เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ทิด ที่ 16 ธ.ค. 00, 09:00



กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: ทิด ที่ 16 ธ.ค. 00, 09:00
สืบเนื่องมาจากกระทู้ ๑๖๒ เรื่องควันหลงลอยกระทงของคุณนิลกังขานะครับ
ตอนแรกกระเซ้ากันเรื่องนักการทูตหนุ่มไทยหัวใจสะออนกันเล่นๆ พอได้เฮฮา
แต่คุณนิลกังขาเกิดจุดประกายในประเด็นนี้ขึ้นมา เห็นว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ยิ่งมีคนวงในตัวจริงเสียงจริงมาให้รายละเอียดด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่
เผื่อว่าจะมีน้องๆ ที่เข้ามาอ่านหลายคนที่กำลังมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักการทูตกัน
น่าจะเป็นการให้ข้อมูลในภาพจริงของการทำงานในสายวิชาชีพนี้ได้เป็นอย่างดีนะครับ
นอกจากนี้ยังมีเกล็ด (เกร็ด?) เกี่ยวกับเรื่องราชทินนามของข้าราชการในอดีต
ที่นักเขียนมักจะเอาไปตั้งเสียสวยหรูแต่ผิดจากข้อเท็จจริงไปมากมาฝากกันด้วย
ส่วนถ้าจะมีตำนานกุ๊กกิ๊กของนักการทูตหนุ่มไทยคารมกล้ามาเล่าแถมเสียหน่อย
ก็คงจะทำให้บรรยากาศร้อนๆ ตอนนี้เย็นลงได้บ้างนะครับ ^_________^


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ย. 00, 11:38
เข้ามานั่งรอคนเล่าแล้วค่ะ
ไม่ต้องเปิดพัดลม  มุมนี้ของเรือนไทยที่คุณทิดเลือกตั้งวง  บรรยากาศเย็นสบายดีค่ะ
เดี๋ยวจะไปค้นสมุดข่อย  หารายชื่อทูตไทยคนแรกในอังกฤษมาให้นะคะ    แต่ขอเชิญคุณนิลกังขาก่อนค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 11 พ.ย. 00, 15:38
ผมไม่นึกว่าคุณทิดจะเอาจริง...
เขินครับ
ขออภัยท่านอื่นที่อาจจะหมั่นไส้ผมด้วย ตัวผมเองยังเกือบๆ จะหมั่นไส้ตัวเองเลย แต่นึกเสียว่าไม่ได้ตั้งกระทู้เอง พ่อทิดเขาถาม ก็จะเล่าเท่าที่พอมีความรู้ความคิดอยู่บ้าง ไม่ทราบจะเกี่ยวกับเรือนไทยแค่ไหนครับ

นักการทูตเป็นอาชีพที่ฟังดูฝันๆ อาชีพหนึ่งครับ จึงมีบทบาทโผล่ในนิยายไทยนิยายฝรั่งบ่อย เห็นในละครทีวีไทยก็บ่อย ภาพของนักการทูตในใจคน ผมว่ายังคงเป็นภาพชายหนุ่มรูปหล่อ อาจจะเชื้อพระวงศ์ นักเรียนนอก กิริยามารยาทนุ่มนวล ปากหวานพูดเก่ง  เผลอๆ ก็คาบไปป์ และต้องรวยพอที่จะควักสตางค์ส่วนตัวเพื่อหน้าตาของประเทศได้ ดูเหมือนในหังในนิยายก็ไม่เห็นค่อยต้องทำอะไรนัก ไปงานเลี้ยง ไปเที่ยวเมืองนอก (ยุโรปหรืออเมริกา) พาสาวเที่ยว ...
ภาพนั้นอาจจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง ในสมัยสักห้าสิบปีมานี้ ฝรั่งเองก็เคยมีภาพนั้น เอ่ยถึง an American diplomat in Paris ล่ะก็ฟังดูหรูหราเชียว แต่สมัยนี้ โดยเฉพาะนักการทูตไทย ภาพนี้จางไปเยอะแล้วครับ อาจจะไม่ถึงกับว่าหายไปหมด แต่มีความเป็นจริงอื่นๆ เกิดขึ้นคู่กับภาพพวกนี้หลายอย่างหลายประการ
ข้อแรก ไม่จำเป็นเลยที่นักการทูตต้องเป็นพระเอก เป็นนางเอกก็ได้ สมัยนี้ผู้หญิงเป็นนักการทูตออกเยอะไป มาดามอัลไบรต์รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังงี้เป็นต้น ที่เมืองไทย เรามีเอกอัครราชทูตหญิง อธิบดีหญิง หลายคนแล้วครับ มีมานานแล้วด้วย เดี๋ยวนี้ก็ยังมี  ในระดับเจ้าหน้าที่ก็มีนักการทูตสาวๆ เผลอๆ จะครึ่งกระทรวงต่างประเทศเข้าไปแล้ว (กระทรวงผมเล็กครับ มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 1500 คนทั่วโลก) ยังไม่นับ "นักการทูตเฉพาะด้าน"  ที่มาจากกระทรวงอื่นอีกล่ะ เรามีข้าราชการที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศ ที่ไม่ได้มาจากกระทรวงต่างประเทศแต่ดั้งเดิม เช่น กระทรวงพาณิชย์เป็นต้น ท่านเหล่านี้ก็ทำงานการทูตเหมือนกัน และในจำนวนนั้นก็เป็นผู้หญิงเยอะด้วย
เท่าที่ผมนึกออก นิยายไทยเก่าๆ ที่ให้ผู้หญิงทำงานทำการเป็นทูต ไม่มีเลย มีแต่จะเป็นคุณหญิงทูต ใหม่หน่อยก็เรื่อง รัฐมนตรีหญิง ของดวงใจละมั้ง เรื่องนั้น นางเอกเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทยสมัยอเมริกันถอนฐานทัพเชียวนะครับ ที่ใหม่ขึ้นมากว่านั้นก็คงจะมี เห็นแว็บๆ ว่ามีนักการทูตหญิงในนิยายใหม่ๆ ไทยบางเรื่องบ้างแล้ว


