เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 13478 เอ๊ะนั่นกระดูกใคร ไฉนไปนอนอยู่ใต้ลานจอดรถ
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


 เมื่อ 14 มี.ค. 13, 20:46

วันที่  25 สิงหาคม 2012 คนงานและรถขุดได้เคลื่อนขบวนมาที่ลานจอดรถบนถนน New Street ใจกลางเมืองเลสเตอร์ (Leicester)  เพื่อเริ่มต้นการขุดค้นในบริเวณที่คาดว่าเป็นโบสถ์เก่าชื่อว่า Greyfriars  การขุดเริ่มต้นจากการกำหนดตำแหน่งที่จะเปิดหลุมเป็นแนวกว้างประมาณ 1.6 เมตร  ยาวประมาณ 30 เมตรบนพื้นผิวถนนที่เป็นลานจอดรถ คนงานค่อยๆ ขุดและย้ายพื้นผิวถนนรวมถึงซากสิ่งปรักหักพังในยุคหลังที่เคยมีการสร้างทับซ้อนกันบนที่ดินผืนนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นที่เป็นซากปรักหักพังของโบสถ์ Greyfriars    หลังจากขุดไปได้ยาวประมาณ 16 เมตรที่ความลึกประมาณ 1.5 เมตร คนงานก็ได้พบโครงกระดูกส่วนขาของมนุษย์ปรากฏขึ้นมา ดังนั้นตรงส่วนนี้จึงต้องระวังไว้เป็นพิเศษเพื่อให้นักโบราณคดีมาขุดในบริเวณนี้ต่ออย่างละเอียด  จากนั้นคนงานก็ทำการขุดต่อไปจนได้หลุมที่เป็นแนวยาวตามที่กำหนดไว้



ในวันรุ่งขึ้น คนงานได้ขุดหลุมที่อีกด้านของลานจอดรถตามแผนต่อไป และเมื่อขุดค้นมากขึ้นก็ได้เห็นแนวกำแพงของห้องหับต่างๆ ในสมัยยุคกลางที่บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่า คณะผู้ขุดค้นวางแผนกันว่าจะเลือกขุดและพุ่งความสนใจไปเฉพาะการค้นหาโครงกระดูกของผู้ขายที่มีช่วงอายุประมาณ 30 ปีเท่านั้น  เพราะจุดประสงค์ของการขุดค้นครั้งนี้คือการค้นหาโครงกระดูกที่หายไปของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ


ภาพลานจอดรถ  ตอนเริ่มต้นการขุดค้น และบริเวณที่พบโครงกระดูก




บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 21:17

แล้วริชาร์ดที่ 3 คือใครกันหละ สำคัญอย่างไร   ก็ต้องแนะนำตัวละครกันเล็กน้อย อาศัยช่วงครูใหญ่ไม่อยู่ เด็กๆ ก็ต้องมาเล่าเรื่องผีหรือคุยเรื่องลึกลับกันฆ่าเวลา  เล่าไปแบบช้าๆ ตามประสาคนขี้เกียจ  และขออนุญาตไม่ใช้คำราชาศัพท์เพื่อความสะดวกในการเล่า  ห้ามซายาเพ็ญหรือซายาท่านอื่นๆ เอาไม้เรียวมาตีนะครับ


ริชาร์ดที่ 3 เป็นกษัตริย์อังกฤษที่ครองราชย์ในช่วงยุคกลางหรือยุคอัศวิน ตั้งแต่ปี 1483 จนถึง 1485 เป็นระยะเวลาสั้นๆ แค่ 2 ปี แต่ก็นับว่าเป็นกษัตริย์ที่มีสีสันเรื่องราวน่าสนใจทีเดียว  ภาพลักษณ์ของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 ในสายตาของนักประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะจากงานวรรณกรรมของเชคสเปียร์ให้ภาพริชาร์ดที่ 3 ไว้เป็นผู้ชายหลังค่อม  ขี้โกง โลภโมโทสัน เต็มไปด้วยความทะเยอะทะยานอีกทั้งยังอำมหิตเลือดเย็น น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปอย่างลึกลับของหลานชายตัวน้อยๆ 2 คน  ซึ่งในที่สุด ตามแบบฉบับของผู้ร้าย ตัวโกงตัวเอ้ ที่สุดแล้วกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 ก็มีจุดจบอย่างน่าเศร้าใจ


