนี้พยายามเข้าสู่จุดสมดุล ซึ่งทำให้เกิดการหมุน

2. ฐานของวัตถุไม่เรียบครับ ทำให้เกิดการหมุนตัวตามแรงสั่นสะเทือน

3. จะเห็นว่าเวลากลางคืน รูปเคารพหยุดหมุนตัว (เพราะไม่มีคนเดิน).... หากรูปปั้นหมุนตัวเองในเวลานี้ จักสยองยิ่งนัก  ;D



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Gabriel ที่ 25 มิ.ย. 13, 07:39
เท่าที่ดูจากคลิปมีคนเข้าไปในพิพิธภัณฑ์แมนเชสเตอร์และเข้าห้องนี้หรือแค่เดินผ่านพอส่งแรงสะเทือน มีจำนวนน้อยมาก การหมุนไม่น่าจะได้จากแรงส่งชองคนเดินเข้า-ออกหรือเดินผ่าน ผู้ดูแลบอกว่ารูปสลักหมุนไปทางซ้ายจนกลับหลังภายในเวลาเพียงแค่3วัน แต่ผมสังเกตวันและเวลาที่กล้องได้บันทึกไว้ที่มันเริ่มหมุน นับจากกลางคืนของวันที่2ถึงวันที่7เดือน4ปี2013 มันใช้เวลาในการหมุนไป6วันไม่ใช่3วัน โดยหมุนทีละนิดๆ รูปสลักอาจขยับหรือหมุนได้จริงตามข่าว ผมว่าทางพิพิธภัณฑ์แมนเชสเตอร์เค้าอาจจะรู้สาเหตที่มันขยับได้แล้วก็เป็นได้ แต่ที่ปล่อยคลิปออกมาเพื่อประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนสนใจเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์กันบ้างเพราะดูๆแล้วที่นี่น่าจะเงียบเหงาคนไม่เข้าเท่าไหร่  :D :D ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 13, 09:45
ไม่มีความรู้อย่างพวกสายวิทย์ เรื่องแรงกระเทือนส่งผลต่อวัตถุ   แต่จำได้ว่าช่วงหนึ่งรถบรรทุกดินวิ่งผ่านหน้าบ้านบ่อยมาก เพราะไปถมดินหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ลึกเข้าไป      ไม่เคยมีวัตถุไหนในบ้านหมุนตัวให้เห็นเลยค่ะ   มีแต่สั่น พอรถบรรทุกผ่านไปมันก็หยุดสั่น  ไม่ได้ขยับไปทางไหน
ถ้าของเล็กๆก็สั่นมากหน่อย แต่ถ้าของใหญ่ก็แทบไม่สั่นเลย
รูปสลักน่าจะหนักเกินว่าฝีเท้าคนไม่กี่คน ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาชม จะทำให้หมุนได้นะคะ    รูปปั้นอื่นไม่เห็นจะหมุนเลย

ลักษณะการหมุน เป็นวงกลมและดูเรียบลื่นมาก ราวกับตั้งอยู่บนฐานวงกลมแล้วขยับหมุนได้
รูปสลักอยู่ในพิพิธภัณฑ์มาตั้ง 80 ปี  คนก็เข้ามาชมกันเรื่อยๆ    จะมาเพิ่งกระเทือนจนหมุนอะไรเอาตอนนี้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 มิ.ย. 13, 15:35
ตามข่าวรูปสลักนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์มา 80 ปีแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าตั้งแสดงมากี่ปีแล้วครับ  พิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ ในอังกฤษมักจะมีของเก็บไว้มากกว่าที่ตั้งแสดง ดังนั้นของที่จัดแสดงอาจมีการเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป อย่าง British Museum ก็เคยอ่านเจอว่ามีของเก็บไว้ในคลังมากกว่าที่จัดแสดงหลายเท่า   เลยยังหาข้อมูลไม่ได้ว่ารูปสลักนี้ถูกตั้งอยู่ในตู้มานานแค่ไหนครับ เพิ่งเอามาแสดงหรือว่าจัดแสดงอยู่นานแล้วแต่เพิ่งมาหมุน  รวมทั้งแถวๆ พิพิธภัณฑ์มีการก่อสร้างหรือใครกำลังตอกเสาเข็มหรือไม่ เลยต้องคาดเดากันต่อไป   8)

ที่จริงน่าจะลองย้ายรูปสลักสับตำแหน่ง แล้วดูต่อว่ายังหมุนอีกไหม   จริงๆ แล้ววิธีตรวจสอบมีเยอะ  ก็ไม่รู้เค้าตรวจกันไปถึงไหนแล้ว


เสียดายวันนี้ไม่มีเวลา เพราะเย็นนี้ยูโรมิลเลี่ยนล็อตโต้จะออกรางวัล 157 ล้านปอนด์ ไม่งั้นจะขับรถไปพิพิธภัณฑ์ไปส่องหาเลขเด็ดซะหน่อย  ;D ง่า ท่านใดในเรือนไทยมีตาทิพย์ ญาณทิพย์ รบกวนขอเลข 1 - 50  5 ตัว แล้วก็ 1-11 อีก 2 ตัวด้วยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง  :-*  :-*  :-*


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 มิ.ย. 13, 15:48
ในเวปสนุก มีการให้ข้อคิดเห็นของคุณออยลี่

ที่บ้านผมเอาพระวางบนจานแก้ว(พื้นบ้านเป็นไม้)สัก3-4วันพระจะหมุนไปทางขวาจนถึง90องศาแล้วก็หยุดหมุน พอเราหมุนกลับ ท่านก็หมุนกลับมาอีก วันนั้นสงสัย เลยลองกระโดดดู อ๋อ หมุนเพราะคนเดินจริงๆด้วยครับ
 
ฮาทั้งบ้านเลย555

คุณ: oiler oly
[24 มิถุนายน 2556 - 18:59 น.]




กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 13, 18:27
คุณหนุ่มสยามจะทดลองเอาวัตถุวางบนจานแก้วที่บ้านไหมล่ะคะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 มิ.ย. 13, 20:52
ระหว่างรอคุณหนุ่มสยามไปทดลองเอาวัตถุวางบนจานแก้ว ก็ลองมาดูปริศนาเรื่องผีๆ  ที่ยังไม่มีการพิสูจน์เรื่องที่ 2 กัน เรื่องนี้ก็เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อปี 2007

ลองดูวิดิทัศน์ประกอบเรื่องราวกันก่อน

http://www.youtube.com/watch?v=7sjzjyfPJqA


เรื่องนี้เป็นข่าวเมื่อปี 2007 เรื่องเกิดจากประตูหนีไฟในห้องแสดงนิทรรศการในพระราชวังแฮมป์ตั้น ประเทศอังกฤษเกิดเปิดเองหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุจนยามรักษาการต้องไปปิด ยามเลยไปตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าในครั้งแรกประตูเปิดเองโดยไม่มีคน แต่ในครั้งที่สองมีคนแต่งกายเหมือนสมัยทิวดอร์มาปิดประตูให้  แล้วประตูก็เปิดเองเป็นครั้งที่ 3 ของวันแต่ไม่เห็นคนเปิด

จนบัดนี้ยังไม่มีคำตอบว่าใครมาเปิดปิดประตู ตอนผมไปเที่ยวก็ลืมถามว่าประตูไหน จะได้ไปส่องๆ ดูซะหน่อย



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 13, 00:22
อ้าว เรื่องรูปปั้นขยับมีคำอธิบายและตัวอย่างสาธิตแบบไม่ต้องรอคุณหนุ่มสยามแล้ว เชิญตามไปอ่านกันได้นะครับ

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077199


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 มิ.ย. 13, 08:02
พระราชวังแฮมป์ตั้น เป็นที่เลื่องลือมานานแล้วว่ามีอำนาจลึกลับบางประการที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น เงาลึกลับ เงาคนเดิน (ของพระนางแอนโบลีน) ซึ่งเป็นข่าวออกมาเรื่อย ๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 มิ.ย. 13, 08:05
อ้าว เรื่องรูปปั้นขยับมีคำอธิบายและตัวอย่างสาธิตแบบไม่ต้องรอคุณหนุ่มสยามแล้ว เชิญตามไปอ่านกันได้นะครับ

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077199

เขย่า แร๊ง แรง  ;D เสียดายที่ทางพิพิธภัณฑ์ไม่หงายฐานรูปเคารพให้ดู ว่าราบเรียบไหม แต่หลักง่าย ๆ คือ ทุกอย่างจะเข้าสู่จุดสมดุลย์ของตัวมันเอง การหมุนตัวของวัตถุเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามเข้าสู่จุดสมดุลย์

จะเห็นได้ว่ารูปปั้นหันกลับหลังและหันหลังให้อย่างนาน เป็นต้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 13, 18:08
ปริศนารูปสลักกลับหันหลังได้ถูกไขไปท่ามกลางความผิดหวังของหลายๆ คนที่ลุ้นให้มาจากพลังงานลึกลับ ลองมาดูอันอื่นๆ ทั้งที่ไขปริศนาได้แล้วและยังไม่ได้กันบ้าง


อันแรกที่ยังไขปริศนาไม่ได้คือรูปถ่ายวิญญาณที่มีชื่อเสียงมากรูปหนึ่งในโลก  ใครเป็นนักดูรูปวิญญาณน่าจะคุ้นเคยกับรูปนี้กันดี รูปนี้เป็นรูปถ่ายในปี 1919 ของทหารในหมู่บินก็อดดาร์ด ภายใต้สังกัดของ Sir Victor Goddard  เป็นรูปของ Freddy Jackson ช่างเครื่องที่เพิ่งเสียชีวิตไป 2 วันก่อนหน้าจากอุบัติเหตุถูกใบพัดเครื่องบินฟัน และงานศพของแจ็คสันก็มีขึ้นในวันที่ถ่ายภาพ ซึ่งปรากฏว่าแจ็คสันซึ่งอาจจะยังไม่ทันรู้ตัวว่าตายไปแล้ว เลยมายืนหลบอยู่หลังเพื่อนคนที่ 4 จากซ้ายแถวบนสุด  ก็เลยปรากฏในภาพไปด้วย เพื่อนๆ ที่เห็นภาพต่างก็บอกว่านี่เป็นใบหน้าของแจ็คสัน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 13, 18:49
ดิฉันพยายามหาผีในยูทูบมาส่งประกวดเหมือนกัน  แต่ยังหาที่เชื่อถือไม่ได้จนแล้วจนรอด
เลยต้องจองแถวหน้าไปพลางๆ   พร้อมข้าวโพดคั่ว 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 13, 19:09
รูปผีที่โด่งดังอีกรูปคือรูปผีของลูกเรือ SS Watertown

เรื่อง Watertown เป็นเรือบรรทุกน้ำมัน ครั้งหนึ่งระหว่างการเดินเรือจากนิวยอร์คไปยังปานามาในเดือนธันวาคม 1924 ลูกเรือสองคนได้ไปทำความสะอาดถังเก็บน้ำมันและเสียชีวิตจากการขาดอากาศ ศพของ James Courtney และ Michael Meehan จึงถูกฝังแบบชาวเรือคือฝังลงทะเลในบริเวณอ่าวแม็กซิโก

เรื่องน่ากลัวคือหลังจากนั้นลูกเรือคนอื่นได้เห็นลูกเรือทั้งสอง ว่ายน้ำผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ข้างเรือเป็นพักๆ  จนกระทั่งเรือเดินทางมาถึงนิวออร์ลีน กับตันได้แจ้งเรื่องแปลกประหลาดนี้กับทางสำนักงานใหญ่เจ้าของเรือ คือบริษัท the Cities Service Company  ในการเดินทางเที่ยวกลับ กัปตันเรือ Keith Tracy ได้นำกล้องถ่ายรูปลงเรือไปด้วย เผื่อสองลูกเรือจะมาว่ายน้ำตามเรืออีก แล้วก็เจอสองลูกเรือมาว่ายน้ำตามเรือจริงๆ กัปตันได้ถ่ายภาพไว้ 6 ภาพ แต่มีเพียงภาพเดียวที่จับภาพลูกเรือทั้งสองว่ายน้ำตามเรือได้   ภาพนี้ได้ถูกขยายแล้วนำไปแขวนไว้ที่สำนักงานใหญ่บริษัทในนิวยอร์คอยู่ช่วงนึงด้วย



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 13, 19:13
แต่ภาพลูกเรือทั้งสองนี้อาจเป็นภาพหลอกก็ได้ เพราะมีนักวิเคราะห์รุ่นหลังได้ตามสืบเรื่องราวของภาพนี้ การตีพิมพ์ตำนานเรื่องราวของภาพ ตลอดจนไปสำรวจเรือในรุ่นเดียวกันกับเรือ Watertown แล้วลองตั้งกล้องถ่ายภาพดูมุมภาพที่ควรจะปรากฏ สรุปออกมาว่าน่าจะเป็นเรื่องหลอกกันมากกว่า   ใครขยันตามไปอ่านเรื่องการสืบสวนสอบสวนที่มาที่ไปของภาพได้ครับที่

http://paranormal.about.com/gi/o.htm?zi=1/XJ&zTi=1&sdn=paranormal&cdn=newsissues&tm=756&f=11&su=p504.6.342.ip_&tt=33&bt=7&bts=8&zu=http%3A//www.forteantimes.com/features/fbi/3256/the_watertown_ghosts.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 13, 20:06
เฮ้อ  ถูกหักหลังจนได้  เสียแรงตื่นเต้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 13, 20:39
ว้าาา ท่านอาจารย์เทาอยากได้อะไรตื่นเต้นๆ ก่อนเข้านอน งั้นเอาภาพนี้ไปครับ  ผมถ่ายเองกะมือระหว่างไปเยี่ยมชมเมือง St. Andrews เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง แวะเข้าไปเที่ยว St. Andrews Cathedral ซึ่งเต็มไปด้วยหลุมศพมากมาย ถ่ายภาพเล่นๆ แต่ดันปรากฏกลุ่มพลังงานลึกลักทางซ้ายของภาพ  ไม่รู้ว่าเป็นหมอกควันของวิญญาณฝรั่งคนไหน  8)  8)  8)

 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 13, 21:21
สงสัยจะตัวที่ชื่อโฟโต้ฉ้อปมั้ง คุณประกอบ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 13, 21:33
สงสัยจะตัวที่ชื่อโฟโต้ฉ้อปมั้ง คุณประกอบ

ฮิฮิ ภาพนี้มิได้มีการตัดต่อตัดแต่งแต่งอย่างใดครับ  เห็นไหมว่าแทบไม่ต่างจากภาพถ่ายวิญญาณดาดๆ ที่หาดูได้ทั่วไปเลย กลุ่มหมอกควันพลังงานลึกลับเหนือหลุมศพ ไว้ให้ท่านอาจารย์เก็บเอาไปฝันร้ายก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเฉลยว่าเป็นวิญญาณของใคร  8)  8)   8)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 11:14
จะปล่อยให้คุณชายประกอบเทพปั่นกระทู้อยู่คนเดียวก็กระไรอยู่      หาผีมาประชันบนเวทีบ้างดีกว่า

คนที่ถ่ายรูปข้างล่างนี้ รายงานข่าวบอกว่าเธอชื่อนางมาเบล ชินเนอรี่     ย้อนหลังกลับไปเมื่อสมาชิกเรือนไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในชาติก่อน  ในค.ศ. 1959  มารดาของคุณนายมาเบลถึงแก่กรรม ศพฝังอยู่ในสุสาน    คุณนายผู้เป็นลูกกตัญญู วันหนึ่งคิดถึงแม่ก็ไปเยี่ยมคารวะที่หลุมศพ   เธอเอากล้องถ่ายรูปติดมือไปด้วยโดยตั้งใจจะถ่ายรูปสุสานไว้เป็นที่ระลึก
หลังจากถ่ายรูปหลุมศพไปสองสามรูป   เธอก็หันกล้องไปถ่ายรูปสามีซึ่งนั่งคอยอยู่ในรถตามลำพัง โดยไม่ได้บอกเล่าเก้าสิบให้โพสต์ท่าเสียก่อน    ถ่ายรูปเสร็จก็กลับบ้านเอาฟิล์มไปล้างที่ร้าน
พอได้รับรูปจากร้าน  ทั้งคุณนายและสามีก็ผงะเมื่อพบว่าในรูปที่ถ่ายสามี  เขามิได้นั่งอยู่ตามลำพังอย่างที่เธอเห็น-และเขาก็เข้าใจเช่นนั้น แต่มีคนสวมแว่นนั่งอยู่บนเบาะหลังด้วย    คุณนายมาเบลจำได้ทันทีว่ามิใช่ภาพใครอื่นนอกจากมารดาเธอเอง 
ผู้เชี่ยวชาญภาพถ่ายตรวจสอบแล้วว่าภาพนี้มิได้เกิดจากการตกแต่ง  มิใช่ภาพซ้อน  หรือเงาสะท้อน   ภาพนี้ก็เลยแพร่หลายกันต่อๆมาในหนังสือต่างๆที่มุ่งพิสูจน์ว่าผีมีจริง    และแพร่หลายในอินเทอร์เน็ตมาจนบัดนี้

ยังไม่ได้ติดตามว่ารูปนี้มีใครจับเท็จได้ในระยะหลังหรือเปล่า   ซายาเพ็ญสนใจจะจับบ้างไหมหนอ



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 11:34
คำบรรยายเขาบอกว่าภาพนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Chicago Sun-Times และ the National Examiner โดยสมาชิกกลุ่ม GRS (ย่อมาจาก Ghost Research Society สมาคมวิจัยค้นคว้าเรื่องผี)  ซึ่งไปสำรวจสุสานแห่งหนึ่งชื่ื่อว่า  Bachelor's Grove Cemetery  เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม  ค.ศ. 1991
รูปนี้เป็นภาพขาวดำถ่ายโดยกล้องรังสีอินฟราเรด  เล็งถ่ายไปที่บริเวณที่ปรากฏว่าเครื่องมือจับผีของพวกนี้จับความผิดปกติบางอย่างได้   เมื่อสมาชิกคนหนึ่งถ่ายออกมาก็ปรากฏว่าติดภาพหญิงสาวนั่งอยู่บนหินเหนือหลุมศพ  บางส่วนของร่างกายทั้งบนและล่างโปร่งแสง  เสื้อผ้าก็เป็นแบบโบราณ  ไม่มีใครเขาสวมกันแล้วในยุคนี้

จริงหรือเท็จ   ยังไม่มีหลักฐาน   แต่ดูแล้วไม่ค่อยเชื่อค่ะ  มันออกจะโจ่งแจ้งไปหน่อย

ป.ล. ถ้าเธอเป็นตัวจริงก็ไม่ต้องมาบอกฉันคืนนี้นะจ๊ะ    แจ้งผ่านคุณชายประกอบเทพคนเดียวพอ    เส้นทางใกล้กว่า เดินทางไปพบได้สะดวก


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 15:44
อันดับต่อไปชื่อ ผีบันไดทิวลิป หรือ Tulip Staircase Ghost
เรื่องนี้เกิดในอังกฤษ  เมื่อค.ศ. 1966  ผีคงยังไม่ไปไหน  เหมาะที่คุณประกอบจะตีตั๋วรถไฟไปเที่ยวกรีนิชเพื่อเยี่ยมเยียนโดยด่วน   
เจ้าของภาพนี้คือท่านนักบวชชราชื่อสาธุคุณราล์ฟ ฮาร์ดี้  ซึ่งเกษียณจากงานแล้ว  อาศัยอยู่ในแคนาดาในเขตที่เรียกว่าบริติช โคลัมเบีย  เมืองไวท์ร็อค    ในเมื่อคนถ่ายภาพเป็นนักบวชแถมยังแก่เฒ่าแล้วก็น่าจะเชื่อได้ว่า ไม่ได้ลุกขึ้นเล่นตลกหลอกชาวบ้าน
ท่านไปเที่ยวอังกฤษ ถึงเมืองกรีนิช  เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อว่า the National Maritime Museum  ในพิพิธภัณฑ์มีบันไดเก่าแก่งามวิจิตรอยู่แห่งหนึ่งชื่อ บันไดทิวลิป  อยู่ในปีกของพิพิธภัณฑ์ ส่วนที่เรียกว่า the Queen's House section  ท่านก็ถ่ายรูปบันไดเอาไว้เป็นที่ระลึกโดยมิได้มีวี่แววผิดปกติอย่างใด
พอกลับบ้านเอาฟิล์มไปล้าง    ก็พบว่าภาพบันไดที่ตอนถ่ายเห็นว่างๆนั้นเอาเข้าจริงมีร่างมัวๆร่างหนึ่งกำลังขึ้นบันไดในท่าประหลาด  คือเอามือทั้งสองเหนี่ยวราวบันได สาวตัวขึ้นไป      ภาพนี้ถูกส่งให้ผู้เชี่ยวชาญแห่งบริษัทโกดัคตรวจสอบฟิล์มเนกาตีฟ  ผลก็ออกมาอย่างที่นักอ่านเรื่องผีเดาได้คือฟิล์มไม่ได้ถูกแต่ง  ไม่ได้ถ่ายซ้อน
จากนั้น  ข่าวก็เล่าต่อเนื่องกันออกมาว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ามีอะไรแปลกๆให้เห็นแถวบันได    บางทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ทั้งๆไม่มีคน    มีปรากฏการณ์ประหลาดรวมทั้งผู้หญิงในกระโปรงสุ่มสีเทาเดินมาแล้วเดินทะลุกำแพงหายไป (ตามฟอร์ม)   เสียงเด็กร้องเพลงประสานเสียงกันโดยไม่ปรากฏตัวผู้ร้อง   มีคนเห็นหญิงสาวกำลังเช็ดถูเลือดที่พื้นเชิงบันได   ตามตำนานกล่าวว่ามีสาวใช้คนหนึ่งถูกโยนลงจากระเบียงชั้นบนลงมาตายข้างล่าง      ประตูเปิดปิดเองได้ 
และที่สำคัญซึ่งคุณประกอบควรไปอย่างยิ่ง คือมีการอ้างว่านักท่องเที่ยวที่แวะชมพิพิธภัณฑ์ เดินๆอยู่ดีๆก็อาจรู้สึกว่าถูกหยิกโดยมือที่มองไม่เห็น    เขาอาจจะมาสะกิดอยากคุยด้วยก็ได้
 
I


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 16:03
บ๊ะ ท่านอาจารย์เทาฯเอาผีที่กรีนิชมาล่อ  คราวก่อนไปที่กรีนิชพิพิธภัณฑ์ปิดพอดี  แบบนี้ต้องไปใหม่ ไปถ่ายภาพบันไดมาฝากอีกทีเผื่อได้ภาพเด็ดๆ
เฉลยปริศนากลุ่มพลังงานลึกลับในภาพที่ผมถ่ายก่อน ขอตั้งชื่อว่าชื่อภาพวิญญาณของจอห์น เรนนิ่ง   ภาพนี้ที่จริงมาจากวันที่ถ่ายฝนตก  มีหยดน้ำเกาะหน้าเลนส์พอดี พอถ่ายรูปมามันก็เลยมัวๆ เหมือนกลุ่มพลังงาน พอดีไปถ่ายสุสานด้วยเลยดูเข้ากั๊นเข้ากัน   :P



ภาพถ่ายวิญญาณจำนวนไม่น้อยคนที่มีประสบการณ์ถ่ายภาพดูแป๊บเดียวก็บอกได้ว่าจริงหรือปล่อม ภาพที่ดังๆ หลายภาพเกิดจากการถ่ายในที่แสงน้อย เปิดหน้ากล้องนาน วัตถุที่ผ่านหน้ากล้องเลยปรากฏเป็นลางๆ ไม่ชัดเหมือนวิญญาณ  หรือเกิดจากมีหยดน้ำ  แมลง ฯลฯ ติดหน้าเลนส์ แต่เนื่องจากชิดเลนส์มากทำให้โฟกัสที่วัตถุนั้นไม่ได้เลยเห็นเป็นมัวๆ  ภาพถ่ายวิญญาณจำนวนมากรวมถึงภาพจาก cctv ที่จับก้อนพลังงานผ่านหน้ากล้องได้จำนวนไม่น้อยมาจากสาเหตุนี้ เช่นแมงมุมหรือมดไต่ผ่านเลนส์กล้อง


ส่วนภาพวิญญาณบางภาพที่ดังๆ ก็ดูเห็นวิญญาณโจ่งแจ้งไปหน่อย เห็นกันจะๆ เห็นแบบโจ๋งครึ่ม  ส่วนใหญ่เป็นภาพตัดต่อยุคโบราณสมัยคนยังไม่มีกล้องกันมาก พอมีภาพแปลกๆ เลยฮือฮากัน มันก็เลยดังมาจนถึงปัจจุบัน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 17:28
อีกรูปผีที่ถ่ายโดยกล้องมือถือ

ในปี 2008   นาย Matthew Summers วัย 17 ปี ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพกลุ่มเพื่อนๆ ก่อนที่จะออกไปจากบ้านกัน ในภาพจะมีเด็กน้อยกำลังร้องไห้อยู่ด้วย เมื่อดูภาพถ่ายทุกคนก็ต้องตะลึงด้วยความสยดสยอง เพราะปรากฏภาพเด็กคนหนึ่งซ่อนอยู่ระหว่างขาของสาวๆ

ภาพวิญญาณและภาพอีตาแม็ทธิวกับโทรศัพท์


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 17:49
ภาพนี้ถ้าเป็นพี่ริว จิตสัมผัสคงบอกว่าเป็นวิญญาณจากหญิงสาวในภาพที่เคยทำแท้งตามมา ถ้าเจนญาณทิพย์คงบอกว่าสัมผัสได้ถึงพลังงานของเด็กที่สิงอยู่ในห้อง ส่วนตุ้ย X-ray แม่ชีทศพร หรือกฤษฏ์ คอนเฟิร์ม ก็อาจจะเห็นอะไรแตกต่างกันไป  ส่วนประกอบเทพ ที่ตอนนี้ยังหาสรรพนามเด็ดๆ แบบสแกนกรรม ญาณทิพย์มาแปะชื่อไม่ได้  ก็ต้องยืนยันว่าเป็นภาพวิญญาณแน่ๆ อยู่แล้น


แต่ภาพนี้ Ciaran O'Keeffe ผู้เชี่ยวชาญนักสำรวจผีประจำรายการ Most Haunted show ที่ฉายในอังกฤษมาหลายปีแล้ว ผมดูมั่งไม่ดูมั่งเพราะรายการมันยืดยาดเหลือเกิน  ออกมาบอกว่าภาพนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Pareidolia เป็นเรื่องทางจิตวิทยาแบบหนึ่งที่เราตีความภาพหรืออะไรที่มันคลุมเคลือหรือไม่ชัดไปตามจินตนาการอะไรทำนองนั้น เช่นการมองเมฆเห็นเป็นรูปต่างๆ  มองดวงจันทร์เห็นกระต่าย มองเกาะเห็นเป็นรูปสาวนอนหงาย มองภาพถ่ายมัวๆ ของภูเขาบนดาวอังคารเห็นเป็นหน้าคน กิ้งก่า ลิงกอริลล่า และคุณชายประกอบเทพซ่อนอยู่  ;D  ;D  ;D  

ภาพนี้คงเป็นแค่ผลที่เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า pixelation ของกล้อง บวกกับความมืดและสภาพแสงน้อยเท่านั้น ไม่มีผีในภาพนี้ร้อกกก ไร้สาระมากๆ โอคีพยืนยัน

ที่มา  http://www.dailymail.co.uk/news/article-510155/Mysterious-ghostly-face-child-appears-mobile-phone-photo-teen-pals.html



อ้าว ไปๆ มาๆ กระทู้นี้ว่าจะเอาภาพปริศนา  ทำไปทำมาส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะปริศนาซะแล้ว  แถมลามไปถึงกระทู้ต่างดาวข้างๆ ด้วย  ;D  ;D  ;D


ภาพลุงโอคีพ นักพิสูจน์ผี คู่แข่งพี่ป๋องเมืองไทย หน้าแกดูเหมือนพิสูจน์ผีจนเบื่อแล้ว โครตเซ็งเลยอะไรทำนองนั้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 17:55
เอาภาพแบบ Pareidolia มาฝากครับ   เห็นเป็นอะไรกันบ้างงงงง  8)



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 18:05
ง่ายมากค่ะ ในไทยมีมะพร้าวคล้ายพญานาค  ให้ขอหวยกันบ่อย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 18:38
เอาภาพแบบ Pareidolia มาฝากครับ   เห็นเป็นอะไรกันบ้างงงงง  8)

เรื่อง pareidolia บนดาวอังคาร เตือนไว้แล้วหนอ

แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมนึกถึง ปรากฏการณ์ทางจิตใจที่เรียกว่า pareidolia บ้าง  ;)

pareidolia
          มาจากภาษา Greek - para- ("beside", "with", or "alongside"—
meaning, in this context, something faulty or wrong) และ
eidolon ("image")

           มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมองเห็นอะไรต่อมิอะไร ออกมาคลับคล้ายเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ที่ตนเอง
คุ้นเคยอยู่ ผลที่ได้จึงเป็นภาพมายาที่สมองมนุษย์ปรุงแต่งวาดให้เข้ากับตัวตน
           เราจึงเห็น กระต่ายบนพระจันทร์ หรือ man in the moon หรือ เห็นเมฆเป็นรูปสัตว์ เป็นต้น

รูปหน้าคนบนดาวอังคาร เป็นที่ถกเถียงกันมาหลายปีก่อน ว่ามนุษย์บนดาวอังคารสร้างขึ้นหรือเปล่า

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3357.0;attach=10834;image)

เห็นอะไรคุ้นเคยบนดาวอังคาร นึกถึง pareidolia ไว้บ้าง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 19:19
ต้องเรียนเชิญท่านซายาเพ็ญฯ  อับดุลประจำเรือนไทย หรือท่านผู้รู้ที่เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพมาอธิบายภาพนี้ให้หน่อยครับว่าเกิดจากอะไร  ภาพอาจจะน่ากลัวซักนิดแต่คิดว่าสมาชิกทั้งหลายคงรับประทานมื้อเย็นกันแล้ว  ภาพแนวนี้ภาพอื่นๆ มักถูกอ้างว่าเป็นรูปจตุคามรามเทพบ้าง วิญญาณบ้างอะไรบ้าง  ถ้าเป็นวิญญาณ ภาพนี้คงมีหลายดวงเลย แถมเข้ากับองค์ประกอบอื่นในภาพมาก ดูน่ากลัวสุดๆ  เป็นภาพหลังเหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้




กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 13, 20:04
ไม่ใช่อับดุล แต่อยากตอบ

ภาพนี้ผมถ่ายเอง และยังมีที่คล้ายกันนี้อีกเกือบสิบรูป เกิดจากการใช้แฟลตถ่ายย้อนแสงในห้องที่ค่อนข้างจะมืด แต่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 20:21
ฮิฮิ ซายานวรัตนฯ เข้ามาตอบแทนแล้ว  ใช่แล้วครับ ภาพถ่ายจตุคามเหล่านี้เกิดจากการถ่ายภาพโดยใช้แฟลตแล้วแสงแฟลตไปสะท้อนฝุ่นที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ  เกิดเป็นภาพจตุคามดังนี้แล  ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องธรรมดาเกิดขึ้นได้เสมอ สมัยจตุคามโด่งดังหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่หลายๆ เจ้าในเมืองไทยยังเกาะกระแสเอารูปทำนองนี้ไปทำข่าวแล้วบอกว่าเป็นรูปลึกลับหรือเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของจตุคามซะได้


รูปต่อไปเป็นรูปผีที่ผมชอบมาก ผมใช้รูปนี้แกล้งเพื่อนเป็นประจำโดยแอบเปลี่ยนภาพพื้นหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อนเป็นภาพนี้ พอเพื่อนเปิดเครื่องมาเจอภาพนี้ก็ผงะหงายตกใจกันทุกคน  สาวๆ โดนผมแกล้งด้วยภาพนี้ไปหลายคน สุดท้ายทุกคนมาตกหลุมรักผมหมด ได้หักอกซ้ำสอง  ภาพนี้เป็นภาพน่ากลัวที่ผมชอบมากๆ และไม่มีคำอธิบายว่าภาพนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นภาพตัดต่อหรือแต่งด้วยโปรแกรมอะไรหรือไม่  ใครรู้วานมาเฉลยให้ด้วยนะครับ  ฝากไว้ให้ดูกันคืนนี้ จะได้นอนหลับฝันดีกันทุกคน   ใครมองหาไม่เจอว่าภาพนี้มันมีอะไร รบกวนค่อยๆ มองหา รับรองว่าไม่เกินความสามารถแน่ๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 20:54
ย้อนกลับไปที่ภาพจตุคาม ศัพท์เทคนิคเรียกว่า ปรากฏการณ์ออร์บ (orb phenomenon) (http://www.gotoknow.org/posts/105819)

แต่ปรากฎการณ์ออร์บบางภาพก็อธิบายได้ยากเหมือนกัน  อย่างเช่นภาพนี้เป็นออร์บเดี่ยววงเดียวโดด ๆ อธิบายอย่างไรดี   ???



