เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 14:01



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 14:01
คัดลอกและสลับความด้วยความระมัดระวังเพื่อให้ภาพท่านผู้หญิงเมื่อวัยเด็กติดต่อกัน



แม่แดงเล็ก   แม่ตุ๊กตางา


       คุณหนูดุษฎีเป็นธิดาเจ้าพระยามหิธรกับท่านผู้หญิงกลีบ  เกิดเมื่อบิดามีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาจักรปาณีศรีศีลวิสุทธ์ิ

ปลัดทูลฉลองกระทรวงยุติธรรม  อายุ ๓๐ ปี  เป็นพระยามาได้ ๒ ปี     ท่านเจ้าคุณเล่าบ่อย ๆว่าเป็นคุณหลวงจักรปาณี ๖ เดือน  

เป็นพระ ๖ ปี  เป็นพระยาเกือบ ๒๐ ปีจึงได้เป็นเจ้าพระยา        มารดานั้นเมื่อยังไม่ได้รับตราจุลจอมเกล้าสมัยนั้นก็เป็นคุณนาย

เมื่อเริ่มปฎิสนธิ   คุณพ่อคุณแม่มีความสุขเจริญยิ่งขึ้น  ท่านจึงรักและตามใจธิดาคนนี้มาก    

เจ้าคุณเรียกธิดาว่า แม่ตุ๊กตางา  เพราะผิวขาวเหมือนงาช้าง


       เมื่อเกิดได้ ๗ วัน   พระยาจักรปาณี ฯ เดินทางไปราชการที่สิงคโปร์ซึ่งในเวลานั้นเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

และต้องลงเรือรอนแรมไปหลายวัน   ขณะนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อ   ท่านส่งไปรษณีย์บัตรเป็นรูปเมืองสิงคโปร์มาจากโฮเต็ลแรฟเฟิลว่า

"ถึงแม่แดงเล็ก   บ้านพระยาจักปาณี ฯ    พ่อคิดถึงมาก"


       เมื่อมิตรสหายมาเยี่ยมที่บ้าน  ท่านเจ้าคุณก็อุ้มธิดาออกมาอวด


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 14:31


       การตั้งชื่อลูกนั้นท่านเจ้าคุณมีหลักการว่าจะต้องตั้งชื่อเองทุกคน   และลูกที่เกิดก่อนจะมีชื่อตามราชทินนามของท่าน

คือ จักร  ปาณี  ศรี  ศีล  วิสุทธิ์          เหรียญดุษฎีมาลาเป็นราชอิศริยาภรณ์ดวงแรกที่ได้รับพระราชทานก่อนท่านผู้หญิงเกิด

ถึง ๗ ปี   แต่มิได้ตั้งชื่อให้กับพี่ ๆ ที่เกิดก่อนถึง ๕​ คน


       ตำบลตึกแดงที่เกิดเป็นละแวกบ้านของ สกุลไกรฤกษ์  สายหลวงเดชนายเวร(สุด)ผู้เป็นบิดาของเจ้าคุณปู่

ทายาทสายสกุลพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) เป็นบิดาของพระมงคลรัตน์รับมรดกบ้านในตรอกพระยาไกร   

เจ้าคุณปู่กับคุณพระมงคลรัตน์มีปู่คนเดียวกันคือ พระยาไกรโกษา(ฤกษ์) ขุนนางกรมท่าซ้ายของพระเจ้ากรุงธนบุรี

พระยาไกรโกษา(ฤกษ์) เป็นบุตรคนจีนแซ่หลิม  เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี


       พระยาไกรโกษา(ฤกษ์)ตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่ที่เป็นพระบรมมหาราชวังในเวลานี้     เมื่อจะสร้างพระบรมมหาราชวัง

พระยาไกรโกษา(ฤกษ์)  ได้อพยพไปอยู่ในตรอกพระยาไกร   พระยาไกรได้สร้างวัดพระยาไกร  และอัญเชิญพระพุทธรูปทองคำ

ใหญ่สององค์ที่หุ้มปูนไว้จนมิดล่องเรือมาจากอยุธยามาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ และ พระวิหารวัดพระยาไกร




กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 15:00


       พระยาไกรโกษา (ฤกษ์) มีน้องชายอีกคนหนึ่งชื่ออิน  ได้เป็นพระอินทอากร  มีสมญาว่า เจ้าตัวเตากระทะ   

มีบุตรีงามคนหนึ่งชื่ออำพา   ได้ถวายตัวทำราชกาชการฝ่ายใน เป็นคุณจอมมารดา  มีพระราชโอรสธิดาถึง ๖ พระองค์

ที่มีพระชนม์อยู่จนมีพระทายาทมีอยู่เพียงสองพระองค์คือ  พระองค์เจ้ากปิถาและพระองค์เจ้าปราโมท


       พระอินทอากรมีน้องชายอีกคนชื่อนุ้ย  มีบุตรชายชื่อลอย  ได้เป็นพระนรินทราภรณ์  ธิดาของพระนรินทราภรณ์

คือเจ้าจอมมารดาเลื่อนในรัชกาลที่ ๕  มีพระราชโอรสคือพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 15:25

       เจ้าคุณจักรปาณี ฯ  ได้ไปซื้อที่ที่ถนนซังฮี้นอก  ตรงกันข้ามกับที่ของญาติ ๆ ที่ได้รับพระราชทาน

เจ้าจอมมารดาชุ่มได้เคยขอท่านผู้หญิงไปเลี้ยงอย่างลูก  เพราะเสด็จทั้งสองพระองค์เจริญพระชันษาแล้ว

เจ้าคุณพ่อเกี่ยงคุณจอมมารดาว่า  ถ้าจะเลี้ยงลูกสาวของท่านจริง  ขอสัญญาว่าจะส่งให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษเมื่อฉันโตพอ

เจ้าจอมมารดาอุทานว่าเจ้าคุณคิดวิตถารที่จะให้ส่งลูกผู้หญิงไปเมืองนอก   แล้วท่านก็บ่นต่อไปว่าตัวท่านเองไม่ได้

เรียนหนังสือเลย  ทำไมจึงรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ถึงปานนี้


       เมื่อคุณจอมมารดาไม่ยอมรับ  เจ้าคุณพ่อก็ไม่ยกท่านผู้หญิงให้  คุณจอมผู้สูงศักดิ์

ยังกรุณานำมารดาของท่านผู้หญิงเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเนือง ๆ  จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์

จตุตถจุลจอมเกล้า ในปี ๒๔๔๙  ห้าปีหลังที่เจ้าคุณพ่อได้เป็นเจ้าคุณแล้ว ๕ ปี



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 03 ก.ย. 10, 15:34
ดีใจจังเอ๋ยดีใจจัง ได้อ่านเรื่องดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งแล้ว
เคยอ่านและมีหนังสือ แต่ปราศนาการไปในท้องปลวกหมด
วันนี้ฤกษ์งามยามดี กราบคุณวันดีงาม ๆ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 15:50
       คุณหนูดุษฎีได้รับการเลี้ยงแบบสมัยใหม่  ไม่มีการโกนผมไฟ     ถูกตามใจจึงดื้อมาก และเอาแต่ใจตัว

เมื่ออยากเล่นน้ำฝน  ก็จะร้องไห้ตะโกนว่า  จะให้ฝนตก ๆ ซ้ำอยู่อย่่างนั้น    เจ้าคุณพ่อรำคาญต้องให้คนเอา

สูบน้ำมาฉีดขึ้นหลังคาทำ "ฝนเทียม" ให้


       แม่นมได้รับการคัดเลือกจากคนที่มีฐานะดีมาก่อน    แม่เชยแม่นมเป็นภรรยาเจ้าของโรงบ่อนเบี้ยที่สามีขัดเงินเป็นครั้งคราว  

ภายหลังนำเงินมาใช่คุณแม่  ท่านก็ไม่รับเงินและขอให้เลี้ยงฉันต่อไป   เมื่อสาว ๆ แกเคยเป็นละครเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง

จึงร้องเพลงและรำละครได้ดี   แกสอนให้ฉันร้องเพลงและรำละครได้หลายเรื่อง    แม่เชยทำกับข้าวอร่อยมาก  แต่ชอบเล่นการพนัน

เพราะเป็นหลานขุนพัทธแย้มนายอากรบ่อนเบี้ย  และสามีก็เป็นเจ้าของบ่อน     ท่านผู้หญิงเล่าว่าจำได้ราง ๆ ว่านมเชยอุ้มท่าน

ไปแทงถั่วในโรงบ่อนข้างโรงยี่เก  ในตลาดสามเสนหลายครั้ง



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 16:07

       ขอบพระคุณคุณร่วมฤดีเจ้าค่ะ

เคยอ่านมานานมากแล้ว   ท่านผู้หญิงมีความสามารถและโก้มากนะคะที่ได้รับพระราชทานยศด้วยความสามารถของท่านเอง

หนังสือชุดนี้มี ๔ เล่มค่ะ   ใน ๓ เล่มเป็นประวัติของท่าน และอีกเล่มเป็นรูป

งานของท่านมีมากมายมหาศาล  แต่จะพยายามค้นที่เห็นว่าสำคัญ เช่นตอนเป็นนางพระกำนัล และเมื่อได้เป็นท่านผู้หญิงใหม่ๆ

ได้เฝ้าเจ้่านายต่างประเทศและแสดงภูมิรู้เท่าเทียมกับผู้ที่เจริญแล้วอย่างไร


ได้ส่งคำสั่งเชิงปฎิบัติการไปยังร้านขายหนังสือเก่าเชิงสพานอรุณอัมรินทร์ว่าให้เก็บชุดนี้ไว้ให้ด้วย

สหายค้นไปถึงก้นกรุ  ได้มา สี่เล่มชุด  ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว

ดิฉันพาลพะโลว่า  คนห้าแผ่นดินต้องมีห้าเล่มสิจ๊ะ        สหายตกใจแทบหัวใจวายเพราะไม่ทราบจะไปหาที่ไหนมาให้อีก

(ที่จริงมีฉบับพิมพ์ใหม่  เห็นอยู่แว๊บ ๆ ที่ร้านขายหนังสืออนุสรณ์ซึ่งกว่าจะได้เจอกันก็หวิด ๒ เดือน)

คนที่ตามใจตนเองนั้น  มักจะได้หนังสือที่ต้องการเป็นส่วนมากค่ะ  อิอิ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 03 ก.ย. 10, 17:35
เรื่องของคนห้าแผ่นดินที่มีเพียง ๔ เล่มชุดนั้น  เห็นจะเป็นเพราะท่านผู้เขียนล้มเจ็บเสียก่อนที่จะเขียนเล่มที่ ๕ ครับ ผมได้รับมา ๑ ชุด จากทายาทของท่านพร้อมมรดกของท่านผู้หญิงจำนวนหนึ่ง  ซึ่งเมตตาผมเสมือนเป็นลูกหลานของท่านผู้หญิงคนหนึ่ง

ในสี่เล่มนี้เล่ม ๑ เห็นจะสำคัญที่สุด  เล่มที่สองเป็นเรื่องราวสมัยที่ท่านผู้หญิงได้ร่วมงานกับท่านผู้นำคนหัวปี  และคงจะมีแต่ท่านผ฿หญิงดุษฎีเพียงคนเดียวที่กล้าปะทะคารมกับท่านผู้นำ  รบกวนคุณวันดีกรุณาหยิบยกคารมคมคายของท่านผู้หญิงที่โต้กับท่านผู้นำมาฝากสมาชิกเรือนไทยด้วยครับ 


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 20:04
ขอบพระคุณคุณวีมีค่ะ     มีหลายตอนที่เป็นข้อคิดนำมาฝากกันได้ค่ะ

ความรักและเอาใจใส่จากผู้ให้กำเนิดที่เป็นปราชญ์  สามารถเลี้ยงดูลูกสาวให้เป็นปราชญ์ได้เชียวหรือ

โดยทั่วไปดิฉันก็อ่านหนังสือมามาก  จำได้กะรุ่งกะริ่งบ้าง  จารึกไว้ในใจก็มาก

การเก็บหนังสือก็ไม่ค่อยจะเหมือนท่านผู้อื่นนัก  และมิตรสหายของดิฉันก็มีแนวของตนเอง  ไม่เหมือนกันเลย

เราซักถามและฟังในเรื่องที่เราขาดค่ะ  เพราะไม่มีวันที่ใครจะรู้ครอบคลุมไปทั่ว

การที่ได้มาพบคุณวีมีและได้สนทนากัน  เป็นลาภของดิฉันค่ะ

สักวันหนึ่งคงได้นำงานที่พิมพ์ในช่วงรัชกาลที่ ๖ และพระราชนิพนธ์ทั้งหมดที่ดิฉันรวบรวมไว้(ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ยังไม่แน่ใจ)

มาสนทนากับคุณวีมี  และแลกเปลี่ยนความคิดต่อไป

เรือนไทยในเวลานี้ก็คึกคักเพราะมีเจ้าเรือนนำทาง

ดิฉันอ่านหนังสือทั้งวันค่ะ   ยังตรวจสอบข้อมูลไม่ได้  ก็ลงมาวิ่งตี่จับกับเพื่อนๆแถวนี้ไปก่อน   ว่าจะแวะไปแกล้งกระทู้ป้อบ  ก็เกรงจะบาดเจ็บกลับมา

ขอบพระคุณที่แวะมาคุยอยู่เสมอ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 21:53


โหราศาสตร์กับท่านผู้หญิง


       ท่านเจ้าคุณเริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์เมื่อสมัยจวนจะได้เป็นเจ้าพระยา   เลยสอนวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นให้ธิดาด้วย

ท่านบอกว่าดวงไม่ดี  จึงต้องระวังตัวและประพฤติตัวให้ดี           ท่านปลอบว่า  หนูไม่ต้องตกใจเพราะโหราศาสตร์นั้นเราควรเชื่อ

ครึ่งเดียว   อีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นผลการกระทำของเราเอง


       เมื่อท่านผู้หญิงได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ชั้นสูง  จึงเข้าใจว่าดวงชะตาไม่ดีก็เพราะดาวขัดแย้งกันหลายดวง   


       "พระยาโหราผูกดวงชะตาและทำนายฉันไว้แต่แรกเกิด  ว่าความประพฤติคลอนแคลน   โทษะกล้า ฯลฯ   คุณพ่อจึงเป็นห่วงมาก 

ไม่ยอมให้ไปอยู่ไกลตา   นอกจากนั้นยังทำนายด้วยว่าฉันเป็นคนไม่มีความเพียร    ซึ่งในข้อนี้ฉันว่าจริงเพียงครึ่งเดียว   