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 11 พ.ย. 00, 15:59
ไม่ได้เรียบเรียงความคิดนะครับ นึกอะไรได้ก็ว่าส่งๆ ไป อาจจะวกวน
ข้อสอง - ขอขัดจังหวะนิดให้เข้ากับเรือนไทย ทูต สะกด ท.ทหารนะครับ ไม่ใช่ ฑ.มณโฑอย่างที่สะกดผิดกันมาก แม้แต่ป้ายหน้าที่ทำงานของผมในเจนีวาก็ผิด  ป้ายหน้าสถานทูตสหรัฐในกรุงเทพก็ผิด ... ทูต ท. ทหารครับ ท. ธรรมดาๆ เพราะนักการทูตเป็นคนธรรมดาครับ ไม่ต้องใช้ ฑ. วิลิศมาหราก็ได้
ข้อสอง - นักการทูต ไม่ได้ทำงานอยู่ในยุโรป อเมริกา เสมอไปครับ เรามีสถานทูตสถานกงสุล คณะทูตถาวรไทยอยู่ทั่วโลกประมาณ 70 กว่าแห่ง กว่าเท่าไหร่ผมก็ลืม ในแอฟริกาเราก็มี อเมริกาใต้ก็มี เอเชียก็มี เมืองแขกมี เมืองญวนมี พม่ามี ในยุโรปตะวันออกก็มี .. แล้วความเป็นอยู่ในที่เหล่านี้ ก็ไม่ถึงกับสบายมากเสมอไป มีตั้งแต่พอทนอยู่ได้ไปจนถึงทนลำบาก แต่ก็ต้องทนให้ได้ หรือทนอยู่ไม่ไหวต้องเผ่นหนีเหมือนกัน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไซ่ง่อนหรือพนมเปญตอนจะแตก มีสถานทูตไทยนะครับ คูเวตก็มี ตอนนั้นต้องบริหารวิกฤตกันอุตลุด เบลเกรดก็เคยมีตอนอดีตยูโกสลาเวียจะแตก เดี๋ยวนี้ที่แบกแดดในอิรักที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรอยู่ก็ยังมีสถานทูตไทยเปิดทำการอยู่ ผมไม่เคยลำบากเหมือนเพื่อนข้าราชการบางท่าน แต่หนแรกที่ออกประจำการผมไปอยู่เมืองจีน ที่ปักกิ่ง เมื่อหลายปีก่อน ไม่ถึงกับสบายแต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก แต่ที่แน่ๆ ไม่เหมือนยุโรปในนิยายแน่ครับ
ข้อสาม - นักการทูตไทยสมัยนี้ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์คงมีบ้าง แต่น้อยจะเกือบไม่มีแล้ว ที่ร่ำรวยก็พอจะมี แต่ที่เป็นคนชั้นกลางก็มี และเยอะขึ้นเรื่อยๆ ครับ (ผมก็บ้านไม่รวย - แหะๆ) อาจารย์ "ดวงใจ"  หรือคุณประภัสสร เสวิกุล เคยเขียนถึงนักการทูตพวกนี้ไว้ในนิยายไทยเหมือนกัน เช่น ฝันคว้าง หรือ เมเปิ้ลแดง ต่างจากพระเอกนักการทูตรุ่นเก่า (ซึ่งสะท้อนความจริงสมัยนั้น) ที่ต้องมีสมบัติเก่ามากพอที่จะมารับราชการเอาแต่เกียรติ แล้วแถมเผลอๆ ก็ควักเงินส่วนตัวจุนเจือหลวงอีก ความจริงสมัยนี้ก็ยังมีครับ บางกรณี ที่เราเห็นว่าค่าใช้จ่ายบางอย่างเบิกไม่ได้ก็หยวนๆ ไป ช่วยราชการเท่าที่เราพอจะมีกำลังทำได้ แต่ว่า ไม่ใช่ทุกคนแล้วครับที่จะมีคฤหาสน์บ้านทรายทองอยู่ที่กรุงเทพฯ เหมือนชายกลาง


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 11 พ.ย. 00, 16:25
อ้อ - ดวงใจ และ คุณประภัสสร นะครับ ผมใช้คำว่า หรือ เดี๋ยวจะเข้าใจว่าเป็นท่านเดียวกัน คนละคนกันครับ ขอโทษ

ลากให้เข้าเรือนไทยอีกหน่อย และเป็นประเด็นที่คุณทิดเปิดประเด็นไว้ เรื่องราชทินนาม ผมขออภัยแฟนๆ ทมยันตีที่จะมีในห้องนี้ด้วย แต่ใครๆ ที่ห้องมองอดีตน่ะเขารู้กันมานานแล้ว ว่าผมติดตามอ่านงานของป้าทมด้วยความนับถือระคนหมั่นไส้เล็กๆ อยู่นานแล้ว เรื่อง ทวิภพ น่ะ อ่านเล่นๆ สบายๆ ก็เพลินดีหรอกครับ แต่ถ้าจะอ่านเอาจริง พระเอกนักการทูตของป้าทม ท่านเจ้าคุณอัครเทพฯ หรือที่ตอนแรกเป็นคุณหลวงอัครเทพวราทร ขวัญใจแม่มณีน่ะครับ ผมว่า ผิดประวัติศาสตร์ไปนิด ประการแรก ราชทินนามนัการทูตสมัยก่อน ท่านตั้งให้ฟังรู้เลยครับว่าเป็นทูต (ในงานด้านอื่นๆ เช่น เป็นหมอ ทหาร ครู ท่านก็ตั้งให้รู้เลยเหมือนกัน) เฉพาะในวงการทูตมีราชทินนาม เช่น อนุรักษ์ราชไมตรี กัลยาณไมตรี วิจิตรวาทการ (พูดเพราะ) ภัทรวาที ท่องสื่ออักษร ไพรัชราชกิจ (ราชการด้านต่างประเทศ) ฯลฯ แต่ อัครเทพวราทร ของคุณหลวงนี่ ฟังยังไงๆ ก็ไม่เป็นทูตครับ "เทวดาที่หนึ่งที่เอื้ออาทรเหลือเกิน" ราชทินนามนี้จะไปอยู่กระทรวงไหนได้ครับ ไม่ได้หรอก เป็นได้แต่พระเอกนิยายป้าทมอย่างเดียว ...
ประการสอง ท่านเจ้าคุณของคุณหญิงมณี ถ้าผมจำไม่ผิด ตามเรื่องต่อไปจะได้เป็นเอกอัครราชทูตสยามคนแรกประจำสหรัฐ อันนี้ ฝากคุณเทาชมพูเช็คด้วยครับ ว่าทูตไทยประจำอเมริกาคนแรก จริงๆ เป็นใคร แต่ที่แน่ๆ ตัวแทนทางการทูตของสยามคนแรก หรือองค์แรก (ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเจ้านาย) ประจำสหรัฐ ไม่ใช่เอกอัครราชทูตแน่ๆ ครับ อย่างมากเป็นได้แต่อัครราชทูตสยาม ในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มหาประเทศเขาตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ครับ ต้องเป็นมหาประเทศเท่านั้นจึงจะมีทูตระดับเอกอัครราชทูต (ambassador)ได้ และเขาจะตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำมหาประเทศด้วยกันเท่านั้น ในกรุงเทพฯ ทูตทั้งหลายแหล่ที่มาประจำ เป็นอัครราชทูตเท่านั้นแหละ แล้วเขาก็รับทูตประเทศเล็กอย่าง เราแค่ระดับอัครราชทูตเหมือนกัน อเมริกาเองเมื่อได้เอกราชใหม่ๆ ส่งทูตไปประจำที่ปารีส ฝรั่งเศสเขายังรับแค่ระดับ Minister คืออัครราชทูต เลย (รู้สึกคนแรกจะเป็นลุงเบน แฟรงคลิน)
ที่ทำงานของอัครราชทูต ก็ไม่ใช่ Embassy หรือสถานเอกอัครราชทูต แต่เรียกว่า Legation สถานอัครราชทูต (จะเห็นคำนี้บ่อยในพระราชนิพนธ์ไกลบ้านของ ร.5)
ไทยเราเพิ่งจะส่งทูตและรรับทูตระดับเอกอัครราชทูตหนแรก สมัยร่วมวงศ์ไพบูลย์นี่เอง โดยส่งเอกอัครราชทูตไทยไปโตเกียวและรับทูตญี่ปุ่นชั้นเอกอัครราชทูต ต่อเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนั่นแหละครับ จึงมีความคิดใหม่ในวงการทูตว่า ประเทศใหญ่เล็กทั้งหลายเสมอหน้ากันในทางการทูต  และไทยก็เริ่มมีเอกอัครราชทูตไทย และรับเอกอัครราชทูตฝรั่งมาประจำเมืองไทยตั้งแต่นั้น


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 พ.ย. 00, 16:40
I read some fictions about diplomat's lives from Kanasai Sunthorn's works ka. He was an ambassador, who passed away about a year. I cannot remember his real name na ka but his surname is "Suwannasarn." He is K. Sopark Suwan's father ka.

I think that one of Ajan Prathumporn or Duangjai works is very interesting ka. It is about a young girl, who is a diplomat in Romania. I am sorry that I cannot remember the title ka.