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 21:24
อ้อ เค้าเรียกว่าออร์บนี่เอง  ออร์บเดี่ยวแบบโดดๆ นี่ผมเคยถ่ายได้ในงานศพคุณตาครับ  จะมีดวงเดียวเบ้อเริ่มเลย สีฟ้าเหมือนในภาพเปี๊ยบเลย ดวงใหญ่กว่าด้วยแถมมีดวงเดียว เสียดายหาภาพไม่เจอ เลยอดเอามาอวด ภาพแนวนี้ไม่จำเป็นต้องมีจตุคามเยอะก็ได้ครับ ขึ้นกับจำนวนฝุ่น อย่างภาพตัวอย่างอาจารย์เพ็ญฯจะเห้นว่าจริงๆ มันไม่ได้มีแค่ดวงเดียว มันมีขาวๆ ด้านบนภาพด้วย  แต่ทุกภาพจะสังเกตุได้ว่าเป็นภาพที่ถ่ายโดยใช้แฟลต อย่างภาพที่เห็นก็จะแสงแฟลตสะท้อนผมบนหัวของคนหน้าภาพชัดเจน  รวมทั้งสะท้อนเสื้อคนที่นั่งด้านหน้าด้วย  ถ้าเป็นดวงๆ โดยไม่มีการใช้แฟลต แบบนี้ค่อยน่าพิศวงหน่อย


แล้วภาพผีอีกภาพที่เอามาลง ซายาเพ็ญฯมีคำอธิบายบ้างไหมครับ    ถ้ายังไม่มีคืนนี้เก็บภาพนี้ไปฝันก่อนก็ได้ ;D   ;D   ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 21:53
ภาพดวงพราวพร้อยทั้งหลายนี่เคยได้รับทาง fw mail มาหลายหนแล้ว ในรูปแบบต่างๆกันค่ะ  ในอินทรเนตรก็มีหลายรูป
 อย่างสองภาพข้างล่างนี้  เป็น orb หรือเปล่า

แฟลต ของคุณประกอบ หมายถึง แฟลช flashlight ใช่ไหมคะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 21:55
ว้ายยย พิมพ์ผิดจริงๆ ด้วย  :(  :(  :(  เคยมือมากไปหน่อย  >:(  >:(  >:(  ขอแก้ไขครับ แฟลตทุกคำที่ผมพิมพ์ ที่ถูกต้องต้องเป็นแฟลชนะครับ ขออภัยเป็นอย่างสูงคร้าบบบ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 13, 22:10
ไม่ต้องว้ายก็ได้ มันเริ่มผิดมาจากผมแล้วละครับ ขอโทษด้วย

เอ..แล้วทำไมต้องว้าย หลายกระทู้แล้ว ชักสงสัย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 22:16
ว้าย...ชักสงสัยเหมือนกัน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 13, 22:21
ไม่ต้องว้ายก็ได้ มันเริ่มผิดมาจากผมแล้วละครับ ขอโทษด้วย

[size=คpt]เอ..แล้วทำไมต้องว้าย หลายกระทู้แล้ว ชักสงสัย[/size]


ว้าย...ชักสงสัยเหมือนกัน


ตามชื่อกระทู้เลยครับ สิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย  :-*


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 22:31
^
มาถึงไคลแมกซ์ของกระทู้ตรงนี้เอง   ลึกลับจริงๆด้วย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 13, 22:40
ลึกลับ ? !
กัว กัว  กัว   กัว     กัว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 13, 22:45
นั่นซีคะ ท่านนวรัตน
ดิฉันว่าคุณประกอบเทพ นี่แหละของจริง     ไม่เชื่อ ลองแอบไปถ่ายรูปแกมาดู ว่าถ่ายติดหรือเปล่า 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 มิ.ย. 13, 17:07
เนื่องจากยังหารูปชายปริศนาชอบร้องว้ายแต่ไม่รู้ว่าตัวจริงเป็นใครกันแน่ ทั้งนายแบบสุดหล่อ ดาราดังหน้าเกาหลี นักเรียน ป เอก  คนขับ taxi คุณชายรูปหล่อ หรือทายาทอาณาจักรน้ำมันเอามาโชว์ท่านอาจารย์ไม่ได้ ดังนั้นก็มาดูรูปผีๆ กันไปพลางๆ ไม่ทราบว่ารูปเมื่อคืนไปเข้าฝันใครบ้างไหม


รูปผีอีกรูปที่โด่งดังพอควรคือผมเห็นมาหลายปีแล้ว คือรูปที่คุณป้าเซเยอร์ชาวอังกฤษแกไปถ่ายที่พิพิธภัณฑ์กองบินนาวีของอังกฤษ(Fleet Air Arm)  ใน Somerset เมื่อปี 1987  ใครที่ชอบเครื่องบิน เรื่องราวประวัติศาสตร์สงครามเวหา  เรือบรรทุกเครื่องบิน  ไม่ควรพลาดเด็ดขาด แม้ราคาค่าชมออกจะแพงซักหน่อยเมื่อคิดเป็นเงินไทย  ผมไปพิพิธภัณฑ์การบินมาเกือบทั่วอังกฤษต้องบอกว่าที่นี่เด็ดสุด  ไม่ได้มีแต่เครื่องบินมาจัดแสดงให้เราเดินดูเฉยๆ  แต่มีการจัดแสดงจำลองเหตุการเหมือนเรานั่ง ฮ ไปลงบนเรือบรรทุกเครื่องบินด้วย ทั้งภาพ แสง สี เสียง เรียกได้ว่าอลังงานการสร้าง พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการบินที่อื่นๆ ไม่ว่าที่ลันดั้น ดั้คฟอร์ด หรือยอร์ค ผมคิดว่าสู้ไม่ได้  ไปตั้งแต่เช้าพิพิธภัณฑ์เปิด จนถึงเวลาปิดเค้าต้องมาไล่ยังเดินไม่หมด เสียดายว่าอยู่ไกลบ้านไปหน่อย  4-500 กม  ไม่งั้นคงได้ไปกันประจำ


อ้าว ว่าจะพูดเรื่องผีกลายเป็นโปรโมทพิพิธภัณฑ์ไปซะแล้ว  รูปนี้เป็นรูปที่ป้าแกขึ้นไปนั่งถ่ายบนที่นั่งนักบินของ ฮ ลำที่เคยไปรบในสงครามชิงเกาะฟอร์คแลนด์ แกยืนยันว่าแกนั่งอยู่คนเดียวแต่ไหงติดรูปมีคนนั่งข้างๆ ด้วย รูปอื่นๆ ที่ถ่ายก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ผมดูแล้วก็สงสัย เอ มันเป็นรอยสะท้อนที่กระจกที่ดูเป็นรูปคนพอดีหรือเปล่าหนอ  แต่ก็ลุ้นอยากให้เป็นพลังงานลึกลับอีกนั่นแหละ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 มิ.ย. 13, 18:23
รูปผีๆ รูปต่อไป ถ่ายโดย Neil Sandbach นักออกแบบกราฟฟิกในปี 2008 ด้วยกล้องดิจิตอล นีลถ่ายรูปฟาร์มแห่งหนึ่งใน Hertfordshire ซึ่งกำลังจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานฉลองพิธีแต่งงานของบ่าวสาวคู่หนึ่ง ปรากฏว่ารูปที่ถ่ายรูปหนึ่งมีเงาเหมือนเด็กในชุดสีขาว ทั้งที่ตอนที่ถ่านภาพนีลไม่เห็นใคร เมื่อสอบถามข้อมูลไปยังเจ้าของสถานที่จึงได้ทราบว่ามีคนเห็นเด็กผู้ชายในชุดสีขาวในฟาร์มหลายครั้ง คาดว่านี่อาจจะเป็นรูปผีอีกรูปก็ได้



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ค. 13, 16:23
รูปผีๆ ลึกลับรูปต่อไป ชื่อว่า The Pink Lady of Greencastle

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 Guy Winters นักพิสูจน์ผีและคณะได้ขออนุญาตเจ้าของแมนชั่นร้างชื่อ  O'hare mansion ใน Greencastle รัฐ Indiana  แมนชั่นแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเพราะผู้อยู่อาศัยถูกรบกวนด้วยวิญญาณที่สิงอยู่จนไม่มีใครอยู่ได้  Winters ใช้เวลาสำรวจอยู่ 2 วันทั้งกลางวันและกลางคืน  ถ่ายทั้งภาพและวีดิโอมากมาย พยายามหาหลักฐานต่างๆ ถึงการมีอยู่ของวิญญาณในแมนชั่นร้างนี้

ภาพที่น่าแปลกในที่สุดเป็นภาพถ่ายหน้าต่างชั้นบนของบ้าน ซึ่งขณะถ่ายไม่มีใครอยู่ที่หน้าต่างนั้นและวินเทอร์ก็ไม่เห็นใคร แต่เมื่อล้างฟิล์มออกมาก็ปรากฏภาพของผู้หญิงที่หน้าต่างนั้น ผู้หญิงนี้มองเห็นในฟิล์มเนกาทิฟด้วย  เมื่อมีการวิเคราะห์ภาพนี้โดยการเพิ่มรายละเอียดในคอมพิวเตอร์ ทำให้เห็นใบหน้าชัดขึ้นดังภาพล่างขวา


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ค. 13, 16:30
ปัจจุบันแมนชั่นแห่งนี้ถูกรื้อทิ้งไปแล้ว ดังนั้นตำนานวิญญาณลึกลับที่นี่จึงพิสูจน์ไม่ได้แล้ว


อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจอยากชมวิดิโอการล่าท้าผีที่แมนชั่นนี้ สามารถรับชมได้ตามคลิปนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=jt4SMejOErQ&feature=player_embedded

ยุงมีภาพผีอื่นๆ ที่นี่ เช่นภาพผู้หญิงในเสื้อคลุมที่ถ่ายได้จากหน้าต่างอีกบาน    ผู้สนใจไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่
http://www.ghosthauntings.org/Pink_Lady_Of_Greencastle.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 13, 12:20
เศรษฐีไทยและเทศนอกจากนั่งเครื่องบินเที่ยวต่างประเทศ    ยังมีบางครั้ง  ก็ลงเรือสำราญขนาดใหญ่ล่องทะเลบ้าง ล่องแม่น้ำบ้าง  เปลี่ยนบรรยากาศ     เรือพวกนี้เป็นเรือท่องเที่ยวใหญ่มหึมา มีเครื่องอำนวยความสะดวกและสถานบันเทิงครบครัน    ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ บาร์เครื่องดื่ม โรงละคร ห้องดินเนอร์และลีลาศฯลฯ  ล้วนแต่บริษัทเจ้าของเรือสรรหามาปรนเปรอลูกค้ากระเป๋าหนักให้เพลิดเพลิน  ไม่ต้องเบื่อหน่าย  ที่วันๆก็เห็นแต่น้ำกับฟ้า
แต่บางครั้ง   เรือหรูหราไฮโซพวกนี้ ก็มีของแถมที่ไม่ได้อยู่ในโปรโมชั่นของบริษัท ติดเรือมาด้วย  ;D

เช่นเรือควีนแมรี่ เป็นต้น

เรือควีนแมรี่สร้างเสร็จ ออกทะเลเมื่อค.ศ. 1936  หรือพ.ศ. 2479   เป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่เดินทางไปกลับระหว่างเซาธ์แธมป์ตันในอังกฤษ กับนิวยอร์คซิตี้ ในอเมริกา    เป็นเรือหรูหราสำหรับลูกค้ากระเป๋าหนัก และกระเป๋ากลางๆ ที่มีธุระต้องเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติค   เพราะสมัยนั้น การเดินทางโดยเครื่องบินยังไม่ก้าวหน้าอย่างสมัยนี้

ระหว่างสงครามโลก  ควีนแมรี่ถูกเปลี่ยนเป็นเรือลำเลียง   พ่นสีเทาทับทั้งลำ  เพื่อมิให้สะดุดตาเป็นเป้าการโจมตีของเยอรมัน      ทำให้ได้รับสมญาว่า "ปีศาจเทา"    
เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดบนเรือ  ทำให้ผู้เกี่ยวข้องหลายคนรู้สึกว่า ไม่น่าจะตั้งชื่อนี้เล้ย  ให้ตายซี


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 13, 20:50
ใครจะเชื่อว่าเรือใหญ่โตโอ่อ่าลำนี้ มีคนตายอยู่บนเรือ เบ็ดเสร็จรวมยอดเกือบ 50 ชีวิต     มิหนำซ้ำหลายชีวิตในจำนวนนั้นก็ไม่ยักไปสู่ที่ชอบๆ   หรือจะชอบเรือนี้อยู่มากก็ไม่แน่  แต่วนเวียนไม่ยอมไปไหน   เช่นลูกเรือหนุ่มน้อยรายหนึ่งชื่อจอห์น เฮนรี่ประสบอุบัติเหตุตายในห้องเครื่องหมายเลข 13  ขณะพยายามหนีไฟไหม้  จนทุกวันนี้ก็ยังมีเสียงทุบประตูและแสงสว่างแลบออกมาให้เห็นในห้องนั้นบางครั้งบางครา ให้ช่างเครื่องและลูกเรือที่ผ่านไปแถวนั้นสยองกันเล่น

บนดาดฟ้าก็ไม่ใช่ย่อย  ผู้โดยสารบางคน ตอนดึกๆเกิดอยากออกจากห้องพักไปเดินกินลมชมจันทร์กลางทะเล  อาจจะแจ๊กพ็อต เจอเด็กหญิงเล็กๆเดินวนเวียนอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ     ถ้าสงสัยว่าเด็กที่ไหนมาเดินอยู่คนเดียวกลางดึก  ก็ควรจะโกยอ้าวกลับห้องเสียดีกว่าจะหาคำตอบ   เพราะหนูน้อยเคยเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งเมื่อนานหลายสิบปีมาแล้ว   นึกสนุกไถลตัวลงมาตามราวบันได  แต่เคราะห์ร้ายช่วงนั้นเรือเจอคลื่นใหญ่ โยนตัวขึ้นลงแรง   หนูน้อยก็เลยเสียหลักพลัดตกลงมาคอหัก     หลังจากนั้นก็มีคนเห็นเธอวนเวียนเดินตามหาแม่ ซึ่งไม่มีวันได้พบพานกันอีก

แต่ว่าหนูน้อยไม่ได้เดินคนเดียว     มีผู้หญิงอีกสองคนที่พบชะตากรรมเดียวกัน คือเสียชีวิตบนเรือนี้    ต่างคนต่างก็ยึดสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเป็นที่สิงสู่   ให้ผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กลับไปจับไข้ผมร่วงไปตามๆกัน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 13, 13:43
    ปกติแล้ว  ในคฤหาสน์ผีสิงต่างๆ    ผีมักมีเขตของตน เช่นอยู่ในห้องนอน  ห้องใต้ดิน  บันไดและตามทางเดิน   สวนหรือสนามก็เป็นที่เดินออกกำลังกายของผี     ส่วนห้องครัวมักเป็นเขตปลอดผี   เพราะไม่น่าจะมีใครเข้าไปตายในครัวได้    แต่ในเรือควีนแมรี่  แผนกห้องครัวเป็นที่ร่ำลือว่าเป็นแหล่งผีดุฉกาจฉกรรจ์อีกแห่งหนึ่ง    ว่ากันว่าบางครั้งมีเสียงร้องโหยหวนแว่วออกมา พร้อมกับเสียงทุบประตูระรัว จากภายในเตาอบขนาดใหญ่เท่าห้องย่อมๆ กระทบหูพ่อครัวหัวป่าก์ทั้งหลายให้ขนหัวลุกไปตามๆกัน   
    ข่าวที่ลือกันก็คือสมัยสงคราม  เรือควีนแมรี่ถูกดัดแปลงเป็นเรือลำเลียง  กองทหารก็แห่กันมาประจำการอยู่บนเรือ  พ่อครัวมืออาชีพที่เคยประจำเรือต่างพ้นหน้าที่   อพยพหนีภัยสงครามกันไปหมด   มีแต่พ่อครัวอ่อนหัดมาประจำการแทน     ฝีมือไม่เป็นสับปะรดของพ่อครัวคนนั้นก่อให้ทหารหนุ่มๆที่กลืนอาหารไม่ลง บันดาลโทสะขึ้นมาสุดขีด เพราะต่างคนต่างก็เครียดจากสงคราม   จึงพร้อมใจกันจับพ่อครัวยัดเข้าไปในเตาอบใหญ่ขนาดห้อง แล้วเปิดไฟย่างทั้งเป็น    วิญญาณของพ่อครัวที่กลายเป็นหมูย่างก็เลยไม่ยอมไปไหน  วนเวียนดิ้นรนหาอิสรภาพจากเตาอบต่อมาอีกหลายสิบปี

    มีเรื่องลึกลับอีกเรื่องบนเรือควีนแมรี่ที่ยังไขคำตอบกันไม่ออก  ก็คือในเที่ยวโดยสารเที่ยวหนึ่ง  พนักงานบริการประจำเรือเมื่อหิ้วกระเป๋าไปส่งถึงห้องพักของผู้โดยสารชายหน้าใหม่    ผู้โดยสารก็เอาธนบัตรยัดใส่มือ แล้วสั่งว่า "นายไปหาผู้หญิงมาให้ซักคนได้ไหม"   บริการพิเศษนอกเหนือยกกระเป๋าแบบนี้ไม่ใช่ของใหม่     พนักงานก็ไปหาผู้โดยสารหญิงที่เขาพอจะดูออกว่าทำงานไซด์ไลน์มาให้ 
    แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น   มีผู้พบศพของหญิงสาวในห้อง   ส่วนผู้โดยสารชายหายไปโดยไม่มีร่องรอย   เหลือทิ้งไว้แต่รอยเลือด   กระเป๋าและสัมภาระก็หายไปด้วย     เมื่อค้นชื่อที่อยู่ในเอกสารลงทะเบียน ก็ไม่ได้ร่องรอยอันใด     ไม่มีใครรู้ว่าเขาล่องหนไปจากเรือด้วยวิธีไหนจนบัดนี้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 13, 15:55
     เรือควีนแมรี่เคยก่อโศกนาฎกรรมกลางทะเลมาแล้ว    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง  ขณะแล่นซิกแซก แฉลบไปทางซ้ายทีขวาที เพื่อหลีกหลบเรือรบฝ่ายเยอรมัน     เรือควีนแมรี่ก็เลยแล่นเข้าไปชนเรือเดินสมุทรพวกเดียวกันเข้า ด้วยความแรงแทบว่าเรืออีกลำขะขาดกลาง   ส่งผลให้ผู้โดยสารเรือลำนั้นร่วม 300 คนที่รอดตายจากเรือ ลงไปลอยคออยู่ในทะเล กลายเป็นเหยื่อฉลาม หรือไม่ก็จมน้ำตายลงไปต่อหน้าต่อตา  โดยลูกเรือควีนแมรี่ช่วยไว้ไม่ทัน
     จึงมีรายงานข่าวว่า บางครั้ง  แล่นๆไปในทะเลดีๆ  ก็มีเสียงทุบข้างเรือเป็นระยะ เหมือนใครบางคนที่ลอยคออยู่ในทะเล พยายามขอความช่วยเหลือให้ฉุดพวกเขาขึ้นมา

    ประวัติผีสิงอย่างโชกโชนของเรือลำนี้ จึงเป็นเหตุให้บริษัทเกิดความคิด   ผันอาการจับไข้หัวโกร๋นให้เป็นเงินเป็นทอง ด้วยการจัดทัวร์นำชมสถานที่สยองขวัญตามคำเล่าลือเสียเลย ให้หมดเรื่องหมดราวไป    มีหัวหน้าทัวร์ชื่อปีเตอร์ เจมส์เป็นประเภทอ้างว่าสื่อสารกับวิญญาณได้     เขาแถลงว่าเคยเจอผีมาประมาณ 150 ตัวบนเรือลำนี้    คำนวณตัวเลขจำนวนผีเทียบกับพื้นที่แล้ว  น่าจะเป็นว่าไม่ว่าเดินไปทางไหน ก็คงชนเข้ากับหนึ่งในร้อยห้าสิบไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง   เหมาะที่คุณประกอบจะพาครอบครัวไปสำรวจยิ่งนัก
    เสียดายแต่ว่า เรือควีนแมรี่ปลดระวางตั้งแต่ค.ศ. 1967  ตอนนี้จะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์หรือร้านอาหาร หรืออะไร ยังไม่ได้สนใจมากพอจะตามไปสำรวจค่ะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 04 ก.ค. 13, 17:11
ไว้ถูกแจ็คพอตยูโรมิลเลี่ยนผมจะรับเป็นเจ้าภาพชวนท่านอาจารย์เทาฯไปค้างกันซัก 3 คืนนะครับ

ไหนพูดเรื่องเรือผีแล้วลองมาดูเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับเรือบ้าง ที่โด่งดังเรื่องนึงเป็นของเรือ Carroll A. Deering เรือใบขนาด 5 เสาที่ต่อขึ้นในปี 1919    ในปลายปี 1920 ระหว่างกำหนดล่องเรือจาก เวอร์จิเนียไปบราซิล  จู่ๆ ไปลอยเท้งเต้งแถวชายฝั่ง  North Carolina ในปลายเดือนมกราคา 1921 โดยไม่มีลูกเรือและผู้โดยสารบนเรือ สมุดปูมเรือและเรือชูชีพก็หายไป  เรือมีสภาพเหมือนจู่ๆ ทุกคนบนเรือก็หายไปเฉยๆ  เพราะยังมีร่องรอยการเตรียมอาหารสำหรับมื้อต่อไป  สุดท้ายแล้วเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายเลยไม่สามารถลากเรือได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เรือลอยเท้งเต้งเป็นอันตรายต่อเรืออื่นๆ เรือก็เลยถูกวางระเบิดให้จมลง


ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือ ลูกเรืออาจถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปก็ได้ แต่ที่น่าเป้นไปได้ที่สุดคือการมีการกบฏบนเรือ หรือลูกเรือถูกโจรสลัดจับไปก็ได้ ทำให้มีการสละเรือกัน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 13, 17:35
ขอส่งซายาเพ็ญไปสำรวจแทนค่ะ   เผื่อพบว่าเป็นพวกนี้ จะได้ดังกว่าดานิเก้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 13, 18:12
         พูดถึงเรื่องเรือผีแล้วก็ไม่พ้นต้องนึกถึงหนังชื่อเรื่อง  GHOST SHIP
   
           ฉากเปิดเรื่องสยองมากกก ช่างคิดได้จริงๆ

คำเตือน  ถ้าไม่มั่นใจในตัวเอง โปรดอย่าเปิดดู ครับ   

          http://www.youtube.com/watch?v=zbSjSIY0Zkk       


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 04 ก.ค. 13, 18:19
       

คำเตือน  ถ้าไม่มั่นใจในตัวเอง โปรดอย่าเปิดดู ครับ   

          

กำลังกินข้าว ไม่เชื่อคำเตือน ต้องเลิกกินกันทีเดียว  :'(  :'(  :'(


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 13, 18:37
อยู่ในโอวาทคุณ SILA อย่างเคร่งครัด   ไม่เปิดค่ะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ค. 13, 18:48
เรือผีสิง - ควีนแมรี่   :o

http://www.youtube.com/watch?v=Ykhs_8klW3U


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ค. 13, 16:09
ถ้าคุณชายประกอบเทพว่างจากปลอมตนเป็นคนเล่นเน็ต   เพื่อแสวงหารักแท้    ขับรถไปที่   Shugborough Hall ในมณฑล  Staffordshire   ที่นั่นมีอนุสรณ์สถานเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า  Shepherd's Monument   สร้างในศตวรรษที่ 18    ตัวสิ่งก่อสร้างไม่มีอะไรลึกลับหรอกค่ะ มีประวัติการสร้างชัดเจน
แต่ว่ามีบุคคลลึกลับไปสลักอักษรลึกลับเอาไว้แถวหนึ่งบนพื้นหิน คือมีตัว D  และ M ในระยะห่างกัน ระหว่างสองตัวนี้แต่ยกสูงขึ้นมาหน่อยหนึ่ง สลักตัวอักษรเรียงกันเป็นแถว คือ O U O S V A V V  ราวกับเป็นรหัสหรือตัวย่ออะไรสักอย่าง   
สิ่งที่ท้าทายสติปัญญาของนักถอดรหัสมาก คือล่วงมาสามร้อยปีแล้วก็ยังไม่มีใครถอดออกว่า รหัสคำนี้มันหมายถึงอะไร   จนเป็นที่รู้จักกันในนามว่า Shugborough inscription

ไม่ยักกะมีใครคิดว่า นายคนสลักอาจจะมือบอน   ถ้าเกิดในสมัยนี้อาจเอาสีสเปรย์ไปพ่นตามราวสะพานหรือกำแพงบ้านชาวบ้าน   แต่แกเกิดมาในยุคที่ไม่มีสเปรย์  เลยสลักตัวหนังสือแทน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ก.ค. 13, 16:33
เข้ามาเยี่ยมในกระทู้นี้แล้วทะลึ่งไปเปิดคลิ๊ปของคุณศิลาเข้า โดยไม่ไม่สนใจคำเตือน

งงเลยอัตโน
เข้าไปต่อกระทู้ของตัวเองไม่ถูก  เลยต้องขอประกาศลาป่วย ณ กระทู้นี้ชั่วคราว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ค. 13, 17:01
^
ท่านออกญาศรีนวรัตนเปื่อยซะแล้ว    เดี๋ยวชวนพรรคพวกไปแฮ็คกระทู้ริชลิวดีกว่า


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 09 ก.ค. 13, 17:18
เข้ามาเยี่ยมในกระทู้นี้แล้วทะลึ่งไปเปิดคลิ๊ปของคุณศิลาเข้า โดยไม่ไม่สนใจคำเตือน

งงเลยอัตโน
เข้าไปต่อกระทู้ของตัวเองไม่ถูก  เลยต้องขอประกาศลาป่วย ณ กระทู้นี้ชั่วคราว

ฮิฮิ ได้พวกไม่เชื่อคำเตือนเพิ่มมาอีกคนแล้ว   :P  :P  :P   ถึงกับจับไข้เลย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 11:08
ภาพลายเส้นบนทะเลทรายนาซคา ในเปรู  (The Nazca lines of Peru)

ในทะเลทรายบนที่ราบสูง ทางตอนใต้ของเปรู  อันเป็นที่กันดาร  มีแต่ภูเขาล้อมอยู่ทุกด้าน ปรากฏลายเส้นเก่าแก่ซึ่งไม่มีที่มาที่ไปว่ามนุษย์สร้างไว้ทำไม   เพราะถ้ามองจากพื้นดินมันเหมือนขุดร่องแคบๆเป็นเส้นยาวหักเลี้ยวไปมา กินเนื้อที่กว้างขวางหลายตารางก.ม.     ต้องขึ้นไปดูบนที่สูง เช่นนั่งเครื่องบินดูเท่านั้นจึงจะเห็นว่าลายเส้นทั้งหมดประมวลเข้าเป็นรูปสัตว์ต่างๆ    ด้วยฝีมือดีไซน์ที่ได้สัดส่วนสวยงามน่าอัศจรรย์   
สัตว์เหล่านี้มีทั้งนกรูปร่างประหลาด (ที่ซายาเพ็ญน่าจะบอกได้ว่าเหมือนนกอะไร)  ลิง( ก็ซายาเพ็ญอีกนั่นแหละที่บอกได้ว่าพันธุ์ไหน)แมงมุมขยุ้มหลังคา 
ไม่มีใครรู้ว่าชาวเปรูโบราณหอบสังขารมาทรมานทรกรรมขุดพื้นผิวหินเป็นร่องจนมองเห็นดินสีขาวข้างใต้    เพื่อทำร่องพวกนี้ไปหาอะไรกัน   มันเป็นแรงงานที่ใช้เวลานานมาก    ไหนจะต้องออกแบบลาย ไหนจะต้องหาที่เหมาะๆ   ไหนจะต้องลงมือทำให้ได้สัดส่วนพอดี   โดยที่ผู้ทำเองก็หามองเห็นลายได้ไม่ เพราะจะเห็นได้ต่อเมื่อมองลงมาจากด้านบนท้องฟ้าเท่านั้น    ถ้าอยู่บนพื้นดินด้วยกันก็เห็นแต่ร่องยาวๆ

นักทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศอย่างดานิเก้นเห็นลวดลายพวกนี้ก็ตีปีกว่า พระเจ้าแน่ๆ     ผู้ที่เห็นได้คือพระเจ้าเอเลี่ยนเท่านั้น   มันน่าจะเป็นสนามบินสำหรับยานอวกาศร่อนลง จึงสร้างไว้เป็นเครื่องหมายรันเวย์
แต่นักวิชาการสาขาอื่นไม่เชื่อทฤษฎีนี้เพราะไม่มีหลักฐานรองรับ    แต่นักวิชาการทุกสาขาก็ยังไม่มีหลักฐานอื่นรองรับอีกเหมือนกันว่ามันถูกสร้างขึ้นไว้ทำไม  ได้แต่สันนิษฐานกันไปคนละทางสองทาง


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 11:10
สองปีก่อนนักสำรวจชาวญี่ปุ่นค้นพบลายเพิ่มขึ้น เป็นรูปร่างคนหน้าตาบ้องแบ๊ว  สลักอยู่บนพื้นหิน     พอเห็นนักทฤษฎีเอเลี่ยนก็บอกว่า..มนุษย์ต่างดาวแน่ๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 11:21
พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่าเรื่องข้างบนน่าจะไปอยู่ที่ กระทู้มนุษย์ต่างดาว (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5650.msg122861;topicseen#msg122861)  ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 16:32
ไม่ได้ค่ะคุณเพ็ญ   เพราะความเห็นที่ว่าเป็นลานจอดยานมนุษย์ต่างดาวนั้น  มีดานิเก้นเป็นคนสันนิษฐานลอยๆ     และไม่เป็นที่ยอมรับของนักโบราณคดี นักวิทยาศาสตร์ นักอะไรต่อมิอะไรที่สำรวจทะเลทรายนาซคา   เนื่องจากไม่มีหลักฐานรองรับจนอย่างเดียว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 17:02
ดวงไฟมาร์ฟา(The Marfa lights) เป็นแสงสว่างดวงกลมๆ ไม่รู้ที่มาที่ไป  ปรากฏให้เห็นบ่อยๆในที่ราบ ทางตะวันออกของเมืองมาร์ฟา รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา

มีผู้รายงานเรื่องดวงไฟประหลาดนี้เป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2500 แต่ว่ากันว่า มีผู้เห็นถอยหลังกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 19   ลักษณะเป็นดวงไฟกลมๆ ขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอล  ลอยต่ำๆเหนือพื้นดินประมาณไหล่คน    มีหลายดวงและสีสันต่างกัน  เช่นขาว  เหลือง ส้ม แดง บางครั้งก็เปล่งแสงสีเขียวและฟ้า ก็มี     
ดวงไฟเหล่านี้ลอยไปเรื่อยๆ  แต่สามารถเคลื่อนที่ได้ฉับไวและกระจายกันไปหลายทิศทาง  บางทีมาเดี่ยว บางทีก็ลอยมาเป็นกลุ่ม   ไม่มีใครบอกได้ว่ามันเป็นแสงของวัตถุหรือสารเคมีชนิดไหน    บางคนพยายามอธิบายว่ามันเป็นแสงสะท้อนของบรรยากาศ เมื่อกระทบแสงไฟหน้ารถยนต์ในที่ไกล      หรือแสงสะท้อนจากสารผลึกแร่ธาตุในดิน   แต่ก็อธิบายกันไปแบบเลื่อนลอย จับหลักฐานไม่ค่อยจะติด     
ไม่มีใครเคยเข้าถึงดวงไฟเหล่านี้ได้ระยะใกล้   แต่มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้เป็นจำนวนมาก     ฝรั่งอาจจะงง ไม่รู้ว่าเป็นไฟอะไร   แต่ถ้าเป็นคนไทยเห็นเข้าก็ร้องอ๋อ แล้วบอกว่า "กระสือไงล่ะยู"





กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 17:03
ดวงสีฟ้าสว่างกว่าเพื่อนนั่นแหละค่ะ กระสือมาร์ฟา


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 10 ก.ค. 13, 19:28
ภาพซูมดวงไฟมาร์ฟาครับ  ;D  ;D  ;D



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 13, 19:57
โห  ชัดมากเลย   คุณชายประกอบเทพอธิบายสิ่งลึกลับได้แล้ว  ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ก.ค. 13, 06:07
เอาเรื่องผีที่เป็นเรื่องจริงมาเล่าให้ฟังซักเรื่องเพื่อดันกระทู้  เรื่องนี้ผมเขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวเมื่อนานมาแล้ว วันนี้เอาของเก่ามาขายกินซะหน่อย เรื่องนี้ผู้ประสบเหตุคือพี่สาวแท้ๆ กับพี่เขยผมเองครับ  ;D  ;D  ;D


ตอนนั้นพี่สาวผมซึ่งทำงานเป็นตุลาการย้ายไปรับราชการที่จังหวัดนั้น พร้อมกับพี่เขยซึ่งทำงานที่เดียวกัน
เนื่องจากบ้านพักของทางราชการมีไม่เพียงพอ ทั้งคู่จึงต้องวิ่งเต้นหาเช่าบ้านก่อนที่จะย้ายไป


ก็มีคนแนะนำบ้านหลังนั้นให้ อยู่ในหมูบ้านจัดสรรไม่ห่างจากใจกลางเมืองนัก เป็นบ้านกลางเก่ากลางใหม่ มีเฟอร์นิเจอร์พร้อม
เจ้าของบ้านทำงานธนาคาร ต้องย้ายไปต่างจังหวัดพอดี จึงให้เช่าบ้าน โดยมีญาติที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ช่วยดูแลและเป็นตัวกลางติดต่อระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของบ้าน

เมื่อได้เห็นบ้านครั้งแรก พี่สาวผมรู้สึกพอใจกับบ้านนี้มาก จึงขอเช่าทันทีจนทำสัญญารับมอบกุญแจบ้านกันเรียบร้อย


วันอาทิตย์

วันแรกที่ย้ายไป พี่สาวกับพี่เขยขับรถไปด้วยกัน มีพ่อกับแม่ผมขับรถกระบะขนของตามไปด้วยอีกคัน ออกจากกรุงเทพแต่เช้า ไปถึงบ้านหลังนั้นช่วงสาย ๆ แล้ว

ความประทับใจแรกต้องหายไป เมื่อพี่เขยซึ่งพยายามไขกุญแจเข้าไปในบ้าน ไม่สามารถไขได้ จนพ่อผมที่ไปด้วยอารมณ์เสีย บอกให้ไปหาบ้านหลังอื่นดีกว่า

ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าสิบนาทีกว่าพี่เขยจะไขได้ ซึ่งก็แปลก เพราะตอนไปดูบ้าน หรือว่าหลังจากนั้น ไม่มีปัญหากับเรื่องการไขกุญแจประตูอีกเลย


เมื่อเข้าบ้านกันได้ แม้จะอารมณ์เสียไปนิด ทั้งหมดก็ทำการสำรวจบ้านทำความสะอาด

บ้านเป็นบ้านสองชั้นทรงทันสมัย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ บนพื้นที่ประมาณ 50 ตารางวา
ชั้นล่างเป็นห้องครัว ห้องรับแขกใหญ่และห้องน้ำ
ชั้นบนมี 3 ห้องนอน มีห้องนอนใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งพี่ผมใช้เป็นห้องนอน

ตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก ข้างในมีเตียงสองชั้นซึ่งพี่ผมเรียกว่าห้องเด็ก

อีกห้องด้านริมเป็นห้องโล่ง ใช้เก็บของ

หมู่บ้านนี้แม้จะอยู่ไม่ไกลตัวเมือง แต่เรื่องจากบ้านมีขนาดใหญ่ จึงค่อนข้างร้าง บ้านข้างๆ ทั้งสองบ้านรวมทั้งบ้านตรงข้ามเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่ มีแต่หลังที่เยื้องกันเท่านั้นที่มีคน ส่วนด้านหลังบ้านเป็นทุ่งหญ้าคาโล่งสุดลูกหูลูกตา มองไปลิบๆ จะเห็นทางหลวงแผ่นดินที่ตัดผ่าน


ในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ตู้เตียง แอร์ เครื่องครัวพร้อม เพียงถือกระเป๋าเสื้อผ้าก็เข้าอยู่ได้เลย

แม้หน้าต่างทุกบานจะปิดสนิทอยู่เพื่อกันฝุ่น สิ่งแรกๆ ที่ทุกคนต้องทำคคือทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะพ่อกับแม่ผมที่ขยันมาก โดยเริ่มจากห้องนอนต่างๆ ชั้นบนก่อน

จุดแปลกแรกที่เจอคือในห้องเด็กที่แม่เข้าไปทำความสะอาด นอกจากเตียงสองชั้นแล้วจะมีตู้เสื้อผ้าด้วย
เมื่อทำความสะอาดแม่ผมก็พบเคียวเกี่ยวข้างอันหนึ่ง วางฝุ่นจับอยู่บนหลังตู้
ที่น่าแปลกคือบนเคียวมีตัวอักษรเขียนอยู่ด้วยแป้งหรืออะไรซักอย่างคล้ายพิธีทางไสยศาสตร์ เขียนว่า ด.ญ. พิมพ์จิตร


เมื่อเห็นดังนั้น แม่ก็เลยวางเคียวกลับไปที่เดิม แล้วก็ทำความสะอาดต่อไป
ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น
คืนนั้นพี่สาวกับพี่เขยนอนในห้องนอนใหญ่ ส่วนแม่กับพ่อผมปูผ้านอนในห้องรับแขก
แม่มาเล่าให้ฟังตอนหลังว่า ตอนเวลาประมาณตีสาม แม่ได้ยินเสียงหมาจำนวนมากหอนกันดังสนั่นรอบบ้านเป็นเวลานาน แต่คนอื่นๆ ไม่มีใครตื่นจึงไม่ได้ยิน
ที่น่าแปลกคือรอบๆ หรือในหมู่บ้าน ก็ไม่เห็นจะมีใครเลี้ยงหมาหรือมีหมาจรจัดเลย


ยังไม่จบนะคร้าบบ เดี๋ยวค่อยมาต่อ เรียกแขกไว้ก่อน  ;D  ;D  ;D



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 13, 12:02
มารออ่าน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ก.ค. 13, 13:26

วันจันทร์

วันรุ่งขึ้น แม่กับพ่อก็กลับกรุงเทพ ส่วนพี่สาวกับพี่เขยก็ไปทำงาน
เนื่องจากพี่สาวผมเป็นสาวยุคใหม่ ไม่ชอบทำงานบ้านเอง จึงคิดว่าจะจ้างนักการของที่ทำงานมาทำความสะอาดบ้านให้
และเนื่องจากอาจจะจ้างในวันนั้นและให้ทำความสะอาดในวันนั้นเลย ก่อนออกจากบ้าน พี่สาวจึงเปิดประตูห้องนอนทั้งสามห้องไว้ เผื่อว่าถ้าแม่บ้านมาจะได้กล้าเข้าไปทำความสะอาด เพราะหน้าต่างทุกบานก็ปิดอยู่แล้ว


แต่เผอิญวันนั้นแม่บ้านยังไม่สะดวกมา จึงยังไม่มีใครมาทำความสะอาด

เมื่อพี่สาวกลับมาตอนเย็น ก็พบเรื่องแปลกว่า ประตูห้องนอนที่เปิดอ้าทิ้งไว้นั้น ในห้องนอนใหญ่กับห้องนอนว่างยังคงเปิดอยู่

แต่...ประตูห้องเด็กกลับปิดสนิทเรียบร้อย

แม้จะมีสังหรณ์ใจบางอย่าง พี่สาวก็ยังคิดว่าคงไม่มีอะไรมากนัก อาจจะเป็นลมหรือพื้นเอียง เพราะหน้าต่างทุกบานยังคงปิดสนิท
เวลาอยู่บ้าน พี่สาวจะเปิดแอร์ทั้งในห้องนอนและห้องรับแขก

