เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: โสกัน ที่ 26 ม.ค. 01, 05:31



กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 26 ม.ค. 01, 05:31
ผมรอคำตอบที่คุณ นกข. รับฝากถามมา(ความเห็น ๔๒ กระทู้"ดีเจเปิดคลื่นใหม่") ที่ว่าในเนื้อเพลง  "ฉันทนาที่รัก"
ถ้าปิดไฟใส่กลอน แล้วจะเขียนจดหมายยังไง เพราะคงมืดน่ะครับ วันนี้ผมดูทีวีรายการที่เขาทรายกับเขาค้อ กาแลกซี่
นักมวยแฝด  ได้ยินเขาพูดคำนึงที่เป็นสำนวนไทย "มัดมือชก" แต่ก่อนเข้าใจว่าหมายถึง การที่ต้องจำใจทำโดยไม่มีทางเลือก  ตอนนี้ชักไม่แน่ใจครับ สำนวนนี้มีความเป็นมาอย่างไรครับ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ม.ค. 01, 08:32
คำถามเรื่องปิดไฟใส่กลอน  จำได้ว่ามีคนถามตั้งแต่เพลงนี้ยังดังขึ้นมาใหม่ๆ  แต่ไม่มีคำตอบ
ถ้าเจ้าหนุ่มผลีผลามออกจากมุ้งมาเขียนจดหมาย ไม่ทันเปิดไฟ  คงจะเขียนทั้งมืดๆ มีความรักแทนไฟฉายมั้งคะ
ตอบอีกที...ดิฉันว่าคนแต่งเพลงเขาคงเว้นให้เข้าใจเอาเองว่าออกจากมุ้งมาก็เปิดไฟเหมือนเดิม    ถ้าบอกทุกขั้นตอนมันจะยาวไป

มัดมือชก= บังคับหรือใช้วิธีการใดๆ ให้อีกฝ่ายอยู่ในอำนาจแล้วจัดการเอาตามใจชอบ
ความเป็นมา  เดาว่าความหมายมันตรงตัว คือถ้าจะชกกัน ไม่ว่าชกบนเวทีหรือมวยวัด  ทั้งสองฝ่ายก็ควรจะมีมือที่เป็นอิสระได้แลกหมัดกันสะดวก  ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกมัดมือติดกัน  ก็ชกไม่ได้ อีกฝ่ายก็ชกเอาๆตามใจชอบซีคะ
ไม่เคยชกใครค่ะ  ตอบได้แค่นี้
ใครเคยชกใคร หรือใครอยากชกใคร  ช่วยมาอธิบายให้คุณโสกันฟังด้วยนะคะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 19 ม.ค. 01, 10:58
หรือเป็นเขียนจมใต้แสงจันทร์ครับ
ปรกติบ้านไทยก็เปิดหน้าต่างนอนอยู่เเล้ว


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 19 ม.ค. 01, 20:25
ผมว่าประเด็นนี้เรามองข้ามไปจะดีกว่าครับ ยังไงก็ฟังเอาความไพเราะ
ดีกว่า บางทีถ้าจะเอามาตีความก็จะได้เห็นขำๆ กันหลายเพลง ไม่ใช่แต่ฉันทนา
ที่รักหรอก ผมจะลองยกตัวอย่างเท่าที่นึกได้นะครับ

เพลงของคนโรคจิต เกลียดห้องเบอร์ห้า //สายัณห์ สัญญา
"ไม่สัปดน แต่คนนิ่งอยู่ไม่ไหว ปีนมองลอดช่องลมไป หัวใจฉันมันชักสั่น"
ตอนนี้กำลังปีนดูอดีตแฟนจู๋จี๋กับแฟนใหม่น่ะครับ พอดูเสร็จแล้ว...
"ปีนลงกลับมาคว้าผ้าเสื้อใส่"
นั่นแน่ แสดงว่าตอนปีนขึ้นไปดูนี่จะต้องโป๊ก่อน หรือไม่ก็ถอดเสื้อผ้าตอนแอบดู

น้ำท่วมของศรคีรี ศรีประจวบ
"น้ำท่วมน้องว่าดีกว่าฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้งให้ฝนแล้งเสียยังดีกว่า"
ตกลงจะให้น้ำแห้ง หรือฝนแล้งดีกว่ากันครับ เอาให้แน่ซักอย่างสิ

แบบหมาหยอกไก่ เพลงรักสาวเสื้อลาย  ของแสงสุรีย์ รุ่งโรจ์
"ผมดกอกตึง เต่งตึงถึงใจจริงจริง   ปลอมแปลงแต่งเติมทุกสิ่ง หรือว่าของจริงทรามวัย
  เสื้อลายตัวนี้สีสวยดีใครหนอซื้อให้   ขอจับดูหน่อยได้ไหม นิ่มมือหรือไม่เสื้อลายคนดี"


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 19 ม.ค. 01, 20:28
ต่อครับ..
อันนี้ก็สองแง่สองง่าม สาวก็ไม่รู้ว่าจะขอจับเสื้อ หรือว่าจับอย่างอื่นเพื่อสำรวจดูว่าเป็นของ
จริงหรือปลอม พอสาวรู้ทันก็ต้องร้องแก้เก้อว่า "ขอจับแต่เสื้อ จะไม่ให้ถูกเนื้อน้อง"

