เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: chupong ที่ 24 เม.ย. 11, 14:47



กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 24 เม.ย. 11, 14:47
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู ตลอดจนท่านสมาชิกเรือนไทยที่เคารพยิ่งทุกท่านครับ

วันหนึ่งในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสคุยโทรศัพท์กับเพื่อนคนหนึ่ง เราโม้กันด้วยเรื่องจิปาถะสักครู่ ผมก็ชวนเธอคุยเรื่องภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ถามว่าไปดูมาหรือยัง รู้สึกอย่างไรบ้าง ประโยคแรกที่เธอกล่าวคือคำบ่น “เราปวดหัวกับภาษาในบทหนังมากเลย” จากนั้นตามด้วยปรัศนี
“คนโบราณพูดจากันฟังยากๆถึงขนาดนั้นเลยหรือ” ผมแย้งไปว่า “ไม่ยากนะ” แล้วเราก็เปิดประเด็นอภิปรายกันครับ ยังมิทันได้ข้อสรุป เธอก็ติดธุระเสียก่อน หลังจากวันนั้น เราไม่สนทนากันเรื่องนี้อีก แต่ความคำนึงยังกรุ่นในสมองผม เกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า นักเขียน หรือผู้เขียนบันเทิงคดี (ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม) หากจะเขียนเรื่องราวยุคเก่า ควรสรรคำอย่างไร ถ้าให้โบราณสมยุคมากที่สุด คนอ่าน/ฟังส่วนหนึ่งก็โวยว่ายากต่อความเข้าใจ ไม่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเยาวชน  ครั้นทำให้โบราณแต่น้อย ผู้เสพอีกกลุ่มก็อาจวิจารณ์ได้ว่า ภาษาไม่เหมาะกับท้องเรื่อง ฉะนั้น ท้ายที่สุด ผมจึงใคร่ขอความเห็นจากทุกท่านเกี่ยวกับกรณีนี้ครับ สมมุติเล่นๆว่า ผมกำลังเขียนบทละคร โดยกำหนดว่าเรื่องราวเกิดขึ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แม่ผกากำลังปรับทุกข์ด้วยอ้ายแกล้วผู้สามี ลีลาวาจาต่อไปนี้ ควรปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไรครับ

   ผกา: “ตรับข่าวชาวกรุงระบืออื้ออึงกัน เศิกครานี้ พระเจ้าหงสาวดีทรงคุมพลแสนยาเสด็จมาเอง แลทวยทกล้าพม่ารามัญอเนกอนันต์นัก ข้าวิตกมิรู้วายเลยพี่”
อ้ายแกล้ว: “เจ้าจักทังวลไย พหลแห่งอโยธยามื้อนี้ดั่งเทวาพยุหะ สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าองค์จุมพลข้างฝ่ายเราทรงพระปรีชาสามารถลือเลื่องกระเดื่องก้องไปทั่วทิศานุทิศ พระราชชโยบายหลักแหลมล้ำลึก ทั้งมากด้วยพระมหากฤษฎาธิการ ทัพม่านทัพมอญ เพียงพรับตาก็จักพินาศดุจแมลงเม่าเข้าเพลิง เจ้าคอยยลเถิด”
ผกา: “กระนั้น ข้าค่อยคลายใจ ว่าแต่พี่จะออกเศิกโดยเสด็จพระองค์ท่าน ระมัดตนด้วยหนา พี่ข้าเหิมห้าวกร้าวกระด้าง ข้าเกรง...”
อ้ายแกล้ว: “มัวหวาดนั่นหวั่นนี่มิเข้าทีเลยเจ้า ในสนามรณรงค์สงครามผู้ใดจักขลาดคร้ามหดหัวดั่งเต่าเอากระดองคุ้มตัวอยู่ได้ ศัตรูมันจักไยไพ ไหนๆประจญประจัญกันแล้ว ก็ต้องเหิมต้องเหี้ยมถึงที่สุด พี่ออกยุทธ์มิรู้กี่คราหาเคยเพลี่ยงไม่ เจ้าวางใจเถิดผกาเอ๋ย ผัวเจ้ามิตายดอก”


