เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 6
  พิมพ์  
อ่าน: 23714 รักประทับใจ หาได้จากในเน็ท
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 25 ก.ค. 08, 14:41

Go on Living

Doctor is the judge
sentencing to life imprisonment,
but I am a patient not a criminal,
I want to bravely walk out.
 
Doctor is the judge,
sentencing to death.
but I am a patient not a criminal,
I want to bravely go on living.
 

      คุณหมอคือผู้พิพากษา
ตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต
แต่ผมเป็นผู้ป่วย ไม่ใช่อาชญากร
ผมจะเดินออกไปอย่างกล้าหาญ

       คุณหมอคือผู้พิพากษา
ตัดสินประหารชีวิต
แต่ผมเป็นผู้ป่วยไม่ใช่อาชญากร
ผมต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างกล้าหาญ

Needle Tracks   รอยเข็มพรุน

There remains:     ยังอยู่ตรงนั้น
the syringes from the 1st hospital visit,     รอยเข็มจากโรงพยาบาลแห่งแรก
mixed memories,     ความทรงจำปนเป
fever; whole body sweating,     ไข้ เหงื่อท่วมร่าง
chill; entire body trembling.     หนาว จนสั่นเทาทั้งร่าง
Blood in, blood out,     เลือดเข้า เลือดออก
blood out, blood in.     เจาะเลือด ให้เลือด
my whole body scarred,     รอยเข็มรอยแผลทั่วตัว
Mother’s warm hands holding,     มือแม่อบอุ่นเกาะกุม
Father’s firm hands caressing,     มือพ่อมั่นคงลูบไล้
little brother’s naughty hands touching,     มือซนน้องชายแตะต้อง
my brave tears dropping.     น้ำตาคนกล้าหยาดหยด

syringe - หลอดดูดเลือด และฉีดยา ในที่นี้น่าจะหมายถึงรอยเข็มจากการเจาะเลือด ฉีดยา
ด้วย syringe จากโรงพยาบาลแห่งแรก


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 25 ก.ค. 08, 14:51

          หนังสือ "ฉันยังมีขาอีกข้างหนึ่ง"   โดย โจวต้ากวน แปลโดย เรืองรอง รุ่งรัศมี
 
คำนิยม โดย พระไพศาล วิสาโล
 
     จะว่าไปแล้วเคราะห์กรรมไม่ทำให้เราทุกข์มาก
เท่ากับท่าที หรือความรู้สึกที่เรามีต่อมัน
     สุขหรือทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา
แต่อยู่ที่เรารู้สึกกับมันอย่างไรต่างหาก
 
      คนป่วยหลายคนพบว่า
ความทุกข์ลดลงเมื่อเห็นคนที่ทุกข์มากกว่าตน
น้อยคนที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็งตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
และจากโลกนี้ไปก่อนอายุครบ 10 ขวบ
สุดท้ายก็ต้องตัดขาทิ้ง..
 
เด็กน้อย ก็ยังไม่ยอมปล่อยใจให้หม่นหมอง
กลับรู้สึกด้วยซ้ำว่า

   "ฉันยังโชคดีที่มีขาอีกข้างหนึ่ง
ที่จะเดินไปทั่วโลกที่งดงามนี้"
   

"คำจากพ่อและแม่..."

        ยามที่เราไม่ก่อกำแพงเพิ่ม แต่เพียรสร้างสะพานนั้น
โลกใบนี้ก็เปี่ยมด้วยความรื่นเริง
ลูกต้ากวนได้สร้างสะพานแห่งความปิติของชีวิตขึ้นอีกสะพานหนึ่ง...
พ่อแม่หาหมอนานถึง 6 ปี ทำกิ๊ฟถึง 6 ครั้ง ในที่สุดหนูก็ก่อเกิดกายมาในโลกมนุษย์
หนูนำพ่อแม่เดินสู่สะพานแห่งความปีติของชีวิต

          ลูกต้ากวนได้สร้างสะพานแห่งความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญขึ้นสะพานหนึ่ง...
การจู่โจมของมือสังหารในการทำเคมีบำบัด 7 ครั้ง การจู่โจมของมารน้อยรังสีบำบัด 30 ครั้ง
การจู่โจมของผีดูดเลือดในการผ่าตัดใหญ่ 3 ครั้ง ฉีดยา กินยา นับครั้งไม่ถ้วน
ให้เลือด ดูดเลือด ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย โดยเฉพาะยอมรับความจริงต่อการต้องตัดขาขวาอย่างไม่สะทกสะท้าน
พบกับใครก็พูดทุกครั้งว่า "ฉันยังมีขาอีกข้างหนึ่งที่จะยืนบนโลก"
เขานำพาเราเดินสู่สะพานแห่งความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ

           ลูกต้ากวนได้สร้างสะพานแห่งความหวังอันสว่างไสวขึ้นสะพานหนึ่ง...
ยามที่คุณหมออับจนหนทาง เขาเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทั้งยังใช้ความเข้มแข็งทางจิตใจต่อกรกับสิ่งที่จะตามมา
เขาพูดว่า "คุณหมอคือผู้พิพากษา ตัดสินประหารชีวิต แต่ว่าฉันเป็นคนป่วยไม่ใช่นักโทษ ฉันจะมีชีวิตต่อไปอย่างกล้าหาญ"
ทุก ๆ วันเขาจะกุมเนื้องอกไว้ในมือแล้วพูดว่า
            "เนื้องอกคือราชาปีศาจวัวของชีวิต คุณอาหมอคือพระยูไลของชีวิต
             ราชาปีศาจวัวเอ๋ย ราชาปีศาจวัว ถึงแกจะมีฤทธิ์อย่างซุนหงอคง
ก็หนีออกไปจากกลางฝ่ามือของพระยูไลไม่พ้นหรอก
             เนื้องอกคือจูดาสทรยศของชีวิต ฉันคือพระยะโฮวาห์ของชีวิต
จูดาสเอ๋ย ข้าสร้างเจ้าด้วยมือข้าได้ ข้าก็ทำลายเจ้าด้วยมือของข้าได้"

และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จิตใจอันเข้มแข็งของเขาทำให้เนื้องอกเล็กลง 2 ใน 3 ส่วน
เขายังคงคิดค้นโครงการ "เครื่องเร่งกำจัดมะเร็งพลังแสงอาทิตย์" หวังว่าจะทำสำเร็จร่วมกับน้องชาย
เขานำพาพวกเราก้าวขึ้นสู่สะพานแห่งความหวังอันสว่างไสว


บันทึกการเข้า
Karine!!
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130

กำลังค้นหาทางสว่างของชีวิต


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 25 ก.ค. 08, 21:55

ตามอ่านๆๆ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

การศึกษาก้าวไกล ประเทศไทยรุ่งเรือง (แต่ตอนนี้ตูรุ่งริ่งชอบกล)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 30 ก.ค. 08, 17:07

ขอเสริมด้วยเรื่องเบาๆสักเรื่อง   ของหนุ่มสาวที่สานสัมพันธ์กันในยุคโลกไร้พรมแดน

http://www.rd.com/your-america-inspiring-people-and-stories/what-they-did-for-love-true-love-stories/article51952.html
หนุ่มอเมริกันขี้อาย วัย ๒๑   เจอนางในฝันเข้าอย่างจังในรถใต้ดิน   แค่เห็นเขาก็รู้ว่าเธอคนนี้แหละ..ใช่เลย
พอจะก้าวเข้าไปทำความรู้จัก  ก็ถึงสถานีที่เธอลงพอดี    คนกรูกันเข้ามาในรถ  นางในฝันก็กลืนหายไปในฝูงชน
เขาจะวิ่งไล่กวดไปก็ไม่เข้าที  ต่อให้หาเจอ    สาวน้อยอาจจะนึกว่าเป็นไอ้โรคจิตตามเกาะแกะลวนลามก็เป็นได้ 
เขาก็เลยกลับบ้าน  สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา ชื่อ nygirlofmydreams.com  บรรยายถึงหญิงสาวในรถใต้ดินที่เขาพบ     ตลอดจนความประทับใจของเขา  ที่อยากรู้จักเธอ
เว็บไซต์ของเขา เรียกความสนใจจากคนทั่วโลก  มีอีเมล์นับพันๆส่งเข้ามาหา  ในจำนวนนี้มีคนที่บอกเขาว่านางในฝันคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร
ในที่สุดเขาก็หาเธอพบ   รายการ Good Morning, America ปิ๊งกับเรื่องนี้มาก    เลยจัดหนุ่มสาวให้นัดพบกันครั้งแรกต่อหน้ากล้องทีวีเสียเลย
เรื่องนี้จบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง   สองคนนี้ก็เลยได้เป็นแฟนกันจริงๆ


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 30 ก.ค. 08, 18:03

        เป็นเรื่องรักที่ตรงตามหัวข้อกระทู้ - รักแรกพบประทับใจจากรถไฟใต้ดิน แล้วตามหาเธอได้จากในเน็ท
โด่งดังเมื่อตอนปลายปีที่แล้ว - ต้นปี
          วันนี้พอเปิดข้อความที่อาจารย์นำมาเล่าแล้ว อีกไม่นานก็ได้พบตอนต่อของเรื่องนี้จากเว็บ yahoo
เมื่อ sign out จาก yahoo mail  ครับ
          ปรากฏว่า เรื่องนี้จบลงเสียแล้ว และอย่างไม่สมหวังด้วย

      New York subway romance hits end of the line

     Hayton told Australian newspaper The Sunday Telegraph that she dated Moberg
for about two months but it just didn't work out.

