เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: คุณพระนาย ที่ 10 ก.พ. 01, 13:55



กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 10 ก.พ. 01, 13:55
ผมหายหน้าไปนานมาก แต่แว้บกลับมาก้ได้ ไปตามอ่านกระทู้หลาย ๆ กระทู้แล้ว ก็ได้เห็นศึกชิงนาง เกิดขึ้นใหม่ แต่กลับเป็นพระเอกคนเก่าชิงนางเอกใหม่ นี่จะยังไงน้อ
ทำไมมีชิงนางทีไร คุณ นิล สหายผม แกถึงได้ไปเอี่ยวด้วยทุกที
เอ้า กลับเข้าเรื่องถามเรื่องกระทู้ก่อน  ผมเพิ่งได้มีโอกาสดูเรื่อง Anna ไปไม่นานนี้ ก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความจริงมากนัก แต่ที่ผมสงสัย และอยากจะรู้ว่า หนังเค้าจะรักษาความจริง (น้อย ๆ ) ไว้สักแค่ไหนก็คือ ตอนที่ King โจว เหวิน ฟะ ขอให้ แอนนาคนสวย ของผม อ่านจดหมาย ซึ่งปรากฎว่าเป็นจดหมายจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสมัย ของ ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอร์น เขียนไปถึง สยามของเรา
ผมอยากทราบว่า เรื่องนี้มีโอกาสจริง หรือเปล่าครับ
คือ คิดว่า อเมริกา จะเริ่มติดต่อกับไทยเราตั้งแต่สมัยไหน แล้วช่วงเวลา ของ ลินคอร์น ตรงกับสมัยของ ร. 4 จริงหรือเปล่าครับ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 01, 15:13
เข้าใจว่าอีกสักประเดี๋ยว เพื่อนของคุณพระนายก็คงจะเข้ามาเอี่ยวในกระทู้นี้
แต่ตอนนี้อาจจะกินน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง เพิ่มพลังเสียงอยู่

ตอบสั้นๆว่า สมเด็จพระจอมเกล้าฯ เคยมีพระราชสาส์นไปถึงอับราฮัม ลินคอล์นจริงๆค่ะ
ส่วนจดหมายตอบก็น่าจะมีนะคะ
คำตอบคือมีโอกาสเป็นจริงตามหนัง แต่นางแอนนาจะได้เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการหรือเปล่าไม่ทราบ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: koong ที่ 21 ม.ค. 01, 18:59
ใช่ที่จะส่งช้างไปช่วยรบหรือเปล่าครับ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 01, 19:27
ใช่ค่ะ  ทรงทราบถึงสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้     ในเมื่อไทยทำสงครามใช้ช้างศึกเป็นกำลังสำคัญ ก็ทรงเอื้อเฟื้อไปว่า จะส่งช้างไปช่วย


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 22 ม.ค. 01, 00:27
หวังว่าคงไม่ได้ทรงส่งไปจริง ๆ นะครับ ผมสงสารช้างมากเลย ถ้าต้องไปจริง ๆ แล้ว อเมริกา ส่งทูตมาติดต่อกับประเทศไทย ตั้งแต่สมัยไหนครับ เพราะกว่าอเมริกาจะเป็นประเทศก็ปี  1776 แต่ช่วงนั้นก็ยังรบกับอังกฤษอยู่เลย คุณเทาชมพูช่วยเล่ายาว ๆ สักนิดไม่ได้เหรอครับนะ นะ  ผมอยากรู้นี่ครับ ผมรู้ คุณเทาชมพูใจดี


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 22 ม.ค. 01, 07:58
หวัดดีค่ะ คุณพระนาย  ดีใจที่กลับมาเยี่ยมค่ะ

เรื่อง ร๔ ทรงเสนอที่จะส่งช้างไปช่วยประธานาธิบดีลิงคอล์นใน Civil War นี่  จำได้เลาๆว่า  อ่านเจอในต้นเรื่อง Anna and the King of Siam ของ
Margaret Landon ค่ะ  แต่ไม่ทราบว่า  แอนนา เขียนไว้ในต้นฉบับของเธอหรือเปล่า