   นี่เป็นตุ๊กตาที่ผมทดลองทำขึ้น ผิดพลาดอย่างไร กราบขออภัยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูงยิ่ง
ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ

   
 



กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 24 เม.ย. 11, 15:29
ผมหนุ่มสยาม จะขอยกตัวอย่างภาษาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชให้ เป็นเอกสารหนังสือออกพระวิสุทธสุนทร ถึงเมอร์สิเออร์ เด ลา ยี เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๐


"เมื่อยังอยู่ ณ กรุงฝรั่งเศสแลสรรพอันวิเศษนั้นก็กลุ้มอยู่แลละสิ่งละสิ่งนั้น ก็ชักชวนน้ำใจให้ไปข้างโน้นบ้าง ข้างนี้บ้าง ให้รำคาญในอยู่น้อยหนึ่ง แลบัดนี้มีวันคืนอันเปล่าอยู่ สรรพอันตรการทั้งปวงนั้น อัตโนก็เรียกมาในความคิดพิจารณาเห็นละสิ่งสะสิ่งด้วยความยินดีให้สบายใจ แลอัตโนจำเป็นจะว่าแก่ท่านตามจริง มิคิดเห็นความสนุกสบายในแผ่นดินนี้ จะสนุกสบายเท่าหนึ่งคิดถึงยศศักดิ์แห่งพระมหากษัตริย์เจ้าผู้ใหญ่ อันหาหาผู้ใดจะแปลบุญสมภารให้สิ้นมิได้ ดุจหนึ่งพระมหากษัตราธีราชผู้เป็นเจ้าแห่งอัตโนได้ตรัสแต่ได้สองปีสามปีแล้วว่า พระมหากษัตรเจ้ากรุงฝรั่งเศสนี้เห็นสมควรจะเป็นพระมหากษัตริย์ แก่พระมหากษัตริย์ทั้งปวงทั่วแคว้นยุโปร แลความคิดทั้งปวงนี้มิได้"


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 เม.ย. 11, 16:03
ตอบคุณชูพงศ์
ภาษาคือการสื่อสาร   ควรเขียนให้คนปัจจุบันรู้เรื่องค่ะ   ถ้าจะใส่ศัพท์โบราณลงไป   ก็แค่พอให้เป็นกลิ่นอายของโบราณเท่านั้น
สิ่งควรระวังคืออย่าใส่ศัพท์ที่เกิดภายหลังเข้าไป   เช่นคำว่าสวัสดี   ชาวอยุธยาไม่รู้จัก   รัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงก่อนปี ๒๔๗๕   ก็ยังไม่รู้จัก พระยาอุปกิตศิลปสารเพิ่งคิดคำขึ้นระหว่างท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ  นี่เอง


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 25 เม.ย. 11, 11:24
ขอบพระคุณคุณ siamese ครับ สำหรับตัวอย่างภาษาโบราณยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับ "อัตโน" คำนี้เป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง ใช้ในทำนองเดียวกับ "ข้าพเจ้า" ใช่หรือเปล่าครับ?

   กราบขอบพระคุณอย่างยิ่งในข้อเฉลยของท่านอาจารย์เทาชมพูครับ ผมกระจ่างแล้ว จะยึดถือคำตอบของอาจารย์เป็นหลักเกณฑ์สืบไปครับผม
 


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: kwang satanart ที่ 11 พ.ค. 11, 02:07
คงอย่างที่อาจารย์เทาชมพูท่านว่าล่ะค่ะ คืออย่าใส่ศัพท์สมัยใหม่ลงไป   คนไม่รู้ไม่เท่าไหร่  แต่คนรู้ซึ่งก็มีไม่น้อยคงรู้สึกแปลกๆ  แต่ถ้าไม่มีศัพท์โบราณเอาเสียเลย  คงดูไม่เป็นภาพยนตร์โบราณ   คาดว่าคนรุ่นอยุธยา คงจะพูดไม่ต่างจากที่คุณชูพงศ์เขียนบทมานั่นสักเท่าไหร่  ดูแต่สำนวนภาษาในพระราชนิพนธ์ไกลบ้าน ของรัชกาลที่ ๕ หรือหนังสือ สาส์นสมเด็จ  ของกรมพระยาดำรง ฯ  หรือหนังสือในยุคใกล้เคียงสิคะ   รุ่นหลังจากอยุธยาตั้งเป็นร้อยปี  เวลาอ่านยังต้องตั้งสมาธิ และ พยายามทำความเข้าใจให้ดีเลย  เพราะสำนวน และคำศัพท์  คำพูดบางคำต่างจากปัจจุบันมาก  แทบจะเรียกได้ว่า ถ้าไม่ได้ศึกษาทางด้านภาษามา  หรือไม่มีความสนใจอย่างมาก  คงยากจะเข้าใจ   

แต่คำไทย  สำนวนไทยนี่ละเมียดละไมดีนะคะ  อย่างเพลงไทยในสมัยก่อนกว่าจะเข้าใจในความหมาย ต้องคิดตาม  แต่เมื่อคิดออกแล้วจะเข้าใจเลยว่า คนสมัยนั้นท่านช่างสังเกต   ช่างเอาธรรมชาติมาเปรียบเทียบกับวิถึชีวิต   หรือความคิด  การกระทำของคนเราได้อย่างแยบยลจริงๆ


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: nakor ที่ 11 พ.ค. 11, 09:37
 ;D


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 11 พ.ค. 11, 11:35
แวะเข้ามาพบความเห็นคุณ kwang satanart เข้า เลยขอร่วมยกมือสนับสนุนอีกคนครับ

   ผมเป็นโรค “บ้าโบราณ” มาตั้งแต่สมัยเรียนจนบัดเดี๋ยวนี้ ชอบในเสน่ห์อันละเมียดละไมของถ้อยคำยุคเก่ามากครับ ปัจจุบัน ก่อนนอน ยังต้องหางานบันเทิงคดีที่ภาษาศิลป์/ภาษาสวยมาฟังเสมอ ฟังแล้วอิ่มอกอิ่มใจไม่รู้ลืมครับ



กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: unalum2019 ที่ 11 พ.ค. 11, 12:56
ฟังเพลงสมัยก่อนนี่ได้ความไพเราะละเมียดละไมจริงๆครับ


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 พ.ค. 11, 15:43
สำหรับตัวอย่างภาษาโบราณยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับ "อัตโน" คำนี้เป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง ใช้ในทำนองเดียวกับ "ข้าพเจ้า" ใช่หรือเปล่าครับ?

ลา ลูแบร์ เขียนเล่าไว้ว่า คำว่า อัตโน (Atanou) เป็นคำภาษาบาลี นำมาใช้ในภาษาไทยก่อนหน้าที่ท่านจะเดินทางมาอยุธยาเพียง ๓ - ๔ ปีนี้เอง เป็นคำเรียกตัวเองกลาง ๆ คือไม่ใช้เพื่อยกตนหรือถ่อมตน  สำหรับคำว่า ข้าพเจ้า (Ca-ppa Tchaou)  เป็นคำที่มีลักษณะแสดงความอ่อนน้อมกว่า

ลา ลูแบร์ยังเขียนถึงสรรพนามอีกหลายคำ ลองอ่านดูในภาคภาษาอังกฤษ

Of the Pronouns of the First Person

Cou, ca, raou, atamapap, ca Tchaou, Ca- ppa tchaou, atanou, are eight ways of  explaining I or we: for there is no difference between Singular and Plural.
Cou, is of the Master speaking to his Slave.
Ca, is a respectful term from the Inferior to the Superior, and in civility amongst equals: the Talapoins never use it, by reason that they believe themselves above other men.
Raou, denotes some superiority or dignity, as when we say We in Proclamations.
Roub, properly fignifies body, ‘tis as if one should say my body: to say me, 'tis only the Talapoins  that use it sometimes.
Atamapapp, is a Balie term, more affected by the Talapoins than any other.
Ca Tchaou, is composed of ca, which fignifies me, and Tchaou, which fignifics Lord; as who should say me of the Lord, or me who belong to you my Lord; that is to say, who am your Slave. The Slaves do use it to their Masters, the common people to the Nobles, and every one in speaking to the Talapoins.
Ca-ppa Tchaou, has likewise something more submissive.
Atanou is a Balie word, introduced within three or four years into the Siamese Tongue, to be able to speak of himself with an entire indifference, that is to say without Pride and without Submission.