ริชาร์ดเกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1452 เป็นลูกชายคนเล็กของริชาร์ดแห่งยอร์ค ดุ้กแห่งยอร์คคนที่ 3 ซึ่งเป็นขุนนางที่มีอิทธิพลมากในสมัยนั้น  ในวัยเด็กริชาร์ดถูกเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลของริชาร์ด เนวิล เอิร์ลที่ 16 แห่งวอร์ริคซึ่งเป็นญาติกับเซซิล เนวิล แม่ของริชาร์ดน้อยเอง     พี่ชายของริชาร์ดน้อยคือเอ็ดเวิร์ด  ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษเมื่อปี 1461 หลังจากชนะสงครามที่เรียกว่าสงครามดอกกุหลาบ(เพราะพวกยอร์คใช้ดอกกุหลาบขาวเป็นสัญลักษณ์) ต่อพวกแลงคาสเตอร์(กุหลาบแดง) เมื่อมีพี่ชายเป็นกษัตริย์ ริชาร์ดก็เลยได้ตำแหน่งใหญ่ตามไปด้วย โดยได้รับตำแหน่งเป็นดุ้คแห่งกลอสเตอร์


และเนื่องจากเกิดมาในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยสงครามและความขัดแย้ง ริชาร์ดจึงถูกฝึกฝนให้เป็นนักสู้  รู้เหลี่ยมคูทางการเมืองอย่างดี รวมถึงมีประสบการณ์การมีกำลังทหารในมือจนถึงมีประสบการณ์การทำสงครามตั้งแต่ยังเล็ก เรียกได้ว่าเป็นนักรบเต็มตัว


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 21:49

ในปี 1472 ริชาร์ดแต่งงานกับแอนน์ เนวิล ลูกสาวของเอร์ลที่ 16 แห่งวอร์ริคผู้เคยดูแลริชาร์ดตั้งแต่วัยเด็ก  การแต่งงานนี้เพิ่มความร่ำรวยให้ริชาร์ดอย่างมาก เพราะพ่อตาของริชาร์ด ยังเป็นขุนนางที่เรียกได้ว่ามีอิทธิพลสูงสุดในอังกฤษสมัยนั้นจนได้ชื่อว่าเป็นนักปั้น (the king maker) เพราะถ้าเอิร์ลหันไปสนับใคร คนนั้นก็มีสิทธิที่จะอ้างบัลลังก์อังกฤษได้ขนาดนั้นเลย การแต่งงานนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่จอร์จ ดุ้กแห่งแคลเรนซ์ พี่ชายอีกคนของริชาร์ดที่แต่งงานกับลูกสาวอีกคนของเอิร์ลแห่งวอร์ริคเช่นกัน เพราะจะทำให้สินสมรสผ่านทางภรรยาของแคลเรนซ์ต้องถูกแบ่งออกไป


ริชาร์ดได้ครองที่ดินของพวกตระกูลเนวิลในทางตอนเหนือของอังกฤษในปี 1474 ในช่วงเวลาที่แคลเรนซ์พี่ชายกำลังขัดแย้งกับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 พอดี และในที่สุดจอร์จ ดุ้กแห่งแคลเรนซ์ก็กล่าวหาว่าทรยศ และถูกประหารชีวิตไป ไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าริชาร์ดเกี่ยวข้องกับการกำจัดพี่ชายคนนี้หรือไม่ แต่นี่ทำให้ริชาร์ดยิ่งเป็นคนสำคัญ ร่ำรวย และมีอิทธิพลมากขึ้นไปอีก