สำรวยลืมคำ  จำชื่อนักร้องไม่ได้ครับ
"โถมาทุกคืน รักคนอื่นจะมาทำไม พี่คงช้ำใจ ช้ำใจสำรวยลืมคำ"
เพลงนี้ก็ลืมคิดไปว่าถ้าผวนแล้วจะหยาบคายอย่างที่สุด จนสมัยหนึ่ง
ต้องแบนห้ามเปิดเพลงนี้

เพลงนี้ก็เป็นเพลงของสาวทึกทึกทั้งหลายชอบร้อง
"เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย แว่วดังฟังแล้วใจหาย หัวใจน้องนี้แทบขาด"
แหม ก็จะให้ไม่ใจหายได้ยังไงเล่าครับ ถ้าพลาดไปละแย่เชียว

เพลงสมัยใหม่ก็มีของหนูอนันต์  ตะลึงตึงตึง ลึงตึงตึง ลึงค์ตึงๆ
ก็เลยไม่รู้ว่า ลึงตึงๆ หรือลึงค์ตึงๆ นี่มันเป็นยังไง พอดูมิวสิควิดีโอ
เห็นหนูอนันต์แกอยู่ท่ามกลางสาวๆ ก็เลยตีความว่าที่ตึงน่าจะเป็นลึงอันหลัง

อีกเพลงครับ เพลงอะไรนะที่ร้องว่า รักกันท่าเดียว ท่าเดียว ท่าเดียว ทั้งคืนท่าเดียว
รักกันยังไงทั้งคืนถึงท่าเดียว ไม่เข้าใจจริงๆ


อ้อ! ถ้าผมติดต่อคุณ รปภ.ได้แล้ว เดี๋ยวผมจะสาธิตคำว่า "มัดมือชก" ให้ดูนะครับ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ม.ค. 01, 21:15
ติดเรท พราวไปหมดเลยนะคะคุณเสเพลบอยชาวไร่
น่าสงสารแม่หญิง  เข้ามาอ่านก็เป็นลมไปอีกหรอก  
เจอคุณสวมบทเพชฌฆาตในกระทู้ข้างล่าง เธอยังไม่ฟื้นดีเลยค่ะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน (ขอหยอกไก่ด้วย) ที่ 20 ม.ค. 01, 04:16
จำจากที่ฝรั่งเมืองเมืองผู้ดีเขาเล่าให้ฟัง...
ไม่ติดเรทครับ...ดังนี้
แม่นางไซส์ ๓๘ คับ ซี นางหนึ่งไปงานเลี้ยง
ชุดราตรีของเธอโชว์ไหล่และบริเวณที่อยู่ระหว่างไหล่ทั้งสองอย่างเ๖็มที่  โดยเฉพาะสร้อยเส้นเล็กที่มีจี้เพชรประดับบนเครื่องบินลำน้อย ที่จอดกระเพื่อมนบถันงามของเธอ ขณะที่คุยหนุ่มใหญ่คนหนึ่งที่มองจี้เพชรของเธอไม่วางตา เธอถามว่า "คุณสนใจจี้เพชรเครื่องบินลำนี้อันนี้มากใช่ไหมคะ"
"มิได้" หนุ่มใหญ่ตอบโดยไม่ละสายตาจากที่เดิม "ผมสนใจสนามบินมากกว่า"  (ฮา)


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ม.ค. 01, 17:49
ติดเรทต่อ
สนามบินน่าจะเป็นสนาม ลานกว้างเรียบๆ นะครับ เครื่องบินถึงจะแลนดิ้งได้ ถ้ามีภูเขามหึมายังงั้นเดี๋ยวเครื่องชนภูเขาเหมือนที่เนปาลนะเออ
ศัพท์ปากพล่อย ขอหนุ่มปากหมานเมืองจีน เรียกสาวๆ บางคนว่า สนามบิน จริงๆ ครับ (จีนกลาง "เฟยจีฉ่าง") แปลว่า บางส่วนของเธอนั้นราบเรียบแบนสนิท เครื่องบินร่อนลงได้โดยปลอดภัย...
ที่จริง สาวๆ เขาจะคัพอะไรก็ไม่ได้หนักที่ใส่หมวกคนวิจารณ์เลย แต่สันดานผู้ชาย (บางประเภท) คงเหมือนกันทั้งโลก... ผมไม่เกี่ยวครับ ผมเป็นเด็กดี...


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 23 ม.ค. 01, 16:22
Khun jang kha,  do you really consider those songs have implicit meanings?

When I said I love "Roythaiprae," some one told me that this song has an implicit meaning of a love affair. That is,  "Thung na" can be interpretted as a woman, who used to have sex or "Roythai" with a man.

I am not "Tid rate" na ka Khun Taochompoo. Just like to discuss in an academic way.


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 23 ม.ค. 01, 22:29
คุณบีมาสะกิดให้ผมคิดลึกในเพลงรอยไถแปรเสียได้  ตั้งแต่ผมรู้จักเพลงรอยไถแปร
ตอนเด็กจนมาถึงปัจจุบัน ยังคิดไม่ถึงเรื่อง "ทุ่งนา" หรือ "รอยไถ" ไปในแนวต่ำกว่าสะดือเลย
แต่เมื่อคุณบีได้อธิบายมา ผมก็ลองฮัมเพลงเบาๆจนถึงท่อนนี้...