หลังจากนั้น พี่สาวจะบอกแม่บ้านว่า ไม่ต้องทำความสะอาดห้องเด็ก ให้เว้นไว้

วันอังคาร

ผ่านไปอีกหนึ่งคืน แม้จะได้ยินเสียงแปลก ๆ บ้างเหมือนมีคนเดินขึ้นลงบันได และเสียงเหมือนมีคนปิดเปิดประตูในห้องอื่น พี่สาวก็ยังไม่คิดมาก

เช้าวันใหม่ก็ออกไปทำงานแต่เช้า พร้อมกับนัดช่างติดเคเบิ้ลทีวี เข้ามาติดตั้งในช่วงหัวค่ำของวัน

ค่ำวันนั้นฝนตกพรำ ๆ ช่างเข้ามาประมาณหกโมงเย็นพร้อมเจ้าของบ้าน
เมื่อทำการติดตั้ง ทั้งหมดก็ได้กลิ่นแหม็นตลบอบอวลอยู่ในบ้าน เป็นกลิ่นเหมือนมีตัวอะไรตายเน่าอยู่

แม้จะพยายามหาที่มาของกลิ่น ก็หาไม่พบ เมื่อเดินออกไปนอกตัวบ้านกลับไม่ได้กลิ่น จนช่างที่มาติดตั้งเองก็บ่น ว่าทำไมเหม็นเหมือนอะไรตาย จนช่างรีบๆ ติดตั้งให้เสร็จๆ ไป

เมื่อเสร็จก็ออกไปจากบ้านทันทีตอนประมาณหนึ่งทุ่ม พี่สาวกับพี่เขยก็ออกไปหาข้าวเย็นกินกันด้วย เมื่อทั้งคู่กลับมาบ้านอีกครั้งประมาณ 2 ทุ่มกว่า กลิ่นเหม็นที่เคยอบอวลก็จางลงไปมากแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่เริ่มรู้สึกไม่ชอบใจบ้านนี้แล้ว

วันพุธ


เป็นวันที่ทั้งคู่กลับมาบ้านตอนมืดแล้ว ข้างนอกบ้านฝนตกพรำๆ พี่สาวก็ตั้งใจว่าจะนั่งดูทีวีให้หนำใจ

แต่เมื่อกลับมาถึง ก็พบว่าที่บ้านไฟดับ ในขณะที่บ้านอื่นๆ ที่เยื้องๆ ไปหรือไฟถนนก็ไม่ดับ

พี่เขยที่ไม่ค่อยมีความรู้ทางช่างนักก็เลยตรวจดูว่าทำไมไฟดับ ก็พบว่าสะพานไฟของบ้านถูกสับลง
ระบบไฟยังใช้สะพานไฟที่ต่อไฟมาจากนอกตัวบ้าน ไม่ได้ใช้แบบที่เป็นแผงเบรคเกอร์เหมือนบ้านสมัยใหม่ทั่วไป
เมื่อเห็นดังนั้นพี่เขยก็สับสะพานไฟขึ้นไป ไฟก็ติดตามปกติ แม้จะแปลกใจแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่คิดอะไรมาก แต่ความไม่ชอบใจในบ้านยิ่งทวีขึ้น

กลางดึก เสียงเหมือนคนเดินหรือเปิดปิดประตูยังคงได้ยินเหมือนคืนก่อนๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ก.ค. 13, 13:40
วันพฤหัสบดี

ทั้งคู่กลับมาบ้านตอนค่ำเหมือนวันก่อนๆ วันนี้ฝนตกหนัก

เมื่อทั้งคู่มาถึงก็พบว่าที่บ้านไฟดับอีกแล้ว ในขณะที่บ้านอื่นไม่ดับ

ถึงตอนนี้อารมณ์พี่สาวก็ขุ่นมัวมาก พี่เขยขึ้นไปตรวจดูสะพานไฟอีกครั้ง คราวนี้พบว่าสะพานไฟยังอยู่ในสถานะสับขึ้น ไฟไม่น่าดับ อาจจะฟิวขาด เลยลองโทรเรียกฐาติเจ้าของบ้านให้มาดูหน่อย แต่ญาติเจ้าของบ้านกลับปฏิเสธ บอกว่าให้ทนๆ ไปก่อน พรุ่งนี้ตอนกลางวันจะไปดูให้


ตอนนี้ทั้งสองคนก็เลยต้องหาทางแก้ปัญหา ด้านนอกฝนก็ตกหนัก เนื่องจากก่อนมา น้องสาวหอบเทียนเล็ก ๆ มาให้หอบใหญ่ เป็นเทียนแบบที่เค้าใช้จุดอุ่นไว้ใต้ถาดอาหารเพื่ออุ่นให้ร้อนตามร้านอาหารนั่นแหละ

พี่สาวจึงจุดเทียนเหล่านั้น วางไว้ในตำแหน่งต่างๆ ทั่วบ้าน


แล้วเรื่องหน้ากลัวก็เกิดขึ้น เมื่อทั้งคู่พบว่า แม้หน้าต่างทุกบานและประตูจะปิดอยู่ แต่ก็เหมือนมีกระแสลมพัดอยู่ในบ้าน

กระทั่งเปลวเทียนที่จุดไว้ ไหวไปตามแรงลม

เทียนบางเล่มที่จุด จะมองเห็นเปลวไฟกระพริบไปมาเหมือนมีใครเป่า

ก่อนที่เปลวไฟจะดับวูบลง


เมื่อพี่สาวเดินไปจุดเทียนที่ดับลงใหม่ เทียนที่วางไว้ในตำแหน่งอื่นก็เกิดอาการแบบเดียวกัน ก่อนที่จะดับลงอีก


เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลายหน จนทั้งพี่สาวและพี่เขยเห็นพ้องกันแล้วว่า คืนนี้คงจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ทั้งคู่จึงเดินขึ้นชั้นสองไปเก็บเสื้อผ้า เตรียมย้ายไปนอนโรงแรมกัน เมื่อเก็บของเสร็จ เดินลงมา ก็พบว่า..

เทียนทุกเล่มที่จุดไว้ข้างล่าง ดับหมด

คราวนี้ไม่ต้องพูดมาก ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากตัวบ้าน
ท่ามกลางสายฝนที่ยังตกกระหน่ำ

เมื่อออกมาหน้าประตูบ้าน ขณะที่พี่เขยกำลังล็อคบ้านนั้น

ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกระทืบเท้าไปมา หรือกระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องเด็ก ที่ตรงกับตำแหน่งประตูเข้าบ้านด้านล่างพอดี
เสียงดัง ปังๆ เหมือนคนที่กำลังสะใจ หรือสนุกสนานอย่างมาก

ทั้งพี่สาวและพี่เขย ซึ่งธรรมดาไม่ใช่คนที่กลัวผีมาก ก็ออกมาจากบ้านด้วยความแค้นเคืองและไปหาโรงแรมนอนในคืนนั้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ก.ค. 13, 14:00
วันศุกร์

ประมาณบ่ายสองโมง พี่สาวและพี่เขยกลับมาที่บ้านนั้นอีกครั้งพร้อมกับยันต์จำนวนมาก รวมทั้งกระดาษที่ประทับตราแผ่นดิน(รูปด้านล่างครับ) ที่ทั้งคู่เชื่อว่าศักดิ์สิทธ์
ทั้งคู่ตั้งใจจะใช้ยันต์และตราแผ่นดินสะกดวิญญาณไว้ ถ้ามีวิญญาณอยู่ในบ้านนั้นจริง

ทั้งคู่เริ่มต้นโดยการแปะยันต์และตราแผ่นดินไปตามขื่อประตูและคานต่างๆ ในตัวบ้าน เริ่มต้นจากชั้นล่างก่อน


จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน เพื่อไปทำต่อที่ชั้นสอง


ขณะที่ทั้งคู่เดินมาถึงกลางบันได
ก็ได้ยินเสียงหมาหอนดังลั่นรอบบริเวณบ้าน ดังจนทำให้ทั้งคู่ชะงัก
เสียงดังประมาณเกือบนาที โดยมองไม่เห็นว่ามีหมาแถวบ้านเลย
หลังจากนั้น เมื่ออกมานอกบ้าน ทั้งคู่ก็ไม่พบเห็นหมาบริเวณนั้นเลยซักตัว


เมื่อเสียงเงียบ ทั้งคู่ก็เดินหน้าต่อ เมื่อไปถึงชั้นสองแล้ว ห้องแรกที่ทั้งคู้ต้องการแปะยันต์และตราแผ่นดินก็คือ....ใช่แล้วครับ ห้องเด็ก


แต่เมื่อไปถึงห้องเด็ก ทั้งคู่ก็พบว่า...

ประตูห้องเด็กถูกล๊อค

ทั้งที่ก่อนหน้าทั้งคู่แค่ปิดประตูไว้เฉยๆ แต่คราวนี้ประตูล๊อค ทั้งคู่ไม่มีกุญแจไขห้องเด็ก

พี่สาวโมโหสุดขีด เตะประตูดังโครมๆ บอกให้พี่เขยแปะยันต์และตราแผ่นดินไว้ที่ประตูเลย

แต่ ณ จุดนี้ พี่เขยบอกว่าไม่อยากทำแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะขอคืนบ้าน จึงไม่ได้แปะทั้งยันต์หรือว่าตราแผ่นดิน
ทั้งคู่จึงช่วยกันเก็บข้าวของแทน และติดต่อเจ้าของบ้านเพื่อขอคืนบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านก็ดี ไม่ว่าอะไร ยินดีให้คืนบ้านได้


พี่สาวผมได้ถามเจ้าของว่า ถามตรงๆ ที่บ้านคุณมีผี หรือมีการเล่นไสยศาสตร์หรือไม่

เจ้าของบ้านก็ยืนยันว่าไม่มี ไม่เคยเจอเรื่องแปลก ๆ มาก่อน พี่สาวและพี่เขยเองก็ไม่รู้จักเพื่อนบ้านในละแวกนั้นเลย ดังนั้นเราจึงไม่มีโอกาสได้ทราบความจริงว่า

“อะไร”

ที่ครอบครองบ้านนั้นอยู่ และไม่ต้อนรับทั้งพี่สาวและพี่เขย ให้อยู่ร่วมบ้านด้วย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 13, 14:16
พี่สาวกับพี่เขยของคุณประกอบประสาทแข็งมาก   
ถ้าเป็นดิฉันคงย้ายออกเสียตั้งแต่คืนแรกแล้ว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ค. 13, 14:50
น่าเสียดาย เจอผี แต่ไม่ได้เห็น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ก.ค. 13, 16:12
ฮิฮิ พี่สาวกับพี่เขยไม่ได้ประสาทแข็งเท่าไหร่หรอกครับ เพียงแต่ทีแรกไม่ค่อยแน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่าตะหาก   คืนวันพฤหัสที่สถานการณ์ถึงจุดไคลแมกซ์ เทียนที่จุดไว้กำลังดับ ฝนกำลังตก ผมแจ็คพอตโทรศัพท์ไปหาพอดี กะว่าจะไปหลอกผีเพราะรู้มาว่าวันก่อนหน้ามีอะไรแปลกๆ  :P  :P  :P  กลายเป็นได้ฟังสถานการณ์สดซะงั้น  ;D  ;D  ;D


ปัจจุบันพี่สาวพี่เขยไปอยู่อีกจังหวัดภาคอิสาน หมู่บ้านพักสร้างบนป่าช้าเก่า(อีกแล้ว)  แต่คราวนี้อยู่สบายไม่โดนรังควาญ เพียงแต่บางทีได้ยินเสียงคนพูดคุยบ้างหรือเงาวูบๆวาบๆ นอกบ้านบ้าง  บ้านแถวๆ เดียวกันก็เจอแบบนี้กันจนชินแล้ว แถมตอนนี้มีเครื่องรางของขลังเต็มบ้านไปหมด ห้องพระนี่ยังกะสำนักเข้าทรง


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 13, 18:50
เรื่องนี้ต้องถามคุณ V_Mee   

เรื่องผีในรั้ววัง

   เรื่อง นี้เกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันหนึ่งมีงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันเกิด จอมพลเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหมในสมัยนั้น ซึ่งล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ก็จะต้องไปในงานนี้ด้วย การแต่งพระองค์ในวันนั้นต้องทรงเครื่องยศทหารรักษาวัง เพียงครึ่งยศ เพราะเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิตเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารรักษาวัง และยังเป็นงานแบบสโมสรกลางแจ้ง

   งานในวันนี้มีข้าราชบริพาร สมุหราชองครักษ์และราชองครักษ์ เตรียมโดยเสด็จอย่างพรั่งพร้อม เมื่อได้เวลาเสด็จพระราชดำเนิน พระองค์ก็ได้เสด็จขึ้นประทับรถยนต์พระที่นั่ง ณ ทหารเรือ ทหารม้า ทหารราบทั่วไปและตำรวจ จะต้องมายืนรับเสด็จอยู่ริมรถพระที่นั่งตามอย่างราชประเพณีเป็นปกติ และยังมีราชองครักษ์เวรสมทบราชองครักษ์ประจำ ซึ่งมีพันโทพระยาสรชาติโยธี พันตรีหลวงอาจหาญณรงค์ นาวาโทหลวงสวัสดิ์ นาวายุทธ ร้อยเอกหลวงวรภักดิ์ภูบาล และนายพันตำรวจโทหลวงอภิบาลนครเขตต์

  นอกจากพระองค์จะทอดพระเนตรเห็นบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ก็ยังทอดพระเนตรเห็น "พันเอกจมื่นฤทธิ์รณจักร" ผู้บังคับกองพันทหารรักษาวังแต่งตัวเต็มยศมายืนอยู่ด้วยในหมู่ราชองครักษ์ โดยสวมหมวกแบบนโปเลียนและมีปลอกคอ ปลอกข้อมือใช้กระบี่แบบไทยหัวเป็นพญานาค พระองค์ทรงตรัสเล่าให้มหาเล็กคนสนิทคือนายรองเล่ห์อาวุธ หรือ "จมื่นมานิตย์นเรศร์" ฟังว่า เมื่อทอดพระเนตรเห็นก็ทรงฉงนพระราชหฤทัยเหมือนกันว่าทำไม "จมื่นฤทธิ์รณจักร" จึงแต่งกายเต็มยศ แต่ก็มิได้ออกพระโอษฐ์กับใคร แม้กระทั่งสมุหราชองครักษ์ทีโดยเสด็จฯ ไปในรถพระที่นั่งนั้นด้วย

   เมื่อเสด็จฯมาถึงงานก็ทรงมีพระราชภาระที่จะต้องพระราชทานน้ำสังข์และทรงเจิม ต้องพระราชทานประคำทองคำกับแหวนนพเก้าเป็นพิเศษตามอย่างโบราณราชประเพณีให้ แก่เจ้าพระยานาหมื่นชั้นแม่ทัพนายกองเป็นของขวัญและยังทรงมีพระราชภาระ ทีจะต้องพระราชทานพระบรมราโชวาทในงานเลี้ยง เมื่อทรงพระราชทานพรและทอดพระเนตรงานมหรสพจนเสร็จงานก็เป็นเวลาเกือบตีสาม จึงเสด็จกลับพระตำหนัก

  กระทั่งถึงตำหนักที่ประทับ ณ วังสวนจิตรลดา ก็จะเสด็จเข้าห้องแต่งพระองค์แต่ก่อนจะถึงห้องแต่งพระองค์ได้เสด็จผ่านห้อง โถง และได้ทอดพระเนตรเห็นพานกะไหล่ทอง ซึ่งบนพานใบนั้นมีธูปกระแจะขนาดใหญ่กับเทียนไส้ใหญ่อย่างละ 1 เล่ม แบบเผาศพ พร้อมด้วยกระทงดอกไม้ตั้งอยู่ และยังมีข้อความเขียนไว้ว่า "ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า จมื่นฤทธิ์รณจักร ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบังคมลาไปปรโลก"

   สิ่งที่นำมาถวายและข้อความที่เขียนไว้นี้ เป็นแบบอย่างการถวายบังคมทูลลาตายของพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร ซึ่งทรงรู้จักคุ้นเคย โดยครอบครัวผู้ตายจะจัดขึ้นทูลเกล้าฯถวาย จากนั้นพระองค์ก็จะโปรดเกล้าฯให้มหาดเล็กรับใช้หรือ มหาดเล็กห้องที่พระบรรทม นำไปจุดบูชาที่หอพระ

   พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นดังนั้นนก็ให้ฉงนในพระราช หฤทัยไม่ใช่น้อย จึงโปรดฯให้มหาดเล็กเวรเชิญพระราชกระแสไปสอบถาม เพื่อให้แน่แก่พระทัยที่บ้านจมื่นฤทธิ์รณจักร มหาดเล็กก็กลับมาถวายบังคมทูลพระกรุณาว่า "จมื่นฤทธิ์รณจักรถึงแก่กรรมแล้วเมื่อเช้านี้และในตอนเย็นก็ได้รับพระราชทาน น้ำหลวงอาบศพ ทางครอบครัวได้แต่งตัวศพด้วยเครื่องเต็มยศทั้งชุดของทหารรักษาวัง"

   เมื่อความได้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเช่นนั้น พระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัย และเสียดายจมื่นฤทธิ์รณจักร เป็นอย่างมาก ถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า "จมื่นฤทธิ์รณจักร แกรักฉัน อุตส่าห์นำวิญญาณในเครื่องแบบเต็มยศมาลาฉัน"

   จมื่น ฤทธิ์ รณจักรผู้นี้ เป็นนายทหารที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บังคับกองพันทหารรักษาวัง และราชองครักษ์ เป็นนายทหารที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ไว้วางพระราชหฤทัย ทรงโปรดปรานสนิทสนมด้วยเป็นอย่างมาก ดังนั้นในงานศพของนายทหารท่านนี้ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯพระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นค่าจัดงานศพตลอดงานนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ ครอบครัวจมื่นฤทธิ์รณจักรสุดคณานับ

   เรื่องนี้จัดเป็นเรื่องที่เชื่อ ถือได้ เพราะผู้เล่าคือจมื่นมานิตย์นเรศร์มหาดเล็กคนสนิทในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ซึ่งได้เล่าไว้ในรายการรอบเมืองไทยทางวิทยุ ท.ท.ท. ออกอากาศเมื่อหลายสิบปีก่อน

โพสต์เมื่อ 6th December 2012 โดย Watakan
http://ghostwiki.blogspot.com/2012/12/blog-post_6.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 13, 18:52
อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง

เหตุการณ์ตอนปลายรัชกาล วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2468 พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปพระราชทานน้ำสรงพระศพ ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัว ร.6 ประทับอยู่ ณ พระที่นั่งอุดรฯซึ่งมีเฉลียงทั้งบนและล่าง เชื่อมต่อกับพระที่นั่งอัมพรสถาน มีอัฒจันทร์(บันได)หินอ่อน ทอดลงไปที่ถนนสำหรับรถยนต์พระที่นั่งเข้าเทียบ หากมีพระราชประสงค์จะเสด็จขึ้นลง จากตรงนั้นก็ทรงทำได้   แต่ปกติแล้วรถจะเทียบหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน บรรดาราชองครักษ์และมหาดเล็กตามเสด็จ ก็จะไปรอรับเสด็จที่พระที่นั่งอัมพรสถาน

วันนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จจากพระที่นั่งอุดรฯ ตรงไปที่พระที่นั่งอัมพรสถานเพื่อจะประทับรถพระที่นั่งจากตรงนั้น ระหว่างเสด็จมาตามลำพังพระองค์เดียว เพราะผู้คนไปรอที่อัฒจันทร์ด้านพระที่นั่งอัมพรกันหมด พอเลี้ยวจากอัฒจันทร์ชั้นบนจะลงมาที่ชั้นล่าง ก็ทอดพระเนตรเห็น นายพันโทจมื่นฤทธิ์รณจักร(กรับ โฆษะโยธิน) ผู้บังคับการทหารรักษาวัง และราชองครักษ์เวร มายืนเฝ้าถวายการเคารพอยู่ริมถนนเชิงอัฒจันทร์

พระเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่านไป ทรงรับความเคารพ ด้วยความแปลกพระทัยที่องครักษ์เวรมายืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ตามลำพังแทนที่จะไปรอเฝ้าที่หน้าพระที่นั่งอัมพรอย่างที่ควรทำ แต่ก็ทรงนึกว่าหรือราชองครักษ์จะรอเฝ้าเพราะมีเรื่องกราบบังคมทูลเป็นส่วนตัว แต่ท่าทีเขาก็ไม่เห็นจะถวายหนังสือ หรือมีเรื่องกราบบังคมทูล และที่แปลกพระทัยอีกอย่างคือ แทนที่จะแต่งเต็มยศขาวตามหมายกำหนดการ จมื่นฤทธิ์ฯกลับแต่งเต็มยศใหญ่   จะทรงทักว่าแต่งผิดก็เกรงว่า จมื่นฤทธิ์ฯ จะตกใจ จึงเสด็จผ่านไปเฉยๆ

จนกระทั่งเสด็จกลับจากงานพระศพ กลับมาที่พระที่นั่งอุดร ทรงลืมเรื่องของจมื่นฤทธิ์ฯไปแล้ว   ทอดพระเนตรเห็นพานดอกไม้ธูปเทียนกราบถวายบังคมทูลลาตาย วางอยู่    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็น จึงทรงหยิบหนังสือขึ้นทอดพระเนตร มีข้อความว่า " ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า นายพันโท พระฤทธิรณจักร (กรับ โฆษะโยธิน) ขอพระราชทานกราบบังคมลาถึงแก่กรรม ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ "
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ก็ทรงระลึกได้ทันทีว่าบ่ายนี้ที่จมื่นฤทธิ์ฯ มาเฝ้าในเครื่องแต่งกายเต็มยศใหญ่ ก็คงเป็นเพราะประสงค์ จะมาถวายบังคมลาตายด้วยตัวเอง นั่นเอง

เมื่อความได้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเช่นนั้น พระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัยและเสียดายจมื่นฤทธิ์รณจักร เป็นอย่างมาก ถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า "จมื่นฤทธิ์รณจักร แกรักฉัน อุตส่าห์นำวิญญาณในเครื่องแบบเต็มยศมาลาฉัน"

ปล. เป็นระเบียบของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชสำนักจะต้องมีญาติ พี่น้องทำหนังสือกราบบังคมทูลในนามผู้ตาย ถวายบังคมลาตาย ส่งไปที่กระทรวงวัง  พร้อมดอกไม้ธูปเทียนใส่พานไปด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงวัง จะได้นำพานและหนังสือ ทูลเกล้าฯถวาย เพื่อทราบใต้ฝ่าละอองฯ หลังจากนั้นสำนักพระราชวัง ก็จะจัดน้ำหลวงอาบศพ และเครื่องประกอบเกียรติยศส่งไปให้ผู้ถึงแก่กรรม

ค่ำวันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว ได้รับสั่งให้มหาดเล็กห้องบรรทม โทรศัพท์ไปเชิญ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวังให้มาร่วมโต้ะเสวย และทรงเล่าเรื่องวิญญาณของนายทหารมหาดเล็กที่มาเข้าเฝ้าให้ฟัง เรื่องนี้จึงเป็นที่แพร่กระจายในราชสำนักยุคนั้น

ที่มา 100เรื่องเก่าเล่าสนุก โรมบุนนาค


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ค. 13, 12:19
คุณชายประกอบเทพ หลังจากเรียนจบ   เลิกปลอมตัว     ก็คงจะกลับมาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่ง  
มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งให้เลือกเจอผีได้โดยสะดวก  ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ค่ะ

15 มหาวิทยาลัยผีดุ ในไทย (http://teen.mthai.com/variety/48736.html)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 13, 12:29
เรื่องนี้ก็เช่นกัน จะมองเป็นอุปาทาน หรือเป็นเรื่องลึกลับไร้คำอธิบายก็ได้

 จากกรณีไฟไหม้ที่ สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และลุกลามไปทั่วบริเวณชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องเก็บของกลางและห้องควบคุมผู้ต้องหา เป็นเหตุให้ นายเจิด สรงภู่ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธปืน เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเนื่องจากสำลักควันไฟ เหตุเกิดช่วงเวลา 04.00 น.ของวันที่ 7 กรกฎาคม 2556

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 13.00 น.ทางญาติผู้เสียชีวิตได้ทำการนิมนต์พระวัดลาดปลาดุกไปที่ สภ.ไทรน้อย เพื่ออันเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตไปด้วยกันที่วัดลาดปลาดุก และเมื่อเวลา 19.30 น.พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน ผกก.สภ.ไทรน้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งหมด 7 นายได้มาเข้าร่วมฟังการสวดพระอภิธรรมศพของ นายเจิด สรงภู่ ที่วัดลาดปลาดุก ในขณะที่ฟังพระสวดเสร็จก็แยกย้ายกันกำลังจะกลับ แล้วครอบครัวกำลังนั่งปรึกษากันว่าต่อไปนี้จะทำยังไงกันดี น้องชายของผู้เสียชีวิตได้หันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มาร่วมงานอายุประมาณ 40 ปี มีอาการผิดปกติคือ นั่งร้องไห้อยู่นานแล้วแต่ไม่มีใครสนใจ จนน้องชายของผู้เสียชีวิตเข้าไปถามว่า เป็นอะไร แต่ผู้หญิงที่นั่งร้องไห้ตอบว่า
”กูอยากกลับบ้าน แต่มาไม่ได้มันมืดมองไม่เห็นทาง กูหาทางออกมานานแล้ว กูหาทางออกไม่ได้ กูห่วงลูก กูห่วงลูก”
แล้วหลังจากนั้นลูกสาวของผู้เสียชีวิตก็เรียกญาติพี่น้องและทุกคนมาฟัง รวมถึง พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน ผกก.สภ.ไทรน้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมฟังอยู่ด้วย ต่อจากนั้นสามีของผู้หญิงที่ถูกนายเจิดเข้าร่างก็เป็นห่วงภรรยาตัวเอง จึงบอกกับพระที่ไปเชิญดวงวิญญาณนายเจิดมาที่วัดว่าให้ช่วยภรรยาผมหน่อย ให้นายเจิดออกจากร่างเมียผมหน่อย ขณะนั้น ภรรยานายเจิดจึงบอกกับนายเจิดว่า ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นไปเถอะ ไปให้สบาย ส่วนน้องชายนายเจิดพูดว่าไม่ต้องห่วงทางนี้นะ แล้วต่อมาลูกสาวนายเจิดบอกนายเจิดว่า พ่อไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวหนูจะดูแลแม่ ดูแลน้องแทนพ่อเอง ไปให้สบายนะ แล้วผู้หญิงคนนั้นอาการค่อยๆล้มหงาย

พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน กล่าวกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือใดๆ ให้มาปรึกษาเขาได้ตลอดและพร้อมจะช่วยเหลือเกี่ยวกับการขึ้นโรงขึ้นศาล แล้วจะทำเร่งทำสำนวนคดีให้เร็วที่สุด

http://www.naewna.com/local/59590


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 15 ก.ค. 13, 16:17
อ่านเรื่องวิญญาณผู้ต้องขังคดีจิ๊บจ๊อยที่ต้องเสียชีวิตเพราะไฟไหม้แล้วก็น่าเห็นใจ   วกกลับมาเรื่องผีใน 15 มหาวิทยาลัยที่ท่านอาจารย์เทายกมา หนึ่งในมหาวิทยาลัยนั้นผมเคยไปแวะแอบดูสาวๆ หนุ่มๆ บ่อยๆ ขับ taxi ไปจอดไกลๆ ลับตาหน่อยแล้วเดินตีหน้าเก๊กมาดขรึมไปมาหลอกพวก นศ ให้ยกมือไหว้ให้นึกว่าเป็นอาจารย์ โฮะๆๆ


มหาวิทยาลัยนั้นมีตึกเรียนเก่าอยู่ตึกหนึ่งคณะอะไรไม่บอก ตึกเปลี่ยวมากไม่ค่อยมีคน ผมชอบไปนั่งอึที่ห้องน้ำชั้นสองก่อนกลับบ้านตอนดึกๆ เพราะมันไม่มีคน จะปู้ดป้าดดังขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวใครได้ยิน ไม่เหมือนตามห้องน้ำที่พลุกพล่าน จะปล่อยอะไรทีต้องคอยขมิบ ที่ฉีดก้นก็พร้อมใช้งาน แถมนั่งนานแค่ไหนก็ไม่มีใครต่อคิว ผมเลยพกหนังสือพิมพ์บ้าง นิตยสารบ้างไปนั่งอ่านเวลาทำธุระดึกๆ ประจำ แม้บรรยากาศจะเก่าๆ ทึมๆ หน่อยก็ไม่มีปัญหา


อึที่นี่ประจำนานเป็นปีๆ  แม้บางทีเวลาใช้บริการตอนดึกๆ จะได้ยินเสียงเหมือนมีคนบ้าง หรือเวลาเดินออกมาต้องผ่านระเบียงมืดตึ๊ดตื๋อจะรู้สึกขนลุกวาบๆ เหมือนมีคนมองหรือมีคนเดินตามบ้าง แต่ไม่เคยคิดอะไร  จนตอนหลังถึงมารู้ว่าที่ห้องน้ำนี้มีเสียงเล่าลือกันมานานหลายสิบปีแล้วว่ามันมีผีผู้หญิงอยู่ คนมากมายเคยเห็นผู้หญิงลอยผ่านไปมาจนไปหายตัวไปที่ห้องน้ำนี้นี่แหละ เลยไม่มีใครกล้าเข้าทั้งกลางวันกลางคืน นักศึกษา คณาจารย์ นักการ เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยนี้ ฯลฯ  รู้กิตติศัพท์กันทั้งนั้นยกเว้นผมที่ไม่ใช้ศิษย์เก่าที่นี่เลยไม่รู้เรื่องรู้ราว  ไปอึประจำเพราะชอบไม่ต้องเกรงใจใคร


ทีนี้เลยถึงคราวต้องอัปเปหิตัวเองไปหาส้วมที่มันสงบๆ ไม่พลุกพล่านที่ใหม่ไว้อึแทน  แถมคราวนี้ต้องเช็คประวัติก่อนแล้วว่าปลอดภัยไม่มีตำนานผี   เพราะที่เก่ามันเลยกลายเป็นไม่สะดวกใจซะแล้ว จะว่ากลัวผีก็ไม่ใช่ แต่มันอดหวาดๆ ไม่ได้  กลัวเดี๋ยวมีสิ่งลึกลับแอบมอง ยิ่งมหาวิทยาลัยนี้เป็นหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าผีดุมากๆ แทบทุกวิทยาเขตอยู่แล้วด้วย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 13, 10:16
เตือนคุณประกอบว่าอย่าเผลอเดินเก๊กหน้าเป็นอาจารย์อยู่แถวตึกปั้นของวังท่าพระเชียวนา  อาจจะเจอดี

*เรื่องเล่าจากตึกปั้น วังท่าพระ*

มีเรื่องเล่าตกทอดกันมาหลายรุ่น ดิฉันพลอยได้ฟังก็เลยจะถ่ายทอดต่อให้คนนอก "วังท่าพระ"ได้มีโอกาส บรื๋อ..อ.. บ้าง*

วังท่าพระ ที่ว่านี้ เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งมีคณะที่สอนอยู่ 4 คณะ คือ จิตรกรรมฯมัณฑนศิลป์ สถาปัตยกรรมและโบราณคดี ดิฉันจบจิตรกรรมฯ ค่ะ ชื่อเต็มของคณะไม่กล้ายืนยันว่ายาวที่สุดในประเทศไทยหรือเปล่า (ถ้าเพื่อนๆ มีชื่อคณะของมหาวิทยาลัยที่ยาวกว่านี้ก็ช่วยบอกเล่าแบ่งปันกันนะคะ) ชื่อเต็มของคณะคือ คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ (ร่ำๆ ว่าจะเพิ่ม.. และภาพไทย เข้าไปอีก) ความบรื๋อ..ของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ชื่อคณะหรอกค่ะ แต่เป็นที่ตึกเรียน

*ตึกเรียนหลักของคณะจิตรกรรมฯ ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของอนุสาวรีย์อาจารย์ศิลป*

ถ้าเพื่อนๆ หันหน้าเข้าหาอนุสาวรีย์ ด้านขวาจะเป็นตึกเรียนวิชาทฤษฎีและปฎิบัติการวาดเส้นและศิลปไทย (เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ยังใช้สอนวิชานี้เหมือนเดิมหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ) ด้านซ้ายเป็นตึกทำการเรียนการสอนวิชาประติมากรรมหรือเราเรียกกันง่ายๆ ว่าตึกปั้น เจ้าตึกปั้นเนี่ย เป็นอาคารสองชั้นเพดานสูง ชั้นบนเป็นส่วนของรุ่นพี่ ส่วนใหญ่จะเป็นงานถอดพิมพ์และพวกงานโลหะต่างๆ
ชั้นล่างจะเป็นส่วนของรุ่นน้อง ซึ่งเป็นงานปั้นดินเหนียว ชั้นล่างนี่จะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหน้าเป็นโถงโล่งกว้างเพื่อสะดวกในการวางแป้นปั้น ส่วนด้านในจัดแบ่งเป็นที่เก็บดิน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องและห้องน้ำ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 13, 10:18
*เด็กจิดกำ (เราชอบเรียกกันอย่างนั้น) ส่วนใหญ่มักจะกินนอนกันที่คณะ*

บางคนสิงสถิตย์อยู่คณะตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งจนปีห้า หนักกว่านั้นเรียนจบจนทำงานแล้วก็ยังสิงอยู่จนรุ่นน้องต้องมาเชิญให้ย้ายออกไปซะทีเพราะอยากเข้ามาอยู่มั่ง (เช่นดิฉันเป็นต้น) วันไหนที่มีงานต้องส่งวันรุ่งขึ้น เด็กจิดกำทั้งหลายก็จะออกมาลุยงานกันจนสว่างคาตาเลยก็มี คืนนั้น เราลุยงานที่ตึกปั้นจนค่ำ เพราะพรุ่งนี้ต้องมีส่งงานตอนบ่าย ทำกันไป คุยกันไปจนร่วมเที่ยงคืน "ครืด... โครก..."เสียงกดชักโครกและน้ำวนหมุนลงชักโครกดังแทรกเข้ามา

นิ่ง.... ไม่มีใครสนใจอะไร ยังคงทำงานและคุยเสียงดังกันต่อไป

"ครืด... โครก..." เสียงกดชักโครกและน้ำวนหมุนลงชักโครก ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มีบางคนทักขึ้น "ใครอยู่ห้องน้ำวะ" เกือบพร้อมกัน ต่างคนต่างมองสำรวจจำนวนเพื่อนเพื่อหาคำตอบว่าใครไปเข้าห้องน้ำ

ครบค่ะ ทุกคนยืนทำงานอยู่ที่แป้นปั้นดินของตัวเองครบ ไม่มีใครแว้บไปห้องน้ำแล้วใครล่ะ กดชักโครกอยู่ครืดๆ

*ผู้กล้าชวนกันเข้าไปดูให้หายสงสัย ไม่มีค่ะ ไม่มีใครสักคน ห้องน้ำก็แห้ง ไม่มีรอยน้ำกระเพื่อมในชักโครกเลย*

จะว่ามีคนนอกตึกเข้ามาใช้ก็เป็นไปไม่ได้แน่ เพราะอย่างที่บอก เราทำงานปั้นกันอยู่ส่วนหน้าของอาคาร ซึ่งติดอยู่กับประตูทางเข้าที่เปิดแง้มอยู่ ถ้ามีใครเข้ามาก็จะต้องเดินผ่านกลุ่มของพวกเรา คืนนั้น ไม่มีใครอยากลุยงานต่อแล้วค่ะ ฝากอนาคตไว้กับพรุ่งนี้เช้า เพราะอาจารย์ตรวจงานตอนบ่ายสามโน่นแน่ะกว่าจะหลับ ก็เลยมีเรื่องบรื๋อ... บรื๋อ... มาเล่ากันยกใหญ่
หนึ่งในเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องตึกเรียนอีกนั่นแหละ คราวนี้เป็นเรื่องตึกเรียนวิชาศิลปไทย (ตึกที่ตั้งอยู่ด้านขวาของอนุสาวรีย์
อาจารย์ศิลปนั่นแหละ)

คืนนั้น (อีกแล้ว) รุ่นพี่ 4-5 คน ทำงานจนดึกก็ชวนกันออกไปหาอะไรกินแถวท่าช้าง แต่มีอยู่คนหนึ่งเกิดขยันติดลมหรือขี้เกียจเดินก็ไม่รู้ ก็เลยไม่ได้ไปนั่งทำงานต่ออยู่คนเดียว พี่แกทำงานจนเพลินไม่รู้ว่าเพื่อนออกไปกันนานเท่าไหร่แล้ว จู่ๆ ก็มีเงาคนทาบทับมาบนเฟรมที่เขากำลังเขียนรูปอยู่ เงานั่นนิ่งอยู่พักหนึ่งก็เหมือนวูบชะโงกเข้ามาดู    พี่แกคิดว่าเพื่อนกลับมาจากกินข้าวแล้ว ก็เลยทักออกไป

"เฮ้ย.... กลับมากันแล้วเรอะ มีอะไรกินบ้าง"

เงียบ... พี่แกเหลียวไปดูข้างหลังก็ไม่มีใคร ก็เลยหันกลับมาทำงานต่อไม่ได้คิดอะไร สักพักคราวนี้เพื่อนพี่แกกลับมากันจริงๆ เสียงคุยดังลั่นมาแต่ไกล พอมาถึงพี่แกก็เลยถามว่าเมื่อกี้ใครมาถึงก่อน ทักก็ไม่ตอบ เพื่อนทั้งกลุ่มก็บอกว่าเปล่า เพิ่งเข้ามาพร้อมกันนี่แหละ
บรื๋อ... ค่ะ
แล้วเงาคนที่ทอดมาบนเฟรมงานนั่น ใคร...