เพราะฉันไม่มีความเพียรแต่ในเรื่องไม่สำคัญ   ส่วนเรื่องสำคัญนั้นฉันเพียรมาก   มิฉะนั้นก็คงไม่สามารถริเริ่มงานต่าง ๆ 

และเขียนหนังสือไทยพอใช้ได้   จนข้อเขียนของฉันเฉพาะยิ่งคำกราบบังคมทูล   มักได้รับคำยกย่องว่าเข้าที

จนมีผู้ขอให้ช่วยเขียนอยู่เนือง ๆ

        โหราศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกซึ้งน่าพิศวงมาก         ฉันยอมรับว่าดวงฉันไม่ดีนั้นจริง  เพราะฉันมีความเดือดร้อนอยู่ตลอดชีวิต

เดือนร้อนที่อยากจะทำดี    แต่เมื่อทำดีแล้วก็เด่น  เมื่อเด่นแล้วก็เป็นภัยเพราะถูกอิจฉาจากหลายกระแสเกือบตลอดชีวิต"


       ท่านผู้หญิงนั้นจะทำพยศอย่างไคุณแม่ก็คร้านจะว่า  เพราะเจ้าคุณพ่อคอยให้ท้ายอยู่เสมอ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 23:37

นักอ่านหนังสือเก่าอ่านด้วยความชื่นชม  นึกไปถึงพงศาวดารจีนเรื่อง

จอยุ่ยเหม็ง เสนาบดีที่เคร่งครัดต่อประเพณี และซื่อสัตย์ต่อราชบัลลังก์ เข้มงวดต่อสมาชิกในบ้าน

ได้ฝึกสอนลูกสาวคนโต นางจองี่เจ็ง ไว้ใช้เขียนหนังสือต่างตัวได้  เลี้ยงลูกสาวจนเป็นผู้มีชื่อเสียง

เพราะรักษาความบริสุทธ์ิไว้ได้


จอยุ่ยเหม็งได้ช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยากไว้มาก   น้องๆเปาบุ้นจิ้นทีเดียว


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 01:31


การเรียนของท่านผู้หญิง


      ท่านผู้หญิงเมื่ออายุยังไม่ ๔ ขวบได้ตามพี่สาวที่แก่กว่าถึง ๕ ปีไปโรงเรียนราชินี     เป็นเด็กเล็กที่สุด

และน่าจะดื้อที่สุดในประวัติศาสตร์โรงเรียน    คุณหญิงภรตราชา(สมัยนั้นคือครูจร)สอนให้อ่าน    ท่านก็ไม่อ่าน   

สอนให้เขียนท่านก็ไม่เขียน     ท่านอาจารย์(หม่อมเจ้าพิจิตรจิราภา  เทวกุล)ต้องอุ้มเข้าบั้นพระองค์  ตระเวณ

ไปขณะเมื่อตรวจโรงเรียน

       เมื่ออยู่โรงเรียนประถมประมาณปีกว่า  เจ้าคุณพ่อกำลังเผชิญ คดีพระยาระกา  ต้องให้ลูกออกจากโรงเรียน 

ตอนนั้นโรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนและค่าอาหารเดือนละ ๑๕ บาท   เรื่องคดีพระยาระกานี้ สมาชิกหลายท่านแห่งเรือนไทยสามารถช่วยกันเล่า

ได้อย่างตื่นเต้นหวาดเสียวมาก   คุยกันไปมาจนเสียงแหบแห้ง เพราะอ่านกันมาหลายตำรา  หวิดจะประกาศบูรณภาพแห่งดินแดนไปแล่ว


       ท่านให้นายเปล่ง  ดิษยบุตร(หลวงนัยวิจารณ์)ซึ่งเป็นเลขานุการของท่านมาสอนหนังสือให้พี่ ๆ ทุกวัน     

คุณหนูดุษฎีได้รับคำสั่งให้เข้าห้องเรียนด้วย  แต่เธอไม่มีความสนใจแม้แต่น้อยในการเรียน  เรียนไปโดยไม่ได้

ความรู้อะไรเลย  แม้แต่ ก.ไก่ก็จำไม่ได้ตลอด    แต่ไม่มีใครสนใจจะมาว่ากล่าว


       คุณป้าท้าวนารีวรคณารักษ์ (แจ่ม ไกรฤกษ์)ผู้ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๕ และขึ้นอยู่ในราชสำนัก

สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ    ได้มาแนะนำให้เจ้าคุณพ่อให้พาพี่ศรีและท่านผู้หญิงไปถวายตัวเป็น

ข้าหลวงเรือนนอก   จึงได้กลับไปเข้าโรงเรียนราชินีอีกครั้งหนึ่งในฐานะนักเรียนในพระองค์สมเด็จ ฯ


       ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖  เจ้าคุณพ่อได้รับพระราชนามสกุล   ท่านได้เรียกท่านผู้หญิงขึ้นไปอ่านพระราชหัตถ์เลขาให้คนอื่น ๆ ฟัง

ความจริงเปิดเผยว่า  ท่านผู้หญิงอายุ ๘ ขวบ(และเรียนหนังสือเลวที่สุด)    อ่านชื่อ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ คุณลุงไม่ออก 

เจ้าคุณพ่อบันดาลโทสะ  จึงเฆี่ยนท่านผู้หญิงด้วยไม้เรียว       ภายหลังเจ้าคุณพ่อนึกออกมาได้ว่าเฆี่ยนทำไม 

จึงแสดงความเมตตาพิ่มขึ้นทุกที    คุณแม่ของท่านผู้หญิงบ่นว่าตามใจมากเกินไปทำให้เป็นคนจองหอง

แต่เจ้าคุณพ่อเถียงว่า  จองหองนั่นแหละดี  จะได้ไม่ใฝ่ต่ำ   



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 07:47

คุณพ่อให้เป็นเสมียน


       "คุณพ่อสนับสนุนฉันโดยการใช้สอยอยู่ใกล้ชิดท่าน     เมื่อพี่ปาณีกำลังเป็นมหาดเล็กคนโปรดอย่างยิ่งนั้น

พี่ปาณีได้หัดเขียนลายมือให้เหมือนพระราชหัตถ์เลขา    ซึ่งฉันก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย   จึงหัดลายมือของฉันเอง

ให้เหมือนพระราชหัตถ์เลขาบ้าง       พี่ปาณีเจริญรอยพระยุคลบาทในการแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอน  ฉันก็หัดแต่งบ้าง

เมื่อคุณพ่อเห็นลายมือฉันสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน     คุณพ่อก็มีใจเอ็นดูยิ่งขึ้น  ถึงกับใช้ให้เป็นเสมียนเขียนหนังสือต่าง ๆ

ตามคำบอกของท่าน  ซึ่งโดยมากมักเป็นหนังสือกราบทูลเจ้านายในสมัยนั้น   และหัดให้พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด

แล้วพาไปไหน ๆ ด้วยเสมอ   ทำให้ฉันมีความรู้รอบตัวมากกว่าคนอื่นอีกหลายคนเป็นอันมาก"


      เมื่อจบชั้น ๖ แล้ว  ท่านผู้หญิงเลื่อนขึ้นไปชั้น ๗    ตอนสอบชั้นมัธยม ๖ นั้น  คะแนนเลขเป็นสูญ

ขั้น ๗ นั้นเรียนแต่ภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสเท่านั้น       ท่านไม่ชอบท่องจำจึงไม่ชอบภาษาฝรั่งเศสทั้งที่ชอบครู

คือ  คุณหลวงเรี่ยมวิรัชพากษ์  ผู้เป็นหลานป้าของหมอหริ่ม  หมอหริ่มเป็นหมอผู้หญิงรักษาเด็กประจำครอบครัวท่านผู้หญิง

บิดาของหมอหริ่มคือหมอกรุงเป็นเพื่อนกับเจ้าคุณปู่


       ภาษาอังกฤษนั้น  มิสซิสเบรียลี่  ภรรยาฝรั่งบริษัทยูไนเต็ดเอ็นยีเนียริ่งมาสอน  ได้ความรู้จากแหม่มเป็นอันมาก



     
      "คุณพ่อเป็นคนใจเร็วและชอบรู้ทันคน (ซึ่งฉันคิดว่าฉันรับมรดกเรื่องนี้มาเต็มที่)   ฉะนั้นเรื่องราชการลับหรือแม้ไม่ลับ   

แต่เมื่อคุณพ่อต้องการจะทราบโดยด่วน  คุณพ่อมักเอามาบ้านและสั่งให้ฉันทำ      ฉันจำได้ว่า  วันหนึ่งท่านนำหนังสือราชการมาให้ฉันแปล 

และแจ้งว่าได้สั่งให้ข้าราชการผู้หนึ่งแปลหลายวันแล้วเลยหายไป      เมื่อฉันแปลให้และคุณพ่ออ่านแล้วหลายวัน     ข้าราชการผู้นั้น

จึงนำมาเสนอ        คุณพ่อเล่าให้ฉันฟังว่า  "พ่อจึงบอกเขาไปว่าลูกสาวฉันทำให้เสร็จหลายวันแล้ว  ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปนอก"

คุณพ่อบอกว่าคุณพ่อเยาะข้าราชการผู้นั้นอย่างนั้นจริง ๆ   จึงเป็นเหตุให้ข้าราชการหนุ่ม ๆ ในกรมราชเลขาธิการของคุณพ่อขยาดฉันไปตามกัน


ฉันเพิ่งเข้าใจซึมซาบเมื่อเป็นผู้ใหญ่มากแล้วนี่เองว่าคุณพ่อพยายามใช้จิตวิทยา  ทำสงครามช่วงชิงตัวฉันให้ออกมาพ้นอำนาจคำพยากรณ์ 

ที่ว่าความประพฤติของฉันจะไม่ดีนั้นได้สำเร็จโดยการให้ความยกย่องฉัน             และที่คุณพ่อบอกฉันว่าโหราศสตร์นั้น  เชื่อได้เพียงครึ่งเดียวก็เป็นความจริง  จริง ๆ" 




กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 08:06
เอารูปท่านเจ้าคุณพ่อมาฝากท่านเจ้าของกระทู้เพื่อคารวะครับ

เป็นรูปครั้งเจ้าพระยามหิธรตามเสด็จสมเด็จกรมพระยาดำรงไปขึ้นเขาพระวิหาร เป็นเรื่องชายแดนกับฝรั่งเศส(มั้ง)ท่านจึงเอานักกฏหมายไปด้วย

ส่วนท่านผู้หญิงดุษฎี ผมเจอท่านทีไรมีความรู้สึกคล้ายๆว่าท่านเป็นท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ทั้งๆที่ผมไม่เคยพบสัมผัสท่านผู้หญิงละเอียด เห็นว่า ทั้งสองท่านมีความคล้ายกัน คือท่านสามีเกรงใจมากกก(s) ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยแต่เห็นท่านเดินเข้ามาในห้องประชุมทีไรยังพลอยเกร็งไปด้วย

สตรีผู้ทรงพลังอำนาจทั้งสองคงได้เจอกันบ้างบนเวทีสังคมเมืองสยาม ไม่ทราบว่ามุมแดงหรือมุมน้ำเงินใครจะออกแม่ไม้ได้มากกว่าใคร ถึงตอนนั้นแล้ว ท่านจขกท.อย่าลืมเล่านะครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 09:48
ดิฉันได้ยินชื่อท่านผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก      แม่เป็นลูกศิษย์ของท่านม.ล.ปิ่นตั้งแต่ท่านสอนอยู่คณะอักษรศาสตร์    เมื่อก่อน  ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการทุกกรม รวมทั้งลูกศิษย์ จะต้องไปกราบท่านรัฐมนตรีในวันครบรอบวันเกิด    แม่เล่าว่าทุกคนกลัวท่านผู้หญิงยิ่งกว่าเกรงท่านรัฐมนตรีม.ล.ปิ่นเสียอีก
ท่านผู้หญิงเป็นคนเก่ง ฉลาด  มีพรสวรรค์เรื่องอักษรศาสตร์   แปลบทละครเชกสเปียร์เรื่อง Midsummer Night'S Dream ออกมาได้ไพเราะและถูกต้องตามภาษาเดิม ไม่มีที่ติ
นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนตรง รักเกียรติ รักศักดิ์ศรี  ไม่เคยมีชื่อเสียหายอย่างหลังบ้านรัฐมนตรีอื่นๆบางคน

สมัยท่านรัฐมนตรีม.ล.ปิ่นว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ท่านผู้หญิงมีห้องทำงานของท่านอยู่บนตึกกระทรวงศึกษา ด้วย     ท่านสามารถสั่งงานข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ ได้หมด  ไม่ว่ากรมไหนแผนกไหน     

ในยุคจอมพลป.  ท่านม.ล.ปิ่นเป็นอธิบดี  ไม่แน่ใจว่าท่านผู้หญิงเป็นคุณหญิงหรือยังนะคะ     


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 10:16


       พระยาไกรโกษา (ฤกษ์) มีน้องชายอีกคนหนึ่งชื่ออิน  ได้เป็นพระอินทอากร  มีสมญาว่า เจ้าตัวเตากระทะ   

มีบุตรีงามคนหนึ่งชื่ออำพา   ได้ถวายตัวทำราชกาชการฝ่ายใน เป็นคุณจอมมารดา  มีพระราชโอรสธิดาถึง ๖ พระองค์

ที่มีพระชนม์อยู่จนมีพระทายาทมีอยู่เพียงสองพระองค์คือ  พระองค์เจ้ากปิถาและพระองค์เจ้าปราโมท


       พระอินทอากรมีน้องชายอีกคนชื่อนุ้ย  มีบุตรชายชื่อลอย  ได้เป็นพระนรินทราภรณ์  ธิดาของพระนรินทราภรณ์

คือเจ้าจอมมารดาเลื่อนในรัชกาลที่ ๕  มีพระราชโอรสคือพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช




เจ้าจอมมารดาอำภา
พระโอรสธิดา ๖ พระองค์ อันประสูติแต่เจ้าจอมมารดาอำภา เรียงลำดับไปตามนี้

พระองค์เจ้าชายกปิตถา กรมหมื่นภูบาลยริรักษ์ ( ประสูติ พ.ศ. ๒๓๕๗ ) ต้นราชสกุล กบิตถา
พระองค์เจ้าชายปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ(ประสูติ พ.ศ. ๒๓๕๙ ) ต้นราชสกุล ปราโมช
พระองค์เจ้าชายเกยูร(ประสูติ พ.ศ. ๒๓๖๑) สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ไม่มีทายาทสืบราชสกุล
พระองค์เจ้าหญิงกัณฐา (ประสูติ พ.ศ. ๒๓๖๔) สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ ๓
พระองค์เจ้าหญิงกัลยาณี (ประสูติ พ.ศ. ๒๓๖๕) สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ ๒
พระองค์เจ้าหญิงกนิษฐน้อยนารี (ประสูติ พ.ศ. ๒๓๖๗) สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ และเป็นพระราชธิดาองค์สุดท้ายในรัชกาลที่ ๒


