เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 09:27



กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 09:27
สืบเนื่องมาจากกระทู้หนึ่งในเรือนไทยค่ะ
....
ที่ตั้งแยกออกมาเพื่อจะเขียนเป็นวิชาการหน่อย ซึ่งต้องใช้ความตั้งใจและพยายามค่ะ เพราะดิฉันมองตัวเองว่า ไม่ค่อยจะเป็นนักวิชาการสักเท่าไหร่
เรื่องนี้ เกี่ยวกับการจินตนาการกลุ่มเป้าหมาย
สมมุตว่า ดิฉันเป็นครีเอทีฟสาว ระดับต้องทำงานระดับกลางๆในเอเจนซี่หนึ่งก็แล้วกัน
ให้ชื่อเอเจนซี่นี้ว่า กุ้งแห้งและพอลตามแนวทางของบริษัทโฆษณาในต่างประเทศก็จะกลายเป็นว่า ดิฉันกับคุณพอลเป็นเจ้าของ
เอาเป็นว่าเอเจนซี่นี้ชื่อ เขียวขาว ..นะคะ
ดิฉันมีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ระดับดิฉันถือว่าตำแหน่งเป็น senior copywriter แล้วกัน
ตำแหน่งนี้ต้องเขียนเอง คิดเอง มีเพื่อนคู่คิดกับเขาอยู่คน เป็นsenior art director ชื่อว่าคุณพอล
เมื่อได้สินค้ามาตัวหนึ่ง ก่อนจะคิด เราก็ต้องเข้าใจตัวสินค้า หลังจากนั้น
เราก็ต้องเอาหัวมาชนกัน เพื่อตีโจทย์ค่ะ
(ภาพประกอบ เฮเลน ฮันท์จาก "what woman want?")


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 10:19
สินค้าไหนที่เราอยากทำ เราไม่ได้เสมอไป
สินค้าพวกแฟชั่น เครื่องดื่ม อาหาร พวกเบาๆอย่างนี้ เราจะชอบ อยากจะแย่งตบตีกระชากเพื่อให้ได้มาทำ
พวกกลางๆเช่น ปูน หมู่บ้าน ซุปไก้ ไส้กรอก นม ครีม กาแฟ จัดอยู่ในครีเอทได้บ้างก็พอแหวกกรอบได้หน่อย
แต่พวกอุปโภคบริโภคแบรนด์ดังๆอย่าได้หวัง ประชุมเช้า ประชุมเย็นได้ทุกวัน ถี่ที่สุด เวลาคิดน้อย
โจทย์บ้าๆที่ขัดแย้งในตัวประเภทจะเอาแนวอีโมชันนึ่ลอารมณ์เลิศล้ำ แต่ ขายของแรงๆจะมีมาตลอด
และคำว่าโฆษณาต้องมอเดิร์นน่ะ เป็นสูตรมีกำหหนดไว้ทุกแบรนด์

เอาเป็นว่าวันนี้ได้รองเท้ายี่ห้อหนึ่งมาทำโฆษณาแล้วกันนะคะ
ฝ่ายการตลาดของลูกค้าเขาก็หาข้อมูลมาให้ว่าตลาดเมืองไทย มีแบรนด์อะไรบ้างที่ยอดขายสูง ลดหลั่นกันมา
แบรนด์ของเรามาใหม่ สมมุตว่าเป็น Le Coq Sportif แล้วกัน
...
เคยได้ยินไหมคะ แบรนด์นี้ หรือว่ารู้จักแต่ ไนกี้ อาดิดาส?
...
ในชีวิตจริง ถึงข้อมูลลูกค้ายังไม่มาว่าแบรนด์มันหน้าตาเป็นอย่างไร เราก็หาเองเพื่อมาจัดเรียบเรียงในสมองแล้ว



กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 07, 10:51
น่าสนใจมากค่ะ   มาเกาะขอบเวทีฟังใจจดใจจ่อ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 14:05
ชอบสีดอกทิวลิปค่ะ อาจารย์.......
ความที่สนใจเรื่องรองเท้าสปอร์ทแฟชั่นอยู่แล้ว ทำให้ดิฉันและคุณพอล ช่วยกันหาความเป็นมาของแบรนด์กัน
ในขณะที่ดิฉันค้นข้อมูลจากเน็ต คุณพอลก็แยกไปเดินตามห้าง เพื่อหาว่า เมืองไทยใครนำเข้ามาขายบ้าง
เป็นธรรมดาที่ลูกค้าจะถามว่า คุณเคยใช้แบรนด์นี้หรือเปล่า
ในความเป็นจริง เคยแต่เสื้อผ้า หลายสิบปีมาแล้วหัดเล่นเทนนิส ไปดูตามร้านและห้างเครื่องกีฬา เห็นแบบและสไตล์สวยสะอาด จึงซื้อ
และเดี๋ยวนี้ก็ยังชอบใช้ เพราะเลอค็อค จะมีแบบไหนก็ตาม เนื้อผ้าสีขาวจะสวยที่สุด
แต่รองเท้า ไม่เคยเห็นเลยค่ะ







กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 14:09
แล้วถ้าเรานำเข้ามา คุณคิดว่า ใครจะซื้อ..
เขาถามต่อ หมายถึงว่า ใครจะเป็นกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
ดิฉันด่าในใจ จะนำเข้าแล้วยังมาถามเราอีกว่าใครจะซื้อ..มันจะบ้าหรือเปล่าหว่า..
...


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 14:47
เป็นเรื่องปวดหัวที่คนนำเข้าไม่ทราบว่าจะขายใคร แต่กรณีนี้ เดาว่า ลูกค้าอยากรู้มากกว่าว่าเราคิดอย่างไร การทีดิฉันจะตอบได้ ต้องมีตัวเลขยอดขายทั่วไป และข้อมูลการตลาดมาแบ็คก่อน
เอาเป็นว่าลูกค้าติดไว้ก่อน
ไม่เป็นไร้.. งัดเวิร์บทูเดามาใช้ก็เสียภาพพจน์ครีเอทีฟสาวเจ้าปัญญา(ใครๆเขาตั้งฮ่ะ ไม่ได้ยกตัวเอง เขาประชดแน่นอน...)
...
ดิฉันย้อนถามลูกค้ากลับไปตามประสาคนไม่มีวันจนเรื่องคำพูด
แล้วคุณจะขายปลีกสักเท่าไหร่ล่ะ บอกไพรซ์เรนช์หน่อยได้ไหม
ฮ่าๆ ถามกลับง่ายๆอย่างนี้ มีรึ ลูกค้าจะตอบไม่ได้


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 16:09
พอเรารู้ราคาปลีก และสไตล์รองเท้า เราก็ยังเดาไม่ได้อยู่ดีว่า เราจะหาช่องทางโฆษณาอย่างไร ต้องไปหาข้อมูลสินค้าและประวัติ จนถึงเอกลักษณ์และความฮิตของแบรนด์นี้ในตลาดโลก ซึ่งแน่นอนหละ ใครล่ะ จะมีอิทธิพลกับแฟชั่นในซีกโลกนี้...

ญี่ปุ่นค่ะ..

และรองเท้าตราไก่ออกกำลังนี่มันก็กำลังฮิตไม่เบาด้วย
...




กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 07, 16:43
พอเห็นไก่ ประเทศที่นึกถึงก่อนอื่นก็คือ ฝรั่งเศส
หนังสือพิมพ์หน้ากีฬา ชอบให้ฉายานักบอลฝรั่งเศสว่า นักเตะตราไก่ นะคะ เอ มันมีที่มาอย่างไรนะ ฝรั่งเศสไปเกี่ยวกับไก่ได้อย่างไร
เรื่องมันยาว.. ไหนๆก็ไหนๆ รักจะวิชาการผสมสาระบันเทิง ก็ต้องบอกกัน..
สัญลักษณ์ไก่ มาจากคำเรียกในภาษาละติน ถึงชนผู้ครอบครองดินแดนฝรั่งเศสปัจจุบันในยุคโน้น ว่าชาวโกล หรือ Gallus ความหมายอีกอย่างคือไก่ ซึ่งชาวโรมันก็ถือเป็นเรื่องตลกล้อเลียนอยู่เรื่อย ซึ่งแรกๆ ก็ไม่มีใครชอบให้ตัวเองไปเชื่อมโยงกับไก่หรอก ทนมาสองพันปี
แต่หลังๆ จากยุคกลางจนถึงยุคเรอเนสซองส์ กษัตริย์องค์หนึ่งก็รับตรานี้มาเสียเลยในภาพเขียนบ่าง เหรียญบ้าง พอยุคประชาชนเป็นใหญ๋ในแผ่นดิน คศ.1789 ผู้นำการปฏิวัติ ก็เอาไก่นี่แหละมาใช้เป็นสัญลักษณ์ประเทศเสียเลย
พอถึงยุคนโปเลียน ซึ่งมีเชื้อสายอิตาลี่ ก็คิดว่า ไก่น่ะ ไม่เข้าท่าเลย เปลี่ยนเป็นนกอินทรี ดูแล้วเป็นพญา สลักสำคัญ สง่างามสมเป็นราชากว่า ก็เปลี่ยน..
เอ้กอี๊เอ้กเอ้ก...อนิจจา..ไก่ไม่ตายค่ะ แต่นโปเลียนตาย..


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 13 ต.ค. 07, 21:04
เห็นกระทู้นี้แล้วอยากซื้อ Le Coq มาใช้อีกซักคู่จังครับ คุณกุ้งแห้ง
ทั้งเรื่องเล่า ทั้งภาพที่คุณกุ้งแห้งนำมาลง เห็นแล้วน่าใส่มักๆ

ทั้งๆที่โดยปกติผมมักจะขยาดรองเท้ายุโรป อย่าง Clark หรือ Le Coq ครับ
เพราะเกือบทุกยี่ห้อพี่แกทำสำหรับคนยุโรปจ๋า ปลายเท้าแหลมเฟี๊ยวนิ้วชี้ยาวเลยนิ้วโป้ง
แต่ผมมันลูกเจ๊กอ่ะคับ ปลายเท้าตัด ซื้อมาใช้ทีไรโดนรองเท้าบีบจนเล็บก้อยฉีกทุกที

สามปีก่อนมีผู้ใหญ่ท่านนึงใจดีให้ Kibworth ผมมาหนึ่งคู่.... โอว ถูกใจเหลือหลาย
ใส่จนเขรอะหัวถลอกก็ยังใส่ครับ ยิ่งใส่กับกางเกงยีนส์ปลายขาขาดๆนี่ล่ะ วินเทจ์ดี
จนสมัครฟิตเนสไปวิ่งอกกำลังกานก็ยังใส่ไปด้วย.... อนิจจา ใส่ไปใส่มาเล็บก้อยฉีก
เลือดไหลเปื้อนรองเท้าคู่สวย จำใจต้องไปซื้อคู่ใหม่มาใส่วิ่งแทนแล้วครับ



หลังๆผมก็เลยซื้อรองเท้ามะกันดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ยังทำเผื่อนิโกรปลายเท้าบานๆบ้างอ่ะครับ แหะๆ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 ต.ค. 07, 18:08
เห็นกระทู้นี้แล้วอยากซื้อ Le Coq มาใช้อีกซักคู่จังครับ คุณกุ้งแห้ง
ทั้งเรื่องเล่า ทั้งภาพที่คุณกุ้งแห้งนำมาลง เห็นแล้วน่าใส่มักๆ

ทั้งๆที่โดยปกติผมมักจะขยาดรองเท้ายุโรป อย่าง Clark หรือ Le Coq ครับ
เพราะเกือบทุกยี่ห้อพี่แกทำสำหรับคนยุโรปจ๋า ปลายเท้าแหลมเฟี๊ยวนิ้วชี้ยาวเลยนิ้วโป้ง...
คุณติบอคะ รูปเท้าของฝรั่งกับเอเชียนนั้นผิดกันมากค่ะ ฝรั่งเท้าลีบ ยาว เรียว จึงใส่พวกรองเท้าเว้าโค้งต่างจากเรา หุ่นรองเท้าจะดูสวย
เบอร์รองเท้าตัวอย่างหรือต้นแบบผู้หญิงที่สวยงาม จะเป็นเบอร์ 4 และของผู้ชายจะเป็นเบอร์ 8 หรือ 9
ชนชาวเอเชียเท้าป้าน แบะ และหน้าเท้าสูง จึงใส่รองเท้าของฝรั่งแล้วจะสังเกตว่าถ้าข้างๆพอดี หัวจะเหลือเสมอ!!!