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 13, 10:19
ดิฉันจะย้อนอธิบายถึงลักษณะของห้องที่พี่แกนั่งทำงานอีกทีนะคะ ห้องที่ว่า อยู่บนอาคารที่อยู่ด้านขวาของลานอาจารย์ศิลป พูดง่ายๆ ก็อยู่ตรงข้ามตึกปั้นนั่นแหละค่ะ เป็นห้องปฎิบัติงานภาพไทย หน้าห้องเป็นระเบียงทางเดิน กว้างประมาณสองช่วงแขน มีกำแพงสูงประมาณครึ่งอกพ้นจากกำแพงออกไปเป็นอากาศ ค่ะ เป็นอากาศจริงๆ เพราะห้องนี่อยู่ชั้นสอง มองออกไปนอกกำแพงเป็นลานอาจารย์ศิลป และตึกปั้นกับต้นจันทร์ใหญ่ อายุเป็นร้อยมั้ง ไม่มีไฟส่องสว่างจากหน้าประตูห้อง เพราะฉะนั้น ความสว่างที่เกิดขึ้นจะมาจากแสงสว่างในห้องเท่านั้น

ทีนี้กลับไปที่เงาคนอีกที มันเกิดได้ไงเนี่ย ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เราเรียนมาแต่เด็ก

เงาจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีวัตถุมาบังแสง หรือวัตถุขวางหน้าแสง ทีนี้พี่แกนั่งหันหลังให้ประตูห้องซึ่งไม่มีแสงจากข้างนอก เงาที่เกิดและทอดทาบมาบนเฟรมแกได้จะต้องมาจากวัตถุหรืออะไรก็ตามที่อยู่ด้านหน้าแกเท่านั้น แต่ตอนนั้น พี่แกนั่งทำงานคนเดียวในห้อง ไม่มีใครยืนขวางไฟด้านหน้าแก ไม่มีใครเลยจริงๆ เรื่องเล่าจบลงแค่นี้ ไม่รู้ว่าพี่แกจัดการยังไงต่อไปกับชีวิต....


*ขอบคุณเรื่องเล่าจาก*
*"คุณน้ำตาล"บล็อคแก๊งดอทคอม*
http://happy.teenee.com/xfile/ghostexp/1525.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 23 ก.ค. 13, 14:25
ฮิฮิ สวัสดีครับท่านอาจารย์  ลงเรือนไปเที่ยวหลายวัน ซื้อของเล่นมาฝากผมบ้างรึเปล่าครับ  ;D  ;D  ;D

ที่วังท่าพระนั่นผมก็เคยไปเก๊กหล่อวางมากเป็นอาจารย์เดินไปเดินมาแถวนั้นเหมือนกัน ไปเข้าห้องน้ำปล่อนระเบิดก็หลายรอบ แต่เป็นแถวตึกคณะโบราณฯ   ไปขอเข้าห้องน้ำเฉยๆ อาศัยว่ามาดดีหล่อเกาหลี คณาจารย์แถวนั้นนึกว่าเป็นอาจารย์คณะอื่นมาจากทับแก้วเลยให้เข้าห้องน้ำอาจารย์ได้  แต่ยังไม่เคยเจออะไรนะครับ  แต่ตอนเดินเข้าไปในตึกคณะเค้า จำได้ว่ามีโครงกระดูกหลายโครงอยู่

ศิลปากรวังท่าพระนี่เดี๋ยวนี้เรียกได้ว่าไม่เคยเงียบ  มีกิจกรรมคนเดินเข้าออกตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านไปกี่โมงก็เห็นมีเด็กหนุ่มๆ สาวๆ นั่งทำกิจกรรมกันเต็มลานไปหมด ถ้าใครยังเจอผีได้นี่ต้องเฮงจริงๆ แต่แถวตึกคณะจิตกรรมหรือประตูด้านสนามหลวงดึกๆ นี่ก็มืดน่ากลัวอยู่ครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 13, 16:04
อยู่ทางนี้เป็นเด็กดี ตั้งใจทำการบ้านในกระทู้ต่างๆ  ครูเรียกก็ตอบได้  หรือเปล่าล่ะคะ   ถ้าไม่ทำก็อดได้ของเล่นค่ะ

เคยเล่าถึงคุณป้า ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ไว้บ้างแล้วในกระทู้เก่าๆ   ท่านเป็นข้าหลวงในพระวิมาดาฯ  อายุยืนถึง 97 ปี เพิ่งล่วงลับไปสัก 2 ปีได้
ท่านเล่าเรื่องเปรตที่เคยเจอนอกบ้านนนทบุรี ที่ท่านย้ายจากบ้านเดิมที่ยมราชไปปลูกอาศัยอยู่    อยู่ที่ถนนกรุงเทพ-นนท์   ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นชานเมือง ไม่ค่อยมีผู้คน    ตอนดิฉันไปเยี่ยมท่านที่บ้าน ท่านยังชี้ให้ดูที่ดินว่างๆข้างบ้านว่าตรงนั้นแหละที่ท่านเห็นเปรต
ท่านเล่าไว้ในหนังสือชีวิตในวัง ว่า

‘ค่ำวันนั้น  เพ็ญกลางเดือน  ๑๕  ค่ำ  แสงจันทร์สว่างไสวกราดไปทั่ว   ข้าพเจ้านั่งดูทีวีอยู่ในห้อง   ละครกำลังสนุก  แสดงเรื่อง ‘นางกีสาโคตมี’  ซึ่งภายหลังสำเร็จพระอรหันต์    ฟังเสียงละครไม่ค่อยรู้เรื่อง  หนวกหูหมาหมู่ใหญ่เห่าหอนวิเวกวังเวงจับใจตลอดเวลา   หอนไม่หยุด  สักครู่  เสียงนายเปาะลูกชายข้าพเจ้าเรียกน้ำเสียงดูตกอกตกใจ  ให้ข้าพเจ้ารีบออกจากห้องมาดูอะไรก็ไม่รู้

ข้าพเจ้าก็ลุกออกไปยังห้องหน้ามุข  เปาะชี้ให้ดู  มองดูออกไปนอกหน้าต่าง  เป็นครั้งแรกที่เห็น  สัญชาตญาณบอกให้รู้ทีเดียวว่าอ้ายภาพสูงใหญ่ดำทะมึนราวกับเอาต้นตาลมาต่อกัน  ๓ –๔ ต้น  สูงเยี่ยมเทียมฟ้านี้  คือร่างของพวกเปรต

พอแน่ใจเช่นนั้น  เหงื่อเย็นออกมาชุ่มตัว   กระซิบบอกเปาะว่า   “นี่คือเปรต  ต้องท่องคาถาไล่มันไป”    แล้วข้าพเจ้าก็เรียกสามีข้าพเจ้ากับพี่หละให้ออกมาช่วยกันดู   ไปเรียกบุตรบุญธรรมคือ   น.ส.นิจมาดู  ต่างคนต่างเห็นกันทั่ว   แต่ไม่รู้จะทำยังไงกัน

ข้าพเจ้ารีบท่องคาถาไล่ผี  ซึ่งเคยจำมาได้จากท่านพระครูประกาศสมาธิคุณท่านสอนให้   ด้วยความกลัวอย่างสุดขีด   ตั้งสติไม่อยู่   ท่องได้หน้าลืมหลัง  กลางขาด  ท่องเท่าใดเปรตไม่ไป

เมื่อไม่ไป  คณะเราก็กลับเข้ามาดูละครต่อ  ดูไปจนละครเลิก  ลุกออกไปดูเปรตยังอยู่  ผมสยายยาวลงมาเกือบถึงหัวเข่า  หน้าตามัวไป  แลหน้าไม่ชัด  แต่ที่ช่วงท้องแห้งไปติดกระดูกเชิงกราน  ซึ่งโกงก็อยู่สองข้าง  ท้องแห้งแป๋เช่นนี้   ต้องแสดงว่าอดอาหารหิวโหย

แล้วเปรตตัวนี้ไม่มีผ้านุ่ง  มองเห็นกระดูกโคนขายาวลงไปจดเท้า   หมาแหนหน้าหอนอยู่เรื่อย  ไม่ยอมหยุด   เดือนหงายมาก  มองเห็นก้อนเมฆลอยผ่านตัวเปรตไปตลอดเวลา  ข้าพเจ้าชักกล้าขึ้นมานิด ๆ   ตะโกนเสียงดังบอกเปรตไปว่า 
 “เธอทำไมถึงยังไม่ไป   มาคอยเอาอะไร”   
ว่าไปนึกขึ้นได้ว่า   เราเอาแต่ไล่  ไล่เขาท่าเดียว   ทำไมเราไม่คิดให้อาหารและเสื้อผ้าเขาบ้าง
“เธอจะเคยเป็นญาติกับฉันหรือไม่ก็ตาม   การที่เธอมาสำแดงตัวให้เห็น    แสดงว่าต้องการความช่วยเหลือ  ฉันจะช่วยเธอตามกำลัง   เธอไม่ต้องลำบากเช่นนี้    เพราะเมื่อเธอเป็นมนุษย์อยู่ไม่เคยทำบุญเสื้อผ้าอาหาร       เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก    ห่วงกังวลแต่ทรัพย์สมบัติ  มุ่งหน้าแต่สะสมท่าเดียว   ไม่ยอมบริจาค   พระท่านว่าตายแล้วจะต้องไปเกิดเป็นเปรต   ด้วยจิตโลภของตัวเอง" 
“นี่ก็ดึกแล้ว   กลับไปเสียเถอะ   พรุ่งนี้คอยรับส่วนกุศล   จะทำบุญอาหารและเสื้อผ้าส่งไปให้   จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เธอคนเดียว  พรุ่งนี้เพลแล้วคอยรับเอา”

ว่าแล้วเท่านั้น  เปรตค่อย ๆ ยืดตัวยาวออก ๆ บ่ายหัวหายไปทางทิศตะวันตก   ทุกคนโล่งใจ  หายกลัวพากันเข้านอน

รุ่งเช้า นิจรีบตื่นขึ้นมาทำอาหารใส่ปิ่นโตไปถวายพระทั้งคาวหวานและผลไม้   ข้าพเจ้าเตรียมเครื่องข้าวของที่จะไปทอดกฐินที่วิเศษชัยชาญ  จ.อ่างทอง   กองอยู่ในห้องพระ   ก็เลยยืมสบงอย่างดีของเครื่องกฐินมา  ๑  ตัว   รวมไปกับอาหาร    ให้สามีข้าพเจ้าเอาไปถวายพระวัดลานบุญที่จังหวัดนนทบุรี

พอเที่ยง   กะว่าฉันเพลเสร็จแล้ว   ข้าพเจ้าก็อุทิศส่วนกุศลไปให้เปรต  แล้วยังแถมบอกไปกับน้ำกรวดว่า   
“ตุลาคม  ข้าพเจ้าจะไปทอดกฐินที่อ่างทอง  จะอุทิศส่วนกุศลไปให้อีก   แล้วก็ขอบริจาคเสื้อผ้าใช้แล้วของทุกคนในบ้านทั้งของข้าพเจ้าด้วย  เอาไปแจกชาวบ้านที่ยากจน  แถวบ้านข้าพเจ้ามีคนจนเยอะ  ดีใจกันทั่วหน้า”


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ค. 13, 08:49
ท้าวหิรัญูฮู

  ในรัชกาลที่ 5   ร.ศ. 126 ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช   ได้เสด็จประพาสเมืองลพบุรี   ในคืนหนึ่งขณะประทับอยู่ในเมืองนั้น  มีผู้ตามเสด็จท่านหนึ่งได้มีนิมิตฝันเห็นชายหุ่นล่ำสันใหญ่โตมาหา บอกว่าชื่อ "หิรัญพนาสูร" เป็นอสูรชาวป่า มาหาเพื่อจะแจ้งว่า ต่อแต่นี้เขาจะคอยตามเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชไม่ว่าจะประทับอยู่ที่ใด เขาจะคอยดูแลและระวังภัยไม่ให้เกิดขึ้นกับพระองค์ท่านได้
  เมื่อทรงทราบ  จึงมีพระราชดำรัสให้จุดเทียน จัดเตรียมอาหารเซ่นสังเวย "หิรัญพนาสูร" ในป่าเมืองลพบุรีทันที   ทุกครั้งจากนั้น ไม่ว่าจะเสด็จฯ ไปที่ไหน ในเวลาค่ำถึงยามเสวย จะมีพระราชดำรัสให้จัดอาหารเซ่นสังเวย "ท้าวหิรัญฮู" ทุกครั้งไป

     ต่อมาเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์   ทรงรำลึกถึง "ท้าวหิรัญฮู"  จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหลวงมาหล่อรูปท้าวหิรัญฮูด้วยทองสัมฤทธิ์ จากนั้นก็โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารจัดเครื่องเซ่นสังเวย และเชิญ "ท้ายหิรัญฮู" เข้าสถิตในรูปหล่อนั้น พระราชนามให้ว่า "ท้าวหิรัญพนาสูร" แต่งองค์ทรงเครื่องสวมชฎาแบบโบราณ มีไม้เท้าเป็นเครื่องประดับยศ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ค. 13, 08:50
     มหาดเล็กคนสนิทของรัชกาลที่ 6 ผู้หนึ่ง คือ "จมื่นเทพดรุณทร" ท่านผู้นี้ได้เล่าให้ข้าราชบริพารฟังต่อ ๆ กันมาว่า
     "ในหลวง (ร.6)" ทรงเรียกท้าวหิรัญพนาสูรว่า "ตาหิรัญฮู" ซึ่งคนในวังสมัย ร.6 จะรู้ถึงกิตติศัพท์ของ "ตาหิรัญฮู" ดีว่าสำแดงเดชและอภินิหารอย่างไรบ้าง จึงเล่ากันปากต่อปากเรื่อยมา อย่างเรื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปท้าวหิรัญพนาสูร โดยให้พระยาอาทรธรศิลป์ (ม.ล.ช่วง กุญชร) เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีมิสเตอร์แกลเลตตี นายช่างชาวอิตาเลี่ยนที่มาทำงานในกรมศิลปากรเป็นผู้หล่อ

      เมื่อหล่อเสร็จก็จะยกขึ้นตั้งบนฐานในพระราชวังพญาไท มิสเตอร์แกลเลตตีก็เอาเชือกผูกคอท้าวหิรัญฮูชักรอกขึ้นไป เสร็จแล้วมิสเตอร์แกลเลตตีก็ป่วยกะทันหันทำงานไม่ได้ เพราะคอเคล็ดโดยไม่รู้สาเหตุ พอพระยาอาทรไปเยี่ยม ท่านพอจะรู้สาเหตุจึงบอกว่าคงเป็นเพราะเอาเชือกไปผูกคอรูปหล่อท้าวหิรัญฮูให้เอาดอกไม้ ธูป เทียนไปขอขมาเสีย เมื่อนายช่างชาวอิตาเลี่ยนทำตามคอที่เคล็ดจึงกลับมาเป็นปกติอย่างอัศจรรย์


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ค. 13, 08:55
   อีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับ "ท้าวหิรัญพนาสูร" เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 6 สวรรคตแล้ว  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเสวยราชย์    วันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จฯ ตรวจบรรดารถยนต์พระที่นั่งซึ่งเป็นพระราชมรดก โดยมีกรมหมื่นอนุวัติจาตุรนต์เสด็จไปด้วย กรมหมื่นอนุวัติฯกราบทูลขอรถยนต์พระที่นั่งคันหนึ่ง  เป็นคันที่มีรูปท้าวหิรัญฮูติดอยู่ด้วย   พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯก็พระราชทานให้
    เมื่อกรมหมื่นอนุวัติฯนำรถกลับไปไว้ที่วังสี่แยกหลานหลวง คืนนั้นก็นอนไม่หลับ ได้ยินเสียงกุกกัก ๆ ในโรงเก็บรถทั้งคืน ครั้งลุกไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร จึงคิดว่าอาจเป็นเสียงหนู แต่ขณะที่กำลังคิดในทางที่ดีก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะจู่ ๆ ไฟในโรงรถก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่โรงรถปิดอยู่ จึงเรียกคนขับรถและมหาดเล็กไปช่วยกันดู แต่พอเปิดประตูโรงเก็บรถก็ต้องใจหายเป็นครั้งที่ 2 เพราะไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย และยังน่าสงสัยที่เห็นรถจอดขวางโรง ซึ่งแต่แรกไม่ได้จอดในลักษณะนี้ จึงต้องช่วยกันกลับรถจอดใหม่ จากนั้นรุ่งขึ้น กรมหมื่นอนุวัติจาตุรงค์ต้องจัดเครื่องเซ่นสังเวยท้าวหิรัญฮูเพื่อขอขมา และไม่ใช้รถพระราชทานคันนั้นอีกเลย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ค. 13, 09:37
เรื่องนี้เคยลงแล้วในกระทู้เก่า สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ

ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมายังวังสระปทุมเมื่อเวลาประมาณ 2 ยาม เนื่องจากคณะแพทย์ที่ถวายการรักษาสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้ากราบบังคมทูลว่าพระอาการทรุดหนักสุดที่จะแก้ไข   พระชนมชีพคงจะถึงที่สุดในไม่ช้า
ภายในห้องพระบรรทมของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยืนอยู่ปลายพระบาท พร้อมด้วยคณะแพทย์และพยาบาลที่เฝ้าพระอาการ ส่วนหน้าห้องพระบรรทม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถประทับอยู่  นอกจากนั้น ก็มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร พระราชธิดาบุญธรรม  หม่อมเจ้าหลาน ๆ และข้าหลวงหมอบเฝ้าเต็มไปหมด เนื่องจากเป็นที่ทราบกันแล้วว่าพระอาการน่าเป็นห่วงตั้งแต่ 5 ทุ่ม จึงมาคอยส่งเสด็จกันพร้อมหน้าในวาระสุดท้าย

หลังจากตีสองชาววังที่เฝ้าอยู่ในที่นั้นทั้งปวงต่างก็ได้ยินเสียงสวดมนต์เบา ๆ ติดต่อกันโดยหาตัวผู้สวดไม่ได้ พอผ่านไปได้ 16 นาที สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าก็เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบ เมื่อเวลา 2.16 น. โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายบังคม "สมเด็จย่า" อยู่ที่เบื้องปลายพระบาทนั่นเอง สิริพระชนมายุได้ 93 พรรษา 3 เดือน 7 วัน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ส.ค. 13, 10:12
คุณประกอบเคยได้ยินชื่อ Ed และ Lorraine Warren ไหมคะ  สองสามีภรรยาคู่นี้เป็นนักล่าผีตัวจริง   เคยไปสืบคดีผีสิงต่างๆ จนเอามาเขียนหนังสือได้หลายต่อหลายเล่ม   เรื่องพวกนี้เอาไปทำหนังก็เยอะ 
แต่ไม่อธิบายละค่ะ ไปหาอ่านเอาเอง   ยิ่งอ่านตอนดึกๆ อยู่คนเดียวได้ยิ่งดี    จะได้บรรยากาศ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 22 ส.ค. 13, 15:18
สองคนนี้ผมไม่เคยได้ยินเลยครับ  ได้ลายแทงต้องไปหาข้อมูลซะแล้ว   คร่าวๆ ได้ข้อมูลมาว่าตาเอ๊ดเองตายไปตั้งแต่ปี 2006 ซะแล้ว ส่วนภรรยายังมีชีวิต  และได้ชื่อว่าเป็นพวกมีญาณคนนึง  นี่ข้อมูลคร่าวๆ จาก wiki


พูดถึงคนมีญาณ เมื่อสองสามปีก่อนพี่สาวผมได้รู้จักผู้มีญาณคนนึง  ซึ่งได้เตือนพี่สาวผมว่าปีนี้จะต้องมีผ่าตัดใหญ่ในช่องท้อง พี่สาวผมก็ฟังๆ ไว้ ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ  แล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อนพี่สาวไปตรวจร่างกายปรากฏว่ามีเนื้องอกในรังไข่  พี่สาวผมต้องผ่าเนื้องอกนี้ บวกรังไข่ 1 ข้างและแถมมดลูกไปด้วยเมื่อตอนต้นเดือนนี้เอง  ตอนนี้กำลังพักฟื้น และผู้มีญาณได้บอกด้วยว่าน้องชาย(คือผม) จะเรียนจบ แต่ต้องเกินเวลา บอกไว้ตั้งแต่ผมมาอังกฤษใหม่ๆ และตอนนี้ผมกำลังขอต่อเวลาจริงๆ แต่จะจบหรือเปล่านี่ยังไม่รู้  ก็หวังว่าญาณทิพย์ของท่านจะแม่นจริง  กลัวจะเป็นจบเห่แทน ;D  ;D  ;D  จริงๆ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ท่านพูดเกี่ยวกับพี่สาวผม แต่ออกจะปาฏิหารณ์และเร้นลับมากหน่อยและยังไม่มีข้อพิสูจน์ ต้องดูกันต่อไป


อีกหน พี่สาวผมไปหาหลวงพ่อองค์นึงในภาคอิสานที่ใครต่อใครลือว่าท่านวิเศษ แต่ท่านจะไม่ทำนายอะไรให้ใครง่ายๆ  โดยเฉพาะนักการเมืองบางคนท่านชี้หน้าบอกว่าเอ็งเป็นคนเลวไม่ทำนายให้  พี่สาวต้องไปให้คำสัตย์ปฏิญาณก่อนท่านถึงดูให้  พี่สาวก็พ่วงถามเรื่องผมไปด้วย   ท่านตอบมาแม่นจริงๆ


ท่านบอกว่า น้องชายขี้เกียจจริงๆ เลย ไม่ขยันเลย หนังสือหนังหาก็ไม่อ่าน  แบบนี้มันจะจบได้ไง แต่ปีหน้าดวงจะดีทำอะไรราบรื่นมาก บอกน้องชายให้รีบขยัน ถ้าเป็นปีหน้างานถึงจะจบแน่นอน ผมฟังแล้วตรงจริงๆ แม่นยิ่งกว่าตาเห็น  ยังกะท่านมานั่งข้างๆ office ผมจริงๆ  ;D  ;D  ;D  แล้วท่านยังเตือนว่าให้ระวังขับรถขับราหน่อยปีนี้ น้องชายมีรถสีเงินๆ แวนๆ หน่อยใช่มั๊ย  ผมใช้รถสีเงิน 5 ประตูอยู่จริงๆ ซะด้วย ก็ไม่รู้ว่าท่านรู้ได้ไง ช่วงนี้ขับรถขับราเลยต้องระวังแจ  


อ๊ะๆ  บางคนอยากรู้แล้วใช่มั๊ยว่าจะไปหาหลวงพ่อหรือผู้มีญาณท่านนี้ที่ไหน  8)  8)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 13, 15:32
   ไม่สนับสนุนให้ไปรบกวนท่านค่ะ
   ขอพาคุณประกอบมาเจอเรื่องระทึกขวัญ     ถ้าเรียนจบจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ควรข้ามจากอังกฤษมาโร้ด ไอร์แลนด์ รัฐนิวยอร์ค  ตรงไปที่เมือง Amityville สู่บ้านเลขที่ 112 Ocean Avenue   มันเป็นบ้านสยองขวัญอันดับหนึ่งของอเมริกา
บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่า  สร้างสไตล์ดัชท์ โคโลเนียล      มีครอบครัวต่างๆย้ายกันเข้ามาอยู่เรื่อยๆตามกาลเวลาจนถึงค.ศ. 1974  ครอบครัวชื่อ DeFeo เป็นเจ้าของบ้านประกอบด้วยพ่อแม่และลูกอีก 5 คน   ในจำนวนนี้คือหนุ่มอายุ 23 ปีชื่อโรนัลด์   คืนหนึ่งเมื่อทุกคนกำลังหลับสนิท เขาก็ยิงพ่อแม่ และพี่น้องอีก 4 คนตายเรียบวุธ    ตัวเขาเองก็ถูกตำรวจจับได้   ทุกวันนี้ยังติดคุกอยู่

หนึ่งปีต่อมา  นายหน้าขายบ้านได้ขายบ้านหลังนี้ด้วยราคาถูกเป็นพิเศษให้ครอบครัวใหม่   สามีชื่อ จอร์ช ลัทซส์  ภรรยาชื่อเคธี  มีลูกติดสามคนยังเล็กอยู่     พวกนี้ย้ายเข้ามาอยู่ได้ 28 วันก็เปิดแน่บออกจากบ้าน เพราะถูกหลอกหลอนจนไม่เป็นอันอยู่ได้ตามปกติ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 13, 15:38
เรื่องนี้ ถ่ายทอดลงเป็นหนังสือ แล้วกลายเป็นเบสต์เซลเลอร์   ฮอลลีวู้ดเอาไปทำหนังหลายครั้งหลายครา    เวลาผ่านไป 37 ปีจนสามีภรรยาคู่นี้ถึงแก่กรรมไปแล้ว  ลูกๆก็โตขึ้นเป็นชายหญิงวัยกลางคน    แดนนี่ลูกชายคนโตซึ่งตอนนั้นอายุ 10 ขวบยอมเปิดปากในวัย 47 ปีว่า เป็นเรื่องจริง 
แต่...ก็ยังมีคนไม่เชื่อว่าจริงอยู่ดี    เพราะว่าหลังจากสามีภรรยาคู่นี้ย้ายออกแบบกะทันหัน   ก็มีเจ้าของใหม่ย้ายเข้ามาอยู่    เปลี่ยนมือกันไปอีก     ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครเห็นอะไรผิดปกติ     มีเจ้าของคู่หนึ่งที่อยู่ถึง 10 ปีก็ไม่เจออะไรทั้งสิ้น
อาจจะรอคุณประกอบพิสูจน์อยู่ก็ได้ค่ะ
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

อยากอ่านไปอ่านเองนะคะ
http://www.dailymail.co.uk/news/article-2290279/Haunted-Amityville-Eldest-son-Lutz-family-reveals-living-possessed-Long-Island-home-ruined-life.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 23 ส.ค. 13, 21:32
สำหรับคนที่ใจรักเรื่องลึกลับและอยากเอาดีทางเป็นนักสืบสวนสอบสวนพิสูจน์สิ่งเร้นลับอย่างท่านอาจารย์ใหญ่  ผมขอแนะนำเครื่องมือจำเป็นที่นักพิสูจน์ผีชั้นดีควรจะมีติดไม้ติดมือไว้ครับ  เผื่อเวลาไปทัวร์ญี่ปุ่นบ้าง ยุโรปบ้าง หรือแม้แต่โรงแรมในเมืองไทยอาจจะลองใช้เครื่องมือพวกนี้มาตรวจสอบดูได้ ว่าใครหว่าที่ชอบมาเคาะประตูห้องท่านอาจารย์ตอนดึกๆ  หรือท่านอาจารย์นวรัตนฯ จะใช้ลองวัดดูว่าเงาตะคุ่มๆ ที่ใกล้ๆ รั้วบ้านที่เห็นตรงหางตาบ่อยๆ ตอนดึกๆ  หนะจะใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า


อุปกรณ์แรกที่ท่านอาจารย์ควรจะมีไว้คือ  EMF Meter หรือเครื่องตรวจจับสนามแม่เหล็ก  สนนราคาก็ไม่แพง มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลายพัน ทั้งแบบมีแค่ไฟวับๆ แวมๆ จนถึงมีตัวเลขดิจิตอลบอกค่าสนามแม่เหล็ก วิธีใช้ก็ไม่ยาก ถือไปส่องๆ วัดๆ แถวๆ ที่ที่สงสัย ดูว่ามิเตอร์ขยับผิดปกติหรือเปล่า  สถานที่แรกที่อยากให้ลองวัดคือในห้องน้ำครับ  เคยได้ยินมาว่าวิญญาณร้ายมักจะชอบสิงสู่อยู่ในห้องน้ำ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 23 ส.ค. 13, 21:45
อีกอุปกรณ์ที่ท่านอาจารย์ควรจะมีไว้เวลาแว่บลงจากเรือนก็คือกล้อง Nikon รุ่นนี้ครับ Nikon Full Spectrum CoolPix Camera เป็นรุ่นดัดแปลงพิเศษถ่ายสเปคตรัมของแสงได้ พูดง่ายๆ คือถ่ายภาพออกมาเห็นเป็นสีต่างๆ กันไปตามลำดับพลังงาน  สามารถใช้พร้อมกับมิเตอร์ก่อนหน้าได้เลย  ตรงไหนมิเตอร์บอกพลังงานผิดปกติ ก็เอากล้องถ่ายต่อเลย เอารูปมาดูความผิดปกติ

หรือลองถ่ายภาพปกติ อาจจะได้เห็นมือไม่มีเจ้าของ หรือเงาลางๆ โอบหลังโอบไหล่  รวมถึงใบหน้าลึกลับด้านหลังภาพก็ได้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 22:13
เครื่องอะไรต่อมิอะไรที่บอกมาน่ะ ผมสนใจหมดเลย ไม่สนอยู่อย่างเดียวคือ ผี


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Arboramo ที่ 30 ส.ค. 13, 11:14
แต่ละเรื่องน่าสนใจมากๆครับ

ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า
ที่ญี่ปุ่น มีธรรมเนียมที่ใคร่จะผิดแผกกับบ้านเราในแง่ที่ว่าพอเข้าหน้าร้อน(ซึ่งมักจะร้อนและชื้นจนนอนไม่หลับ)
เขาจะต้องตั้งวงเล่าเรื่องผีกัน
คาดว่าหลายๆท่านอาจจะคุ้นเคยกับรูปลักษณ์หรือเรื่องผีญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่ส่วนตัวผมไม่รู้ครับ กลัวผี แหะๆ (ผีผ้าห่มไม่นับครับ)

เคยถามเพื่อนชาวญี่ปุ่น(ซึ่งเขาก็น่าจะเดาเอา)ได้ความว่า พอกลัวก็จะรู้สึกหนาวเยือกจนนอนได้นั่นเองครับ ผมได้ยินแล้วไม่ใคร่จะเชื่อเท่าไหร่ เพราะส่วยตัวถ้าได้ยินเรื่องพรรคนี้แล้วจะนอนไม่หลับเอา

เรื่องที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ ผมได้ยินจากเพื่อนชาวอเมริกันว่าในยุคต่อต้านชาวต่างชาตินั้น มีการประดิษฐ์ภูตผีใช้เป็นสัญลักษณ์แทนชาวตะวันตกด้วย แต่รายละเอียดเป็นเช่นไรนั้นผมเองก็ไม่ทราบครับ 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ส.ค. 13, 18:10
อ้างถึง
เรื่องที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ ผมได้ยินจากเพื่อนชาวอเมริกันว่าในยุคต่อต้านชาวต่างชาตินั้น มีการประดิษฐ์ภูตผีใช้เป็นสัญลักษณ์แทนชาวตะวันตกด้วย แต่รายละเอียดเป็นเช่นไรนั้นผมเองก็ไม่ทราบครับ
น่าสนใจ   กรุณาขยายความหน่อยว่าชาวอเมริกันต่อต้านชาวต่างชาติในยุคไหนสมัยไหนคะ     และต่างชาติที่ว่าคือชาติไหน  ยุโรป  เอเชีย  ตะวันออกกลาง  หรือที่ไหนกันแน่


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 18, 09:34
ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้ง  แทนที่จะตั้งกระทู้ใหม่ เพราะเจอข่าวเข้ากันได้กับกระทู้นี้พอดี

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพายุเฮอริเคนฟลอเรนซ์จะเข้าถล่มเกาะพาวลีย์ ที่รัฐเซาท์คาโรไลน่า สหรัฐอเมริกา  มีคนถ่ายวิดีโอภาพร่างโปร่งใสเป็นเงารางๆร่างหนึ่งได้
เชื่อกันว่านี่คือวิญญาณที่ชื่อว่า Grey Man  ซึ่งมักจะมาปรากฏตัวเตือนภัยชาวบ้านก่อนเกิดเหตุร้ายแรง   ตามตำนานบอกว่าเป็นเขาเป็นกลาสีหนุ่มที่เดินทางฝ่าพายุกลับมาที่เกาะเพื่อจะขอแต่งงานกับสาวคนรัก  แต่พายุพัดเขากับม้าตกไปในหล่มทรายดูด  จึงเสียชีวิตก่อนจะทันพบสาวเจ้า
จากนั้นวิญญาณก็มาปรากฏให้เห็นหลายครั้งด้วยกัน ในศตวรรษก่อน   เมื่อจะเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง

https://www.youtube.com/watch?v=QtmkPtR5GZE


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 21 ก.ย. 18, 09:54
เห็นชัดเลยครับ .... บรื๋อ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 18, 10:41
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2017   กล้องวงจรปิดของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองคอร์ก  สาธารณรัฐไอร์แลนด์ จับภาพเหตุการณ์ประหลาดกลางดึกได้  ทั้งๆไม่มีคนอยู่ในคืนนั้น ก็มีเสียงระเบิด แสงสว่าง วัตถุเคลื่อนไหวได้เอง

https://www.youtube.com/watch?v=uAA2AQYi0FY


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 18, 10:42
video ในข่าวนี้เห็นชัดกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างค่ะ

https://www.today.com/news/school-security-camera-captures-ghostly-footage-t117353


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 11:36
เมื่อคืนไปเจอหนังเก่า ปี 1881เข้าเรื่องหนึ่งโดยบังเอิญ ทาง youtube  ชื่อ Miss Morison's Ghosts 
ทำจากหนังสือชื่อเดียวกัน   
หนังสือเรื่องนี้ไม่ใช่นิยาย แต่เป็นการบันทึกเหตุการณ์ประหลาดที่ผู้เขียน (ซึ่งมีด้วยกัน 2 คน) ประสบมา ในบริเวณพระราชวังแวซาลส์ ในค.ศ. 1901  คือเมื่อต้นศตวรรษที่ 20   
จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ได้ว่ามันคืออะไร   มีแต่คำอธิบายจากการตีความในทำนองเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง  เป็นเรื่องลึกลับไร้คำอธิบายมาจนบัดนี้

ยกคลิปหนังมาให้ดูเป็นตอนๆก่อนนะคะ

https://www.youtube.com/watch?v=NCD6PU6PrSc


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 11:37
https://www.youtube.com/watch?v=2Hq0FGm8D_g


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 11:37
https://www.youtube.com/watch?v=f9ikjwDOQLc


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 12:48
เหตุการณ์ที่ว่านี้ ภายหลังได้รับการตั้งชื่อว่า The Moberly–Jourdain incident    เป็นเรื่องเล่าที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของสตรี 2 คน  ชื่อชาร์ล็อตต์  แอนน์ ม็อบเบอลี่  วัย 55 ปี  และเอลินอร์ จอร์เดน วัย 38 ปี
ทั้งชาร์ล็อตต์ ม็อบเบอลี่และเอลินอร์ จอร์เดน เป็นสตรีมีเกียรติในการประกอบอาชีพเท่าที่ผู้หญิงสมัยนั้นทำได้   คือเป็นครู     
ในค.ศ. 1901 บทบาทนอกบ้านของผู้หญิงมีจำกัดมาก   เท่าที่กุลสตรีชนชั้นกลางจะทำได้ก็คือเป็นครูนี่ละค่ะ    ทั้งสองไม่ใช่ครูเล็กๆธรรมดาเสียด้วย    ชาร์ล๊อตต์ ม็อบเบอลี่เป็นถึงอาจารย์ใหญ่วิทยาลัยสตรีในมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดชื่อเซนต์ฮิวจ์คอลเลจ     ส่วนเอลินอร์สมัครเข้ามา ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ 
ถ้าเทียบกับสมัยนี้ ป้าม็อบของเราก็เห็นจะพอเทียบได้กับศาสตราจารย์ ดร. สักท่านหนึ่ง   ส่วนน้าเอลินอร์ก็ทำนอง ผศ. หรือรศ. อะไรทำนองนั้น