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 12:33

ขอบคุณคุณไซมีสค่ะ

ขอผ่อนตอบคำถามคุณเทาชมพูไปก่อนค่ะ


เรียนท่านป้อป นวรัตน์ด้วยสำนวนไทย ๆ ว่า  สิงห์ย่อมรู้จักสิงห์ค่ะ
   
       ท่านผู้หญิงละเอียดเมื่อมีธุระ  ก็จะส่งจดหมายไปหาท่านผู้หญิง ขอมาเยี่ยม  บางทีท่านผู้หญิงป่วยไม่ออกงานสมาคม

ท่านผู้หญิงก็จะรีบตอบจดหมายให้คนถือไปว่า  ไม่ต้องมา  ท่านจะไปหาภรรยาท่านนายกเอง

ภรรยาท่านนายกผู้เติบโตมากับครอบครัวของนายทหาร(แต่งงานตั้งแต่อายุน้อยมาก)ก็รุดมาหาท่านผู้หญิงเอง เพื่อเยี่ยมอาการและ

ปรึกษาเรื่องการงานอันควรทำ

เป็นมารยาทอันงามทั้งสองฝ่าย

เรื่องใหญ่คือท่านผู้หญิงละเอียดย่อมทราบดีว่าท่านผู้หญิงดุษฎีท่าน 'สวีท' กับหม่อมหลวงปิ่นแค่ไหน  และคอย ง่า...เถียงแทนในที่ต่าง ๆ

เพราะหม่อมหลวงปิ่นท่านเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว  ไม่แก้ตัว และไม่กล่าวโทษท่านผู้ใด

ท่านผู้หญิงดุษฎีเป็นคนสมัยใหม่เจี๊ยบ  เห็นในที่สูงมาทั่ว   รู้จักตัวบุคคล(งานการข่าวของท่านนับว่าเลิศ)  โธ่!  ท่านน่ะระดับเสนาบดีหญิงนะคะ



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 13:50
ท่านผู้หญิงเล่าเรื่องหม่อมหลวงปิ่น ไว้อย่างน่ารักว่า


      " โรงเรียนราชินีมีโครงการให้นักเรียนทำอาหารขายที่ชั้นล่างของตึกเรียนริมถนนด้านข้างของโรงเรียน

นักเรียนมัธยมผลัดเปลี่ยนเวรกันทำอาหารขาย       เป็นความตั้งใจดีของท่านอาจารย์ที่จะฝึกวิชาการงานให้นักเรียน  

แต่ผลที่ได้ไม่ใคร่น่าพึงใจนัก  เพราะพวกหนุ่ม ๆ ซึ่งสมัยนั้นหาโอกาสใกล้ชิดกับสาว ๆ ได้ยาก   ได้ถือโอกาสเข้ามา

เป็นลูกค้าในร้านอาหารของโรงเรียนราชินี            ส่วนนักเรียนนั้นเล่า   ผู้ใดมีพี่น้องผู้ชายก็ขอร้องกันให้พาเพื่อน

มารับประทานอาหารกลางวันที่ร้านของโรงเรียนในวันที่ชั้นของตนเป็นเวรขายอาหาร       ฉันได้ขอให้พี่ปาณีมารับประทาน

อาหารในวันที่ชั้นมัธยม ๓ ของฉันขายอาหารด้วย          พี่ปาณีพาเพื่อนมา ๓ คน  และคนหนึ่งในนั้นคือหม่อมหลวงปิ่น  มาลากุล

ซึ่งในขณะนั้นเป็นมหาดเล็กรับใช้ และมีอายุ ๑๔ ปี           ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสวิสาสะกับเด็กผู้ชายที่มิได้เป็นพี่น้องสนิท  




....ในระหว่างที่ตั้งศพพี่ปาณีอยู่ที่บ้าน  ได้มีการสวดพระอภิธรรมตลอดคืนมีมิตรสหายของพี่ปาณีมามากมาย          ในงานนี้

ฉันได้คุ้นเคยกับ หม่อมหลวงปิ่น  มาลากุลซึ่งเป็นเพื่อนรักของพี่ปาณีมากขึ้นทุกที



....ในงานแสดงนิทรรศการภาพ  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้มีประกาศเชิญชวนนักวาดภาพสมัครเล่นให้วาดภาพออกแสดง

เพื่อประกวดและมีการตัดสินให้ได้รับพระราชทานรางวัลด้วย          ม.ล.ปิ่นเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญในงานนี้  ได้มาเชิญชวน

พี่ศรีและฉันให้วาดภาพเข้าประกวดด้วย             ภาพเหล่านี้ใครชอบภาพใดก็ซื้อได้ตามราคาที่โปรดเกล้าฯให้ตั้งไว้  

ฉันวาดภาพแพนซีด้วยสีน้ำราคา ๑๐ บาท        แม้ฝีมือเลวจนไม่มีใครควรซื้อก็อุตส่าห์มีผู้จองไว้แต่แรก

เขาผู้นั้นคือ ม.ล. ปิ่น  มาลากุล"



       เมื่อเล่าเรื่องแบบนี้ในวงการนักอ่าน  ก็จะมีการแซวกันว่าให้นำดีดีทีมาฉีด  (เพราะมดจะมาตอมเนื่องจากความหวาน)

ท่านผู้หญิงสมัยนั้นไว้ผมม้าโค้งคุ่มลงเกือบถึงคิ้ว  ผมด้านบนเสยขึ้นผูกโบว์อันไม่เล็กนัก  เรือนผมสองข้างหูกระจายเป็นคลื่นปกสองข้างแก้ม

ความแจ่มใสและดวงตาคมงาม  ดูแล้วเพลิน



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 15:09
ม.ล.ปิ่น ท่านทุ่มทุนน่าดู ;D


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 16:14
  

        ในปี ๒๔๔๐ เมื่อ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี(บิดา ม.ล. ปิ่น  มาลากุล)     ยังมียศเป็น

พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ส่งเงินมาเลี้ยงครอบครัวปีละ ๒๐ ชั่งเท่านั้น   ท่านขัดสนเพราะต้องออกสังคม

เลี้ยงดูผู้คน     ในตำแหน่งอุปทูตที่เมืองอังกฤษ  ได้มีจดหมายมากราบบังคมทูล

สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอประทานเงินเพื่ออุดหนุนครอบครัวเพียง ๒ ปี

สมเด็จ ฯ ประทานให้ปีละ ๒๕ ชั่ง


       ผู้ดีโบราณมีความละอายเป็นอาภรณ์       ปลูกฝังในสกุลวงศ์ดั่งนี้


       คุณปาณีเงินเดือนตั้ง ๒๔๐ บาท  ยังฝากเงืนกับคุณแม่ซื้อสร้อยตัวให้น้องสาวได้



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 04 ก.ย. 10, 18:48
เรียนท่านเจ้าของกระทู้

         ผมได้อ่านแล้วรู้สึกอยากอ่านเล่มจริงเป็นยิ่งนัก อยากทราบว่าพิมพ์ใหม่หรือไม่ และหนังสือพิมพ์ใหม่ใช้ชื่อว่าอะไร
ขอรบกวนท่าน ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดี


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 18:50
คุณวันดีท่านเล่าว่า คุณปาณีชวนเพื่อน ๓ คนไปรับประทานอาหารที่ท่านผู้หญิงดุษฎีออกร้าน
เพื่อนทั้งสามคนนั้น คือ ม.จ.ดุลภากร  วรวรรณ  ม.ล.ปิ่น  มาลากุล  และนักเรียนมหาดเล็กหลวงแจ่ม  สุนทรเวช  ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น จมื่นอมรดรุณารักษ์  

ภาพข้างล่างนี้คือ ภาพสามเกลอที่กล่าวถึงครับ  โปรดสังเกตที่แผงคอ น.ร.ม.ม.จ.ดุลภากร  วรวรรณ และ น.ร.ม.แจ่ม  สุนทรเวช เป็นอักษร ม  หมายถคงโรงเรียนมหาดเล็กหลวง  ส่วน ม.ล.ปิ่น  มาลากุล บนแผงคอประดีบอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ ว.ป.ร. เพราะรับราชการประจำเป็นนักเรียนมหาดเล็กรับใช้


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 18:52
หนังสือชุดนี้คาดว่าไม่มีการพิมพ์ใหม่ครับ  เพราะเมื่อท่านเจ้าของประวัติท่านพิมพ์แจกนั้น  ท่านเลือกผู้รับด้วยตัวท่านเอง  และเวลาที่ท่านมอบให้ผู้ใดท่านจะจดบันทึกไว้ด้วยครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 18:56
ท่านผู้หญิงได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้าชั้นที่ ๔ จตุตถจุลจอมเกล้า เป็นคุณหญิง  เมื่อวันที่  ๕  พฤษภาคม  พ.ศ. ๒๕๐๐  ก่อนท่านจอมพลคนหัวปีจะสิ้นอำนาจไม่นานครับ  รายละเอียดเรื่องการรับตรานี้ดูเหมือนจะอยู่ในเล่ม ๒ ไว้รอคุณวันดีท่านเล่ามาขยายความดีกว่าครับ  จำได้เลาๆ ว่า กว่าท่านจะได้ตราเป็นคุณหญิงก็ต้องขับเคี่ยวกับท่านจอมพลอยู่ไม่น้อย


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 19:23
หนังสือชุดนี้คาดว่าไม่มีการพิมพ์ใหม่ครับ  เพราะเมื่อท่านเจ้าของประวัติท่านพิมพ์แจกนั้น  ท่านเลือกผู้รับด้วยตัวท่านเอง  และเวลาที่ท่านมอบให้ผู้ใดท่านจะจดบันทึกไว้ด้วยครับ

มายืนยันอีกเสียง ว่าจริงค่ะ    บางท่านแม้อยากอ่าน   แต่ไม่อยู่ในข่ายพิจารณาก็อด   ถ้าอยากอ่านเต็มทีก็ต้องไปขอยืมจากผู้ที่ได้รับหนังสือ   ดูเหมือนเจ้าของคนที่ได้หนังสือก็หนาวๆร้อนๆอยู่เหมือนกันที่จะให้ยืม  เพราะเกรงจะล่วงรู้ไปถึงหูท่านเข้า


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 21:11
ท่านผู้หญิงเป็นคนน่าเกรงขาม ทั้งๆท่านไม่เคยใช้วาจากราดเกรี้ยว  ยิ่งหยาบคายแล้วยิ่งไม่เคยมี     ท่านใช้คำธรรมดาๆนี่แหละค่ะ  เสียงเรียบๆ ไม่ได้ขึ้นเสียงดังโวยวาย   แต่ว่าบาดลึกน่าดูเวลาท่านอยากจะบาด     ดิฉันไม่เคยโดน แต่เคยได้ยินกับหู   ขนาดเราไม่เกี่ยวด้วยยังหนาว
สิ่งที่ทำให้คนเกรงท่านมาก  เพราะท่านเป็นคนไม่เกรงใคร    กล้าพูด  กล้าทำ และไม่เห็นแก่หน้าใคร     เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองมาก


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 21:45
เครื่องมรกตของสมเด็จพระพันปี

       "วันหนึ่งคุณอาพระยาประเสริฐเดินหิ้วกระเป๋าเครื่องเพชรใบใหญ่ขึ้นมาบนเรือน   ฉันเรียนคุณอาว่า

คุณพ่อยังไม่กลับ      คุณอาตอบว่า  อาไม่ได้มาหาคุณพ่อหรอก   จะเอาของกายสิทธิ์มาให้แกดู  

แล้วคุณอาก็เข้ามาในห้องแล้วเปิดหีบเครื่องเพชรให้ดู      ฉันตาโตถามว่าคุณอาเอามาจากไหนคะ      

คุณอาตอบว่า  เครื่องมรกตของสมเด็จพระพันปี  พระราชทานเป็นมรดกแก่สมเด็จพระปกเกล้า ฯ

เพราะท่านทรงพระราชสมภพในวันพุธ       สมเด็จพระพันปีมีเครื่องเพชรชุดใหญ่ ๆ หลายชุด   พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ

ได้พระราชมรดกเป็นเพชรทั้งชุด   เพราะท่านชื่อวชิราวุธ         ทูลกระหม่อมอัษฎางค์ได้เครื่องทับทิมเพราะท่านเกิดวันอาทิตย์

หรืออย่างไรฉันก็จำไม่ได้แล้ว           ส่วนทูลกระหม่อมฟ้าติ๋วจุฑาธุชได้เครื่องนิลเพราะวันศุกร์หรืออย่างไรก็จำไม่ได้เหมือนกัน  

ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงวไลอลงกรณ์ได้เครื่องไข่มุกด์ที่ท่านโปรด


ฉันถามคุณอาต่อไปว่า  แล้วทำไมเครื่องมรกตวิเศษนี้จึงมาอยู่ที่คุณอาล่ะ


คุณอาตอบว่าก็อาไปเอามาจากพระนางลักษมี   โปรดเกล้า ฯให้ไปขอคืนมา   จะพระราชทานคุณเปรื่องซึ่งจะสถาปนาเป็น

พระสุจริตสุดาในวันนี้  เพราะคุณเปรื่องเขาเกิดวันพุธ    

ที่อาบอกว่าเป็นของกายสิทธิ์เพราะของนี่เคลื่อนที่ได้    ใครบุญไม่  ก็ไม่อยู่ด้วย



แล้วคุณอาเล่าต่อไปว่า  เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ได้พระราชมรดกเป็นเครื่องมรกตชุดใหญ่นี้แล้ว

ก็นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ  โดยถ่อมพระองค์ว่าพระองค์เองเป็นแต่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  

พระชายาก็เป็นหม่อมเจ้า   ไม่ควรที่จะใช้เครื่องมรกตชุดสำคัญนี้  ซึ่งเป็นของสำหรับพระยศพระมเหษี  

พอรัชกาลที่ ๖ โปรดพระนางลักษมี  ก็พระราชทานเครื่องมรกตนี้ให้พระนางลักษมี  ซึ่งสมมติว่าจะเป็นพระราชินีต่อไป

แต่พอทรงแน่พระราชหฤทัยว่า   จะไม่ทรงตั้งพระนางลักษมีเป็นราชินี   ก็ทรงพระราชดำริที่จะพระราชทานบริจาริกาที่เกิดในวันพุธ


