คุณตั้งไปอ้างเรื่องหลังคาบ้านฝรั่งไว้ในกระทู้ แผ่นดินไหวและซึนามิ
นอกจากนั้นจุลินทรีย์พวกนี้ยังใช้ออกซิเจนจากสารประกอบซัลเฟต (SO4 อื่นๆอีกด้วย ซึ่งจะทำให้เหลือสารตกค้างเป็นพวก Ferrous sulfide ซึ่งคือแร่ชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบหลักเป็นธาตุเหล็กกับกำมะถัน แต่ยังคงสะสมปนอยู่ในเนื้อของตะกอนดิน ทั้งหมดนี้คือสภาพของตะกอนที่แปรสภาพไป ในภาษาที่เรารูจักกันก็คือดินพรุ ในภาษาทางวิชาการเรียกว่า Peat bog หรือบางทีก็เรียกว่า Bog หรือ Bog swamp (ซึ่งโยงไปหากระทู้ของคุณเทาชมพู ว่าด้วยหลังคาแบบฝรั่ง ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงบ้านที่สร้างในแถบทุ่งหญ้าแพรรี_Prairie_)
เมืองเล็กที่ว่านี้ ตั้งอยู่กลางท้องทุ่งกว้างใหญ่ ซึ่งเรียกว่า prairie ท้องทุ่งแบบนี้ไม่มีในประเทศไทย เห็นครั้งแรกมันเหมือนกับสนามกอล์ฟของพญายักษ์ เพราะเป็นเนินกว้างสลับกับพื้นเรียบทอดตัวยาวเหยียดไปจนสุดสายตา เนื่องจากไฮเวย์ทั้งหลายของที่นี่เขาไม่อนุญาตให้มีตึกแถวการค้ามาตั้งขนาบสองข้างทางอย่างบ้านเรา แต่เปิดทิวทัศน์สองข้างทางให้โล่งตลอด ก็เลยเห็นไปได้จนสุดขอบฟ้า เว้นแต่ทางทิศตะวันตก ไม่เห็นขอบฟ้าเพราะมีเทือกเขามหึมากั้นอยู่ ชื่อว่า Rocky Mountains
ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน prairie สวยมากเพราะเป็นสีเขียวสด มีดอกไม้ป่าเรียกว่า field flowers บานไสว ไร่นาต่างๆผลิดอกออกผลกันสะพรั่ง พอถึงฤดูใบไม้ร่วงหญ้าก็เริ่มแห้งเป็นสีน้ำตาล พอฤดูหนาวเข้ามาก็จะเห็นหญ้าแห้งแล้งเช่นเดิมมีหิมะจับอยู่เป็นหย่อมๆ หญ้าที่นี่ไม่สูงเป็นพงรกอย่างในประเทศไทย มันเรียบติดพื้นดิน มองไกลๆจึงเหมือนสนามกอล์ฟ
พื้น prairie บางแห่งไม่มีหญ้าเขียว แต่เป็นพื้นดินแห้งๆมีวัชพืชชื่ออะไรไม่ทราบงอกเป็นกระจุกๆ ติดดิน ดูแห้งแล้งมาก แถมยังกว้างสุดลูกหูลูกตา เห็นแล้วนึกสรรเสริญความทรหดอดทนของนักบุกเบิกที่นั่งเกวียนประทุนเดินทางผ่านมาทางนี้ ถ้าไม่เอาเสบียงมาด้วยเห็นทีจะอดตาย เพราะพื้นดินมันไม่มีผักหญ้าให้ถอนขึ้นมากินได้เลย
พรรณนาเพลินไปหน่อย นึกได้ว่ายกข้อความของคุณตั้งมาไว้ที่กระทู้นี้เพื่อจะบอกว่า ดิฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับหลังคาของบ้านในทุ่ง prairie รู้แต่ว่าบ้านสมัยบุกเบิก ไม่มีหลังคากระเบื้อง บ้านทุ่งมุงหลังคาทำด้วยแผ่นไม้กันค่ะ