เราร้องเพลงให้เพื่อนนักแสวงบุญอื่นๆ ที่บังเอิญเดินผ่านปวดหัวใจเล่น
แยกแยะได้เป็นกลุ่มตามเชื้อชาติ ถ้าเป็นคนสเปน ก็เข้ามาร่วมร้องด้วยเรียกว่าร่วมบ้า
คนฝรั่งเศสไม่ร่วมบ้าแต่ก็หัวเราะความบ้าของเรา พอเป็นคนเยอรมันละก้อหยุด
มองเราแบบหัวจดเท้าแล้วบ่นค่อยๆ ว่า “หนกหู”
พอได้ร้องเพลง สี่สหายก็เริ่มคึก ความน่าเบื่อหายวับไปกับตา เดินกันขยันขันแข็ง
ถึง โอร์นีโยส เดล คามิโน่ (Hornillos del Camino) แวะกินแซนวิช
เราร้องเพลงซะหิว แม่สั่งแซนวิชสี่อัน เขามีแค่เนยแข็ง กับแฮมสเปน
อันใหญ่มากตามเคย สั่งสองอันยังไม่รู้เลยว่าจะกินหมดมั้ย
เราสวัสดีลาจากกับอัลบ้าและอัลฟองโซ่ที่เมืองนี้ ทั้งสองจะเดินต่อ
ดีที่เมืองนี้มีแค่ถนนเดียว ร้านขายของชำ ร้านกาแฟ
บ้านพักนักแสวงบุญและโรงแรมอยู่ถนนเดียวกัน เราไปเคาะประตูโรงแรมแต่ไม่มีคนเปิด
แม่เลยเดินไปหาร้านขายของชำชื่อแปลกๆว่า กม. ที่ ๔๖๙ ไปถามเจ้าของร้าน
เขาให้เบอร์มือถือของเจ้าของโรงแรม แม่โทรไป มีเสียงตอบที่แม่ว่าฟังไม่รู้เรื่อง
แต่จับความได้ว่า ให้เรารออยู่หน้าร้าน กม. ที่ ๔๖๙ เดี๋ยวจะมา
ผมเลยเข้าไปซื้อไอติมแท่ง มานั่งแทะเล่นฆ่าเวลา เจ้าของร้านออกมาถามว่าเรามาจากไหน
พอบอกว่าเมืองไทย เขาก็ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นคนไทย เลยขอให้เราเขียนอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาไทย
เอาไว้ติดร้าน เขาพาไป เห็นมีทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี พอเขียนเสร็จเขาให้ไอติมเราอีกคนละแท่ง ใจดีจัง
พอกินไอติมเสร็จ ก็มีรถเก๋งเก่าและสกปรกมากมาจอดหน้าร้าน
ตามออกมาด้วยหนุ่มสูงวัยที่หนวดเคราเต็มหน้า เดินมาหาเราแล้วบอกว่าจะพาไปโรงแรม
แม่ว่าเอาโรงแรมนี้แหละ เขาว่าเต็มแล้ว จะพาไปอีกที่ อยู่ห่างจากโอร์นีโยส เดล คามิโน่ไปแค่สิบนาที (ขับรถ)
แล้วพรุ่งนี้จะพามาส่งตอนเช้าที่เมือง โอร์นีโยส เดล คามิโน่ ให้เราเริ่มเดินทางต่อ
แม่หันมาปรึกษา ไม่แน่ใจว่าสมควรไว้วางใจได้แค่ไหน กลัวเขาเอาไปฆ่าหมกป่า
แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วทั้งเมืองมีโรงแรมนี้โรงแรมเดียว
ทำดัดจริตอาจหาที่นอนไม่ได้ต้องเดินต่อ เป็นไงเป็นกัน
ตัดสินใจได้ ก็หอบเป้ใส่รถ ที่นอกจากเก่าและสกปรก ก็ยังเหม็นมาก
แถมที่นั่งมีขนของสิงหาราสัตว์เต็มไปหมด พอได้นั่งในรถ
คุณลุงก็ชวนคุย แนะนำตัวเองว่าชื่อ มักซิม (Maxim) เคยเป็นทหารมาก่อน
พอแก่ตัวเลยมาทำโรงแรม ในเมืองให้ลูกชายทำ ส่วนที่เรากำลังจะไปนั้น ช่วยกันทำกับเมีย
ลุงยังคุยไม่จบก็มาถึงที่หมาย
โรงแรมของลุง ในสเปนเรียกกันว่า คาซ่า รูราล (Casa Rural)
ส่วนมากเอาบ้านเก่าๆ หรือโรงนา มาปรับปรุงใหม่เป็นโรงแรม
มีสไตล์คล้ายๆ บูติคโฮเตล ของบ้านเรา ส่วนมากจะอยู่ออกนอกเมือง
มีห้าห้องบ้าง สิบห้องบ้าง ไม่มีเป็นร้อยห้องแบบโรงแรมที่มีสาขาทั่โลก
มีอาหารเย็นและเช้าให้ แต่ละห้องจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
แล้วส่วนมากจะใช้คนในครอบครัวบริหารงาน
ที่พักถูกใจเราทั้งสองมาก โดยเฉพาะแม่ เพราะมีลูกหมาวิ่งมาต้อนรับ
หน้าเหมือนเจ้าอ๊อดตอนเล็กๆมาก พันธ์เดียวกัน ทำเอาแม่น้ำตาซึมเพราะคิดถึงหมา
แม่คงจะเป็นมนุษย์คนเดียวที่ผมรู้จัก ที่เขียนโปสการ์ดหาหมาได้ทุกวัน
คาซ่า รูราลที่เรามาถึง ชื่อว่า เอลโมลีโน่ เดล คามิโน้
(Casa Rural El Molino del Camino โทร ๐๐๓๔ ๙๔๗ ๕๖ ๐๓ ๐๒ หรือ ๐๐๓๔ ๖๔๙ ๘๗ ๖๐ ๙๑
http://11870.com/pro/el-molino-camino/media)
อยู่ใน เอสเตปาร์ (Estépar) เมืองเล็กๆ ที่ไม่ไกลจากบัวร์โกสมากนัก ถ้ากลับมาอีกหน แม่ว่าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะหาเจอ
รูปที่หนึ่ง ทางเดินขึ้นเขา มีคนเอาหินไปวางเป็นรูปร่างต่างๆ
รูปที่สอง ทางเดินที่ร้อนและแห้งแล้งมาก
รูปที่สาม ป้ายเมืองโอร์นีโยส เดล คามิโน่
รูปที่สี่ ร้านขายของชำชื่อแปลกๆ