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ต.ค. 07, 07:02
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลฝรั่งเศส ก็นำตราไก่นี้มาใช้เป็นสัญลักษณ์อีกครั้งในความหมายของความกล้าหาญ เราจึงเห็นตรานี้ทั่วไปทั้งสะพาน ประตูวัง


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ต.ค. 07, 09:55
ขอย้อนไปก่อนสงครามนิดหนึ่งเพื่อให้ดูรูปค่ะ
ในศตวรรษที่ 19 ธง เครื่องแบบ และกระดุมของNational Guardฝรั่งเศส ตราของประเทศ เหรียญทอง 20 ฟรังค์ซึ่งเป็นเหรียญที่นักสะสมให้ราคามาก รวมถึงหัวเสาของสะพาน และประตูวังเอลิเซ่ ซึ่งเป็นที่พักรับรองเป็นทางการของประธานาธิบดีฝรั่งเศสปัจจุบัน กลับมาใช้สัญลักษณ์ไก่นี้อีก


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ต.ค. 07, 10:18
ไก่นักกีฬาหรือไก่ออกกำลังเป็นสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐไปโดยปริยาย เราจึงเห็นทั่วไป สะพานที่ท่านเห็น อยู่ที่เมืองลียง(Lyon) ข้ามแม่น้ำโรน นับเป็นไก่สวยสง่ายืนเด่นบนยอดเสาทั้งสองด้าน
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 1914-1918) ความหมายของไก่เปลี่ยนไป กลายเป็นความกล้าหาญ และพร้อมที่จะสู้ตายเมื่องเผชิญหน้ากับสงคราม
พอมาถึงศตวรรษที่ 20 มีการนำสัญลักษณ์นี้มาใช้ในกีฬา กลายเป็นเครื่องหมายของทีมชาติ ตัวแทนแห่งความภาคภูมิ ความทรหด และแกร่งกล้า
และใช้ในตราไปรษณียากรดั่งเป็นไอค่อนของฝรั่งเศสของแท้
ในเมื่อกลายเป็นชื่อของเสื้อผ้าและรองเท้า..คนฝรั่งเศสมีหรือจะไม่อุดหนุนในเบื้องต้น


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ต.ค. 07, 14:26
เมื่อทราบเรื่องราวที่มาของสัญลักษณ์หลายพันปี ก็มาถึงแบรนด์ค่ะ ตราเจ้ารูสเตอร์ตัวนี้ มีอายุ125ปีแล้วค่ะ เหลือเชื่อนะคะ  การรุ่งหรือล้มลุกคลุกคลานของแบรนด์ก็น่าติดตาม
ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมศตวรรษที่19 อังกฤษเป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้ากีฬา
แต่เมืองโตรยส์ นอกปารีสไปไม่กี่สิบไมล์ เป็นศูนย์กลางแห่งถุงน่องใยบัว
ที่มาของตรานี้เกิดในเมืองเล็กๆนอกปารีสไป 98.5 ไมล์ ชื่อว่าเมืองรอมีย์ ซูร์ เซน นายเอมิล กามูเซ่ต์ นักกีฬาสมัครเล่นตัวยง ทั้งจักรยาน และฟุตบอล เกิดได้งานต้องทำเสื้อผ้าให้ทีมเมืองนี้ คิดค้นผ้าใยเจอร์ซีย์รัดแนบเนื้อ และชุดกีฬาให้ทีมเมืองของตัว เรียกช่างฝีมือดีมาหนึ่งทีม ทำการ ทอไปทอมาได้เสื้อระบายเหงื่อออกมา ลูกค้าสวมก็ติดใจ ปากต่อปากลือไปถึงปารีส และข้ามฝั่งไปอังกฤษ ได้ลูกค้าประจำเพียบ
ในปี 1930ก็คิดค้นวิธีย้อม หาวัตถุดิบใหม่ๆในเรื่องของผ้ามาทำ จนสามารถได้สิทธิ์ทำเสื้อนักฟุตบอล บาส รักบี้ ลู่และลาน จักรยานได้ เมื่อทีมชาติใส่ หรือผู้ชนะใส่ แบรนด์ก็แพร่หลายไปทั่วโลก
ร่วมทุนกับอาดิดาส ขยายขอบข่ายไปทำรองเท้า จนแปรเปลี่ยนจากธุรกิจครอบครัวมาเป็นมีเงินทุนกองโตจากสวิสหนุนหลังในปัจจุบัน


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ต.ค. 07, 14:38
ช่วงหนึ่งที่ถูกเทคโอเวอร์โยฝรั่งเศสด้วยกัน เลอก็อคก็เฟื่องฟูอีกครั้งด้านสไตล์ มีการปฏิรูปใหม่ เปลี่ยนแนวการตลาดจากกีฬามาเป็นกึ่งแฟชั่น ก็ฝรั่งเศสเสียอย่างนี่คะ จะไปสู้แบรนด์ยักษ์มันก็อาจจะสายไป แต่ไม่ทำตลาดเสียเลยก็จะสูญเสียตราไปง่ายๆ ใครๆไม่ได้เห็นเสื้อผ้าตรานี้ตามสเตเดี้ยม นอกจากที่ดีไซเนอร์ชอปเท่านั้น
ดังสุดขีดเมื่อนักเทนนิสชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแคมะรูน ชื่อยานนิค โนอา ชนะเลิศเดวิสคัพ และนักแข่งแรลลี่ ซบาสเตียน เลิบมาเป็นฑูตแบรนด์ให้
ไม่นับในอดีตที่นักฟุตบอลดังๆเช่นโยฮัน ครัฟท์ และทีมอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม รวมถึงทีมชาติฝรั่งเศสอย่างมิเชล พลาตินี่ มาดึงแบรนด์ขึ้นฮวบฮาบในช่วงหนึ่ง


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ต.ค. 07, 06:46
ไปๆมาๆ จากธุรกิจเสื้อผ้า เลอก็อคก็โตเรื่องรองเท้าด้วย เพราะเป็นลูกฝรั่งเศส เรื่องความสวยงามนั้นย่อมไม่แพ้อิตาลี นักออกแบบพยายามรักษาเส้นสาย สะอาด ไว้ เพราะตราไก่เมื่อมาอยู่ที่เท้า ก็ต้องภาคภูมิ
เป็นผู้อุปถัมภ์สโมสรกีฬาที่รุ่งๆทั้งนั้น เสียอย่างเดียวดันอุปถัมภ์แมนเชสเตอร์ซิตี้!
พรรคพวกหลายคนชักไม่อยากทำ..
ผู้บริหารใหญ่ เคยทำอาดิดาสมาก่อน เรื่องจะไม่หนุนรองเท้า เป็นไปไม่ได้
ยอดขายของแบรนด์นี้ กลายเป็นว่า สองในสาม มาจากรองเท้าเสียแล้ว
และตลาดสำคัญทางเอเชียก็คือญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกงค่ะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 16 ต.ค. 07, 09:26
ตามอ่านอยู่ครับ แม้จะไม่ชอบฝรั่งเศส
ขอแช่งไม่ให้เจริญครับ
(รองเท้า....มะช่ายคนเล่านา....)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ต.ค. 07, 09:52
อ้าว อย่าแช่งสิ เดี๋ยวเขาไม่มาสั่งผลิตกับเรานะ..
...
เลอก็อคนี่ เป็นเรื่องสมมุตเพื่อจะมายกตัวอย่างว่ามาวางตลาดบ้านเรา นักคิดอย่างคุณพอลและดิฉันจะจัดให้สินค้านี้ใครมาเสพ..เรียกว่าหาแบรนด์เพอร์ซันนัลลิที่ค่ะ และหาtargetจริงๆ ในความเป็นจริงแบรนด์นี้ใครจัดจำหน่ายหรือมีขายหรือเปล่า ดิฉันยังไม่ทราบเลย
...
คุณพอลหัวร่อร่าที่ คุณพพ.แช่งฝรั่งเศส
ดิฉันบอกว่า ธ่อ..ตอนนี้สนง.ใหญ่อยู่ในฝรั่งเศสก็จริง แต่เจ้าของเป็นสวิสไปซะแล้ว
เห็นไหมคะ ว่าไม่ต้องแช่งหรอก


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 16 ต.ค. 07, 10:29
oh my gosh!
ทำไมผมหล่อไม่ได้ครึ่งเมลหว่า คุณพพ?


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ต.ค. 07, 17:53
ตอนนี้ เราจะเห็นโฆษณาหลายแบรนด์ใช้ผู้มีชื่อเสียงมาสนับสนุนสินค้า เช่นวิลลี่ มาขายโอโม ตีโจทย์ได้ว่า สุดท้ายโอโม ต้องการให้ใครซื้อ..
แล้วเปรียบคุณธาดา เต็มบุญเกียรติ คุณไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ขายบรีสในยุคหนึ่ง เป็นอย่างไร
ท่านที่อาวุโสในเรือนไทยคงจะเกิดทันได้ดูหนังโฆษณาบรีสสมัยแรกใช่ไหมคะ
ซึ่งคุณธาดา เป็นผู้ตามไปสัมภาษณ์ผู้ใช้บรีสในต่างจังหวัด ทุกภาค แล้วผู้ใช้แต่ละคนยืนยันว่าบรีสน่ะดี ถ้าดมผ้าแล้วมีกลิ่นสะอาด..ก็
"อย่างนี้ ใฉ่บี๊ดแหน่แหนอ้ะ"
เสียดาย หารูปกล่องแดงโบราณไม่เจอ เขาโมดิฟายจนไม่มีบรีสคลาสสิคแล้ว


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 16 ต.ค. 07, 19:02
ก้นเมล หล่อกว่าหน้าเมลอีกอ่ะ....55555
ผมดูหนังเรื่องนี้แล้วเหม็นเขียวทั้งเรื่อง

ม่ายรู้ดิ
เห็นหน้าหมอนี่ ชอบนึกว่าจะมาแก้ผ้าแข่งกะบรู๊ส วิลลิสในตายยาก 4 ภาค..หึหึ
ยิ่งวิธีที่แกจีบสาว มันเหมือนพวกสิบล้อในเรื่องแอ๊คคิ้วส์ของป้าโจดี้
ไม่มีกลิ่นสดชื่นของออฟฟิสเลย
มีเรื่องหนึ่ง เมลเล่นเป็นมือปืนใจน้ำแข็ง
ดูแล้วสู้ทอมกุ้ยเล่นเป็นมือปืนคาดเดาไม่ออก มะด้ายเลย

เชิญต่อครับคุณกุ้งแห้ง อยากรู้ว่า จะเอาไก่ฝรั่งเศสมาฟอกขาวหรืองัย

ฮิฮิ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ต.ค. 07, 21:30
รู้แล้วว่าน้องเคี้ยงฉลาดพูดเหมือนใคร ฮึ..

