เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: zeffier ที่ 22 พ.ค. 12, 23:27



กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: zeffier ที่ 22 พ.ค. 12, 23:27
ไปสะกิดใจอยู่ 2 คำครับ คำว่า น้ำมะหน้า กับ ขอบน้ำใจ คนโบราณเขาพูดกันอย่างนี้จริงๆหรือครับ ขอบคุณครับ


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 พ.ค. 12, 08:48
๑. น้ำมะหน้า มีคำไทยอยู่หลายคำที่แม้นมิใช่คำสมาส แต่คนไทยมักติดการอ่านแบบคำสมาสคือออกเสียง "อะ" ที่ท้ายของคำหน้า เช่นผลไม้ (ผน-ละ-ไม้), พลเรือน (พน-ละ-เรือน), กรมท่า (กรม-มะ-ท่า)  

จึงเป็นได้ว่าสมัยอยุธยาอาจออกเสียง น้ำหน้า เป็น น้าม-มะ-หน้า (หรืออาจเป็น นั้ม-มะ-หน้า) เช่นเดียวกับสมัยรัตนโกสินทร์ออกเสียงน้ำเน็ด (lemonade) เป็น น้าม-มะ-เน็ด นั่นแล

๒. ขอบน้ำใจ รอยอินท่านอธิบายไว้ดังนี้

ขอบ ๑  น. ริมรอบ เช่น ขอบโต๊ะ, ริมที่ยกให้สูงขึ้นโดยรอบ เช่น ขอบสระ ขอบถนน.

ขอบ ๒ ก. ทดแทน, ตอบ, รับ, เช่น ขอบแต่ขอมสักตั้ง. (ตะเลงพ่าย), ภายในสองนางขอบ, ธขอบคําความมนตรี. (ลอ).
 
ขอบใจ  คํากล่าวแสดงความรู้สึกพอใจในความดีที่ผู้อื่นได้มีต่อตน (เป็นคําที่ผู้ใหญ่ใช้แก่ผู้น้อย).


ในลิลิตพระลอ วรรณคดีสมัยอยุธยาไม่พบการใช้คำว่า "ขอบน้ำใจ" พบแต่ "ขอบใจ"

ร่าย

ชมข่าวสองพี่น้อง ต้องหฤทัยจอมราช พระบาทให้รางวัล ปันเสื้อผ้าสนอบ ขอบใจสูเอาข่าว  มากล่าวต้องติดใจ บารนี


ถึงไม่พบตัวอย่างการใช้ แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าไม่มีการใช้

ขอบน้ำใจ ก็ฟังดูโบราณและไพเราะดี

 ;D



กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 23 พ.ค. 12, 17:47
      พันทิป ห้องเฉลิมไทยเย็นนี้มีกระทู้ "ขอบน้ำใจ" ซึ่งอ้างถึงกระทู้นี้ของเรือนไทย

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12135209/A12135209.html

ลิลิตพระลอ

        ๓๒๒ ข้ากระใดอยู่เฝ้า บอกข่าวพระลอเจ้า
สู่สร้อยสวนขวัญ ฯ

๓๒๓ ชวนกันไปนั่งไหว้ เชิญบพิตรท่านไท้
พระพาสเหล้นอุทยาน ฯ

๓๒๔ ภูบาลบานหน้าไท้ ชมดอกไม้ต้นไม้
ลูกไม้พอใจ บารนี ฯ

๓๒๕ เสด็จดูในแหล่งหล้า แย้มโอษฐ์ปราไสอ้า
ขอบน้ำใจสู บารนี ฯ

๓๒๖ สวนใครหนอใคร่รู้ สวนสมเด็จท้าวชู้
ท่านแล้พระทอง ฯ

๓๒๗ จึ่งจำนองโคลงอ้าง ถวายแด่บพิตรเจ้าช้าง
ท่านผู้มีบุญ แลนา ฯ


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 12, 18:12
คุณ SILA รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: tnu ที่ 24 พ.ค. 12, 13:05
คุณ SILA รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม

อาจารย์เทาชมพู ครับ เผอิญ ผมไปเจอคำอธิบายนี้มา ที่ dek-d.com เลยสงสัย ครับ ว่า มันมีความหมายเช่นนั้นด้วยหรือไร


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 พ.ค. 12, 21:03
ขอโทษ ตอบผิดค่ะ
ขอแก้ไขใหม่ ด้วยการยกมาจากเรื่องกามนิตทั้งย้อหน้า

         สำหรับผู้ที่จะให้ลืมความโทมนัสแสนสาหัส ที่เผาผลาญดวงใจอย่างเช่นข้าพเจ้านี้ เมื่อมีนางงามนำถ้วยทองอันเต็มปริ่มด้ยสุธารสความบันเทิง มาฉอเลาะรออยู่ที่ริมฝีปากแล้ว ไฉนจะไม่ดื่มโดยยินดีเล่า? อาศัยที่ข้าพเจ้ามีปฏิภาณทันใจ มีความรู้ในศิลปวิทยารู้จักการเล่นอันสมควรแก่การสมาคมทุกอย่าง นางคณิกาที่ลื่อชื่อจึ่งต้อนรับข้าพเจ้าเป็นแขกพิเศษ นางคนหนึ่งหลงใหลรักใคร่ข้าพเจ้ามาก เลยหยิ่งถึงทะเลาะกับเจ้านายองค์หนึ่งเพราะเรื่องข้าพเจ้า และเพราะได้เรียนรู้ภาษามารยาทโจรมาแล้วเป็นอย่างดี ข้าพเจ้าจึงคบหาสมาคมกับนางคณิกาชั้นต่ำด้วยอีกพวกหนึ่ง ถึงแม้ว่าความเป็นไปของพวกชั้นนี้จะเป็นชนิดที่เลวทราม ข้าพเจ้าก็ตีตนสนิทมิได้รังเกียจ จนนางพวกเหล่านั้น มีหลายคนที่ภักดีต่อข้าพเจ้าอย่างสุดชีวิตจิตใจ

          ดูก่อน ท่านอาคันตุกะ ข้าพเจ้าเปลี่ยนความประพฤติ ไปหมกมุ่นอยู่ด้วยความสนุกอย่างนี้ ที่ในเมืองข้าพเจ้าอย่างรวดเร็ว เท่ากับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เลยมีคำพูดติดปากชาวอุชเชนีว่า "รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม" ฉะนี้


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 พ.ค. 12, 21:41
Desiring to drown the grief that was eating away my life, the golden cup of pleasure, filled to the brim with its intoxicating Lethe draughts of f orgetfulness, was freely — nay, prodigally — raised to my lips by the fair hands of this joyous sisterhood. Owing to my many talents and wide knowledge of the fine arts, and not less of all social games, I became a favoured guest of the great courtesans. In fact there was even one, whose favour could scarcely be measured by gold, who fell so passionately in love with me that she quarrelled with a prince on my account. On the other hand, owing to my complete mastery of the robbers' dialect, I was soon on confidential terms with the girls of the low streets, whose company on the path of a coarser and more robust type of pleasure I by no means despised, and of whom several were heart and soul devoted to me.

Thus madly did I dive deep down into the rushing whirl of the pleasures of my native city, and it became, O stranger, a proverbial saying in Ujjeni: "As fast as young Kamanita."  

 ;D



กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: tnu ที่ 24 พ.ค. 12, 22:51
ฉะนี้ นี่เอง...ขอบพระคุณครับ :D


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 พ.ค. 12, 23:00
ขออภัยคุณ SILA
ตอนเอ่ยถึงสำนวนนี้ ไม่ได้คิดว่าคุณ SILA จะเหมือนกามนิตในตอนนี้แม้แต่น้อย   คิดแค่เปรียบเทียบความรวดเร็วเท่านั้นค่ะ


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 09:06
คุณศิลาเหมาะกับคำว่า

"เชี่ยวชาญเหมือนมาณพกามนิต"

So that it became, my friend, a proverbial saying in Ujjeni: "Talented as the young Kamanita."