คุณอาจึงไปขอคืนมาจากพระนางลักษมี  และอุตส่าหอบมาให้ฉันได้ชมเป็นขวัญตา


มรกตชุดนี้มีครบเครื่องทั้งมงกุฎ(หรือกระบังหน้า)  สร้อยพระศอ  ทองพระกรเป็นสายสร้อย ๒ สาย กับกำไลก้านแข็ง

พระธำมรงค์หลายวง  และเข็มกลัดหลายอัน"



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 22:20
ขยายความเรื่องเครื่องมรกตที่คุณวันดีเล่าไว้ว่า เป็นของกายสิทธิ์จริงๆ ครับ

ท่านผู้ใหญ่ในสกุลสุจริตกุลที่เป็นหลาน "คุณพระใหญ่" (พระสุจริตสุดา)  ท่านเล่าว่า เมื่อล้นเกล้าฯ สวรรคต  เครื่องมรกตชุดนี้ก็ถูกประธานกรรมการจัดพระราชทรัพย์ หรืออีกนัยหนึ่งคือท่านผู้จัดการพระราชมรดก ท่านเรียกคืน  นัยว่าให้กลับไปเป็นของหลวง  แล้วมีเรื่องเล่ากันต่อมาว่า ในสมัยเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยมีคนเห็นสุภาพสตรีหมายเลขอะไรอย่าไปใส่ใจเลยครับ  ท่านประดับมรกตชุดนี้  ต่อมาเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เสด็จกลับจากอังกฤษเมื่อสิ้นยุคท่านผู้นำแล้ว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพระราชมรดกในสมเด็จพระพันปีหลวงเป็นชุดๆ  แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ทรงจับสลากกัน  ปรากฏว่า สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ทรงจับสลากได้ชุดเพชร  สมเด็จอินทร์ฯ ทรงจับได้ชุดทับทิม ตรงกับวันอังคารวันประสูติ  คุณพระใหญ่ท่านจับสลากได้ชุดมรกต  ส่วนพระนางเธอลักษมีลาวัณ ทรงจับสลากได้ชุดอะไรจำไม่ได้แล้วครับ

ใครบุญไม่  ก็ไม่อยู่ด้วยนั้นเห็นจะจริง


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 22:28
ชุดมรกตชุดนี้ เป็นอันว่าตกเป็นของคุณพระสุจริตสุดา หรือคะ?


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 22:31
รบกวน อาจารย์ V_Mee  ช่วยวิเคราะห์เครื่องประดับให้ด้วยครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 22:45
ชุดเครื่องประดับที่สมเด็จอินทร์ทรงในพระรูปเป็นคนละชุดกับเสด็จพระนางสุวัทนาครับ

เมื่อล้นเกล้าฯ ทรงแยกกันอยู่กับสมเด็จอินทร์ฯ และทรงราชาภิเษกสมรสกับพระนางเจ้าสุวัทนาแล้ว  สมเด็จอินทร์ก็ยังทรงดำรงตำแหน่งมหาวสามินีแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าอยู่  และล้นเกล้าฯ ไม่เคยเสด็จมาประทับที่พระราชวังพญาไทเลย  เพราะทรงมีพระราชพินัยกรรมยกพระราชวังพญาไทให้เป็นพระราชมรดกแก่สมเด็จอินทร์  เมื่อโปรดให้สมเด็จอินทร์ย้ายไปประทับที่พระที่นั่งมานเมฆแล้ว  ราวเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม ๒๔๖๘ จึงเสด็จมาประทับที่พระราชวังพญาไท  แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตอนต้นเดือนกันยายน ๒๔๖๘ ก่อนเสด็จสวรรคตไม่นาน  โปรดให้เปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จอินทร์ฯ เป็น พระวรราชชายา  พร้อมกับทรงทำพระราชพินัยกรรมฉบับที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมาก  และในการเปลี่ยนแปลงคราวนี้ทรงยกเลิกพระราชพินัยกรรมที่พระราชทานพระราชวังพญาไทให้สมเด็จอินทร์ฯ  แล้วโปรดให้เสด็จในกรมกำแพงเพชรปรับปรุงพระราชวังเป็นโฮเต็ลพญาไท

บรรดาเครื่องประดับที่พระราชทานไปทั้งหมดนั้น  เมื่อสิ้นรัชกาลท่านประธานกรรมการจัดพระราชทรัพย์ท่านเรียกคืนกลับไปเป็นของหลวงหมด  โดยเฉพาะที่ดินริมถนนราชวิถีฝั่งตรงข้ามสวนจิตรลดาที่พระราชทานสมเด็จอินทร์  คุณพระใหญ่  และพี่น้องในสกุลสุจริตกุลที่ทรงนับว่าเป็นพระญาติสนิท  ถูกเรียกคืนหมด  เหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มของการฟ้องร้องพระคลังข้างที่  จนล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ถึงกับทรงพระราชปรารภไว้ในพระราชหัตถเลขาก่อนจะสละราชสมบัติไม่นานว่าถ้าทรงแพ้คดีพระพิบูลย์ฯ จะทรงลาออกจากราชสมบัติ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 22:49
พิธีปฐมกรรม

   ในปี ๒๔๖๐   ประเทศไทยประกาศสงครามกับเยอรมัน  มีการจับคนเยอรมันและออสเตรียในประเทศไทย

และส่งทหารอาสาสมัครไปราชการสงคราม     ทหารรุ่นสุดท้ายลงเรือปืนสมุทร  ไปขึ้นเรือเอมไพร์ของฝรั่งเศส

ที่เกาะสีชัง ๕๐๐ คนเมื่อเดือนมิถุนายน  ๒๔๖๑            ในปีเดียวกันนั้นเองฝ่ายเยอรมันและออสเตรียก็แพ้

สงครามแก่ฝ่ายพันธมิตร

ท่านผู้หญิงได้อ่านเรื่องพระราชพิธีปฐมกรรมครั้งทำสงครามกับเยอรมัน  จึงวาดภาพออก         เรื่องทรงพระภูษาสีแดง

ฉลองพระองค์แบบไทยโบราณนั้น  สมาชิกเรือนไทยส่วนมากก็เห็นกันโดยทั่วหน้า        รายละเอียดที่ท่านผู้หญิงเล่า

แก้ความสงสัยของนักอ่านหนังสือโบราณได้สนิท  คือเรื่องตัดไม้ข่มนาม  ถามมาทั่วแล้วไม่มีใครตอบได้


       "เมื่อถึงเวลาพระฤกษ์จึงเสด็จถึงพิธีมณฑล  พราหมณ์ถวายน้ำเทพมนต์และทรงเจิใพระนลาตพระองค์เองด้วยพระอังคุต

แล้วเสด็จขึ้นเกย  ซึ่งคร่อมต้นฝรั่งต้นหนึ่งที่ปลูกอยู่ใต้เกย      เจ้าพนักงานชำระพระบาทให้ตกรดหัวฝรั่ง  

แล้วโปรดเกล้าให้ราชมัลคือเพชรฆาฎฟันต้นฝรั่งเป็นการข่มนาม"


อ่า...ต้นฝรั่งลำต้นอวบเป็นสีน้ำตาลแล้ว...เหนียวค่ะ




กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 23:16

หม่อมหลวงปิ่นกลับมาจากนอกในเดือนตุลาคม ๒๔๗๔   ขอให้สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ

มาเป็นเถ้าแก่ขอหมั้นในวันที่ ๗ ธันวาคม

แต่งงานในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๗๔  ที่บ้านถนนราชวิถี     เชิญเจ้านายอภิรัฐมนตรีทุกพระองค์  เสนาบดีเชิญแต่คุ้นกับเจ้าคุณพ่อ 

ญาติเชิญแต่ชั้นผู้ใหญ่


บัตรเชิญเขียนว่า  เจ้าพระยามหืธร กับ ท่านผู้หญิงเสงี่ยมพระเสด็จ  ขอเชิญ.......


     สมเด็จพระพันวัสสา  ถอดพระธำมรงค์พระราชทานจากนิ้วพระหัตถ์

ทรงสั่งสอนว่า   "นี่ไม่ใช่แหวนนะ  ต้องเรียกว่าพระธำมรงค์  เพราะเป็นของที่ฉันใช้อยู่   ที่รับไหว้เพราะ

แกเป็นลูกสะใภ้พ่อเปีย           แหวนอย่างนี้เรียกว่าแหวนเปีย"


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 11:33

ท่านผู้หญิงเล่นกอล์ฟ  มีทนายเดินตาม


       เรื่องราวที่สลักสำคัญและมีสาระของท่านผู้หญิงมีมากมายที่เป็นคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองของเรา

แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของท่านก็ยิ่งน่าสนใจมากกว่า   



     "พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ฉันเป็นสมาชิกสโมสรกอล์ฟหลวงสวนจิตรลดาด้วย

โดยมีสิทธิใช้เสื้อเบลเซ่อร์สีน้ำตาล  และปักตราสโมสรกอล์ฟหลวงสวนจิตรลดา  มีพระมหามงกุฎอยู่ข้างบน 

ปักด้วยไหมสีเขียวอยู่กระเป๋าบน          คุณพ่อกับฉันได้ไปตัดเบลเซ่อร์ที่ห้างแบดแมน  ซึ่งเป็นห้างฝรั่งอังกฤษ   

ตั้งอยู่ในที่ที่เป็นกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน      นอกจากนี้สมาชิกมีสิทธิ์ใช้ร่มผ้าสีน้ำตาลสลับเขียวคันใหญ่ 

เป็นแบบที่โปรดเกล้า ฯ ให้ใช้แต่ในระหว่างสมาชิก    การแต่งตัวเล่นกอล์ฟสมัยโน้น  ออกจะพิสดารมาก

เพราะผู้ชายต้องนุ่งกางเกงพลัสฟอ   คือกางเกงผ้าสักหลาดหนา ๆ  ขากว้าง  แต่รัดใต้เข่า  ใส่ถุงเท้าสักหลาด

เพียงเข่า  และสายรัดเข่าที่ฝรั่งเรียกว่า garter มีชายโบว์ติดข้่งละ ๒ ชาย   รองเท้านั้นเป็นรองเท้าอย่างหนา 

ส้นตอกตะปูเพื่อกันลื่น  ใส่เสื้อเชิ้ตสปอต  และมีเสื้อนอกสปอตผ้าชนิดเดียวกับกางเกง  หรือจะใส่เสื้อเบลเซ่อร์

แทนเสื้อนอกก็ได้        สำหรับผู้หญิงที่เล่นกอล์ฟในสมัยนั้นสวมกระโปรงสักหลาดเนื้อหนายาวเพียงเข่า  ใส่หมวก

สักหลาดมีปีกหรือหมวกกะโล่แบบที่ทำเฉพาะผู้หญิง

เวลาไปเล่นกอล์ฟนั้น  คุณพ่อสั่งให้มีทนายผู้ใหญ่ซึ่งโดยมากเป็นนายอุ่มอมรพัฒน์ลูกแม่เชยแม่นมของฉัน

ถือร่ม กระเป๋าและถือกระดาษคอยจดแต้มให้ด้วย   ถึงแม้ว่าจะต้องจ้างเด็กสะพายถุงไม้กอล์ฟอยู่คนหนึ่งแล้ว

ไม่ว่าฉันจะนัดเล่นกับใคร  คุณพ่อต้องให้มีทนายเดินตามไปด้วย   ซึ่งคนสมัยนี้คงหาว่าศักดินามาก   ถ้าไปเล่น

พร้อมคุณพ่อก็มีทนายคนเดียวกัน"


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ก.ย. 10, 11:53
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ โปรดการเล่นกอล์ฟมากครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 12:31
นางพระกำนัลในรัชกาลที่ ๗


       เป็นตำแหน่งกิติมศักดิ์  ไม่มีเงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยงอย่างใดเลย

ทรงจำกัดความรู้และกำเนิด  ทั้งให้มีจำนวนเพียง ๔ คน  ไม่มีหน้าที่เข้าไปประจำในวัง

เป็นแต่คอยปฎิบัติหน้าที่ตามที่ราชเลขานุการในพระองค์  จะมีหนังสือราชการแจ้งมา

แต่ละวันว่าโปรดเกล้าให้ไปปฎิบัติหน้าที่ที่ใด


นางสนองพระโอษฐ์ คือ  ม.ล. คลอง  ไชยยันต์  และหม่อมพร้อย  กฤดากร ณ อยุธยา เป็นนางสนองพระโอษฐ์

นางพระกำนัลคือ   ม.ร.ว. พันธ์ทิพย์  เทวกุล     คุณประยงค์  สุขุม     คุณดุษฎี  ไกรฤกษ์   และคุณ พโยม  ณ นคร



ท่านผู้หญิงเขียนบันทึกรายวันไว้  เพราะเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างหนึ่ง




ขอถอดบันทึกอันมีค่ายิ่งของท่านผู้หญิง  ตามความสังเกตของนักอ่าน  ทูตขรตรีเศียรนั้นสามารถตรวจสอบได้จากหนังสืออื่น ๆ



"๒๔๖๙

วันที่ ๓ เมษายน    

ข้าราชการฝ่ายในในชั้นนี้ต้องถือน้ำ้ด้วย   เมื่อในหลวงเสด็จออกมาประทับภายใต้พระมหาเศวตฉัตรแล้ว  

เจ้าพนักงานอ่านโองการแช่งน้ำ        สมเด็จพระราชินีมีคุณท้างเชิญให้ไปเสวย          เจ้านายอื่นๆ ต้องเดินไปดื่มเอง        

เราต้องเดินไปดื่มเองเหมือนกันเฉพาะหน้าพระที่นั่ง  แต่ที่ชั้นลด    มีโต๊ะตั้งขันเงินอยู่สามโต๊ะ ๆละ ๔ ขัน  และจอกหลายใบ

ได้เดินหน้าพวกคุณหญิง   และรับพระราชทานน้ำพร้อมท่านผู้หญิงและหม่อมห้าม



วันที่ ๘ เมษายน
ไปเฝ้าทูลกระหม่อมหญิงที่สวนสุนันทา  ขอบพระคุณที่ทรงพระกรุณายกย่อง   ทรงสั่งสอนและคุยด้วยนาน


วันที่ ๑๑ เมษายน
เวลาเช้าไปสรงน้ำเสด็จพระองค์ประดิษฐา   ประทานสายนาฬิกาคล้องคอคั่นพลอย ๑ สาย
เวลาบ่ายไปเฝ้าทูลกระหม่อมฟ้าหญิง


