กระทู้: เลิศเลอวงศา...โรมานอฟ ตอนห้า เริ่มกระทู้โดย: WIWANDA ที่ 23 พ.ย. 08, 10:09 ก่อนเข้านอนในคืนนั้น ฉันพบว่ามีแมวดำตัวหนึ่งมานอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ครางครืดๆอยากหาคนเกาหน้าเกาตัวให้เต็มที่ ฉันก็เลยได้มิตรร่วมห้อง นอกเหนือไปจากภาพของนักบุญประจำตัว St. Alexander of Neva ที่นำติดตัวมาด้วย
เสียงเอะอะข้างนอก..ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นในเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ทีแรกก็ยังงงๆอยู่ แต่วินาทีต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่บนเรือรบ..ไม่ใช่ที่วัง รีบลุกไปดูที่ช่องหน้าต่าง..เห็นว่า ท้องทะเลเต็มไปด้วยเรือใหญ่น้อย.. น่าตื่นเต้นเสียจริง..รีบลุกขึ้นจัดแจงเตรียมตัวสำหรับงานของวันนี้ด้วยใจอิ่มเอม งานแรกของกลาสีหน้าใหม่อย่างพวกเรา..คือ ขัดถูดาดฟ้าเรือด้วยหินขัดและทราย ไม่นานดาดฟ้าของเราก็มันวับ..สะอาดเอี่ยมจนไม่กล้าเดิน.. คาเด็ทคนหนึ่งเดินผ่าน..และทำใจกล้าทักทายมาว่า "สวัสดีครับ..เมื่อคืนนอนหลับดีไหม?" ฉันตอบไปว่า หลับสบายที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทีนี้หมู่คาเด็ทคนอื่นๆเริ่มตีวงเข้ามา..เพราะบัดนี้เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ทุกคนยิงคำถามแบบไม่นับด้วยความกระหายอยากรู้ "ตอนอยู่ที่วัง..ต้องนอนกี่ทุ่ม?" "ที่วัง..มีกี่ห้อง?" "จริงเหรอ..ที่พระองค์จะมาเป็นทหารเรือ?" "เข้าเฝ้าซาร์บ่อยไหม?" "จริงเหรอ..ที่ว่ากันว่าซาร์แข็งแรง มีพลังเหนือมนุษย์?" "จะมีแกรนด์ ดุ๊ค องค์อื่นๆอีกไหม ที่จะมาเป็นทหารเรือ?" พวกเขาตั้งใจฟังคำตอบที่ได้รับในทุกคำถาม และมีทีท่าพอใจที่ทราบว่า แม้แต่องค์รัชทายาทก็ต้องตื่นหกโมงเช้าทุกวัน และฉันเองก็เพิ่งทราบว่า ข่าวมาของฉันสร้างความตื่นเต้นและเป็นเกียรติให้กับทีมกองเรือ Varyag เขาบอกว่า..ตอไปนี้..พวกทหาร(บก) หน่วยรักษาพระองค์จะมาคุยทับเราไม่ได้แล้ว เพราะเราก็มี"เจ้า"เหมือนกัน.. ฉันรู้สึกเขินๆ..และได้แสดงความเสียใจไปว่า เสียดายที่ต้องแยกอยู่และลงไปร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้ พวกเขาเข้าใจในข้อนี้ดี จากนั้นก็มีอีกหลายคำถามตามมา จนกระทั่งแปดโมงเช้าที่เราต้องเตรียมตัวเคารพธงชาติ.. พวกเรายืนเรียงแถวเป็นระเบียบต่อหน้าเสาธง..และท่านผบ. ฉันรู้สึกว่าขนลุกเกรียวไปด้วยความปิติ เลือดรักชาติวิ่งพล่าน ที่เห็นธงของเราถูกเชิญขึ้นเสา ใจประหวัดไปยังข้อความที่สลักไว้บนหลุมฝังศพที่สุสานของสงครามในปี 1845 ระหว่างทหารฝรั่งเศส กับ รัสเซีย ที่ว่า "รวมกันเราอยู่..แยกกันเราตาย" หลังจากเคารพธงแล้ว..งานต่อไปคือ พวกเราต้องแยกกันลงเรือต่างๆที่มารับ เพื่อไปฝึกหัดการแล่นใบและฝีพาย..ที่มีท่านผบ.เฝ้าจับตามอง ชั่วโมงต่อมา..คือ การฝึกหัดควมคุมกระโดง และ ชักใบ ให้ไปตามทิศทาง จนกระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวัน จากนั้นก็ต้องไปทำงานต่ออีกสี่ชั่วโมง เวลาอาหารเย็นคือ หกโมงเย็น สองทุ่ม..ทุกคนต้องเข้านอน ในระหว่างการฝึกงาน..ไม่มีชนชั้น ไม่มีเจ้า..ทุกคนต้องเหมือนกันหมด ความผิดพลาดใดๆก็ตาม จะมีการแจ้งอย่างเปิดเผยต่อหน้าคาเด็ททั้งหมด โดยเฉพาะฉัน..ที่ถูกย้ำเตือนเสมอว่า..ยิ่งเป็นเจ้า..ยิ่งต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งวิธีนี้..ฉันชอบมาก..ฉันเป็นคนเรียนเร็ว เริ่มชินกับการใช้ชีวิตในท้องทะเล และเริ่มสนิทกับเหล่าคาเด็ทร่วมลำ เพียงแต่.. ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นฝั่ง"โดยลำพัง" เพราะเสด็จแม่ขอมากับท่านผบ. เตือนหนักเตือนหนา ที่พระองค์ต้องการแกรนด์ ดุ๊ค คนเดิมกลับไป.. ไม่ใช่ในคราบของกลาสี.. ใจฉันนั้นอยากจะออกไปโลดแล่นกับพวกเขาเสียจริง..ดูท่าทางสนุก ที่พวกเขากลับมาและมีรอยสักติดมาตามตัว..หรือ มีกลิ่นเหล้าโชยติดตัวมา แถมมีเรื่องสนุกๆมาเล่าสู่กันฟัง..บางคนแกล้งถามเพื่อเย้าฉันว่า "เป็นไงท่าน..ไปขึ้นฝั่งมา..สนุกไหม?" พร้อมหลิ่วตา "ก็ไม่ได้ไปไหน..แค่พระอาจารย์พาเดินเล่นนิดหน่อย" "น่าสงสารจริง..พวกเราไปเที่ยวกันหัวหกก้นขวิด..แต่ท่านอย่ารู้เลย.." ก็นั่นแหละ..เหมือนกันเลย..เพราะฉันก็ไม่อนุญาตให้รู้เหมือนกัน ท่านผบ.ได้มีคำสั่งเฉียบขาดให้กับพวกคาเด็ทไว้ว่า..ห้ามเล่าเรื่องที่ไม่สมควรให้ฉันได้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องลามกจกเปรต.. แต่ก็ช่างเถอะ..ฉันอายุตั้งสิบหกแล้ว..พอมีจินตนาการเดาเองได้.. |