ในเมื่อมาทำงานด้วยกัน   ในช่วงปี 1901  เอลินอร์ จอร์เดนมีอพาร์ตเม้นท์อยู่ในปารีส    ซึ่งเธอเช่าไว้สอนลูกศิษย์หญิงเล็กๆ   เธอก็เลยเชิญชาร์ล็อตต์มาพำนักอยู่ด้วยกันเพื่อจะได้สนิทสนมคุ้นเคยกัน
วันที่ 10 สิงหาคม 1901  ทั้งสองชวนกันไปเที่ยวพระราชวังแวซายลส์    เมื่อไปเดินชมกันสักพักหนึ่ง ทั้งสองรู้สึกตรงกันว่าตัวพระราชวังที่เป็นอาคารมหึมานั้นไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่   ก็เลยเบนเข็มไปชมบริเวณอุทยานที่น่าจะร่มรื่นสวยงามกว่า   
อุทยานของพระราชวังมีชื่อว่า เลอ กรองด์ ตริอานง  หรือตริอานงใหญ่   ในบริเวณนี้มีตำหนักขนาดกะทัดรัดสวยงามที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15  ทรงสร้างไว้เป็นบ้านพัก ชื่อว่าเลอ เปอติต์ ตริอานง หรือตำหนักตริอานงน้อย   
ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ได้พระราชทานให้เป็นที่พำนักพักผ่อนหย่อนใจของพระมเหสีโฉมงาม คือพระนางมารี อังตัวแน็ตต์     พระนางก็เล่นสนุกเป็นชาวนา สร้างบ้านนา  สร้างหมู่บ้านเล็กๆมีชาวบ้านมาอยู่อาศัยจริงๆ
ว่างๆพระนางก็มาพักผ่อน กับพระสหายและข้าราชบริพาร  รีดนมวัวในคอกที่กวาดไว้สะอาดสะอ้าน เสวยเนยที่ปั่นไว้อย่างเลิศรส  สนุกสนานไปตามประสาเด็กสาว

หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789  พระเจ้าหลุยส์และพระนางมารีถูกบั่นเศียรด้วยกีโยตีนทั้งคู่   ล่วงมาถึง 1901  พระราชวังแวซายล์กลายเป็นสถานที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม      บริเวณรอบๆทั้งตริอานงใหญ่และตริอานงน้อยก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง  ให้ประชาชนเข้าชม เข้าเดินเล่นดูโน่นดูนี่ได้ตามสบาย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 12:49
ตำหนักตริอานงน้อย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 14:15
     เมื่อชวนกันเดินไปถึงอุทยานตริอานงใหญ่ ก็พบว่ามันปิด  ประตูทางเข้าปิดใส่กุญแจ เป็นอันว่าอดเข้าไปเดินเที่ยว
แต่สตรีทั้งสองก็ไม่ย่อท้อ   เปิดหนังสือคู่มือนำเที่ยวขึ้นมาดูแผนที่ในนั้นว่า จะมีทางด้านข้างลัดเลี้ยวไปสู่ตำหนักตริอานงน้อยโดยทางอื่น  ที่ไม่ต้องผ่านอุทยานตริอานงใหญ่ได้ไหม   เมื่อพบว่ามี  ก็เดินไปตามทางนั้น
     แต่แทนที่จะเดินไปตามทางสายใหญ่ที่ชื่อว่า "อัลเลเดเดอซ์ ตริอานง" หรือ"ทางสายสองตริอานง" ซึ่งเป็นทางผ่านทั้งตริอานงใหญ่และตริอานงน้อย  ทั้งคู่กลับเดินเลี้ยวผิดไปตามทางสายเล็กๆ สายหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านตำหนักตริอานงน้อย
      แต่จุดเริ่มต้นตรงนี้ยังไม่เท่าไหร่      ต่อไปนี่สิน่าฉงนสน้ท่ห์กว่า
      สภาพในทางแคบๆเส้นนั้นเปลี่ยนไปจากสภาพภายนอกที่เธอทั้งสองเพิ่งเดินจากมามาก   ทั้งสองเดินผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านแบบชนบทอยู่ไม่กี่หลัง   อย่างแรกคือม็อบเบอลี่เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่าง สะบัดผ้าสีขาวเหมือนจะตาก หรือสะบัดให้แห้งอย่างใดอย่างหนึ่ง      ส่วนจอร์เดนสังเกตเห็นว่ามีโรงนาเก่าๆทิ้งร้างอยู่ข้างทาง  และมีคันไถเก่าๆวางอยู่หน้าโรงนาด้วย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 16:53
   ฉับพลัน สตรีทั้งสองรู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายที่ร่มรื่นอยู่เมื่อตอนเดินมา กลับกลายเป็นความหดหู่เศร้าหมอง  ก่อความกดดันอารมณ์อย่างหนัก โดยปราศจากสาเหตุ  
   เธอได้ยินเสียงดนตรีแว่วมาตามลม เป็นท่วงทำนองเพลงเก่าแก่โบราณ ไม่เหมือนเพลงที่บรรเลงกันอยู่ในสมัยนั้น

   จู่ๆทั้งสองก็เห็นชายปรากฏตัวขึ้น ไม่ทันเห็นว่ามาจากทางไหน  ทีแรกเข้าใจว่าเป็นคนสวนของแวซายลส์  แต่เมื่อจอร์เดนมาทบทวนทีหลัง  เธอพบว่าเขาแต่งกายเหมือนข้าราชสำนักโบราณ  คือสวมเสื้อโค้ตยาวสีเขียวอมเทา และสวมหมวกที่มีมุมแหลมสามมุมแบบโบราณ    เธอถามเส้นทางไปตำหนักตริอานง   เขาก็ตอบว่าให้เดินตรงไปเรื่อยๆแล้วจะเจอเอง

   เมื่อเดินต่อไปตามทางเส้นแคบๆ   จอร์เดนมองเห็นกระท่อมเก่าแก่หลังหนึ่ง มีผู้หญิงและเด็กหญิงอีกคนยืนอยู่หน้าประตู     ผู้หญิงถือเหยือกในท่าส่งให้เด็กหญิง และเด็กก็ยื่นมือออกมารับเหยือก    มีอะไรที่ดูผิดธรรมชาติในท่าทางของคนทั้งสองเท่าที่จอร์เดนสัมผัสได้   คือทั้งสองอยู่ในท่าแข็งทื่อไม่เคลื่อนไหว  เหมือนกำลังเล่น "ตาโบลว์ วิวังต์" (คือคนที่แสดงท่านิ่งเหมือนหุ่น อยู่บนเวที )   หรือไม่ก็เป็นหุ่นขึ้ผึ้งของมาดามทุซโซด์มากกว่าคนจริงๆ
   แปลกที่จอร์เดนเห็นคนเดียว  ส่วนม็อบเบอลี่ไม่เห็น   เธอคนหลังสัมผัสได้แต่ความแปลกเปลี่ยนในบรรยากาศ   เธอบันทึกไว้ทีหลังว่า
    "จู่ๆทุกอย่างก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ   จึงมองแล้วไม่สบายตาเอาเลย  แม้แต่ต้นไม้ก็กลายเป็นภาพแบนราบ ไร้ชีวิต เหมือนภาพต้นไม้ที่เขาทอไว้ในผืนพรม   ไม่มีแสง ไม่มีเงา   ไม่มีแม้แต่สายลมพัดผ่านให้ใบไม้กระดิก"


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 16:59
     วิหารนี้จริงๆแล้วไม่ใช่วิหาร แต่เป็นศาลาในสวนรูปร่างคล้ายวิหารกรีก   พระนางมารีอังตัวแน็ตต์ทรงให้สร้างขึ้นประดับสวนด้านหลังตำหนัก ในปี 1778  ภายหลังเป็นจุดท่องเที่ยวที่เด่นจุดหนึ่งในบริเวณพระราชวังแวซายลส์  นักท่องเที่ยวชอบมาเยือนที่นี่เสมอ   แต่เมื่อสตรีทั้งสองเดินไปถึง  ไม่มีผู้คนให้เห็นเลย เว้นแต่ชายผู้หนึ่งนั่งซึมเซาอยู่ในศาลาครึ่งวงกลมเล็กๆใกล้วิหาร
    ม็อบเบอลีเหลือบเห็นชายผู้นั้นเข้า  พอดีกับเขาเงยหน้าขึ้น  ประสานสายตากันพอดี   แต่สายตาเขาเลื่อนลอย คล้ายกับไม่เห็นเธอ   เธอบรรยายลักษณะเขาไว้ว่า เขาสวมเสื้อคลุมแบบโบราณและหมวกปีกกว้าง  ผิวคล้ำ หยาบ   หนังหน้าขรุขระจากแผลเป็นของฝีดาษ
  ท่าทางชายผู้นี้ดูแปลกๆ พิกลเหมือนคนสติไม่ดี   จนม็อบเบอลีรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก    เธอบันทึกไว้ทีหลังว่า สีหน้าแววตาของเขาน่าเกลียดน่ากลัว   จนเธอนึกขยะแขยงไม่อยากเข้าใกล้      
  ยังไม่ทันที่จะเกิดอะไรขึ้น ก็พอดีมีชายอีกคนหนึ่งที่ดูกระฉับกระเฉงกว่าเดินมาถึง    ม็อบเบอลี่บรรยายลักษณะเขาว่าเป็นชายร่างสูง  ตาดำคม ผมดำหยิกเป็นคลื่นอยู่ใต้หมวกปีกกว้าง    เมื่อถามถึงทางไปตำหนักตริอานง  เขาก็ชี้ทางให้อย่างใจดี

ภาพข้างล่างนี้คือวิหารแห่งความรัก ภาพซ้าย ปัจจุบัน  ภาพขวาถ่ายหลังเหตุการณ์ราวๆ 20 ปี  วิหารที่สตรีทั้งสองเดินไปเจอคงมีบรรยากาศแบบทางขวา


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 21:18
     หลังจากเดินข้ามสะพานไปตามทางที่ฝ่ายนั้นชี้  ในที่สุดสตรีทั้งสองก็มาถึงตำหนักตริอานง     ที่นี่เอง  เธอได้เห็นสตรีสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตำหนัก กำลังวาดรูปอยู่     ม็อบเบอลี่ให้รายละเอียดว่า เป็นหญิงสาวสวมชุดผ้าบางๆแบบเสื้อกระโปรงฤดูร้อน  สวมหมวกปีกกว้างสีขาวครอบอยู่บนผมสีทองดกหนา    ในตอนแรกเธอคิดว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวคนใดคนหนึ่ง    แต่ก็แปลกใจว่าหล่อนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคนละยุคคนละสมัย เหมือนอยู่ในเครื่องแต่งกายละครหรืองานคอสตูมมากกว่า 
     เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปใกล้  สตรีผู้นั้นก็เหลียวมามอง   ม็อบเบอลีเห็นว่าหล่อนเป็นคนสวย  แต่ดูเป็นสาวใหญ่แล้ว  ผมหยิกสีทองดกหนาม้วนอยู่เหนือหน้าผาก ใต้หมวกปีกกว้าง  ท่อนบนของเสื้อขลิบด้วยสีเขียวแกมทอง ตามแฟชั่นสมัยศตวรรษที่ 18   เมื่อทั้งสองเดินอ้อมไปทางด้านตรงข้าม   ม็อบเบอลี่เหลียวมองอีกครั้งก็สังเกตว่าหล่อนมีผ้าคลุมไหล่สีเขียวอ่อน
   อย่างไรก็ตาม คนที่เห็นหญิงสาวคนนั้นคือม็อบเบอลีคนเดียว  ส่วนจอร์เดนไม่ยักเห็น     


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 21:26
    ในที่สุด สตรีทั้งสองก็เดินออกมาพ้นตำหนักตริอานง  พบนักท่องเที่ยวอื่นๆเดินกันอยู่ตามปกติ   เป็นอันจบเส้นทางที่เดินหลงทางไป
     เมื่อกลับมาถึงที่พัก ต่างคนต่างเก็บซ่อนความรู้สึกพิกลตะหงิดๆกับสิ่งที่พบเห็นไว้ในใจ ไม่ได้เอ่ยปากกับอีกคน จนกระทั่งกลับมาถึงที่พักในอังกฤษในหนึ่งสัปดาห์ต่อมา  ถึงอดรนทนไม่ได้  เอ่ยขึ้นมา 
     ทั้งสองเล่าสู่กันฟังถึงความรู้สึกของตน  ก็พบว่ารู้สึกตรงกันว่าเรื่องเดินหลงทางไปนั้น จะว่าไปมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ว่าอีกที  มันก็ไม่ธรรมดาอยู่ดี
   ถ้าเป็นยุคนี้ เป็นเราๆสงสัยอะไรก็คงจะพูดออกไป  ไม่เห็นจะต้องหุบปากเอาไว้  แต่ในสังคมสมัย 1901 ความเชื่อแนวอนุรักษ์นิยมยังครอบงำอังกฤษอยู่มาก     อะไรที่แปลกประหลาดหาเหตุผลไม่ได้มักจะถูกดูแคลนโดยนักวิชาการ
     สตรีผู้มีเกียรติว่าเป็นปัญญาชนชั้นนำอย่างเธอทั้งสองจะพูดอะไรโดยไม่มีหลักการเหตุผลรองรับ ก็มีแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียง   สำคัญที่สุด  เสียถึงอาชีพการงานด้วย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 18, 21:29
     เมื่อม็อบเบอลีและจอร์เดนยอมเปิดปากเล่าสู่กันฟังถึงเหตุการณ์แปลกๆนั้น  ต่างคนต่างก็ตกลงกันว่าจะแยกกันเขียนบันทึกจากสิ่งที่พบเห็นลงไปในสมุดบันทึกของแต่ละคน  แล้วค่อยเอามาเปรียบเทียบกัน     
      ผลก็คือ เธอทั้งสองพบว่าเหตุการณ์บางอย่าง ต่างคนต่างเห็น ตรงกัน  แต่ก็มีบุคคล หรือเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่คนหนึ่งเห็น แต่อีกคนไม่เห็น  แต่สรุปแล้ว  ทั้งสองยิ่งรู้สึกตรงกันว่ามันเป็นเหตุการณ์ประหลาดจริงๆเกินกว่าจะทำใจได้ว่า คิดไปเอง ไม่มีอะไร  ก็เลยเกิดฝังใจกับปริศนาเหตุการณ์นี้จนสลัดไม่หลุด
      หนึ่งปีต่อมา ทั้งสองหาโอกาสไปฝรั่งเศสและกลับไปเยี่ยมพระราชวังแวซายลส์อีก       เดินหาเส้นทางนอกอุทยานตริอานงใหญ่ที่เคยเดินหลงไป   ทั้งสองพบว่า หลายจุดที่เธอเคยเดินผ่านกลับหายไปไม่มีร่องรอย  เช่นสะพานที่เดินข้าม   ศาลาที่ชายหน้าตาน่ากลัวนั่งอยู่ที่วิหารแห่งความรักก็ไม่มี   นอกจากนี้บรรยากาศก็ไม่ได้เปลี่ยวๆ แปลกๆ อย่างที่เคยเจอแม้แต่น้อย      ทุกหนทุกแห่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 25 ก.ย. 18, 10:10
Time Slip หรือครับ
สถานที่เดิม ต่างห้วงเวลา


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 18, 16:00
อยากตอบคำถามคุณ Naris มาก แต่ต้องอดใจไว้ก่อน   ไม่งั้นเรื่องจะจบเร็วเกินไปค่ะ

   ในเมื่อหาเส้นทางเดิมไม่เจอจนแล้วจนรอด       สตรีทั้งสองก็เริ่มค้นคว้าจากหนังสือหนังหาต่างๆเพื่อหาข้อมูลที่พอจะเป็นคำตอบให้เธอได้    อย่างน้อยก็พยายามหาว่าผู้คนต่างๆที่ไปเจอนั้นน่าจะเป็นใคร      ในเมื่อทั้งสองเป็นคนมีการศึกษาดี การค้นคว้าหาคำตอบจากหนังสือจึงไม่ใช่เรื่องยาก
    อย่างน้อย   เริ่มจากจุดเริ่มต้นคือเสื้อผ้าของบุคคลเหล่านั้น ที่เป็นแฟชั่นถอยหลังไปในอดีต    ทั้งสองพบว่าเป็นเสื้อผ้าสมัยปลายศตวรรษที่ 18  จากนั้นก็เริ่มหารูปบุคคลมีชื่อเสียงต่างๆที่มีชีวิตอยู่ในฝรั่งเศสสมัยนั้น      ม็อบเบอลีพบว่า สตรีสาวผู้นั่งวาดรูปอยู่หน้าตำหนักตริอานงน้อย ช่างเหมือนพระราชินีฝรั่งเศส มารี อังตัวแน็ตต์เสียจนน่าตกใจ  
    รูปที่เธอชี้ว่าเหมือนสตรีที่เธอเห็นมาก ก็คือรูปข้างล่างนี้      เป็นรูปที่ถือกันว่าเหมือนมารี อังตัวแน็ตต์มากที่สุดรูปหนึ่ง

   นอกจากนี้  ในปี 1908 เมื่อทั้งสองค้นคว้าหาข้อมูลอยู่   ก็ได้พบบันทึกของมาดามอีลอฟ ช่างตัดฉลองพระองค์ของพระนางมารี อังตัวแน็ตต์   อีลอฟบันทึกไว้ว่าในปี 1789 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่พระนางนั่งอยู่บนบัลลังก์ก่อนปฏิวัติฝรั่งเศส   พระนางโปรดให้ตัดฉลองพระองค์สองสามชุด  ในจำนวนนั้นมีเสื้อแพรสีเขียว  พร้อมด้วยระบายคลุมเสื้อท่อนบนที่เรียกว่า "ฟิจู" และกระโปรงสีเหลืองอ่อน     ตรงกับเสื้อผ้าสตรีที่ม็อบเบอลีเห็น ตรงเป๊ะ
 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 18, 16:14
   ส่วนชายหน้าตาน่ากลัวที่ทั้งสองเห็นนั่งอยู่ในศาลาใกล้วิหารแห่งความรัก    หน้าตาเขาไปเหมือนอย่างมาก กับข้าราชสำนักสำคัญคนหนึ่งในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ชื่อ Comte de Vaudreuil   หรือเคานต์แห่งวูดเดรยล์     เขาผู้นี้เป็นข้าราชบริพารคนสนิทคนหนึ่งของพระนางมารี อังตัวแน็ตต์ 
   ต่างกันแต่ว่าในภาพวาดต่างๆนั้นท่านเคานต์มีผิวขาวแบบฝรั่ง หน้าตาหล่อทีเดียว  แต่ม็อบเบอลียืนยันว่าชายที่เห็นผิวคล้ำจัด  และผิวหน้าขรุขระด้วยฝีดาษ     
   เป็นได้ว่า รูปวาดอาจถูกวาดให้หล่อหรือสวยกว่าตัวจริง

   


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 18, 16:14
ทั้งสองเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ถึง 10 ปี  จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่า ไม่ควรจะปล่อยให้มันสูญหายไปเฉยๆ   จึงได้เรียบเรียงขึ้นมาเป็นหนังสือเล่มเล็กๆเล่มหนึ่งชื่อว่า An Adventure   เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด    แต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามจริง     เพราะตอนนั้น เอลินอร์ จอร์เดนเลื่อนขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่แทนม็อบเบอลี่ที่เกษียณไปแล้ว    
   ด้วยตำแหน่งการงานที่น่านับถือ    เธอทั้งสองก็ไม่อาจเสี่ยงที่จะให้มหาชนมาตั้งคำถามร้อยแปด  หรือถึงขั้นเยาะเย้ยถากถาง กล่าวหานานาประการให้เสียหายไปเปล่าๆปลี้ๆ
   ทั้งสองจึงใช้นามแฝงว่า Elizabeth Morison  และ Frances Lamont


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 18, 18:53
  เรื่องนี้พอตีพิมพ์ออกไป ก็กลายเป็นเรื่องฮือฮากันมากมายในวงการหนังสือ    คนที่เชื่อเรื่องนี้ก็เชื่อว่า สตรีทั้งสองได้หลุดเข้าไปในอีกมิติเวลา (อย่างที่คุณ Naris เรียกว่า time slip)  จริงๆ   คือไปเห็นเหตุการณ์สมัยปลายศตวรรษที่ 18  ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16   ได้พบพระนางมารี อังตัวแน็ตต์จริงๆ     แม้เพียงไม่กี่นาทีก็ตาม 
  บางคนก็เชื่อว่า ไม่ใช่มิติเวลาอะไรหรอก     เธอทั้งสองไปเจอวิญญาณหลอนในตำหนักตริอานงเข้าให้น่ะ     บรรดาผู้ที่เธอเจอ ล้วนเป็นวิญญาณของผู้ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน  แล้วยังสิงสู่อยู่ไม่ไปไหน   
  บางคนก็ลังเลไม่รู้จะฟันธงลงไปว่าเป็นอะไรกันแน่     แต่เมื่อดูจากองค์ประกอบและภูมิหลังของสตรีทั้งสอง ก็มองไม่เห็นแรงจูงใจที่ทั้งคู่จะปั้นเรื่องโกหกขึ้นมา  เพราะมันมีแต่เสียหายมากกว่าได้ดี   ดูจากวิธีเล่าเรื่องและการพยายามหาคำอธิบายก็เห็นว่าเธอทั้งสองจริงจังและจริงใจกับเรื่องนี้     จึงสรุปว่า ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม  สตรีทั้งสองได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่มีใครเขาเจอกันนั่นเอง
  นี่คือฝ่ายเชื่อนะคะ    แต่ฝ่ายไม่เชื่อก็ถล่มซะไม่ปรานี  สมดังที่คุณป้าและคุณน้าคู่นี้กลัวเอาไว้ล่วงหน้า    นับว่าเธอทำนายชะตากรรมได้แม่นมาก       


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 18, 11:38
  ฝ่ายที่ไม่เชื่อ  ก็เห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้หลักฐานพิสูจน์   มีเพียงคำบอกเล่าของผู้หญิง 2 คน  แถมยังให้การไม่ตรงกันเสียอีก    หลายอย่างที่คนหนึ่งเห็นแต่อีกคนกลับไม่เห็น   เป็นไปได้ไง เดินมาด้วยกันแท้ๆ
 The Society of Psychical Research (สมาคมค้นคว้าวิจัยทางจิตวิญญาณ)ตั้งข้อสังเกตว่าคำบอกเล่าของทั้งสองมีช่องโหว่อยู่หลายช่อง เช่นพูดถึงสะพานแถวตริอานง   จากแผนที่ที่หากันมาปรากฏว่าไม่มีสะพานอยู่ตรงไหนแถวนั้นเลย     ก็เลยสงสัยว่าสิ่งที่เห็นอาจเป็นภาพหลอนประเภทคิดไปเอง แบบภาพหลอนในทะเลทราย หรือไม่สองคนนี่ก็กุเรื่องขึ้นมาเอง
  สรุปแล้วนักวิชาการร่วมสมัยทั้งหลายต่างก็หันหน้าไปทางเดียวกัน คือ...ไม่เชื่อถือ
 
  มีคนพยายามหักล้างเรื่องนี้อย่างเป็นเรื่องจริงจังอีกเหมือนกัน      คำอธิบายที่มีน้ำหนักที่สุดมาจากการค้นคว้าของนักเขียนชื่อ ฟิลิปป์ จูเลียน (ภาพประกอบข้างล่างนี้ค่ะ) ซึ่งชี้ลงไปว่า  สตรีทั้งสองไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัว  ไม่ได้เห็นภาพหลอน   สิ่งที่เธอเห็นนั้นเห็นจริง  แต่มันไม่ใช่เรื่องหลงมิติเวลาหรือเห็นผีสางนางไม้อะไรทั้งนั้น
  จูเลียนเชื่อว่าทั้งสองเดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังจัดงานปาร์ตี้คอสตูมกันอยู่ในบริเวณสวนของแวซายลส์พอดี    เป็นงานที่จัดโดยศิลปินและหนุ่มไฮโซคนดังของปารีส ชื่อโรแบต์ เดอ มองเตสกิอู  ซึ่งมีนิวาสสถานอยู่ติดพระราชวังแวซายลส์นั่นเอง
   นายคนนี้ผูกมิตรกับผู้ดูแลบริเวณพระราชวัง สนิทสนมกันดีจนได้อภิสิทธิ์มีกุญแจประตู ไขเข้ามาเที่ยวเล่นหรือจัดปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงได้บ่อยๆ บริเวณหมู่บ้านหลังตริอานง  ในช่วงเวลาที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเห็น      เผอิญช่วงเวลานั้น  คุณป้าคุณน้าสองคนนี้พลัดหลงเส้นทางเดินผ่านมาพอดี      ก็เลยเจอคนแต่งกายแบบโบราณเข้าทั้งกลุ่ม
 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 18, 11:58
  มองเตสกิอูซึ่งมียศเป็นเคานต์ มีเหตุผลที่จะจัดงานปาร์ตี้คอสตูมในบริเวณตริอานง  แทนที่จะไปจัดในคฤหาสน์ตัวเองหรือโรงแรมหรูๆ    กล่าวคือนายคนนี้เป็นเกย์  เพื่อนฝูงในแวดวงก็พวกเดียวกันทั้งนั้น    สมัยนั้น ใครเป็นเกย์จะต้องแอบจิตสถานเดียว     เพราะผิดทั้งทางโลกและทางธรรม    ถ้าถูกจับได้อาจเข้าคุกได้ง่ายๆ
  ดังนั้น  เมื่อพวกนี้อยากเริงร่าฮาเฮประสาขาเกย์ด้วยกัน  ทางออกคือจัดคอสตูมปาร์ตี้ เพื่อจะแต่งหญิงได้ตามใจชอบ     ถ้าไปจัดในสถานที่เปิดเผยก็อันตราย   แอบมาจัดแถวๆตริอานงนี่แหละไกลหูไกลตาคน  เพราะประตูทางเข้าก็ใส่กุญแจห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่แล้ว
  บังเอิญคุณป้าคุณน้าสองคนนี่หัวดื้อ หาทางลัดเลาะเข้ามาจนได้   นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายในชุดดำที่นั่งอยู่ที่ศาลา จึงมีท่าทีบึ้งตึงไม่พอใจ      จูเลียนสันนิษฐานว่าชายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวที่คุณป้าเห็นอาจเป็นตัวมองเตสฯ เองก็เป็นได้
  ส่วนมารี อังตัวแน็ตต์นั้นก็อาจจะเป็นเพื่อนสตรีที่รวมกลุ่มอยู่ในแวดวงเกย์ของนายคนนี้  หรือไม่ ก็เป็นชายแต่งหญิงแบบเดียวกับนางโชว์ของเรา      คอสตูมปาร์ตี้ที่จัดกันในสมัยนั้นนิยมย้อนยุคไปในสมัยฝรั่งเศสศตวรรษที่ 17-18 กันอยู่แล้ว   เพราะมันหรูหราอลังการ มีวิกผมยาวสลวยถูกอกถูกใจพวกนี้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 26 ก.ย. 18, 13:39
หง่า... กลายเป็นการหลงเข้าไปในงานคอสเพลย์ไปซะอย่างนั้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 18, 18:17
   คำอธิบายว่าคุณป้าคุณน้าเจอคอสเพลย์  นับว่าสั่นประสาทคนที่เชื่อเรื่องหลุดมิติเวลามากพอแล้ว   ก็ยังมีที่แย่กว่านี้คือนักวิชาการบางคนตีความพิสดารไปมากกว่านั้น   เช่น  Terry Castle เชื่อว่าเป็นอาการทางจิตที่เกิดพ้องกันระหว่างคนสองคนที่มีความสัมพันธ์กันแนบแน่น มีศัพท์เรียกอาการนี้ว่า Folie à deux (คุณหมอ SILA คงอธิบายได้ดีกว่าดิฉัน)
   เจ้าโฟลีอาเดอซ์นี้ทำไมมาเกิดกับคุณป้าคุณน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกันล่ะ   อ๋อ คำตอบคือสองคนนี่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาๆ  แต่ว่าเป็นเลสเบี้ยนกันน่ะซิ     มันถึงเกิดอาการเห็นภาพหลอนคล้อยตามกันไปทั้งคู่ไง
   สาเหตุที่เทรี่ คาสเซิลระบุออกมาเต็มปากว่าทั้งคู่เป็นเลสเบี้ยน  เพราะตามประวัติ   จอร์เดนได้รับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ต่อจากม็อบเบอลี่เมื่อคุณป้าม็อบเกษียณแล้ว     ระหว่างดำรงตำแหน่ง มีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นในสถาบันว่าเธอมีความสัมพันธ์ทางเพศกับลูกศิษย์สาวๆ     พอเกิดเรื่องเอะอะกันขึ้นมา จอร์เดนก็เสียชีวิตกะทันหัน       ในวิกิไม่ได้บอกว่าเธอตายเพราะอะไร บอกแต่ว่าปุบปับตาย    แต่ดิฉันไปค้นในเว็บอื่นๆอีกหลายเว็บ  มีเว็บหนึ่งบอกว่า่เธอฆ่าตัวตาย
   ในเมื่อสืบประวัติของจอร์เดนมาได้แบบนี้     คาสเซิลไปหารายละเอียดอะไรมาได้มากกว่านี้หรือแค่สรุปเอาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ฟันธงออกมาว่า ป้าม็อบและน้าจอร์เป็นคู่เลสกัน   (ทั้งๆป้าแกปาเข้าไป 55 แล้วตอนไปเที่ยวแวซายลส์) ในเมื่อสัมพันธ์กันแนบแน่นขนาดนี้   ก็เป็นได้ว่าคนหนึ่งเห็นภาพหลอนอะไร อีกคนก็พลอยเอออวยเห็นไปด้วยเป็นตุเป็นตะ  แบบชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้
   นับว่าเป็นความซวยของป้าและน้าแกแท้ๆ    ถ้าไม่เขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาก็ไม่ต้องนอนสะดุ้งอยู่ในหลุม


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 18, 20:21
  บรรดาแฟนมิติหลงเวลาอย่าเพิ่งผิดหวัง    ฝรั่งเขาไม่เชื่ออะไรกันง่ายๆ   ต้องหาหลักฐานมายืนยันกันให้จะจะถึงจะเชื่อ
  ดังนั้คำอธิบายของจูเลียนจึงถูกตรวจสอบ   โดยเล็งไปที่ประวัติของกองต์เดอมองเตสกิอู ว่าช่วงนั้นเขาไปทำอะไรอยู่ที่ไหน   แอบมาจัดปาร์ตี้คอสตูมจริงหรือไม่ 
 ผลก็คือในปี 1901 อันเป็นปีเกิดเรื่องประหลาดนี้  ตัวมองเตสฯ ไม่ได้อยู่ที่บ้านพักใกล้พระราชวังแวซายลส์   เขาย้ายไปอยู่ที่ Rue de l’Université   ในกรุงปารีสนานหลายปีแล้ว  อย่างน้อยก็ตั้งแต่ปี 1896 หรือก่อนหน้านั้น
 จึงไม่มีโอกาสจะมาจัดปาร์ตี้ที่อุทยานตริอานงอีก
  นอกจากนี้ในบันทึกและหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว  ก็บอกให้รู้ว่า ในเดือนสิงหาคม 1901  เขาไม่ได้อยู่ทั้งในแวซายลส์และในปารีส 

  อย่างไรก็ตาม     ลิขสิทธิ์ของหนังสือ An Adventure ตกอยู่ในมือของนักวิชาการประวัติศาสตร์ชื่อ Dame Joan Evans   เธอได้ระงับการพิมพ์จำหน่ายไว้เพียงแค่นั้น    และประกาศว่าคำอธิบายของจูเลียนถือว่าเป็นที่สุดของเรื่องนี้
  อย่างไรก็ตาม เมื่อหนังสือเล่มนี้ปลอดลิขสิทธิ์ในปี 1988  ก็มีผู้พิมพ์ออกมาอีกในปี 2008   ส่วนคำตอบของเรื่อง ก็ยังไม่มีผู้ใดตัดสินลงไปได้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร

จบค่ะ

 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 18, 11:08
ถ้าไม่มีใครออกความเห็นเรื่องนี้  ขอผ่านไปสู่เรื่องต่อไป
เรื่องนี้อ่านมาจากหนังสือพิมพ์ไม่กี่วันนี้เอง

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000095908
หนุ่มเตือนผู้ปกครองอย่าละสายตาจากบุตรหลาน หลังเจอประสบการณ์ขนหัวลุก

หนุ่มโพสต์เหตุการณ์สุดหลอน หลังพบเด็กหญิงนักท่องเที่ยวเล่นเพียงลำพัง โดยบอกกำลังรอแม่ ด้านผู้โพสต์บอกแม่เดินไปก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนจะส่งเด็กคืนผู้ปกครองอย่างปลอดภัย วอนดูแลลูกหลานอย่างดี

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “บังรอฮีม ลูกชิ้นปิ้ง” ได้โพสต์เล่าประสบการณ์สุดแปลก โดยเหตุเกิดภายในน้ำตกบางแป ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต หลังพบเด็กน้อยชาวต่างชาติเล่นอยู่คนเดียวใกล้กับโขดหิน จึงสงสัยว่าทำไมผู้ปกครองจึงไม่พากลับไปด้วย เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวใกล้จะค่ำแล้ว โดยระหว่างทางได้พูดคุยกับเด็กน้อยชาวต่างชาติ จึงทำให้ได้พบกับเรื่องราวขนหัวลุก ก่อนที่สุดท้ายจะสามารถพาเด็กน้อยส่งถึงมือแม่ได้อย่างปลอดภัย โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“มีเรื่องสงสัย ?? เมื่อกี้ตอนเล่นน้ำตกเสร็จจะกลับ ก็เดินขึ้นมาจากน้ำ มันจะมีฝรั่งสาวสวย 2 คน กำลังใส่เสื้อเดินกลับ และมีลูกสาวมาด้วยทั้ง 2 คน เราก็มองไปไกลๆ เห็นเขาเดินกลับไป เราก็เดินกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย จังหวะจะเดินออกมาผมก็เหลือบไปเจอเด็กสาวฝรั่งคนนึง ยืนเล่นน้ำใต้โขดหินมืดๆ พร้อมเสียงน้ำที่เด็กตะหวัดเบาๆ ผมก็ตกใจว่า..เอ๊ะ ทำไมแม่เขาไม่พาไปด้วย ทิ้งลูกเฉยเลย งงอยู่พักนึง ผมก็เรียกน้องเขาให้เดินขึ้นมาจากน้ำ บอกว่า “ให้เดินตามมา แม่หนูเดินกลับไปตั้งนานแล้ว (พูดอังกฤษ)” น้องเขาก็หันมาทำหน้าเฉยๆ แล้วชี้ไปที่ขั้นบันได บอกว่าแม่เดินขึ้นบันไดเข้าป่าไป.. (ผมตอนนั้น ทั้งงง ทั้งขนลุก ตกใจ) เพราะผมเห็นแม่เขาเดินกลับไปด้านล่าง



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 18, 11:10
ผมเลยตัดสินใจชวนน้องเขาขึ้นมาให้เดินลงไปกับผม เพราะมันมืดแล้ว อีก 10 นาที ก็จะมองทางไม่เห็น “ลองคิดดูว่าเด็กตัวเล็กๆ อยู่ในป่าลึกมากๆ ตอนค่ำมืดจะเป็นอย่างไร”
น้องเขาก็เดินขึ้นมาแต่ตอนที่เดินตามผมมา เขาก็หันกลับไปมองข้างหลังตลอด เหมือนว่าเขากำลังรอแม่เขา เราก็รีบเดิน ปากก็ตะโกนเรียก Hey you!! สุดเสียงตลอดทาง เดินเกือบ 10 นาที ก็จะตามทัน แล้วผมก็บอกว่านี่ลูกสาวคุณ แหม่มสาวตกใจ อุทานออกมา ลูกสาวเขาก็วิ่งไปหา เขาคุยอะไรกันไม่รู้ ผมก็เดินไปถามอีกทีว่า (พูดอังกฤษ) “คุณลืมลูกสาวไว้คนเดียวตรงปลายน้ำตก ผมเรียกเขาให้เดินตามหาคุณมาตลอดทาง”
 แต่พอแหม่มสาวตอบกลับมา ยิ่งทำให้ผมงงงวยเข้าไปอีก แหม่มสาวตอบมาว่า “ตอนที่เขาเดินมา เขาก็จูงมือลูกสาวเดินตามมาด้วย แต่ถามอะไรก็ไม่ตอบ จนเขาปล่อยมือ และเดินคุยกับเพื่อนมาแบบไม่สนใจ ไม่ได้ยินเสียงผมเรียกด้วย ขอบคุณมากที่พามาส่งให้”
ผมฟังแบบนี้ ผมเลยคิดว่าไม่ใช่ละ แหม่มสาวคิดว่าลูกสาวเขาหยุดเดิน จนผมไปพบแล้วพามาส่ง แต่จริงๆ คือ ผมพาลูกสาวเขามาจากจุดที่เขาเล่นน้ำปลายน้ำตกเลย แต่ลูกสาวเขาบอกว่าแม่เดินขึ้นบันได เข้าป่าไป!!! ผมยังงงจนถึงตอนนี้ ... ในคลิป ก็จะเห็นว่าเขาหันมองข้างหลัง อย่างที่เขาคิดว่าแม่เขาอยู่ในป่า ... ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังงง”