ดูก่อน ท่านอาคันตุกะ อันวิชาความรู้ของข้าพเจ้านั้น เป็นที่พูดกันติดปากของประชาชนชาวอุชเชนีว่า "เชี่ยวชาญเหมือนมาณพกามนิตทีเดียว"
 
;D


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 พ.ค. 12, 09:31
          ความจริงแล้วตำแหน่งเจ้าแห่งความรวดเร็วแห่งเรือนไทยนี้คือ คุณเพ็ญชมพู ครับ

          ชอบกระทู้นี้ตรงที่ เริ่มด้วย ขุนศึก แล้วย้อนไป พระลอ และต่อด้วย กามนิต วาสิฎฐี ครับ


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 09:53
^
ขอมอบเพลงยาวถวายโอวาทของสุนทรภู่ ให้คุณ SILA เป็นอันดับต่อไปค่ะ

อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ



กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 พ.ค. 12, 14:02
อ้างถึง
เริ่มด้วย ขุนศึก แล้วย้อนไป พระลอ และต่อด้วย กามนิต วาสิฎฐี

^ ตอนนี้มี สุนทรภู่ ตามมา  :)

               นอกจาก ขอบน้ำใจ และ สมน้ำมะหน้า แล้วยังมีอีกหนึ่งคำที่สะดุดหู
นั่นคือ คำว่า กระไร ที่ตัวละครพูดแทนคำว่า อะไร ครับ

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

กระไร       ว. อะไร เช่น เขาไม่ว่ากระไร,
                อย่างไร เช่น จะทำกระไรดี,
                เท่าไร เช่น ถูกปรับเพียง ๑๐๐ บาทก็ไม่กระไรนัก,
                ทำไม, ไฉน, เช่น ข้าแต่นเรศูรสมเด็จพระบิดาเจ้าข้าเอ่ย กระไรเลยไม่ปรานี. (ม. ร่ายยาว กุมาร).


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 14:19
ขอเชิญคุณ SILA ไปแอบฟังท้าวชัยเสนรำพึงถึงมัทนา ใน "มัทนะพาธา" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

โอ้โอ๋กระไรเลย               บมิเคยณก่อนกาล

พอเห็นก็ทราบส้าน           ฤดิรักบหักหาย

ยิ่งยลวะนิดา                  ละก็ยิ่งจะร้อนคล้าย

เพลิงรุมประชุมภาย          ณ อุราบลาลด


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 14:40
พ่อศิลาลองพิมพ์คำว่า "กระไร" ในหน้า "ค้นหา" จะเห็นว่าชาวเรือนไทยใช้คำนี้เป็นปรกติ  (หากแต่ใช้สนทนาจริง ๆ แล้ว "กระไร" อาจไม่ปรกติ)

แลพ่อศิลาสังเกตไหมว่าชาวอยุธยาแห่ง "ขุนศึก" พูดคำว่า "ฉัน" ชัดทุกคน ไม่พูดเหน่อว่า "ชั้น" เหมือนคนกรุงเทพเดี๋ยวนี้

 ;D


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 14:56
คุณ SILA เจอคลาสเมทของเสมาเข้าให้แล้ว  :)
สำเนียงของเสมาเห็นจะเป็นไทยเดิมแบบสำเนียงสุพรรณ  ไม่ใช่สำเนียงไทยกรุงเทพ ที่ว่ากันว่าปนสำเนียงแต้จิ๋ว  จริงเท็จอย่างใดหาทราบไม่


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 พ.ค. 12, 15:34
ล่าสุดมีมัทนพาธา ตามมาติดๆ  :)

     
อ้างถึง
แลพ่อศิลาสังเกตไหมว่าชาวอยุธยาแห่ง "ขุนศึก" พูดคำว่า "ฉัน" ชัดทุกคน ไม่พูดเหน่อว่า "ชั้น" เหมือนคนกรุงเทพเดี๋ยวนี้