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 11 พ.ย. 00, 17:11
ท่านทูตสุนทรเป็นอดีตเอกอัครราชทูตครับ ท่านเกษียณไปนานแล้ว และได้ข่าวว่าเสียไปเมื่อไม่นานนี้ เป็นคุณพ่อของคุณโสภาค สุวรรณ ซึ่งเขียนนิยายให้พระเอกเป็นทูตหลายเรื่องเหมือนกัน มีเล่มหนึ่งชื่อ บัวแก้ว พระเอกชื่อคุณเขียว บัวแก้วเป็นสัญลักษณ์กระทรวงผมครับ มีอีกหลายเล่มที่จัดฉากให้เรื่องไปอยู่ทางตะวันออกกลาง เพราะคุณพ่อ คือ ท่านทูตสุนทรในชีวิตจริงเคยรับราชการอยู่ทางนั้น

ท่านทูตศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์ หรือเสนีย์ เสาวพงศ์ ก็เป็นนักเขียนอาวุโส ท่านเกษียณอายุราชการนานแล้วเหมือนกัน เวลานี้เข้าใจว่าท่านนั่งเป็นประธานที่ปรึกษาอยู่ที่สนพ. มติชน สมัยโน้น งานเขียนท่านถือว่าเป็นแนวคิดก้าวหน้ามากนะครับ เรื่องที่เกี่ยวกับตัวละครนักการทูตที่ท่านเขียน ก็มี ความรักของวัลยา ซึ่งไพจิตร นักการทูตในเรื่องไม่ใช่พระเอก แต่เป็นคนฉวยโอกาสธรรมดาๆ คนหนึ่ง

อาจารย์ "ดวงใจ" อาจารย์ผมเองครับ ท่านสอนวิชารัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ชำนาญด้านยุโรปตะวันออกศึกษา ผมยังอ่านเรื่องที่นางเอกเป็นนักการทูตไทยในโรมาเนียค้างอยู่ไม่จบครับ กำลังว่าจะหาเวลาว่างๆ อ่านต่อ

คุณประภัสสร เสวิกุล ก็นักเขียนนักการทูตชื่อดัง ท่านนี้คงไม่ต้องบรรยาย ...

นิลกังขาเคยนึกสนุกอยากจะเป็นนักเขียนกับเขาเหมือนกัน เมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ตอนนี้ Muses บินหายไปไหนหมดแล้วไม่ทราบ ...


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 พ.ย. 00, 19:09
Khun Nil ka, I met Ajan Duangjai at the Department of Political Sciences sometimes na ka. But she never taught me ka because my major was Public Adm. ka.


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: ชอบอ่านนิยาย ที่ 11 พ.ย. 00, 22:25
ขออนุญาตแก้ชื่อพระเอกนิยายเรื่องบัวแก้วสักนิดค่ะ
ดิฉันจำได้ว่าพระเอกเรื่องนี้ชื่อ คุณเขม นะคะ ไม่ใช่คุณเขียว
ส่วนคุณเขียวนั่น...ถ้าดิฉันจำไม่ผิด
เค้าเป็นพระเอกเรื่องเคหาสน์สีแดงของวาณิช จรุงกิจอนันต์ค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 12 พ.ย. 00, 06:46
มาฟังยังไม่เห็นมีการพูดถึงช่วงชีวิตรักของนักการทูตเลยครับอิอิ
มีคำถาม มาขอถามครับ คือว่า บัวแก้วที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของ กระทรวงต่างประเทศมีที่มาหรือเปล่าครับ แบบเรียกบัวแก้วแล้วมันดู ละมุนละไมหูดีจริง ๆ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: พิมพิลา ที่ 12 พ.ย. 00, 07:41
หักคะแนนคุณ นกข. นะคะ
อัครเทพวรากร ไม่ใช่ อัครเทพวราทร ค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ย. 00, 08:24
ก็ยากเหมือนกันนะคะที่จะให้นักเขียน เขียนถึงอาชีพที่ตัวเองไม่ได้รู้จักใกล้ชิด    รายละเอียดหลายอย่างต้องคนอาชีพเดียวกันเท่านั้นที่รู้
อย่างเอกอัครราชทูต หรืออัครราชทูตที่คุณนกข.ยกตัวอย่างมา นั่นก็ข้อหนึ่ง
กเขียนก็ไม่ได้เป็นนักการทูต(เว้นได้บางท่านข้างบนนี้) นักการทูตรึก็ไม่ค่อยจะมาเป็นนักเขียน (อย่างคุณนกข. ) พระเอกนางเอกนักการทูตจึงไม่ค่อยจะได้มีให้เห็นกันกี่รายนักหรอกค่ะ

ทิวาหวาม จำได้รางๆ  พระเอกนักการทูตของเราลงเอยด้วยการมีเมีย ๒ คน อยู่กันรักใคร่ปรองดองดี  
ถ้าจำผิดช่วยบอกด้วยค่ะจะยินดีมากที่พระเอกไม่ได้ทำเช่นนั้น

เคยอ่านรัตนาวดี นานมากแล้วค่ะ   ปลื้มท่านชายดนัยสุดสุดในช่วงนั้น  ปลื้มการท่องเที่ยวในยุโรป จนคิดว่าชาตินี้ยังไงขอให้ได้ไปสักครั้ง
แต่พอมาถึงช่วงนี้เกิดสงสัยว่าข้าราชการสถานทูตอย่างท่านนี่ขอฮอลิเดย์ได้ทีตั้ง ๔ เดือนเชียวหรือ

การบ้านที่ให้มาเรื่องทูตไทยประจำสหรัฐ คนแรก  ขอเวลาหน่อยค่าาา
 ตอนนี้เพิ่มข้ามช่องแคบอังกฤษไปตามแกะรอยพระองค์เจ้า(หรือหม่อมเจ้า?)ปฤษฎางค์ ทูตอังกฤษองค์แรกเท่านั้นค่ะ  ยังหาท่านไม่พบเลย


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 12 พ.ย. 00, 10:10
Pra-ong-chao ka.


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 12 พ.ย. 00, 10:55
I think that I remember it correctly na ka. Because one of my professor at C.U. told students in a class that his name, Prid-sa-dang, is the same of the first Thai ambassdor of Saint James ka.