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวสุดหลอนนี้ได้ถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลแล้วกว่า 8,600 ครั้ง ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า “ญิณ” ซึ่งผู้โพสต์ได้อธิบายถึงคำว่า “ญิณ” ไว้ว่า มันคือ ความเชื่อเรื่องวิญญาณ ในแบบอิสลาม เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นก่อนมนุษย์ มีทั้งดี และ ร้าย สามารถทำอะไรได้หลายแบบ อยู่ในรูปลักษณ์ใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบสัตว์ เป็นสิ่งลี้ลับที่มีอยู่ทุกแห่ง ตามดำรัสในอัลกุรอาน ส่วนใหญ่จะอยู่ในป่า ในเขา ต้นไม้ใหญ่ ป่าทึบๆ ญิน ก็จะมีหน้าที่ในแบบของเขา เช่น การมาเข้าฝันให้ไปเจอศพ ที่ถูกฆ่าห่างจากการค้นหา เป็นต้น หรือเป็นไปในทางร้าย คือ การล่อลวงคนล่อลวงเด็กให้ตกอยู่ในอันตราย เป็นต้น อันนี้อธิบายแบบคร่าวๆ ครับ ก่อนจะฝากเตือนถึงบรรดาผู้ปกครองควรจะดูแลและใส่ใจกับบุตรหลานของตนเองมากยิ่งขึ้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 18, 10:38
Time Slip หรือครับ
สถานที่เดิม ต่างห้วงเวลา
คุณ Naris เอ่ยขึ้นมาถึง Time Slip ทำให้นึกได้ว่ากรณีลึกลับในเรื่องนี้ก็มีบันทึกเอาไว้มิใช่น้อย    บางเรื่องอาจกุขึ้นมา  พวกนี้ต้องผ่านไปก่อน    แต่บางเรื่องเกิดกับบุคคลที่น่าเชื่อถือ ที่ไม่มีเหตุผลว่าเขาโกหกขึ้นมาทำไม   แต่จะเชื่อก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้    เรื่องประเภทนี้ก็มีอยู่มากเหมือนกัน

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า Time slip คืออะไร
คำนี้หมายถึงการหลุดเข้าไปในอีกกาลเวลาหนึ่ง  จะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ได้  ส่วนใหญ่จะหลุดเข้าไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว  เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ   ยังไม่ทันจะหาคำตอบได้ก็หลุดกลับมาสู่เวลาปัจจุบันอีกครั้ง


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 18, 15:37
 เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อค.ศ. 1935 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2   นายทหารอากาศชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อโรเบิร์ต วิคเตอร์ ก๊อดดาร์ด มีภารกิจจะต้องบินไปที่เอดินเบอระ  สก๊อตแลนด์     เส้นทางบินต้องผ่านสนามบินทหารเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า Drem Airfield   เมื่อไปใกล้สนามบินก็พบว่าเป็นสนามบินร้าง   อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก  อาคารต่างๆอยู่ในสภาพเหมือนปิดร้างมาหลายปี  รันเวย์ก็มีหญ้าขึ้นรกไปหมด   เมื่อบินใกล้เข้าไปเขายังเห็นฝูงแกะกระจัดกระจายอยู่บนเส้นทางใหญ่    ก๊อดดาร์ดไม่ได้แวะ แต่บินต่อไปถึงเอดินเบอระ
  เขาไปถึงเอดินเบอระ   ทำธุระที่นั่นเสร็จแล้วก็บินกลับฐานที่อันโดเวอร์    แต่เคราะห์ร้ายไปเจอพายุฝนหนัก  ทัศนวิสัยก็เลวร้ายมาก    เครื่องบินจำต้องบินฝ่าเมฆก้อนหนาทึบ มองไม่เห็นทิศทางอยู่พักใหญ่  มีช่วงหนึ่งเครื่องเสียหลักเกือบร่วงถึงพื้นดิน
   จู่ๆเขาก็พ้นเมฆฝนมาได้ปุบปับแทบไม่รู้ตัว   กลายเป็นฟ้าเปิด   แดดสว่างจ้า    มองไปก็พบว่าเครื่องกำลังบินอยู่เหนือสนามบินเดรมอีกครั้ง    


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 18, 16:09
คราวนี้สนามบินดูแปลกตาไปจากครั้งก่อนมาก    ไม่ใช่สนามบินร้างชำรุดทรุดโทรมอีกแล้ว  รันเวย์ไม่ได้รกเรื้อด้วยหญ้า แต่อยู่ในสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ดี    ลานบินขวักไขว่ไปด้วยบรรดาช่างเครื่องในชุดช่างสีน้ำเงินแบบที่เขาไม่คุ้นตา      ที่ลานจอดยังมีเครื่องบินสีเหลืองสี่ลำจอดเรียงกันอยู่ สามลำเป็นเครื่องบินชนิด Avro trainer biplanes  ส่วนลำที่สี่เป็นเครื่องบินชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
  ที่แปลกตากว่านี้คือเครื่องบินส่วนใหญ่ทาสีเหลือง  ซึ่งไม่ใช่สีเครื่องบินรบทั่วไปในยุคนั้น      ชุดช่างสีน้ำเงินของช่างเครื่องก็เหมือนกัน  ดูสมัยใหม่มาก    ไม่ใช่แบบที่ช่างเครื่องทั่วไปสวมอยู่ 
  เราต้องนึกด้วยว่า ก๊อดดาร์ดไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา    เขาเป็นนักบินของกองทัพอากาศ  เพราะฉะนั้นย่อมคุ้นเคยกับเครื่องบินไม่ว่าชนิดไหนที่ผลิตในยุคนั้นเป็นอย่างดี   
   ถ้ามีเครื่องบินชนิดไหนที่ก๊อดดาร์ดไม่เคยเห็น  ก็แปลว่าเครื่องบินนั้นย่อมไม่เคยปรากฏสู่สายตาสาธารณชน หรือแม้แต่กองทัพอากาศ   
   ที่แปลกอีกอย่างคือ แม้ว่าก๊อดดาร์ดพาเครื่องบินต่ำลงมากจนเห็นรายละเอียดต่างๆพวกนี้  แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครที่สนามบินมีท่าทีว่าสังเกตเห็นเครื่องบินของเขา


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 18, 17:31
    ขณะที่จะพาเครื่องบินลง  ก๊อดดาร์ดก็เจอเข้ากับพายุฝนเข้าอีกครั้งอย่างกะทันหัน   คราวนี้เขาต้องพาเครื่องบินขึ้นสูงลิ่วถึง 17000 ฟุตเพื่อหลบให้พ้นเมฆฝน   จึงบินกลับฐานที่อันโดเวอร์ได้อย่างปลอดภัย  
    เขาทั้งตื่นเต้นทั้งพิศวงงงงวยกับประสบการณ์ประหลาดที่เจอ  เมื่อเล่าให้เพื่อนนักบินฟัง  ก็ปรากฏว่าไม่มีใครเชื่อ   เขาจึงตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะเกรงว่าจะถูกปลดจากงานด้วยสาเหตุอาการฟั่นเฟือนทางสมอง
    ก๊อดดาร์ดรับราชการก้าวหน้าด้วยดี    จนเกษียณเมื่อปี 1966 ในตำแหน่งพลอากาศโท  มีบรรดาศักดิ์นำหน้า เป็นเซอร์โรเบิร์ต วิคเตอร์ ก๊อดดาร์ด  จึงค่อยเผยเรื่องนี้ออกมา  
    เขาพบว่าเหตุการณ์ที่สนามบินแดรมที่เขาเห็นนั้น ไม่มีอยู่จริงในปี 1935   แต่ว่ามันเป็นความจริงหลังจากนั้นอย่างน้อย 4 ปี กล่าวคือตั้งแต่ปี  1939  กองทัพอากาศอังกฤษได้เปลี่ยนสีเครื่องบินรบเป็นสีเหลือง    ช่างเครื่องสวมเครื่องแบบใหม่สีน้ำเงินแทนท่ี่จะเป็นสีน้ำตาลอย่างของเดิม     สนามบินแดรมถูกปรับปรุงให้ใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง
    เครื่องบินที่ก๊อดดาร์ดเห็นแต่ไม่รู้จักนั้นคือ   เครื่องบินชนิดใหม่เพิ่งผลิตออกมา 2 ปีหลังเหตุการณ์นั้น คือเมื่อปี 1937  เป็นเครื่องบินปีกชั้นเดียว (monoplane) รุ่น Magister  


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 18, 13:19
กรณีลึกลับเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับหญิงชราคนหนึ่งชื่อชาร์ล็อต วอร์เบอร์ตัน     เธอกับสามีอาศัยอยู่ที่เมืองทันบริดจ์ เวลส์ ในประเทศอังกฤษ ในวันที่ 18 มิถุนายน 1968  
ตอนเริ่มต้น  มันเป็นเหตุการณ์ธรรมดาๆที่สุด   ไม่มีวี่แววล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องไม่ธรรมดาขึ้นมาได้เลย
กล่าวคือนายและนางวอร์เบอร์ตันถึงกำหนดจะไปจ่ายของกินของใช้ประจำสัปดาห์   ทั้งคู่ก็เข้าไปในเมือง  แล้วตกลงกันว่าต่างคนต่างแยกกันไปซื้อของ  ก่อนจะกลับมาเจอกันที่จุดนัดพบ  เพื่อนั่งรถกลับบ้านด้วยกัน

คุณนายวอร์เบอร์ตันเดินไปที่ร้านขายกาแฟขวดยี่ห้อที่เธอซื้อประจำ  ปรากฎว่ายี่ห้อนั้นเกิดหมด  เธอก็เลยเดินต่อไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆกันนั้นเพื่อจะดูว่ามีขายหรือไม่
พอก้าวเข้าไปในซูเปอร์  เธอก็มองเห็นร้านกาแฟเล็กๆอยู่ทางด้านซ้ายของห้องโถงใหญ่ที่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ต   หญิงชรารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะเธอไม่เคยเห็นว่าที่นี่มีร้านกาแฟมาก่อน และยิ่งแปลกกว่านี้ก็คือร้านกาแฟนี้ตกแต่งแบบโบราณมาก ตรงกันข้ามกับซูเปอร์ที่ดูใหม่ทันสมัย  
เธอจำได้ว่าผนังของร้านกาแฟเป็นไม้แผ่นแบบรุ่นเก่า   ไม่มีหน้าต่าง และไฟฟ้าที่ประดับก็ดูเหมือนไฟฟ้ายุคโบราณ
ในร้านมีลูกค้าอยู่หลายคน    เธอสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงสองคนสวมหมวกและเสื้อโค้ต เหมือนแฟชั่นยุค 1950s นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะตัวหนึ่ง  นอกนั้นเป็นชายราวครึ่งโหลนั่งกันอยู่ตามโต๊ะตัวอื่น    ทุกคนสวมสูทสีเข้มแบบเป็นงานเป็นการ    ซึ่งนับว่าประหลาดมากสำหรับยุคปลาย 1960  สมัยนั้นไม่มีใครสวมสูทหรือสวมหมวกสวมโค้ตออกไปเที่ยวหรือซื้อของนอกบ้านกันอีกแล้ว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 18, 15:36
เสื้อผ้าที่ผู้หญิงปี 1968 อย่างคุณนายวอร์เบอร์ตันสวมคือแบบในภาพซ้าย
ส่วนภาพขวาเป็นแฟชั่นสตรีในทศวรรษ 1950s  เวลาออกนอกบ้านผู้หญิงจะสวมเสื้อโค้ตทับกระโปรงชุด สวมหมวก(และถุงมือ)  ถือว่าเป็นชุดสุภาพเมื่อปรากฏตัวในที่สาธารณะ

ความผิดแผกของเสื้อผ้าย่อมกระทบสายตาชาล็อตต์ วอร์เบอร์ตันตั้งแต่เธอเห็นผู้หญิงทั้งสองในร้านกาแฟหน้าตาโบราณนั่น  
เธอให้การภายหลังว่า
" ฉันจำได้แม่นยำว่าผู้หญิงหนึ่งในสองคนนั่นสวมหมวกสักหลาดสีเนื้อ ปีกหมวกยกขึ้นสูง   เสื้อโค้ตเป็นสีเนื้อเข้ากัน   เป็นชุดทันสมัยในยุคหนึ่ง แต่ว่าก่อนปี 1968 หลายปีมาก"



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 18, 19:01
  ทั้งๆที่แปลกใจกับสภาพแปลกๆของร้านกาแฟที่เห็น    คุณนายวอร์เบอร์ตันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ซื้อของที่ต้องการได้แล้วก็กลับไปหาสามีที่จุดนัดพบ   เพื่อกลับบ้านด้วยกัน
  เธอเล่าให้สามีฟังถึงร้านกาแฟแปลกๆร้านนั้น  ตกลงกันว่าเมื่อไปจ่ายของในสัปดาห์หน้า จะพาเข้าไปที่ร้านให้เห็นกับตาตัวเอง 
  หนึ่งสัปดาห์ต่อมา  คุณนายก็พาสามีไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจะไปกินกาแฟที่ร้านหน้าตาย้อนยุคดังกล่าว    แต่เธอต้องพิศวงงงงันอย่างยิ่งเมื่อเดินเข้าไปในอาคารซูเปอร์ แล้วพบว่า ไม่มีร่องรอยของร้านกาแฟให้เห็นแม้แต่น้อยนิดว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนมันตั้งอยู่ตรงนั้น     
  พื้นที่ส่วนที่เธอเห็นว่าเป็นร้านกาแฟ เป็นส่วนหนึ่งของโถงใหญ่  ใช้ตั้งสินค้าคือตัวอย่างตู้เย็น ข้างหลังก็เป็นผนังอาคารว่างๆ ธรรมดานี่เอง
  ทีแรกเธอนึกว่ามาผิดร้าน  ก็เดินหาไปที่ซูเปอร์แถวนั้นอีกสองแห่ง แต่ก็ไม่พบ     คุณนายแน่ใจว่าตัวเองตาไม่ฝาด และไม่ได้ทึกทักคิดเอาเอง  เธอก็เลยลงมือค้นหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่

  คุณนายค้นพบว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งใหม่นั้น เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นโรงภาพยนตร์ช่ื่อโรงหนังคอสมอสมาก่อนจะรื้อทำซูเปอร์   ติดกับโรงหนังเป็นสโมสรเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งยังมีคนเฝ้าอยู่    สองสามีภรรยาก็เลยไปสอบถาม   ได้ความว่าครั้งหนึ่งด้านหลังอาคารโรงหนังมีบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ เสิฟกาแฟและเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วย   
   เมื่อคุณนายวอร์เบอร์ตันอธิบายรายละเอียดของร้านกาแฟที่เธอเห็น   ก็พบว่ามันตรงกับเป๊ะกับบาร์เครื่องดื่มที่เคยอยู่ตรงนั้นเมื่อหลายปีก่อน   แต่ทั้งโรงหนังทั้งบาร์เครื่องดื่มถูกรื้อทิ้งไปนมนานแล้ว   
   ไม่มีคำอธิบายอื่นนอกจากว่า คุณป้าหลุดผ่านมิติเวลาเข้าไปในอดีต


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 18, 12:09
กรณีของคุณป้าและคุณน้าที่แวซายลส์  กับคุณยายที่ร้านกาแฟย้อนยุค ยังพออธิบายได้ว่ามันเป็นเรื่องของการหลงมิติเวลา   ผู้หญิงสามคนเดินทางกลับไปในอดีตโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แล้วกลับออกมาในเวลาสั้นๆ
แต่เรื่องต่อไปนี้ จะอธิบายว่าอย่างไรดี

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1954 ที่ประเทศญี่ปุ่น ณ สนามบินฮาเนดะ    วันที่เกิดเหตุเป็นวันทำงานธรรมดาๆที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คน    เครื่องบินจากยุโรปลำหนึ่งลงจอดส่งผู้โดยสาร   จากนั้น ขบวนผู้โดยสารก็เดินเข้าแถวมาตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ  
ในจำนวนนั้นมีฝรั่งผิวขาววัยกลางคนคนหนึ่ง แต่งกายเรียบร้อยประณีต รวมอยู่ด้วย    เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามาโตเกียวด้วยธุรกิจตามเคย   ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วในรอบปี
ภาษาที่เขาพูดคือภาษาฝรั่งเศส แต่เขาก็เข้าใจภาษาญี่ปุ่นและภาษาอื่นๆในยุโรปด้วย   กระเป๋าเงินของเขาก็มีธนบัตรของหลายประเทศในยุโรป สมกับคำบอกเล่าว่าเขาเป็นนักธุรกิจ
ความจริงผู้ชายคนนี้ก็น่าจะผ่านด่านสะดวกง่ายดายเหมือนผู้โดยสารอื่นๆ   ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ถามว่าเขามาจากประเทศอะไร  เขาก็ตอบอย่างธรรมดาๆที่สุดว่า มาจากประเทศทอเรด ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 18, 12:44
     เจ้าหน้าที่ตอบด้วยความแปลกใจว่า ประเทศที่ว่านั้นไม่มีจริงหรอก   ชายผู้นั้นก็เลยยื่นพาสปอร์ตของเขาให้ดู   มันเป็นหนังสือเดินทางออกโดยทางการของประเทศทอเรด   ในแต่ละหน้าของพาสปอร์ตยังประทับตราวีซ่าของประเทศญี่ปุ่นครั้งก่อนๆ  และตราประทับของประเทศในยุโรปอีกหลายประเทศ     เป็นการยืนยันว่าเป็นหนังสือเดินทางของจริง
     ทีนี้   ปัญหาก็เกิดขึ้นทันที  เจ้าหน้าที่งงงันไปกับเอกสารที่เห็น     คนหนึ่งไปหาแผนที่มากางให้ผู้โดยสารรายนี้ดู เพื่อให้เขาชี้ว่าประเทศที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน   เขาก็ชี้ไปตรงประเทศอันโดร่าทางตอนใต้ของฝรั่งเศส  แต่บอกด้วยเสียงเคืองๆว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อประเทศอันโดร่า   ตรงนี้ในแผนที่คือประเทศทอเรด บ้านเกิดของเขา  ซึ่งเป็นประเทศเก่าแก่ตั้งอยู่นานนับพันปีแล้ว
     เจ้าหน้าที่ขอตรวจเอกสารอื่นๆ เช่นใบขับขี่ ก็พบว่ามันออกโดยทางการของประเทศทอเรดอีกนั่นแหละ
     เจ้าหน้าที่ด่านไม่รู้จะทำยังไงกันแน่   เพราะกรณีนี้ประหลาดเกินกว่าจะตัดสินใจได้ว่ามันคือความเข้าใจผิด  หรือนายคนนี้ฟั่นเฟือน หรือเล่นตลกบ้าๆอะไรกับทางการ    แต่ยังไงก็ปล่อยตัวเข้าประเทศไม่ได้แน่   นายคนนี้ก็เลยถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมใกล้ๆสนามบิน  จนกว่าจะหาคำตอบได้ 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: tita ที่ 01 ต.ค. 18, 09:48
- เคสประเทศทอเรดนี่มีผลสรุปอย่างไรคะ

- เรื่องย้อนยุคนี่สมัยก่อนเคยได้ยินเรื่องเล่าว่ามีคนเดินลงอุโมงค์หน้าจุฬาฯ  พอขึ้นมาทางฝั่งตรงข้าม (ฝั่งหอพัก, คณะครุศาสตร์ฯ)  กลายเป็นทุ่งนาโล่งๆ สภาพเหมือนสมัยโบราณ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 10:35
มาเล่าตอนจบค่ะ

ที่โรงแรม  มีรปภ.เฝ้าหน้าห้องตลอดคืน ไม่ให้หนีไปไหนได้   ส่วนพาสปอร์ตนั้นเจ้าหน้าที่ยึดไว้ เก็บใส่เซฟของที่ทำงานไว้เรียบร้อย

วันรุ่งขึ้น   เมื่อเปิดห้องเข้าไปก็พบว่านายผู้โดยสารลึกลับคนนั้นหายตัวไปแล้ว ไม่มีร่องรอย   พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง    ทั้งๆยามก็เฝ้าอยู่หน้าห้องทั้งคืน 
เมื่อกลับมาเปิดเซฟดูพาสปอร์ต   มันก็อันตรธานจากเซฟไปอีกเหมือนกัน

จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอธิบายได้ว่า  ผู้โดยาสารคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน หรือเป็นการเล่นตลกอำกันสุดยอด
หรือแม้แต่เป็นเรื่องกุขึ้น กันแน่


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 10:57
จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอธิบายได้ว่า  ผู้โดยสารคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน หรือเป็นการเล่นตลกอำกันสุดยอด
หรือแม้แต่เป็นเรื่องกุขึ้น กันแน่


นอกเหนือจากคำอธิบายว่านายคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน อาจจะมีคำอธิบายอื่นเป็นต้นว่า

๑. ความผิดพลาดในการสื่อสาร นายคนนั้นอาจจะบอกว่าเขามาจาก terre d’Andorra (ดินแดนอันดอร์รา) เจ้าหน้าที่ฟังเป็น Taured เรื่องอื่น ๆ ก็เป็นการขยายความจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น

๒. เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่มีหลักฐานบันทึกเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น หรือข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 15:04
เห็นด้วยกับคุณเพ็ญชมพูค่ะ
ถ้างั้นมาฟังเรื่องใหม่กัน   เรื่องนี้ระบุชื่อเสียงเรียงนามผู้ประสบไว้ชัดเจน   เพราะฉะนั้นก็ตัดประเด็นเรื่องไม่มีตัวตนออกไป   เหลือแต่ว่าจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน

เรื่องนี้เกิดเมื่อเดือนตุลาคม  ปี 1979  สามีภรรยาชาวอังกฤษคู่หนึ่งชื่อเจฟ และพอลีน ซิมป์สัน อาศัยอยู่ที่เมืองโดเวอร์  ออกเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปโดยทางรถยนต์   เขาชวนเพื่อนสามีภรรยาอีกคู่ชื่อเลน และซินเธีย กิสบี ไปด้วยกัน   โดยตั้งใจว่าจะไปเที่ยวฝรั่งเศสและสเปน
ทั้งสองคู่ลงเรือข้ามจากอังกฤษไปขึ้นที่ฝรั่งเศส  ที่นั่นเขาเช่ารถยนต์ขับรถมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ    ในวันที่ 3 ตุลาคม  หลังจากขับรถมาตลอดวันมาจนเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย   จนถึงเวลาค่ำ ก็มองหาโรงแรมข้างทางสำหรับพักค้างแรม

พวกเขาเห็นโรงแรมเล็กๆแต่หน้าตาหรูหราข้างทาง   เลนลงจกกรถเดินเข้าไปข้างในโรงแรม  พบพนักงานชายแต่งกายแปลกตาด้วยเครื่องแบบสีม่วงแดง   เขาตอบว่าโรงแรมนี้เต็ม  แต่ถัดไปทางใต้มีโรงแรมอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนพอดี   น่าจะมีที่พัก   เลนก็กล่าวคำขอบใจแล้วกลับไปที่รถ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 15:36
  เส้นทางที่ขับไปตามคำบอกนี้   ท้ั้งสี่คนพบว่าถนนดูแปลกไปจากเส้นทางเดิม เป็นทางแคบๆปูด้วยหินแบบโบราณ   บ้านเรือนที่ผ่านไปสองข้างทางก็ดูประหลาด      สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือโปสเตอร์โฆษณาละครสัตว์ที่ติดอยู่ข้างทาง  เป็นละครสัตว์แบบรุ่นเก่ามาก  จนสะดุดตาทุกคน

   ในที่สุด  นักท่องเที่ยวทั้งสี่ก็มาถึงอาคารเตี้ยๆยาวๆหลังหนึ่ง มีหน้าต่างเรียงรายเปิดไฟไว้สว่าง  มีคนยืนอยู่สองสามคนหน้าอาคาร   เมื่อซินเธียร้องถามว่าที่นี่คือโรงแรมใช่ไหม  ก็ได้คำตอบว่า ที่นี่คือโรงเตี๊ยม(inn)  ทั้งสี่ก็เลยขับรถผ่านไป
   รถแล่นต่อไปจนถึงอาคาร 2 แห่ง   แห่งหนึ่งเป็นสถานีตำรวจ  อีกแห่งเป็นอาคารสองชั้นหน้าตาแบบโบราณ มีป้าเขียนว่า "โรงแรม"  เมื่อเข้าไป ก็เห็นว่าภายในสร้างด้วยไม้ท่อนใหญ่ๆ  โต๊ะอาหารไม่มีผ้าปูอย่างห้องอาหารทั่วไป  อุปกรณ์ทันสมัยที่จำเป็นในโรงแรม อย่างโทรศัพท์หรือลิฟต์ก็ไม่ยักมี 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 16:09
  ทั้งสี่พักค้างคืนอยู่ที่นั่น   หลังจากกินมื้อค่ำในห้องอาหาร ประกอบด้วยสเต๊ก ไข่และเบียร์แล้ว ทุกคนก็เข้านอน   พบว่าห้องพักมีหน้าต่างก็จริงแต่ไม่มีบานกระจก  เป็นหน้าต่างไม้บานเกล็ด    ผ้าปูที่นอนเป็นผ้าเนื้อหนา ไม่มีหมอน   ส่วนห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันนั้นมีอุปกรณ์แบบโบราณล้าสมัยมาก
   ในตอนเช้า  ทุกคนตื่นลงมากินอาหารเช้าในห้องอาหารอีกครั้ง   พบว่ามีแขกอื่นมากินอยู่ด้วย  หนึ่งในจำนวนนี้เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง อุ้มหมามาด้วย    สิ่งสะดุดตาคือเธอแต่งกายด้วยชุดราตรีแพรยาวหรูหรา ราวกับเพิ่งกลับจากงานราตรีสโมสร ทั้งๆเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า
   พอลีนให้การภายหลังว่า "ฉันสะดุดตาจนถอนสายตาจากเธอไมไ่ด้"  
   นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกสองนายเดินเข้ามา  เป็นตำรวจฝรั่งเศสอย่างที่เห็นทั่วไปในประเทศ แต่ที่ประหลาดคือเครื่องแบบของเขาไม่ใช่เครื่องแบบตำรวจทั่วไป แต่เป็นเครื่องแบบรุ่นเก่าสีน้ำเงินแก่  มีผ้าคลุมไหล่และหมวกมีกระบังยื่นมาข้างหน้า    ทั้งสองมาถึงก็หาที่นั่ง ลงมือกินอาหารเช้าอย่างปกติ
   ทั้งๆรู้สึกแปลกใจ   ทั้งสี่คนก็รู้สึกแฮปปี้ดีกับที่นี่    เมื่อกลับขึ้นไปที่ห้องอีกครั้ง  สามีทั้งสองก็ถ่ายรูปภรรยายืนอยู่ข้างหน้าต่างบานเกล็ดไว้เป็นที่ระลึก


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 18:12
เครื่องแบบแบบนี้ค่ะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 18:25
  เมื่อจะออกเดินทาง   เลนกับเจฟเข้าไปถามตำรวจถึงเส้นทางรถยนต์ที่เขาจะขับไปยังเมืองอาวินญอง และเขตแดนสเปน เพื่อจะหาทางที่สะดวกที่สุด    แต่ตำรวจทั้งสองทำท่าเหมือนไม่เข้าใจว่า "เส้นทางรถยนต์" นั้นคืออะไร  ชายอังกฤษทั้งสองสรุปกันเองว่า เขาคงจะออกเสียงคำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสไม่ถูกต้อง 
  ตำรวจทั้งสองบอกเส้นทางไปเมืองอาวินญองให้  แต่นักท่องเที่ยวก็พบว่าเป็นเส้นทางเล็กๆ   ห่างไกลจากถนนใหญ่ไปหลายไมล์  จนในที่สุด ชายทั้งสองต้องกางแผนที่หาทางลัดไปสู่ถนนใหญ่เอง
   เก็บข้าวของขึ้นรถเสร็จ   เลนเดินไปจ่ายค่าที่พักของทั้งหมด    เขาประหลาดใจมากเมื่อผู้จัดการโรงแรมคิดเงินเพียง 19 ฟรังค์     ทีแรกเลนนึกว่าเข้าใจผิดกัน  เขาอธิบายว่ามากันทั้งหมด 4 คนแถมยังกินอาหารเช้าอีก   จะเป็นเงินแค่นั้นไปได้ยังไง  แต่ผู้จัดการก็พยักหน้ารับรองว่าถูกต้องแล้ว     เลนหยิบใบเสร็จไปโชว์ให้ตำรวจดู  ตำรวจก็ยิ้มและพยักหน้ารับรองว่าใช่  เลนก็เลยจ่ายเงินสด แล้วรีบออกจากโรงแรมก่อนผู้จัดการจะเปลี่ยนใจ


   ทั้งสี่คนไปเที่ยวอยู่ในสเปนอีก 2 สัปดาห์จนถึงกำหนดกลับ   ก็กลับมาตามเส้นทางเดิม    ต่างคนเห็นพ้องกันว่าแวะพักค้างคืนสักคืนที่โรงแรมนั้นก็คงจะดี  เพราะบรรยากาศที่นั่นน่าทึ่งไม่เหมือนที่อื่น  แถมราคาก็ถูกอย่างเหลือเชื่อ
    คืนที่พวกเขาขับรถมาถึงบริเวณนั้น เป็นคืนที่ฝนตก  อากาศหนาวและทัศนวิสัยก็มืดมนมองไม่ค่อยเห็นทาง แต่เขาก็หาทางเลี้ยวจากถนนใหญ่จนพบ   สังเกตเห็นโปสเตอร์ละครสัตว์ยังติดอยู่เหมือนคราวก่อน
    พอลีนยืนยันว่ามาตามทางนี้ถูกต้องแล้ว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 18:36
   อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านที่อ่านกระทู้มาตั้งแต่แรกคงพอเดาได้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง   แต่สี่คนนั่นไม่รู้   พวกเขาแปลกใจมากที่ขับรถไปตามเส้นทางนั้นจนแล้วจนรอด ก็ไม่ยักเจอโรงแรมที่ตั้งใจจะมาพัก
    ในที่สุด เขาพารถย้อนกลับไปยัง "โรงเตี๊ยม" หลังแรกที่เจอพนักงานในชุดสีม่วงแดงบอกทางให้ไปโรงแรม   โรงเตี๊ยมที่ว่านั้นยังอยู่  แต่พนักงานที่เคานเตอร์ยืนยันว่าไม่มีพนักงานคนไหนแต่งกายแบบนั้น   และไม่เคยมีใครแต่งตัวแบบนั้นเคยทำงานที่นั่นด้วย
    ทั้งๆพิศวงงงวย  ทั้งสีก็โคตรทรหด  ขับรถไปกลับย้อนไปย้อนมาอยู่ 3 เที่ยวเพื่อหาโรงแรมที่ว่านั้นให้ได้   สอดส่ายสายตาหาทุกซอกทุกมุมถนนสายนั้นจนแน่ใจว่า ไม่มีโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่แน่นอน

    ดึกเต็มที  ทั้งสี่ก็ยอมแพ้ ขับรถต่อไปทางเหนือจนถึงเมืองลียงส์   หาโรงแรมที่พักได้แห่งหนึ่งเป็นโรงแรมทันสมัย
    ค่าห้องบวกอาหารปาเข้าไป 247 ฟรังค์


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 21:03
    เมื่อกลับมาถึงโดเวอร์   เจฟและเลนนำกล้องถ่ายรูปไปให้ร้านล้างฟิล์มอัดรูปออกมา  ภาพที่เขาถ่ายห้องในโรงแรมอยู่ตรงกลางๆม้วน   เมื่อช่างภาพอัดรูปและส่งม้วนฟิล์มกลับมาให้  ปรากฏว่าไม่มีรูปที่ถ่ายในโรงแรมนั้น   
    เมื่อตรวจดูม้วนฟิล์ม   ก็ไม่พบภาพเนกาตีฟที่เสีย   ม้วนฟิล์มมีรูปเต็มหมดทั้งม้วน  เหมือนกับว่าไม่มีการถ่ายรูปที่โรงแรมนั้นเลย   เว้นแต่มีร่องรอยรายละเอียดเล็กๆที่ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ยอร์คเชอร์ที่เอากล้องไปตรวจสอบพบว่า
    "มีร่องรอยว่ากล้องถูกกดจับภาพอะไรสักอย่างตรงช่วงกลางของม้วนฟิล์ม  เพราะรูที่ขอบฟิล์มช่วงนั้นมีร่องรอยเสียหาย"
     
     สามีภรรยาทั้งสองคู่ปิดปากเงียบเรื่องเหตุการณ์นี้อยู่ถึง 3 ปี   เล่าให้ฟังแต่เฉพาะเพื่อนและคนในครอบครัว    เพื่อนคนหนึ่งค้นพบในหนังสือว่าเครื่องแบบของตำรวจฝรั่งเศสที่เห็นแบบนั้นเป็นยุคสมัยก่อนปี 1905   ในเมื่อเล่ากันต่อๆไปเรื่องก็ไปกระทบหูนักข่าวของหนังสือพิมพ์โดเวอร์  ก็เลยนำเรื่องนี้ไปเขียน    ภายหลัง สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นก็มาสัมภาษณ์ออกรายการ 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 21:10
      ต่อในปี  1985  นายแพทย์อัลเบิร์ต เคลเลอร์ จิตแพทย์ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ทำการสะกดจิตเจฟ ซิมป์สัน เพื่อดูว่าเขาจดจำรำลึกเหตุการณ์อะไรได้มากกว่านี้บ้างไหม    ภายใต้ภาวะถูกสะกดจิต   เจฟไม่สามารถจะเพิ่มเติมอะไรได้มากกว่าที่เขาจำได้แล้ว
      เรื่องนี้ได้รับความสนใจแพร่หลายไปทั่วอังกฤษ    มีผู้ติดตามสืบเสาะหาความจริงกันว่ามันคืออะไรแน่  หนึงในนั้นคือนักเขียนชื่อเจนนี่ แรนเดิลส์    เธอตั้งคำถามว่า
      " เกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวสี่คนนั่น?  หลงมิติเวลา ?   ถ้าเป็นงั้นจริงทำไมผู้จัดการโรงแรมถึงไม่มีท่าทีแปลกใจกับรถยนต์ในอนาคตยุค ปี 1979 ที่มาจอดหน้าโรงแรม   ตลอดจนการแต่งกายของนักท่องเที่ยวยุคหลังจากยุคของเขาเกือบร้อยปี   และทำไมเขาจึงยอมรับธนบัตรเงินปี 1979  ซึ่งย่อมจะดูแปลกประหลาดสำหรับผู้คนในยุคศตวรรษก่อนอยู่ดี"  

       คำถามทั้งหมดนี้ สามีภรรยาทั้งสองคู่ไม่มีคำตอบ    เจฟบอกได้แต่เพียงว่า
       "เราก็รู้เท่าที่เจอนั่นแหละครับ"


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 18, 21:11
  คิดว่าสี่คนนี้กุเรื่องขึ้นหรือเปล่าคะ คุณเพ็ญชมพู?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ต.ค. 18, 11:37
คิดว่าสี่คนนี้กุเรื่องขึ้นหรือเปล่าคะ คุณเพ็ญชมพู?

https://youtu.be/vhFcIa4SajM

นักเขียนชื่อเจนนี่ แรนเดิลส์    เธอตั้งคำถามว่า

"เกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวสี่คนนั่น?  หลงมิติเวลา ?   ถ้าเป็นงั้นจริงทำไมผู้จัดการโรงแรมถึงไม่มีท่าทีแปลกใจกับรถยนต์ในอนาคตยุค ปี 1979 ที่มาจอดหน้าโรงแรม   ตลอดจนการแต่งกายของนักท่องเที่ยวยุคหลังจากยุคของเขาเกือบร้อยปี   และทำไมเขาจึงยอมรับธนบัตรเงินปี 1979  ซึ่งย่อมจะดูแปลกประหลาดสำหรับผู้คนในยุคศตวรรษก่อนอยู่ดี"  

หากเป็นการหลงมิติเวลา คงยากที่จะตอบคำถามข้างบน ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แม้แต่รูปถ่ายก็ไม่ปรากฏ นอกจากคำบอกเล่าของทั้งสี่คน ขออนุญาตฟังหูไว้หูก็แล้วกัน  ;)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 18, 16:33
นั่นซีนะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 18, 10:46
ภาพนี้ถ่ายในปี 1938   สาวคนนี้เดินพูดโทรศัพท์มือถืออยู่หรืออะไร?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 10:50
นอกจากฝาแฝด  ยังมีมนุษย์หน้าเหมือนกันอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในโลกโดยไม่ได้เป็นญาติกันเลย
ในจำนวนนี้ มีการค้นพบด้วยว่า เมื่อย้อนไปในอดีต  ก็มีมนุษย์หน้าอดีตหน้าเหมือนมนุษย์ปัจจุบันอยู่ด้วย   ทั้งๆไม่ได้เป็นญาติสืบสายโลหิตเดียวกัน
อย่างคนดังที่นำมาลงต่อไปนี้ คือคนที่หน้าไปเหมือนคนในอดีตราวกับถอดพิมพ์กันออกมา

ขออภัยที่หาชื่อคนในอดีตไม่เจอ   ถ้าคุณเพ็ญชมพูเจอช่วยนำมาลงด้วยนะคะ
Eddie Murphy  กับชายในอดีต ที่หน้าเหมือนเขาราวกับแกะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 10:51
Nicholas Cage กับคนหน้าเหมือนในอดีต


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 10:52
ใครหนอช่างเหมือนจอห์นนี่่ เด็ปป์ได้ขนาดนี้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 10:54
คู่แฝดที่เกิดคนละยุค คนละเพศกับลีโอนาร์โด


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 10:55
ขนาดไมเคิล แจ๊กสัน ศัลยกรรมแล้ว ยังไม่วายไปเหมือนคนในอดีตเข้าจนได้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 10:57
แฮรี่ พ็อตเตอร์ก็ไม่เว้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 04 ต.ค. 18, 13:00
ในภาพยนตร์เรื่อง Jupiter Ascending ฉายในบ้านเราเมื่อสามปีที่แล้ว (เข้าใจว่าเป็นนิยายมาก่อน แต่ผมก็ไม่เคยอ่านหรอกครับ)
ในหนังมีตอนหนึ่ง อธิบายว่า มนุษย์ถูกกำหนดรูปร่างหน้าตาโดยรหัสพันธุกรรม ซึ่งแต่ละคนมีรหัสที่แตกต่างกันไป เมื่อคนๆหนึ่งตายลง รหัสนั้นก็ว่าง คือไม่มีผู้ใช้ หากวันใดรหัสนั้นกลับมาปรากฎขึ้นอีก เราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "การกลับชาติมาเกิดใหม่"


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 13:04
ภาพนี้ถ่ายในปี 1938   สาวคนนี้เดินพูดโทรศัพท์มือถืออยู่หรืออะไร?