9 เมษายน 1483 กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษสิ้นพระชนม์ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดบุตรชายวัย 12 ปีได้ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 5 แห่งอังกฤษ แต่ยังไม่มีพิธีฉลองมงกุฏขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ  ริชาร์ดซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเจ้าอาในขณะนั้นรับตำแหน่งเป็นเจ้าผู้พิทักษ์ (Lord Protector) รีบจัดการตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามได้แก่ฝ่ายของพระราชินีของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 ทันที หลังจากจัดการประหารชีวิตขุนนางฝ่ายตรงข้ามไปหลายคน  ริชาร์ดรีบนำตัวยุวกษัตริย์มาขังไว้ที่หอคอยลอนดอน อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย และยังไปรับพระอนุชาของเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายริชาร์ดวัย 9 ขวบมาขังไว้อีกคน


หลังจากนั้นริชาร์ดก็อ้างเอาแบบดื้อๆ โดยการสนับสนุนของลิ่วล้อขุนนางและนักบวชว่าการแต่งงานของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 กับอลิซาเบธ วูดวิลล์ พระมารดาของเจ้าชายทั้ง 2 เป็นโมฆะ เนื่องจากกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดเคยแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นก่อน ดังนั้นเมื่อการแต่งงานกับอลิซาเบธ วูดวิลล์เป็นโมฆะ  บุตรชายของทั้งคู่คือเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและเจ้าชายริชาร์ดจึงเป็นลูกนอกสมรส ไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์อังกฤษได้    ดังนั้นแม้จะไม่เต็มอกเต็มใจ  ริชาร์ดก็จำต้องยอมขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เสียเอง   ส่วนเจ้าชายน้อยทั้งสองก็หายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่นั้น เหลือแต่เรื่องเล่าของวิญญาณเด็กชาย 2 คนในหอคอยแห่งลอนดอน และการค้นพบโครงกระดูกเด็กสองโครงในหอคอยในอีกหลายร้อยปีให้หลัง


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 22:28

เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1483 แล้ว ริชาร์ดต้องเผชิญกับการกบฏ  ครั้งแรกนำโดยดุ้กแห่งบัคกิ้งแฮม ที่ต้องการสนับสนุนเฮนรี่ ทิวดอร์ เอิร์ลแห่งริชมอนด์ ซึ่งแต่งงานกับอลิซาเบธแห่งยอร์ค ลูกสาวของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 และเป็นหลานของริชาร์ดที่ 3 เอง    เฮนรี่ ซึ่งขณะนั้นถูกเนรเทศไปอยู่ในฝรั่งเศส(ช่วงเวลานั้นอังกฤษเองมีดินแดนบางส่วนอยู่ในส่วนที่เป็นฝรั่งเศสในปัจจุบันด้วย ไม่ได้มีแต่เกาะอย่างเดียว)  แต่บัคกิ้งแกมก่อการไม่สำเร็จ และถูกตัดหัวไปตามระเบียบ


อย่างไรก็ตาม เฮนรี่ ทิวดอร์ไม่ยอมแพ้ โดยการสนับสนุนของฝรั่งเศส เฮนรี่ยกทัพมีกำลังประมาณ 5000 คนข้ามทะเลมาที่อังกฤษ ริชาร์ดนำทัพกำลังประมาณ 8000 คนไปสู้ ทั้งสองทัพรบกันที่สมรภูมิทุ่งบอสเวิร์ธ(Battle of Bosworth) ใกล้ๆ เมืองเลสเตอร์  ในการรบครั้งนี้ กอลกำลังของริชาร์ดที่นำโดยขุนนางหลายคนเกิดเปลี่ยนใจกลับข้าง ทำให้สถานการณ์พลิกผัน แต่แม้กระนั้นริชาร์ดก็ยังรบอย่างกล้าหาญสมศักดิ์ศรีกษัตริย์ แต่กระนั้นสุดท้ายแล้วกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษก็ถูกสังหารในการรบ   จากผลการชันสูตรเมื่อเร็วๆ นี้พบบาดแผลบนกระโหลกศรีษะของริชาร์ดถึง 8 รอย  แผลที่สาหัสสุดเป็นรอยดาบฟันที่กระโหลกส่วนหลังจนแหว่งไปเลย   ลังเล  คาดว่าระหว่างการรบหมวกชุดเกราะของริชาร์ดน่าจะหลุดหายไปทำให้มีแผลมากขนาดนี้ เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ชุดเกราะถูกปลดออก  ร่างของริชาร์ดถูกลากไปตามทาง ถูกโชว์ไว้ในที่สาธารณะหลายวัน ก่อนถูกฝังอย่างลวกๆ ไม่มีแม้แต่โลงศพที่โบสถ์ Greyfriar ในเมืองเลสเตอร์นั่นเอง 