วันที่ ๑๒ เมษายน
เวลาทุ่มครึ่ง  ทูลกระหม่อมโปรดให้ท่านพิมพ์  เอารถพระที่นั่งของท่านมารับไปวังสระปทุม
ดูหนังแล้วทรงนำเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสา  ซึ่งรับสั่งว่ารู้จักแล้ว
โปรดให้รถมาส่งเราก่อน  แล้วจึงกลับไปรับเสด็จกลับสวนสุนันทา


วันที่ ๒  พฤษภาคม
ตามเสด็จโดยกระบวนรถม้าองค์รักษ์แก่คนหนึ่ง  มาแย่งนั่งรถคันที่สอง  อย่าง impolite และไม่ gallant


วันที่ ๑๘ พฤษภาคม
งานเมรุคุณป้าท้าว     ถูกเจ้าภาพ(คุณหญิงจรรยา) มอบให้เป็นคนแจกหนังสือเจ้านายบนพลับพลา
สมเด็จพระพันวัสสาทรงทักทายอย่างดี  เลยเฝ้าคุยด้วยสักครู่หนึ่ง

วันที่ ๒๔ พฤษภาคม
เจ้าพระยารามราฆพกับเมียมาลาคุณพ่อ  จะไปยุโรปวันที่ ๙ เดือนหน้า"



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 18:21

วันที่ ๑๒ กรกฎาคม
วันนี้ซื้อเปียนโนจากมิสซิสโคล  ๗๘๐ บาท


วันที่ ๓๑  สิงหาคม
ตามเสด็จในการบรรจุพระอังคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ และสมโภชพระปฐม
ลงเรือพระที่นั่งไอยราพต
ถึงสถานีสนามจันทร์ ๔ โมงครึ่ง         ราษฎรบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนตลอดทาง
สมเด็จพระมงกุฎเกล้า  ทรงแสดงพระประสงค์ให้บรรจุพระอังคารของพระองค์ที่หลังพระพุทธรูปยืนพระร่วงโรจน์ฤทธิ์
ทรงบรรจุ  ทรงนมัสการ  ทรงกราบ


วันที่ ๑๐ กันยายน 
บ่าย  ไปวังสระปทุมกับคุณพ่อและคุณแม่   งานประสูติสมเด็จพระพันวัสสา


วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน
ตามเสด็จไปที่วังกรมนรา    ทอดพระเนตรละครเรื่อง เหินลม  ซึ่งบริษัทของกรมนราเป็นผู้เล่น
ละครจบแล้ว  กรมพิทยาสปีช  แล้วเสวย supper   
เจ้าของงานชวนดื่มถวายพระพร  แล้วร้อง "ข้าวรพุทธเจ้า เผ่าวรวรรณากร"     แล้วแจกหนังสือชื่อครึ่กครั่กอะไร ๒ เล่ม
กับเครื่องห้อยข้อมือกาไหล่ร้อยไหมขาว ๑ อัน


วันที่  ๒๐ ธันวาคม
สวดมนต์เย็นเฉลิมสมเด็จ  บ่ายไปถวายของ และช่วยรับแขก   ได้ประทานสร้อยทอง ๑ สาย


วันที่ ๒ มกราคม
ไปเฝ้าทูลกระหม่อมฟ้าหญิง


วันที่ ๙ กุมภาพันธุ์
สมเด็จพระราชินี  โปรดให้คนนำซิ่นไหมมาพระราชทาน ๒ ผืน


ท่านผู้หญิงแต่งกายงามสุด    ทำผมบ้อบ  แสกขวา  มีปอยผมตกมาด้านซ้าย
เสื้อแขนกุด  คอเรือ  ดูเป็นผ้าลูกไม้ลายละเอียด
กระโปรงเป็นอีกสีหนึ่ง  ยาวคลุมเข่า   กระโปรงมีระบายสามหรือสี่ชั้นมนจรดตรงกลาง
มีดอกไม้แพรที่เรียกได้ว่าเป็นคอร์ซาจ พวงมหึมาติดที่ไหล่ซ้ายและมีเครือดอกตูมยาวประมาณสองฟุตได้
อีกครั้งหนึ่งท่านผู้หญิงเปลี่ยนดอกไม้มาติดที่ระดับเอวด้านซ้าย  แสดงว่าท่านใส่เสื้อซ้ำ
สังเกตว่าเมื่อชุดงามเริ่ด  ท่านสวมสร้อยไข่มุขเส้นสั้นติดคออย่างเดียวเท่านั้น   นับว่ามีรสนิยมอันงาม

ตัวท่านป้อมๆ  จะเรียกว่ามีเนื้อมีหนังคงจะได้

สิ่งสำคัญคือดวงตาคม

นึกถึงที่หลายคนเล่าว่าท่านสง่าและไว้ตัวปานใด        ความรู้ของท่านเท่านั้นก็ทำให้ท่านงามเลิศได้แล้ว



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ก.ย. 10, 18:48
ใครมีรูปท่าน จะกรุณานำมาลงประกอบได้ไหมครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: CVT ที่ 05 ก.ย. 10, 19:27
(http://tumtoilet3.tarad.com/shop/t/tumtoilet3/img-lib/spd_20080221131349_b.jpg)


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: CVT ที่ 05 ก.ย. 10, 19:31
(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:0rWWFt0gLCa0pM:http://www.moe.go.th/contestWeb_pin/%E0%B8%A3.%E0%B8%A3.%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%A1/images/05.JPG&t=1)



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 19:38

ขอบคุณค่ะ คุณCVT


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 19:52

       ท่านผู้หญิงรับราชการถึงวันที่ ๑๓ มีนาคม   ผู้ที่ยินดีมากคือคุณพ่อ  เพราะท่าน

บ่นว่าฉันมีงานมากเกินไป   จนทำงานให้ท่านไม่ได้เต็มที่อย่างแต่ก่อน   แต่สิ่งที่ท่านทน

ให้ฉันรับราชการอีกสมัยหนึ่งไม่ได้นั้น    คือมีผู้พูดให่เข้าหูท่านว่า  ท่านจับพระหัตถ์ให้

ในหลวงลงนามเมื่อเข้าเฝ้าทุกวันแล้ว   ยังสอพลอพาลูกสาวไปถวายอีก      ฉะนั้นพอมีโอกาศ

คุณพ่อจึงกราบบังคมทูล  ขอให้ประกาศกำหนดเวลารับราชการของนางสนองพระโอษฐ  และนางพระกำนัล

ลงในราชกิจจานุเบกษา  ระบุเวลาให้มีกำหนด ๒ ปี   ถ้าผู้ใดกราบบังคมทูลว่าสมัครจะรับราชการต่อไป 

ก็อาจทรงแต่งตั้งอีกสมัยหนึ่งได้


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 20:26

ท่านผู้หญิงล้มป่วยเป็นไทฟอยด์  เส้นประสาทเสีย  อ่านหนังสือไม่ได้ และทนอะไรไม่ได้อยู่นาน

เขียนหนังสือไม่ได้อยู่ ๓ - ๔ ปี



       ได้ไปซื้อที่ของนาย เอ อี นานา คือบ้านที่อยู่ในปัจจุบันนี้ ในราคาวาละ ๒ บาท ๗๕ สตางค์ 

นานาอ้างว่าเมื่อมาจากเมืองแขก  ได้ไปเช่าตึกแถวของคุณพ่อที่ตึกแดง  ทำให้มีความเจริญร่ำรวยขึ้นมากมาย

ถึงแม้จะมีราคาถูกถึงเพียงนั้น  ฉันก็ไม่มีเงินซื้อ  จึงขายเชี่ยนหมากทองคำที่คุณแม่ให้เป็นเครื่องใช้เมื่อแต่งงาน 

การก่อสร้างคิดเป็นเงิน ๗,๒๐๐  บาท   ฉันสั่งให้ทะลุห้องหลายแห่ง   คิดราคาเพิ่มขึ้นอีก ๓๐๐ บาท


       การก่อสร้างตึกนี้  คุณพ่อให้เงิน สี่พันบาท    ขายสร้อยเพชรที่เจ้่วบ่าวให้เป็นสินสอดอีกหนึ่งสาย  และของ

แต่งตัวอีก ๒ - ๓ ชิ้น


       ท่านผู้หญิงต้องคุมการก่อสร้างเองทั้ง ๆที่เพิ่งหายจากป่วยหลายปี  เพราะสามีพาลูกศิษย์ไปเที่ยวปีนัง

ท่านผู้หญิงบ่นว่าเธอคงไม่ได้จะเจตนาร้ายที่จะใจร้ายต่อฉันแต่ก็เป็นการเสี่ยงอยู่มากเพราะฉันอาจกลับประสาทเสียขึ้นมาอีกเพราะความว้าเหว่ก็ได้ 




กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 21:46


ท่านผู้หญิงเล่าเรื่อง สงครามโลกครั้งที่ ๒     เป็นภรรยาอธิบดี      ทัพญี่ปุ่นเข้าเมือง

การยกเลิกบรรดาศักดิ์


หน้า  ๑๐๙

"ประธานผู้สำเร็จราชการหรือพระองค์เจ้าอาทิตย์นั้น  ปฎิบัติตามใจรัฐบาลทุกอย่าง   และประกาศพระบรมราชโองการ 

แต่งตั้งให้พันเอกหลวงพิบูลสงคราม  ซึ่งใช้ชื่อใหม่ว่าแปลกพิบูลสงครามเป็นนายพล  แล้วเป็นจอมพลภายในเวลา ๓ ปี

ส่วนภรรยานั้นได้เป็นพันโทหญิง             ในขระที่คนอื่นเป็นนางและนายนั้น   หัวหน้าคณะรัฐบาลและภรรยา

ใช้ชื่อตัวเองว่า  พนะท่านจอมพลแปลกพิบูลสงครามและ  พนะท่านพันโทหญิงละเอียดพิบูลสงคราม



พระองค์อาทิตย์  ขึ้นไปอยู่บนพระที่นั่งอัมพรสถาน  ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ และที่ ๗

ได้เลื่อนจากพระวรวงค์เธอ  เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ   ส่วนหม่อมกอบแก้วได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้าพร้อมกับพันโทหยิง

ละเอียดพิบูลสงคราม


ผู้สำเร็จราชการและภรรยาจะไปงานก็มีคนกลางกลดให้ซึ่งดูออกจะมากเกินไป   เพราะพระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗

ไม่เคยได้พระกลดเป็นส่วนพระองค์   นอกจากจะรีบทรงพระราชดำเนินให้ทันพระเจ้าอยู่หัวจึงจะได้พระกลด"



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ก.ย. 10, 21:54



เรื่องรูปนั้น  ผู้อาวุโสจะไปยืมห้องสมุดพรุ่งนี้  และจะนำรูปแม่ตุ๊กตางาและรูปเจ้าบ่าวหน้าตามีความสุข

ที่สุดในโลกมาลงนะคะ



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ก.ย. 10, 10:05

ชีวิตแต่งงาน

       "แต่งงานแล้วฉันรู้สึกตัวว่า  ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าใด   เพราะเจ้าบ่าวเข้ามาอยู่ในห้องนอนของฉัน

และใช้ห้องหนังสือของคุณพ่อ  ซึ่งฉันเคยใช้อยู่คนเดียวเป็นห้องทำงาน   เวลากินข้าวก็ยังกินกับคุณพ่อคุณแม่อยู่

เจ้าบ่าวบอกว่าจะต้องไปเชียงใหม่  เพื่อเป็นกรรมการสอบไล่นักเรียนชั้น ๘ ที่เชียงใหม่   ฉันนึกอยากไปด้วยเพื่อเป็นการ"ฮันนีมูน"

แต่คุณพ่อห้ามไว้   ท่านบอกให้คิดดูให้ดีว่า  สังคมเชียงใหม่จะซุบซิบว่ากระไร   เพราะฉันเคยไปเชียงใหม่ในฐานะลูกสาว

เสนาบดีสูงสุดเมื่อเดือนธันวาคม  พอปลายเดือนมีนาคมจะกลับไปอีกในฐานะภรรยาครูผู้น้อย   ซึ่งฉันก็เห็นด้วยกับท่าน 

เพราะเวลานั้นเชียงใหม่ไม่มีโรงแรมดี   ถ้าคนใหญ่ ๆ ไป  เขาก็จัดให้อยู่จวนเทศาหรือจวนเจ้าเมือง   แต่คนเล็ก ๆ

อย่างหม่อมหลวงปิ่นขณะนั้น  ก็จะต้องไปอาศัยบ้านศึกษาะิการจังหวัด"



      หม่อมหลวงปิ่นเป็นอาจารย์กรมวิชาการ  และเป็นอาจารย์พิเศษในจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย  แต่ได้เงินเดือนเพียง ๑๙๕ ​บาท

เมื่อได้เงินเดือน ๆ แรกภายหลังการแต่งงานก็นำมาให้ฉัน           แต่ฉันไม่ทราบจะใช้เงินจำนวนน้อยนิดนี้อย่างไร   

เพราะคุณพ่อเคยส่งถึงมือฉันเดือนละ ๒๗๐๐ บาท   ฉันจึงคืนเงินเดือนของ ม.ล.ปิ่นไป" (ยังมีต่อ  บ่ายๆจะกลับค่ะ)


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ก.ย. 10, 16:00


เมื่อแยกบ้านจากคุณพ่อแล้ว    ฉันก็รับมาจากม.ล.ปิ่นเพียงแค่ค่าอาหารและเงินเดือนคนใช้บ้างเท่านั้น

เงินเดือนทั้งหมดหม่อมหลวงปิ่นเก็บเอง   ฉันไม่สนใจในเรื่องการเงิน   ถ้าฉันสนใจก็คงต้องหย่าไปเสีย

นานแล้ว    เพราะหม่อมหลวงปิ่นชอบจ่ายเงินจนเกินรายได้ของตนเสมอ       ฉันมีทรัพย์ส่วนตัวเป็นเงินฝากธนาคารตั้ง

แต่ออกจากโรงเรียน   มีหุ้นรถไฟแม่กลองกับหุ้นบริษัทซีเมนต์ด้วย     ท่านผุ้หญิงเสงี่ยมแบ่งที่บ้านให้ลูก ๆ ทุกคน

และได้โอนโฉนดส่วนที่เป็นของหม่อมหลวงปิ่นให้เมื่อแต่งงานกับฉันเรียบร้อยแล้ว   ที่นั้นอยู่ที่ถนนหลานหลวง  เนื้อที่ ๒ ไร่แต่รกเป็นป่า

ฉันอยู่กับคุณพ่อ ๑ ปี จึงย้ายไปอยู่บ้านของเราที่ถนนหลานหลวง  แต่ตัวบ้านอยู่ใกล้วัดสระเกศ   ซึ่งเผาศพด้วยฟืนทุกวัน