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5673.0;attach=69370;image)

ภาพนี้ของคุณเทาชมพูนี้ มีถ่ายไว้เป็นภาพเคลื่อนไหว

https://youtu.be/GASpqa6mBYM

หลังจากมีการส่งต่อคลิปนี้ไปเรื่อย ๆ ก็มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Planetcheck ออกมาเผยว่า แท้จริงแล้วหญิงสาวในคลิป คือนางเกอร์ทรูด โจนส์ คุณยายทวดของตัวเอง ซึ่งถ่ายไว้ขณะมีอายุ ๑๗ ปี

โดยเธอเล่าว่า ขณะที่ทำงานที่ในแผนกการสื่อสารของบริษัทดูปองต์ ที่เมืองลีโอมินสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เธอและเพื่อน ๆ ถูกร้องขอให้นำโทรศัพท์ไร้สายต้นแบบที่ใช้ในโรงงานไปทดลองใช้ด้านนอกสำนักงาน  ที่เห็นในคลิปว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์ แท้จริงแล้วเธอคุยกับเจ้าหน้าที่อีกคนที่อยู่ทางด้านขวาไม่ไกลจากเธอ

จริงหรือไม่ ยังไม่เคยเห็นคำยืนยันจากบริษัทดูปองต์

https://www.dailymail.co.uk/news/article-2301996/Was-worlds-mobile-phone-1938-film-shows-woman-talking-wireless-device-time-travel-family-say-disappointment-conspiracy-theorists.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 13:21
ก่อนหน้านั้น ๑๐ ปี คือใน พ.ศ. ๒๔๗๑ (ค.ศ. ๑๙๒๘) ก็มีภาพลักษณะนี้ในภาพยนตร์ของชาร์ลี แชปลิน

https://youtu.be/GiBu0vm_720

ผู้หญิง (หรือผู้ชาย ?)ในภาพยนตร์ช่วงนี้กำลังพูดโทรศัพท์มือถืออยู่หรือเปล่าหนอ ถ้าไม่ใช่มือถือ คุณเทาชมพู คุณนริศ คิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรได้บ้าง   ;)

https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-1324132/Time-traveller-woman-mobile-phone-1928-Charlie-Chaplin-film.html


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 15:16
ในภาพยนตร์เรื่อง Jupiter Ascending ฉายในบ้านเราเมื่อสามปีที่แล้ว (เข้าใจว่าเป็นนิยายมาก่อน แต่ผมก็ไม่เคยอ่านหรอกครับ)
ในหนังมีตอนหนึ่ง อธิบายว่า มนุษย์ถูกกำหนดรูปร่างหน้าตาโดยรหัสพันธุกรรม ซึ่งแต่ละคนมีรหัสที่แตกต่างกันไป เมื่อคนๆหนึ่งตายลง รหัสนั้นก็ว่าง คือไม่มีผู้ใช้ หากวันใดรหัสนั้นกลับมาปรากฎขึ้นอีก เราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "การกลับชาติมาเกิดใหม่"

ถ้าเป็นจริง  ใครเกิดเป็นชาวเอเชียก็ต้องเอเชียกันทุกชาติ   เป็นฝรั่งก็ฝรั่งทุกชาติ   ผิวสีก็ผิวสีทุกชาติ ซิคะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 18, 15:21

หลังจากมีการส่งต่อคลิปนี้ไปเรื่อย ๆ ก็มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Planetcheck ออกมาเผยว่า แท้จริงแล้วหญิงสาวในคลิป คือนางเกอร์ทรูด โจนส์ คุณยายทวดของตัวเอง ซึ่งถ่ายไว้ขณะมีอายุ ๑๗ ปี

โดยเธอเล่าว่า ขณะที่ทำงานที่ในแผนกการสื่อสารของบริษัทดูปองต์ ที่เมืองลีโอมินสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เธอและเพื่อน ๆ ถูกร้องขอให้นำโทรศัพท์ไร้สายต้นแบบที่ใช้ในโรงงานไปทดลองใช้ด้านนอกสำนักงาน  ที่เห็นในคลิปว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์ แท้จริงแล้วเธอคุยกับเจ้าหน้าที่อีกคนที่อยู่ทางด้านขวาไม่ไกลจากเธอ

ปี 1938  ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2  มีการพัฒนาโทรศัพท์ไร้สายแล้วหรือคะ  แม้แต่ใช้ในระยะใกล้ๆอย่างในโรงงานด้วยกัน
เห็นมีแต่วิทยุสื่อสารซึ่งเครื่องใหญ่เทอะทะกว่านี้
ถ้าโทรศัพท์ไร้สายเริ่มมีตั้งแต่ 1938   ทำไมมันพัฒนาตั้งนานถึง 50 กว่าปี กว่าจะมีใช้กันตามบ้าน
อีกอย่าง คุณเกอร์ทรูดเธอเดินคุยกับใครที่อยู่ใกล้ๆ คนไหนคะที่มือโทรศัพท์ไร้สายเช่นเดียวกัน?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 05 ต.ค. 18, 14:47
อันนี้เก่ากว่าอีกครับ รูปสลักยุคต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Louvre


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ต.ค. 18, 16:47
อันนี้เก่ากว่าของคุณม้า  ;)

หินประดับหลุมศพพบภายในสุสาน Naiskos เมืองเดลฟี ประเทศกรีซ อายุ ๑๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช ปัจจุบันอยู่ที่ The J. Paul Getty Museum มาลิบู แคลิฟอร์เนีย

อะไรอยู่ในมือของสาวใช้ ?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 18, 18:13
จริงด้วย   :o :o :o


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 18, 18:19
มือถือ ประดิษฐ์คิดค้นกันมาตั้งแต่สมัยกรีก?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ต.ค. 18, 18:27
ในยุค 1920s  ผู้ชายสวมแว่นดำแต่งกายอย่างยุคปัจจุบัน ถูกถ่ายภาพพร้อมคนอื่นๆที่แต่งกายคนละสมัยกับเขา
เขาหลุดเข้าไปได้อย่างไร


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 18, 10:33
เปลี่ยนจากเดินทางท่องเวลา มาท่องอีกมิติหนึ่งบ้าง   ตรงกับชื่อกระทู้

สหราชอาณาจักรได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีผีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง     ถ้านับจำนวนประชากรผีที่มีผู้พบเห็นเรื่อยมาในศตวรรษต่างๆจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะเกินครึ่งของประชากรคน   
จนกระทั่งคนอังกฤษชินกับผีเหล่านี้ กลายเป็นว่าที่บ้านไหนมีผีสิง บ้านนั้นจะมานักท่องเที่ยวแห่กันไปมากกว่าสถานที่ที่ไม่เคยมีวี่แวว
ในสก๊อตแลนด์  ได้ชื่อว่าผีดุไม่น้อยหน้าที่อื่น  หนึ่งในจำนวนนี้คือสุสานชื่อ Greyfriars Kirkyard  อยู่ที่เอดินเบอระ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 16 ต.ค. 18, 12:08
ภาพหน้าบ้านเลขที่ 22 Ullswater Rd. Lancaster, UK   ที่นี่เคยใช้เป็นบ้านพักพนักงานร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แต่ทุกคนที่พักที่นี่ต่างได้พบประสบการณ์แปลกๆ เช่นเสียงคนเปิดตู้เย็นแล้วรื้อข้าวของ แต่พอไปดูก็ไม่มีอะไร ตู้เสื้อผ้าที่ประตูตู้สองบานค่อยๆ เปิดออกมาได้เองต่อหน้าต่อตาคนในห้อง เงาคนดำๆ ผ่านไปแว่บๆ ทางหางตา และที่ห้องชั้นบนสุดซึ่งเฮี้ยนที่สุดและไม่มีใครกล้าอยู่ด้วย มีผู้หญิงไทย เป็นภรรยาพ่อครัวเพิ่งย้ายมายังไม่รู้เรื่องประหลาดในบ้านนี้ไปนอนแล้วฝันว่ามีศพนอนเรียงรายอยู่หน้าเตาผิงหลายศพ

หลังจากทนอยู่บ้านนี้กันหลายเดือน สุดท้ายทุกคนเรียกร้องให้เจ้าของร้านหาบ้านอืนให้ และได้ย้ายออกไปบ้านหลังอื่นในที่สุด

ผมรู้เรื่องนี้เพราะเกิดชึ้นในเมืองที่ผมอยู่ตอนไปขับ taxi  แล้วพนักงานร้านที่เป็นคนไทยเล่าให้ฟัง


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 16 ต.ค. 18, 12:19
ในเมือง Lancaster, UK มี park แห่งหนึ่งที่คนมักไปเที่ยวกัน ตอนผมไปใหม่ๆ ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ไปเที่ยวกับเค้าด้วย  เป็นสวนสาธารณะที่อยู่บนภูเขา ครั้งแรกที่ไปก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันทึมๆ ไม่สดใสยังไงก็ไม่รู้  รู้สึกว่ามันน่ากลัวบอกไม่ถูก ยิ่งไปบนยอดเขาที่เป็นที่ตั้งอาคารหลังคาเป็นโดม ด้านหลังมีสวนผีเสื้อ ยิ่งรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก บรรยากาศเหมือนผีสิงยังไงก็ไม่รู้ ไม่สดชื่นบันเทิงใจ ทั้งที่มีคนไปเที่ยวไม่น้อย

มารู้ตอนหลังว่าที่ยอดเขานี้ เมื่อก่อนใช้เป็นที่ตั้งตะแลงแกงสำหรับประหารชีวิตนักโทษ มีคนถูกแขวนคอที่นี่หลายร้อยคน เมือง Lancaster มีอัตราการประหารชีวิตนักโทษมากเปแ็นอันดับสองของอังกฤษรองลงมาจาก London เรื่องผีที่นี่มีมากมาย

ขับ Taxi อยู่ที่อังกฤษหลายปี มืดๆ ค่ำๆ ขี่จักรยานผ่านสุสานเป็นประจำ กลับไม่ค่อยรู้สึกกลัวผีฝรั่งเหมือนเมืองไทย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 18, 12:56
ดีจริง  คุณประกอบกลับมาเล่าประสบการณ์ครั้งขับแท็กซี่ตามหารักแท้อีกแล้ว  ;D

สหราชอาณาจักรรักษาบ้านเก่าอายุเกิน 200 ปีเอาไว้เต็มบ้านเต็มเมือง    จึงไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีคนตาย    ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของบ้านเดิมจะเฮี้ยนหรือไม่เฮี้ยนเท่านั้น
บ้านพักพนักงานที่คุณประกอบเล่า น่าจะเคยตายกันมาหลายศพนะคะ

ส่วนสุสาน Greyfriars Kirkyard ที่ว่านี้ เคยเป็นที่คุมขังนักโทษนับจำนวนพันกว่าคน ย้อนหลังไปศตวรรษที่ 17  เมื่อมีการปราบปรามผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายเพรสไบทีเรียนในสก๊อตแลนด์   มีทั้งทรมาน ทั้งประหาร แล้วแออัดยัดศพทับๆกันลงไปในสุสาน
คนมีบทบาทสำคัญในความโหดเหี้ยมนี้ชื่อเซอร์จอร์ช แม็คเคนซี   แกมีตำแหน่งใหญ่สุดเป็นหัวหน้าทัณฑสถานแห่งนี้   ว่ากันว่าแกสั่งทรมานและฆ่านักโทษเป็นว่าเล่น    ขบวนการมหาโหดนี้หยุดลงได้ก็เมื่อแกตายลงไป   ศพของแกถูกนำมาบรรจุไว้ที่นี่ ในอาคารตามรูปข้างล่างนี้ ซึ่งอยู่มาจนปัจจุบัน 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 16 ต.ค. 18, 13:39
ตอนมีชีวิตอยู่ ทำกับเขาไว้เยอะ พอตายแล้ว เอามาฝังไว้ที่เดิม อิแบบนี้มิโดนรับน้องแย่หรือครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 18, 16:03
   คุณ Naris ถามจี้จุดอ่อนเรื่องผีเข้าพอดีค่ะ  ถือโอกาสร้องเรียนนักกฎหมายเสียเลย ว่ามันไม่ยุติธรรมมากๆเรื่องนี้
   ความอยุติธรรมจากผีที่มนุษย์ประสบกันเป็นประจำ คือไม่ว่าผีเคยโกรธแค้น เคยตายด้วยน้ำมือมนุษย์คนไหนก็ตาม  คนที่โดนผีเล่นงานมากที่สุดคือคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่    ไม่ใช่ตัวการก่อเหตุ
   อย่างบ้านผีสิงที่คุณประกอบเล่าไว้ก่อนหน้า  จะเห็นว่าคนที่เจอจนแทบจับไข้หัวโกร๋นคือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทั้งนั้น    ล้วนเป็นสุจริตชน ไม่เคยทำร้ายใคร  ประกอบสัมมาอาชีวะ เข้าอยู่ในบ้านอย่างถูกต้องตามก.ม.  ผีก็เล่นงานเอ๊าเล่นงานเอาจนสะบักสะบอม   จนต้องเดือดร้อนหาที่อยู่ใหม่  
   ข้อนี้จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมลุงจอร์ช แมคเคนซีหัวหน้าคุกจอมโหด แกถึงหลับสบายอยู่ในฮวงซุ้ย   ส่วนคนอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวอะไร โดนซะกระเจิงไปตามๆกัน

    เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 18, 17:29
   ไม่มีใครรู้เหตุผลที่เซอร์จอร์ช แม็คเคนซี  ตายแล้วศพถูกเก็บไว้ในสุสานเดียวกับบรรดาเหยื่อของเขา  โลงถูกบรรจุไว้ในอาคารเก็บศพที่เรียกว่า The Black  Mausoleum  ตามสีสันทึบทึมของมัน   อาจเป็นได้ว่าเป็นเหตุผลธรรมดาที่สุดคือเขาเป็นคนถิ่นนั้น ตายไปก็ต้องถูกฝังที่นั่นเป็นธรรมดา    
    อย่างไรก็ตาม ทั้งเขาและคนอื่นๆก็นอนสงบอยู่ถึง 300 ปี  รายรอบสุสานนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย  มีบ้านคนบ้าง  โรงเรียนบ้าง  ปลูกอยู่รายรอบ    ฝรั่งเขาไม่กลัวที่จะอยู่ติดกับสุสาน     ยิ่งสุสานเล็กๆแบบนี้ยิ่งไม่ค่อยมีใครสนใจกันนัก  บางทีเด็กนักเรียนก็ไปเตะบอลเล่นกันเพราะมันว่างไม่มีใครกวน
   ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในปี 1998   เกิดจากคืนหนึ่ง  มีชายจรจัดไร้บ้านคนหนึ่งล่วงล้ำเข้าไปในสุสาน แล้วเปิดประตูอาคารเก็บศพของเซอร์จอร์ชเข้าไปพักค้างคืนในนั้น  สมัยนั้นประตูปิดไว้เฉยๆ ไม่ได้ใส่กุญแจ
   บางคนบอกว่าคืนนั้นมีพายุพัดจัด  นายคนนี้อาจเข้าไปหลบฝน แต่บางคนบอกว่าอาจจะไปสำรวจเพื่อขโมยของมีค่าที่ติดมากับศพก็ได้  ตามธรรมเนียมโบราณที่ผู้ตายมักสั่งเสียญาติพี่น้องให้ฝังของมีค่าของตัวเอง ติดลงไปในโลงด้วย


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ต.ค. 18, 09:18
เอาภาพข้างในสุสานมาเรียกน้ำย่อยครับ

ภาพแรกภาพด้านใน
ภาพที่สอง ทางลงไปหลุมศพด้านล่าง
ภาพที่สาม โลงศพชองแม็คเคนซี่
ภาพที่สี่ เศษกระดูกศพอื่นๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 18, 10:02
      ต้องอธิบายเพิ่มเติมหน่อยว่า อาคารบรรจุศพแบบที่เรียกว่า Mausoleum  ไม่ได้มีเอาไว้เก็บศพเดียวอย่างหลุมศพ  แต่ว่าข้างในแบ่งเป็นคูหาหลายๆคูหาด้วยกัน  แต่ละคูหาก็มีช่องบรรจุโลงศพ คล้ายๆกับโรงทึมท้ายวัดของไทยเรา   ดังนั้นอาคารแต่ละแห่งจึงมีศพอยู่มากมายเป็นสิบ
      จากร่องรอยที่พบกัน   นายจรจัดคนนี้แกไม่ได้เข้าไปนั่งนอนอยู่เฉยๆ แต่แกเที่ยวงัดโลงศพ รื้อค้นกระจัดกระจายกันไม่มีดีจนกระทั่งมาถึงโลงที่ไว้ศพเซอร์จอร์ช แม็คเคนซี  ผู้มีสมญาว่า Bluidy MacKensie  หรือแม็คเคนซีบ้าเลือด
       ขณะที่งัดโลงอยู่นั้น พื้นที่แกยืนอยู่ก็เกิดหักโครมลงไป ทำเอาร่วงลงไปในหลุมเบื้องล่าง   ในหลุมแออัดไปด้วยกระดูกของคนตายด้วยโรคระบาด   สมัยนั้นเขาไม่ฝังให้เสียเวลา แต่จะขุดหลุมใหญ่ๆแล้วโยนศพลงไปทับๆกันก่อนจะกลบหลุมให้เร็วที่สุด
       เมื่อนายจรจัดแกมาเจอซากผีนับร้อยๆแออัดท่วมตัว   แกก็ตะกายขึ้นจากหลุม ร้องโหยหวนอย่างคนสติแตก วิ่งกระเจิงออกจากอาคารเก็บศพหายไปในความมืด ไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นตายร้ายดียังไงอีก

      คุณประกอบเอาภาพประกอบมาให้ดูแล้ว   ลองสมมุติตัวเองติดอยู่ที่นี่ตามลำพังในยามดึก   หนังสยองขวัญเรื่องไหนๆก็สู้ไม่ได้



กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 18, 10:37
  เป็นได้ว่านายจรจัดได้กระทำสิ่งอันเป็นโทษใหญ่หลวง คือปลุกวิญญาณที่นอนเงียบมา 300 ปี ให้พลิกฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง    พอหลุดออกมาจากโลงและหลุมได้  วิญญาณเหล่านี้ก็เริ่มกิจกรรมที่ผีร้ายชอบกระทำทันที  คืออาละวาดประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย
   หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายคือหญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านอาคารเก็บศพในวันต่อมา     เธอก็เจอเข้าให้ คือถูกพลังเย็นเฉียบผลักเข้าเต็มรักไม่ให้เฉียดเข้าไปที่บันไดอาคาร     ต่อมาอีกไม่นาน  ก็มีผู้พบร่างผู้หญิงอีกคนนอนหมดสติอยู่ใกล้ประตูเข้าอาคารเก็บศพ    รอบลำคอมีรอยเขียวช้ำ ราวกับถูกบีบคอจะให้ถึงตาย    เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอให้การว่า มีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเค้นคอจนเธอหมดสติไป      ร่องรอยแบบนี้พบที่เหยื่อรายที่สาม คนนี้เป็นชายหนุ่ม  นอนหมดสติอยู่ฟากตรงข้ามกับอาคาร


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ต.ค. 18, 12:17
ภาพนี้หามาจากอินทรเนตร บอกว่าเป็นหัวของแม็คเคนซี่


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ต.ค. 18, 12:20
ส่วนนี้เป็นภาพแผลที่เกิดขึ้นเองบนตัวของผู้คนที่เข้าไปทัวร์หลุมศพแม็คเคนซี่  อาจจะมาจากผีจริง หรือคันเป็นภูมิแพ้ก็ได้ ยังไม่มีข้อสรุป เดี๋ยวคืนนี้ตอนแม็คเคนซี่ไปเยี่ยมเข้าฝันท่านอาจารย์ใหญ่ ฝากถามให้ด้วยนะครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 17 ต.ค. 18, 14:13
ดูจากภาพหลุมศพมีความเก่าแก่ อากาศถ่ายเทลำบาก แถมยังมีศพที่เคยเสียชีวิตเพราะโรคระบาดด้วย ก็มีความเป็นไปได้ครับที่ภายในจะไม่สะอาดสักเท่าไหร่ อาจทำให้ผู้ที่มีภูมิต้านทานน้อยเกิดอาการเป็นผื่นคันจากการสัมผัสอากาศด้านในนั้นได้ ยังไม่นับว่ามีแก้สที่เกิดจากการผุพังเน่าเปื่อยของซากศพอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่านะครับ 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 18, 16:26
ส่วนนี้เป็นภาพแผลที่เกิดขึ้นเองบนตัวของผู้คนที่เข้าไปทัวร์หลุมศพแม็คเคนซี่  อาจจะมาจากผีจริง หรือคันเป็นภูมิแพ้ก็ได้ ยังไม่มีข้อสรุป เดี๋ยวคืนนี้ตอนแม็คเคนซี่ไปเยี่ยมเข้าฝันท่านอาจารย์ใหญ่ ฝากถามให้ด้วยนะครับ

เรียกแท็กซี่ให้ลุงแล้วค่ะ   ลองถามคนขับดูนะคะ แกขับที่อังกฤษมาหลายปี พูดจากันรู้เรื่องค่ะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 18, 16:47
   ไม่มีหลักฐานว่าโลงของลุงแมคเคนซีแกถูกยันต์ที่ไหนปิดไว้ก่อนหน้าหรือเปล่า     ที่รู้แน่ๆคือนับจากคืนที่โลงแกถูกงัดจนแตก   ชาวบ้านแถวนั้นก็ไม่เป็นอันสงบสุขอีกต่อไป    เพราะเกิดปรากฏการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า The MacKenzie Poltergeist
   คำว่า poltergeist อ่านว่าโพลถะไกสต์   เป็นปรากฏการณ์ผีชนิดหนึ่งที่มีพลังงานชัดเจน  นอกจากทำเสียงต่างๆยังเคลื่อนย้ายข้าวของได้  จนถึงขั้นทำร้ายร่างกายมนุษย์ได้ เช่นก่อบาดแผลหรือรอยฟกช้ำดำเขียว บีบคอ จิกผม  เตะต่อย โดยไม่ปรากฏตัวตนให้เห็น   นับว่าร้ายแรงกว่าชนิดอื่นที่ทำได้เฉพาะเป็นเงาแวบๆหรือเข้าฝัน
   อย่างที่บอกแล้วว่าฝรั่งเขาชอบพิสูจน์ผี   ถ้าได้ข่าวที่ไหนมีผีเป็นต้องแห่กันไปดูให้รู้เห็น  ไม่เอาแต่วิ่งหนีอย่างคนไทย    ดังนั้นชาวบ้านที่ล่วงล้ำเข้าไปดูโลงของลุงแม็ค  จึงโดนอะไรต่อมิอะไรเข้าหลายอั้ก และหลายโอ๊ย  เช่นเนื้อตัวฟกช้ำ มีรอยทุบ รอยกรีด รอยข่วน นิ้วถูกหัก   บางคนบอกว่าถูกจิกผมกระชากจนแทบหลุดจากหนังหัว  
   บางคนก็เจอน้อยหน่อยเช่นแค่รู้สึกขนพองสยองเกล้า   บางคนหูแว่วประสาทหลอน   ได้ยินเสียงเคาะออกมาจากข้างในจากใต้ดินเรื่อยขึ้นมาถึงกำแพงด้านข้าง  ราวกับมีคนอยู่ข้างในพยายามทุบผนังออกมา  ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผู้รู้เห็นหลายต่อหลายคน    บางคนบอกว่าผียังตามกลับไปถึงบ้านและโรงแรม


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 18, 17:03
 ข้อสังเกตจากคุณประกอบและคุณนริศก็น่าคิดเหมือนกัน  ว่าพวกทัวร์โรงทึมของลุงแม็ค ไปได้รับเชื้อราหรือเชื้อโรคเก่าแก่นับ 300 ปีจากที่นั่นหรือเปล่า  บางคนจึงเกิดแพ้เป็นลมพิษบ้าง   คันคะเยอผิวหนังจนเกาแกรกๆเป็นริ้วรอยเลือดซิบขึ้นมาบ้าง  อย่างรูปข้างล่างนี้
  ฝากถามคุณหมอเรือนไทย เช่นคุณหมอ SILA  (หรือท่านอื่นๆด้วย ) ว่า รอยบนผิวหนังเกิดจากเชื้อโรค  บวกกับการเกา ได้หรือเปล่าคะ   


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 18, 18:28
หน้าตาของสุสาน อีกมุมหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าไม่ได้โดดเดี่ยวห่างจากชาวบ้านเลย    ตึกที่เห็นเป็นโรงเรียนชื่อ George Heriot's School.


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 18, 08:56
  มีรายงานผู้ประสบอาการบาดเจ็บอย่างข้างบนนี้ เมื่อไปเยี่ยมชมที่ฝังศพของแม็คเคนซี มากกว่า 500 ราย   รวมทั้งภาพถ่ายยืนยันร่องรอยบาดเจ็บด้วย   แต่แทนที่จะทำให้สุสานเก่าแก่แห่งนี้น่าขนพองสยองเกล้า  กลับกลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว  จนก่อให้เกิดทัวร์นำเที่ยวสุสานในตอนกลางคืน  จัดโดย Black Hart Entertainment ชื่อ  ‘City of the Dead’  ใครสนใจก็ไปติดต่อเอาเองนะคะ
ทัวร์ยังทำป้ายเตือนไว้ว่า
" The Mackenzie Poltergeist can cause genuine physical and mental distress. You join the tour at your own risk!"
 แปลว่า ปีศาจแม็คเคนซีอาจก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนทั้งด้านประสาทและร่างกาย   หากร่วมทัวร์ โปรดเสี่ยงเอาเอง

   ความเชื่อเรื่องนี้แน่นแฟ้นขึ้น เมื่อมีหมอผีพยายามไล่ผีที่นี่  แล้วพ่ายแพ้ไป


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 18 ต.ค. 18, 09:32
ถ้ามีโอกาสถาม ปู่แม็ค อาจจะบอกว่า "ไม่ได้คิดจะหลอกจะหลอนใครเลย รูปนามของแกก็สิ้นไปกว่าสามร้อยปีแล้ว รักโลภโกรธหลงอะไรแกก็ไม่มีแล้ว ไม่รู้จะมาแสดงปฏิหาริย์ให้คนดูเล่นทำไม แต่ที่พยายามทำอยู่เนี่ย เพราะในนี้มันมีเชื้อโรค เลยพยายามหลอกให้กลัว คนจะได้ไม่ลงไปในนั้น ปรากฎว่ายิ่งหลอกคนยิ่งมา ปวดหัวชะมัดไม่รู้จะทำไงละเนี่ย" ก็เป็นได้นะครับ   


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 18, 09:56
 ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 18 ต.ค. 18, 09:57
เมื่อคืนตาแม็คไม่ได้ไปเข้าฝันท่านอาจารย์หรือครับ ว้าาาาา


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 18 ต.ค. 18, 10:52
แม้หลุมศพแม็คเคนซี่จะเฮี้ยน แต่ก็ยังไม่เฮี้ยนพอ อย่างแรกแม็คเคนซี่ยังไม่เฮี้ยนพอจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์ใหญ่

ในปี 2003 กลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 17 ปี บุกเข้าไปในสุสาน แล้วก็เอามีดตัดหัวของศพแม็คเคนซี่ที่กลายเป็นมัมมี่ไปแล้วออกมา แล้วก็โยนหัวของแม็คเคนซี่ไปมาเล่นกัน สุดท้ายถูกลงโทษให้ทำงานบริการสาธารณะ 200 ชั่วโมงและมีทัณฑ์บน 2 ปี และในปี 2005 มีบุคคลนิรนามแอบเข้าไปในสุสานอีก แล้วเอาหัวของแม็คเคนซี่ไปเสียบไว้บนประตูรั้วของสุสาน แล้วทิ้งข้อความไว้ว่า “The Vampire Lark”

รูปหัวอันเก่าตกหน้าไปแล้ว เลยเอามาใส่ใหม่หน้านี้ กับรูปประตูสุสาน เสาแหลมๆ  นั่นแหละที่มีคนมือบอนเอาหัวไปเสียบไว้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ต.ค. 18, 11:05


แม้หลุมศพแม็คเคนซี่จะเฮี้ยน แต่ก็ยังไม่เฮี้ยนพอ อย่างแรกแม็คเคนซี่ยังไม่เฮี้ยนพอจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์ใหญ่
เอาป้ายเบอร์โทรเรียกแท็กซี่แปะไว้พร้อมยันต์ ที่หน้าประตูบ้าน    ปู่แกคงติดต่อไปคืนนี้ละค่ะ

เรื่องนักเรียนคะนองเอาหัวแกมาเล่นเนี่ย แทบจะทำให้ทัวร์ล่าหาผีที่สุสานหมดอาชีพไปเลยทีเดียว       ก็ยังดีที่มีกรณีขนหัวลุก หลอกคนอยากดูผีให้เชื่อต่อไปได้อีกหน่อย
ในปีค.ศ. 2000  มีหมอผีอาชีพคนหนึ่งชื่อคอลิน แกรนท์ ไปประกอบพิธีไล่ผีที่สุสาน    ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น ว่ากันว่าแกเกิดความรู้สึกว่าถูกรุมล้อมด้วยดวงวิญญาณที่ถูกทรมานและวิญญาณผีร้ายนับร้อยๆพยายามจะพังกำแพงมิติเข้ามาสู่โลกมนุษย์
ด้วยความกลัวสุดขีด   แกก็เผ่นออกจากสุสาน บอกว่าวิญญาณผีร้ายที่นี่มีพลังรุนแรงเกินกว่าอำนาจของแกจะต้านทานไหว     หลังจากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์  ก็มีผู้พบว่าแกตายอย่างปัจจุบันทันด่วนด้วยโรคหัวใจล้มเหลว


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ต.ค. 18, 13:15
จบเรื่องผีๆกันชั่วคราว  มาถึงอีกเรื่องที่ฝรั่งถือเป็นสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย คือเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่    เรื่องนี้ชาวพุทธไม่สงสัย   เพราะศาสนากล่าวถึงการเวียนว่ายตายเกิดอยู่แล้ว


คำว่า กลับชาติมาเกิดใหม่ ฝรั่งมีศัพท์เรียกว่า reincarnation    มีการค้นคว้าวิจัยกันอย่างจริงจัง   พบว่าบางกรณีก็เป็นเรื่องหลอกกัน หรือเรื่องมโนไปเองก็มี  แต่ก็มีบางกรณีที่อธิบายไม่ได้ อย่างเรื่องที่เรียกชื่อว่า The Pollock Twins Case    เป็นเรื่องของฝาแฝดหญิงเจ้าของภาพข้างล่างนี่ค่ะ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ต.ค. 18, 18:25
     เรื่องนี้เริ่มต้นที่เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในอังกฤษชื่อ เฮกแซม   ย้อนหลังไปในปี 1957  ในวันที่ 5 พฤษภาคม  เด็กหญิงพี่น้องชื่อจาคเกอลีนและโจอันนา พอลล็อค ออกจากบ้านเดินไปโบสถ์กับเพื่อนอีกคน  ขณะเดินกันอยู่ดีๆ ก็ปรากฏว่ามีนถยนต์คนหนึ่งพุ่งเข้าชนพี่น้องทั้งสอง เสียชีวิตกันทั้งคู่
   จอห์นกับฟลอเรนซ์ พ็อลล็อค พ่อกับแม่ของหนูน้อย  เศร้าโศกเสียใจมากกับการสูญเสีย     ตัวพ่อคือจอห์นเฝ้าแต่รำพันว่าเขาจะต้องมีลูกสาวอีกสองคนแทนที่คนเก่าให้ได้      ปีต่อมาฟลอเรนซ์ก็ตั้งครรภ์ คลอดลูกสาวแฝดออกมา  ตั้งชื่อว่าจิลเลียนและเจนนิเฟอร์   
    ทั้งที่จอห์นนับถือคริสตศาสนานิกายคาทอลิค  ซึ่งไม่สอนให้เชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้า      เขาก็กลับเกิดความเชื่อขึ้นมาว่า ลูกน้อยทั้งสองกลับมาเกิดใหม่แน่ๆ   ฟลอเรนซ์เองก็รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตั้งครรภ์  เมื่อลูกสาวคู่ใหม่คลอดออกมา  เธอสังเกตว่า นอกจากลูกสาวคู่ใหม่จะหน้าตาเหมือนลูกสาวที่จากไปแล้ว  เจนนิเฟอร์ยังมีรอยตำหนิบนหน้าผากเป็นเส้นสีขาวๆตรงกับเป๊ะกับรอยแผลเป็นที่จาคเกอลีนเคยมี


