ไปเจอเว็บที่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ มีหัวข้อน่าสนใจหลายเรื่องด้วยกันค่ะ
http://www.geocities.com/Tokyo/Shrine/6611/index.htmบางเรื่องก็น้อยคนจะรู้
อย่างเรื่อง"ศาลาแยกธาตุ" ใครเรียนวิทยาศาสตร์น่าจะสนใจอ่านนะคะ
http://www.geocities.com/Tokyo/Shrine/6611/ar04.htmขอลอกเอามาลงไว้ในเว็บนี้ด้วยค่ะ
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีหน่วยงานใหม่ๆ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อสนองพระราชประสงค์ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของชาติ ให้ก้าวหน้าไปได้โดยรวดเร็วอยู่หลายหน่วยงาน หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ ศาลาแยกธาตุ ซึ่งตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่อาจจะกล่าวได้ว่าค่อนข้างล้ำยุคสมัยสำหรับช่วงเวลานั้น คือ มุ่งที่จะทำการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติ
จากการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการผลิตสินค้าในเชิงพาณิชย์ ทั้งเพื่อให้เกิดเป็นสินค้าออกทำรายได้ให้แก่ประเทศ และเพื่อสนองความต้องการภายใน ตลอดจนทดแทนการที่จะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า "ศาลาแยกธาตุ" ขึ้น เพื่อให้มีหน้าที่ด้านการค้นคว้า วิจัย ทดลองต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะนำทรัพยากรภายในประเทศมาผลิตเป็นสินค้า อันจะเป็นหนทางไปสู่ความเจริญมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของชาติต่อไป
แม้ว่าชื่อศาลาแยกธาตุนั้น อาจจะไม่สื่อความหมายที่ตรงกับความเข้าใจของคนในรุ่นปัจจุบันนัก แต่จากแนวทางการดำเนินงานซึ่งมีจุดมุ่งหมายชัดเจนในการพยายามแสวงหาวัตถุดิบจากทรัพยากรภายในประเทศ มาค้นคว้าหาวิธีที่จะผลิตให้เป็นสินค้าใหม่ๆ ในเชิงพาณิชย์ และยังมีการดำเนินการทดลองและวิเคราะห์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ตามที่รัฐบาลหรือเอกชนอาจจะร้องขออีกด้วย จึงทำให้อาจจะเปรียบเทียบได้ว่าศาลาแยกธาตุมีลักษณะที่เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นต้นแบบของสภาวิจัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ในปัจจุบันนั่นเอง
การก่อตั้ง
ศาลาแยกธาตุได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงพาณิชย์โดยมีหน้าที่ให้บริการตรวจสอบ วิเคราะห์สารและแร่ธาตุด้วยเครื่องมือและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ให้แก่หน่วยราชการและประชาชนทั่วไปที่ได้ร้องขอ นอกจากนั้นแล้วศาลาแยกธาตุก็ยังมีหน้าที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง ได้แก่ การค้นคว้าหาทางที่จะทำการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก ด้วยการนำเอาทรัพยากรประเภทที่มีอยู่มากภายในประเทศมาใช้เป็นวัตถุดิบ เช่น พืชพรรณและแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นต้น
จุดมุ่งหมายของการก่อตั้งศาลาแยกธาตุนั้น ปรากฏชัดเจนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง "ขยายงานการแยกธาตุ" ดังนี้
"...ความประสงค์ของศาลาแยกธาตุที่จะสร้างขึ้นใหม่ นี้คือจะช่วยในการหาสินค้าให้ประเทศ ด้วยวิธีการที่เอาวัตถุที่ยังเป็นของดิบมาสำรวจทดลองอย่างพิศดาร โดยอาศัยวิชาช่าง เพื่อประกอบความดำริที่จะยังให้เกิดการทำสินค้าใหม่ ๆ ขึ้น กรมสำรวจพันธุ์รุกขชาติจะหาวัตถุดิบมาให้ เช่นเปลือกไม้ที่มีแทนนีน ยางไม้ เครื่องยา เมล็ดพันธุ์ไม้ที่มีน้ำมัน น้ำมันหอม สีย้อมผ้า เยื่อใยไม้ และอื่นๆ เพราะวัตถุทั้งหลายอันเป็นของใหม่ หรือที่หาได้มาใหม่นี้จำเป็นต้องสำรวจทดลองดูก่อน จึงจะนำเข้าสู่ตลาดเป็นสินค้าของโลกได้ การทดลองในบ้านเมืองของเราเองอันจะเป็นที่กำเนิดของวัตถุเหล่านี้ ย่อมได้ประโยชน์ดียิ่งกว่าจะส่งไปทดลองที่อื่น...."