เวลาออกมาเดินเล่นนอกเรือนก็เหม็นจนทนไม่ได้   เคยอยู่กับคุณพ่อฉันได้ออกกำลังกายในที่สดชื่น   เมื่อต้องมาอยู่กับ

กลิ่นเผาศพทุกวัน   ฉันก็ผอมลงทุกวัน"


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ก.ย. 10, 16:21
แต่งคำไหว้ครู


       "ในระหว่างที่สามีฉันเป็นอธิบดีนั้น    นายประยูร ภมรมนตรีเป็นรัฐมนตรีช่วยศึกษา   จอมพลแปลกเป็นรัฐมนตรีว่าการ  

นายประยูรไม่ชอบคำไหว้ครูของนักเรียน  ซึ่งใช้มาหลายสิบปีแล้ว  หาว่าไม่ทันสมัย   มีคำที่เป็นคำแสลงอยู่ในบทและยาวเกินไป

ขอให้อธิบดีให้คนแต่งให้ใหม่   อธิบดีขอให้อาจารย์ภาษาไทยในโรงเรียนเตรียมแต่ง  แต่เธอไม่ชอบใจ

จึงมาวานให้ฉันช่วย   ขณะนั้นฉันเพิ่งอ่านและเขียนหนังสือได้บ้างเล็กน้อยจึงแต่งว่า


      ข้าขอประณตน้อมสักการ  บูรพคณาจารย์ผู้กอร์ปเกิดประโยชน์ศึกษา   ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา   อบรมจริยา

แก่ข้าในกาลปัจจุบัน     ข้าขอเคารพอภิวันทน์  ระลึกคุณอนันต์  ด้วยใจนิยมบูชา   ขอเดชกตเวทิตา

อีกวิริยะพา   ปัญญาได้เกิดแตกฉาน    ศึกษาสำเร็จทุหประการ   อายุยืนนาน  อยู่ในศีลธรรมอันดี

โดยให้เป็นเกียรติเป็นศรี   ประโยชน์ทวี   แต่ชาตืและประเทศไทยเทอญ



     ฉันสั่งสามีไม่ให้บอกนายประยูรว่าฉันเป็นคนแต่งให้         นายประยูรในฐานะรัฐมนตรีบันทึกไว้ว่า   "คำไหว้ครูนี้ใช้ได้ดี  

ขอขอบคุณผู้แต่งที่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด"



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 17:02
บทไหว้ครูบทนี้  โรงเรียนดิฉันใช้อยู่   ตอนดิฉันเรียนมัธยมก็ท่องมาทุกปี  แต่ไม่ทราบว่าใครแต่ง  มาทราบเอาภายหลัง

คุณวันดีย่อเรื่องเก่งมาก   อ่านแล้วเราคงเข้าใจกันได้ดีว่าทำไมท่านรัฐมนตรีถึงเกรงใจท่านผู้หญิง     คงจะเกรงกันมาตั้งแต่หนุ่มๆสาวๆ ไม่ได้เพิ่งเกรงเมื่ออยู่ในวัยชรา


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 17:53
สองสามีภรรยาคู่นี้ ท่านอายุห่างกันเท่าไหร่ครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 06 ก.ย. 10, 18:06
ท่านหม่อมหลวงปิ่น  เกิดวันที่  ๒๔  ตุลาคม  ส่วนท่านผู้หญิงเกิดวันที่  ๔  กันยายน ของปีถัดมาครับ

ในบั้นปลายชีวิตของทั้งสองท่าน  ท่านผู้หญิงมักจะปรารภกับผู้ใกล้ชิดเสมอๆ ว่า หอวชิราวุธานุสรณ์แย่งหม่อมหลวงปิ่นไปจากฉันแล้ว 
ที่ท่านผู้หญิงกล่าวเช่นนั้นเป็นเพราะท่านหม่อมหลวงปิ่นอุทิศชีวิตจิตใจให้กับหอวชิราวุธานุสรณ์  จนแม้เวลาที่ท่านหม่อมหลวงปิ่นป่วยเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล  ก็ยังไม่วายห่วงงานที่หอวชิราวุธานุสรณ์

เมื่อท่านหม่อมหลวงปิ่นถึงอสัญกรรม  ท่านได้กันเงินสดไว้เป็นมรดกแก่หลานๆ คนละ ๑ ล้านบาท  แต่สำหรับท่านผู้หญิงที่เป็นผู้ที่ท่านรักมากที่สุด  ท่านทำพินัยกรรมมอบเงินสดให้ท่านผู้หญิง ๑,๐๐๐,๐๐๑ บาท


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 18:26
บ้านของท่านที่ซอยไชยยศ หน้าโรงแรมอิมพีเรียล สุขุมวิทนั้น ทราบว่าเมื่อถึงอสัญญกรรมแล้วม.ล.ปิ่นท่านทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมนึกว่าเป็นเพราะท่านได้รับพระราชทานมาจากพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง  เมื่อเห็นว่าตนไม่มีบุตรธิดาก็เลยถวายคืน
 
แต่อ่านมาถึงตรงนี้ เข้าใจว่าไม่ใช่ใช่ไหมครับ ที่ดินและบ้านของท่านเป็นสิ่งที่ทั้งสองหามาด้วยลำพังตน มิใช่สินพระราชทาน
ท่านผู้รู้กรุณาเล่าขยายตรงนี้ด้วยนะครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: ritti018 ที่ 06 ก.ย. 10, 19:44
หม่อมหลวงปิ่น ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2538 ก่อนวันเกิดครบ 92 ปีเพียง 19 วัน สิริอายุ 91 ปี 11 เดือน

ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี 2540 สิริอายุ 93 ปี นับว่าเป็นคู่สมรสที่มีชีวิตยืนยาวทั้งสองท่านเลยนะครับ



ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆอย่างนี้มากเลยนะครับ ผมอ่านด้วยความประทับใจ ประหนึ่งว่า ได้ดูหนังที่เราอยากดูประมาณนั้น...........ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 06 ก.ย. 10, 20:22
บ้านที่ซอยสุขุมวิท ๑๑ นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านผู้หญิงครับ  ท่านซื้อที่ดินผืนนั้นตามคำแนะนำของพระยาไชยยศสมบัติ  ผู้เป็นพี่เขย   แล้วแลกสร้างบ้านลงในที่ดินแปลงดังกล่าว

เนื่องจากท่านทั้งสองไม่มีบุตรธิดาสืบสกุล  ท่านผู้หญิงจึงได้ทำพินัยกรรมยกบ้านนั้นถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าท่านผู้หญิงถึงอนิจกรรมก่อนท่านหม่อมหลวงปิ่น  ก็ขอพระราชทานให้หม่อมหลวงปิ่นอยู่ในบ้านนี้ไปจนถึงอสัญกรรม  และเมื่อทั้งสองท่านหาชีวิตไม่แล้วท่านได้ถวาย "สีดา  ทองคำ" เด็กกำพร้าที่ท่านผู้หญิงขอมาจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ให้ตกเป็นคนของหลวงด้วย 

เรื่องของสีดานั้น  ท่านผู้หญิงเล่าว่า วันหนึ่งท่านผู้หญิงและท่านหม่อมหลวงปิ่นนั่งรถยนต์ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน  เมื่อรถไปถึงประตูพระกุเวรอยู่เฝ้า (ประตูด้านถนนราชวิถี)  สีดาเธอก็เปิดประตูลงไป  ตำรวจวังที่อยู่เวรหน้าประตูรีบทักทาย "พี่สีดา" โดยพลัน  แต่ไม่มีใครรู้จักท่านหม่อมหลวงปิ่นและท่านผู้หญิงดุษฎีที่นั่งอยู่ในรถ  เรื่องนี้ท่านเล่าว่า สีดามันใหญ่โตกว่าฉันกับหม่อมหลวงปิ่นเสียอีก


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 06 ก.ย. 10, 21:44
เคยอ่านเรื่องสร้อยพระศอมรกต และเครื่องประดับมรกตอื่นๆที่เป็นเครื่องประกอบ อันเป็นพระราชสมบัติในสมเด็จพระพันปีหลวง จำได้ว่าในหนังสือพระประวัติของหม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม ดิศกุล ท่านทรงเขียนไว้ว่า เป็นสร้อยพระศอที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงซื้อคราวเสด็จประพาสยุโรป พระศอ และพระราชอาภรณ์อื่นๆแต่เดิมนี้เป็นของพระจักรพรรดินีจูเจนีแห่งฝรั่งเศส ซึ่งพระนางจำพระทัยต้องจำหน่ายไปด้วยเหตุจากการปฏิวัติ

ที่กล่าวถึงสร้อยพระศอมรกตไว้อย่างละเอียดอีกทีก็หนังสือของคุณอุทุมพร สุนทรเวช (นางอมรดรุณารักษ์) เรื่องพระราชประวัติของพระพันปีหลวง แต่รู้สึกว่าไม่ได้พูดถึงแหล่งที่ซื้อ




กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ก.ย. 10, 21:56
       หลังจากนั้นสุขภาพของท่านผู้หญิงก็ดีขึ้นเรื่อยๆ     ได้แปลมหาอุปรากรเรื่องเฟ้าสต์เป็นคำประพันธ์เรื่องแรก

ต่อมาก็แปลมาดามบัตเตอร์ฟลาย  รัตนาวลี  และอื่นๆติดต่อกันไปหลายเรื่อง


       ในระหว่างจะเสร็จสงครามฉันแต่งหนังสือได้เป็นเรื่อง ๆ แล้ว   หม่อมหลวงปิ่นเอาไปจัดพิมพ์เป็นเล่มโดยไม่ให้

ท่านผู้หญิงทราบมาให้เป็นของขวัญ   รูปตัวลครในเรื่องรัตนาวลีนั้น  ท่านผู้หญิงวานนายเหม เวชกรวาดภาพประกอบ

ท่านได้ตามไปถามสมเด็จกรมพระยานริศว่าตัวลครสาวิตรีที่ท่านเขียนตามที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกสบที่ ๖ ทรงขอให้เขียน  แต่งตัวอย่างไร

และตัวลครของท่านที่เขียนประกอบเรื่องถูกต้องเพียงไร


       สมเด็จกรมพระนริศร์ ฯ เมื่อ มิถุนายน ๒๔๘๗ มีลายพระหัตถ์มาว่า

เรื่องรัตนาวลีที่เอามาปรึกษานั้น  เห็นแต่งตัวเป็นครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยุ่   เช่นพระเอกนุ่งกางเกงสวมเสื้อ

ในสมัยโบราณไม่เป็นเช่นนั้น   นุ่งกางเกงจริง  แต่มีผ้ารัตนกัมพล(สักหลาดแดง) ด้วยใช้คาดพุง

ลางทีมีกลีบด้วย  และมีใบเทศห้อยลงมาตามกลีบทุกคราวไป   แต่ที่เขียนกันมีผ้านุ่งด้วยที่จะนุ่งอย่าง "เลาะเตียะ"  เช่นเงาะนุ่ง  

เห็นข้างหลังมีเหน็บไว้   ลางทีมีชายเดียว   ลางทีมีสองชาย   สองชายนั้นไม่เห็นข้างหลังเห็นจะไม่มีเหน็บ   แล้วจึงคาดพุง

ด้วยผ้ารัตนกัมพล    ตัวนั้นล่อนจ้อนมีแต่สร้อยสนิมพิมพาภรณ์   ก็ไม่ประหลาดอันใดด้วยเมืองเราเป็นเมืองร้อน



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 21:58
รู้จักสีดามาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กสาว   ติดตามท่านผู้หญิงไปที่มหาวิทยาลัยซึ่งท่านม.ล.ปิ่นดำรงตำแหน่งอธิการบดี    ท่านผู้หญิงตั้งชื่อให้ตามชื่อนางสีดา ที่อยู่ในผอบ  ไม่มีพ่อแม่
ได้ข่าวว่าสีดาอยู่ที่วังสระปทุมในตอนนี้   เวลามีงานพระราชพิธีต่างๆที่ประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จ ได้จะเจอสีดาทุกงาน   เธอเคร่งครัดเสมอในเรื่องนี้


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 22:06
อ้างถึง
ให้ตกเป็นคนของหลวงด้วย

คุณวีหมีก็พูดซะอย่างกับถูกริบราชบาตร

สีดาก็ยังอยู่บ้านเดิมนั่นแหละครับ บ้านนี้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์นำมาให้เช่าทำร้านอาหารหรู คนเช่าคือพวกธรรมวัฒนะ สีดาก็ช่วยดูแลอาคารสถานที่เต็มที่ คนยังนึกว่าเป็นเจ้าของ คนแถวนั้นไม่มีใครไม่รู้จักสีดา


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ก.ย. 10, 23:43
กลอนเรื่องหมาเมืองไทยกินดีกว่านี่มาก


       เดินทางรอบโลก     หม่อมหลวงปิ่นเป็นหัวหน้าคณะไปประชุมองค์การศึกษาสหประชาชาติ เพราะประเทศไทย

จะสมัครสมาชิกในปี ๒๔๙๒

ท่านผู้หญิงแต่งนิราศเมืองไทยไปรอบโลก  และยังแต่งเรื่องเที่ยวเมืองอังกฤษ อีก หนึ่งเล่ม

ท่านได้ไปพักที่เมืองดาร์บี้ซึ่งลำบากมาก  อาหารการกินก็ต้องมีปันส่วน  ห้องที่อยู่ก็ไม่มีไฟ  น้ำก็ต้องอาบน้ำเย็น

ท่านผุ้หญิงแต่งนิราศเล่น   มีตอนหนึ่งท่านเขียนว่า


     "อนิจจาอาหารกันดารเหลือ           เจ็ดวันเนื้อเจ็ดวันไข่ใบหนึ่งหนอ  

เจ็ดวันเบคอนบางพอขวางคอ              นมจะกลั้วก็ไม่พอสักมื้อเดียว    

เนยก้อนนิดติดจานฝานไม่เข้า              ขนมปังสีเทาซ้ำแกมเขียว

สักการีนต่างน้ำตาลหวานเอียนเจียว      จำหน้าเซียวยอมจืดชืดไปเลย

หมาเมืองไทยกินดีกว่านี้มาก                มาอดอยากยิ่งหว่าหมานิจจาเอ๋ย

คนอังกฤษอดทนไม่บ่นเลย                   อดจนเคย ๑๐ ปีไม่มีกิน"


         ท่านจักรพันธุ์เพ็ญศิริ(ต่อมาเลื่อนเป็นพระองค์เจ้า)  กำลังจะไปเฝ้าเยี่ยมพระเจ้าอยู่หัวที่โลซาน