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 พ.ย. 00, 11:01
จำได้คร่าวๆนะคะ  พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ คิดว่าเป็นพระอนุชาของ ร๕  เมื่อทรงไปยุโรป  ก็มีทรงมีความคิดในการปฏิรูปทางการเมืองหลายประการ  
ร่วมกับกลุ่มนักเรียนไทยในอังกฤษ  เกี่ยวกับการปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย  ไม่ทราบว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร  แต่ทรงทูลถวายสารแต่ ร๕
แล้วก็ถูกกริ้ว  จนเป็นการดับอนาคตทางการเมืองของพระองค์ท่านไปเลย  ในท้ายที่สุดต้องกลับมาทรงผนวช  แต่ทรงมีพระชนม์ยืนนานมาก  
เคยอ่านผ่านๆตามาสามสี่ปีแล้วค่ะ  ถ้าคุณเทาชมพูฯหาข้อมูลไม่เจอ  ดิฉันจะไปค้นมาให้  แต่คงต้องเป็นวันจันทร์นะคะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ย. 00, 11:51
ขอบคุณมากค่ะคุณ B และคุณพวงร้อย
ขอนั่งฟังค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 12 พ.ย. 00, 17:55
ส่วนดิฉันก็มารอฟังเรื่องของทุกๆท่านค่ะ รอเรื่องของคุณนิลกังขาด้วยนะคะ  หา muse ใหม่ได้เมื่อไหร่ อย่าลืมเขียนมาให้อ่านกันนะคะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 12 พ.ย. 00, 21:32
เข้ามาอีกที จะมาปลอบใจคุณหลวงนิลฯค่ะ ว่านักการทูตน่ะ ยังเป็นพระเอกในใจคนหลายคนอยู่นะคะ เพื่อนๆดิฉันก็แต่งงานกับนักการทูตไทยไปหลายคน ทั้งที่เป็นสาวรัฐศาสตร์และไม่ใช่สาวรัฐศาสตร์ รวมไปถึงเพื่อนที่แต่งงานกับคุณชายรมช.กระทรวงบัวแก้วด้วย
คุณนิลฯน่ะคงจะมาตรฐานสูงอย่างที่คุณทิดกับคุณพระนายแกว่าไว้นะคะ ถ้าลองลดมาตรฐานลงซักนิด อาจจะไม่มีเวลามาคุยกับพวกเราที่เรือนไทยแล้วก็ได้ค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 12 พ.ย. 00, 21:44
อ่านเหตุผลข้อสองของคุณนิลฯแล้วเลยทำให้นึกถึงกรณีท่านทูตขวัญชัย (คิดว่าคงจำชื่อไม่ผิดนะคะ) ที่รับตำแหน่งท่านทูตประจำอิรักเป็นตำแหน่งสุดท้าย ดิฉันอ่านสัมภาษณ์ภรรยาท่านในนิตยสารเล่มหนึ่ง (นานมาแล้ว) อ่านแล้วรู้สึกเสียใจมากกับครอบครัวของท่าน เรื่องของท่านเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งท่านทูตไปประจำกรุงแบกแดดอีกหรือเปล่าคะ

ดิฉันถามออกนอกเรื่องไปมาก ถ้าคุณนิลกังขาเห็นว่าออกนอกกระทู้เกินไป ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ เพียงแต่ดิฉันยังคงฝังใจสงสารครอบครัวท่านไม่หาย พอคุณนิลกังขาพูดถึงสถานทูตที่อิรักขึ้นมา เลยทำให้นึกถึงค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 00, 08:47
มาหูผึ่งคอยฟังคำตอบของคุณนิลกังขาอยู่นานแล้วค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เด็กติดเกาะ ที่ 13 พ.ย. 00, 09:55
คุณ เทา

หนูตัวนี้น่ารักมากเลยค่ะ  :)


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 13 พ.ย. 00, 10:14
Khun Tao Chompoo ka, it is so cute ka. Could you please tell me how can you do that?


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 00, 12:15
ขอบคุณแทนหนูค่ะ คุณเด็กติดเกาะ
คุณ B ดิฉันใช้ Internet Explorer ค่ะ    
วิธีของมือใหม่หัดเก็บภาพ ส่งภาพ ก็คือ
ก่อนอื่นก็ไปหาตามเว็บ e card  เลื่อนเมาส์ไปที่รูปในนั้น
แล้วคลิกขวา  ตรง save picture as
นำภาพนั้นไปใส่ไว้ใน file เลือก drive C หรือ My Documents มันจะมีที่ให้เก็บเยอะ  ตั้งชื่อ file
จะใช้รูปไหนก็คลิกที่ browse ในช่องข้างล่าง  แล้วเลือกจาก drive  มาใส่ลง
ลอง preview ดู ก่อน
เลือกรูปเล็กๆจะได้ส่งง่ายค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 13 พ.ย. 00, 16:13
ฯพณฯ รักษาการ รมช.กต.ท่านนี้ ก็อดีตอาจารย์ผมเหมือนกันครับ ผมเป็นรุ่นพี่ภริยาอาจารย์สมัยโน้น แต่อาจารย์เห็นจะไปเอาดีทางการเมืองแล้ว คงไม่กลับมาเป็นนักวิชาการอีก...
ราชทินนาม อัครเทพวรากร ยิ่งหนักเข้าไปอีก สมเป็นพระเอกนิยายป้าทมจริงๆ เพราะแปลว่า เทวดาที่หนึ่งผู้เป็นที่มาแห่งความดีงาม  (อัคร + เทพ + วร +อากร)
ผมมีข้อสังเกตว่า นักเขียนหลายท่าน ชอบเขียนเรื่องนักการทูตนะครับ แม้จะรู้หรือไม่รู้เรื่องชีวิตนักการทูตก็ชอบเขียน เพราะมันโรแมนติกดี ทิวาหวาม จบยังงั้นจริงๆ ครับ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์นักการทูตในนิยายเข้าไปอีก และทำให้นักการทูตตัวจริงอย่างผมซึ่งยังหาไม่ได้สักราย (อย่าว่าแต่จะถึงสองเลย) อิจฉาพระเอกเรื่องนี้มากเลยแหละ
แต่นักการทูตจริงๆ ที่เจ้าชู้ก็มีครับ แต่ผมขอไม่เล่า ถือว่าเรื่องส่วนตัวของท่านเหล่านั้น เดี๋ยวจะโดนกระทืบ-
ท่านทูตขวัญชัยน่าสงสารมากครับ นอกจากท่านทูตขวัญชัยแล้ว เรายังเสียเอกอัครราชทูตไทยประจำแบกแดดในลักษณะนี้ไปอีกท่านหนึ่ง อุบัติเหตุรถยนต์เหมือนกัน ท่านเป็นทูตที่น่ารักนิสัยดีด้วยกันทั้งคู่ด้วย จะเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่ถึงยังมีแต่อุปทูตรักษาการจนถึงขณะนี้ ผมตอบแทนนโยบายกระทรวงไม่ได้ และไม่ได้ติดตามเรื่อง ผมเดาเอาเองว่า เพราะอิรักยังไม่ได้มีความสำคัญต่อไทยจนถึงกับต้องมีเอกอัครราชทูตประจำ และสถานการณ์ยังไม่ปกติครับ
บัวแก้วเป็นหนึ่งในตราสามดวงของราชการไทยสมันโบราณครับ ที่มีกฏหมายตราสามดวงไงครับ ก็มี ตราพระราชสีห์ ประจำสมุหนายก คือฝ่ายราชการพลเรือน ตราพระคชสีห์ประจำสมุหพระกลาโหมฝ่ายทหาร และตราบัวแก้วของกรมท่า ว่าด้วยราชการด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ นี่แบ่งคร่าวๆ โดยเอาความคิดคนสมัยนี้ไปจับไม่มากก็น้อยนะครับ ในสมัยโบราณจริงๆ ผมเข้าใจว่าไม่ได้แบ่งกันเด็ดขาดชัดเจนเช่นนี้ทีเดียว ในยามสงคราม สมุหนายกก็เป็นทหารด้วย ในยามสงบ กลาโหมก็บริหารหัวเมืองบางแห่ง คือทำหน้าที่มหาดไทยด้วย อะไรทำนองนี้แหละครับ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 13 พ.ย. 00, 17:39
Thank you very much ka Khun Tao Chompoo.

Khun Nil ka, I read the interview of the Irag Ambassasor's wife you mentioned about the accident ka. Actually, he was one of my father's friend from Sing Daeng 11.