อยากจะยกตัวอย่างว่า เดี๋ยวนี้ ถ้าอยากขายของ ยอมลงทุนสินค้าไปมากมาย ลงทุนอีกหน่อยเหอะ จ้างพรีเซนเตอร์ (เดี๋ยวนี้เขาชอบใช้คำว่าฑูตจ้า..หนุ่มกระทรวงตปท.อย่าโวย)เลือกที่กำลังรุ่ง ไม่ใช่กำลังเรียบ ถ้าไม่ผิด สบายไปฟันยอดขายพันล้าน..เอาพรีเซนเตอร์ดังๆมาโฆษณา ไม่ต้องเสียสมองคิดอย่างอื่น
นักโฆษณาสิ้นคิดหลายคนบอกว่า เฮ้..จะมัวคิดครีเอทีฟทำไมให้เปลืองสมอง จ้างพรีเซนเตอร์ดีๆเหอะ
..


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 22 ต.ค. 07, 17:17
หิวร้องเท้าคร๊าบบบ......


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 23 ต.ค. 07, 20:41
ธุรกิจโฆษณาที่แข่งขันทำให้สินค้าแพงเกินกว่าความเป็นจริง  แต่มาร์เกตแชร์ก็ดีขึ้นซะด้วยถ้าหาคนดังมาพรีเซ้นต์  แต่ก็จะเป็นคนระดับสูงหรือสังคมคนเมือง  เช่นพวกรองเท้า  บ้านเรามักแยกแยะลำบากกับชนิดของผลิตภัณฑ์  สปอร์ตแวร์แท้ๆยังแบ่งเป็นของใช้กับเทนนิส  บาส ฯลฯ ลักษณะรูปเท้าไม่เข้าก็ยังมานะใส่  ทั้งที่แท้จริงเราเหมาะสุดๆกับรองเท้า แพน  หรือนันยาง  ราคายุติธรรมดีซะด้วย  เวลาวิ่งด้วยกันตอนเช้าๆผมใส่แพนวิ่งสบาย  เห็นพรรคพวกล่อแอร์จอร์แดน  หรือรองเท้าฝาหรั่งหนาๆ  เวลาเจอโคลนหรือแอ่งน้ำก็เก้ๆกังๆด้วยกลัวของแพงเปื้อน  ไอ้เราบรื๋อเลยไม่มีห่วงซักตากเมื่อไหร่กะได้  เดี๋ยวนี้หันมาใส่แบบผมกันหมดสมบุกสมบันไม่มีห่วง
การสร้างแบรนด์ใหม่ๆ  เพื่อมามีส่วนแบ่งการตลาดมันคงต้องแบ่งครับ  ระดับล่างผมว่าขึ้นกับคุณภาพจริงๆถึงอยู่ได้  แต่ระดับบนคงเกี่ยวกับแผนการโฆษณา  จับพรีเซนเตอร์ดีๆ  หรือโดนยุคใครกะลังบูมจับมาพรีเซนต์โดนใจซะหน่อย  ให้ไฮโลเอ๊ยไฮโซ  ใส่เยอะๆออกโชว์ตามกาลต่างๆ  เดี๋ยวได้เรื่องยิ่งเป็นประเทศแบบคุณกุ้งฯ  ยกตัวอย่างยิ่งแจ๋วเพราะคนไทยเรานิยมแฟชั่นประเทศนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว   แต่ถ้าแบรนด์ใหม่มาจากลิทัวเนีย  เอกวาดอร์  อะไรเทือกนี้  คงต้องเหนื่อยหน่อยละครับ........อิอิ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: Ply ที่ 27 ต.ค. 07, 15:52
เรื่องคนไทยกับแบรนด์ต่างประเทศนี้เป็นเรื่องที่ทั้งเศร้าทั้งขำปนกันค่ะ
เคยคุยกับเพื่อนๆว่า จริงๆแล้วคนไทยน่าจะทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาโดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้าเครื่องหนัง
เรามีความสามารถ ศักยภาพเพียงพอ แถมค่าแรงยังเอื้ออำนวย บวกกับแรงงานไทยเด่นเรื่องงานหัตถกรรม และ ความละเอียดจริงๆ
เวลาเลือกซื้อของ โดยเฉพาะเสื้อผ้านั้น รุ่นที่เนื้อผ้า ดีไซน์ถูกใจนั้นส่วนใหญ่ Made in Thailand ค่ะ
คุยไปคุยมา เพือนก็บอกว่าอืมการทำแบรนด์อะไรเองหน่ะทำได้ แต่หนึ่งชื่อต้องเป็นภาษาต่างประเทศ สองต้องทำให้คนรู้สึกว่าเป็นแบรนด์อิมพอรต์
หรือทางที่ดีที่สุด ควรจะส่งออกไปต่างประเทศเลย แล้วค่อยอิมพอรต์กลับมาขายอีกที อันนั้นจะทำให้ขายได้ดีที่สุด
ฟังแล้วก็กลุ้มค่ะ
ส่วนตัวชอบระบบญี่ปุ่นอยู่อย่างที่เค้าเก็บสินค้าที่เกรดดีที่สุดไว้ใช้เอง แล้วเกรดถัดๆไปส่งออก
แต่พี่ไทย เกรดดีส่งออก แล้วเอาของเสียมาขายให้คนไทยกันเอง จริงอยู่ค่ะ ของส่งออกนั้นเป็นหน้าตาให้ประเทศ
แต่ของดีๆไทยทำก็น่าจะเอามาขายให้คนไทยกันเองด้วยหนิค่ะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 07, 08:24
มารอฟังตอนต่อไปค่ะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: dinsor ที่ 05 พ.ย. 07, 22:04
หนูมานั่งรออ่านอยู่หลายวันแล้วนะคะ   :)  ;D


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 พ.ย. 07, 22:19
อี๋ยยย์..อย่าเพิ่งต่อว่านะคะ ตอนนี้งานยุ่งมากค่ะ กำลังเครียด ทำผิดทำถูก เป๋อๆเด๋อๆ..ได้หน้า ลืมหลัง สงสารตัวเอง เฮ้อ.. เคยแต่สั่งๆๆๆ ตอนนี้ต้องทำเอง
คำนวณค่ะ และเรขาคณิต กลับมาใช้ช่วงย่างสู่วัยชรุ่น...(ชรา+รุ่น) สามวันสามสิบชิ้น สูตรเสอดเพียบ งงแล้วงงอีก คำนวณพื้นที่รองเท้าแต่ละชิ้น ไม่ใช่หมูๆนะคะ
มันมีสูตร จะใช้คอมก็ได้ สองชั่วโมงเสร็จ
แต่ถูกฝึกให้ทำเอง จะได้รู้ว่าต้นทุนจริงๆมันคืออะไร
สามวันค่ะ..คำนวณเสร็จตีปีก เหมือนจบพีเอชดี แต่ก็จ๋อย โดนสั่งให้ไปทำเอ็กเซลด่วน
เคยทำแต่แม็ค เพจเมคเคอร์ โฟโต้ฉ็อป ต้องมาปรับตัวมะงุมมะงาหราทำเอ็กเซล เรียนสามชั่วโมง แก่ไปสามสิบปี
รออีกวันเดียวนะคะ ตอนนี้ชักรู้ว่า สมันเป็นไงแล้ว


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 พ.ย. 07, 09:24
กลับมาสูกระทู้แล้วค่ะ..
....
ฝ่ายการตลาดของเลอก็อค เขาก็จะส่งข้อมูลให้ครีเอถีบ(ขอเขียนแบบไทยๆนะคะ)ว่าตอนนี้ ยอดขายในเมืองไทยของบรรดารองเท้าที่เป็นสปอร์ทแฟชั่น หรือเรียกให้โก้ๆว่าสปอร์ทอินสไปร์น่ะ มีใครบ้าง
ข้อมูลต่อไปนี้สมมุตบนพื้นฐานของความจริงบวกเวิบทูเดานะคะ กรุณาอ่านประดับความรู้ แต่อย่าไปอ้างอิง
ไนกี้ 50%
อาดีดาส 20%
พูม่า และรีบอก สองตรารวมกัน10%
ที่เหลือพุ่งแรงก็ลาคอสท์ 8%
อื่นๆ 12%
เราต้องมาหาว่า ใครใส่ไนกี้ สมมุตว่าดิฉันเคยทำวิสกี้มาก่อน ดิฉันก็จะนึกถึงว่า เอ คนที่ใส่ไนกี้เหมือนคนที่ดื่มแบล็คหรือเปล่า และคนที่ใส่ลาคอสท์ อาดีดาส หรือแบรนด์อื่น เป็นพวกดื่มชีวาสไหม
ก็ต้องไปดูที่ข้อมูลราคาอีกว่า เขาตั้งราคาไนกี้ กับอาดีดาส และลาคอสท์ไว้แตกต่างกันไหม ในโมเดลที่มีฟังก์ชั่นหรือสไตล์ที่ใกล้เคียงกัน


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 พ.ย. 07, 09:40
นี่หละค่ะ จุดเริ่มต้นในการหาtargetของโฆษณา
เราก็ควจจะหาtargetของการตลาดก่อนแล้วตกลงกับลูกค้าว่า ตรงกันไหม
สมมุตว่า เลอก็อคจะวางตลาดรุ่นแรกๆแค่สองโมเด็ลก่อนชื่อว่า Terra
ซึ่งเป็นพื้นยาง หน้าผ้าเป็นหนังล้วน มีสาย ไม่ผูกเชือก
กับอีกรุ่นชื่อ Deauville เป็นผ้าใบรุ่นหนึ่งและหนังกลับผสมผ้าใบอีกรุ่นหนึ่ง
ดูจากภาพนะคะ
เราต้องดูแล้วจินตนาการว่า ใครจะอยากได้รองเท้าสองรุ่นนี้


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 พ.ย. 07, 10:08
อยากให้ท่านที่ติดตามอ่าน ดูรองเท้าทั้งสามรุ่น แล้วเดาว่า จะขายใคร ดูราคาก่อนนะคะ
ราคาขาย terra หนังล้วน พื้นยาง  ตกประมาณ 100 ยูโร = 4580 บาท
คู่ผ้าใบชายลุ่ย เท่มาก พื้นเป็นยาง  ตกประมาณ 28 ยูโร =1282 บาท
คู่หนังกลับ ขอบเป็นแคนวาส พื้นยาง ตก 65 ยูโร = 2977 บาท
ข้อมูลประกอบคือ เลอก็อคจะมาเปิดร้านที่พารากอน เป็นร้านที่เรียกว่า แฟล็กชิพ สโตร์ แต่งร้านทุกอย่างให้ฟิลลิ่งตราไก่และเป็นฝรั่งเศสหมด มีโปสเตอร์นักเทนนิส ยานนิค และเอนัง และนักแข่งรถเซบาสเตียน เลิบประกอบ
เสื้อผ้าชุดเทนนิส กีฬาครบ
...
ลองตอบมาดูค่ะ คำตอบไม่ต้องกลัวผิด เพราะความสนุกอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ดิฉันคิดคนเดียวนะคะ
คุณPly คุณpipat คุณbana คุณปลาดาว และอาจารย์ รวมทั้งท่านอื่นๆ เชิญมายำค่ะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 08 พ.ย. 07, 14:48
ถ้าผมต้องทำการบ้านข้อนี้ สอบตกแหงเลย....
ผมว่ามันยากมากที่จะทำโฆษณาขายของที่นานๆ ทีคนจึงจะซื้อ
เว้นแต่คนที่เชื่อในพลังแห่งโฆษณาการจนหมดใจ