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 22 ม.ค. 01, 08:27
เท่าที่เคยอ่านเจอ อเมริกาบอกขอบใจ ไม่เอาช้างครับ (สงสัยกลัวเลี้ยงไม่ไหว)
แต่มีคนไทยไปอาสาช่วยฝ่ายเหนือรบครับ แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ใครมีข้อมูลใกล้มือช่วยเล่าหน่อยสิครับ
เรื่องอเมริกา ไทยเรารู้จักมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยครับ ไม่เชื่อลองอ่านเรื่องประวัติลอยกระทงกับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ดูสิ ฮ่าฮ่าฮ่า ความจริงแล้วถ้าถือว่า ร.๓ ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้จริงแล้ว แสดงว่าอย่างน้อยสมัย ร.๓ เราก็รู้จักกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์ทางการทูตกันหรือเปล่าครับ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 01, 09:31
เคยอ่านพระราชสาส์น  จะไปค้นให้ค่ะคุณพระนาย ใจเย็นๆ    
คุณพวงร้อยขา ขอแบ่งผัดกระเพราให้คุณพระนายและคุณ CrazyHOrse ชิมรอเวลาไปก่อนนะคะ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ม.ค. 01, 16:04
อเมริกาเพิ่งตั้งประเทศมาได้ไม่เกินสองร้อยกว่าปีไม่ถึงสามร้อยปี  เพราะฉะนั้นจะส่งทูตมาไทยได้ เก่าที่สุด ไม่เกินช่วงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นครับ
จากความจำ ไม่ได้ค้นเอกสารนะครับ เข้าใจว่าสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีระหว่างสยามกับสหรัฐฯ ฉบับแรก ทำในสมัย ร.3 (มั้ง-?) ทูตอเมริกันที่เข้ามาทำสัญญาชื่อ เอ็ดมันด์  รอเบิต ยังจำได้ว่าสัญญาฉบับนั้นทำเป็น 4 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ โปรตุเกส และจีน เพราะ "ไทยมิรู้จักอักษรมริกัน มริกันมิรู้จักอักษรไทย"  ทำให้ในฉบับไทย เรียกชื่อประเทศสหรัฐฯ คู่สัญญา โดยเขียนเลียนเสียงภาษาโปรตุเกสว่า "อิสตาโดอุนีโดดาอะเมริกะ"

ผมเข้าใจว่า ร.4 จะทรงมีพระราชสาสน์ไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนอับราฮัม ลินคอล์น ที่ว่าทรงเสนอจะพระราชทานช้างไปให้นะครับ แต่กว่าพระราชสาสน์จะไปถึงกว่าฝ่ายโน้นจะตอบ ก็เปลี่ยนประธานาธิบดีแล้ว คนที่มีหนังสือมากราบบังคมทูลตอบ คือท่านประธานาธิบดีลินคอล์น
นักประวัติศาสตร์สำนักหนึ่งเห็นว่า (และผมออกจะเห็นด้วย) ร.4 มิได้มีพระราชประสงค์จะพระราชทานช้างไปให้อเมริกาเพื่อช่วยฝ่ายเหนือทำสงครามกับฝ่ายใต้ เพราะช้างนั้นเป็นสิ่งที่ภาษาวิชาการระหว่างประเทศสมัยนี้เรียกว่า dual -use ใช้ได้ทั้งทางสงครามและทางสันติ ใช้เป็นรถถังก็ได้ (ในประวัติศาสตร์ฝรั่งเอง ฮันนิบาลก็เคยใช้ทัพช้างรบกับโรมันมาแล้ว) แต่ใช้เป็นรถแทรกเตอร์ก็ได้เหมือนกัน และทรงมุ่งในทางให้เอาไปใช้เป็นรถแทรกเตอร์ช่วยหักล้างถางพง มากกว่าเอาไปรบ ยิ่งถ้าทรงมีพระราชสาสน์ไปตั้งแต่ก่อนสมัยท่านลินคลอล์นยิ่งเห็นได้ชัดว่าไม่เกี่ยวกับสงครามกลางเมืองอเมริกันเลย เพราะตอนนั้นสงครามกลางเมืองยังไม่เกิด
รอฟังรายละเอียดตามพระราชสาสน์จากคุณเทาชมพูครับ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 01, 18:43
สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงมีพระราชสาส์นหลายฉบับ  ในหลาย พ.ศ. ไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ครั้งแรก ในพ.ศ. ๒๓๙๙ (ค.ศ. ๑๘๕๖)  ในสมัย  "แฟรงกินเบิศปริศเดน" (President Franklin Pierce) ซึ่งส่งทูตชื่อ"มิสเตอร์โตนเซนฮาริศ" (Mr. Townsend Harris" มาเจริญสัมพันธไมตรี  ทำหนังสือสัญญาใหม่กับไทย
ทรงเท้าความไปในพระราชสาส์นถึงการต้อนรับทูตไว้ละเอียด  ลอกมาไม่ไหว  ตัดตอนมาย่อๆก็แล้วกัน
เริ่มตั้งแต่ท่านทูตนั่งเรือกำปั่นรบกลไฟชื่อแซนแยกซินโต( ใครทราบบ้างคะว่าชื่อภาษาอังกฤษคืออะไร) มาทอดอยู่หลังเต่า( หมายถึงสันดอน) ตรงปากแม่น้ำเจ้าพระยา  แล้วส่งข่าวเข้ามาถึงกรมท่า  ทางสยามก็จัดขุนนางออกไปรับ จัดหาที่พักให้อย่างดี  รอจนได้เวลาแล้วก็ให้ทูตอัญเชิญอักษรสาส์นขึ้นถวาย  
เท่าที่อ่านทางเราก็ต้อนรับอย่างดี สมเกียรติ  ดูจะเป็นไมตรีมากกว่าชาติอื่นๆแถวนี้
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔  แม้ไม่ได้เป็นกวี แต่ก็เป็นนักการทูตที่ฝีปากดีมาก  เจรจารื่นหู ให้เกียรติอีกฝ่าย รู้จักวิธีผูกมิตร ถ่อมตัว อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าท่านไว้พระยศว่าเป็นพระมหากษัตริย์สมมุติเทพ   แต่ก็ทรงเก่งมากอีกอย่างคือไม่เจรจาเสียจนอ่อนน้อมเสียจนกระทบกระเทือนพระเกียรติยศ  ทุกครั้ง เกียรติที่ได้รับหรือการยกย่องอีกฝ่าย ไม่ใช่เป็นส่วนพระองค์ แต่จะทรงใช้คำว่า "กรุงสยาม" ทั้งหมด    เมื่อนึกว่าเป็น ๑๕๐ ปีมาแล้ว นับว่าท่านล้ำสมัยน่าทึ่งทีเดียว

" กรุงสยามมีความยินดีนัก ด้วยได้พบครั้งคราวอันดีเพื่อจะได้เจรจาปราศรัยกับด้วยเมืองใหญ่อันมีอานุภาพมากคือยูไนติศเตศอเมริกา    แลมีความแน่ใจว่าพระราชสาส์นและเครื่องบรรณาการที่ไปด้วยกัน  ท่านจะได้รับด้วยความเห็นแก่ไมตรี  แล้วจะเปิดเผยแก่คนทั้งปวงที่ควรจะได้เห็นในบ้านเมืองของท่าน  เพื่อจะให้เป็นเกียรติยศแก่กรุงสยาม  แลตัวท่านทั้งสองฝ่าย  แลจะได้เก็บไว้ในความเป็นของท่านหรือในที่ผู้ครอบครองบ้านเมืองสืบไป  เป็นเครื่องหมายของความรักใคร่โดยไมตรีที่มีในระหว่างของแผ่นดินสยามและยูไนติศเตศอเมริกา…"
แล้วทรงขอว่า
" เมื่อเวลาไรๆลางทีหากจะมีถ้อยความเกี่ยวข้องต้องข่มขู่ แต่อำนาจในทะเลใหญ่อันใดอันหนึ่งที่จะมีมาแต่บ้านเมืองใหญ่ๆอันอื่นที่มีอำนาจมาก   ขออย่าได้เพิกเฉยละเลยเสียไม่เอาธุระ  หรืออย่างหนึ่งเมื่อใดมีผู้ไปฟ้องกล่าวโทษผู้ครองข้างสยามอย่างใดอย่างหนึ่ง  ก็ขอให้ไถ่ถามแลพิจารณาพิพากษาโดยยุติธรรมที่เที่ยงถ่องแท้"
คุณนกข.จะตีความว่าอย่างไรต้องรออ่าน   แต่ดิฉันตีความว่า ท่านเข้าใจหลัก balance of power   ทรงเอ่ยถึงบ้านเมืองใหญ่อื่นๆในที่นี้ก็พวกล่าอาณานิคมทั้งหลายที่ทรงไม่ไว้ใจอยู่เหมือนกัน
นอกจากนี้ก็ทรงออกตัวให้ชาวสยามด้วยกันอย่างน่ารักมาก  เหมือนพ่อออกตัวชิงดุลูกเสียก่อนจะให้ครูลงโทษ
" อนึ่งชาวสยามประเทศนี้  ย่อมเป็นคนกึ่งดีกึ่งร้ายตลอดมาหลายชั่วอายุ  โง่เขลามากมายด้วยกัน   ไม่รู้จักอย่างธรรมเนียมที่ดี  เมื่อมาสมคบค้าขายกับชาวอเมริกันแลชาวประเทศอื่นที่มีขนบธรรมเนียมบ้านเมืองผิดกัน  เกลือกบางจำพวกจะเข้าใจผิดแล้ว  จะพูดผิดๆ ทำผิดๆไปบ้างก็ถ้าการอันนั้นไม่เป็นการอันใหญ่โตสำคัญนัก  กรุงสยามปรารถนาขอให้ผู้ครองเมืองท่านจงอดโทษเสียๆบ้างโดยสมควรด้วย  "
เล่าเสียยาว  อ่านแล้วชอบค่ะเลยเอามาเผื่อให้ทั่ว
ส่วนฉบับที่ ๒  พ.ศ. ๒๔๐๓ (ค.ศ.๑๘๖๐) ทรงตอบรับสาส์นจากประธานาธิบดี " เยมบุกขแนนปริไสเดนด์"( President James Buchanan)
ฉบับที่ ๓  ปีเดียวกันตอบรับบรรณาการและสาส์น
ฉบับที่ ๔ พระราชทานของแลช้างไปอเมริกา
ไม่ได้ทรงระบุว่าให้เอาไปทำสงคราม  แต่ทรงทราบความว่าอเมริกาไม่มีช้าง    แต่ว่ามีอูฐที่ซื้อไปจากตะวันออก  ถ้าหากว่าหาที่ๆเหมาะได้ช้างก็แพร่พันธุ์เป็นประโยชน์ได้หลายอย่าง  ทรงอธิบายว่า
" มีกำลังจะได้บรรทุกแลเดินทางบุกป่ารกป่าชัฏไปได้ในเวลาที่ประสงค์ไปในทางที่มีทางใหญ่ของรถของเกวียนยังไม่ได้ทำ"
ทรงขอให้ทางอเมริกาจัดหาเรือกำปั่นและหญ้าแห้งมาบรรทุกช้างเอาไปเอง กับจัดหาถิ่นที่อยู่ที่เหมาะสมให้ด้วย    ส่วนจะว่าอย่างไรก็ขอให้ตอบมา
ยังไม่พบสาส์นประธานาธิบดีว่าตอบปฏิเสธยังไง  ไม่มีหลักฐานว่าไทยเราส่งช้างไปในรัชกาลนั้นหรือรัชกาลไหนค่ะ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ม.ค. 01, 20:53
ใช่แล้วครับ ประธานาธิบดีบูแคแนน ที่  ร.4 ทรงมีพระราชสาสน์ไปพระราชทาน แต่ว่าคนที่มีหนังสือตอบขอบใจไทยมา (แต่ไม่เอาช้าง บอกเหตุผลมาด้วยว่าเพราะสหรัฐฯ มีเครื่องจักรไอน้ำใช้อยู่แล้ว) นั้น คือลินคอล์น
ภาษาอังกฤษของ ร.4 นั้น พูดได้คำเดียวว่าน่าทึ่งครับ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่าทรงพระอุตสาหะเรียนด้วยพระองค์เอาเอง โดยทรงศึกษาไปพร้อมๆ กับภาษาละติน บางทีรูปประโยคจึงฟังแปลกๆ บ้างในภาษาอังกฤษ (ที่อีตายูล บรินเน่อร์เอามาล้อ... ผมอยากจะเชื่อว่า ภาษาอังกฤษของ ร.4 ที่ฝรั่งฟังดูแล้วว่าตลกนั้น อย่างน้อยดีกว่าภาษาไทยของลินคอล์นมากนักหนา เพราะลินคอล์นไม่รู้ภาษาไทยเลย)  แต่ถึงจะมีสำนวนส่วนพระองค์ที่เราฟังไม่คุ้นหู ก็ฟังเข้าใจได้ดีโดยตลอด
เทาว์เซน แฮริสเป็นทูตอเมริกันหลังเอดมันด์ รอเบิตครับ รอเบิตเข้ามาตั้งแต่รัชกาลก่อน คือ ร. 3 ให้ผมเดา เรือกำปั่นของท่านทูตน่าจะเป็นเรือชื่อสเปน ซาน จาซินโต San Jacinto (ออกเสียงจริงๆ เป็นสเปนยังไงก็ไม่ทราบ - ฮาซินโต?)
พระราชดำรัสประวัติศาสตร์ของในหลวงองค์ปัจจุบันต่อสภาคองเกรส เมื่อเสด็จเยือนอเมริกาอย่างเป็นทางการรระดับรัฐ ปี 2503 ก็ท้าวท้าวความถึงเรื่องที่พระเจ้าทวด  ร.4 ทรงเสนอจะให้ช้างแก่อเมริกาด้วย


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ม.ค. 01, 21:36
ที่แสดงถึงพระอัจริยภาพที่กล่าวได้ว่า ในหลวงองค์ปัจจุบันทรงรับสืบมาแต่พระบรมราชปิตามไหยิกา (- แปลว่าทวดรึเปล่านะ - คือ ร.4 น่ะครับ) ก็คือว่า ในพระราชดำรัสต่อคองเกรสองค์นั้น ในหลวง ร.9 ทรงกล่าวถึงข้อเสนอของ ร.4 ที่จะให้ช้าง ทรงอ้างถึงทำไม ตรงนี้ต้องเข้าใจว่าในปี 2503 สงครามเย็นกำลังเข้มข้น รัฐบาลไทยเดินโยบายกอดคอกับอเมริกันล่มหัวจมท้ายกันต้านคอมมิวนิสต์ แล้วก็แบมือรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหารจากอเมริกันอย่างเต็มที่ อเมริกาก็ทุ่มให้เราเยอะ และอาจจะมีบางอเมริกันรู้สึกไปก็ได้กระมัง ว่า เขาให้ความช่วยเหลือเราเยอะแยะขนาดที่เรียกว่า ซื้อประเทศไทยไว้ด้วยความช่วยเหลือ (และผมว่า ทางฝ่ายไทยก็อาจจะมีคนไทยบางคนด้วยกระมัง ที่รับความช่วยเหลือจากอเมริกันมากๆๆๆ จนเผลอหลงนึกไปว่าอเมริกาเป็นเทวดาไป)
ในหลวงรัชกาลนี้ทรงรงมีพระราชดำรัสขอบใจอเมริกาที่ช่วยเรา แต่ทรงย้ำว่า ทรงเข้าใจว่านี่เป็นความช่วยเหลือระหว่างเพื่อนต่อเพื่อน เพื่อนที่ให้ความช่วยเหลือกันโดยน้ำใจไมตรี และโดยมีฐานะเสมอกัน (ไม่ใช่นายโยนกระดูกให้หมา - อันนี้ผมว่าเอง) และไทยหวังว่า สักวันเราจะสามารถพัฒนาตนเองได้จนเพื่อนไม่ต้องช่วยเราอีกต่อไป (ไม่ใช่แบมือขอไม่มีที่สิ้นสุด)
ทรงท้าวความถึง ร.4 และข้อเสนอของพระองค์ว่า พระราชประสงค์ของ ร.4 นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าทรงต้องการจะเสนอให้เพื่อนของพระองค์ในสิ่งที่เพื่อนยังขาดอยู่ เท่านั้นเอง
พระราชดำรัสองค์นี้เป็นพระราชดำรัสประวัติศาสตร์ และฝรั่งที่ได้ฟังก็ชอบใจกันมากถึงกับถวายพระเกียรติยศโดยลุกขึ้นปรบมือถวายเมื่อตรัสจบ และผมว่า รัฐบาลสมัยต่อๆ มาน่าจะรับใส่เกล้าฯ ไปพิจารณาด้วย


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 23 ม.ค. 01, 03:24
ผมเคยเห็นว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราเรียกสหรัฐว่า
สหปาลีรัฐอเมริกา
มีใครทราบมั้ยครับว่า ใช้กันช่วงไหน และ ทำไมเลิกใช้เสีย


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 23 ม.ค. 01, 04:48
ต้องขอบคุณ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนด้วยครับ
ที่มาช่วยตอบ อย่างที่บอก ผมไม่ได้เชื่อเรื่อง ว่า แอนนา จะมีอิทธิพลกับ กษัตริย์ของเราหรือไม่ แต่ผมพอได้ดูแล้วก็เกิดความสงสัย อยากหาข้อมูล คิดว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยว
วอชิงตัน ดีซี อีกสักครั้ง ผมคงจะไปที่
Smithsonian แล้ว ลองไปขอดูว่า ทางอเมริกัน เค้าจะเก็บหรือบันทึกจดหมายเหตุ ที่ติดต่อกับประเทศเราไว้บ้างหรือเปล่า
ผมคิดว่า นิยายอิงประวัติศาสตร์นั้นเป็นทางนึงที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ สนใจประวัติศาสตร์ได้นะครับ เพราะในรูปแบบการเรียน หรือค้นคว้าตำราอย่างเดียว คงยากที่จะทำให้หลายคนสนใจ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 23 ม.ค. 01, 08:20
มาขยายความนิดหนึ่ง
ที่ผมบอกว่าไทยเราคบกับอเมริกามาตั้งแต่สมัยสุโขทัยนั้นเป็นมุขนะครับ น้องๆอย่าถือเป็นจริงเป็นจัง ผมเอามาจากตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ที่มีการเอ่ยถึงประเพณีลอยกระทงน่ะครับ ในนั้นมีคนจับพิรุธไว้หลายอย่าง เรื่องการเอ่ยถึงอเมริกา (ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอย่างที่คุณนกข.ว่า คือ เพิ่งจะตั้งประเทศในยุคสมัยเดียวกับกรุงรัตนโกสินทร์) การเอ่ยถึงปืนใหญ่(ซึ่งเพิ่งจะมีก่อนเสียกรุงครั้งแรกสักร้อยปีเห็นจะได้) สมมติฐานในยุคหลังจึงเชื่อว่าแต่งในต้นรัตนโกสินทร์นี่เอง โดยอาจเป็นพระราชนิพนธ์ในร.๓ด้วยซ้ำ
น้องๆอย่าเอาแต่ตลกเยี่ยงอย่างผมนะครับ แฮ่ แฮ่


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 23 ม.ค. 01, 16:09
นอกจากใช้ชื่อว่า "สหปาลีรัฐอเมริกา" แล้ว ยังเปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่นๆด้วยครับ
อักษรย่อก็แตกต่างกันไป ผมเคยอ่านเจอในต่วยตูน แต่ตอนนี้ความจำเลอะเลือน
เต็มที ที่แน่ๆ ในช่วง พ.ศ.๒๔๖๕ ยังใช้ชื่อ สหปาลีรัฐอเมริกาอยู่ครับ
เพราะช่วงนั้นกรุงสยามได้ทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับอเมริกา ก็ยังระบุ
ชื่อประเทศว่า สหปาลีรัฐอเมริกา


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 23 ม.ค. 01, 17:29
สหรัฐอเมริกา เป็น "ศัพท์ท่านวรรณ" คำหนึ่งในหลายๆๆๆๆๆ คำที่พระองค์วรรณฯ ทรงบัญญัติขึ้นครับ
ก่อนนั้น ร.6 ทรงบัญญัติให้ใช้ว่า สหปาลีรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ แล้วใครอีก กรมพระสมมติฯ ทรงบัญญัติเสนอไว้ว่า สหการีรัฐอเมริกา บ้าง สหกรณรัฐ (สะ-หะ-ก-ะระ-นะ-รัด..)อเมริกาบ้าง เจ้านายอีกพระองค์หนึ่งซึ่งผมจำไม่ได้ว่าใคร ทรงเสนอให้ใช้ ประเทศรวมแห่งอเมริกา เลย ง่ายๆ ดี รายละเอียดมีอยู่ในคำอธิบายศัพท์ที่พระองค์วรรณฯ ท่านทรงเล่าไว้ครับ ของท่านเองนั้น ท่านเสนอคำใหม่คำนี้ หลังรัชสมัย ร.6 แล้ว (ในรัชกาลนั้นทางราชการใช้ตามพระราชนิยม คือ สหปาลีรัฐอเมริกา) ก็ถอดความออกมาจากภาษาอังกฤษตรงๆ ไม่มากไม่น้อยกว่าในภาษาอังกฤษเดิม ย่อว่า ส.ร.อ. เท่ากับ USA เมื่อทรงเสนอคำนี้ ก้เป็นที่ยอมรับใช้กันแพร่หลายทั่วไปทันที อย่างที่ท่านทรงใช้ศัพท์ว่า "ติด"  จึงเลยเป็นอันใช้คำว่า สหรัฐอเมริกา ผมไม่แน่ใจว่าเริ่มใช้มาแต่ครั้งไหน แต่รู้ว่าหลัง ร. 6 ลงมาแล้ว

คุณแจ้งครับ ช่วยแปลคำว่า Banana Republic เป็นภาษาไทยทีครับ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 23 ม.ค. 01, 22:36
คุณ นกข.ลองภูมิผมเล่นเสียแล้ว ผมเองภาษาอังกฤษนั้นอ่อนเอามากๆ
แต่ตอนนี้ก็อาศัยเรียนด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ  Banana Republic
ถ้าผมแปลเป็นไทยคงยากครับ แต่จะเปลี่ยนให้เป็นคำจำกัดความก็จะได้ว่า
 "ประเทศไทย"เมื่อก่อนเลือกตั้ง"  จะรุนแรงหรือให้ร้ายประเทศเกินไปมั้ยครับ
 เพราะว่าน่าจะครอบคลุมความหมายของ Banana Republic ได้เกือบทั้งหมด


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: ด.เด็ก ที่ 10 ก.พ. 01, 05:14
Bannana Republicเคยมีผู้เรียกว่า สาธารณรัฐกล้วย หรือไง ผมชักเลือนๆเสียแล้ว จำได้ว่า ประเทศนี้อยู่ใต้สหรัฐฯลงมาแถบอเมริกากลางหรืออเมริกาใต้ แต่ที่แน่ๆคือรายได้หลักของประเทศนี้คือ กล้วยส่งออก ทำเงินให้ประเทศ แต่ผมว่า กล้วยที่อร่อยที่สุดในโลก คือ กล้วยหอมทอง ที่ปลูกแถวเพชรบุรี ส่งไปขายที่ญี่ปุ่น เพราะมีทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่๒ ที่เข้ามาอยู่ที่นั่นติดอกติดใจในรสชาติ และแนะนำคนไทยให้ส่งไปขายเรื่อยมาครับ......


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 10 ก.พ. 01, 12:32
Banana Replublic น่าจะแปลได้หลายอย่างครับ เช่น
๑. ประเทศที่ปลูกกล้วย (อาจรวมถึงพืชอย่างอื่นด้วย)แล้วได้ผลผลิตดี สามารถส่งเป็นสินค้าออกได้
เหมือนที่คุณ ด.เด็ก อธิบายไว้ แต่ดูเหมือนจะแปลตรงไปหน่อยครับ
๒. ประเทศที่ด้อยพัฒนา ล้าหลัง
๓. เป็นคำดูถูกประเทศเล็กๆ ที่มีรัฐบาลด้อยประสิทธิภาพ  ต้องบากหน้าไปขอกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ

ผมลองถามเพื่อนที่เป็นอเมริกันดูแล้ว น้ำหนักจะไปตกอยู่ที่ข้อ ๒,๓ มากกว่าข้อ ๑ ครับ คงต้องรอให้
คุณ นกข.มาเฉลยอีกที ว่าข้อใดจะตรงใจที่สุด


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 11 ก.พ. 01, 01:55
ถ้าเลขาธิการสมาคมชาวสวนกล้วยว่าเองแล้ว ผมจะกล้าไม่เชื่อได้ยังไงครับ

ผมเข้าใจว่าบาบาน่ารีพับลิก ที่ใช้กันอยู่ มีความหมายใกล้เคียงกับที่คุณแจ้งว่าแหละครับ สื่อไปทางระบบการเมืองการบริหารที่มั่วๆ ส่งเดช ไม่เป็นโล้เป็นพายด้วย แต่ประวัติความเป็นมาของศัพท์ ไม่ทราบเหมือนกัน

และยังไม่เห็นมีคำแปลไทยที่เหมาะใจ จะว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือก็ยังไม่สะใจพอ-


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: สะใภ้จ้าว ที่ 11 พ.ค. 06, 23:48
คือว่าผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม มาอ่ะครับ แล้วไปค้นหากระทู้เก่าๆ เลยขุดขึ้นมา คงไม่ว่าอะไรนะครับ

ที่ว่า แอนนาในเรื่องนั้น ดูเหมือนไม่ค่อยจะเป็นไปตามจริงสักเท่าไหร่ เพราะในเรื่องดูเหมือนว่า จะทำให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แล้วที่ว่าภาพยนตร์เรื่อง Anna and The King นั้น ผมก็เคยอ่านบทความเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงสักเท่าไหร่ เพราะผมยังไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกัน เค้าเล่าว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้บิดเบือนความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ไปหลายประการ และที่สำคัญในเรื่องนี้ก็เหมือนกับจะอธิบายให้รู้ว่า ถ้าไม่มีแอนนาประเทศสยามก็คงตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง ...ผมก็ไม่ทราบแน่ใจนักว่า แอนนาเธอจะกุเรื่องออกมาทำไม ในเมื่อมันไม่เป็นความจริง แล้วอีกอย่างนึงก็คือ แอนนาในเรื่องที่ผมอ่านมานั้น เธอยังบอกว่า เธอเป็นผู้ปรานีต่อทุกคน มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี อยากให้ทุกคนลองไปอ่านเรื่องนี้ดูนะครับ "Anna and The King of Siam" ถ้าคุณมีความคิดเห็นอย่างไร ก็มาคุยกันในกระทู้นี้นะครับ ส่วนรูปที่ใส่มาข้างล่างนี้ ก็คือรูปของ นางแอนนา เลียวโนเวนส์ ครูอังกฤษผู้สอนภาษาให้กับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของไทยในสมัยรัชกาลที่ ๔


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 12 พ.ค. 06, 11:10
 การที่คนๆ หนึ่งจะกุเรื่องขึ้นมาทำไม เมื่อมันไม่เป็นความจริง

มีเหตุผลมากมายครับ ที่คนๆ หนึ่งจะกุเรื่องขึ้นมาโดยที่ไม่เป็นความจริง การที่เรื่องหนึ่งไม่เป็นความจริงนั้น ไม่ได้แปลว่าจะเป็นการห้ามไม่ให้คนๆ หนึ่งกุเรื่องขึ้น  

ที่ว่ามานี้ เรายังไม่ได้ลงรายละเอียดเฉพาะเรื่องเลยนะครับว่า ในกรณีแอนนา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เธออาจจะพูดจริงก็ได้พูดเท็จก็ได้ พูดจริงครึ่งเท็จก็ได้ ผมยังไม่ได้ฟันธง ตอนนี้ผมเพียงแต่ตั้งข้อสงสัยเล่นๆ ถึงตรรกะเบื้องต้นเท่านั้น

ว่ากันว่า แต่ไม่ทราบว่ามีหลักฐานแค่ไหน เจ้านายไทยพระองค์หนึ่ง ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าใคร อดีตศิษย์ครูแอนนา เมื่อทรงโตขึ้นแล้วได้ทรงเรื่องหนังสือของครู และมีพระหัตถเลขาทรงต่อว่าไปว่าทำไมครูเขียนอะไรเลอะเทอะยังงั้นเล่า? ครูแอนนาก็ทูลว่า การเขียนเป็นนิยายก็ต้องใส่สีตีไข่บ้าง ไม่ยังงั้นขายหนังสือไม่ออก

ผมเองเคยได้ยินเรื่องที่ว่านี้ อาจจะมีท่านผู้อื่นที่มีหลักฐานเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้ หรืออาจจะเป็นเรื่องไม่จริงก็ได้ แต่อย่างน้อยเรามีสมมติฐาน (รอการพิสูจน์) 1 ข้อแล้วที่ถามว่าครูแอนนาเธอจะโกหกทำไม ตอบว่า เป็นไปได้ว่าเธอจะโกหกเพื่อให้หนังสือขายได้ คำตอบนี้จะผิดจะถูกก็เป็นอีกเรื่อง แต่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมยกตัวอย่างขึ้นแสดงให้เห็นว่า ครูแอนนาเธอสามารถโกหกได้ เท่านั้นเอง

บางเรื่องเธอก็อาจไม่ได้โกหก แต่เข้าใจผิด ก็เป็นไปได้อีกนั่นแหละ

ว่าเฉพาะเรื่องตรรกะล้วนๆ อีกนิด ผมออกนึกถึง circular reasoning หรือ tautology ซึ่งวิชาตรรกวิทยาว่าเป็นการอ้างเหตุผลพลาด ว่า "ครูแอนนาจะโกหกทำไม เมื่อครูแอนนาเธอบอกเองว่าเธอไม่โกหก เธอเป็นคนดี มีเมตตา..."

ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ก็เพราะตัวครูแอนนาเธอบอกว่ายังงั้นไว้เองน่ะสิครับ จึงใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนว่าเธอไม่โกหก ไม่ได้ เพราะเท่ากับบอกว่า เหตุผลที่เราเชื่อว่าครูแหม่มไม่โกหก เป็นคนดี เพราะครูแหม่มบอกว่าแกไม่โกหก แกเป็นคนดี ซ.ต.พ. QED ซึ่งสำหรับผมมันไม่ ซตพ. ครับ

แต่ถ้าหากมีหลักฐานอื่นที่เป็นอิสระจากครูแอนนาเอง พูดถึงครูแหม่มไว้ เช่นสมมติว่าหมอปลัดเลคนร่วมสมัยกับครูเอ่ยถึงครูไว้ด้วย ก็น่าเอามาใช้ประกอบการพิจารณาได้


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ค. 06, 16:56
 ตอบคุณสะใภ้จ้าว

ขอให้เข้าใจว่าเรื่องที่แอนนาเขียน กับประวัติของแอนนาขณะมาทำงานในสยามมันคนละเรื่องกันนะคะ
พียงแต่ใช้ชื่อนางเอกคนเดียวกัน    กล่าวถึงสมเด็จพระจอมเกล้าฯเหมือนกัน
แต่เนื้อเรื่องอีกมากที่ใส่สีใส่ไข่ระบายความเท็จ  

ตอนชรา แอนนาไปอยู่ในอเมริกา เขียนเรื่องสั้นขาย เลี้ยงชีพ
เธอก็เอาประสบการณ์ในสยามเป็นพื้นหลังมาเขียนให้โลดโผนถูกใจคนอ่านซึ่งไม่มีความรู้เรื่องตะวันออก
ชื่อ Romance of the Harem กับ  A English Governess in the Court of Siam
คนอ่านสนุกกันมาก ว่าตื่นเต้นแปลกตาดี

ต่อมา มากาเร็ต แลนดอน เอาสองเรื่องนี้มาเป็นภูมิหลังในการเขียน "นิยาย" ชื่อ Anna and The King of Siam
ไม่ใช่ตัวแอนนาเขียนถึงชีวประวัติตัวเองนะคะ

ขอให้เตือนใจตัวเองว่ามันนิยายค่ะ   นิยาย  ย้ำ

มีฝรั่งเขาวิเคราะห์ข้อจริงข้อเท็จในเรื่องนี้ไว้แล้ว  ลองใช้ google ค้นดูก็จะเจอ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ค. 06, 09:17
 ไปหามาให้แล้ว  แต่คุณต้องแปลเอาเองค่ะ


 http://www.thaistudents.com/kingandi/owens.html



The Truth About Anna Leonowens



Anna Leonowens is world famous as the governess in the Court of Siam due to the popularity of the musical The King and I.

Many people believed that they were watching a true story. Not only regarding the antics of the King but also the importance of Anna in the court.

The film, starring Yul Brynner, so insulted the Thai people, that it was banned from being shown in Thailand on grounds of historical and cultural distortions.

Now, a remake of the movie is being filmed.

Can Hollywood make amends for past misdeeds or will history repeat itself? (PICTURE: King Mongkut)



It proved easy for historians to demolish Anna as a trustworthy historian because both her books are filled with glaring errors.

Even the title of the most famous is inaccurate for, as King Mongkut's correspondence makes clear, she was hired not as a governess, which implies a broad range of duties, but merely as a teacher of English.

In the text she makes elementary blunders regarding Thailand's past, offers an explanation of Buddhism that is either hopelessly confused or shamelessly lifted from other writers, and identifies a picture of Prince Chulalongkorn (her most prominent student) as that being of a princess.

Though she claims to have spoken fluent Thai, most of her the examples she offers are incomprehensible even with all possible allowances made for clumsy transliterations.



Her worst errors occur in The Romance of the Harem, when, one historian suggests, "her store of pertinent facts were running low."

In this she claims that the King threw wives who displeased him into underground dungeons below the Grand Palace and, most horrific, that he ordered the public tourture and burning of the consort and a monk with whom she had fallen in love, a spectacle Anna claims to have witnessed with her own eyes.



But there were no underground dungeons at the Grand Palace or anywhere else in Bangkok, and there could not have been in that watery soil. Nor was there any public burning, or, if there was, it escaped the attention of every other foreign resident, many of whom also wrote accounts of the same period.

Anna simply invented such tales, perhaps to add some spice to what would otherwise have been a rather tepid work, just as she also exaggerated her own influence.



New light has thrown doubt on the authenticity of not only the story but also of Anna's background.

 

ฯลฯ


กระทู้: จากเรื่อง Anna and The Kings ครับ
เริ่มกระทู้โดย: นพณัฐ ที่ 28 พ.ย. 06, 11:27
banana republic is the brand of clothes?