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 13 พ.ย. 00, 19:12
ภริยาฯพณฯรมช. เป็นรุ่นน้องคุณนิลกังขาเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็เป็นรุ่นน้องคุณนิลกังขาด้วยค่ะ แต่ไม่ใช่รุ่นน้องคณะ  "น้อง"เธออยู่โต๊ะเดียวกันกับพวกเพื่อนๆดิฉันที่รัฐศาสตร์น่ะค่ะ เลยกลายเป็นเพื่อนกันไปด้วย

ดิฉันคงต้องไปหาทิวาหวามมาอ่านดูบ้าง ไม่เคยอ่านค่ะ ถ้าเคยทำเป็นละคร ก็ไม่เคยดู ชักสงสัยว่าทำไมคุณนิลกังขาต้องอิจฉาพระเอก แต่อย่างที่บอกไว้แล้วว่า ไม่น่าเชื่อว่าคารมอย่างคุณหลวงนิลฯจะต้องไปอิจฉาใครค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 13 พ.ย. 00, 20:36
ผมตกนักการทูตนักเขียนคนสำคัญไปคนหนึ่ง คือท่านรัฐมนตรีต่างประเทศคู่บารมีจอมพล ป. พลตรี หลวงวิจิตรวาทการครับ ท่านเคยรับราชการหลายตำแหน่ง แต่ตอนที่การเมืองสมัยโน้นเล่นงาน ท่านก็เขียนหนังสือเต็มเวลา เป็นนักเขียนเต็มตัวอยู่พักหนึ่ง มีผลงานเยอะแยะมากมายหลายเล่มไปหมด ผมอ่านของท่านบางเล่ม ทั้งสารคดี บทละครและนิยาย เห็นด้วยกับความคิดท่านบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง
คุณหลวงวิจิตรฯ เป็นคนแต่งเนื้อเพลง บัวแก้ว ใช้เป็นเพลงประจำสโมสรสราญรมย์ของข้าราชการกระทรวงผม โดยตีความจากตราบัวแก้วว่า ลักษณะของบัวนั้น เหมือนกับลักษณะนักการทูต (ที่ดีในอุดมคติ - ดังนั้นถ้าเจอนักการทูตที่ไม่เหมือนเนื้อเพลงบ้างนี้ก็อย่าแปลกใจไปเลย) คือ เป็นดอกไม้ที่บานสู้แดด ยิ่งแดดแรงยิ่งงาม เหมือนนักการทูตต้องสู้ความลำบากได้ ในน้ำเลี้ยงบัว เช่นในอ่างบัว ถึงน้ำจะขุ่นอยู่เก่า แต่เมื่อเลี้ยงบัวแล้วจะทำให้น้ำใส เหมือนนักการทูตที่ต้องเก็บความขุ่นมัวในใจให้ได้ แสดงออกแต่ความแจ่มใส ดังคำว่า น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก ก้านบัวจะยาวหยั่งลึกลงไปตลอดจนถึงน้ำก้นสระข้างล่าง เหมือนนักการทูตต้องศึกษาเรื่องราวในความรับผิดชอบให้รู้อย่างลึกซึ้ง แต่ท่านแถมด้วยว่า เมื่อรู้แล้วก็ต้องทำด้วย

เนื้อหาเพลงนี้เพราะและความหมายดีมาก แต่ผมเสียใจที่จะต้องเรียนว่า ในความเห็นส่วนตัวผม ทำนองเพลงนี้ (ท่านแต่งให้สโมสรเหมือนกัน) ก็เหมือนทำนองเพลงของคุณหลวงวิจิตรฯ อีกหลายเพลง คือร้องให้เพราะได้ยาก ร้องไม่ดีจะกลายเป็นบ่น หรือสวดไป แต่นั่นแหละ หูผมคงไม่ถึงก็เป็นได้


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 13 พ.ย. 00, 21:55
เอ้อ... Muses นี่ หาได้ด้วยเหรอครับ ผมนึกว่าถ้าเธอจะมา ก็มาเอง และถ้าจะไปก็ไปเองเหมือนกัน ใครรู้วิธีเชิญ Muses บอกหน่อยสิครับ
Muses คือเทพธิดากรีก ที่เป็นแรงบันดาลใจในทางศิลป วรรณกรรม ดนตรี ฯลฯ ดูเหมือนจะมีกันอยู่ 9 องค์ เป็นลูกเทพอะพอลโล (มั้ง) เป็นต้นรากของคำภาษาอังกฤษบางคำเช่น Museum,  Music ครับ
ผมไม่ได้เขียนหนังสือไปที่ไหนมานานแล้วครับ (Muses ไม่อยู่) เพิ่งจะจับเขียน เอ๊ย จิ้มคีย์บอร์ดลงในเว็บนี่ (ถือเป็นการเขียนหนังสือรูปแบบใหม่สำหรับผม) เมื่อต้นปีนี้เอง


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 14 พ.ย. 00, 02:07
นึกได้กระปริบกระปรอยครับ อาเดียวของสลักจิต ก็นักการทูคนี่นะครับ สงสัยผมต้องหาหลาน เอ๊ย น้องที่ชื่อจอยซะแล้ว อายุเป็นเพียงตัวเลข ... ท่านรักษาการ รมช.กต. ซึ่งเป็นทั้งครูและนายผม (ไปอีกไม่เกินหกสิบวัน - แต่เป็นครูเข้าหนหนึ่งแล้วก็ถือว่าเป็นครูไปตลอดชาติแหละ) ท่านยังทำตัวอย่างไว้แล้วเลยนี่นา...


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 14 พ.ย. 00, 03:34
Ramil from Rakrae by K. Sopark Suwan ka.


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: ทิด ที่ 14 พ.ย. 00, 09:21
อืมม์...เรื่อง "รักแร้" ของคุณโสภาค นี่ท่าทางจะเป็นเรื่องใหม่นะครับ ต้องไปหาอ่านบ้างแล้ว
^____^


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 14 พ.ย. 00, 14:03
คุณทิดคะ ตั้งแต่เลิกหล่อแบบคุณวิรุฬฯแล้วเนี่ย จะหันไปเอาดีสะสมชื่อเสียงก่อนเปิดตัว "ทิด เชิญยิ้ม" เหรอคะ ^_______^
ถ้า "รักแร้" สนุก อย่าลืมมาบอกต่อเพื่อนๆนะคะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: ชอบอ่านนิยาย(มาอีกที) ที่ 14 พ.ย. 00, 14:40
คุณทิดคะ รักเร่ ของโสภาค สุวรรณ นะคะ
ไม่ใช่ รักแร้


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: ทิด ที่ 14 พ.ย. 00, 15:46
หึหึ ล้อเล่นน่ะครับ เรื่องนี้ผมเคยอ่านแล้วเหมือนกัน
พอดีแม่ผมแกชอบผลงานของคุณโสภาคเป็นพิเศษ
ผมก็เลยได้พลอยอ่านไปด้วยทุกเล่มที่แม่ผมอ่านครับ
พอเปิดกระทู้เข้ามาเจอคุณ B เขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ
เลยนึกสนุกเสียหน่อย...อย่าโกรธกันนะครับ คุณ B
.................
คุณนนทิราครับ ผมสงสัยจะเป็นตลกไม่ได้หรอกครับ
ทำได้คงเป็นแค่อาการกวนประสาทเพื่อนๆ อย่างนี้เท่านั้น
ความจริงหล่ออย่างคุณวิรุฬก็ดีนะครับโดยเฉพาะเวลาท้องผูก
^_____^


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 14 พ.ย. 00, 18:33
ขอแตกประเด็นนิด
ผมสังเกตว่า นิยายไทยในสมัยก่อน อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอาชีพของตัวละครสักเท่าไหร่หรอกครับ ทั้งนี้ยกเว้นบางเรื่อง พระเอกจะเป็นนักการทูต หรือนักธุรกิจ หรือชาวไร่ หรือนักอะไรก็ช่าง นางเอกจะเป็นนักอะไรก็ช่าง (บางเรื่องไม่ได้เป็นนักอะไรเลย คือไม่ได้เป็น career woman เป็นอาชีพนางเอกเท่านั้น) แก่นของเรื่องอยู่ตรงที่รักกัน งอนกัน ดีกัน ฯลฯ เท่านั้น ความเป็นนักการทูตของคุณชายกลาง ไม่มีผลต่อ plot เรื่องบ้านทรายทองเลย ความเป็นนักการทูตของท่านชายดนัย ก็อาศัยเป็นโครงให้เรื่องเกาะอยู่ตรงว่า เป็นภูมิหลังในการไปเที่ยวยุโรปได้เท่านั้น