Of the Pronouns of the Second and Third Persons.

Teu, Tan, Eng, Man, Otchaou  do serve equally to the Second and Third Persons for the Singular and Plural Numbers but oftentimes they make use of the Name or Quality of the person to whom they speak.
Teu, is a very honourable term, but is used only for the third person or for the Talapoins in the second, that is to say in speaking to them.
Tan, is a term of Civility amongst equals. The French have translated it by the word Monsieur, Sir.
Eng, to an inferior person.
Man, with contempt.
Otchaou to a mean person unknown.

คุณชูพงศ์ เดาคำอ่านสรรพนามข้างบนได้กี่ตัว

 ;D






กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: kwang satanart ที่ 11 พ.ค. 11, 18:28
Cou, ca, raou, atamapap, ca Tchaou, Ca- ppa tchaou, atanouc = กู   ข้า  เรา  อาตมภาพ   ข้าเจ้า   ข้าพเจ้า  อัตโน
Roub    คำนี้นึกไม่ออกเลย

Of the Pronouns of the Second and Third Persons.

Teu, Tan, Eng, Man, Otchaou =  เธอ   ท่าน   เอ็ง   มึง  คำสุดท้าย  Otchaou  นึกไม่ออกอีกแล้ว


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 พ.ค. 11, 19:53
Roub = รูป

Otchaou = ออเจ้า

 ;D


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 12 พ.ค. 11, 18:45
ขอบพระคุณคุณเพ็ญชมพูครับ สำหรับความรู้ซึ่งยังความตื่นใจให้ผมอย่างยิ่งเมื่ออ่าน เกิดคำถามอีกแล้วครับ “รูป” นี้ เป็นบุรุษสรรพนามที่พระคุณเจ้าท่านใช้ใช่ไหมครับ ผมเคยดูละคร หรือแม้ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ แล้วได้ยินภิกษุสนทนากับฆราวาส ทำนอง

   “รูปจำพรรษาอยู่นี่มานาน จักให้สึกหนีศึกนั้นหาปรารถนาไม่ ผิอริริปูจู่มาถึง ก็สุดแต่เพรงกรรมบันดาลเถิด” (บทสนทนานี้อุปโลกน์เอาเองโดยจำเค้าอันเลือนรางจากที่เคยได้ยินผ่านหูมาครับ)


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: bangplama ที่ 14 พ.ค. 11, 09:40
Cou, ca, raou, atamapap, ca Tchaou, Ca- ppa tchaou, atanouc = กู   ข้า  เรา  อาตมภาพ   ข้าเจ้า   ข้าพเจ้า  อัตโน
Roub    คำนี้นึกไม่ออกเลย

Of the Pronouns of the Second and Third Persons.

Teu, Tan, Eng, Man, Otchaou =  เธอ   ท่าน   เอ็ง   มึง  คำสุดท้าย  Otchaou  นึกไม่ออกอีกแล้ว

Man  =  มัน   
รีบพิมพ์อีกแล้วครับ ใจเย็นๆ


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 พ.ค. 11, 11:18
ลา ลูแบร์น่าจะบันทึกตกหล่นคำว่า "มึง" ตกหล่นไปละมั้ง

 ;D


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ค. 11, 11:25
man  ออกเสียงฝรั่งเศส ว่า ม็อง ค่ะ   ถ้าเป็นฝรั่งเศสที่ไม่ใช่ชาวเมืองหลวง เป็นพวกทางใต้ ก็ออกเสียงว่า มัง
 n = ง   
อาจจะคล้าย มึง  มากกว่า มัน


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 พ.ค. 11, 11:57
ข้อเสนอของคุณเทาชมพูเป็นไปได้  

แต่ในหนังสือจดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม ซึ่งแปลโดยคุณสันต์ ท. โกมลบุตร จากต้นฉบับฝรั่งเศส  แปลว่า "มัน"

ถ้าหาก man = มึง

ลา ลูแบร์ก็ตกหล่นคำว่า "มัน"

ฤๅ ลา ลูแบร์แยกไม่ออกระหว่างเสียง "มึง" กับ "มัน"

 ;D


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: nattoutataki ที่ 10 ต.ค. 11, 14:29
Cou, ca, raou, atamapap, ca Tchaou, Ca- ppa tchaou, atanouc = กู   ข้า  เรา  อาตมภาพ   ข้าเจ้า   ข้าพเจ้า  อัตโน
Roub    คำนี้นึกไม่ออกเลย

Of the Pronouns of the Second and Third Persons.