"รอยไถเอย ข้าเคยไถถาก เดี๋ยวนี้เจ้ามาคิดจาก
ฝากให้เป็นรอยไถช้ำ เปลี่ยนรอยไถใหม่
ทิ้งรอยไถเก่าระกำ อกใครใครบ้างไม่ช้ำ
เมื่อยามเห็นรอยไถแปร"

โอ้โห..ผมเห็นอะไรบางอย่างชัดขึ้นแล้วครับ เพลงตรงนี้มันสองแง่สองง่ามแสดงนัย
ให้เห็นว่ามันน่าจะหมายถึงกิจกรรมที่ต่ำกว่าสะดือจริงๆ (หรือผมคิดไปเอง) แสดงว่า
คนที่บอกคุณบีจะต้องเป็นคนที่คิดลึกเอามากๆ และอาจจะเป็นคนลามกหน่อยๆด้วยซ้ำ
แต่ถ้าหากพูดในเชิงวิชาการ ก็ต้องยกทฤษฎีของเกสตอลท์เข้ามาจับครับ จะพบว่าคนฟัง
ตีความเอาตามความเข้าใจของตนเอง  ตนเองมีความคิดยังไงหรือหมกมุ่นในเรื่องไหนก็
จะตีความไปอย่างนั้น  เหมือนอย่างเพลงรอยไถแปรนี้ครับ ถ้าคนฟังหมกมุ่นอยู่กับเรื่อง
ต่ำกว่าสะดือก็เลยตีความไปว่า "ทุ่งนา" คือ อะไรๆ ของผู้หญิง "การไถนา" คือกิจกรรมที่
ผู้ชายร่วมรักกับผู้หญิง  เพลงนี้ถ้าให้ชาวนาจริงๆฟังอาจจะไม่คิดลึกเท่านี้ ดังนั้น ผมจึง
สรุปว่าขึ้นอยู่กับผู้ฟังแต่ละคนครับ

บางทีการแต่งบทประพันธ์ต่างๆ หรือการแต่งเพลง ผู้แต่งอาจจะคิดไปในทำนองรักๆ ใคร่ๆ
หรือลามกก็ได้ แต่ไม่สามารถสื่อออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ก็จะแต่งให้คนอ่านตีความเอาตามสติปัญญา(นิสัย)
ของตนเอง ก็กลายเป็นวรรณศิลป์ที่ไพเราะถึงอกถึงใจอย่างหนึ่ง  เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน
ตอนนางพิมจะเข้าหอ นางศรีประจันก็สอนว่า.. (น่าจะเป็นสำนวนของครูแจ้ง)

...อันการปรนนิบัติของสตรี...........ถ้าทำดีแล้วชายไม่หน่ายใจ
สู้ถ่อมตัวปฎิบัติคอยจัดแจง .........เมื่อเขาแข็งแล้วอย่าขัดอัชฌาสัย
รู้จิตผัวว่าสมัครรักเท่าไร...............ก็ยักย้ายส่ายให้ถูกใจกัน  

จะเห็นว่าในเสภาดังกล่าวมีจุดสองแง่สองง่ามอยู่ประมาณ ๒ จุด หากคนฟังที่อยากฟัง
เรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว ก็จะตีความเข้าข้างตนเองทันทีว่าเป็นเรื่องต่ำกว่าสะดือจริงๆ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: คนเคยชอบฟิสิกส์ ที่ 23 ม.ค. 01, 22:57
โอโห้.... รู้สึกว่าอะไรๆที่คุณแจ้งยกมาเนี่ย
มันเป็นสองแง่สองง่ามทั้งน้านนนนนน เลยนะครับ

ท่านประธานที่เคารพและสมาชิกทั้งหลาย หากมีกระทู้อย่างนี้อีก โปรดใส่คำว่า 18+ only ไว้ที่หัวข้อกระทู้ด้วยครับ เด็กๆจะได้ไม่หลงเข้ามา (ส่วนผู้ใหญ่อย่างผมจะได้รีบคลิกเข้ามา อิอิ)


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เนงบาร์ ที่ 24 ม.ค. 01, 00:56
แล้วเพลงพุ่มพวง ดวงจันทร์ ล่ะ ที่ให้ ถอยห่าง-สักนิด อีกนิด-น่านแหละ ถ่าง เอ๊ย- ห่างอีกสักนิด อีกนิด- น่านแหละ ....
คนร้องเป็นผู้หญิงเสียด้วย รู้รึเปล่าก็ไม่รู้


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 24 ม.ค. 01, 02:06
ถามคุณเนงบาร์ครับ
เพลงของพุ่มพวงเพลง ที่ให้ถอยห่าง นี่ มีคำว่า ถ่าง
จริง ๆหรือ พ่อเนงบา หยอดความคิดเข้าไปเอง... หา


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: คนเคยชอบฟิสิกส์ ที่ 24 ม.ค. 01, 03:13
อ่า... ลองพูดคำว่า ถอยห่างๆ เร็วๆ ดูซิ
มันจะรวมกันเป็นคำว่าอะไร


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 24 ม.ค. 01, 04:24
จ๊ากกกก  ไม่เก๊ทอยู่ตั้งนานจนคุณคนเคยชอบฟิสิกส์บอกมานี่ถึงเพิ่งนึกออก  ไม่เอาแล้วค่ะ  กระทู้นี้ทำให้เสียเด็กโม้ดดด