เฮนรี่ ทิวดอร์ ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เฮนรี่ที่ 7  เปิดฉากราชวงศ์ทิวดอร์   ในปี 1495 กษัตริย์เฮนรี่ได้ยอมจ่ายเงินประมาณ 50 ปอนด์เพื่อเป็นค่าหินอ่อนประดับหลุมศพของริชาร์ด แต่หลังจากยุคที่อังกฤษมีการปฏิรูปศาสนาในสมัยเฮนรี่ที่ 8  โบสถ์ Greyfriar ถูกทิ้งร้างไป จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปีพื้นที่บริเวณที่เคยเป็นโบสถ์ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไป เป็นอาคารบ้านเรือนบ้างอะไรบ้าง จนสุดท้ายกลายมาเป็นที่จอดรถของเทศบาลเมืองเลสเตอร์   ส่วนบริเวณที่เคยเป็นหลุมศพของริชาร์ดก็หายสาบสูญไปตามกาลเวลา

Battle of Bosworth


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 22:34

ที่นี่เค้ามีธรรมเนียมแจกของว่างกันระหว่างเรียน  แต่ของเราไม่ใช่การเรียนแต่เป็นการแอบกินในห้องเรียนช่วงครูไม่อยู่ เอาป๊อกกี้ไปกินกันพลางๆ ละกันนะครับ

*  จิ๊กภาพมาจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=658680


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 23:26

แล้วตัวตนที่แท้จริงของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 เป็นเช่นไร ริชาร์ดเป็นกษัตริย์ที่ดีหรือที่เลวกันแน่?


เอกสารต่างๆ เกี่ยวกับริชาร์ดทั้งเอกสารร่วมสมัยและเอกสารที่เขียนขึ้นในยุคหลังถูกบันทึกโดยผู้ที่ไม่ได้รู้จักหรือเคยพบริชาร์ดจริงๆ เลย ดังนั้นนิสัยใจคอที่แท้จริงของริชาร์ดจึงไม่อาจสรุปได้  นอกจากนี้เมื่อเฮนรี่ ทิวดอร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็ต้องมีการตีไข่ใส่สีริชาร์ดให้มากเข้าไว้เพื่อเพิ่มความชอบธรรมในการขึ้นเป็นกษัตริย์ของเฮนรี่ ภาพลักษณ์ของริชาร์ดที่ถูกบันทึกในสมัยทิวดอร์จึงยิ่งแย่มากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะจากวรรณกรรมของเชคสเปียร์เรื่อง Richard III ที่ให้ภาพของริชาร์ดไว้เป็นตัวร้ายสุดๆ หลังก็ค่อม มีส่วนทั้งการฆาตกรรม อยู่เบื้องหลังการตายของคนมากมายเพื่อแผ้วทางให้ตัวเองสู่บัลลังก์   ด้านกายภาพนักประวัติศาสตร์ยุคหลังบรรยายภาพของริชาร์ดไว้เป็นคนร่างเล็ก หลังค่อมเพราะกระดูกสันหลังผิดรูป ไหล่สองข้างจึงสูงไม่เท่ากัน บ้างก็บอกว่าริชาร์ดมีร่างการพิการ แคระแกรน