Teu, Tan, Eng, Man, Otchaou =  เธอ   ท่าน   เอ็ง   มึง  คำสุดท้าย  Otchaou  นึกไม่ออกอีกแล้ว


Roub คือ รูป ครับ
พระเก่าๆ เช่นสมเด็จโต ท่านมักใช้พูดแทนตัวเอง

Otchaou คือ ออเจ้า ครับ


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: nattoutataki ที่ 10 ต.ค. 11, 14:32
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู ตลอดจนท่านสมาชิกเรือนไทยที่เคารพยิ่งทุกท่านครับ

วันหนึ่งในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสคุยโทรศัพท์กับเพื่อนคนหนึ่ง เราโม้กันด้วยเรื่องจิปาถะสักครู่ ผมก็ชวนเธอคุยเรื่องภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ถามว่าไปดูมาหรือยัง รู้สึกอย่างไรบ้าง ประโยคแรกที่เธอกล่าวคือคำบ่น “เราปวดหัวกับภาษาในบทหนังมากเลย” จากนั้นตามด้วยปรัศนี
“คนโบราณพูดจากันฟังยากๆถึงขนาดนั้นเลยหรือ” ผมแย้งไปว่า “ไม่ยากนะ” แล้วเราก็เปิดประเด็นอภิปรายกันครับ ยังมิทันได้ข้อสรุป เธอก็ติดธุระเสียก่อน หลังจากวันนั้น เราไม่สนทนากันเรื่องนี้อีก แต่ความคำนึงยังกรุ่นในสมองผม เกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า นักเขียน หรือผู้เขียนบันเทิงคดี (ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม) หากจะเขียนเรื่องราวยุคเก่า ควรสรรคำอย่างไร ถ้าให้โบราณสมยุคมากที่สุด คนอ่าน/ฟังส่วนหนึ่งก็โวยว่ายากต่อความเข้าใจ ไม่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเยาวชน  ครั้นทำให้โบราณแต่น้อย ผู้เสพอีกกลุ่มก็อาจวิจารณ์ได้ว่า ภาษาไม่เหมาะกับท้องเรื่อง ฉะนั้น ท้ายที่สุด ผมจึงใคร่ขอความเห็นจากทุกท่านเกี่ยวกับกรณีนี้ครับ สมมุติเล่นๆว่า ผมกำลังเขียนบทละคร โดยกำหนดว่าเรื่องราวเกิดขึ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แม่ผกากำลังปรับทุกข์ด้วยอ้ายแกล้วผู้สามี ลีลาวาจาต่อไปนี้ ควรปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไรครับ

   ผกา: “ตรับข่าวชาวกรุงระบืออื้ออึงกัน เศิกครานี้ พระเจ้าหงสาวดีทรงคุมพลแสนยาเสด็จมาเอง แลทวยทกล้าพม่ารามัญอเนกอนันต์นัก ข้าวิตกมิรู้วายเลยพี่”
อ้ายแกล้ว: “เจ้าจักทังวลไย พหลแห่งอโยธยามื้อนี้ดั่งเทวาพยุหะ สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าองค์จุมพลข้างฝ่ายเราทรงพระปรีชาสามารถลือเลื่องกระเดื่องก้องไปทั่วทิศานุทิศ พระราชชโยบายหลักแหลมล้ำลึก ทั้งมากด้วยพระมหากฤษฎาธิการ ทัพม่านทัพมอญ เพียงพรับตาก็จักพินาศดุจแมลงเม่าเข้าเพลิง เจ้าคอยยลเถิด”
ผกา: “กระนั้น ข้าค่อยคลายใจ ว่าแต่พี่จะออกเศิกโดยเสด็จพระองค์ท่าน ระมัดตนด้วยหนา พี่ข้าเหิมห้าวกร้าวกระด้าง ข้าเกรง...”
อ้ายแกล้ว: “มัวหวาดนั่นหวั่นนี่มิเข้าทีเลยเจ้า ในสนามรณรงค์สงครามผู้ใดจักขลาดคร้ามหดหัวดั่งเต่าเอากระดองคุ้มตัวอยู่ได้ ศัตรูมันจักไยไพ ไหนๆประจญประจัญกันแล้ว ก็ต้องเหิมต้องเหี้ยมถึงที่สุด พี่ออกยุทธ์มิรู้กี่คราหาเคยเพลี่ยงไม่ เจ้าวางใจเถิดผกาเอ๋ย ผัวเจ้ามิตายดอก”