แต่เดี๋ยวนี้ น่าสนใจที่ตัวละครมีมิติด้านการทำงานมากขึ้น ทั้งพระเอกนางเอก คงจะตั้งแต่ปุลากงที่ให้ภาพพัฒนากรกับนายอำเภอ หรือจะก่อนนั้นก็อาจจะมี รู้สึกว่าตัวละครเป็นคนจริงๆ มีเรื่องราวน่าสนใจเกิดชึ้นในการทำงาน วิศวกรชาวเขื่อนอย่างคุณเป๋งหรือเลขาอย่างคุณเอม สถาปนิกอย่างคุณเขียว ก็มีเรื่องน่าสนใจอันเกี่ยวด้วยงานมาให้คนอ่านรับรู้ ตัวละครที่เป็นหมอ เป็นพยาบาล ก็มีการพูดถึงลักษณะในอาชีพ ตัวละครที่เป็นครูก็ให้ภาพครูค่อนข้างชัด ฯลฯ ไม่ใชช่ง้อกันไปงอนกันมาจนจบเรื่องอย่างเดียว ซึ่งผมว่าดีครับ ยิ่งเดี๋ยวนี้ หลังฟองสบู่แตกแล้วนี่ มีการพูดถึงสภาพเศรษฐกิจจริงๆ ในนิยายหลายเรื่องเลย และผู้หญิงก็เริ่มจะเป็นนางเอกผู้หญิงทำงานมากขึ้นๆ ด้วย

ทางด้านการทูต องค์ชายเสนาบดีในเรื่องในฝันก็พยายามดำเนินการทางการทูตเป็น subplot อยู่บ้างเหมือนกัน เมณี่ก็ช่วยบ้างในบริบทประวัติศาสตร์สมัย ร. 5 จะมีการแต่งแต้มประวัติศาสตร์บ้างก็ตามเถอะ ไม่ใช่ตำรานี่ ยังมีอีกหลายเรื่องมี subplot ทางการเมืองที่เข้มข้นชวนติดตามทีเดียว


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ย. 00, 19:09
คุณนกข.คงอ่านนิยายมาไม่น้อยนะคะ  ถึงเล่าได้หลายเรื่อง ทั้งที่แต่งกันหลายยุคสมัย
เห็นด้วยค่ะว่าเมื่อก่อนพระเอกนางเอกนิยายไม่ค่อยมีอาชีพ หรือมีก็ไม่แสดงให้เห็น  อย่างตัวละครเป็นหมอ ก็มักจะมีฉากตอนเลิกงาน ขับรถไปจีบนางเอก  มากกว่าจะมีฉากสั่งยาหรือผ่าตัด
คงเป็นเพราะเรื่องเหล่านี้เป็นนิยายรัก  จึงไม่ถือรายละเอียดพวกนี้ว่าสำคัญ
ข้อสำคัญแฟนประจำก็ไม่ค่อยจะสนใจด้วย รอลุ้นตอนจบอย่างเดียว
ถ้าเป็นนิยายชีวิต( serious fiction) ละก็  อาชีพจะโผล่ออกมาแบบสมจริง   ฟักใน "คำพิพากษา" เป็นภารโรง  ใน"ตลิ่งสูง ซุงหนัก"ของนิคม รายวา ตัวเอกก็แกะสลักช้างลากไม้ ฯลฯ
ออกนอกเรื่องนักการทูตไปไกลหลายถนน เลี้ยวรถกลับมาฟัง subplot ทางการเมืองค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 พ.ย. 00, 00:01
กลับไปเรื่องที่เจ้าของกระทู้เปิดประเด็นไว้ว่า ขอให้ผมเล่าข้อเท็จจริงบางอย่างของงาน เผื่อใครอยากจะเข้ามาทำงานอาชีพนี้จะได้รู้เป็นข้อมูล
ผมเล่าไม่หมดหรอกครับ แต่อาจจะยกตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ได้บ้างว่า งานที่แท้จริงของนักการทูต ที่อยู่นอกหนังสือนิยายนั้น ถ้าจะใช้คำพูดของนักการทูตคนหนึ่งที่ไม่ใช่ผม ก็ต้องบอกว่า "มีทั้งเรื่องที่พูดได้ พูดไม่ได้ และพูดไม่ออกบอกไม่ถูก"  นักการทูตยังคงไปงานเลี้ยงรับรองอยู่ ไปหาข่าวในงานเหล่านั้น ยังดื่มแชมเปญอยู่ จริง แต่นักการทูตตามสถานทูตไทยในบางประเทศ นอกจากจะย่างกรายไปตามโรงแรมหรือภัตตาคารหรูๆ แล้ว ยังต้องย่างกรายเข้าไปในคุก โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ศาล อีกด้วย ไปดูแลคนงานไทย ไปช่วยผู้หญิงไทยที่ถูกหลอก ลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับ ไปเก็บศพก็มี จัดการเผาศพส่งกระดูกกลับเมืองไทยให้ก็ได้ ครับ นักการทูตต้องทำให้ได้พอๆ กับไปงานเลี้ยงแหละครับ ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของงานของเราด้วยกัน มีเรื่องจริงที่นักการทูตไทยท่านหนึ่งที่ญี่ปุ่น หลายปีมาแล้ว ได้ทำหน้าที่ช่วยผู้หญิงไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวอย่างแข็งขันมาก จนแก๊งยากูซ่าพยายามจะเก็บเอาน่ะ เดชะบุญไม่เป็นไร งานด้านนี้ ไม่ค่อยจะปรากฏในนิยายเท่าไหร่

งานด้านรับรองก็น่าสนุก เมื่อครั้งบ้านเมืองดี ยังไม่เจอไอเอ็มเอฟนั้น บางสถานทูตจะมีคณะต่างๆ ไปเยี่ยมจากเมืองไทยเยอะแยะ จากหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน หลายระดับ หลายกลุ่ม (ตอนนี้น้อยลงหน่อย) บางทีรับบางคณะสนุกเสียจนอยากจะโดดน้ำตาย ผมไม่เล่านะครับ เข้ามาเป็นนักการทูตแล้วก็รู้เองแหละ (แต่เคยมีนักวิชาการทำงานวิจัยเรื่องนี้แล้ว เป็นข่าวฮือฮาเมื่อหลายปีก่อนขนาดผู้ใหญ่ฝ่ายนิติบัญญัติท่านหนึ่งออกมาโต้ตอบเลย ผมไม่เกี่ยวนะครับ ท่านจะคุยกับวงวิชาการก็เชิญ ผมเป็นข้าราชการ...)