คุณเทาฯคะ ดิฉันคงเหมือนคุณน่ะค่ะ  เมื่อก่อนอ่านวรรณคดีไทยทีไร  ไม่เข้าใจเล้ยยย  ว่าทำมั้ยกะลังจะเข้าพระเข้านางทีไร้  ฝนตกทุกทีเลยอดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะค่ะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 24 ม.ค. 01, 05:25
เอ๊ะ คุณพวงร้อย คุณเทาฯน่ะเค้าเก๊ทนะ
คนที่เซ่อซ่าไม่ทันสาวถอยห่าง คือ โสกัน นะครับ คุณพวงฯ

ไม่รู้นะว่า คุณพวงร้อยกลับไปเมืองไทยบ่อยแค่ไหน
แต่ผมนี่รู้สึกว่าต้องกลับไปกวดวิชา ค้นหาบทอัศจรรย์
ที่หลงหูหลงตาไปเป็นพะเรอเกวียนเสียที


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 24 ม.ค. 01, 06:10
ไม่ค่อยได้กลับบ่อยหรอกค่ะ  แต่เรื่องไม่เก๊ทนี่เป็นมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้วค่ะ  เคยงงอยู่นานว่า  ทำไมเค้าถึงได้เรียกว่า บทอัศจรรย์ น่ะค่ะ  คิดๆดูก็ไม่เห็นมันน่าแปลกประหลาดตรงไหนพอให้นึกว่าอัศจรรย์อย่างไร  กะอีแค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เห็นเป็นธรรมดาอย่างในบ้านเรา  พวกฝนตกฟ้าร้องเน่ียะ  ที่งงมากไปกว่านั้น จำไม่ได้แล้วค่ะว่ามาจากเรื่องอะไร  ฝนตกอยู่ดีๆมีการแล่นเรือออกอ่าวไปเกยตื้น  ไปไม่รอด  ทั้งๆที่ท้องเรื่องก็ไม่ได้เล่าต่อว่า  เกิดอะไรขึ้นกับลูกเรือ  เซ่ออยู่อย่างนั้นมาหลายปีเทียวค่ะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 24 ม.ค. 01, 07:00
I also used to read an academic article relating sex improvement in Sex Education class at T.U. (This class was a popular class), surprisingly, I found the author mentioned this song, "....god pee hai nan na mon, diew fon ja proy long ma" !


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 24 ม.ค. 01, 07:34
คุณ B ครับ...
อันไหนดีครับ
"...กดพี่ให้แน่นหน้าหมอน"
"..กอดพี่ให้นานหน้ามล"
"...กอดพี่ให้แน่นหน้ามล"
อย่างไหนก็ได้ ฝนโปรย หรือ ปรอย ทั้งนั้นเลย
(สงสารคนอ่านความเห็นของคุณ B จัง
ใครที่รู้วิธีช่วยคุณB ให้เขียนภาษาไทยได้ทีเถอะ)


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 24 ม.ค. 01, 07:48
ระหว่างที่คุณ B ยังหาฟ้อนต์ไทยไม่ได้  ใครช่วยใส่ภาคไทยภาษา คาราโอเกะ ของคุณ B ให้หน่อยได้มั้ยคะ  ดิฉันอ่านอยู่ตั้งนานก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินเพลง "รอยไทยแพร" เมื่อไหร่  (จริงๆแล้ว "รอยไถแปร" นี่ก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกันค่ะ)


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 01, 08:49
อ่านของคุณโสกันและคุณพวงร้อยแล้วกลิ้งเลยค่ะ
อยากให้ใครมาช่วยโหลดเว็บที่มี font ไทยให้คุณ B เหมือนกันค่ะ  เธอเองคงสะดวกใจขึ้นมากที่จะสื่อสารกับเรา

god pee hai nan na mon, diew fon ja proy long ma
ถ้า " กดพี่ให้แน่นหน้าหมอน " น่าจะเป็นเพลงฆาตกรรมนะคะ ไม่ใช่เพลงรัก
เอางี้ดีกว่าค่อยเข้าขั้น
"กอดพี่ให้แน่นหน้ามน  เดี๋ยวฝนจะโปรยลงมา"

คุณแจ้งคะ  สำนวนในขุนช้างขุนแผน คิดว่าของครูแจ้งจริงๆค่ะ   แล้วนัยยะของมันก็อย่างที่คุณแจ้งว่ามา
คนชื่อแจ้ง ย่อมรู้ใจแจ้งด้วยกัน

เพลงไทยสากลรุ่นเก่ามีหลายเพลงที่ซ่อนนัยยะเอาไว้เรื่องบทอัศจรรย์
มนต์รักดอกคำใต้  ก็เพลงหนึ่งละ  ตอนจบบอกว่า
" อย่าบอกนะกับใครว่ารักเราได้สู่สวรรค์"
อีกเพลงที่โจ่งแจ้งมาก  คือ ดำเนินทราย  จนตอนแต่งใหม่ๆเคยถูกนักวิจารณ์ด่า   แล้วว่าจะให้ผู้หญิงที่ไหนกล้าร้อง  ตรงที่ว่า

