ประตูผี
สีเหลืองคือแนวถนนบำรุงเมืองที่ผ่านหน้าวิหารวัดสุทัศน์
มาทะลุประตูผี ออกตามแนวถนนไปนอกเมือง
วัดสระเกศแต่เดิมนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯจึงโปรดเกล้าให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติทำเมรุปูนขึ้นที่หลังหนึ่ง โดยมีพระราชดำริว่าให้เมรุปูนนี้ เป็นที่สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย และศพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนชาวไทยชาวชาวต่างประเทศที่ต้องการ และให้มีพลับพลาสำหรับเสด็จมาพระราชทานเพลิงศพด้วย แต่เมรุปูนที่ว่าก็ใช้งานหนักมาก พอถึงรัชกาลที่ ๔ ก็ชำรุดทรุดโทรม ปล่อยให้หลังคาเป็นที่เกาะอาศัยของฝูงแร้งไป
ในรัชกาลที่ ๕ จึงมีการบูรณะเมรุปูนวัดสระเกศขึ้นใหม่อย่างประณีต มีทั้ง โรงธรรม โรงครัว โรงมหรสพ ตลอดจนพุ่มกัลปพฤกษ์ และระทา ซึ่งเป็นหอสูงทรงสี่เหลี่ยมเรียงกัน ๖ หอตามภาพ สำหรับจุดดอกไม้ไฟงานศพ
เมื่อเข้าหน้าแล้งหมดฝนแล้ว เจ้าภาพที่มีฐานะจะนำศพที่เก็บไว้ที่บ้านออกมากระทำฌาปนกิจ เรียกว่าออกเมรุ เป็นการจัดงานที่ถือว่าเพื่อจะปลดเปลื้องทุกข์ หลังจากที่ไว้ทุกข์มานมนานแรมเดือนแรมปี ลมฟ้าอากาศก็สบายๆไร้ฝน สะดวกทั้งเจ้าภาพและแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงาน รวมทั้งชาวบ้านชาวช่องที่จะมาชมมหรสพ เมรุปูนวัดสระเกศจึงถือเป็นบันเทิงสถานของคนกรุงเทพในสมัยนั้น มีฉายาว่า “วิกเมรุปูน” เวลามีงานศพคนใหญ่คนโต ก็จะมีการละเล่นโขน ลิเก ละคร หุ่นกระบอก และมีออกร้านขายของกินของใช้ให้กับผู้คน สนุกครึกครื้นเช่นเดียวกับงานวัด
ประตูเมืองตรงนั้นเลยเปลี่ยนชื่อเป็นประตูสำราญราษฎร์ เพราะเป็นที่เข้าออกของคนเมืองไปดูมหรสพ