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 18, 13:31
   เมื่อเด็กแฝดอายุได้ 3 เดือน พ่อแม่ย้ายไปอยู่ที่เมืองวิทลี เบย์    สองปีต่อมาเมื่อโตพอจะพูดสื่อสารกับผู้ใหญ่ได้  หนูน้อยทั้งสองร้องหาตุ๊กตา  ไม่ใช่ตุ๊กตาของใหม่วางขายในร้าน  แต่ร้องหาตุ๊กตาเก่าๆที่เคยเป็นของเล่นของพี่สาวผู้ล่วงลับ  ทั้งๆเด็กทั้งสองไม่เคยมีโอกาสเห็นตุ๊กตาเหล่านี้มาก่อนเลย
   พอลูกอายุได้ 4 ขวบ  ครอบครัวนี้ย้ายบ้านกลับมาที่เมืองเฮกแซมอีกครั้ง     เด็กแฝดซึ่งไม่เคยมาเที่ยวที่นี่มาก่อน กลับชี้ให้พ่อแม่ดูสถานที่ต่างๆในเมืองได้ถูกต้อง ล้วนเป็นสถานที่ที่พี่สาวทั้งสองรู้จัก เช่นโรงเรียนที่เคยเรียนก่อนเสียชีวิต  ส่วนตุ๊กตาเก่าๆที่พี่สาวเคยเล่น  เด็กทั้งสองก็เรียกชื่อได้ถูกต้อง
    อีกเรื่องที่ประหลาดคือ  เวลาเห็นรถยนต์ผ่านหรือสวนทางมา   เด็กทั้งสองจะกลัวเป็นพิเศษ เอาแต่ร้องกรี๊ดๆว่า
    " รถจะชนเรา"
    แต่เมื่ออายุถึง 5 ขวบ  ความทรงจำนี้ก็หายไปหมด     เจนนิเฟอร์และจิลเลียนกลับเป็นเด็กปกติที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรในอดีตอีกเลย

   


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 18, 17:47
ข่าวนี้ใกล้ตัวหน่อย  เพิ่งเกิดหยกๆนี่เอง

https://mgronline.com/local/detail/9610000106970

ขนหัวลุก! กู้ภัยเผยภาพเงาปริศนานั่งเฝ้าศพ “ผอ.รพ.สต.” แขวนคอตายหนีโรคร้าย
เผยแพร่: 26 ต.ค. 2561 11:03   ปรับปรุง: 26 ต.ค. 2561 12:50   โดย: ผู้จัดการออนไลน์
 
พิษณุโลก - ขนหัวลุกกันทั่ว..กู้ภัยฯ เผยภาพเงาปริศนานั่งริมคลองน้ำทิ้งเฝ้ามองศพ “ผอ.รพ.สต.” ทิ้งจดหมายลาแขวนคอตายใต้ต้นฉำฉาหนีโรคร้าย หลายคนเชื่อเป็นวิญญาณผู้ตาย

วันนี้ (26 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้คนในสังคมออนไลน์ต่างฮือฮากันทั่ว หลังมีการโพสต์ภาพเหตุการณ์ค่ำคืนเกิดเหตุ กรณีพบศพ นายพงศ์ชิรการ ปีกรอด อายุ 45 ปี ผอ.รพ.สต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตัดสินใจเขียนจดหมายลาตายขอโทษแม่และเพื่อนร่วมงาน ขับรถเก๋งส่วนตัวมาจอดไว้ในลานดินพื้นที่กว่า 3 ไร่ ริมถนนสายเลี่ยงเมืองสี่แยกบ้านกร่างมุ่งหน้าสี่แยกเอกซเรย์ พื้นที่หมู่ 1 บ้านเด่นโบสถ์ ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ก่อนจะเดินไปผูกคอตัวเองกับกิ่งต้นฉำฉาติดคลองน้ำทิ้งริมทุ่งจนเสียชีวิต



นายอนุชา นาทิพย์ หัวหน้าสมาคมกู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลก เปิดเผยว่า คืนที่รับแจ้งเหตุ ได้ขับรถไปตรวจสอบกับทีมงานรวม 5 คน ที่เกิดเหตุเป็นลานดินโล่งกว้างห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 200 เมตร และต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 50 เมตร บรรยากาศเงียบสงัด และมืดสนิทชวนให้ขนหัวลุก

ตอนนั้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง พวกตนพยายามใช้ไฟฉายส่องบริเวณที่พบศพ ซึ่งเป็นต้นฉำฉาอยู่ริมคลองน้ำทิ้ง ก่อนจะควักโทรศัพท์ถ่ายภาพขณะปฏิบัติหน้าที่รวบรวมเป็นข้อมูลส่งเข้าหน่วยงาน แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ามีรูปภาพอยู่รูปหนึ่งมีเงาสีดำคล้ายกับผู้ชายนั่งเฝ้ามองดูศพที่ห้อยอยู่ใต้ต้นฉำฉาอยู่ไม่ห่าง และมีผู้ชายอีกหนึ่งคนนั่งมองมาทางพวกตน ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแพทย์เวรมาถึงจึงเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด

หลังมีการเผยแพร่ภาพออกไปและแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก บางคนเชื่อว่าเป็นดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตที่มานั่งเฝ้าดูศพของตนเองก็เป็นได้ แต่บางคนก็ไม่เชื่อเพราะน่าจะเป็นเงาของต้นไม้ และแสงพระจันทร์เต็มดวงในคืนวันออกพรรษามากกว่า

น.ส.ลำพึง สุทธิศักดิ์ อายุ 69 ปี ซึ่งหมอเชษนับถือเหมือนป้าแท้ๆ กล่าวว่า คืนที่ผ่านมามีการตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดช่างเหล็ก ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก มีญาติ ครอบครัว เพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมงานเดินทางมากันเป็นจำนวนมาก ทุกคนรู้สึกโศกเศร้าเสียใจเมื่อรู้ข่าวร้ายของหมอเชษ

ส่วนกรณีที่มีคนถ่ายภาพติดวิญญาณนั้น ตนเองและชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้เห็นภาพนี้แล้วมีความเชื่อส่วนตัวว่าน่าจะเป็นดวงวิญญาณของหมอเชษจริงๆ เพราะคนโบราณเชื่อกันว่าวิญญาณที่ตายใหม่ๆ จะยังไม่รู้ตัวเองว่าตายไปแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งศพของหมอเชษจะทำการฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 28 ต.ค.นี้

 


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 18, 17:51
พยายามโพสภาพแต่ไม่สำเร็จค่ะ  ไม่รู้ว่าระบบไม่รับภาพเพราะอะไร
ใครอยากเห็นเข้าไปดูในลิ้งค์เอง
ฝากดูด้วยว่าใช่ไหม  เพราะดิฉันดูไม่ออกจริงๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ต.ค. 18, 08:30
ลองโพสต์ดู จะถูกผีหลอกไหมหนา  ;)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 18, 08:55
ดูเท่าไหร่ก็ไม่เห็น  สงสัยกลัวหนัก จิตใต้สำนึกเลยเบลอภาพซะ
ช่วยทำลูกศรชี้หน่อยได้ไหมคะ  คุณเพ็ญชมพู?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ต.ค. 18, 09:33
pareidolia ?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 ต.ค. 18, 09:37
มองยังไงก็ไม่เห็นผี  ไม่มีชัดๆ แบบภาพนี้บ้างหรือครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 18, 10:21
ถังขยะหรือเปล่าคะ?
แล้วขาวๆนั่นอะไร?


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 18, 10:23
มองยังไงก็ไม่เห็นผี  ไม่มีชัดๆ แบบภาพนี้บ้างหรือครับ
ชัดเกินไปนะคะ :o :o :o


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ต.ค. 18, 14:31
ผมใช้รูปนี้แกล้งเพื่อนเป็นประจำโดยแอบเปลี่ยนภาพพื้นหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อนเป็นภาพนี้ พอเพื่อนเปิดเครื่องมาเจอภาพนี้ก็ผงะหงายตกใจกันทุกคน  สาวๆ โดนผมแกล้งด้วยภาพนี้ไปหลายคน สุดท้ายทุกคนมาตกหลุมรักผมหมด ได้หักอกซ้ำสอง  ภาพนี้เป็นภาพน่ากลัวที่ผมชอบมากๆ และไม่มีคำอธิบายว่าภาพนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นภาพตัดต่อหรือแต่งด้วยโปรแกรมอะไรหรือไม่  ใครรู้วานมาเฉลยให้ด้วยนะครับ  ฝากไว้ให้ดูกันคืนนี้ จะได้นอนหลับฝันดีกันทุกคน   ใครมองหาไม่เจอว่าภาพนี้มันมีอะไร รบกวนค่อยๆ มองหา รับรองว่าไม่เกินความสามารถแน่ๆ

ปริศนาในภาพโปรดของคุณประกอบอยู่ในวงกลม จะว่าชัดก็คงไม่ชัดเท่าไร

pareidolia อีกแล้วกระมัง  ;D


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ต.ค. 18, 18:35
ตอนนี้ผมรู้จักผู้เรียกพญายมคนนึงครับ  แต่ไม่กล้าเอามาเล่า  :-X


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 ต.ค. 18, 10:08
       เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย

วันนี้ บีบีซีไทย เขามีคำอธิบายด้วย เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ 5 ข้อ ที่ทำให้คนเห็นผี

https://www.bbc.com/thai/international-41819139?ocid=socialflow_facebook

1. ความผิดปกติในการนอน
2. ภาวะกลัวผีและสิ่งลึกลับอย่างรุนแรง (Phasmophobia)
3. การขาดออกซิเจน
4. ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษ
5. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 30 ต.ค. 18, 14:10
อ้างถึง
คนที่เข้าไปในอาคารเก่า ๆ หรือสถานที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งมีเชื้อราและสารพิษอื่น ๆ อยู่มาก อาจเกิดการขาดออกซิเจนในสมองขึ้นชั่วขณะได้ แต่ละคนอาจมีอาการมากน้อยต่างกันไป แต่ก็สามารถทำให้คนเหล่านั้นเชื่อได้ว่าตนเองมองเห็นภูตผีปีศาจเข้าจริง ๆ

ข้อนี้ใกล้เคียงกับเรื่องปู่แม็คเคนซี่อยู่นะครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 30 ต.ค. 18, 14:48
       
1. ความผิดปกติในการนอน
2. ภาวะกลัวผีและสิ่งลึกลับอย่างรุนแรง (Phasmophobia)
3. การขาดออกซิเจน
4. ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษ
5. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ไม่มีเหตุผลอันที่หก คือผีมีจริง ๆ เพียงแต่วิทยาศาสตร์ยังหาวิธีพิสูจน์การมีอยู่ไม่ได้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 18, 15:35
อ้างถึง
ข้อนี้ใกล้เคียงกับเรื่องปู่แม็คเคนซี่อยู่นะครับ
ปู่แม็คเคนซีคือใครคะ?

ดิฉันกลับไปนึกถึงผู้หญิงสองคนที่ไปเห็นวิญญาณบริเวณตำหนักตริอานง
เป็นไปได้ไหมว่า สถานที่รกร้าง เก่าแก่ ทิ้งร้างมานานอาจมีสารพิษและเชื้อราที่ทำให้เธอทั้งสองฟั่นเฟือนเห็นอะไรประหลาดๆ
เป็นคำตอบว่าทำไมเธอทั้งสองจึงเห็นเหตุการณ์และผู้คน แตกต่างกันไป


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ย. 18, 10:37
Security guard 'runs for his life' after seeing a 'shadowy figure' as he inspects empty plane

https://www.youtube.com/watch?v=496JJND3eCE


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ย. 18, 10:45
ข้างล่างนี้ถ้าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ปรากฏการณ์โฟโต้ฉ็อป  ก็ถือว่าเป็นสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย

 https://www.youtube.com/watch?v=-VQolNgNJjc


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 18, 16:56
https://campus.campus-star.com/actale/1477.html

เชื่อว่าหลายๆ คน ต้องคิดแบบนี้กันอย่างแน่นอนว่า มหาวิทยาลัยใดที่มีที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเขตวังเก่า หรือเคยเป็นวังมาก่อน ก็จะมีเรื่องราวกล่าวขานมานาน และยิ่งทวีความหลอนเข้าไปอีก เพราะแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ และความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนั้น รวมถึง มหาวิทยาลัยศิลปากร เขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่เดิมของอาณาบริเวณเขตพระราชฐานพระราชวังสนามจันทร์ เป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และยังเป็นอีกสถานที่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผีดุเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอีกด้วย

ป.ล.เรื่องนี้เล่าลือกันมาตั้งแต่ตั้งวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อพ.ศ. 2511    จนบัดนี้ก็ยังไม่เลิกลือ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 13 พ.ย. 18, 20:02
ม ศิลปากรนครปฐมนั้นเป็นพื้นที่วังเก่า ไม่ใช่คุก แต่มีตำนานเรื่องผีนักโทษประหาร ผีนักโทษอื่น ๆ ยาวนานมาก


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 18, 20:08
ไม่ใช่คุกค่ะ  แต่ลือว่าเป็นลานประหาร และฝังนักโทษ
แถวๆคณะศึกษาศาสตร์ตอนก่อสร้างตึกใหม่ มีข่าวขุดพบหัวกระโหลก
อีกอย่าง มีถนนชื่อถนนยิงเป้าอยู่ใกล้ๆ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: tita ที่ 18 ธ.ค. 18, 10:05
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว  ม่ข่าวที่น่าสนใจข่าวหนึ่ง

ในการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีหญิงเทเรซ่า เมย์ ของอังกฤษ  จู่ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งปรากฎกายขึ้นด้านหลังของคนที่กำลังให้สัมภาษณ์  ราวกับ teleport มาจากอนาคต

https://www.youtube.com/watch?v=WP1KkADV4Bo


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 18, 15:59
แยกกระทู้ไปที่ ผีไทย ผีเทศ ค่ะ
ติดตามได้ที่
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6963.0


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 18, 09:16
มาต่อกระทู้นี้อีกครั้ง
เหตุการณ์ในคลิปข้างล่างนี้  จะอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่ายังไงดีคะ

https://www.youtube.com/watch?v=ub1-oYWZwSA


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ม.ค. 19, 18:36
แสงสีชมพูประหลาดบนฟ้าราตรีนี่คืออะไรหนอ?

https://www.youtube.com/watch?time_continue=168&v=hKKXHHx6zBE


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ค. 20, 10:02
หลอนกลางดึก! วีลแชร์ รพ.สต.เคลื่อนที่กลางดึก เดินหน้า-ถอยหลังเอง

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ "YouLike คลิปเด็ด V5" ได้นำเสนอคลิปวิดีโอ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์สุดขนลุกเอาไว้ได้ โดยระบุข้อความว่า "คลิปวงจรปิด เมื่อเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ติดกล้องวงจรปิดวันแรก เหตุเกิดที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคำด้วง ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี"

ซึ่งในคลิปเป็นช่วงเวลาดึกแล้ว จะเห็นวีลแชร์คันหนึ่งจอดอยู่ที่บันได้ทางขึ้น ระหว่างนั้นวีลแชร์คันดังกล่าวกลับเคลื่อนที่ออกมาจากที่จอดโดยไม่มีคนเข็น และเลี้ยวเอียงไปตามทาง ก่อนจะจอดนิ่งอยู่พักใหญ่ จากนั้นวีลแชร์ก็ได้ถอยหลังเอง แล้วจอดนิ่งสนิทอยู่อย่างนั้น ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย จึงทำให้คิดกันว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ หรือสิ่งลี้ลับ

แต่กระนั้นก็ยังมีคนมาจับผิดว่าน่าจะเป็นการตัดต่อ เพราะเวลาในกล้องช่วงนาทีที่ 4 หายไปประมาณ 30 วินาที ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_4203776


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ค. 20, 10:06
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 เม.ย. 21, 12:46
ดึงกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่ออ่านเจอข่าวนี้

Photos: Mystery Kid Crosses Quiet Aussie Road In The Dead Of Night

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โกลด์โคสต์ ออสเตรเลีย  เมื่อคืนวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๐๒๑  นี้เอง
ชายคนหนึ่งชื่อ  Mitch Kuhne ขับรถอยู่บนทางหลวงในยามดึก  จู่ๆก็เห็นร่างเล็กๆ เหมือนเด็กอยู่ตรงเลนซ้ายสุด ค่อยๆเดินเหมือนจะข้ามถนน  ตรงที่รถแล่นผ่านไปพอดี  
มิตช์ไม่ได้หยุดรถ   แต่ขับผ่านไปอย่างหวุดหวิด    จากนั้นก็โทรแจ้งตำรวจ บอกพิกัดถึงสถานที่ที่เขาเห็นเด็กข้ามถนนในยามดึกเพียงลำพัง
ตำรวจรับแจ้งแล้วรีบออกค้นหาทันที      มิตช์บอกว่าตำรวจแจ้งว่าพบเด็กแล้ว ปลอดภัย  พาส่งบ้านแล้ว  แต่ต่อมาตำรวจกลับแจ้งมาอีกทีว่าไม่ได้วี่แววเด็กหรืออะไรทั้งสิ้น    และไม่ได้โทรหามิตช์ด้วย
กล้องติดหน้ารถบันทึกภาพได้  แสดงว่ามิตช์ไม่ได้โกหก   แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าร่างประหลาดที่ทำท่าจะข้ามถนนนั้นคืออะไร

ในเว็บนี้มีภาพกล้องติดหน้ารถที่บันทึกภาพได้ด้วยค่ะ

https://worldofbuzz.com/photos-mystery-kid-crosses-quiet-aussie-road-in-the-dead-of-night/


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 28 เม.ย. 21, 22:36
ดูไม่ออกว่าเป็นเด็กเลยครับ


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 21, 08:56
คิดว่าเป็นคนหรือสัตว์คะ?  บางคนให้ความเห็นว่าเป็นลูกจิงโจ้


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 21, 13:47
เปิดคลิป ! วงจรปิดจับเงาดำปริศนาเดินเข้าเซเว่น | เล่าข่าวข้น | TOP NEWS

https://www.youtube.com/watch?v=WAH83VGoyQU


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: nathanielnong ที่ 19 พ.ค. 21, 15:34
ผมมาทีหลัง  ไม่ทราบว่าคุยเรื่องนี้ไปกันแล้วยัง

ผมอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่ยังอยู่ชั้น ม. ต้น  ก็ร่วม 50 ปีมาแล้ว  ตอนนั้น อตน. ยังไม่เกิด  หารายละเอียดได้ยากเย็น

นึกว่าคนลืมกันไปหมดแล้วเสียอีก

พอ อตน. มาเกิดเลยได้รู้รายละเอียดมากขึ้น

https://www.youtube.com/watch?v=d4m3HvTFG9Y


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: nathanielnong ที่ 19 พ.ค. 21, 15:41
อีกเรื่องเก่าแก่ที่รู้มาตั้งแต่เด็กที่แปลกดี

https://www.youtube.com/watch?v=NQ3f1U-cNOw


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 พ.ค. 21, 10:17
เรื่องลึกลับของคุณโหน่ง

ที่บ้านผมมีงั่ง (ตอนนั้นไม่รู้จักชื่อนี พอเกิดเรื่องแล้วค่อยหาประวัติความเป็นมา) อยู่หนึ่งชิ้น เป็นของโบราณมาตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยาย ผมเห็นมาตั้งแต่เกิด วางอยู่รวมกับพระพุทธรูปอื่น ๆ ตอนเด็ก ๆ เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมพระองค์นี้ถึงได้ขี้ริ้วจัง ถามคุณยาย ท่านก็ไม่ทราบ บอกแต่ว่านึกไม่ออกว่าได้มาจากใครหรือตั้งแต่เมื่อไร (คุณตาตายก่อนผมเกิด)
 
วันหนึ่งนานมาแล้ว  ประมาณปี ๒๕๓๐ กว่า ๆ มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นในบ้าน  บ้านหลังนี้เป็นของคุณตาและคุณยายซึ่งผมอยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด  เป็นบ้านไม้สักทองทรงโบราณตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ในเขตวงเวียนใหญ่

เรื่องร้ายดังกล่าวเกี่ยวกับการตีรันฟันแทง (ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นคุณยายตายไปแล้ว  ส่วนคุณตาตายไปก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก  เหลือแต่ผมกับน้าสาวรวม ๒ คนในบ้านหลังใหญ่  ตอนนั้นเราดัดแปลงตึกแถวหน้าบ้านห้องหนึ่งมาทำเป็นโรงเรียนสอนขับรถยนต์) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามาก่อน  เป็นเรื่องระหว่างคนในบ้าน (ครูสอนขับรถยนต์ที่เราจ้างมา) กับคนนอกบ้าน  เรื่องร้ายนี้เกิดขึ้นกลางดึกซึ่งผมหลับไปแล้วจึงไม่รู้เรื่อง
 
ตื่นเช้าขึ้นมา  ผมเดินผ่านหิ้งพระซึ่งเป็นแบบทำเอง คือเป็นชั้นสามเหลี่ยม ๓ ชั้นเข้ามุม ชั้นล่างสุดอยู่สูงจากพื้นประมาณช่วงสะโพก  ต่ำลงมามีโต๊ะวางเครื่องบูชาเช่นกระถางธูป เชิงเทียน และแก้วใส่น้ำ  หิ้งพระนี้ตั้งอยู่ชั้นบนของบ้าน  และอยู่หน้าห้องนอนของผม

ขณะเดินผ่านเพื่อจะลงบันไดไปชั้นล่าง  ตาผมเหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในแก้วน้ำบนโต๊ะวางเครื่องบูชา  กล่าวคือ ในแก้วนั้นมีงั่งนั่งจมน้ำอยู่โดยหันหน้าออก  ผมยืนตะลึงและขนลุกซู่กับภาพที่เห็นขึ้นมาทันที  

อย่างที่บอกว่า ปกติงั่งนั่งอยู่รวมกลุ่มกับพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ บนหิ้งชั้นสามหรือชั้นล่างสุดซึ่งอยู่สูงขึ้นไปจากโต๊ะวางเครื่องบูชา  งั่งนี้ทำด้วยสัมฤทธิ์  ถ้าจะเกิดการพลัดหล่นลงมาลงแก้วน้ำที่อยู่ต่ำลงไป  แก้วต้องแตกแน่นอนด้วยน้ำหนักของงั่ง  

อย่างไรก็ตาม  ตามรูปการณ์แล้วไม่มีทางเป็นไปได้  ประการแรก งั่งไม่ได้นั่งหมิ่นอยู่ริมหิ้ง  ถ้าจะล้มก็ควรจะล้มลงบนพื้นของหิ้งนั้น  ไม่มีทางหล่นจากหิ้งลงมาได้  ประการที่สอง การที่งั่งทำด้วยสัมฤทธิ์มีน้ำหนัก  จึงเป็นไปได้ยากที่จะล้มได้ง่าย ๆ นอกจากจะมีใครปัด  ซึ่งชั้นบนของบ้านไม่มีใครขึ้นมา  มีผมครอบครองอยู่คนเดียว (น้าสาวนอนชั้นล่าง)  และประการสุดท้าย  ตำแหน่งที่งั่งนั่งก็อยู่คนละด้านกับแก้วน้ำ  กล่าวคืองั่งนั่งอยู่ด้านซ้ายบนหิ้ง  ส่วนแก้วน้ำวางอยู่ด้านขวาบนโต๊ะบูชา

สิ่งที่ผมเห็นในเช้านั้น  เหมือนมีใครจับงั่งมาแล้วค่อย ๆ หย่อนลงแก้วน้ำ  ผมสังเกตเห็นด้วยว่าน้ำในแก้วซึ่งปกติเป็นน้ำฝนตอนนี้มีสีเหลืองใสเหมือนน้ำเก๊กฮวย

ผมลงไปถามคนในบ้าน (น้าสาวกับครูสอนฯ) ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง  ทุกคนเดินขึ้นมาดูให้เห็นกับตา  บอกว่าหิ้งพระนี้ผมเป็นคนดูแลแต่ผู้เดียว ไม่มีใครกล้าขึ้นมายุ่งเกี่ยว  แล้วพวกเขาก็เล่าเรื่องร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนซึ่งผมไม่รู้เรื่องเพราะหลับไปก่อนให้ฟัง มันช่างประจวบเหมาะจริง ๆ  งั่งอยู่บนหิ้งมาเป็นเวลา ๖๐-๗๐ ปีอย่างสงบ  จู่ ๆ ก็เกิดอภินิหารขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับเหตุร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามาก่อน แปลกดี

บัดนี้ ผมก็ยังไม่ทราบความหมายของเรื่องมหัศจรรย์ในคืนนั้น

จากกระทู้ สมบัติเจ้าคุณตา (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7215.msg176345#msg176345)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: nathanielnong ที่ 23 พ.ค. 21, 10:21
เล่าต่อ...

เหตุการณ์นั้นเกิดเมื่อราวกลาง ทศ.ที่ 30  ตอนนั้น อตน. เพิ่งเตาะแตะ  ยังไม่มีข้อมูลให้ค้นหา  ผมก็เลยไม่รู้ว่า สิ่งนั้น (หมายถึง งั่ง) เค้าเรียกว่าอะไร

เวลาผ่านมาถึงต้น ทศ.ที่ 40 ผมจึงสามารถหาข้อมูลจาก อตน. ได้ 

วันนึงผมได้พบกับ คนที่ใช้นามแฝงว่า ‘คนเก่า’  ผมเล่าเรื่องให้ฟังและแนบรูปให้ดู  ก็ได้ความเพิ่มเติมว่า  สิ่งดังกล่าวเรียกว่า งั่ง  เป็นเครื่องรางทางไสยศาสตร์  เพราะฉะนั้นห้ามวางร่วมกับพระพุทธรูป  แต่ที่ผ่านมา งั่ง นั่งเด่นร่วมกับพระพุทธรูปมาตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก  แสดงว่าคุณตาคุณยายไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย  แต่ก็ไม่เห็นใครเอ่ยเรื่องงั่งสำแดงฤทธิ์อะไรให้ฟัง  จนกระทั่งถึงวันนั้น

เวลาผ่านไปอีก 1 เพลิน  ผมก็ได้พบกับผู้มีความรู้อีกท่าน  เธอใช้นามแฝงว่า ‘ตาที่สาม’  ผมเล่าเรื่องเดิมพร้อมแนบรูปให้ดู  คุณตาที่สามตอบกลับมาพร้อมเบอร์โทรให้ผมโทร. ไปคุย  เป็นเบอร์มือถือ

เนื่องจากผมไม่มีมือถือ  ก็ไปหน้าด้านขอยืมเพื่อนมาโทร.  ในช่วงเวลาดังกล่าวมือถือกำลังพัฒนา  สัญญาณไม่ค่อยดีเสียงขาด ๆ หาย ๆ

คุณตาที่สามรับสาย  เสียงที่ได้ยินเอะอะจอแจมาก  ฟังไม่ค่อยออก  เธอบอกว่าเปิดร้านขายพระอยู่ที่สวนจัตุจักร

พอได้คุยกัน  เธอก็เอ่ยก่อนว่าผมที่ความสามารถพิเศษและเสริมว่า  ต่อไปธรรมะจะเข้ามาจัดสรร  ผมจะต้องเลือกเอาว่าจะไปทางไหน

ผมฟังแล้วก็งง  มันไม่ใช่เรื่องที่ผมหวังจะได้ยิน  ธรรม้งธรรมะอะไรกัน  ไม่รู้จัก

จากนั้นคุณตาที่สามบอกว่าให้ผม ‘project’ รูป งั่ง ให้ดูหน่อย

เธอใช้คำว่า project นี่แสดงว่าคุณตาที่สามไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา

ผมสามารถ project ภาพได้  ก็ทำให้ดู (ทางมือถือ)

สักพัก คุณตาที่สามก็พึมพำว่า ‘เห็นแล้ว’  เดี๋ยวจะขอคุยซักหน่อย
 
ผมฟังอยู่ทางปลายสาย  รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด
 
แผล็บเดียว  ก็ได้ยินเสียงเธอพูด ‘มาแล้ว  หน้าถมึงทึงมาเชียว’

ฟังแค่นี้ผมก็ใจหาย (ชห.แล้ว) ทำเค้าโกรธรึเปล่าเนี่ย  หาเหาซะละกู

ผมก็พยายามเงี่ยหูฟัง  ว่าปลายสายฝั่งโน้นคุยอะไรกันบ้าง เสียงเอะอะจอแจเป็นอุปสรรคที่ฟังอะไรไม่ได้ศัพท์เลย  อีกทั้งคุณตาที่สามก็ไม่ได้เอามือถือจ่อไว้ที่ปาก

อีก 1 แป๊บ  เธอก็กลับมาคุยกับผม  เธอบอกว่า

สิ่งที่อยู่ในงั่งเป็นพรานป่า (ที่หน้าถมึงทึง เพราะเป็นหน้าปกติของพรานป่าฆ่าสัตว์)  มีชื่อว่า ....  เธอบอกว่าเพราะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเลยต้องรับกรรม คนที่ได้เค้าไปถ้าเป็นคนดี  เค้าจะเสริม  ถ้าเป็นคนชั่ว  เค้าก็จะเสริมเช่นกัน

เท่าที่นึกออก  ข้อมูลมีเท่านี้  แต่ก่อนจะไปเค้าฝากบอกผมว่า  ถ้ากินฝรั่งเมื่อไรให้นึกถึงเค้าด้วยเพราะเค้าชอบฝรั่ง  ส่วนสีชอบสีแดง

ผมฟังแล้วอ้าปากค้าง  ผมชอบกินฝรั่งที่สุด  ส่วนสีก็สีแดงเป็นสีประจำตัว  จะถูกจะแพงเอาแดงเข้าว่า  ทำนองนั้น


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 มิ.ย. 21, 10:08
เรื่องลึกลับของคุณโหน่ง (๒)

มีครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวอียิปต์  ระหว่างที่เดินเที่ยวอยู่ที่ปิรามิดขั้นบันไดที่เมือง Sakkara ผมเก็บหิน alabaster ก้อนเล็ก ๆ กลับมาบ้านเป็นที่ระลึก  ผมได้ยินคำเตือนมานักต่อนักว่าไปเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์แบบนี้อย่ามือบอนเก็บไอ้นู่นไอ้นี่กลับมาบ้านเดี๋ยวจะเกิดเรื่อง  ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ  แต่ผมอยากลองดู

(http://image.free.in.th/v/2013/id/210606025701.jpg)

หลังจากกลับมาบ้านเรียบร้อย  ผมก็เริ่มทดสอบ  

ปกติผมจะนั่งสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว  เป็นการนั่งแบบไม่มีครูสอนจึงไม่รู้ว่าหลักการเป็นอย่างไร  ในเวลานั้นผมยังไม่รู้จัก ‘อานาปานสติ’  การนั่งสมาธิของผมจึงเป็นการนั่งไปเรื่อย ๆ  คิดเรื่อยเปื่อยบ้างไม่คิดบ้าง  จนถึงจุดหนึ่งสมองคงล้ามันก็เลิกคิดแล้วก็นิ่งเงียบ  ต่อจากนั้นผมจะรู้สึกเคลิ้ม ๆ เหมือนกับจะหลับแต่ยังไม่หลับ  มันครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตอนนี้แหละผมจะเห็นอะไรต่อมิอะไรมากมายล้วนจับต้นชนปลายไม่ถูก  ที่บ่อยที่สุดคือไปอยู่ในสถานที่แปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  หรือเห็นผู้คนมากมายซึ่งก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเช่นกัน
  
ตอนแรกผมนึกว่าสมองเริ่มต้นคิดใหม่เกิดเป็นภาพ  แต่จากนิมิตผู้คนที่ผมเห็นนั้นช่วยยืนยันว่าผมไม่น่าจะคิดเอง  เป็นต้นว่า  ผมเห็นผู้คนมากมายเดินไปมาแล้วจู่ ๆ ก็มีคน ๆ หนึ่งหยุดกลางคันแล้วหันมามองผมจากนั้นก็เดินเข้ามาหาแล้วจ้องหน้าผมแบบสำรวจตรวจตราแต่ไม่ได้พูดว่าอะไรก่อนจะเดินจากไป  หรือบางทีก็เห็นคนเดินตรงมาแล้วยื่นจานใส่อาหารให้แบบเงียบ ๆ ก่อนจะเดินจากไป  แล้วก็มีอีกครั้งหนึ่งที่ขณะนั่งสมาธิอยู่ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดไทยสีเขียวไพลเดินมาถึงก็ทรุดตัวลงนั่งพับเพียบต่อหน้าแล้วก้มหน้ามองพื้น  ไม่พูดไม่จา ฯลฯ

สำหรับการนั่งในครั้งนี้เป็นการนั่งแบบมีจุดประสงค์  พอมีจุดประสงค์ผมก็ไม่มั่นใจว่านั่ง ๆ ไปแล้วสมองจะเล่นกลกับผมรึเปล่า  แต่ผมก็ลองดู  ผมนั่งขัดสมาธิ  มือข้างหนึ่งกำหิน alabaster ไว้

พอถึงจุดที่สมองเริ่มเบื่อกับการคิดฟุ้งซ่านแล้วมันก็เลิกคิดอย่างที่เกิดขึ้นทุกที  ผมก็เริ่มง่วง  แล้วผมก็พบว่าตัวเองไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากที่อียิปต์โบราณ  ผมมองไปรอบ ๆ เห็นชาวบ้านกำลังทำงานประจำวัน  บางคนตำหญ้าบางอย่างในครกขนาดใหญ่  บางคนให้อาหารเป็ดไก่  มีเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน อากาศร้อนและแห้งแล้ง

ระยะเวลาที่เห็นเพียงแค่ ๒-๓ อึดใจแล้วผมก็กลับมาสู่ปัจจุบัน

ผมลองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น  คราวนี้มีชาวอียิปต์แต่งตัวเหมือนคนงานเดินมาหาผม  เขาดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไปยังกลุ่มคนงานที่เดินอยู่ข้างหน้า  ผมเดินปะปนไปกับกลุ่มคนเหล่านั้น  ตามพวกเขาไปเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็ถึงปากทางเข้าปิรามิด  ชายคนที่พาผมมาแต่ต้นหันมาบอกว่าจะพาไปดูของดี ๆ ข้างในกัน  เขาไม่ได้พูดภาษาไทยแต่ผมกลับเข้าใจเป็นอย่างดี  แต่อนิจจาพอเดินเข้าไปภายในปิรามิดผมก็กลับมาสู่ปัจจุบัน  รวมระยะเวลาที่เห็นประมาณ ๒-๓ อึดใจเช่นกัน

ผมไม่มีบทสรุปสำหรับการทดลองนี้ว่าผมถอดจิตออกไปจริงหรือว่าสมองเล่นกล  อย่างไรก็ตาม  ทดลองได้เพียง ๒ ครั้งผมก็เลิก

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งที่ ๓ นี้ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างนั่งสมาธิแต่เกิดในความฝันในตอนกลางคืน  ผมฝันว่าอยู่ในดินแดนอียิปต์โบราณ  ในขณะนั้นเกิดแผ่นดินไหวส่งเสียงระเบิดดังกัมปนาทเกิดความโกลาหลไปทั่ว  ผมเองก็วิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน  ตอนตกใจตื่นหัวใจยังเต้นแรงอยู่เลย

หลังจากคราวนั้นผมกับหินก็เลิกคบหากัน  แต่ผมไม่ได้ทิ้งขว้าง  เอาเขามาแล้วต้องรับผิดชอบ  ผมก็เก็บเอาไว้ในลิ้นชัก  แล้วทำลืม

ผมคิดว่าถ้าหินยังแสดงอภินิหารอีกก็คงต้องเอาไปไว้ที่วัด  แบบที่ชาวบ้านทำกัน  แต่หลังจากคืนนั้นหินก็ไม่ได้มามีบทบาทอะไรอีก

วันเวลาผ่านไป  ซึ่งระหว่างนั้น  ตรงตามที่ ‘คุณตาที่สาม’ เคยบอกไว้  ธรรมะเข้ามาจัดสรร  จาก ‘ลูกเทวทัต’ ผมก็กลายมาเป็น ‘ลูกพระพุทธเจ้า’  และวันหนึ่งผมก็ได้พบกับพระสุปฏิปันโน
 
เอาแบบย่นย่อ  ผมเล่าเรื่องหินที่ว่าให้ฟัง  พระท่านขอดูหิน  ท่านกำหินแล้วหลับตา  แป๊บนึงก็ลืมตาแล้วยิ้ม

ผมถามว่า  หินมีตัวมั้ย  ท่านบอกว่า มี

แสดงว่าการที่ผมลองดีในช่วงนั้น  ผมเจอของจริง  ไม่ใช่ฟุ้งซ่าน

ผมถามว่า เค้าเป็นใคร

ท่านบอกว่า เค้าไม่บอก  แต่ตอนนี้เค้าสงบเพราะโยมสวดมนต์ให้เค้าฟังทุกวัน

เป็นไงล่ะ  ศาสนาพุทธของเรา ...

จากกระทู้ สมบัติเจ้าคุณตา (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7215.msg176482#msg176482)


กระทู้: เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ส.ค. 21, 09:53
https://www.youtube.com/watch?v=pzEMH5e_YSk