ช. จะอยู่กับพี่สักคืนได้ไหม
ญ. จะอยู่ก็ได้เป็นไร ขวัญใจเอย

แต่ก็เห็นร้องกันได้หน้าตาเฉย     เดี๋ยวนี้มีเพลงโจ่งแจ้งกว่านั้นเยอะเลย


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 24 ม.ค. 01, 09:06
เพลงที่คุณบีบอกมาชื่อเพลงอ่าวอารมณ์ครับ คุณธานินทร์ อินทรเทพ
เป็นผู้ร้อง  เนื้อเพลงและทำนองมีความไพเราะมาก แต่ตีความเอาตาม
ความรู้สึกของแต่ละท่านก็แล้วกันครับ

มาเถิดหนาคนดี        เอนกายลงที่ตรงนี้  
ที่มีอ้อมแขนคอยกอด       อย่าลังเลหันเหเอื้อนออด
อย่าให้ความทุกข์เป็นมอด       คอยกลัดกร่อนชีวา

ชีวิตร้อนรุ่มด้วยรัก   น่าเหนื่อยหน่ายนักเหมือนต้องทะเลบ้า
ปลดใบเรือหันหางเสือเข้ามา    อ่าวใจพี่มีเสน่หาไว้ให้แก้วตาดื่มกิน

มาเถิดหนายาใจ      ทิ้งปอยผมให้สยาย
ปล่อยใจให้มันโบยบิน      ทั่วเรือนร่างสวยสำอางไร้มลทิน
น่าโลมน่าไล้จนสิ้น       ยวนยั่วใจสุดทน

ลืมเสียเรื่องเศร้าหมองศรี       โลกใหญ่โลกนี้ใช่ของเราสองคน
สุขใกล้มือคว้าไว้ก่อนประเสริฐล้น    "กอดพี่ให้แน่นหน้ามน  เดี๋ยวฝนจะโปรยลงมา"


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 24 ม.ค. 01, 11:27
ถ้าใครเคยฟังเพลงโปรดเถิดดวงใจ ของทูล  ทองใจ  ก็มีท่อนหนึ่งที่บรรยาย
ไปในเชิงสังวาส ดังนี้ครับ

...ดึกดื่นคืนนั้นเคยร่วมผูกพันธ์แน่นหนัก
เคยฝากความรักไว้ด้วยใจภักดิ์ไม่จาง
เสียงน้องออเซาะขอรักมั่น
รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง
ไม่อยากจะร้างรังรักที่เริ่มรอง...

อีกท่อนนึงครับ

..แต่พออีกไม่นานนัก  ความรักที่เคยหวานซึ้ง
เปลี่ยนจากหนึ่งกลับกลายเป็นสอง
ลืมรักลืมรส ลืมไปหมดที่เคยทดลอง
อ้อมแขนพี่เคยประคอง  น้องอยู่ในอ้อมแขนใคร..

อ้อ คุณบีครับ พอดีผมพอมี Font ภาษาไทย แต่ไม่ทราบว่าถ้านำไปติดตั้ง
แล้วจะใช้การได้เลยหรือเปล่า ยังไงผมขอ Email ด้วยครับจะได้
ส่งไปให้


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 01, 13:11
ถ้ารำพันถึงความรักเฉยๆ เรียกว่า romantic  ถ้ามากกว่านั้น  เรียกว่า erotic
เพลง  ม่านไทรย้อย ที่ไพเราะมาก  ก็แฝงนัยยะ erotic ไว้ในที

ลืม ลืมหมดแล้วหรือไร  แม้จันทร์ที่เคยเป็นใจ  หลบบังร่มไทรย้อยกิ่ง
กระซิบรำพัน  แฝงจันทร์เคยแอบเอนอิง หนาวลมแนบอกเธอผิง สุขซึ้งใจจริงหาใดปาน
ลืม ลืมหมดแล้วน้ำคำ ซึ้งจำติดรอยใจพิมพ์ เคยชิมว่าเป็นน้ำตาล
ยังหวานตรึงใจ  รสใดจะเปรียบประมาณ  แท้จริงลมปากเธอหวาน  หลอกฉันมานานร้อยหมื่นอย่าง
กิ่งไทรย้อยร้อยรักไว้  ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง
แอบออดชู้ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง  งามเหมือนดังม่านทอง
ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็นแดนสุขเคียงครอง เย้ายวนกันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมองหมองวิญญา


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 24 ม.ค. 01, 14:16
Khun Taochompoo kha, would you please tell me where the implicit meaning is? (Although I got A+ from Sex Education class, I am so innocent ka.)

"ม่านไทรย้อย"  is one of my favorites ka. However, I do not know who was the singer befor"Yuama."


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 24 ม.ค. 01, 14:19
...hae...hae..."Yeumai" ka.

P.S. Khun Jang ka, I am trying to use the Thai program I have ka. Thank you though.