การดำเนินงาน
นับแต่เริ่มก่อตั้งศาลาแยกธาตุในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ แม้ว่าจะมีบุคลากรจำนวนน้อย และเครื่องมือก็ยังขาดแคลน แต่ศาลาแยกธาตุก็ได้ทำหน้าที่ต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งตรวจสอบวิเคราะห์สารประกอบทางเคมีในแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และทำการศึกษาหาทางนำเอาทรัพยากรของชาติ โดยเฉพาะพืชพันธุ์ต่าง ๆ มาผลิตเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ดังปรากฏในรายงานครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ของศาลาแยกธาตุว่า กิจการสำคัญที่ได้กระทำไป ได้แก่
การแยกธาตุเงินตราของกรมกษาปน์ เพื่อเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเนื้อเงินใหม่ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติน้ำหนักเงินตรา
การตรวจสอบส่วนผสมของยาต่างประเทศ และยาที่โอสถศาลาของรัฐบาลปรุงเองว่าบริสุทธิ์ และมีคุณสมบัติตามตำรับยาหรือไม่
การวิเคราะห์ตรวจสอบความบริสุทธิ์ของน้ำประปา
การศึกษาเพื่อตรวจสอบหาวัตถุดิบที่จะใช้ในการฟอกหนังและการทำกระดาษ
การทดลองคั้นน้ำมันจากเมล็ดพืชประเภทต่าง ๆ ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ เช่นน้ำมันรำข้าว เป็นต้น
การวิเคราะห์พืชสมุนไพรที่อาจใช้ทำยาได้ ซึ่งที่ประสบไปแล้วก็คือการสะกัดน้ำมันเมล็ดกระเบาเพื่อใช้ในการรักษาโรคเรื้อน
การวิเคราะห์น้ำให้แก่กรมรถไฟหลวง เพื่อตรวจสอบน้ำที่จะใช้ได้เหมาะกับหม้อน้ำรถไฟโดยไม่ทำให้เกิดคราบและตะกรัน
การวิเคราะห์ตรวจสอบดิน สารอาหารในดิน และสิ่งที่จะใช้ทำปุ๋ยเคมี โดยมีโครงการทดลองที่คลองรังสิตร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ
จากผลของการที่หน่วยงานต่าง ได้อาศัยศาลาแยกธาตุในการให้ความช่วยเหลือวิเคราะห์และตรวจสอบ โดยอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ศาลาแยกธาตุเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และมีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นจนเกินความสามารถของสิ่งอำนวยความสะดวกและบุคลากรที่มีอยู่ ดังปรากฏในรายงานของศาลาแยกธาตุฉบับที่ ๓ ว่า
"เรื่องที่กรมนี้ให้ความสะดวกในการแยกธาตุแก่กระทรวงทบวงการต่าง ๆ และประชาชนทั่วไป เป็นที่รู้ดีกันแล้ว...การสืบเสาะพันธุ์ไม้ซึ่งกองตรวจพันธุ์รุกขชาติจัดส่งมา เพื่อคิดทำให้เป็นสินค้าขึ้นนั้น เป็นหน้าที่สำคัญอันหนึ่งของศาลาแยกธาตุ แต่ว่างานด่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของศาลาแยกธาตุมีมาก เจ้าพนักงานจึงไม่ค่อยมีเวลาพอที่จะทำการแผนกทำสิ่งของจากพันธุ์ไม้ ถ้าจะทำการแผนกนี้ให้เป็นผล ศาลาแยกธาตุจำต้องเพิ่มเจ้าพนักงานขึ้นอีก"
ดังนั้นจึงได้มีการขยายงานโดยสร้างอาคารขึ้นอีก หลังซึ่งเริ่มในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ เพื่อให้ศาลาแยกธาตุสามารถทำงานในส่วนการคิดค้นหาวัตถุดิบ เพื่อการผลิตทางอุตสาหกรรมได้สะดวกขึ้น ดังปรากฏในรายงานฉบับเดียวกันว่า
"ได้รับอนุญาตสร้างตึกและเครื่องมือเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท สำหรับทำสิ่งของโดยใช้วิชาเคมี ความประสงค์ก็คือจะสืบเสาะทำสิ่งของจากพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นมูลให้เกิดมีหัตถกรรมใหม่ๆ ขึ้นในบ้านเมือง หรือมีสินค้าใหม่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้เช่น ทำยา คั้นน้ำมันออกจากเมล็ดพันธุ์ไม้ ทำของฟอกหนัง สกัดน้ำมันหอมจากพันธุ์ไม้ ฯลฯ งานแผนกนี้เมื่อได้ทำกันจริงจังพอควรแล้ว ก็อาจทราบได้ว่าสิ่งของที่ทำขึ้นนั้น มีค่าในทางพาณิชย์มากน้อยเพียงใด ทั้งจะมีสิ่งของที่ได้ทำขึ้นส่งไปเป็นตัวอย่างให้แก่พ่อค้าได้ด้วย งานนี้จะเผยแผ่พันธุ์พืชพื้นเมืองของประเทศสยาม จะช่วยให้พลเมืองมีการงานอื่นทำอีก นอกจากทำนา การหาเลี้ยงชีพอย่างอื่นนอกจากการทำนานั้นเป็นสิ่งซึ่งเมืองไทยยังต้องการมาก และอุตสาหกรรมอันจะพึงเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งอาศัยวิชาเคมีอย่างง่าย ๆ นั้น ก็จะเป็นการทำมาหากินของคนไทยชั้นกลางที่มีความรู้ต่อไป"
อาคารของศาลาแยกธาตุหลังใหม่พร้อมทั้งเครื่องมือนั้น ได้แล้วเสร็จในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเงินงบประมาณอย่างร้ายแรง ทำให้ไม่ได้รับอนุญาตให้บรรจุพนักงานเพิ่มขึ้นสำหรับงานส่วนนี้ และหลังจากนั้นศาลาแยกธาตุซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในด้านการบุกเบิกค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของไทย ก็มีความสำคัญลดลงไปทุกขณะ จนเมื่อมีการปรับปรุงระบบบริหารราชการของกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ เพื่อตัดทอนรายจ่ายลงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลาแยกธาตุจึงถูกยุบเลิกไปเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ อีกหลายหน่วยงาน
--------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ อ้างจากบทความโดย รองศาสตราจารย์อสัมภินพงศ์ ฉัตราคม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง