เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 195 เมื่อ 15 ก.ย. 10, 20:23
|
|
ถามเองแล้วก็ตอบเองว่าไม่น่าใช่ ท่านคงไม่อยู่มาจนพ.ศ. 2503 แน่ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Agonath
อสุรผัด
ตอบ: 32
|
ความคิดเห็นที่ 196 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 00:50
|
|
เข้ามาอ่าน หลังจากที่ไม่ได้เยี่ยมชมมานานนะครับ ขอแจมด้วยคน ถ้าเกี่ยวข้องกับชาวเบลเยี่ยม ขอตอบว่า 2 ถนนนะครับ ถนนวรจักรและถนนจักรวรรดิ เพราะมี แยกเอสเอบี โดยได้ชื่อมาจากบริษัทเอสเอบีของฝรั่งชาติเบลเยียม ( ฝรั่งที่เห็นนั้นใบ้ว่าเป็นชาวเบลเยี่ยม ) พอจะเข้าเค้าบ้างหรือเปล่าครับ พรุ่งนี้มาดูคำตอบนะครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 197 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:08
|
|
คุณร่วมฤดี หายไข้ไวๆนะครับ
อยากเห็นสิ่งนี้ชัดๆ จังเลยครับว่ามันคืออะไร ช่วยสแกนงามๆ ให้ชมได้ไหมเอ่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 198 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:21
|
|
คุณ Siamese คะ ตรงที่วงไว้หนูก็ไม่รู้อ่ะค่ะว่าคืออะไร
แหม รอหัวหน้าแก๊งค์ย่อยหินมาตอบ ก็ไม่เห็นมา หรือจะติดหวัดไปอีกคนกระมัง
จะเฉลยแล้วนะคะ ลุง Srisiam ตื่นหรือยังคะลุง...........ลุงเก่งมาก ๆ ที่อ่านด้านหลังรูปได้ด้วย โห..ไร้เทียมทาน
อาจารย์ Navarat และ อาจารย์เทาชมพูด้วยค่ะ เชิญขึ้นมาดื่มกาแฟแกล้มปาท่องโก๋ด่วนเจ้าค่ะ
มีคนตอบถูกแล้ว 2 ท่าน จะยังไม่บอกชื่อนะคะ แต่จะพิมพ์คำบรรยายภาพให้ดูเดี๋ยวนี้แหละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 199 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:28
|
|
คำเฉลย : ขอพิมพ์ตามคำบรรยายภาพก่อนนะคะ แล้วค่อยมาว่ากันในรายละเอียด(มีหลายชั้น)
“บ้านพักที่ปรึกษาชาวต่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสระประทุม(ปัจจุบัน คือ บำรุงเมือง)”
ที่มาของภาพ จากหนังสือชื่อ ;
Au Siam: Journal de Vayage de M. et Mme. E’mile Jottrand หนังสือนี้ต่อมาได้รับการแปลโดย Walter E.J.Tips, (Bangkok: White Lotus).
อย่าตกใจนะคะ หนูไม่มีเล่มที่ว่านี้หรอกค่ะ ซ้ำร้าย อ่านภาษาต่างด้าวไม่ออกด้วย แต่เขาอ้างอย่างนี้ ในหนังสือภาษาไทย ชื่อ "พระบิดาแห่งกฏหมายบไทย" เรียบเรียงโดย นิกร ทัสสโรค่ะ
เป็นไงค่ะ คำเฉลย อ่านแล้วงงไหมคะ หนูละก้องงเป็นไก่ตาแตกเชียว ทำให้ต้องไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มว่า 1.ทำไมเขาเรียกชื่อถนนเช่นนั้น 2. บ้านในรูปน่าจะอยู่ช่วงไหนของถนน
พอจะได้เค้าบ้างก็เฉพาะข้อ 1 แต่ข้อ 2 จนปัญญาจริง ๆ จึงแบกเอามาให้แก๊งค์ย่อยหินช่วยกันหาต่อ เหมือน หาบ้าน 2 หลังบนถนนเจริญกรุงนั่นละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 200 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:33
|
|
อธิบายเพิ่ม (จากการค้นคว้าเอาเอง คิดเดาเอง)
หลังจาก ร.4 ตัดถนนบำรุงเมืองในปี พ.ศ.2407 แล้ว ได้มีการปลูกห้องแถวเต็มไปตลอดแนวถนน (ดังนั้น บ้านในภาพ ไม่ได้อยู่บนถนนบำรุงเมืองแน่นอน ไม่มีที่จะแทรกได้เลย)
ถนนบำรุงเมือง เริ่มจากเชิงสะพานช้างโรงสี ไปสุดที่สะพาน ยศเส ริมคลองผดุงกรุงเกษม(แค่นี้เท่านั้น)
ต่อมาได้มีการตัดถนนต่อจากสะพานยศเสไปทางสระประทุม เมื่อแรกสร้าง เรียกกันว่า ถนนสระประทุมบ้าง ถนนปทุมวันบ้าง หรือ เรียกผิดเป็นบำรุงเมืองก็มี
นี่คือสาเหตุที่เจ้าของภาพซึ่งเป็นฝรั่งเข้าใจผิดว่า ถนนสระประทุม คือ บำรุงเมือง แท้จริงแล้ว ชื่อในเวลานั้น คือ ถนนปทุมวัน
เนื่องจากถนนนี้ เป็นเส้นทางเดินทัพกลับจากศึกเขมรของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(รัชกาลที่ 1) ต่อมา รัชกาลที่ 6 ทรงเปลี่ยนชื่อถนนปทุมวัน เป็น ถนนพระราม 1 และเรียกสะพานยศเสว่า สะพานกษัตริย์ศึกเพื่อเฉลิมพระเกียรติ์รัชกาลที่ 1
ดังนั้น ใครที่ตอบว่า ถนนพระราม1 ............ไปรับรางวัลจากอาจารย์เทาชมพูได้เลยค่ะ เก่งมาก ๆ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กับคุณ Siamese ที่สังเกตุได้แม้แต่หญ้าบนถนนว่า คงไม่มีรถวิ่งเท่าไร หญ้าจึงยาว
เพราะ.....เมื่อแรกสร้าง ทรงต้องการขยายเมืองออกไปทางตะวันออก และ สร้างบ้านพักที่ปรึกษาชาวต่างประเทศไว้นอกคูเมือง(คลองผดุงกรุงเกษม) ในเมื่อเป็นถนนใหม่ จึงตัดให้กว้างกว่าบำรุงเมือง เป็นถนนดินบดแน่น เตรียมพร้อมจะให้รถวิ่ง แต่กลับไม่มีใครใช้ เพราะรถยนต์ในสมัยที่ถนนในภาพสร้างเสร็จ มีไม่กี่คัน คนยังเดินทางกันด้วยคลองเป็นส่วนใหญ่
จึงได้เห็นถนนเงียบ ๆ มีหญ้าขึ้น และ...555...ไม่มีโรงรถหรอกค่ะ...มีแต่รถม้า รถลาก ดังในรูปเท่านั้น และ คงจะวิ่งมาแถวนี้ ตามคำสั่งให้มารับส่งฝรั่งเท่านั้น เพราะไม่มีใครตั้งบ้านเรือนมาทางนี้ นอกจากวังเจ้านายเท่านั้น
สยามในเวลานั้น คนที่มีรถยนต์ขับคนแรก คือ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งทรงถวายรถคันแรกนั้นให้เป็นรถพระที่นั่งของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 201 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:36
|
|
พวกเราคงจำได้ว่า สมัยรัชกาลที่ 5 เรามีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส และ มีปัญหาเรืองสิทธิสภาพนอกอาณาเขต
ทำให้รัฐบาลไทยต้องจ้างนักกฏหมายมือดีจากต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษา และชาวเบลเยี่ยม ตั้งแต่ พระยาอภัยราชา (Gustave Rolin-Jaequemyns) เป็นต้นมา ล้วนฝีมือดีและทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เป็นที่โปรดปราณมาก จึงได้พระราชทานที่พักชั้นดี อากาศดีๆ ให้ และยังทรงห่วงไปถึงอนามัยของชาวต่างชาติเหล่านี้ โดยเฉพาะน้ำดื่มที่ต้องสะอาด เพราะปรากฏว่า แต่ละท่าน มาได้ไม่นานก็สุขภาพไม่ดี ลาออกและเสียชีวิตในที่สุด บางรายก็ถูกครอบครัวขอร้องให้ลาออกเพือรักษาสุขภาพ(และชีวิต)
เข้าใจว่า บ้านเหล่านี้ น่าจะมีหลายหลัง และชาวต่างชาติไม่น่าจะมีเฉพาะเบลเยี่ยมเท่านั้น อาจจะมี ดร.โตกิจิ มาซาโอะ รวมอยู่ด้วย และ หมอไรเตอร์ก็เข้ามาในช่วงนี้เช่นกัน
สิ่งที่พวกเราไม่รู้กันก็คือ บ้านในภาพ อยู่ช่วงไหนของถนนพระราม 1 ดิฉันเดาว่า น่าจะไม่ไกลจากสะพานกษัตริย์ศึกเท่าไรนัก(นึกแล้วสงสารรถลากรถม้าเวลาวิ่งขึ้นสะพานกษัตริย์ศึกจริง ๆ)
ใครพอจะค้นหลักฐานเพิ่มเติมได้ ขอเรียนเชิญให้มาแบ่งปันความรู้ด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 202 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:41
|
|
จากรูปที่มีฝรั่งนั่งอ่านหนังสือ มีภรรยายืนอยู่ด้วยนั้น ภาพนั้น คือ Mr. E’mile Jottrand
ช๊อตตรองท์ เกิดเมื่อ พ.ศ.2409 ต่อมาเมื่ออายุได้ 32 ปี เจ้าพระยาอภัยราชาและ มร.เกิกปาตริก(ที่ปรึกษาชาวเบลเยี่ยมอีกท่านหนึ่ง) ติดต่อให้มารับราชการเป็นที่ปรึกษากฏหมายในประเทศไทย
ช๊อตตรองท์และภริยา ออกเดินทางจากประเทศเบลเยี่ยมไปโดยสารเรือซักเซนที่ท่าเรือเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2441 โดยได้รับค่าเดินทางจำนวน 120 ปอนด์ เมือมาถึงกรุงเทพฯแล้ว ได้เข้าพักในบ้านหลังที่ชื่อ วิลล่าซูซาน (VillaSuzanre) ซึ่งเป็นบ้านที่ปิแอร์ ออตส์ (Pierre Orts)ัพกอาศัยอยู่ก่อน{คนนี้ก็เป็นที่ปรึกษาอีกท่านที่เจ้าพระยาอภัยราชาชวนมาช่วยกันทำงานก่อนช๊อตตรองท์จะมา}
ช๊อตตรองท์เริ่มทำงานครั้งแรกที่ศาลโปริสภา เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2441 ต่อมาวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2441 ก็ได้ร่วมทำงานกับขุนหลวงพระยาไกรศรี (เปล่ง เวภาระ) ที่ศาลพระราชอาญา ครั้นถึงปี พ.ศ.2442 ก็ได้ย้ายไปทำงานที่ศาลคดีต่างประเทศและที่ศาลอุทธรณ์
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2444 เสด็จในกรมหลวงราชบุรี ทรงมีคำสั่งให้ช็อตตรองท์ไปพิจารณาคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในเขตอนาจศาลมณฑลนครราชสีมา
ช๊อตตรองท์และภริยาบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของชาวไทยในสมัยนั้นไว้มากมายหลายเรือง เป็นต้นว่า เรื่องภูมิประเทศ ภูมิอากาศ พระมหากษัตริย์ ราชสำนัก ช้าราชการ ชาวต่างชาติในประเทศไทย และการพิจารณาคดี
สำนักพิมพ์ Plon-Nourrit ของฝรั่งเศส ได้นำบันทึกเหล่านั้นไปตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ Au Siam: Journal de Vayage de M. et Mme. E’mile Jottrand หนังสือนี้ต่อมาได้รับการแปลโดย Walter E.J.Tips, (Bangkok: White Lotus).
ช๊อตตรองท์และภริยาออกเดินทางจากรุงเทพฯกลับไปประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2445 เวลา 2 นาฬิกา ท่านมีอายุยืนมาก เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนประเทศเบลเยียม ใน พ.ศ.2503 ช๊อตตรองท์ก็ได้รับเชิญให้ร่วมงานเลี้ยงที่ทางการเบลเยี่ยมจัดถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 203 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 07:50
|
|
เพชร ยังเจียรนะไนไม่เสร็จ...เหมือนเฉลยแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง
ที่บอกว่าถนนบำรุงเมือง กับ ถนนปทุมวัน นั้นเชื่อมโยงกันครับ ดูจากการตัดถนนผ่านเมรุปูนวัดสระเกศฯ ยังคงเรียก"ถนนปทุมวัน"
ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อโปรดให้ตัดถนนสระปทุมต่อจากถนนบำรุงเมือง ถนนนี้ผ่านไปในระหว่างกุฎีวัดสระเกศ กับบริเวณเมรุปูน โปรดให้สร้างพลับพลา แลแก้ไขบริเวณเมรุ ให้เข้ากับถนน ให้ทำสะพานแลถนนต่อจากถนนสระปทุม เข้าไปถึงลานบรมบรรพตกด้วยสายหนึ่ง
แสดงว่าถนนปทุมวันผ่านระหว่างกุฏิ และเมรุปูน ก็เรียกกันแล้ว แต่ระยะหลังเรียกถนนบำรุงเมืองไปแล้ว ซึ่งความยาวของถนนปทุมวัน ยาวถึงวัดปทุมวนาราม (แนวสีน้ำเงิน)
ซึ่งคิดว่า บ้านพักชาวต่างชาติไม่ไกลถึงขนาดนั้น
ต่อมาสิ่งที่อยากทราบคือ บ้านพักอยู่ตำบลใด ซึ่งดูจากแนวรั้วยาวสีขาวหลังเป็นแนวต้นไม้ขนาดใหญ่และ สิ่งก่อสร้างน่าสงสัยที่วางไว้กลางถนน คืออะไรกันแน่ ชวนน่าสงสัยยิ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 204 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 08:13
|
|
ข้อมูลและแผนที่คุณ Siamese ดีมากค่ะ น่าคิดจริง ๆ ว่า บ้่านฝรั่งจะอยู่ช่วงไหน
เรียนเชิญท่านผู้มีเกียรติมาร่วมกันย่อยหิน ช้อนลูกน้ำ จนกว่าจะละลายภูเขาน้ำแข็งนี้ลงได้
อาจารย์เทาชมพูขา อาจารย์จะเลี้ยงอะไรคะ นี่ใกล้จะถึง ค.ค.ห.ที่ 999 เต็มทีแล้ว มาดูกันว่า ใครจะPost ค.ค.ห.มาเข้าวินที่เลขสวย ๆ กันดีกว่า
วันนี้จะนั่งดูอย่างเดียว ไม่ Scan อะไรอีกแล้วค่ะ มีคนอ่านได้แม้แต่ยี่ห้อเครื่อง Scan และเวลาที่ Scan
จอมยุทธทั้งนั้นเลยที่นี่ น่าเกรงขามมาก ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
srisiam
|
ความคิดเห็นที่ 205 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 08:39
|
|
ตื่นแล้วจ้า............ตื่นตากับคำเฉลยที่ให้ความรู้มากมาย... ขอบคุณท่านหัวหน้าแก๊งค์....(หายป่วยแล้วยังครับ) ไงๆช่วยสแกนหลังภาพให้เห็นข้อความหน่อยดิ............ จำได้ว่าเคยพบในหนังสือศิลปวัฒนธรรม- วังของกรมหมื่นพิทยลาภฯที่หลงเหลืออยู่ในสภาพทรุดโทรมก็อยู่แถวนี้ด้วย.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 206 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 09:03
|
|
ต้องทำตามลุง Srisiam ขอร้องหน่อย เพราะท่านมากความสามารถเหลือเกิน อ่านหนังสือ ด้านหลังออกเสียด้วย หนังสืออ้างอิงเหล่านี้ น่าจะเป็นแหล่งข้อมูลในการค้นหาตำแหน่งแห่งที่ของ Villa Suzanre ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 207 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 09:20
|
|
แถมให้อีกรูปสำหรับคนที่คิดถึงหมอไรเตอร์ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 208 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 09:34
|
|
ดูรูปรถยนต์สมัยนั้นสิคะ ไม่น่าจะมีกำลังข้ามสะพานกษัตริย์ศึกไหวนะคะ อาจจะเป็นอย่างคุณ Siamese ว่าก็ได้ บ้านน่าจะอยู่บนถนนบำรุงเมืองจริง ๆ ไม่น่าจะไกลข้ามคลองผดุงกรุงเกษมมา
สมัยหนูหัดขับรถเป็นใหม่ ๆ กลัวสะพานกษัตริย์ศึกนี้เป็นที่สุด เลี้ยงเกียร์เลี้ยงคลัชจนขาสั่น ยังไม่วายทำรถไหลถอยหลังลงมาได้
เคยอ่านในหนังสือของขุนวิจิตรมาตรา เล่าเรื่องกรุงเทพสมัยก่อนว่า เวลารถม้า รถเจ็กจะข้ามสะพานพุทธ ผู้โดยสารจะลงมาช่วยเข็ญรถให้ขึ้นสะพานอีกแรงหนึ่ง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
และเมื่อหลายปีก่อน ดิฉันเคยพาฝรั่งนั่งรถไปด้วยกัน รถติดมากแถวถนนสาทรตอนเช้า ปรากฏว่ารถเมล์เสีย แล้วผู้โดยสารชาวไทยใจดี ต่างพากันลงจากรถเมล์ มาช่วยคนขับรถเข็ญรถหลบไปข้างทาง แล้วกลับมายืนรอคันใหม่อย่างอดทน
ฝรั่งร้องว่า Amazing ๆ ๆ ๆ ๆ หากเป็นบ้านเมืองเขา ผู้โดยสารนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังจะฟ้องรถเมล์เรียกค่าเสียหายที่ไปทำงานไม่ทันได้ด้วย
เล่าสู่กันฟังค่ะ ประเทศไทยใจดี สยามเมืองยิ้ม วันนี้ จะมีเหลืออีกไหมไม่ทราบ แต่ที่เรือนไทยนี่ มีนำ้ใจเต็มเปี่ยมนะคะทุกท่าน
เช่น อ.เทาชมพูไม่เคยลืมแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น ใส่น้ำผึ้งผสมมะนาว แก้หวัดเจ็บคอได้อย่างดี กราบขอบพระคุณค่ะ (....หาเรื่องลากยาว ๆ ให้ไปถึง 999....จะรอดูว่าใครเข้าวิน)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
djkob
อสุรผัด
ตอบ: 34
|
ความคิดเห็นที่ 209 เมื่อ 16 ก.ย. 10, 10:28
|
|
ถ้ายาหมอแผนปัจจุบันทานแล้วไม่หายสักที ขออนุญาตแนะนำท่านอาจารย์ร่วมฤดีให้ลองทาน ฟ้าทะลายโจรค่ะ ขมหน่อยแต่ชะงัดดีนักแล หวานเป็นลม ขมเป็นยา ค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ (เป็นห่วงค่ะ) ตอนนี้หวัด 2009 ระบาดมาถึง 2010 แล้วค่ะ ที่ออฟฟิต เป็นหวัดกันกว่าครึ่งแล้วนะคะ หนึ่งในจำนวนนี้มี 2009 ถึง 2 คนด้วยกัน ด้วยความเคารพรัก ดีเจกบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|