แต่ในด้านการปกครอง  นักประวัติศาสตร์ในยุคหลังที่พยายามมองอย่างเป็นกลางก็ให้ภาพของริชาร์ดว่า แม้ชื่อเสียงในเรื่องการขึ้นสู่อำนาจจะไม่ดี แต่ริชาร์ดนับว่าเป็นกษัตริย์ที่ดี ในแง่การออกกฏหมายที่ให้สิทธิแก่ประชาชนคนธรรมดาหรือคนจนๆ เข้าถึงระบบยุติธรรม ระบบศาลได้ง่ายและประหยัดเงินได้มากขึ้น  ผู้ต้องสงสัยไม่ถูกจับขังคุกก่อนการไต่สวน และระหว่างการไต่สวนจะยังไม่มีการยึดทรัพย์สิน   ให้สิทธิเสรีภาพในการพิมพ์มากขึ้น  มีการแปลตำรากฏหมาย  บริจาคเงินให้สถาบันการศึกษา ฯลฯ  แต่อย่างไรก้ตาม ภาพลักษณ์การป็นตัวร้ายดูจะเป็นที่รู้จักมากกว่าภาพในด้านดี



อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนที่เชื่อว่าริชาร์ดที่ 3 เป็นกษัตริย์ที่ดีและต้องการฟื้นฟูชื่อเสียงให้กับริชาร์ด กลุ่ม The Richard III Society หรือสมาคมริชาร์ดที่ 3 ก่อตั้งขึ้นในปี 1924 โดยคณะกลุ่มคนที่ต้องการโปรโมทริชาร์ดตามความเป็นจริง มากกว่าแค่ยึดตามภาพลักษณ์ที่ถูกนักประวัติศาสตร์สร้างขึ้นหรือบิดเบือน  สมาคมนี้มีสมาชิกประมาณ 3000 คนอยู่ทั่วโลก  ใครสนใจไปสมัครได้ที่นี่ครับ

http://www.richardiii.net/index.php


ในบรรดาสมาชิกของสมาคมนี้ ก็มีสาวใหญ่นักเขียนบทภาพยนต์ที่อาศัยอยู่ที่เมืองเอดินเบิร์กในสกอตแลนด์นามว่าฟิลลิปป้า แลงเลย์ที่อาจจะเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หนึ่งที่ถึงขั้นหลงรักริชาร์ดเลยทีเดียว  ฟิลิปป้าเชื่อว่าริชาร์ดไม่ใช่กษัตริย์ที่เลวร้ายอย่างที่คนส่วนใหญ่เชื่อ  และเธอยังเห็นใจชะตากรรมที่ริชาร์ดประสบ   รวมทั้งยังต้องการจะค้นหาว่าร่างของริชาร์ดถูกฝังไว้ที่ไหน ดังนั้นฟิลิปป้าจึงเป็นตัวตั้งตัวตีในการค้นคว้าหาสถานที่ที่เคยเป็นโบสถ์ที่มีบันทึกว่าร่างของริชาร์ดถูกฝังไว้  รวมทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการระดมเงินทุนเพื่อใช้ในการขุดค้น เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขุดค้นลานจอดรถในครั้งนี้


ภาพฟิลลิปป้า แลงเลย์


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 23:56

ในระหว่างการค้นหาสถานที่ฝังศพริชาร์ด เมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2009 ฟิลิปป้าได้เดินทางไปยังลานจอดรถเทศบาล ซึ่งเชื่อว่าในอดีตคือโบสถ์ที่ฝังริชาร์ดไว้ เมื่อไปถึงที่นั่น กำลังยืนอยู่บนลานจอดรถ ฟิลิปป้าก็รู้สึกว่าเธอมาถูกที่ เธอเชื่อมั่นอย่างจริงๆ จังๆ ว่าริชาร์ดต้องถูกฝังอยู่บริเวณนี้แน่ๆ


ระหว่างเดินสำรวจลานจอดรถ ฟิลิปป้าได้เห็นตัวอีกษร R ที่พ่นสีไว้บนพื้นถนน หมายถึงจุดกลับรถ  แต่ฟิลิปป้ากลับรู้สึกว่ามันต้องหมายถึงริชาร์ดแน่ๆ  นั่นยิ่งทำให้เธอยิ่งมั่นใจและพร้อมที่จะดำเนินการขั้นต่อไป คือการรวบรวมเงินเพื่อใช้ในการขุดค้น
(ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไสยศาสตร์มีจริง  บริเวณที่มีตัวอักษร R อยู่นั้น อยู่เหนือบริเวณที่พบโครงกระดูกพอดี  ถ้าเรื่องบังเอิญมีจริง นี่ต้องนับว่าเป็นความบังเอิญที่ไม่น่าเป็นไปได้)