     "I say we dated for a while but now we're just friends,"

      Moberg, however, was still refusing to comment on the relationship.

http://news.yahoo.com/s/nm/20080729/od_nm/subway_dc;_ylt=AlGqH24pBzNADpfcz_BwwRUuQE4F

         
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 30 ก.ค. 08, 19:36

จบกัน 
ลงท้าย  อกหักรักสลายเสียแล้ว  แสดงว่าสัญชาตญาณของเจ้าหนุ่มไม่แม่นจริง  ลังเล
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 31 ก.ค. 08, 12:08

      แม่ม่ายวินเซอร์  The Widow of Windsor

คือ เรื่องราวความรักไม่รู้คลาย แม้ความตายมาพราก ระหว่าง  Queen Victoria และ Prince Albert
แห่งสหราชอาณาจักร

           ควีนวิคทอเรีย ( Alexandrina Victoria ๒๔ พ.ค. ๑๘๑๙ - ๒๒ ม.ค. ๑๙๐๑)
ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรเกรทบริเทนและไอร์แลนด์ตั้งแต่ปี ๑๘๓๗ และ
ทรงเป็นจักรพรรดินีองค์แรกแห่งอินเดียในปี ๑๘๗๖

      ช่วงเวลาแห่งการครองราชย์ของควีนยาวนานถึง ๖๓ ปี ๗ เดือน (มิ.ย. ๑๘๓๗ - ม.ค. ๑๙๐๑) เรียกกันว่า
      Victorian era (age) คือช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองร่ำรวยของอังกฤษ อันเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และทรัพยากรที่กอบโกยมาจากอาณานิคม เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว สังคมในประเทศ
เกิดความเปลี่ยนแปลงจากการเติบโตของกลุ่มชนชั้นกลางผู้มีการศึกษา ในขณะที่สังคมโลกถูกจักรวรรดิอังกฤษแผ่อำนาจ
ไพศาลครอบครองจนกลายเป็นมหาอำนาจแห่งยุค ถึงกับได้รับการขนานนามว่า ตะวันไม่เคยตกในดินแดนจักรวรรดิบริเทน
the sun never sets on the British Empire

(แต่แรกวลี "The Empire on which the sun never sets" หมายถึง จักรวรรดิสเปนในศตวรรษที่ ๑๖
     ศตวรรษที่ ๑๙ วลีนี้ได้ถูกนำมาใช้กับจักรวรรดิบริเทน โดยเฉพาะในยุควิคทอเรีย
     สุดท้าย ถูกนำไปใช้หมายถึงทั้งบริเทนและอเมริกา ในช่วงกลางศตวรรษที่ ๑๙)


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 31 ก.ค. 08, 12:28

            ควีนวิคทอเรียขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนมายุเพียง ๑๘ พรรษา และ เมื่อพระชนมายุ ๒๑ พรรษา (ปี ๑๘๔๐)
ได้ทรงเสกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ทซึ่งเป็นพระญาติใกล้ชิด (first cousin - พระบิดาของเจ้าชายเป็นพี่น้องกับพระมารดาของควีน)
ด้วยความรัก หลังจากที่สองพระองค์ได้พบกัน(ด้วยแผนการจับคู่ของ uncle Leopold) ควีนทรงมีจิตปฏิพัทธ์ และทรงกล่าวถึง
เจ้าชายด้วยความชื่นชมในพระรูปโฉม   
           สองพระองค์ทรงครองคู่ด้วยความสนิทเสน่หาอย่างยิ่ง ต่างทรงอุทิศองค์เพื่อกันและกันเสมอมา ควีนทรงฟังคำแนะนำ
จากพระสวามีก่อนจะหารือกับที่ปรึกษาทางการ ทำให้เจ้าชายทรงมีศัตรูทางการเมืองอยู่หลายคนตลอดช่วงเวลา ๒๑ ปีที่ทรงครองคู่กัน
           ในยุค(วิคทอเรีย)ของควีนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมถือว่า เรื่องเพศเป็นสิ่งที่ต้องสำรวมเก็บไว้
และการคุมกำเนิดเป็นสิ่งต้องห้าม  ควีนทรงมีประสูติการโอรสธิดาถึง ๙ องค์