   นี่เป็นตุ๊กตาที่ผมทดลองทำขึ้น ผิดพลาดอย่างไร กราบขออภัยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูงยิ่ง
ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ

   
 



ขอพูดตรงๆ ครับ ไม่เหมาะสมเลยครับ
อ้ายแกล้ว ฟังแล้วคงไม่ได้เป็นขุนน้ำขุนนางอะไร เพราะเรียกขึ้นชื่อว่าอ้าย
แล้วจะพูดจาด้วยภาษาเขียนอย่างนี้ได้ยังไงครับ
ถ้าเอาให้เหมาะ ภาษาลูกทุ่งแหละดี ไม่ได้จงใจขัดฅอนะครับ แต่ขอเรียนว่า
คนสมัยก่อน เฃาก็ไม่ได้พูดจากันอย่างนี้ครับ ภาษาพวกนี้มีไว้เขียนหนังสือครับ


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 11, 15:03
คุณ nattoutataki จะลองเขียนภาษาลูกทุ่งของอ้ายแกล้ว ให้อ่านกันสักนิดไหมคะ   เผื่อให้คุณชูพงศ์นึกภาษาออก


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: nattoutataki ที่ 11 ต.ค. 11, 18:41
ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษครับ ผู้ชายก็ใช้สรรพนาม เอ็งฃ้า หรือเรียกตัวว่าพี่เรียกผู้หญิงว่าน้อง
ผู้หญิงเรียกผู้ชายพี่ก็โอเคแล้ว แต่เรียกตัวว่าฉัน
เติมคำเสริมน้ำเสียงมากๆ เช่น น้องเอ๋ย พี่จ๋า ให้มันเป็นภาษาพูด
คำภาษาเขียนก็ลดๆ ลงไปบ้างครับ
เช่นคำว่า
ตรับ เศิก ทวยทแกล้ว (คำว่าทวยทกล้าไม่มีครับ ถ้าจะใช้จริงๆ ให้ใช้ ทแกล้ว) อเนกอนันต์ วิตกมิรู้วาย พหล เทวาพยุหะ จุมพล ลือเลื่องกระเดื่องก้อง ทิศานุทิศ กฤษฎาธิการ จัก ยล โดยเสด็จ ระมัดตน เหิมห้าวกร้าวกระด้าง สนามรณรงค์ เพลี่ยง (ซึ่งจริงๆ แล้วปกติจะพูดว่า เพลี่ยงพล้ำ) ฯลฯ
คำเหล่านี้ ถ้าจะเอาให้สมจริง เวลาพูดออกจากปากคนแบบลักษณะสนทนา เฃาไม่พูดออกมาครับ เพราะมันต้องแต่งถ้อยคำก่อนแล้วค่อยพูด ถ้าเขียนเป็นจดหมาย ใช้อ้ายแกล้วเขียนถึงผกา ก็เอาให้เต็มที่ครับ จะสวยยังไงก็ได้ แต่ไม่ใช่คุยกันธรรมดาอย่างนี้ ถ้าแค่คุยกัน ระดับนี้ก็พอครับ