จำกลอน  "หมาเมืองไทยกินดีกว่านี้มาก"  ที่ท่านผู้หญิงท่องให้ฟัง  แล้วจำไปท่องถวายพระเจ้าอยู่หัว

แล้วกลับลอนดอนมาเล่าให้ท่านผู้หญิงฟังว่า   พระเจ้าอยู่หัวทรงขบขันในกลอนมาก       ท่านผู้หญิงเขียนว่า

"ฉันถือเป็นมงคล  ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงรู้จักกลอนของฉัน  ก่อนที่จะรู้จักตัวฉันจริง ๆ





กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ก.ย. 10, 00:23

สาธุชนย่อมไม่ยืมของ


       เรื่องราวที่ท่านผู้หญิงเล่ามีเกร็ดมากมาย  เพราะท่านเป็นผู้ที่ได้รับการต้อนรับจากทุกชนชั้น

จะเล่าไปก็ราวกับนวนิยาย          ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในงานหนังสือปีนี้เพื่อน ๆ ใน เรือนไทยคงควาน

หาหนังสือ เรื่องของคนห้าแผ่นดิน  มาได้   เจ้าของร้านหนังสือเก่าบางรายจะกระเซ้าดิฉันเสมอว่า  เล่นกระทู้เรื่องอะไรกัน

เพราะมีคนมาตามหาหนังสืออ่านหลายราย          ซึ่งสมความมุ่งหมายและตั้งใจของดิฉันที่จะคุยและแนะนำ

เรื่องหนังสือเก่าที่มีคุณค่าและหายาก




       วันหนึ่งท่านผู้หญิงคิดจะจัดการแสดงละครเรื่อง  กุศโลบาย  และจะเชิญเสด็จพระดำเนิน  ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัว

จะทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว  จะทรงอภืเษกสมรสก่อนพิธีบรมราชาภิเษก  จะเสด็จนิวัตรพระนครพร้อมพระคู่หมั้น

ตอนนั้นท่านผู้หญิงไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร  นอกจากเพื่อน ๆ และ น้อง ๆ ไม่กี่คน   ท่านโมโหมากจึงเสนอว่า   

จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด  ถ้าขาดทุนจะเป็นคนขาด   ถ้าได้กำไรจะมอบให้โรงเรียนทุกบาทสตางค์

     ท่านก็หาตัวละคร  จัดซ้อมเอง  เลี้ยงข้าวแกงกับกาแฟ เพื่อประหยัดรายจ่าย


       "มีผู้แนะนำให้ไปยืม ฉาก ไมโครโฟน และอื่น ๆนับสิบ ๆ รายการจากกรมศิลปากร  เพื่อจะใช้ในเวทีชั่วคราวที่จะ

สร้างชั่วคราวที่โรงเรียน   ฉันผู้ไม่เคยขออะไรใครก็กลายเป็นคนขี้ขอ


ฉันไปที่กองดุริยางค์  ซึ่งเคยเป็นศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่งในวัดพระแก้ววังหน้า           พอไปถึงก็เห็นตัวอักษรตัวโตแดง

เขียนไว้ว่า  "สาธุชนย่อมไม่ยืมของ"            ฉันบอกเจ้าหน้าที่ว่า  ฉันมาหาคุณธนิต  อยู่โพธิ์หัวหน้ากอง      พอคุณธนิต

ออกมาฉันก็บอกว่า  "คุณธนิตคะ  วันนี้ฉันไม่ได้เป็นสาธุชน"            คุณธนิตซึ่งเป็นคนยิ้มยาก  และคนกลัวกันทั้งโรงละคร 

ถามว่า  จะมายืมของหรือครับ    ฉันบอกว่าใช่แล้วยื่นบัญชีของที่จะยืมประมาณ ๕๐ รายการ  รวมทั้งม่านหน้าโรงและหลืบข้าง

หลืบล่างหลืบบนด้วย


คุณธนิตทำหน้าเฉยแล้วประชดฉันว่า  ขอยืมแบบนี้  ขอยืมโรงเสียเลยไม่ดีหรือ    ฉันแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ  และรีบตอบว่าดีแน่

ตกลงฉันขอยืมโรง  ขอยืมคนช่วยแต่งฉาก  และเจ้าหน้าที่ด้วยด้วย    คุณธนิตถามว่าจะเล่นให้ใครดู      ฉันตอบว่าจะเชิญเสด็จ

พระเจ้าอยู่หัว    คุณธนิตก็เลยหยุดประชดฉัน   และกลับมาพูดเป็นงานเป็นการอย่างดี  และร่วมงานอย่างดีกับดิฉันตลอดมา"




กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 07 ก.ย. 10, 06:23
อ้างถึง
ให้ตกเป็นคนของหลวงด้วย

คุณวีหมีก็พูดซะอย่างกับถูกริบราชบาตร

สีดาก็ยังอยู่บ้านเดิมนั่นแหละครับ บ้านนี้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์นำมาให้เช่าทำร้านอาหารหรู คนเช่าคือพวกธรรมวัฒนะ สีดาก็ช่วยดูแลอาคารสถานที่เต็มที่ คนยังนึกว่าเป็นเจ้าของ คนแถวนั้นไม่มีใครไม่รู้จักสีดา

มิได้หมายว่าถูกริบราชบาตรครับ  เพียงแต่จะเล่าว่า ท่านผู้หญิง้ท่านเป็นห่วงสีดา  เกรงว่า ถ้าท่านและท่านหม่อมหลวงปิ่นแล้ว  สีดาจะไม่มีที่พึ่ง  จึงไดถวายไว้เป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ให้ได้รับพระตราชทานพระมหากรุณาชุบเลี้ยงไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 09:05

เรื่องรูปนั้น  ผู้อาวุโสจะไปยืมห้องสมุดพรุ่งนี้  และจะนำรูปแม่ตุ๊กตางาและรูปเจ้าบ่าวหน้าตามีความสุข

ที่สุดในโลกมาลงนะคะ



เจ้าของกระทู้เรียกหาท่านผู้อาวุโสมาช่วย  ผมอาวุโสไม่มากแต่อยากช่วย  
คงไม่ว่ากันนะครับ

รูปท่านผู้หญิงตอนยังเยาว์


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 09:06
ท่านผู้หญิงตอนอายุ ๑๙ ปี


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 09:08
ท่านผู้หญิงเมื่อได้รับดปรดเกล้าฯ ให้เป็นนางพระกำนัล
(โปรดสังเกตดอกไม้ที่ประดับ)


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 09:10
ท่านผู้หญิงดุษฎีแต่งงานกับหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 09:13
เจ้าพระยามหิธร  (ลออ  ไกรฤกษ์)และท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร
บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงดุษฎี


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ก.ย. 10, 09:15
หม่อมหลวงปิ่นท่านเป็นสุภาพบุรุษ   สมัยเรียนหนังสือนาน ๆ ท่านจะเอ่ยถึงสุภาพสตรีที่ผมเขียนจดหมายถึง

ท่านไม่เคยเอ่ยชื่อ  หรือพาดพิงใดๆทั้งสิ้น

โปรดสังเกตว่าทรงผมท่านผู้หญิงเมื่อสาวน้อยแรกแย้มนั้นงามเลิศเฉิดเฉลาขนาดไหน  ด้วยมารยาทที่น้อยนิดติดตัวมา

เราจะไม่พูดถึงผม หรือศรีษะท่านผู้ใหญ่กันนะคะ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ก.ย. 10, 09:23

ขอบคุณคุณหลวงเจ้้าค่ะ

จะระลึกพระคุณไม่เรียกคุณหลวงด้วยชื่ออื่น ๆ ไปอีก ๗ วัน

ถึงอยากจะกระเซ้าแต่ก็เกรงบารมีอยู่

คุณหลวงอย่าลืมนำหนังสือที่ท่านผู้หญิงเขียนถึงพี่ชายมาลงกระจาย ๆ แถวนี้ด้วยนะคะ

ดิฉันจะพยายามนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหนังสืออนุสรณ์ท่านผู้หญิงเสงี่ยม พระเสด็จสุเรนราธิบดี ท.จ. มาลงในกระทู้นี้บ้าง


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ก.ย. 10, 10:02
การเล่าเรื่องนั้นจะเล่าหมดก็ไร้รส   


ท่านผู้หญิงนั้นท่านต่อว่าต่อขานจอมพลป.  แบบทันทีทันควันหลายครั้ง


วันหนึ่งได้ดื่มน้ำชากัน  จอมพลป.ถามว่าเล่นกอล์ฟไหมหมู่นี้หรืออะไรทำนองนั้นนะคะ

ท่านผู้หญิงตอบว่าไม่ได้เล่นมาตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองนั่นแหละ



รายชื่อภรรยาของคณะรัฐมนตรีก็ไม่มีชื่อเข้ารับทุติยะจุลจอมเกล้า  โดนผ่านหลายครั้งด้วยข้ออ้างต่าง ๆ

ท่านเจอจอมพลสฤษดิ์เข้า  ท่านก็ถาม       ท่านจอมพลตอบว่าก็พี่ได้หลายเหรียญแล้วนี่


การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเขียนลงด้วยพระองค์เองว่าพระราชทานเลื่อนตราให้ได้รับทุติยะจุลจอมเกล้า

พร้อมท่านทั้งสามที่เป็นภรรยานายกและรองนายก ๒ คนนั้น  สร้างความตื้นตันให้ท่านผู้หญิงมาก

ท่านบันทึกไว้ว่าฉันเพิ่งเคยได้รับความยุติธรรมเป็นครั้งแรก



เรื่องที่ประทับใจนักอ่านหนังสือเก่าเป็นที่สุดคือเรื่องเมื่อหม่อมหลวงปิ่นไปดูที่นาสุดซอยประสานมิตรที่กระทรวงได้ซื้อทำมหาวิทยาลัย

ท่านผู้หญิงก็ไปด้วย    เห็นรวงข้าวอ่อนๆก็อยากจะเก็บมาทำข้าวยาคู     หม่อมหลวงปิ่นก็ว่าไปเก็บมาได้หรือของชาวนาเขานะ

ท่านผู้หญิงก็บอกว่าปลูกในที่ของเรานี่       หม่อมหลวงปิ่นเตือนว่าที่ของเราที่ไหน  ที่ราชการ       

พอพากันเดินออกมาหม่อมหลวงปิ่นก็เดินย้อนกลับไป   ปาดินสองก้อนที่ถือติดมือมากันสุนัขไล่       คือไม่นำดินออกมาจากที่

เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่จะต้องพูดกัน   แต่แสดงความประพฤติของคนโบราณที่ซื่อสัตย์ต่อตนเองแม้นแต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆปานนี้





กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ก.ย. 10, 10:17

ในหนังสืออีกเล่มหนึ่งในชุดนี้   ท่านผู้หญิงเล่าว่า หลังจากได้เป็นท่านผู้หญิงแล้ว  มีโอกาสรับเสด็จ

พระเจ้าโบดวงกับพระราชินีฟาบิโอล่า

ควีนได้ทักทายท่านผู้หญิงภรรยาท่านนายกและรองนายกซึ่งประดับเครื่องเพชรงดงาม  ว่าสวย
ท่านผู้หญิงก็ได้ยินว่า เยส  เยส

พอถึงคราวของท่านซึ่งไม่มีเครื่องประดับวาววับแต่อย่างใด
ท่านกราบทูลว่าเคยอ่านหนังสือที่ควีนทรงแต่งเป็นนิทานเด็กหลายเรื่องเมื่อครั้งเป็นครูอนุบาล
ควีนประหลาดใจว่าเคยอ่านด้วยหรือ  ยังจำได้ด้วยหรือ
เลยทรงสนทนาด้วยเป็นนาน



ขอจบเรื่องหนังสือ  "เรื่องของคนห้าแผ่นดิน"  ไว้เพียงนี้  เพราะเป็นการชวนอ่านหนังสือเท่านั้น 


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 10:35
อ้าว

อย่างนี้เรียกว่าจบแบบหักมุม คนอ่านคิดไม่ถึงหรือเปล่าครับ????


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 07 ก.ย. 10, 18:59
คุวันดีท่านชวนอ่านหนังสือ  แล้วจู่ๆ ท่านก็จบแบบหักมุม  ผิดหลักการภาพยนตร์ไทยเสียสิ้น  เลยขอนุญาตปิดกระทู้นี้แบบ Happy Ending ครับ

ภาพข้างล่างนี้  ท่านหม่อมหลวงปิ่นเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อท่านสมรสกับท่านผู้หญิงมาครบ ๕๐ ปี  วันหนึ่งท่านผู้หญิงได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธึลีพระบาท  เลยได้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เมื่อท่านสมรสกับหม่อมหลวงปิ่นนั้น  ท่านเจ้าคุณบิดาเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเบื้องพระนุคลบาทล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗  ท่านทั้งสองจึงไม่เคยได้รับพระราชทานน้ำสังข์สมรสเลย  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระมหากรุณามีพระราชกระแสว่าจะพระราชทานให้  นทั้งสองจึงได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานน้ำสังข์เมื่อสมรสกันมาครบ ๕๐ ปี  ในวันนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร. ชั้นที่ ๒ เป็นที่ระลึกแก่คู่บ่าวสาวด้วย


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 07 ก.ย. 10, 19:00
ขอประทานโทษขอรับ  ลืมแปะรูป



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 15:15
รูปของท่านทั้งสองค่ะ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 ก.ย. 10, 16:26

ขอบพระคุณคุณเทาชมพู และท่านที่ตามอ่านทั้งปวง 


       ไม่ได้นำเสนอเรื่องในประเภทหนังสืออนุสรณ์      จึงมิได้ยืดเยื้อเหมือนรายการโทรทัศน์  เรื่องส่วนตัวของท่านไม่อยากเอ่ย

มีคนใจต่ำบางคนไปพุดกันว่าท่านไปเฝ้าสามี  ก็ไม่เห็นว่าจะต้องเล่า  สามีท่านหล่อปานนั้น เก่งปานนั้น  เป็นใครก็ต้องชำเลืองไว้บ้างเป็นธรรมดา


อยากเล่าตอนที่คนเขียนจดหมายไปสยามรัฐถาม ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ว่าทำไมท่านไปต่างประเทศเรื่อยเชียว ใช้งบใคร

คุณคึกฤทธิ์ตอบว่า  ไม่รู้หรือว่าท่านผู้หญิงเป็น "เจี" ท่าน  เพราะผู้ใหญ่ลงสำเภามาด้วยกัน  จึงนับว่ามาตะเภาเดียวกัน