ก่อนการขุด ต้องมีการหาตำแหน่งที่น่าจะเป็นไปได้และใช้เริ่มต้นขุด จากการค้นคว้าเอกสารต่างๆ ในปี 2011 ทางทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์กำหนดบริเวณที่น่าจะเป็นไปได้และจะขุดค้นไว้ 3 จุด และกำหนดว่าจะขุดเป็นร่องยาวเป็นแนว


เงินทุนที่ใช้ในการขุดค้นจำนวน £13,000 หรือราวๆ หกแสนกว่าบาทได้มาจากกลุ่ม "Ricardians" ซึ่งก็คือสมาชิกสมาคมที่มีอยู่ทั่วโลก ฟิลิปป้าขออนุญาตเทศบาลเมืองเลสเตอร์เพื่อทำการขุดค้นครั้งนี้โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเลสเตอร์   และการขุดก็เริ่มต้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2012


แผนผังการขุด


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 09:18

กรุบ กรุบ ป๊อกกี้แอบกินอร่อยจังค่ะ กินไปฟังไป เพลิน.. ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:07

หล่ออออ...มะ?  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
ศุศศิ
อสุรผัด
*
ตอบ: 32


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:12

ชอบจัง ประวัติศาสตร์ย่อยๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:46

โครงการขุดค้นครั้งนี้ ทางสมาคมฯ ร่วมมือกับทางหน่วยบริการ(University of Leicester Archaeological Services (ULAS)) อยู่ภายใต้สังกัดของของมหาวิทยาลัยเลสเตอร์(School of Archaeology and Ancient History) โดยมีลุงริชาร์ด บัคลีย์เป็นหัวหน้าทีมนักโบราณคดี   ตาลุงริชาร์ดนี่แกไม่เชื่อมั่นแบบฟิลลิปป้าว่าจะเจอโครงกระดูกของริชาร์ดที่ 3  แกถึงกับบอกว่าถ้าเจอริชาร์ดที่ 3 จริงนะ แกจะกินหมวกให้ดู แต่แม้ไม่เชื่อมั่นแกก็เป็นหัวหน้าทีมขุดค้นอยู่ดี


ลุงริชาร์ด คนเงิบแห่งเลสเตอร์  รู้สึกเรื่องนี้นี่ตัวละครชื่อริชาร์ดเต็มไปหมดเลย







บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:54

อย่างที่บอกไปว่าเมื่อมีการวางผังการขุดแล้ว วันที่ 25 สิหาคม 2012 การขุดก็เริ่มต้นขึ้น และในวันแรกนั้นเองเมื่อขุดไปได้ระยะทางราว 15-16 เมตรก็พบโครงกระดูกตรงตำแหน่งที่เคยมีตัว R บนลานจอดรถพอดี ทำให้ต้องมีการระมัดระวังมากขึ้น พื้นที่ตรงบริเวณที่ขุดเจอกระดูกก็ต้องหาอะไรมาคลุมไว้ก่อน รอให้นักโบราณคดีมืออาชีพมาขุดสำรวจแบบละเอียดต่อไป

ระหว่างการขุดก็ต้องมีตัวละครมาแต่งตัวเป็นอัศวินในยุคกลางเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศไปด้วย  รวมทั้งมีฝรั่งมุงที่สนใจมามุงดูกันไม่น้อย


