พ.ศ. ๒๐๒๙ พระเจ้าสิริมหาชัยยะสุระ (เมงจีโย หรือ มังกะยินโย) ปฐมกษัตริย์แห่ง
ราชวงศ์ตองอู(พ.ศ. ๒๐๒๙ - ๒๒๙๕) ขึ้นเถลิงราชย์เมืองตองอูเกตุมะดี
พ.ศ. ๒๐๕๘ กำเนิด “จะเด็ด” (*****เรื่องเป็นลูกไพร่หรือลูกเจ้ายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่*****)
ตามตำนานว่าเป็นบุตรของสิงคะสุคนปาดตาล เกิดที่งะสะยอก แขวงเมืองพุกาม (บ้างว่าเกิดที่บ้านHti-hlaing เมืองตองอู) เมื่อเกิดมีปลวกไต่เต็มตัวแต่ไม่ได้รับอันตรายจึงได้ชื่อว่า จะเต็ต (ดูรายละเอียดเรื่องชื่อได้จากกระทู้ ว่าด้วยนามผู้ชนะสิบทิศ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2234.0) เนื่องจากพุกามแห้งแล้งจึงอพยพไปตองจินจี วันหนึ่งบิดา มารดาทิ้งจะเด็ดไว้บนพื้นขณะไปทำงาน มีงูใหญ่มาพันรอบตัวแต่ไม่ได้รับอันตราย จึงได้พาจะเด็ดไปหาพระเถระซึ่งได้ทำนายว่าให้ย้ายไปอยู่ตองอู ทั้งครอบครัวจึงไปอาศัยอยู่ที่อารามของพระขัตติยาจารย์ของพระเจ้าเมงจีโย
พ.ศ. ๒๐๕๙ ตะเบงชเวตี้ ประสูติ (หลังจะเด็ด ๓ เดือน)
ตามตำนานกล่าวว่าพระขัตติยาจารย์พามารดาของจะเด็ดเข้าวังไปเป็นแม่นม ทำให้จะเด็ดได้เป็นพี่ร่วมนมกับตะเบงชเวตี้ ภายหลังลอบรักกับตะเกงจี(พระพี่นางต่างชนนีของตะเบงชเวตี้)จนจะถูกลงโทษแต่พระขัตติยาจารย์มาช่วยจึงแค่ถูกขับออกไปเป็นพนักงานผู้น้อยในกรมวัง แต่ด้วยความขยันขันแข็งจึงได้เลื่อนยศเป็นทหารระดับสูง
พ.ศ. ๒๐๗๐ กรุงอังวะเสียให้แก่โมนยินซึ่งเป็นไทยใหญ่ (ฉาน) ทำให้ชาวพม่าอพยพมาสู่ตองอู ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของพม่าแห่งใหม่
พ.ศ. ๒๐๗๔ พระเจ้าสิริมหาชัยยะสุระสวรรคต พระเจ้าตะเบงชเวตี้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม เมงตยายะเวที (ไทยเรียก เมงตยา ว่า มังตรา) และเสด็จไปทำพิธีเจาะพระกรรณ เกล้ามวยพระเกศา (แสดงว่าเป็นผู้ใหญ่เหมือนโกนจุก) ที่ธาตุมุเตาชานกรุงหงสาวดีของข้าศึกมอญ พร้อมด้วย “เชงเยทุต” (จะเด็ด) และทหารเพียง ๕๐๐ คน ท่ามกลางวงล้อมของทหารมอญจำนวนมหาศาล และต้องฝ่าวงล้อมเพื่อกลับตองอู โดยได้ตั้งพระราชปณิธานต่อพระธาตุว่าจะตีกรุงหงสาวดี และขอพรพระธาตุให้ได้ครองหงสาวดี ๓ ชั่วคน
พ.ศ. ๒๐๗๗ เชงเยทุตได้เป็นที่ “จอเดงนรธา” (กะยอดินนรธาหรือกฤษฎานุรุทธ์) ภายหลังจากที่ได้สมรสกับ ตะเกงจี