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 00, 09:12
มีความจริงมากน้อยแค่ไหนคะ  ที่ว่านักการทูตจะไม่ตอบ yes หรือ no ออกมาชัดๆ
แต่จะ maybe
แล้วมักจะไม่เข้าข้างค่าย หรือประเทศไหน  หรือลงความเห็นเรื่องอะไรชนิดผูกมัดตัวเอง  
เพื่อว่าภายหน้าจะได้คบและได้ประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย
โดยที่ฝ่ายตัวเองจะเสียประโยชน์น้อยที่สุด
ป.ล.ข้อมูลจากนิยายค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 พ.ย. 00, 16:02
มีคำกล่าวว่า When a diplomat says yes, he means maybe. When a diplomat says maybe, he means no. When a diplomat says no, he is not a diplomat.
เพราะว่ากันว่า (ซึ่งไม่จำเป็นต้องจริงเสมอไป) นักการทูตจะพยายามออมชอม หาทางประสานประโยชน์ จะไม่เผชิญหน้า จะไม่พูดตัดทางติดต่อกัน จึงจะไม่มีวันพูด no เป็นอันขาด ซึ่งได้กล่าวแล้ว ว่าไม่จริงเสมอไป กาละ เทศะ กรณี โอกาส เงื่อนไข ในบางครั้งก็ทำให้นักการทูตต้องเซย์โนเหมือนกัน
ทำนองกลับกัน สุภาพสตรีจะไม่เอออวยไปกับใครได้ง่ายๆ ต้องสงวนท่าที เพราะเดี๋ยวจะถูกหาว่าใจง่าย จึงมีคำกล่าวว่า When a lady says no, she means maybe. When a lady says maybe, she means yes . But when a lady says yes, she is not a lady. ซึ่งสุภาพสตรีสมัยนี้คงจะตอบได้เอง ว่าจริงหรือไม่จริงแค่ไหน
ผมเคยถามตัวเองเล่นๆ ว่า ในสมัยปัจจุบันนี้ซึ่งนักการทูตเป็นสุภาพสตรีเสียก็เยอะแล้ว ถ้าเชื่อตามคำกล่าวของฝรั่งโบราณชุดนี้ นักการทูตสตรีเหล่านี้จะพูดอะไรได้บ้าง ?????


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 00, 16:31
ขอบคุณค่ะ  
ยังอยากรู้อีกนิด มีกรณีไหนคะที่นักการทูตจะ say no แบบไม่ลำบากใจเลย  
กรุณาอย่าตอบว่า..ในกรณีเสียผลประโยชน์ของชาตินะคะ  มันกว้างไปนิดค่ะ
ส่วนที่คุณนกข.ถามสุภาพสตรี  ไม่ทราบสุภาพสตรีคนอื่นๆจะตอบว่ายังไง
ส่วนสตรีคนนี้...ในกาละ เทศะ กรณี โอกาส  ที่
คุณชายกลางเห็นดิฉันเป็นพจมาน แล้วขอสวมแหวนให้
ขืน say no หรือแม้แต่ maybe  ก็จะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตมั้งคะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 พ.ย. 00, 17:19
...
วันนี้อากาศดีนะครับ...


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 พ.ย. 00, 17:37
เรื่องที่คุณเทาชมพูถาม ผมคงต้องตอบตามที่คุณเทาชมพูตอบนั่นแหละครับ คือ เซย์โน เมื่อไม่มีวิธีที่จะเจรจาต่อไปได้อีกแล้ว ก็ต้องหยุด เซย์โน เมื่อการเซย์เยสจะทำให้เสียผลประโยชน์แห่งชาติ หรือบางครั้ง เซย์โนในเรื่องหนึ่ง เป็นกลวิธีหรือยุทธวิธีในการเจรจาต่อรองกับอีกฝ่ายเพื่อผลในเรื่องอื่น มันก็ยังกว้างอยู่ดี แต่ถ้าลงรายละเอียดเป็นกรณีไปก็จะยาวมากครับ
ถ้าจำเป็นหรือสมควรจะเซย์โน เราก็พูดได้โดยไม่ต้องลำบากใจอะไรมากครับ วิธีเซย์โนก็ทำได้โดยไม่จำเป็นต้องโกรธกันหรือเสียความสุภาพด้วย โนแล้วก็ยังคุยกันต่อได้ หรือโนเรื่องนี้ เยสเรื่องนั้น ก็ได้ เว้นแต่สไตล์ของบางประเทศ บางคน ที่ถือว่าโนเรื่องหนึ่งแล้วก็ปิดประตูทุกเรื่อง ก็มี หรือบางทีเขาถือว่า ถ้าโนในเรื่องสำคัญสุดยอดเป็นผลประโยชน์คอขาดบาดตายของเขาเรื่องหนึ่ง ก็ไม่ต้องคุยกันเรื่องอื่นอีก ก็มีครับ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 15 พ.ย. 00, 18:01
แล้วคุณนกข.นำวิธีการทูตเซย์โนเซย์เยสมาใช้กับชีวิตส่วนตัวมากน้อยแค่ไหนคะ แต่ความจริงนึกๆดูแล้ว มารยาททางการทูตก็เหมือนกับเป็นมารยาทอันดีที่ใครๆก็สมควรจะมีนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดมากในสังคมคนญี่ปุ่น แต่สำหรับดิฉันแล้ว ถ้าต้องเป็นอย่างคนญี่ปุ่นตลอดเวลา ก็คงรำคาญตัวเองเหมือนกัน จะปฎิเสธทั้งที ก็ได้แต่สูดปาก ทำหน้ายุ่ง แล้วก็บ่นว่า มันเป็นเรื่องยาก ตอบลำบาก อะไรทำนองนั้น

เลยทำให้นึกคำถามได้ข้อนึง นักการทูตจากประเทศทางตะวันตก กับทางตะวันออก แตกต่างกันบ้างหรือเปล่าคะ เพราะมาจากสังคมที่ต่างกัน เช่นในแง่ที่ว่าสังคมตะวันออกจะเป็นสังคมที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ามากกว่าน่ะค่ะ

วันนี้ที่นี่ก็อากาศดีเช่นกันค่ะ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 พ.ย. 00, 19:05
วัฒนธรรมเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ด้วยครับ แต่ในเรื่องนี้ โดยมาก นักการทูตที่ดีถ้ารู้ว่าจะต้องเจรจากับใคร ก็จะพยายามศึกษาภูมิหลังทางวัฒนธรรมของอีกฝ่าย จะได้พอจะรู้แนวความคิดอีกฝ่ายได้บ้าง และโดยที่นักการทูตดำเนินชีวิต และทำงานข้ามวัฒนธรรม ถึงจะยังเป็นไทย เป็นฝรั่ง เป็นแขก เป็นจีนอยู่  แต่ก็ควรจะมีลักษณะที่ฝรั่งเรียกว่า cosmopolitan คือ เป็นคนของโลกด้วย ซึ่งว่าที่จริงโลกนับถือมารยาทอันดีในหลักใหญ่ไม่ได้ผิดกันมาก แตกต่างกันก็แต่รายละเอียด
เรื่องนี้ ในการเจรจาเชิงธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญและมีการศึกษากันเหมือนกันว่าจะทำธุรกิจกับคนชาติใดก็ต้องรู้จักคนชาตินั้นบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม นักการทูตหรือนักธุรกิจระหว่างประเทศ คงต้องรับรู้เข้าใจวัฒนธรรมร่วมระดับสากลด้วยกัน อย่างน้อยในระดับจิตสำนึก ส่วนที่ว่า ลึกๆ ในจิตใต้สำนึกแล้วอาจจะเผลอบ้าง เพราะชิน ก็คงเป็นไปได้บ้างแหละ
ลากกลับเรือนไทยอีกที วัฒนธรรม มารยาทหรือการให้เกียรติแบบไทยๆ นั้น นักการทูตไทยเอาไปอวดได้รับความชื่นชมมาแล้วทั่วโลก (แต่วัฒนธรรมแบบไทยที่แย่ๆ ก็คงมีนักการทูตไทยบางคนเผลอแสดงให้ฝรั่งเห็นบ้างเหมือนกัน) ตั้งแต่ครั้งโกษาปานไปฝรั่งเศส ซึ่งปรากฏว่าผูกพระทัยและผูกใจคนได้หมดทั้งราชสำนักฝรั่งเศสตั้งแต่ชั้นพระเจ้าหลุยส์ลงมา ทั้งๆ ที่ท่านไม่พูดฝรั่งเศส ไม่เคยเป็นนักเรียนนอก แสดงความเจริญอย่างไทยผ่านล่ามเท่านั้นฝรั่งก็ทึ่งแล้ว สมัยใกล้ๆ นี้ ท่านนายกคึกฤทธิ์เมื่อไปพบประธานเหมาเจ๋อตงที่เมืองจีน ท่านก็เขียนบันทึกไว้เองว่า ท่านให้เกียรติท่านประธานเหมาว่าเป็นผู้ใหญ่ ถือธรรมเนียมตะวันออกเต็มที่ ก็ปรากฏว่าท่านประธานเหมาเมตตามาก ให้คุยด้วยตั้งชั่วโมง ซึ่งธรรมดาอาจจะให้แขกเมืองพบยี่สิบสามสิบนาทีอย่างมาก และความสัมพันธ์ไทย-จีนก็ดีขึ้นมาก ท่านเขียนไว้ทำนองว่า มารยาทอย่างไทยๆ นี่แหละ จะไปที่ไหนก็ได้ทั่วโลกไม่อับจนหรอกครับ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 16 พ.ย. 00, 01:22
นักการทูตที่คุณ นกข พูดๆมา รวมเจ้าหน้าที่สถานทูตที่นั่งเค้าน์เตอร์ตรวจรับเอกสารต่างๆพวกนั้นด้วยหรือเปล่าคะ เป็นบัวแก้วเหมือนกันหรือเปล่าคะ วันนั้นไปสถานทูตไทยที่นี่ได้ยินเขาใชคำหยาบจำพวกสัตว์เลื้อยคลานใส่คนที่ไปยื่นเอกสารด้วย...ดุจัง...อย่างนี้เป็นพระเอกนิยายไม่ได้แน่เลย