             กรณีนี้คุณปิ่น ผู้จัดคนเก่งยืนยัน 'มันต้องเป็นแบบนี้ เช่น ขอบน้ำใจ สมน้ำมะหน้า ฉันไหว้ ฉัน ฯลฯ
ตอนแรกประชุมกันว่า ถ้าเรียกแทนตัวว่า 'ฉัน' จะดูตลก ดูเหน่อมั้ย แต่เรายืนยันว่าต้องใช้คำนี้ เพราะถ้าเป็น 'ชั้น'
มันไม่ใช่ภาษาคนสมัยก่อน พูดตามตัวอักษรที่สะกดไปเลย แค่อย่าลงหนักหรือเน้นคำว่า 'ฉัน' มากนัก
ไม่อย่างนั้นจะฟังดูตลก'
           'แต่ตอนนี้กลายเป็นคนฮิตพูดภาษาไทยแบบนี้ไปแล้ว' เจ๊ปิ่นสรุป

เครดิต ข่าวสด

               ชอบคุณปิ่น(เคยพบและคุยกัน) ชื่นชมคุณปิ่นที่เคยให้สัมภาษณ์ประมาณว่า
แม้นิยายขุนศึกจะหมดลิขสิทธิ์แล้ว แต่ก็จะจ่ายค่าบทประพันธ์ให้กับทายาทของผู้ประพันธ์
(หากปรากฏว่ามี) ถ้าไม่มีก็จะมอบเงินให้แก่สมาคมนักเขียน   


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 15:37
สำเนียงของเสมาเห็นจะเป็นไทยเดิมแบบสำเนียงสุพรรณ  ไม่ใช่สำเนียงไทยกรุงเทพ ที่ว่ากันว่าปนสำเนียงแต้จิ๋ว  จริงเท็จอย่างใดหาทราบไม่

เรื่องนี้อ.ชาญวิทย์ เกษตรสิริ เคยตั้งสมมติฐานว่าด้วยเรื่องคนภาคกลาง(ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ฯลฯ) พูดเหน่อ หรือ คนกรุงเทพพูดเหน่อกันแน่ โดยเสนอสมมติฐานที่ว่าในช่วงกรุงธนบุรี และ กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีคนจีนอพยพเข้ามาตั้งถินฐานในบางกอกกันมา(ตามหลักฐาน อ.ชาญวิทย์ ว่าถึงกับ dominant คือเป็นคนส่วนมากในกรุงเทพด้วยซ้ำ) และว่ามีอิทธิพลทำให้สำเนียงของคนกรุงเทพเปลี่ยนไปตามแบบแต้จิ๋ว

เรื่องนี้ผมเองไม่เห็นด้วยนัก เพราะว่าคนแต้จิ๋วในกรุงเทพเองก็ยังเข้าข่ายว่า พู่กไหม่ชักเหมืองกัง แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะมองจากเรื่องนี้ออกคือ ความกลมกลืนของคนจีนนั้นมีมากจนนักประวัติศาสตร์ไม่อาจมองข้ามความสำคัญได้เลยครับ

 ;D


กระทู้: ดูละครเรื่องขุนศึกแล้วสงสัยเรื่องภาษาที่ใช้ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 พ.ค. 12, 15:43
คนกรุงเทพยังพูดเหน่ออีกหลายคำ

มีตัวอย่างอีกหลายคำ

คำว่า                             ออกเสียงว่า

น้ำ                                น้าม
ไม้                                ม้าย
ไหว้                              ว่าย
ได้                                ด้าย
ใต้                                ต้าย
เก้า                               ก้าว
เช้า                               ช้าว
เปล่า                              ปล่าว

การออกเสียงเช่นนี้เป็นสำเนียงกรุงเทพ  สำเนียงอยุธยาอาจเป็นอีกอย่างหนึ่ง

หากให้เจ้าส้มฉุนมาอ่านคำข้างบน อาจจะอ่านได้ถูกต้องตามตัวเขียนก็ได้

และอาจจะแอบบ่นด้วยว่า

"ทำไมคนกรุงเทพพูดเหน่อจัง"

 ;D