ภาพบรรยากาศการขุด รวมทั้งฝรั่งมุง




บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 18:10

โครงกระดูกที่พบถูกขุดอย่างละเอียดในวันที่ 4 กันยายน 2012  โดยนักโบราณคดี  โครงกระดูกที่พบนี้ส่วนเท้าหายไป มีร่องรองถูกฝังในหลุมที่เล็กเกินไปทำให้การวางตำแหน่งหัวผิดส่วน ไม่มีร่องรอยของโลงศพแสดงว่าร่างนี้ถูกฝังโดยไม่มีโลง  และอาจจะไม่มีแม้แต่ผ้าห่อศพ  เป็นการฝังแบบลวกๆ รีบๆ   นักโบราณพบร่องรอยบาดแผลที่กระโหลก  มีหัวลูกศรแถวๆ กระดูกสันหลัง  แต่ที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นคือพบว่ากระดูกสันหลังมีรูปร่างคดงอเป็นรูปตัว S ซึ่งจะทำให้คนที่มีโครงกระดูกแบบนี้  ร่างกายจะผิดรูป ไหล่ทั้งสองข้างจะสูงไม่เท่ากัน     ทั้งรูปแบบการฝัง และลักษณะทางร่างกายตรงกับบันทึกและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับริชาร์ดที่ 3 มาก


ฟิลิปป้าออกจะผิดหวังเล็กน้อยเพราะเธอเชื่อว่าริชาร์ดที่ 3 ไม่ได้พิกลพิการแบบที่ถูกใส่ร้าย แต่โครงกระดูกที่พบมีลักษณะความพิการ แต่รายละเอียดหลายๆ อย่างบ่งบอกว่านี่น่าจะเป็นริชาร์ดที่ 3 จริงๆ  แม้แต่ทางมหาวิทยาลัยเลสเตอร์เองยังออกมาให้ข่าวว่าโครงกระดูกที่พบมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโครงกระดูกของกษัตริย์ แต่ยังต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป โครงกระดูกชายหลังคดโครงนี้ จึงถูกขุดขึ้นมาจากหลุมเพื่อรอการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป


ภาพโครงกระดูกที่พบ ลักษณะบาดแผลบนกระโหลก และโครงกระดูกที่ได้รับการขุดออกมาทั้งหมด






บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 18:46

แล้วการตรวจสอบจะต้องทำอะไรบ้างหละ?


ทึมตรวจสอบวางแผนการตรวจสอบโครงกระดูกไว้อย่างรัดกุมทีเดียว  นอกจากการชันสูตรหาร่องรอยและสาเหตุการตาย ก็ต้องมีทั้งการตรวจหาอายุของโครงกระดูก  ช่วงอายุเสียชีวิต การทำภาพเชิงซ้อนหัวกระโหลกกับภาพวาดของริชาร์ด  รวมทั้งวิธีที่น่าจะแม่นยำที่สุดคือการตรวจสอบ DNA กับลูกหลานของริชาร์ดที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน


นักกระดูกวิทยา(อันนี้เขียนแซวเล่นๆ ไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร) ตรวจสอบโครงกระดูกซึ่งยังอยู่ในสภาพดี และเกือบสมบูรณ์ยกเว้นส่วนเท้าเท่านั้นที่หายไป ซึ่งคาดว่าอาจถูกทำลายไปในสมัยที่มีการก่อสร้างบนพื้นที่ที่ขุดพบในสมัยวิคตอเรีย  โครงกระดูกเป็นของชายอายุในช่วงปลาย 20 ถึงต้น 30 ซึ่งตามประวัติศาสตร์ริชาร์ดตายเมื่ออายุ 32 ปี  ความคดของกระดูกสันหลังทำให้เจ้าของร่างมีอาการไหล่สองข้างไม่เสมอกัน แต่ไม่ได้พิการ และยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ แม้แต่การต่อสู้บนหลังม้าได้อย่างดี


โครงกระดูกมีร่องรอยของบาดแผลมากมายทำให้บ่งชี้ว่าเจ้าของน่าจะตายจากการบ    เฉพาะบนกระโหลกมีร่องรอยบาดแผลที่สาหัสมีผลถึงตายได้ 2 รอย คือรอยดาบฟันที่กระโหลกส่วนหลังจนแหว่งถึงชั้นสมอง กับร่องรอยบาดแผลจากการแทงทะลุกระโหลกถึงสมองเช่นกัน  และยังมีร่องรอยของหัวลูกศรทะลุกระโหลกอีก  ขยิบตา และยังมีรอยดาบฟันอื่นๆ อีก เช่นบริเวณคางมีรอยแผลจากดาบสั้น  เฉพาะแผลบนศีรษะก็สยดสยองนองเลือดมาก