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 01, 14:54
".......รื่นรมย์แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็นแดนสุขเคียงครอง เย้ายวนกันอยู่เพียงสอง..."
Does it ring the bell?
ไม่ทราบว่าใครร้องเพลงนี้ก่อนเยื่อไม้   คิดว่าไม่ใช่สุนทราภรณ์นะคะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 24 ม.ค. 01, 17:15
ขึ้นอยู่กับจิตใจคนด้วยครับ
อย่างที่คุณแจ้งว่าไว้แหละ เพลงบางเพลงแสนจะไม่มีอะไรเลย แต่คนฟังก็ลากไปเรื่องนั้นจนได้
มีเพลงเก่า ของท่านผู้หญิงพวงร้อยหรือเปล่านะ ที่ขึ้นว่า แสง.. จันทร์วันนี้นวล ใคร่ชวนให้น้อง... เที่ยว ฯลฯ แล้วก็ลงเรือเที่ยวกันสองคนนะครับ จนถึงบรรทัดสุดท้าย ว่า ...จอดเรือ อาศัยเงาไม้ ฝั่งชล...
ฟังดูก็เพราะดี ผมน่ะไม่เคยคิดอะไรเลย แต่ไอ้เพื่อนผมมันฟังจบแล้วก็ถามว่า จอดเรืออาศัยเงาไม้มืดๆ ... ทำอะไรกันวุ้ย... จะว่าจอดหลบแดดก็ไม่ใช่เพราะมันกลางคืนน่ะ ไม่เห็นจะต้องอาศัยเงาไม้สักหน่อย
ผมก็ด่ามันไป ว่าทะลึ่ง แต่ตั้งแต่นั้นมา ผมต้องกราบขออภัยท่านผู้แต่งเพลงไว้ด้วยว่า ฟังเพลงนี้ของท่านทีไร คิดเตลิดเปิดเปิงทุกที!


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 01, 18:39
ตีความได้ทั้งนั้นละค่ะ  แม้แต่เพลงน้ำกลั่นโพลาริส อย่างเพลงนี้    
แค่เห็น ยังไม่เคยพูดจากัน  วัดระยะห่างกันได้ทั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ถ้าจะคิดก็คิดได้นะคะคุณ B
เพราะบังเอิญเคยได้ยินเบื้องหลังว่า คนแต่งเล่นดนตรีในคลับ แล้วมีสาวหนึ่งมาคอยฟังเป็นประจำ  ก็เลยเกี้ยวแฝงนัยยะไว้อย่างแนบเนียน

ขอพบในฝัน

ฉันชื่นใจเมื่อได้เห็น  หัวใจเต้น เพราะได้เห็นดวงหน้า
เฝ้าแต่มอง มิคลายสายตา ชื่นหนักหนา ชักพาสุขฤทัย
ฉันจ้องมองเป็นหนักหนา เห็นเธอเต็มตา แล้วก็พาเพลินได้
เปรียบดังยา รักษาดวงใจ ชุบอารมณ์ให้สดใสชื่นชีวัน
มอง ขอมองให้ชื่นใจ เดี๋ยวเธอจะจากไป เหมือนใจจะขาดพลัน
ต้องโศกศัลย์ เพ้อรำพัน เห็นเพียงหน้ากัน ไม่พอฉันสุขใจ
แม้จากไปใจคงเหงา  ฉันคงจะเศร้า ทุกข์จะเผาทรวงไหม้
อกจะตรม ทุกข์ถมทรวงใน ขวัญเอยเมื่อไหร่ จะได้เจอะกัน
ขวัญจากไปใจคงหาย  ฉันแสนเสียดาย คิดไม่วายใจสั่น
อยากจะเจอ เห็นเธอทุกทุกวัน  เธอกับฉัน ยังไม่ทันจะพูดจา
แม้ตื่นไม่ได้เจอขวัญ  ขอให้ฉัน พบในฝันดีกว่า
จะได้พร่ำ น้ำคำนำพา ฝันคงเพลินกว่า  อาจหาสุขด้วยกัน


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 24 ม.ค. 01, 18:56
มีใครบอกผมว่าทำนองม่านไทรย้อยได้รับอิทธิพลจากเพลงคลาสสิกฝรั่งเพลงหนึ่ง ของไชคอฟสกี้หรืออย่างไรนี่แหละ ส่วนคนร้องผมนึกว่าเป็นคุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี นะครับ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 01, 19:51
เคยได้ยินมาอย่างนั้นค่ะ แต่จะเป็นคอนแช์โต หรืออะไรจำไม่ได้   ถ้าดิฉันไม่ได้บอกเองก็แปลว่ามีคนได้ยินมาอย่างเดียวกัน


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 25 ม.ค. 01, 00:01
ใช่ครับ ถ้าจำไม่ผิด
เป็นทำนองจากท่อนหนึ่งของ
 ไวโอลิน คอนแชร์โต้ ของไชคอฟสกี้ ครับ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 25 ม.ค. 01, 00:22
พูดถึงเพลงของท่านผู้หญิงพวงร้อย แล้วนึกขี้นมาได้
ผมเคยไปเจอกล่องเก็บแผ่นเสียงสปีด ๗๘  ในที่ทำงาน
เป็นเพลงชุดสุนทราภรณ์ ผมเอาไปเปิด (ครับ..ผมมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงสปีด ๗๘) ทุกแผ่นจะขึ้นต้นว่า
"แผ่นเสียงตรากระต่าย ชื่อเพลง..."
มีเพลงนึงชื่อ "พายเรือพลอดรัก" พร้อมกับชื่อภาษาอังกฤษว่าเพลง "Make Love in the Boat" ครับ

มีอีกวันนึง ผมแวะไปคุยกับทีมสารคดีที่กลับมาจากเมืองไทย
เจ้าตากล้องทีวี ชี้ไปที่โปสเตอร์แผ่นใหญ่ที่โฆษณา
เมืองภูเก็ตที่ติดหราเอาไว้ ข้างฝา แล้วยิ้มกริ่ม ผมอ่านข้อความตัวใหญ่ในโปสเตอร์ที่ว่า
"Phuket is Paradise" ก็ยังนึกไม่ออกว่า ไอ้บ้านั่นมันยิ่มย่องอะไรของมัน จนเพื่อนคนไทยที่ไปด้วยกันสะกิดว่า
ลองอ่านชื่อจังหวัดภูเก็ตให้ดีๆ เพราะ ph น่ะฝรั่งเขาเสียงเหมือนตัว ฟ และตัว ยู ออกเสียงเหมือน bus
ผมจึงเข้าใจแบบ "ถอยห่าง" ออกเสียงเร็วๆ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 25 ม.ค. 01, 01:21
โฮะๆๆ กลายเป็นกระทู้ให้ความรู้ไปซะแล้ว  ดิฉันยังคิดไม่ตกตั้งแต่ ม่านไทรย้อย ไล่ลงมาเลยค่ะ  สงสัยไม่มีหัวทางนี้จิงๆ

พูดถึงการสะกดชื่อภูเก็ตในภาษาอังกฤษนี่  ทำให้นึกขึ้นมาได้  เพื่อนแหม่มของดิฉันคนหนึ่ง  ย้ายบ้านไปอยู่เมืองใกล้ๆกัน  ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆร่มรื่น  วันหนึ่งเค้าก็หน้าตานื่นมาบอกด้วยความดีใจว่า  ในเมืองใหม่นี้มีร้านอาหารไทยด้วย  เค้าเป็นมังสวิรัติ  เข้าไปสั่งเจ้าของร้านก็น่ารักมาก  ดัดแปลงเมนูให้เค้าทานได้  ดิฉันก็ถามว่าร้านชื่ออะไรเหรอ  เค้าก็อึกอักอยู่พักนึง  แล้วบอกว่า  ให้เค้าเขียนให้ดีกว่า  เพราะเค้าไม่กล้าออกเสียง  กลัวอ่านผิด  พอเขียนลงมาดิฉันก็บอกว่า  อ๋อ ภูเก็ต นี่เอง  เค้าก็ระเบิดหัวเราะก๊ากก บอกว่า เฮ้อ โล่งใจไปที  ว่าไม่ใช่อย่างที่เค้านึกไว้  อย่างคุณโสกันว่าน่ะค่ะ  เค้านึกว่ามันเป็นสองพยางค์แบบนี้  phuk + et น่ะค่ะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 25 ม.ค. 01, 02:16
คุณพวงร้อยยย
ไม่ใช่แค่ภูเก็ตนะ ที่ฝรั่งเอาไปล้อเป็นเรื่องลามกน่ะ
ใครเคยดูละครเวทีติดเรทเรื่อง Oh Culcutta บ้างไหม
บทเจรจาบทนึ่งว่ายังงี้
"Why is this play called Oh Culcutta?"
"Why ever not, you rather call it Bang-cock"


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 25 ม.ค. 01, 05:42
ดิฉันเคยพาเพื่อนฝรั่งไปอีสาน  ออกตามท้องนา  พ่อใหญ่ก็ทำอาหารง่ายๆ  จับปลาในท้องนา  แล้วไปเก็บฟักมาทำแกงอ่อม  แกงเสร็จสรรพก็มาเรียกไปกินข้าวบอกว่า "มากิ๋นแกงฟักเด้อ"  เพื่อนก็ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก  กลั้นหัวเราะจนหน้าแดง  ตอนหลังมากระซิบบอกว่า  ตอนแรกโต๊ะจายโม้ดดด นึกว่าเค้าบอกว่า "Begin gang f___" น่ะค่ะ 555


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 25 ม.ค. 01, 06:30
ใช้ได้ ใช้ได้ ยังงี้พอไปวัดไปวากะเขาได้ครับ
คุณพวงร้อย
แต่เอาแค่หอมปากหอมคอแล้วกันนะครับ
ผมยังสงสัยไม่หายมาจนทุกวันนี้ว่า
ท่านที่บัญญัติว่า พยัญชนะไทยตัวนั้น ต้อง ใช้ภาษาอังกฤษ ตัวนี้ ท่านคงไม่ใช่คนคิดลึกมากนัก


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ม.ค. 01, 08:25
คำในภาษาหนึ่ง เวลาออกเสียงเป็นอีกภาษาหนึ่ง มักจะเจอตอได้ค่ะ
คำไทย อย่างฟัก พริก คั้น   อย่าได้ออกเสียงให้ฝรั่งได้ยินละก็จะปลอดภัย
ส่วนชื่อเพราะๆของสาวฝรั่ง อย่าง Erin Evette Evonne มาออกเสียงภาษาไทย ก็พะอืดพะอมสำหรับคนไทยเหมือนกันละน่า โดยเฉพาะสองชื่อหลัง
ส่วนคำต้องห้ามที่ยกมา   เคยถามอาจารย์ว่าจะสะกดยังไงให้ปลอดภัย  ท่านตอบว่า Fug ค่ะ หมดเรื่องไป
รถยนต์รุ่นหนึ่งของไทย อเมริกันออกเสียงแบบหนึ่ง พอมาถึงเมืองไทยต้องออกไป " คัมรี" นะคะ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 25 ม.ค. 01, 09:14
ผมว่าถ้าออกเสียงเป็น แคมรี่ ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน
ในภาษาพูดเราเองก็มีคำว่า "แคม" ปะปนอยู่หลายคำ
อย่างเช่นสวนกล้วยบ้านผม ปลูกเป็นร่องๆทางเดินสอง
ข้างร่องเค้าก็เรียกว่า "แคมร่อง" มีเอาไว้เดินรดน้ำผักหญ้าในสวน
 "เหยียบเรือสองแคม" ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ผมลองเปิด
พจนานุกรมดูแล้ว คำว่า แคม ก็มิได้อธิบายไปในทางที่ลามกแต่
อย่างใด ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องเลี่ยงคำนี้กันนักหนา

อีกนิดครับ เมือง Cambridge เนี่ย เค้าอ่านว่า เคมบริดจ์
หรือว่า แคมบริดจ์ รบกวนคนที่อยู่อังกฤษด้วยครับ


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 25 ม.ค. 01, 23:53
คุณแจ้งครับ
หูผม ได้ยินคำว่า Cambridge ออกเสียงเป็น
 เคมบริดจ์ ครับ
ส่วนคำต้องห้ามที่คุณเทาชมพูพูดถึง
เคยมีข้าราชการท่านหนึ่งทำงานอยู่สำนักงานที่ Princes Gate (ตอนนี้ไม่อยู่แล้วนะครับ) นามสกุล พันธ์ุฟัก ท่านสะกดเป็นภาษาอังกฤษยังงี้ครับ
Phanfalk


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 26 ม.ค. 01, 01:53
ดิฉันก็ได้ยิน เคมบริดจ์ มาจากทั้งคนอังกฤษ และอเมริกันด้วยค่ะ

รู้จักนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนระดับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง  ชื่อออกเสียงว่า ฟุก นะคะ  ท่านก็เขียนว่า Fuk ค่ะ  ทำเอาคนอ่าน(ฝรั่ง) กระมิดกระเมี้ยนกันมาหลายแล้ว  แต่ก็เห็นท่านใช้หน้่าตาเฉยอย่างนั้นแหละค่ะ  เรื่องอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเด็กในโรงเรียนก็ไม่ค่อยจะเป็นไรแล้วค่ะ  มีเพื่อนหลายๆคนที่เชื้อสายมาจากยุโรป  ที่ชื่อมาสะกดเป็นอังกฤษแล้วฟังแปลก  คนไทยที่มาเมืองนอกก็มีชื่อที่คนได้ฟังแล้วอมยิ้มกันหลายอยู่  เช่น พิชิต หรืออะไรที่ขึ้นต้นด้วย พิๆ ทั้งหลายน่ะค่ะ

วันก่อนเห็นกระทู้ใน ไกลบ้านอยู่กระทู้หนึ่ง  สาวไทยไปคุยกับฝรั่งแล้วเรียกเค้าว่า พี่  ฝรั่งก็งงตอบกลับมาว่า

Pee? Am I missing something here?

สาวเจ้าก็กลับมางงกับประโยคคำถาม  ว่าแปลว่าอะไร  ดิฉันจะแปลเป็นไทยคร่าวๆ  แต่เสริมเนื้อความให้กระจ่างขึ้นได้อย่างนี้นะคะ

"คุณเรียกผมว่า "ชิ้งฉ่อง" หรือ?  ผมไม่เข้าใจ ตกความหมายอะไรบางอย่างไปแน่ๆเลย  ช่วยอธิบายให้ทีเหอะครับ"


กระทู้: ปิดไฟใสกลอน/มัดมือชก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 26 ม.ค. 01, 17:31
Khun พวงร้อย ka, I copied  รอยไถแปร  from the topic 288 ka.    
รอยไถแปร
นักร้อง ก้าน แก้วสุพรรณ

ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย
เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาปควาย
เห็นซากคันไถแล้วเศร้า
เห็นนาที่ร้างนั้นมีแต่ฟางแทนรวงข้าว
เห็นเคียวที่เกี่ยวเหน็บติดเสา
เล่นเอาใจเรา สะท้อน....

ทุ่งนาแดนนี้ข้าเคยไถทำ
สองมือข้าเคยหว่านดำ
ฤดูฝนพรำหน้าก่อน
แต่มาปีนี้ฤดีข้าแสนจะสะท้อน
เพราะมาไร้คู่กอดเคียงหมอน
ทิ้งได้เรานอนระกำ

รอยไถเอยข้าเคยไถถาก
เดี๋ยวนี้เจ้ามาคิดจาก
ฝากให้เป็นรอยไถช้ำ
เปลี่ยนรอยไถใหม่
ทิ้งรอยไถเก่าระกำ
อกใครใครบ้างไม่ช้ำ
เมื่อยามเห็นรอยไถแปร

ทุ่งนาแดนนี้คงร้างไปอีกนาน
ข้าเองก็เหลือจะทาน
เพราะมันแสนสุดจะแก้
หมดกำลังใจแล้วเรียมเอ๋ยข้าคงตายแน่
จะไถไปอีกก็กลัวแท้
เพราะรอยมันแปรเสียแล้วเรียมเอย...
 
แจ้ง ใบตอง- 14 ม.ค. 2544 14:01