ราคารองเท้า กับรูปแบบการใช้งาน ล้วนชี้ไปในทางที่จะขายคนที่มีสมอง
เพราะคนนั้น ต้องมีเงิน มีเวลา รักชีวิต และยอมเข้าสู่กระบวนการวิ่งเพื่อสุขภาพ
คนพวกนี้ มีสังคมเฉพาะ เขาจะไม่เชื่อโฆษณา แต่จะเชื่อเพื่อนร่วมกลุ่มและตัวเอง
และท้ายที่สุด การใช้งานจริง จะเป็นตัวตัดสินสุดท้าย ว่าจะมีใครในพวกนี้ ยอมจ่ายเงินแพงๆ
เพื่อรองเท้าที่ กัดตีน วิ่งแล้วขาแพลง ขาดง่าย เก่าง่าย ใส่แล้วกลายเป็นตัวตลก
(เหตุการณ์สมมตินะครับ ไม่ได้แปลว่าใส่ตีนไก่แล้วจะเป็นอย่างนั้นเสมอ)

กรณีนี้ ผมเห็นว่า การโฆษณา ควรทำเพื่อผดุงการรับรู้ มาหลังการอัดฉีดสินค้าเข้าในตลาด
ด้วยการแย่งชิงที่สถิตย์ให้เตะตาคนซื้อ ทั่วทุกหัวระแหง และกัดฟันอยู่ให้รอดให้ได้
หน้าร้านอันโอ่อ่านั้น เป็นได้แต่เพียงหัวข้อสนทนาสักสองสามวัน
เข้าวันที่สี่ที่ห้า ต่อๆไป....จึงจะเป็นตัวกำหนดว่า โฆษณาใหน ควรให้ใครเสพย์...ฮิฮิ

ได้คะแนนติดลบแหง็มเลยครับ คุณครูกุ้งแห้งฯ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ย. 07, 17:26
ขอบายค่ะ  ดูไม่ออกว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นไหนอาชีพไหน เดาว่าคู่ชายลุ่ยน่าจะเป็นวัยรุ่น หรืออย่างมากก็นิสิตนักศึกษา  ราคาไม่แพงเกินกำลังซื้อ

ทั้งสามคู่นี้ดิฉันไม่ใช่ลูกค้าแน่ๆ   เพราะลักษณะไม่ต้องตามความประสงค์
ดิฉันซื้อรองเท้ากีฬาตามความสบายที่สวมใส่  พื้นต้องหนา ไม่บางจนเหยียบกรวดก็รู้สึก
ตรงส้นเท้าหนากว่าปลายเท้านิดหน่อย มันจะเดินสบายกว่าพื้นหนาเรียบเท่ากัน
หัวไม่แหลม  ไม่งั้นบีบนิ้วก้อยเจ็บ
และไม่ชอบรองเท้ากีฬาผูกเชือก ใส่ยากถอดยาก 
หลานดิฉันตกบันไดเลื่อนเพราะเชือกเจ้ากรรมหลวม ชายสอดเข้าไประหว่างขั้น
พอลงมาถึงขั้นสุดท้าย   บันไดหนีบเชือกไว้  เลยหกล้มติดอยู่ตรงนั้นเอง  มีคนมามุงดูแต่ไม่มีใครช่วยสักคน

ถูกคัดออกอีกหนึ่งราย


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 พ.ย. 07, 23:04
โอ้โฮ แค่นี้ก็ปึ้มแล้วค่ะ  8)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 09 พ.ย. 07, 00:48
เย๊ๆ.... คิดถึงกระทู้นี้ครับ คุณกุ้งแห้ง
มาขอนุญาตตอบกระทู้นะครับ



โดยส่วนตัวผมชอบคู่สีน้ำตาลหนังล้วนครับ
แต่ราคาสูงไปนิดหน่อย (สำหรับเด็กเพิ่งจบใหม่)
คู่หนังกลับคู่สุดท้ายพอไปรอด
แต่คู่รุ่ยๆดูแล้วขัดตานิดหน่อยครับ



เรื่องการตลาด... ก่อนอื่น ขออนุญาตเดารวมๆก่อนครับ ว่ารองเท้า 3 คู่นี้
เหมาะกับวัยรุ่น (หรืออย่างน้อยก็หนุ่มโสดเมโทรเซกชั่วล์ล่ะเอ๊า.... )
และขอเดาต่ออีกว่าการกระชากเงินออกจากกระเป๋าของคนกลุ่มนี้อาจจะต้องแย่งลูกค้ากันมากหน่อย
แต่ถ้าเขายอมจ่ายแล้ว.... เท่าไหร่ไม่อั้น ราคาไม่น่ามีปัญหาครับ
ถ้าหมั่นจัดรายการลดราคา (แต่ต้องจัดให้เขารู้สึกว่าเราตั้งใจมาลด)
ไม่เหมือนพวกแบรนด์เนมหลายเจ้าที่ลดราคาซะปีละ 6 เดือนคงดูน่าซื้อครับ

สรุปว่าถ้าเป็นผม คงหาทางโฆษณาทางนึงโดยการหานายแบบหุ่นดีซักคน
มาถ่ายโฆษณาลงนิตยสารที่มีนายแบบนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นปกบ่อยๆ
แล้วสอดคูปองค์ลดราคา 15 - 20% เอาไว้ให้คนซื้อรีบตัดไปใช้ซะก่อนหมดอายุ



ตามมาด้วยขอเดาแยกทีละคู่ครับ
คู่แรกพื้นรองเท้าแบบนี้พอจะใส่วิ่งได้บ้าง
แต่จะให้ไปวิ่งตามเป็นประจำสวนสาธารณะ หรือวิ่งลู่วิ่งอาจจะลำบากหน่อย
โดยเฉพาะกับนักวิ่งหลายคนที่วิ่งแล้วกระดกปลายเท้าขึ้นมาก
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม
รองเท้าทรงนี้มักจะหักจนกาวที่ทาพื้นติดกับรองเท้าไว้ปริออกมา

สรุปว่าเหมาะกับการใส่เดิน หรือวิ่งบนเครื่องวิ่งแบบไร้แรงกระแทกครับ
แต่คนใส่น่าจะชอบออกกำลังกาย หรือดูกระฉับกระเฉงหน่อย
(เอาตาพุงพลุ้ยตุ้ยนุ้ยมาใส่คงไม่เข้าเท่าไหร่)



ส่วนคู่ที่ 2 กับ 3 ออกจะเป็นแนวดูแลรักษายากซักเล็กน้อย
ชายรุ่ยๆ ของคู่ที่ 2 คงไม่เหมาะกับสนามฟุตบอลที่เต็มไปด้วยหญ้าเจ้าชู้
พอๆกับที่หนังกลับเนื้อสวยของคู่ที่ 3 ไม่เหมาะกับน้ำเฉอะแฉะในฤดูฝน

รองเท้า 2 คู่นี้สำหรับผม ดูแล้วเหมาะจะเดินในอาคารมากกว่าทำกิจกรรมรุนแรงครับ
(เพราะพื้นรองเท้าเองก็ดูเหมือนจะเหมาะกับการใส่เดินเสียด้วย)
แต่ถ้าใครคิดจะมีรองเท้าคู่นี้แล้วใส่ตลอดปีตลอดชาติ คงไม่เหมาะเท่าไหร่
เลยขอเดาว่าเหมาะกับกลุ่มคนที่จำเป้นต้องเดินบ่อยๆ แต่อยู่ในอาคารพอ
และมีกะตังค์พอจะหารองเท้าคู่อื่นมาเปลี่ยนสลับใช้ด้วย
เช่น คุณหมอแล้วกันนะคับ (ที่จริงภารโรงก็เดินเยอะเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่กลุ่มลูกค้าอ่ะคับ)






ปล. ขออนุญาตถามคุณกุ้งแห้งอีกนิดครับ ว่า 2 คู่ผูกเชือก ตัวพื้นด้านนอกแข็งมั้ยครับ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 09 พ.ย. 07, 06:50
ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยค่ะ  แต่อยากแจม  ของอย่างนี้ต้องขายวัยรุ่น ถึงวัยทำงานตอนต้นค่ะ  ต้องเป็นวัยรุ่น หรือคนทำงานที่อยากแสดงตนว่ามีรสนิยม  มีสไตล์  ขับรถสปอร์ต  เป็นกลุ่มมีสตังค์  ถีงไม่มีก็พยายามทำให้มี  เพื่อสร้างความมีรสนิยม และสไตล์ให้ตัวเองค่ะ  ยังไม่ต้องคิดถึงคุณภาพที่แท้จริงของสินค้าว่าผลิตมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร  เอ.....ดิฉันมองลบไปหรือเปล่าเนี่ยะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 พ.ย. 07, 09:07
โอ้โฮ คุณติบอวิเคราะห์ได้บันเทิงมากค่ะ อ่านแล้วคิกคิกอยู่คนเดียว.. จนใครอาจจะคิดว่าบ้า
คุณป้ากุนไม่ได้มองในแง่ร้ายหรอกค่ะ คุณพพ.อ้ะ ร้ายจริง..
แต่อย่างที่บอกค่ะ มันเป็นการหากลุ่ม ต้องดูทั้งผลดี ผลเสีย แง่บวก แง่ลบ
เพราะนอกจากหนุ่มทำงานวันมันส์อย่างคุณติบอแล้ว หนุ่ม 50 ใจ 25 ยังมี
และสาวสวยวัยคุณย่าแต่ใส่ผ้าใบได้เก่ก็ยังมีเช่นกัน


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 09 พ.ย. 07, 21:05
           อืมมมม  พูดยากสินค้ากาไก่แต่ไม่ไก่กาตัวนี้  มีเป้าหมายจะแย่งมาร์เก็ตแชร์ซักเท่าไหร่ดี  ถ้าร้อยละ10  คงต้องทำงานด้านโฆษณาหนักหน่อย  อีตา โนอาห์กับอีตาเลิบ  สำหรับสยามประเทศคงไม่เวิร์คอ่ะครับ  คนพรีเซนต์ต้องประมาณ เทียรี่  อองรี  หรืออย่างแย่ๆก็ต้อง กาสเก้  ถ้าวันรุ่นระดับผมคงต้องประมาณ ตัวหนังกลับ  สนนราคา 65 ออยโร  คงต้องคิดนาน  แตก็พอให้รางวัลกับตัวเองได้ไม่ถึงกับต้องกัดฟันนัก  แล้วก็เหมาะกับเสื้อผ้าที่มีอยู่เรียกว่าแมทช์  แต่คงใส่ไปเที่ยวนะไม่ใช่เอามาใส่เล่นไก่กา  ส่วนเจ้าสองตัวที่เหลือหาชุดใส่ที่แมทช์กับมันลำบาก  ตัว 28 ออย ก็หวานไป  อีกตัวราคาแพงไป

           ถ้าจะซื้อมาใส่แล้วตัดสินใจได้ไวจริงๆ  นี่เอาบรรทัดฐานคนวัยผมนะ  ขอให้เห็นพี่แบ๊งค์ วงแคลชหรือพี่ตูน บอดี้สแลม  ใส่  รับรองตัดสินใจทันที  ไม่ต้องมาลดราคาด้วย  คนวัยนี้ตัดสินใจไวที่สุดขอให้ดารานักร้องที่เค้าชอบนิยมละกัน  ไม่ต้องขึ้นพารากอนหรอก  อยู่ไหนก็ซื้อ  ลองจ้างเค้าใส่ซักครึ่งปีสิครับ  รับรองเวิร์คแน่ๆ..........อิอิ ;)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 09 พ.ย. 07, 21:13
เฮ่อ...... โล่งอก (แอบเข้ามาถอนใจครับ)


เมื่อคืนหลังกดส่งแล้ว ตอนอ่านทวน
ผมพยายามจะกลับมา edit ข้อความ
แต่เนตเจ้ากรรมดันหลุดเสียก่อน ต่อเท่าไหร่ก็ไม่ติด
ยังนึกหวั่นๆว่าคุณกุ้งแห้งจะฉุนกึกกับเรื่องนิตยสารอยู่หรือเปล่า
เพราะผมไม่ได้ยกตัวอย่างนิตยสารพวก "ริมฝีปาก" หรือ "ภาพลักษณ์" เอาไว้


พอเห็นคุณกุ้งแห้งหัวเราะได้แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อยครับ แหะๆ



โดยส่วนตัว เวลาเลือกของมาใช้
ถ้าเป็นของที่ซื้อมาเพื่อใช้สมบุกสมบันผมมักจะเลือกที่เป็นของแบรนด์เนมเสมอครับ
อย่างแบรนด์ใหม่ในเมืองไทย ที่เก่ามาจากฝรั่งเศส อาจจะต้องรอเวลาให้คนคุ้นหูซักหน่อย
แต่อย่างน้อยความเป็นฝรั่งเศสก็รับประกันได้ดี
(ดีกว่าความเป็นประเทศที่หาไม่เจอบนแผนที่โลกเยอะเลยอ่ะ)

เพราะเท่าที่ใช้ๆมา ของปลอมมักจะเสียง่ายจนน่ารำคาญเสมอครับ
แต่ถ้าเป็นของฉาบฉวยอย่างเสื้อกระเป๋าถือ หรือเสื้อแฟชั่น....
ผมว่าเอาของไม่ต้องแพงนักก็ได้ เริ่มเก่าเมื่อไหร่ก็เลิกใช้ซะ
(จะได้อวดตัวเองสุดริด... ว่าไม่เคยใช้ของจนเก่าด้วย... ไฮโซดีมะ หุหุ)


ขออนุญาตเล่าถึงความน่ารำคาญของของปลอมซักเลกน้อย
ว่าครั้งหนึ่ง ผมไปเที่ยวพุกามกับเพื่อน
แล้วคุณเพื่อนก็ดันซื้อแบคแพคปลอมใบละ 400 บาทจากถนนข้าวสารสะพายไป
ออกจากเมืองไทยตอนเช้า แค่สายๆถึงสนามบินย่างกุ้ง...... (ยังไม่ทันจะถ่ายเครื่องบ่ายไปพุกามเลย)
ด้ายที่เย็บหูเป้ข้างไว้หนึ่งก็ฉีกเหวอะออกมาจนเกือบขาด แล้วก็ไปขาดพอดีเอาที่พุกาม
สรุปว่าทั้งทริปนั้นเพื่อนที่น่าสงสารของผมเลยต้องอุ้มเป้ใบบะเริ่มเทิ่มเป็นลิงอุ้มแตงจนกลับถึงบ้านที่เมืองไทย
เห็นแล้วหนักแทนครับ แหะๆ



รองเท้าก็เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ
ขออนุญาตเอาตัวเองเป็นมาตรฐานอีกแล้ว (เอาตัวเองบ่อยจังวุ๊ย คุณกุ้งแห้งฯจะเบื่อมั้ยครับนี่...)
ผมเป็นคนนึงที่ใช้รองเท้าค่อนข้างสมบุกสมบัน
ถ้าซื้อของปลอม หรือของคุณภาพไม่ค่อยดีมาใช้.... มันจะเสียไวเสมอ
โดยเฉพาะเวลาเอารองเท้าผ้าใบใส่ถุงแล้วโยนลงเครื่องซักผ้าไปซัก
ของปลอมหลายคู่ก็ยึดเอาเครื่องซักผ้าเป็นเชิงตะกอน ปลาสนาการตัวเองไปในนั้นก็มี
หรือบางทีเอาออกมาก็แทบจะจำรูปร่างก่อนเอาเข้าไปไม่ได้ ::)





อีกเรื่องที่สำคัญคือการเลือกรองเท้าให้เข้ากับรูปเท้า และการใช้งานครับ
แต่ดูเหมือนว่าคนไทยจำนวนมากจะรู้จักวิธีเลือกรองเท้าน้อยไปหน่อย
บางคนเห็นโฆษณารองเท้าหน้าตาเหมือนชีสแล้วมีอนิเมชั่นหนูเป็นฝูงวิ่งมาคาบก็ซื้อ
เห็นแบบมันถูกใจก็ซื้อ เห็นสวยก็ซื้อ เห็นลดราคาก็ซื้อ เห็นเพื่อนใส่ก็ซื้อ ฯลฯ
แต่ไม่เคยเลือกรองเท้าให้ถูกกับเท้าและท่าทางการเดินของตัวเองซะที....

รองเท้าแต่ละแบบมีหน้าที่ใช้งานของมันเองครับ
เช่น รองเท้าบาสเกตบอลที่ปิดขึ้นมาถึงข้อเท้า
อาจจะเหมาะกับคนที่เดินแล้วเท้าพลิกบ่อย มากกว่าเด็กแนวที่ชอบแต่งตัวแนวๆ
แต่พี่เด็กแนวก็จะใส่รองเท้าแบบนี้อ่ะ เพราะมัน "แนวดี"
เหมือนที่พี่คนที่เท้าพลิกบ่อยก็ไม่อยากใส่อ่ะ เพราะมัน "น่ารำคาญ"

เสียดาย เรื่องแบบนี้น่าจะบรรจุอยู่ในตำราสุขศึกษา
มากกว่าเรื่องประวัติยากลางบ้าน ประวัติยาตำราหลวง
ประวัติการพยาบาลในประเทศไทย และประวัติอะไรอีกหลายประวัติ
แต่ก็ไม่เห็นมีใครใส่ลงไปซะทีนะครับ แย่จัง


พล่ามเยอะไปแล้ว ไปเปิดกระทู้ดีไซน์เนอร์จู้จี้กับสไตลลิสขี้บ่น
แล้วชวนเพื่อนๆในเรือนไทยมาคุยกันอีกซักกระทู้ดีกว่าครับ แหะๆ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 พ.ย. 07, 10:18
กระทู้สนุกก็เพราะมีสมาชิกมาเสริมความคิดเยอะๆ ถือเป็นspringboard(ภาษาที่ใช้ในโฆษณาเวลาเราได้ไอเดียจากการดีดตัวของความคิดในสมองเรา ซึ่งเกิดจากคำพูดของคนอื่น หรือภาพที่เห็น หรือดนตรีที่ได้ยิน แล้วกระตุ้นต่อมสมองให้ทำงาน)อย่างหนึ่งค่ะ

พื้นเพคนไทยเรา สวมรองเท้าสานหรือแตะเป็นหลักเพราะอากาศร้อนค่ะ ระบายเหงื่อและความชื้นได้ดี ความเข้าใจเกี่ยวกับรองเท้าอย่างsneakersไม่ได้มีมาก เห็นเขาสวม ก็สวมตามเขาเพื่อความเป็นผู้มีวั ฒ น ธ ร ร ม...หรือแม้แต่รองเท้าหุ้มส้น เราก็เลือกใส่เพราะมันสุภาพ จริงๆแล้วการระบายเหงื่อของเมืองร้อนมีปัญหามากเลย
ไหนจะเรื่องน้ำหนักตัวผู้สวม แรงกดกระแทกของการเดิน ความสบาย ความสูงจากอุ้งเท้าขึ้นมาที่เชิงของหน้าเท้า สุขภาพเท้าจึงน่าบรรจุในหนังสือสุขศึกษา
ที่ดิฉันสนับสนุนคุณติบอ เพราะว่าประสบปัญหาเรื่องเอ็นร้อยหวายอักเสบ นัยว่าสาเหตุหนึ่งมาจากสมัยเป็นนิสิต แฟชั่นฮิตก็ส้นตึกสาน สูงน่ากลัวมาก พอทำงานโฆษณา ใส่ส้นสูงเดินฉับๆด้วยความเร็วสูงเป็นประจำ ถึงแม้จะหุ่นโปร่งบางแค่ไหน เมื่ออายุมากขึ้น น้ำหนักมากขึ้น ก็รู้ตัวว่าควรใส่พวกรองเท้าแบบแบนราบมากกว่า
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิคะ รองเท้าที่ดี เพื่อสุขภาพ เริ่มจากวัตถุดิบก่อน ทั้งหน้าผ้า ส้น พื้น ประกอบกัน เราควรเลือกรองเท้าที่สวมสบายเป็นอันดับแรก เดินสะดวกหรือไม่ แล้วถึงไปเลือกแบบเป็นอย่างสุดท้าย
หนังไม่ใช่ว่านุ่มแล้วจะประคองเท้าได้ดี หนังแข็ง ที่เป็นหนังแท้ กลับจะเสียดสีเท้าน้อยกว่า
ดูรองเท้าคู่หนึ่ง ต้องดูพื้นด้านในที่เรียกว่าsockด้วยว่าเสื่อมหรือมีแนวโน้มว่าเสื่อมไหม
ถ้ามีปุ๊บ เงินที่เราเสียแม้รองเท้าลดราคาก็เสียดาย
เช่น เอคโค่ลดแล้วยังแปดพัน ซื้อมาสองวันพื้นหลุด อย่างนี้สวัสดีเลยค่ะ





กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 พ.ย. 07, 21:37
ตอนสมัยดิฉันเป็นcopywriterที่เอเจนซี่ไทยยุคเริ่มต้น เราไม่ค่อยวิค้งวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายมากมายลึกซึ้งหรอกค่ะ ท่านนายห้างจะบอกว่า นี่ขายคนต่างจังหวัดนะ นี่คนในเมือง แล้วท่านก็จะเรียกโฆษกวิทยุทั่วประเทศมาบรีฟด้วยตัวเอง อยู่เอเจนซี่นั้น สมองจะเดี้ยง เพราะมีคนเก่งๆอย่างนายห้างวางแผนให้หมด แค่เดินตาม มีครีเอทีฟตามแนวที่ท่านวางก็พอ
แต่มันไม่ได้สำเร็จเสียทุกแบรนด์หรอกค่ะ
พอดิฉันเป็นซีเนียร์ไรเตอร์ เอเจนซี่ที่สอง ซึ่งเป็นฝรั่งทั้งลูกค้าและหัวหน้า เราก็เรียนรู้เรื่องกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ว่า เออ มันต้องแบ่งตามรายได้ต่อครอบครัว หรือต่อหัวนะ สถานะทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนแบรนด์เราก็หาบุคลิก โดยดำเนินการเดาฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องวิจัยด้วย
ดิฉันและฝ่ายวิจัย ถูกเอเจนซี่ส่งไปอบรมคอร์สที่เรียกว่า
The Use of Research for Creative Developmentค่ะ ซึ่งเป็นประโยชน์กับชีวิตมากเลย..เพราะได้เพื่อนดีที่ทำงานเข้าขากันจากที่นี่นั่นเอง
เวลาเราทำคอนเส็ปท์บอร์ดกัน ผลที่ออกมาจะช่วยเกลาแนวทางการหาคอนเส็ปท์ของสินค้าได้ดี เพราะเราคิดเสร็จ เสนอลูกค้าผ่านหลายๆบอร์ด แล้วจึงไปทำการเชิญกลุ่มเป้าหมายมา
เช่น เราทำรองเท้าแนวสปอร์ทแฟชั่น เราก็จะตกลงกันว่า เราจะหาผู้ใส่รองเท้าประเภทนี้เท่านั้นมาสัมภาษณ์ กี่กลุ่ม กี่คน
การวิจัยต้องเสียเงินค่ะ ไม่มีฟรี..
นั่นหมายความว่าลูกค้าต้องอยากได้ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้บริโภคโดยตรง
หากคิดว่าตลาดมันไปด้วยวัยรุ่นก็เอาวัยรุ่นมา
หรือหนุ่มสาวที่เพิ่งทำงานจ็อบแรก
หรือนักศึกษา
หรือคนวัยทำงาน สามสิบปีขึ้นไปที่รักการออกกำลังกาย
กลุ่มเป้าหมายพวกนี้หละค่ะ ที่จะกลายมาเป็นข้อมูลให้เรากรองว่า จะทำโฆษณาแบบไหน


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 10 พ.ย. 07, 21:57
ถูกจัยคู่สุดท้ายคับ คุณกุ้งแห้ง


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 10 พ.ย. 07, 22:17
ฟ้องก่อนนะคะ  ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น  ดิฉันต้องเข้าเรือนไทยผ่านกล่องค้นหา  หน้าแรกของวิชาการ.คอมเปลี่ยนไป  ดิฉันหาลิงค์ไม่เจอค่ะ

อ่านเรื่องการวิจัยของคุณกุ้งแห้งเยอรมัน  เลยขอแจมด้วยประสบการณ์จากผู้เก็บข้อมูลการวิจัย  สมัยเป็นนักศึกษา  ดิฉันกับเพื่อนหารายได้พิเศษจากงานวิจัยพวกนี้แหละค่ะ  วิธีวิจัยเขาเอาจริงเอาจังมากนะคะ  จนทำให้ดิฉันรู้สึกเชื่อถือ 

เริ่มจากเราไปสมัคร  ต้องผ่านการอบรมจากเขาก่อน  โดยจะมีเจ้าหน้าที่อธิบายให้เราฟัง  เสร็จแล้วเขาก็ให้เราลองสัมภาษณ์ทีมงานวิจัยของเขา  ถ้าทำได้ถูกต้องครบถ้วนเขาก็กำหนดถึงจะได้เป็นผู้เก็บข้อมูล  ทำไม่ถูกก็ให้เราแก้ไข  ลองทำใหม่  โดยต้องเปลี่ยนไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่คนใหม่  แต่ถ้าหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ถูก  ทำไม่ได้ตามวิธีการที่เขากำหนด ก็ไม่ได้เป็นผู้เก็บข้อมูลค่ะ 

เมื่อผ่านการอบรมแล้วก็ให้แบบสอบถามมาจำนวนหนึ่งขึ้นอยู่กับเราว่า  จะมีเวลาทำให้เขาได้มากน้อยแค่ไหน  เขาจะจัดให้ตามเวลาที่เรามี  เพราะเราไม่ได้ทำงานเต็มเวลา  ต้องสัมภาษณ์ตามบ้าน และคนตามที่เขากำหนดเท่านั้นนะคะ  ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ได้  เขาขู่ด้วยว่า  ถ้าเรามาโมเมกรอกเอง  เขาจะมีเจ้าหน้าที่ไปสุ่มตรวจ  ถ้าไปสุ่มตรวจเจอ  เราก็จะไม่ได้สตังค์ทั้งหมด  แล้วก็อดทำกับเขาตลอดไป  เวลาไปตามบ้านที่เขากำหนด  ถ้าคนที่เราเจอไม่ยอมให้ข้อมูลใด ๆ กับเรา  ก็ไม่ได้สตังค์ค่ะ  ได้แค่ค่ารถนิดหน่อย  แล้วถ้าไปสัมภาษณ์มาแล้วข้อมูลไม่สมบูรณ์ก็ไม่ได้สตังค์ค่ะ  การรับแบบสอบถามมาแต่ละครั้ง  ก็มีกำหนดส่งงานคืน  ถ้าทำเสร็จไม่ทันก็ไม่ได้สตังค์  กว่าจะได้สตังค์มันยากเย็นเข็ญใจจริง ๆ ค่ะ

แล้วจะมาต่อค่ะว่าตอนเราไปสัมภาษณ์เราเจออะไรบ้าง  กลเม็ดเล็ก ๆ ที่เราพอทำได้เพื่อให้เราได้สตังค์มีอะไรบ้าง  แล้วนอกจากได้สตังค์แล้วเราได้อะไร


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 11 พ.ย. 07, 02:50
              อิอิ  มุมมองวัยผมและผองเพื่อนเด็ก ตจว.  ตอนนี้เริ่มเบื่อรองเท้าสปอร์ตแวร์ประเภทพื้นหนา  หันมานิยมประเภทพื้นบาง  มันคล่องตัวกว่าและใส่ง่ายไม่เป็นไอ้ตีนโต  ประเภทความกว้างเท้าได้แต่ความยาวไม่ได้  แต่ก็ยังติดแบรนด์เนมกัน  ทั้งๆที่ใส่แพนสบายสุดๆ  แบรนด์เนมถ้านอกจากอาดิดาส  ไนกี้  พูม่า  ล็อตโต้แล้ว  ยี่ห้ออื่นคงมาแทรกยาก  ยี่ห้อพวกนี้ปล่อยเพื่อนต่อยังไหว  แต่อิทธิพลที่มีต่อพวกเรามากที่สุดคือเด็ก กทม.  ถ้าเห็นเค้าใส่อะไรก็จะใส่บ้าง  ยิ่งเห็นนักร้องดาราที่ชอบใส่ละก็ยิ่งมีผล
                 แต่ก็นั่นล่ะ  ผมก็ยังใส่แพนเตะตะกร้อกับเพื่อนทุกเย็นอยู่ดี  "คนไทยต้องใส่แพน" ชอบคำโฆษณานี้จัง.......... ;)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: Ply ที่ 11 พ.ย. 07, 10:58
ว้ามาตอบช้าไปซะแล้ว
อันนี้ตอบแบบไม่ได้แอบดูคำตอบก่อนนะค่ะ
คู่แรก รองเท้าหนัง ราคาแพงสุด กลุ่มเป้าหมาย คุณชายไฮโซ อายุประมาณปลายยี่สิบถึงสามสิบปลายๆ เอาไว้ใส่ไปเที่ยวเล่นแบบ smart casual คือไม่ดูหรูเกินไปนัก แต่ก็ไม่ได้ดูลำลองเกินไป ใส่ไปเที่ยวกลางคืนผับดีๆได้ไม่โดนไล่ออกมา ใส่เดินเล่นก็ดี แต่ใส่ไปงานไม่ได้ค่ะ
คู่ที่สอง รองเท้าหนังกลับ กลุ่มเป้าหมาย เป็นคุณชายไฮโซเหมือนกัน แต่อาจจะเด็กลงมาหน่อย เริ่มประมาณต้นๆยี่สิบ เอาไว้ใส่เที่ยวเล่นเดินเล่น แต่ใส่ไปเที่ยวผับ หรือไปร้านอาหารหรูๆอาจจะดูไม่เหมาะสม
คู่สุดท้าย รองเท้าผ้าใบ กลุ่มเป้าหมาย เป็นเด็กวัยรุ่น แบบ อยากให้รองเท้าพละแต่เอายี่ห้อไม่เหมือนใคร ใส่ไปเที่ยวห้าง และ สวนสนุก ได้ เห็นชาวบ้านเตะบอลอยู่ก็พร้อมลุยได้ทันที

คู่สุดท้าย ปลายไม่ซื้อค่ะ เอาตังไปซื้อ นันยาง ไม่ก็คอนเวิรส์ ดีกว่า


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 12 พ.ย. 07, 21:56
ผมแค่คิดได้ แต่ตอบไม่เก่งเท่าท่านอื่นครับ..


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 พ.ย. 07, 15:54
ถ้าผมต้องทำการบ้านข้อนี้ สอบตกแหงเลย....
ผมว่ามันยากมากที่จะทำโฆษณาขายของที่นานๆ ทีคนจึงจะซื้อ
เว้นแต่คนที่เชื่อในพลังแห่งโฆษณาการจนหมดใจ

อึ้ม...
ราคารองเท้า กับรูปแบบการใช้งาน ล้วนชี้ไปในทางที่จะขายคนที่มีสมอง
เพราะคนนั้น ต้องมีเงิน มีเวลา รักชีวิต และยอมเข้าสู่กระบวนการวิ่งเพื่อสุขภาพ
คนพวกนี้ มีสังคมเฉพาะ เขาจะไม่เชื่อโฆษณา แต่จะเชื่อเพื่อนร่วมกลุ่มและตัวเอง
และท้ายที่สุด การใช้งานจริง จะเป็นตัวตัดสินสุดท้าย ว่าจะมีใครในพวกนี้ ยอมจ่ายเงินแพงๆ
เพื่อรองเท้าที่ กัดตีน วิ่งแล้วขาแพลง ขาดง่าย เก่าง่าย ใส่แล้วกลายเป็นตัวตลก
(เหตุการณ์สมมตินะครับ ไม่ได้แปลว่าใส่ตีนไก่แล้วจะเป็นอย่างนั้นเสมอ)

กรณีนี้ ผมเห็นว่า การโฆษณา ควรทำเพื่อผดุงการรับรู้ มาหลังการอัดฉีดสินค้าเข้าในตลาด
ด้วยการแย่งชิงที่สถิตย์ให้เตะตาคนซื้อ ทั่วทุกหัวระแหง และกัดฟันอยู่ให้รอดให้ได้
หน้าร้านอันโอ่อ่านั้น เป็นได้แต่เพียงหัวข้อสนทนาสักสองสามวัน
เข้าวันที่สี่ที่ห้า ต่อๆไป....จึงจะเป็นตัวกำหนดว่า โฆษณาใหน ควรให้ใครเสพย์...ฮิฮิ

สินค้าจะอยู่ได้ พึ่งร้านค้าเราร้านเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องมีoutletอื่น เช่น supersport ไม่งั้นกระจายสินค้าเข้าไม่ได้ หากไม่มีการส่งเสริมการขาย โปสสะเตอร์ชิ้นเดียวก็นับเป็นโคนาแล้วค่ะ
ได้คะแนนติดลบแหง็มเลยครับ คุณครูกุ้งแห้งฯ

