แค่นั่งอ่านสบายๆ ไม่ได้เดินๆๆๆๆๆ ไปด้วยยังรู้สึกเหนื่อยปนท้อ
ถ้าไปเดินจริงคงถอดใจใช้รถสลับการเดินไปแล้ว
"ผม" นอกจากจะเป็นลูกชายแล้วยังเป็นเพื่อนร่วมทางที่น่ารักมาก ไม่ทราบว่าระหว่างทาง
ได้คุยเรื่องอะไรกันบ้าง อุปสรรคในการเดินทางมีผลต่อความสัมพันธ์อย่างไร เห็นอกเห็นใจ หรือ
มีขัดใจ ปนงอนกันบ้างหรือเปล่า
แต่เชื่อว่าในที่สุดเมื่อถึงจุดหมาย สายสัมพันธ์ต้องกระชับมั่นสนิทแน่นกว่าเดิม ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านคะ
เวลาเขียน ก็พยายามเขียน ให้ทั้งแม่ทั้งลูกมีภาพพจน์ดีๆ (๕๕๕)
ตอนไปเดินครั้งแรก ลูกชายตอนนั้นอายุ ๑๐ ขวบ
เป็นคนอ้อนให้แม่พาไปเดิน
ทะเลาะกันเกือบทุกวันเลยคะ เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งร้อน
แถมอยู่ด้วยกัน วันละ ๒๔ ชม ทำให้เหม็นหน้า กันบ่อยๆ
บางทีก็แยกกันเดิน เพราะลูกชอบบ่นว่าแม่เดินช้า
แม่ก็ ขี้งอน น้อยใจลูก เลยไม่พูดด้วย
ระหว่างเดินส่วนมากจะคุยเรื่องทั่วๆไป ส่วนมาก
จะพยายามให้ลูกรู้ อยู่เสมอว่า ไม่ว่า ลูกมีปัญหา
อะไร ไม่ว่าร้ายแรงแค่ไหน ให้มาปรึกษาได้
ส่วนมากจะสอนให้ลูก มีนํ้าใจ ช่วยเหลือคนอื่น
เพราะลูกมีเชื้อไทยครึ่งเดียว กลัวไม่มีนํ้าใจ เหมือน
ฝรั่งทั่วๆไป
แต่พอเดินไปหลายๆวัน ก็ปรับตัว หากันได้
พอถึง ซานติอาโก้ ก็กอดขอกันร้องไห้
ลูกเลยกลายมาเป็นเพื่อนที่ดี ที่สุดของแม่
ส่วนแม่ก็เป็นแม่ที่ลูก เอาปํญหาของเด็ก
วัยรุ่นทั่วไป มาให้แม่ช่วยคิด
คุณ SILA ลองไปเดินซิคะ แล้วคุณจะประหลาดใจ
ในความสามารถของ ตัวเอง
ตัวดิฉันไปเดินมาหลายรอบ มันเหมือนมีอะไรซักอย่าง
มาดลใจให้ อยากไปอีกแล้ว นี่ก็เริ่มคิดจะไปอีกหน
แต่ว่าจะใช้อีกเส้นทาง