คนที่เขียนไปถามคงอกสั่นขวัญแขวนไปหลายวัน  ท่านผู้หญิงเรียกคุณคึกฤทธิ์ว่า "ตี๋" ด้วยล่ะ


ที่จริงมีหนังสือของหม่อมหลวงปิ่นทั้งชุด  สหายให้มา  สั่งว่าไปหาอีกที่อื่นไม่ได้แล้วหนา



ตั้งใจว่าจะต้องเล่าที่ท่านผู้หญิงสนทนากับพระราชินีฟาบิโอล่า  และเขียนคำไหว้ครู และงานแปลหนังสือของท่าน

เห็นท่านบุกเข้าโจมตีคุณธนิต  อยู่โพธิ์ ผู้ที่วงการหนังสือเก่านับถือเป็นปรมาจารย์  แล้วคุณธนิตรอดชีวิตมาได้ เป็นความสุขอย่างยิ่ง

ไม่ได้เป็นลูกศิษย์คุณธนิต  แต่เคารพท่าน  จากฐานะนักอ่าน  ที่ได้มีโอกาศเห็นกองหนังสือมหึมากองหนึ่งที่เก็บรายการแถมจากหนังสือพิมพ์ฝรั่งในเมืองไทย

เพื่อนไม่ต้องบอกว่าเป็นกองหนังสือของใครก็ทราบได้เอง   เสียดายสุดจะเล่าออกมาได้ว่าหนังสือกระจายไปหลายทิศ

ท่านผู้หญิงนั้นใครไม่เบ่งกับท่าน  เช่นป๋าผินและครอบครัว   ท่านก็ไม่ว่าอะไร  กุลีกุจอช่วยเหลือแนะนำไป

ท่านผู้หญิงรู้จักบุคคลสำคัญมากมาย     เมื่อเห็นรายชื่อก็เกิดความรุ้สึกสนิทสนมกับเรื่องราวของท่าน  เพราะได้อ่านได้ศึกษาตามมาส่วนหนึ่ง


       อยากให้เพื่อน ๆ ในเรือนไทยได้อ่านเรื่องผู้ดีไทยตัวจริงที่มีวิชาความรู้  บิดามารดาสร้างฐานะด้วยความอดออม  แม่ต้องช่วยทำขนมขาย  เครื่องสำอางขาย

ไม่ได้อยู่เฉย ๆ  ถึงจะให้บ่าวหาบไปขายก็ตามที  วันละ ๖ หาบเชียวนะคะ

       สหายนักอ่านผู้หนึ่งสนใจดอกไม้ประดับของท่านผู้หญิงมาก   หลังไมค์มาถามเสียยาวเชียว


วันหน้ามาเล่าใหม่ก็ได้ค่ะ  แต่ตอนนี้ ที่ปรึกษาคนหนึ่งของกลุ่มนักอ่านหนังสือเก่า สั่งงานไว้  จำเป็นต้องทำให้เสร็จ

ไม่ได้หักมุมอะไรเลย 

สารภาพว่าไม่เคยคิดว่าหม่อมหลวงปิ่น มาลากุลจะหล่อขนาดนี้   สมัยเรียนหนังสือชั้นประถม  แค่ชื่อท่านก็น่ากลัวจะแย่





กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: ritti018 ที่ 08 ก.ย. 10, 18:15
เรียน คุณwandee ครับ

   ทราบว่าท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มีพี่น้องรวม ถึง 12 คน(อ้างอิงจากกระทู้ประวัติท่านผู้หญิงกลีบ  มหิธร ผู้มารดาของท่านผู้หญิงดุษฎี) อยากทราบว่า มีนามว่าอย่างไรบ้าง เรียงตามเกิดด้วยนะครับ เท่าที่ทราบจากคุณ wandee คือ
 
      จักร
      ปาณี(นายจ่ายวด ถึงแก่กรรมเมื่อปี 2463)
      ศรี(คุณหญิงศรี  ไชยยศสมบัติ 2443-2535)...มารดาของ ศ.เติมศักดิ์  กฤษณามระ(สมรสกับสมจิตร  ณ สงขลา ธิดาคนสุดท้องของเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ)
      ศีล                                                                                                
      วิสุทธิ์(หลวงจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์ 2446-2501 ซึ่งสมรสกับถนิต  ณ สงขลา ธิดาคนโตของเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ)
      ท่านผู้หญิงดุษฎี(2448-2540)

แล้วต่อจากท่านผู้หญิงล่ะครับมีใครบ้าง .......... ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 21:09
รูปหม่อมหลวง ปิ่น มาลากุล ขณะเป็นนักเรียนสวนกุหลาบ ครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 08 ก.ย. 10, 21:28
๑๒ พี่น้องมีดังนี้ครับ

๑)  จักร  (ถึงแก่กรรมแต่ยังเยาว์)
๒)  ปาณี  ต่อมาเป็น นายจ่ายวด 
๓)  ศรี  ต่อมาเป็นเป็นคุณหญิงไชยยศมบัติ (ศรี  ฤษณามระ)
๔)  ศีล  (ถึงแก่กรรมแต่ยังเยาว์)
๕)  วิสุทธิ์  ต่อมาเป็น หลวงจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์
๖)  ดุษฎีมาลา  ต่อมาเป็น ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา  มาลากุล
๗)  วิจิตราภรณ์
๘)  ภูษนอาภรณ์  สมรสกับคุณสังวรณ์  บุญเกตุ
๙)  นิภาภรณ์  วิมลศิริ
๑๐) มัณฑนาภรณ์
๑๑) ดารา  ต่อมาเป็นคุณดารา  ไชยยศมบัติ (สมรสกับพระยาไชยยศสมบัติ)
๑๒) รัตนาภรณ์  สมรสกับนายแพทย์ใช้  ยูนิพันธ์


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: ritti018 ที่ 08 ก.ย. 10, 22:54
ขอขอบคุณ คุณ V_Mee มากเลยนะครับ ที่ตอบคำถามของผม เราได้เจอกันอีกแล้ว นอกเหนือจากในpantip ผมคนชุมพรนอนกรุงเทพครับ...ผมมีข้อสังเกต ดังนี้ครับ

  -น้องสาวที่ชื่อ ดารา  ไชยยศสมบัติ หรือต่อมาคือ คุณหญิงดารา  ไชยยศสมบัติ เป็นภริยาของพระยาไชยยศสมบัติ และเป็นมารดาของคุณหญิงชฎา  วัฒนศิริธรรม...ดังนั้น จะเป็นการสมควรหรือไม่ที่ผมจะถามต่อไปว่า พระยาไชยยศสมบัติท่านนี้คือ สามีของคุณหญิงศรี  ไชยยศสมบัติผู้เป็นพี่สาวแท้ๆของคุณหญิงดารา ใช่หรือไม่ครับ

  -ถ้าหากว่า คุณรัตนาภรณ์  ยูนิพันธุ์ เป็นน้องสาวคนสุดท้องของท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา เหตุใดที่ท่านเกิดห่างกันเพียง 7 ปี เท่านั้น(ท่านผู้หญิงเกิด 2448 คุณรัตนาภรณ์เกิด 2455) เพราะว่าก่อนจะถึงคุณรัตนาภรณ์ นั้น มีพี่ๆก่อนถึง 5 คน...หรือว่าผมสงสัยจนเกินควรรึปล่าวครับ..............

  -อยากถามต่อไปว่า แล้วปัจจุบันนี้ น้องๆของท่านผู้หญิงยังมีใครบ้าง ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ครับ.................ขอขอบคุณ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 ก.ย. 10, 02:47

คุณวีมีรบกวนดูข้อความส่วนตัวด้วยนะคะ  ขอบคุณค่ะ


อิอิ  คุณ ritti018   เราสหายกันทั้งสิ้นค่ะ

คุณหลวงเล็กที่นับถือ  ถ้าหนังสือยังอยู่ที่โต๊ะ  และว่างราชการ  เพราะสำนักงานต่างๆเขาก็ได้ตัวกันไปแล้วนะคะ

กรุณาโพสรูปด้านซ้ายมือของหน้า ๑๕ ด้วยนะคะ  จะได้ยืนยันคำโบราณที่ว่า"หัวปีท้ายปี"  และ "มีลูกทันใช้"


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: CVT ที่ 09 ก.ย. 10, 12:14

อิอิ  คุณ ritti018   เราสหายกันทั้งสิ้นค่ะ


ผมก็เป็นแฟนคุณพี่ คนชุมพรนอนกรุงเทพ เหมือนกันครับ  ;D


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: djkob ที่ 10 ก.ย. 10, 10:41
อยากทราบว่าหนังสือ "เรื่องของคน 5 แ่ผ่นดิน" ยังมีำจำหน่ายไหม๊คะ

อ่านกระทู้นี้แล้ว ทำให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของเด็กหัวทื่อ มีเพิ่มขึ้น

ใคร่อยากได้หนังสือมาเพิ่มพูนปัญญาค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ก.ย. 10, 10:47

ค่อนข้างจะหายากแล้วค่ะ

ในงานหนังสือปลายเดือนหน้า  ลองไปหาที่ร้านที่ขายหนังสืออนุสรณ์โดยเฉพาะ

อาจจะมี  แต่ครบชุดคงยาก   ได้เล่ม ๑ ก็ถือว่าแจ่มแล้วค่ะ

สั่งร้านหนังสือมือสองไว้ก็ได้  แต่เจ้าของร้่าเองอาจไม่มีพลังขยายวงไปหาหนังสือชุดนี้ได้


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ก.ย. 10, 13:22

เจ้าของร้านหนังสือโดยมากจะมีความชำนาญเฉพาะทาง

พวกเขาจะต้องหาหนังสือจากแหล่งต่าง ๆ  เช่น บ้าน  ร้านเฟอร์นิเจอร์เก่า(มีหนังสือแถมมาในตู้)

รถสามล้อแดง

บางรายก็บุกร้านเช่าหนังสือที่ปิดกิจการ  เพื่อกวาดหนังสือเก่ามา

บางรายก็ออกไปตามต่างจังหวัด   ตามสถาบันการศึกษาที่ห้องสมุดมีนโยบาย ทิ้งเถอะน่า ถ้าไม่มีคนมาเช็คออกอ่านหลายปีแล้ว


       สต้อคหนังสือ  กินเงินมากค่ะ  เงินจม

เมื่อเจอหนังสือเก่าที่ดีและแพง  ก็ไม่กล้าเก็บ  เพราะร้านของตนมีลูกค้าอีกระดับ

สต้อคหนังสือนี้  บอกขายกันยกร้าน เป็น เงินหลายล้านนะคะ   เป็นที่ทราบกันดีทั่วไป



กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Pangram ที่ 24 พ.ย. 10, 08:43

หม่อมหลวงปิ่นกลับมาจากนอกในเดือนตุลาคม ๒๔๗๔    ขอให้สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ
มาเป็นเถ้าแก่ขอหมั้นในวันที่ ๗ ธันวาคม
แต่งงานในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๗๔   ที่บ้านถนนราชวิถี     เชิญเจ้านายอภิรัฐมนตรีทุกพระองค์  เสนาบดีเชิญแต่คุ้นกับเจ้าคุณพ่อ  
ญาติเชิญแต่ชั้นผู้ใหญ่

ขออนุญาตนะคะ  ปีตามนี้หรือคะ  เหมือนท่านแต่งงานก่อนกลับจากเมืองนอก   


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Bhanumet ที่ 24 พ.ย. 10, 11:47

หม่อมหลวงปิ่นกลับมาจากนอกในเดือนตุลาคม ๒๔๗๔    ขอให้สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ
มาเป็นเถ้าแก่ขอหมั้นในวันที่ ๗ ธันวาคม
แต่งงานในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๗๔   ที่บ้านถนนราชวิถี     เชิญเจ้านายอภิรัฐมนตรีทุกพระองค์  เสนาบดีเชิญแต่คุ้นกับเจ้าคุณพ่อ  
ญาติเชิญแต่ชั้นผู้ใหญ่

ขออนุญาตนะคะ  ปีตามนี้หรือคะ  เหมือนท่านแต่งงานก่อนกลับจากเมืองนอก   

สมัยนั้นวันขึ้นปีใหม่คือ ๑ เมษายน ครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Pangram ที่ 24 พ.ย. 10, 12:20
ขอถามอีกครั้งนะคะ (ขอโทษที่ไม่เข้าใจค่ะ)

ลำดับเวลา
- ตุลาคม ๒๕๗๔  ..หม่อมหลวงปิ่นกลับจากนอก
- ๗ ธันวาคม (น่าจะ ๒๕๗๔) ..สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เป็นเถ้าแก่ขอหมั้น
- ๗ มีนาคม ๒๕๗๔  ..ท่านแต่งงาน..

- ๑ เมษายน ..ขึ้นปีใหม่

..ยังไม่เข้าใจค่ะ  ขอรบกวนอีกครั้งเถอะค่ะ
วันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ ๑ เมษา แต่ชื่อเดือนยังเรียกเหมือนเดิมไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนการนับเดือนปีใหม่
แป้งเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่านี่.. :'(


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 พ.ย. 10, 15:20
ยุคนั้น สยามกำหนดให้วันขึ้นปีใหม่คือวันที่ ๑ เมษายน ดังนั้น

๓๑ ธันวาคม ๒๔๗๔ วันถัดมาคือ ๑ มกราคม ๒๔๗๔ โปรดสังเกตว่ายังเป็นปีเดิมคือ ๒๔๗๔ นะครับ

พอถึง ๓๑ มีนาคม ๒๔๗๔ วันถัดมาจะเป็น ๑ เมษายน ๒๔๗๕ ครับ เปลี่ยนปีที่ตรงนี้ครับ


กระทู้: เรื่องของคน ๕ แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
เริ่มกระทู้โดย: Pangram ที่ 24 พ.ย. 10, 16:12
ขอบคุณมากค่ะ  เข้าใจแล้ว ..

อ่านประวัติท่านแล้วงงมาหลายวัน
คิดว่าต้นฉบับพิมพ์เลขผิด ก็ไม่น่าผิดหลายเล่ม
จนมาที่นี่ก็พิมพ์ว่า ๒๔๗๔ ใจแป้งก็เถียงว่าต้อง ๒๔๗๕ สิ
โชคดีที่ยังไม่คือวิสาสะเปลี่ยน พ.ศ.ไปตามที่ใจคิด  ไม่งั้นคงแย่

เคยอ่านเจอว่ายุคนั้นเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่
แต่เพิ่งทราบนี่แหละค่ะ ว่าก่อนหน้านั้นเปลี่ยน พ.ศ.เมื่อขึ้น ๑ เมษา

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆเลยค่ะ
(ตั้งใจรอคำตอบเลยนะคะนี่ :D)