อันดัย ๓ ดอยน์เอเซียทิช จำนวน ๓๓๐ หุ้น เป็นเงิน ๓๓๐,๐๐๐ ยาท
อันดับ ๓ เป็นธนาคารเยอรมันชื่อว่า
Deutsch Asiatische Bank (ดอย์ตช อาสิอาติสเช บังก์) ครั้งที่คุณพระสรรพการฯทำเรื่องยุ่งเหยิงไว้ที่แบงก์สยามกัมมาจล ผู้ที่แบงก์เยอรมันส่งมาดูแลกิจการคือ Herr. P. Schwarze (แฮร์ ปี. ชวาร์ซ)
ในหนังสือประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ได้กล่าวถึงพระสรรพการหิรัญกิจว่า
แฮร์ ปี. ชว๊าร์ซ (Herr. P. Schwarze), ผู้จัดการแบงก์สยามกัมมาจลถวายฎีกา มีใจความว่า ในชั้นต้นแบงก์สยามกัมมาจลได้แคยมีผู้จ้ดการ ๒ คน, เปนไทยคน ๑. พระสรรพการหิรัญกิจ (เชย อิศรภักดี, ภายหลังเปนพระอรรถวสิษฐ์สุธี) ผู้จัดการฝายไทย, ได้ทำการยุ่งเหยิงไว้มากจนต้องออกแล้ว, ผู้ถวายฎีกาได้เปนผู้จัดการโดยลำพังสืบมา, ได้อุตสาหะจัดการแก้ไขการที่พระสรรพการได้ทำยุ่งไว้จนแบงก์ต้องเสียหายน้น จนเปนที่เรียบร้อย, โดยชักเอากำไรจากทางแพนกการต่างประเทศของแบงก์น้นมาเจือจานและได้จัดการงานให้ดำเนิรมาโดยเรียบร้อยตลอด......
แม้แบงก์เยอรมันมีหุ้นเพียง ๑ ใน ๕ เท่านั้นก็ดูจะมีสิทธิ์มีเสียงดังพอสมควรในแบงก์สยามกัมมาจล เพราะชวาร์ซเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ เมื่อมีเรื่องยุ่งเหยิงของคุณพระสรรพการฯ ชวาร์ซถึงกับยื่นฎีกาว่าหากผู้จัดการฝ่ายไทยดำเนินการอย่างใดต้องให้ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศทราบด้วย แต่หากผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศดำเนินการอย่างใดแล้ว ผู้จัดการฝ่ายไทยไม่จำเป็นต้องรู้เห็นด้วย โดยขอให้รัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระบรมราชโองการบังคับพระคลังข้างที่ให้ตกลงตามที่ชวาร์ซเสนอ ทรงนำฎีกานี้เข้าปรึกษาในเสนาบดีสภา ในที่สุดได้ข้อตกลงวินิจฉัยว่าให้ยกฎีกาของชวาร์ซนี้เสีย
ทรงมีความเห็นว่า
"ส่วนในทางการเงินนั้นก็เปนรัฐประศาสโนบายของเยอรมันอันดำเนิรอยู่โดยทั่วไปหลายแห่ง, คือเอาทุนไปลงไว้ตามบริษัทหรือแบงก์ใหญ่ ๆ ในประเทศต่าง ๆ ที่เขาปราถนาจะครอบงำ, แล้วแลดำเนิรอุบายให้กิจการในบริษัทหรือแบงก์นั้น ๆ ยุ่งเหยิง, แล้วเขาจึ่งตั้งตัวเปนผู้ที่เมตตาเข้าช่วยดูแลแก้ไข, แล้วในที่สุดก็รวบเอาอำนาจอำนวยการในบริษัทหรือแบงก์นั้น ๆ ไปไว้ในกำมือเยอรมันหมด, อุบายนี้ได้ดำเนิรสำเร็จมาแล้วในประเทศอิตาลีเปนตัวอย่าง จนเวลานั้นเยอรมันคุยป๋อว่า อิตาเลียนเท่ากับเปนทาสน้ำเงินของเขาทั้งหมด, สำหรับกรุงสยาม, เยอรมันได้มุ่งจะดำเนิรแบบเดียวกับอิตาลี, ไกเสอร์จึงได้สั่งดยู๊กโยฮันน์อัลเบร็คต์เข้ามา, เพราะรู้อยู่ว่าเปนคนโปรดของทูลกระหม่อม, ต่อมา พอพระสรรพการทำยุ่งและต้องออกจากตำแหน่งผู้จ้ดการ ฝ่ายเยอรมันนึกว่าสำเร็จตามอุบายของเขาได้อีกขั้น ๑, แต่พะเอินมาเกิดมีกรรมการผู้แทนพระคลังข้างที่ขัดคอขึ้น, จึ่งออกขัดใจ, และเปนธรรมเนียมของเยอรมัน, เมื่อจะเอาอะไรไม่ได้อย่างใจก็ต้องนึกถึงใช้อำนาจข่มขู่ก่อน,......"