ผกา "ยินมาแต่ในกรุงเฃาลือกันทั่ว ว่าศึกนี้เจ้าหงสาฯ มันคุมทัพมาเอง ไพร่พลพม่ารามัญมืดฟ้ามัวดิน อกใจฉันไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลยพี่"
แกล้ว "เอ็งจะหวาดหวั่นไปไย ไพร่พลฝ่ายเราครานี้สีมือกล้าแข็งปานทัพเทวดา ข้างเหนือหัวจอมทัพเรารึก็ทรงพระปรีชาเป็นที่เลื่องลือกันทั่ว ทั้งทรงกุศโลบายฉลาดล้ำลึก มากด้วยกฤษดาภินิหาร ประสาอะไรกะทัพม่านทัพมอญ พริบตาเดียวพวกมันก็จะแหลกลาญสิ้น ดุจแมลงเม่าบินเฃ้ากองไฟนั่นแหละเอ็งเอ๋ย"
ผกา "ค่อยยังชั่ว แต่พี่เองก็เถอะ จะตามเสด็จเหนือหัวไปทัพ ระวังตัวดีๆ นะพี่ พี่น่ะมักจะบ้าบิ่นไม่ดูตาม้าตาเรือ ฉันกลัวว่า..."
แกล้ว "กลัวอะไรไม่เฃ้าท่า ในสนามรบเอ็งจะให้พี่หดหัวเยี่ยงเต่าในอองกระนั้นรึ พวกฃ้าเสือกฃ้าเสือมันจะเย้ยเอาน่ะซี ไหนๆ ฟันกันทั้งทีก็เอาให้มันดิ้นกันไปข้าง มือชั้นพี่แล้ว กรำมาก็หลายศึก เคยเสียทีให้ใครบ้างหรือ เอ็งอย่ากลัวเลยผกา ผัวเอ็งไม่ตายดอก"
 
เท่านี้ก็สมเป็นผัวเมียคุยกันครับ ไม่ต้องแต่งภาษาให้หรูหราไป เท่าที่ผมสังเกต เรื่องในชั้นหลังๆ ที่ต้องการได้กลิ่นอายย้อนยุค มักจะพยายามแต่งภาษาให้ฟังดูโบราณ จนมันเกินโบราณไปมาก ร่ำๆ จะเป็นนิยายกำลังภายในไปด้วยซ้ำ ด้วยสำคัญว่าเฃาคงพูดกันอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ที่จริงมันเป็นภาษาเขียนครับ ลักษณะภาษาโบราณแบบประดิษฐ์นี้ เฃาเรียกว่า pseudo-antiquity (โบราณเทียม) ซึ่งทำให้ตัวละครจากชาวบ้านธรรมดากลายเป็นจินตกวีไป ไม่สมจริง
ผมแนะนำว่าถ้าอยากใช้ภาษาอย่างที่เขียนมานี้ ให้ใช้ในฉากเขียนจดหมาย หรือฉากพระนเรศกล่าวสุนทรพจน์ หรือแม้กระทั่งจะใช้บรรยายท้องเรื่องก็ได้ถ้าสามารถเขียนให้ภาษาเสมอกันได้ตลอด ก็นับว่าเป็นสำนวนงามอย่างหนึ่ง และน่าสนับสนุน แต่ขอให้ระวังการใช้คำบางคำที่สวิงสวายเกินไป เช่น ทวยทกล้า จริงๆ ต้องพูดว่า ทวยทแกล้ว หรือถ้าจะสะบัดสบิ้งให้เป็น ทแกล้วทกล้า ก็ไม่ผิดนัก แต่ทกล้าเฉยๆ ไม่ควรพูด คำว่า เพลี่ยง ก็เช่นกัน ปกติภาษาพูดเป็น เพลี่ยงพล้ำ แม้แต่ภาษาเขียนก็ไม่เขียนว่าเพลี่ยงเฉยๆ
เวลาชาวบ้านพูดกัน เฃาจะไม่ออกพระนามพระมหากษัตริย์ครับ เรียกเหนือหัวก็ได้ เรียกในวังก็ได้ เรียกในหลวงก็ได้ (ในหลวงเป็นคำเก่ามานานแล้วครับ) และส่วนกษัตริย์ของฃ้าศึก ป่วยการไปยกย่องครับ เรียกชื่อสั้นๆ แล้วก็ใช้สรรพนาม มัน ไปเลย ผัวเมียพูดกันเองครับ ไม่ต้องสนใจมารยาท
 


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ต.ค. 11, 19:19
ชักอยากอ่านเรื่องย้อนยุคสำนวนคุณ nattoutataki ขึ้นมาเสียแล้ว