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 16 พ.ย. 00, 16:28
ขอบคุณที่ให้โอกาสผมคุยเรื่องนี้ครับ
ก่อนอื่น นักการทูตเป็นคนธรรมดาครับ คงจะมีทั้งดีและแย่ปนกันไป ไม่ใช่พระเอกนิยายทุกคนแน่ๆ
ประการสอง ที่ผมเคยอยู่มานั้น local staff ก็เป็นคนท้องถิ่นจริงๆ เช่นในเมืองจีนก็เป็นคนจีน แต่ในสถานทูตสถานกงสุลไทยหลายแห่ง local staff ที่รับจากคนในพื้นที่มาช่วยนั่งทำงานหลังเคาน์เตอร์ ไม่ใช่คนท้องที่จริงๆ แต่เป็นคนไทยที่อยู่มานานในท้องที่ (หรือบางกรณีเป็นคนชาติอื่น เช่น ฟิลิปปนส์ ฯลฯ) กรณีนี้มักจะเกิดในประเทศที่มีชุมชนไทยใหญ่ๆ เช่น อเมริกา เจ้าหน้าที่สถานทูตพวกนี้มีฐานะเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่ข้าราชการจากกรุงเทพฯ แต่เขาจะอยู่ตรงนั้นนานติดสถานทูต เพราะนักการทูตจริงๆ จะต้องหมุนเวียน เดี๋ยวครบเทอมก็กลับเมืองไทย ในขณะที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังอยู่ต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ...

ผมได้ยินคำบ่นเรื่องความประพฤติของเจ้าหน้าที่เหล่านี้บางคนบ่อยเหมือนกัน ความที่อยู่นาน บางทีบางคนก็ทำท่าจะเป็นมาเฟียก็มี ที่แสดงกิริยาเช่นที่เล่ามานั้นต่อคนที่มาติดต่อก็มี ซึ่งก็ได้เคยมีการเตือนกันเหมือนกัน แต่ผมก็ยังได้ยินปัญหานี้อยู่เรื่อยๆ ผมเองเคยเรียนกระตุ้นผู้ใหญ่ในกระทรวงฯ ไปว่า ถ้าสถานทูตมีไว้เพื่อบริการประชาชน ก็ควรจะกวดขันคนที่จะเป็นด่านแรกในการติดต่อประชาชนด้วย ไม่งั้น ประชาชนเขาจะรู้อย่างไรว่าใครเป็นใคร แล้วก็ในบางกรณีอาจจะต้องลดความ "เกรงใจ" ลูกจ้างไทยที่อยู่มานานบางคนลงบ้าง

นักการทูตตัวจริงส่วนมากอยู่หลังเคานเตอร์เข้าไปครับ ถ้าคุณส้มหวานเจอปัญหาเช่นนั้นอีก ผมเรียนแนะนำให้ขอพบกับเจ้าหน้าที่การทูตหรือหัวหน้าฝ่ายกงสุลเลยครับ พูดกับเขาดีๆ แต่หนักแน่น ว่าเราขอพบนายเขาข้างใน จะได้ช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้กระทรวงฯ ผม หรืออย่างน้อยสถานทูตนั้น แก้ปัญหาคนของเขาอีกทางหนึ่ง  

แต่บางที ถ้าไปถาม local staff ก็อาจจะได้รับคำตอบอีกมุมหนึ่ง (ผมเคยถามเขา) ซึ่งผมเอามาแจ้งให้ทราบด้วยแล้วกัน จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ เขาจะบอกว่า ก็คนไทยบางคนที่มาติดต่อก็แย่จริงๆ งี่เง่าจริงๆ สมควรถูกด่านี่นา อันนี้ผมไม่เถียงว่า ในชุมชนไทยใหญ่ๆ นอกประเทศไทยนั้น คนไทยบางคนก็ประพฤติตัวเหลือรับจริงๆ (คงไม่ต้องอธิบาย) แต่นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะตั้งท่าเตรียมดูถูกคนที่มาติดต่อไว้ก่อน ว่าอาจจะแย่ เพราะเขาอาจจะไม่แย่ก็ได้เท่าๆ กัน (ก็เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็มาจากชุมชนไทยในเมืองนอกนั่นแหละ ถ้าแย่ก็แย่ด้วยกัน...)

หรือจะเป็นนิสัยคนไทยที่ชอบดูถูกคน ก็ไม่รู้นะครับ หวังว่าจะไม่ใช่นิสัยไทยนะ แต่ local staff คนไทยในสถานทูตต่างประเทศในกรุงเทพฯ บางแห่งที่ผมเจอมาเอง ก็พอๆ กับ local staff ของเราเองนอกประเทศเหมือนกัน ไม่ทราบว่าใครเลียนแบบใคร

การทำงานประสานระหว่างสถานทูตสถานกงสุลกับชุมชนไทย เป็นอีกเรื่องที่ไม่ค่อยเห็นในนิยายไทยเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเขียนคงเขียนได้หลายเรื่องหลายรส อาจจะมีทั้งเรื่องตลก เรื่องเศร้า เรื่องบู๊ ฯลฯ


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: สัมหวาน ที่ 16 พ.ย. 00, 19:53
คุณ นกข คะ กระจ่างแล้วค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยไขข้อข้องใจ
เห็นด้วยค่ะ อยากอ่านนิยายในแนวที่คุณนกข กล่าวมาจริงๆ สะท้อนสังคมดี


กระทู้: นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย
เริ่มกระทู้โดย: Linmou ที่ 16 ธ.ค. 00, 21:44
อย่างน้อย มรรยาท local staff ของสถานทูตไทยในจีน ก็ดีกว่ามรรยาทของ "ท่านกงสุล"จีนประจำจังหวัดสงขลามากล่ะค่ะ
ขอแซวนิด รู้สึกว่าคุณหลวงนกข.จะมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายๆกับน้องชายนายมนุษย์ปักกิ่งนะคะนี่ ตั้งแต่คารมประดุจใบมีดโกนของใหม่(ไม่ใช่ขึ้นสนิม)ไปจนถึงสายตาอันสูงส่งเรื่องสาวๆ