ไม่เลวค่ะ คุณพพ. เริ่มต้นได้สวย


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 พ.ย. 07, 16:11
ขอบายค่ะ  ดูไม่ออกว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นไหนอาชีพไหน เดาว่าคู่ชายลุ่ยน่าจะเป็นวัยรุ่น หรืออย่างมากก็นิสิตนักศึกษา  ราคาไม่แพงเกินกำลังซื้อ

ถ้าเป็นเป้าหมายหลักก็ใช่ค่ะ แต่เราต้องขยายไปอีกว่า วัยรุ่น นิสิตนักศึกษาที่ใช้ชีวิตแบบไหนค่ะ คิดแค่นั้นไม่พอทำงานต่อค่ะ

ทั้งสามคู่นี้ดิฉันไม่ใช่ลูกค้าแน่ๆ   เพราะลักษณะไม่ต้องตามความประสงค์
ดิฉันซื้อรองเท้ากีฬาตามความสบายที่สวมใส่  พื้นต้องหนา ไม่บางจนเหยียบกรวดก็รู้สึก
ตรงส้นเท้าหนากว่าปลายเท้านิดหน่อย มันจะเดินสบายกว่าพื้นหนาเรียบเท่ากัน
หัวไม่แหลม  ไม่งั้นบีบนิ้วก้อยเจ็บ

อาจารย์ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของสามรุ่นนี้ค่ะ ของอาจารย์จะมีอีกรุ่นที่ใกล้เคียงนะคะ จะกล่าวถึงตอไปค่ะและไม่ชอบรองเท้ากีฬาผูกเชือก ใส่ยากถอดยาก

แบบแรกเป็นstrapค่ะ สวมง่าย ถอดยิ่งง่ายกว่า แต่ออกแรงนิด ต้องก้มแปะก้มดึง
หลานดิฉันตกบันไดเลื่อนเพราะเชือกเจ้ากรรมหลวม ชายสอดเข้าไประหว่างขั้น
พอลงมาถึงขั้นสุดท้าย   บันไดหนีบเชือกไว้  เลยหกล้มติดอยู่ตรงนั้นเอง  มีคนมามุงดูแต่ไม่มีใครช่วยสักคน

ถูกคัดออกอีกหนึ่งราย


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 พ.ย. 07, 16:44

โดยส่วนตัวผมชอบคู่สีน้ำตาลหนังล้วนครับ
แต่ราคาสูงไปนิดหน่อย (สำหรับเด็กเพิ่งจบใหม่)
คู่หนังกลับคู่สุดท้ายพอไปรอด
แต่คู่รุ่ยๆดูแล้วขัดตานิดหน่อยครับ
เรื่องการตลาด... ก่อนอื่น ขออนุญาตเดารวมๆก่อนครับ ว่ารองเท้า 3 คู่นี้
เหมาะกับวัยรุ่น (หรืออย่างน้อยก็หนุ่มโสดเมโทรเซกชั่วล์ล่ะเอ๊า.... )
และขอเดาต่ออีกว่าการกระชากเงินออกจากกระเป๋าของคนกลุ่มนี้อาจจะต้องแย่งลูกค้ากันมากหน่อย
แต่ถ้าเขายอมจ่ายแล้ว.... เท่าไหร่ไม่อั้น ราคาไม่น่ามีปัญหาครับ
ถ้าหมั่นจัดรายการลดราคา (แต่ต้องจัดให้เขารู้สึกว่าเราตั้งใจมาลด)
ไม่เหมือนพวกแบรนด์เนมหลายเจ้าที่ลดราคาซะปีละ 6 เดือนคงดูน่าซื้อครับ
สรุปว่าถ้าเป็นผม คงหาทางโฆษณาทางนึงโดยการหานายแบบหุ่นดีซักคน
มาถ่ายโฆษณาลงนิตยสารที่มีนายแบบนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นปกบ่อยๆ
แล้วสอดคูปองค์ลดราคา 15 - 20% เอาไว้ให้คนซื้อรีบตัดไปใช้ซะก่อนหมดอายุ

ไอเดียในการวางกลุ่มเป้าหมายน่าจะถูกต้องค่ะ รวมถึงไอเดียของการโฆษณาเบื้องต้น แต่คุณติบอไม่คิดเหรอคะว่า หากเราเริ่มวางตลาดก็ลดแล้ว มันจะไม่กลายเป็นว่าลูกค้าก็จะมองเราเป็นแบรนด์ลดราคาไป เสียอิมเมจ ไม่น่ายอมแต่ต้นนะคะ คูปองรับของแถมน่าจะดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นของแถมที่ลูกค้าเอาไปใช้แล้วเหมือนการโปรโมทตราของเราจะยิ่งดี

ตามมาด้วยขอเดาแยกทีละคู่ครับ
คู่แรกพื้นรองเท้าแบบนี้พอจะใส่วิ่งได้บ้าง
แต่จะให้ไปวิ่งตามเป็นประจำสวนสาธารณะ หรือวิ่งลู่วิ่งอาจจะลำบากหน่อย
โดยเฉพาะกับนักวิ่งหลายคนที่วิ่งแล้วกระดกปลายเท้าขึ้นมาก
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม
รองเท้าทรงนี้มักจะหักจนกาวที่ทาพื้นติดกับรองเท้าไว้ปริออกมา
สรุปว่าเหมาะกับการใส่เดิน หรือวิ่งบนเครื่องวิ่งแบบไร้แรงกระแทกครับ
แต่คนใส่น่าจะชอบออกกำลังกาย หรือดูกระฉับกระเฉงหน่อย
(เอาตาพุงพลุ้ยตุ้ยนุ้ยมาใส่คงไม่เข้าเท่าไหร่)
ส่วนใหญ่รองเท้าที่เป็นstrapแบบคู่แรก เราจะใส่เป็นแฟชั่นค่ะ ไปทำงาน ไปป่า เป็น multipurpose ไปเที่ยว จะใส่รองเท้าหนังแท้เล่นกีฬาน่าจะไม่เหมาะค่ะ




กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 14 พ.ย. 07, 21:51
วันนี้ได้สามความเห็นเองหรือครับ.. 8)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 15 พ.ย. 07, 01:41
เห็นด้วยกับคำเตือน 100 % ครับ
คุณกุ้งแห้ง



งั้นผมขอเสนอวิธีโปรโมชั่นอีกวิธีนึงครับ



ถ้าผมจำไม่ผิด เครื่องสำอางค์ หรืออาหารหลายเจ้า
นิยมให้ลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกครับ
ขออนุญาตยกตัวอย่าง ไอติมยี่ห้อนุง
ชื่ออารายหว่า ฮาๆ อะไรซักอย่างนี่ล่ะ

เท่าที่ผมจำได้.... แกเป็นไอติมสัญชาติฝรั่งเศส
ผลิตในฝรั่งเศส...... แต่เข้ามาขายในไทย
คุณกุ้งแห้งคิดว่าการที่จะใช้ความเป็นฝรั่งเศส
ไปขอเขาให้ช่วยพิมพ์โฆษณาลงในโปสสะการ์ด
ที่ร้านไอติมร้านนี้จะส่งไปหาลูกค้าเป็นประจำอยู่แล้ว
บอกให้พี่ไทยพวกที่มีปัญญากินไอติมราคาถ้วยละร้อยกว่าบาท
เอาโปสสะการ์ดมาแลกของแถมที่บู๊ต เลอร์ก๊อกในห้าง
จะเป็นวิธีโฆษณาที่พอไปรอดมั้ยคับ แหะๆ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 16 พ.ย. 07, 02:55
ผมไม่แน่ใจเรื่องจะขายความเป็นฝรั่งเศสได้หรือไม่ได้ เพราะอันที่จริงแบรนด์แบบนี้ มันสามารถผลิตได้ทั่วโลก ยังชั่งใจอยู่ครับว่าเราขายวัยรุ่นจริงหรือ และระหว่างนักร้องไทย กับนักกีฬาอินเตอร์ ใครแรงกว่า
ควรจะใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้งไหม ขอคิดอีกนิดครับ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 21 พ.ย. 07, 06:39
           อืมมมม  พูดยากสินค้ากาไก่แต่ไม่ไก่กาตัวนี้  มีเป้าหมายจะแย่งมาร์เก็ตแชร์ซักเท่าไหร่ดี  ถ้าร้อยละ10  คงต้องทำงานด้านโฆษณาหนักหน่อย  อีตา โนอาห์กับอีตาเลิบ  สำหรับสยามประเทศคงไม่เวิร์คอ่ะครับ  คนพรีเซนต์ต้องประมาณ เทียรี่  อองรี  หรืออย่างแย่ๆก็ต้อง กาสเก้  ถ้าวันรุ่นระดับผมคงต้องประมาณ ตัวหนังกลับ  สนนราคา 65 ออยโร  คงต้องคิดนาน  แตก็พอให้รางวัลกับตัวเองได้ไม่ถึงกับต้องกัดฟันนัก  แล้วก็เหมาะกับเสื้อผ้าที่มีอยู่เรียกว่าแมทช์  แต่คงใส่ไปเที่ยวนะไม่ใช่เอามาใส่เล่นไก่กา  ส่วนเจ้าสองตัวที่เหลือหาชุดใส่ที่แมทช์กับมันลำบาก  ตัว 28 ออย ก็หวานไป  อีกตัวราคาแพงไป

           ถ้าจะซื้อมาใส่แล้วตัดสินใจได้ไวจริงๆ  นี่เอาบรรทัดฐานคนวัยผมนะ  ขอให้เห็นพี่แบ๊งค์ วงแคลชหรือพี่ตูน บอดี้สแลม  ใส่  รับรองตัดสินใจทันที  ไม่ต้องมาลดราคาด้วย  คนวัยนี้ตัดสินใจไวที่สุดขอให้ดารานักร้องที่เค้าชอบนิยมละกัน  ไม่ต้องขึ้นพารากอนหรอก  อยู่ไหนก็ซื้อ  ลองจ้างเค้าใส่ซักครึ่งปีสิครับ  รับรองเวิร์คแน่ๆ..........อิอิ ;)
โอ้...คุณกล้วยบาน่า สำบัดสำนวนเหลือร้ายพอๆกับคุณติบอของดิฉัน สิ่งที่แบรนด์อินเตอร์มักจะไม่ทำก็คือการนำพรีเซ็นเตอร์โลคัลมาใส่ยี่ห้อเขาเพื่อกระตุ้นยอดขายเพราะ
1. ตลาดประเทศนั้นอาจไม่มากพอที่จะคุ้มทุนการจ้างคนดังใส่
2.ไม่ไว้ใจการนำแบรนด์มาห้อยกับคนดัง เผื่อพี่แกทำเรื่องอื้ฉาวคาวหญิง หรือทำเรื่องเสื่อมเสียผิดกฎหมาย แบรนด์ก็จะดับไปด้วย
ฯลฯ
จึงต้องมีการศึกษาจริงๆว่าน้องแบงค์ หรือน้องตูนน่ะ เค้ามีความเป็นมา และจะเป็นไปอย่างไร ใครแบ็คเค้าบ้าง...ทำนองนี้ค่ะ
บ้านเรามิวสิคเซเล็บมันมีมากกว่านักกีฬา กี่ปีกี่ปีก็ไม่เปลี่ยน ..เวลาหาคนดังมาใส่สินค้ากีฬาหรือสปอร์ทแฟชั่นที ครีเอถีบกลุ้ม ..ในประวัติศาสตร์การโฆษณา เรามีนักกีฬาภาพดีแค่ปรีดา จุลละมณฑล ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เวิคในการโปรโมทสินค้า
ดิฉันอาจจะตกหล่นบรรดานักมวยไป เพราะเขาไม่ได้อยู่ในแคทนี้ค่ะ
ไปอยู่ในพวกเครื่องดื่มแคฟเฟอีนซะมากกว่า