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: atsk ที่ 11 ต.ค. 11, 19:28
คุณ nattoutataki   สุดยอดครับ

เห็นด้วยว่ามันน่าจะเป็นภาษาเขียนมากกว่า     

เช่นในปัจจุบัน  ข้อกฏหมายต่างๆ  หรือ หนังสือราชการต่างๆ  ก็แบบหนึ่ง ภาษาพูดปัจจุบันก็แบบหนึ่ง 

ดูแต่หนังสือชีวิตในวังของหม่อมหลวงเนื่อง  ซึ่งท่านก็ใช้ภาษาเขียนในรูปแบบสมัยเก่าในการบรรยาย   แต่พอเป็นบทสนทนา ท่านก็ใช้ภาษาที่พูดกันจริงๆในชีวิตประจำวัน  ซึ่งก็ไม่ได้ฟังยาก


สนับสนุน อาจารย์เทาชมพูครับ ที่ว่า ชักอยากจะอ่านสำนวนของคุณ  nattoutataki


กระทู้: ควรเขียนภาษาโบราณอย่างไรในยุคนี้ให้พอเหมาะพอดีสำหรับผู้รับสารครับ
เริ่มกระทู้โดย: nattoutataki ที่ 12 ต.ค. 11, 14:37
ขอบคุณครับคุณ atsk ต้องให้ว่างมากๆ นะครับ อาจจะลองเขียนเล่นๆ  ;D

ตามความเห็นผมนะครับ เขียนเรื่องอะไรก็ช่าง ต้องให้สนุกและมีชีวิตชีวาไว้ก่อน ภาษาพูดนั้นเราไม่มีทางรู้ได้ว่าในสมัยนั้นเฃาพูดกันยังไง เพราะภาษาพูดมันเปลี่ยนอยู่ทุกปี เว้นแต่ถ้าเราหาหลักฐานการเขียนจดหมายโต้ตอบระหว่างคนที่สนิทกันมาได้ เราถึงจะเริ่มทราบ แต่ถ้าสมัยพระนเรศอย่างในท้องเรื่องละก็ หมดสิทธิ์หาเลยครับ คนสมัยนั้นพูดอย่างไรก็ไม่รู้ บางทีเฃาอาจจะมีคำสแลงบ้าๆ บอๆ ตามประสาเฃาก็ได้ ดูแต่สมัยพระพุทธเจ้าหลวง แค่ร้อยกว่าปีก่อน คนสมัยนั้นพูดคำสแลงกันมากกว่าตอนนี้อีก โดยเฉพาะในวัง ลองไปหาหนังสือเรื่องปัญหาขัดข้องจากวชิรญาณอ่านดูครับ

ที่สำคัญครับ ในตอนนั้นยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "ภาษาราชการ" ยังบอกไม่ได้ว่าอะไรเป็น "ภาษาไทยมาตรฐาน" ลองดูหนังสือจากหัวเมืองทางใต้ ที่มีหลักฐานตกทอดกันมาจนทุกวันนี้ วรรณยุกต์ผิดเพี้ยนหมด เพราะเฃาเขียนกันตามความรู้สึก ต่อให้เป็นหนังสือหัวเมืองใต้ ส่งเฃ้าเมืองหลวง ก็อย่าหวังว่าเฃาจะใช้ตัวสะกดเดียวกับในเมืองหลวง

โดยสรุปแล้ว เราไม่อาจทำให้ "โบราณสมยุค" ได้โดยที่คนสมัยนี้ยังอ่านกันสบายใจได้ ทำได้แต่ "โบราณพอประมาณ" แต่อ่านแล้วสบายใจ ดีกว่า ศึกษาแค่ว่าคำไหนเกิดใหม่จริงๆ ก็อย่าใส่ลงไปเท่านั้นเอง เช่นคำว่าสวัสดี พออ้ายแกล้วเจอหน้าผู้ใหญ่บ้านก็ "สวัสดีจ้ะผู้ใหญ่" แต่จริงๆ แล้วคำนี้มันใหม่มาก หรือแต่งให้อ้ายแกล้วไปนั่งโจ้ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ซึ่งมันเพิ่งจะมีขึ้นมาตอนสมัยรัฐนิยมนี่เอง