ยัง ยังไม่พอ  ไปดูรอยบาดแผลบนร่างกายบ้าง กระดูกซี่โครงด้านขวาและสะโพกมีบาดแผลจากการถูกฟันด้วยอาวุธมีคม  นอกจากบาดแผลที่ลึกจนทิ้งร่องรอยไว้บนกระดูก เจ้าของร่างน่าจะมีอาการบาดเจ็บจากบาดแผลอื่นๆ ที่ไม่เหลือร่องรอยบนกระดูกอีก  ร่องรอยเหล่านี้บ่งชี้ว่าเจ้าของร่างบาดเจ็บขณะที่ไม่มีเกราะช่วงป้องกันร่างกาย ซึ่งก็ตรงกับเรื่องเล่าขานที่บอกว่าริชาร์ดถูกกระชากลงจากหลังม้า ชุดเกราะถูกปลดออก ร่างเปลือยเปล่าถูกม้าลาก 


บรรยายมากชักเสียว เอารูปสาวแว่นไปดูแก้เครียดกันพลางๆ


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 19:10

นอกจากตรวจสอบร่องรอยของกระดูก ก็ต้องตรวจหาอายุของกระดูกว่าตายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าร่องรอยทุกอย่างตรงกับริชาร์ด แต่ที่แท้กลายเป็นกระดูกที่ถูกฆาตกรรมเอามาแอบฝังไว้เมื่อ 50 ปีก่อน เดี๋ยวจะเงิบกันหมด


ดังนั้นก็ต้องมีการตรวจด้วยวิธีเรดิโอคาร์บอน และเพื่อความแม่นยำก็ต้องแบ่งไปตรวจหลายๆ ที่ ดังนั้นอายุของกระดูกจึงถูกตรวจสอบโดยทีมงานจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด  และโดยมหาวิทยาลัยกลาสโกวในสกอตแลนด์ โดยผลการทดสอบโดยทีมของอ๊อกฟอร์ดได้ช่วงความเก่าของกระดูกอยู่ระหว่างปี 1412 - 1449 ทีมของกลาสโกวได้ช่วง 1430 - 1460 ซึ่งเก่ากว่าช่วงที่ริชาร์ดตายเล็กน้อย แต่ผลการตรวจสอบสเปกตรัมบ่งชี้ว่าเจ้าของโครงกระดูกชอบกินอาหารทะเล ซึ่งจะมีผลให้การดูดซึมคาร์บอนในร่างกายแตกต่างออกไปและส่งผลต่อการตรวจสอบโดยวิธีเรดิโอคาร์บอนโดยทำให้ผลที่ได้บิดเบือนได้ หลังจากวิเคราะห์โดยค่าทางสถิติก้มีการสรุปผลออกมาว่า มีความเป็นได้ 95.4% ที่เจ้าของโครงกระดูกน่าจะตายในช่วงระหว่างปี 1450 - 1540 ซึ่งก็คาบเกี่ยวกับช่วงเวลาตายของริชาร์ดอีกเช่นกัน


นอกจากทดสอบช่วงเวลาการตาย ก็ต้องมีการทดสอบภาพเชิงซ้อนของหัวกระโหลกที่พบกับภาพวาดของริชาร์ดด้วย แม้วิธีนี้จะไม่แม่นยำนักเพราะนักประวัติศาสตร์ไม่แน่ใจว่าภาพเหล่านั้นวาดขึ้นในสมัยของริชาร์ด หรือวาดโดยคนที่เคยเห็นหน้าริชาร์ดจริงๆ ภาพส่วนใหญ่คัดลอกต่อๆ กันมาโดยศิลปินในยุคหลัง   เราลองไปดูผลกันเอาเองตามภาพครับ


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 19 คำสั่ง