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 21 พ.ย. 07, 06:46
ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยค่ะ  แต่อยากแจม  ของอย่างนี้ต้องขายวัยรุ่น ถึงวัยทำงานตอนต้นค่ะ  ต้องเป็นวัยรุ่น หรือคนทำงานที่อยากแสดงตนว่ามีรสนิยม  มีสไตล์  ขับรถสปอร์ต  เป็นกลุ่มมีสตังค์  ถีงไม่มีก็พยายามทำให้มี  เพื่อสร้างความมีรสนิยม และสไตล์ให้ตัวเองค่ะ  ยังไม่ต้องคิดถึงคุณภาพที่แท้จริงของสินค้าว่าผลิตมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร  เอ.....ดิฉันมองลบไปหรือเปล่าเนี่ยะ
มองลบมองบวกไม่เป็นไรค่ะ ขอให้มองลึกจริงๆ เริ่มเข้าเค้าค่ะ คุณป้ากุน หมายถึงเข้าเค้าในสิ่งที่จะบอกท่านผู้อ่านนะคะ
อย่างที่ป้าฯบอก เขาเรียกว่า กลุ่มเป้าหมายทางจิตวิทยา Psychological targetค่ะ
ซึ่งเรามองว่า กลุ่มนี้ ไม่ได้วัดกันที่รายได้รวมส่วนตัว รายได้ครอบครัว หรือเรียกว่า Economic status แต่อย่างใด
มองกันที่จิตวิทยาเป็นหลัก
มีอยู่สามกลุ่มค่ะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 21 พ.ย. 07, 07:24
outer directed
คือพวกสินค้าที่ต้องสร้างภาพให้คนรู้สึกว่า ถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม กระแสแฟชั่นภายนอก อย่างที่คุณป้ากุนบอก
ไม่ใช้ไม่ทันสมัย อยากให้คนมองว่าฉันใช้ ฉันดื่ม ฉันใส่
คนต้องเห็นว่าฉันก็มี
ใครๆเขาก็ใช้กัน เช่นพวกแบรนด์แฟชั่นทั้งหลาย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มือถือ บ้านที่ใช้คนดังน่ะแหละค่ะ
ซื้อหามา คุณภาพก็ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งกระตุ้นภายนอก ทำให้ผู้บริโภคต้องการสินค้าเรา
ทำได้อย่างนั้นไหม
ถ้าทำได้ ก็ขายคนที่ต้องการให้คนมองว่าฉันทันสมัย ไม่ตกยุคได้


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 21 พ.ย. 07, 13:36
ตัวอย่าง
รองเท้าผู้หญิง ราคาสูงหน่อย สวมสบาย แฟชั่น เซ็กซี่ multipurpose
ลงทุนจ้างดาราสาว มาร่วมออกแบบ
ขายกับเสื้อผ้าเธอ
คู่หนึ่ง ต้องราคาพอที่จะคุ้มค่าจ้างพรีเซ็นเตอร์
กำไรส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้เธอ
ชื่อเธอต้องเป็นแบรนด์ด้วย


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 21 พ.ย. 07, 17:24
ผู้ใหญ่ท่านึงเคยเปรยกับผมว่า
ภาษาไทยสมัยก่อน แปลคำว่า "แฟชั่น" ว่า "สมัยนิยม"
เพราะสมัยนั้นคนไทยมีประชากรไม่ถึง 30 ล้านคน
ทีวีเป็นขาวดำ ภาพถ่ายก็ไม่มีสี
ใครจะมาคิดตัดเสื้อผ้ารูปทรงแปลกๆก็ยากเต็มที
อย่างมากตามเจ้านาย หรือตามในทีวีก็โก้ถมถืด


แต่เดี๋ยวนี้โลกมันโกลบาไหลส์กันมากขึ้น
ถ้าจะมาแปลคำว่า "แฟชั่นโชว์" ว่า "การแสดงเสื้อผ้าตามสมัยนิยม"
คงใช้การไม่ได้ไปนานแล้ว เพราะเสื้อผ้ามันก็มาจากหลายแหล่ง หลายที่
คนออกแบบก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง
นิตยสารเสื้อผ้าวางแผงกันเกร่อตลาด
แต่ละคน แต่ละร้านก็อยากนำเสนอความเป็นตัวของตัวเองจนถึงขีดสุด
เรียกว่าเอามากี่ร้านๆ ก็แทบหาความเหมือนร่วมกันไม่ได้เลย

แฟชั่นโชว์เลยกลายเป็นการโฆษณาสินค้า
เอาไว้นำเสนอสินค้าใหม่ๆของร้านค้าให้ลูกค้าเห็น
ถูกใจชิ้นไหนจะได้รีบไปซื้อซะมากกว่าไปแล้ว




ปล. ขอบพระคุณคุณกุ้งแห้งมากครับ
ที่กรุณารับผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 พ.ย. 07, 17:13
โฆษณาและแบรนด์ มีผลต่อลูกค้ามากกว่าคุณภาพค่ะ เช่นคนเก่าคนแก่รุ่นพี่ๆดิฉัน จะเลือกที่นอนกันที เขาต้องไปเลือกที่ไว้ใจได้ เจ้าเก่าแก่ ที่พาหุรัดกัน ที่นอนที่ไม่โฆษณา แต่ขายโนว์ฮาวที่ทำต่อกันมาเป็นตระกูล เช่นที่นอนบางกอกน้อย ซึ่งมีสาขาที่พาหุรัดถึง 2 ร้าน เน้นยัดนุ่น แต่มีหลายแบบให้เลือก สปริงแค่ไหน ผ้าอะไร หนาขนาดไหน ในขณะที่คนรุ่นหลังซื้อที่นอนไม่slumberlandก็sealy..เพราะเป็นเหยื่อโฆษณาน่ะเอง...
ดูๆไปแล้ว ที่นอนยัดนุ่นน่ะ ดีที่สุด ไม่ปวดหลัง นอนกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด พอพวกเราทำโฆษณาที่นอนที่มีแบรนด์พวกนี้ ใช้ระบบอะไรต่อมิอะไรฟังให้โก้ๆไปงั้น ลูกค้าก็ตื่นเต้น เชื่อ
ที่นอนคุณแม่ดิฉัน ต้องเป็นที่นอนยัดนุ่นเท่านั้นค่ะ และเจ้าประจำที่ต้องเย็บที่นอนกันเองก็มีอยู่ไม่กี่ที่
เดี๋ยวนี้ เรากลับไปหาธรรมชาติกัน พวกที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียน่ะ ไม่ได้ดีกับสุขภาพเลย นะคะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 ธ.ค. 07, 08:07
เวลากรอกจุดประสงค์ทางการโฆษณา สิ่งที่เราชักจะชินๆมันก็มีไม่กี่ข้อ เช่น สร้างภาพพจน์ของตราสินค้า ระยะหลังๆสิ่งที่ตามมาก็ตือสร้างบุคลิกของตราด้วย
แต่จะผลักดันให้คนซื้อด้วยเหตุผลไหน
ซื้อแล้วอยากให้คนรู้ว่า ทันสมัย
หรือซื้อ ด้วยความพอใจข้างใน
ไนกี้ ซึ่งทำโฆษณาโดยบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า ไวเด้นแอนด์เคนเนดี้ ประสบความสำเร็จด้วยการสร้างตราจากโฆษณาที่เรียกว่า outer directed target group และinner directed target groupค่ะ
กระทู้นี้ ลำบากหน่อยตรงที่ว่า ต้องใช้เวลาหาภาพโฆษณาเดิมๆยากหน่อย
จะต้องไปค้นในกรุ หาตัวอย่างมาให้ชม
ท่านผู้อ่านเรือนไทยต้องใจเย็นหน่อยนะคะ


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 10 ม.ค. 08, 22:25
หนีเที่ยวมาเดือนกว่าๆ
กลับมาติดตามอ่านกระทู้เหมือนเดิมแล้วนะครับผม


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 ม.ค. 08, 00:47
 :-[ :-[ :-[
จะพยายามมาเขียนต่อค่ะ โดนสมาชิกแถวเมืองสองแควท่านว่ามาเหมือนกัน


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 12 ม.ค. 08, 00:57
  ง่ะขอบคุณครับสำหรับความเข้าใจใหม่ๆ  อิอิ  ทีแรกผมนึกว่า outer directed  หมายถึงขาจร  inner directed หมายถึงลูกค้าประจำ  แต่เมื่อดูโฆษณาของไนกี้  หรือ โคคาโคล่า แล้ว W&K ที่ผมคิดว่าไม่เล็กเท่าไหร่  เค้ายังใช้เซเลบเป็นตัวขายหรือเพิ่มเครดิตสินค้า  บางทีก็อาจเสี่ยงต่อความประพฤติหรือความคาดการณ์ในความฮอตของพรีเซนเตอร์  เช่น  แม่หนูมิเชล วี  ที่คิดว่าต่อไปข้างหน้าคุณเธอต้องระเบิดเถิดเทิงแน่  แต่ดันฟอร์มหลุด  แต่ก็นั่นแหละชั่วโมงนั้นหลายแบรนด์ก็สนใจเธอ  คนฮอตๆนี่คงคุ้มเพราะดูค่าตัวแล้วจะเป็นลม  ขนาดมาตั้งบริษัทที่บ้านเราได้สองสามบริษัท  เพราะคนดังๆจะครอบคลุมไปทุกกลุ่มเป้าหมาย  แต่บ้านเรายังต้องแยกนิดหน่อย  ถ้าพี่แบงค์หรือพี่ตูนของผมก็คงได้กลุ่มนึง  แต่ถ้าเป็นคุณๆไฮโซไสตี้มาพรีเซนต์ก็อีกกลุ่มนึง  ยังรอตัวอย่างรูปโฆษณาของ ตปท จากคุณกุ้งอยู่นะครับผมชอบดูไอเดียแปลกอ่ะครับ อิอิ..... ;)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 12 ม.ค. 08, 10:23
สู้ๆครับพี่กุ้งแห้ง
ตั้งแต่เข้าเรือนไทยมา.....
ผมได้รู้อย่างนึงว่า.....
การเปิดกระทู้เป็นเรื่องง่ายครับ
แต่จะเขียนไปจนจบเนี่ยะ ยากชะมัด

บางกระทู้ก็แตกลูกแตกหลาน
บางกระทู้ก็ค้างเติ่งอยู่ครึ่งนึง
(กระทู้ผมอ่ะ ไม่ถึงครึ่งเยอะเลยครับ แหะๆ)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 ม.ค. 08, 11:13
 ขอบคุณค่ะ คุณติบอและคุณกล้วย.. 8)


กระทู้: โฆษณาไหน.. ใครเสพ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 31 ม.ค. 08, 06:54
inner directed
คนที่มีแรงผลักดันการซื้อเพื่อเติมความต้องการภายในให้เต็ม ไม่จำเป็นต้องแสดงกับใคร ใช้แล้วพอใจอยู่คนเดียวก็ได้ คนอื่นอาจไม่รู้สึก แต่คนซื้ออิ่มเอมใจ
...............
อืมม์ต้องหาภาพตัวอย่างค่ะ