            เจ้าชายทรงเป็นทั้งคู่ชีวิตและที่ปรึกษาทางการเมืองการปกครองคนสำคัญตราบจนพระองค์สิ้นพระชนม์โดยไม่คาดคิด
ด้วยไข้ไทฟอยด์ในปี ๑๘๖๑ ทิ้งให้ควีนจมอยู่ในห้วงแห่งความอาดูรอ้างว้างอย่างยิ่ง ทรงโทษพระราชโอรส Prince of Wales
ว่าเป็นสาเหตุของการสิ้นพระชนม์ของพระบิดา เนื่องจากทรงก่อเรื่องอื้อฉาวร้อนถึงพระบิดาต้องเสด็จไปที่ Cambridge
ทำให้ทรงติดไข้ไทฟอยด์ (ติดต่อโดยทางเดินอาหาร)
          ควีนทรงฉลองพระองค์ในชุดสีดำเป็นการไว้ทุกข์ตลอดพระชนม์ชีพ และทรงหลีกเลี่ยงการเสด็จออกปรากฏพระวรกาย
นอกวัง(ทั้งที่ปกติแล้วทรงโปรดอากาศธรรมชาติสดชื่น) จนแทบจะมิได้ย่างพระบาทเสด็จไปกรุงลอนดอนเลย
       
           การเก็บตัวอยู่กับความโศกเศร้าของควีนทำให้ได้รับกล่าวถึงว่าทรงเป็น  Widow of Windsor และมีผลทำให้
ความนิยมชื่นชมในควีนจากปวงประชาลดลงอย่างมาก ทั้งยังก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางฝ่ายรีพับลิกัน แม้ว่าจะทรงปฏิบัติภารกิจ
ทางการ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะประทับเก็บองค์อยู่ในที่ประทับ ที่สก็อตแลนด์, Isle of Wight และพระราชวัง Windsor   

( Mrs. Brown เป็นตอนต่อไปครับ)


บันทึกการเข้า
Karine!!
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130

กำลังค้นหาทางสว่างของชีวิต


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 31 ก.ค. 08, 18:12

widow of windsor เหมือนจะดูน่าประทับใจในความรักอย่างสุดซึ้ง
แต่รู้สึกไม่น่าประทับใจเอาซะเลย 555+
(สับสนๆ)
บันทึกการเข้า

การศึกษาก้าวไกล ประเทศไทยรุ่งเรือง (แต่ตอนนี้ตูรุ่งริ่งชอบกล)
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 01 ส.ค. 08, 09:35

        ก่อนที่จะเสนอเรื่องราวต่อไปของควีนวิคทอเรีย วันนี้เปิดนสพ. เห็นข่าวเบาๆ เกี่ยวกับควีน
จึงนำมาคั่นตอนก่อน ครับ

          ข่าวการประมูล Queen Victoria`s bloomers

        Barbara Rusch จาก Toronto ได้ไปในราคาเกือบ ๔,๕๐๐ ปอนด์ (เธอเป็นนักสะสม
สิ่งของที่เกี่ยวกับควีนมานานร่วม ๒๕ ปี)

          ฉลองพระองค์ชิ้นนี้ที่มีลายโมโนแกรม VR (Victoria Regina) เก่าเก็บมานานร้อยกว่าปี
(ช่วงทศวรรษ ๑๘๙๐)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 01 ส.ค. 08, 10:35

ไม่ชอบเรื่อง Mrs. Brown ค่ะ  รับไม่ได้  เพราะเชื่อไม่ลง

เคยเห็นฉลองพระองค์ของควีนวิคตอเรียที่แสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์เสื้อผ้าใน Bath  รอบเอวกว้างมาก คงเป็นยุคที่ทรงพระชราแล้ว
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 01 ส.ค. 08, 13:35

    คุณนายบราวน์  Mrs. Brown 

         ภาพยนตร์อังกฤษปี ๑๙๙๗  เล่าเรื่องราวปมปริศนาในพระประวัติต่อมาของควีนวิคทอเรีย
เมื่อทรงได้รับการเรียกขานใหม่จาก แม่ม่าย(วินเซอร์)กลายเป็นคุณนายบราวน์

          เรื่องราวดำเนินต่อจากข้างบนครับ
         
อ้างถึง
การเก็บตัวอยู่กับความโศกเศร้าของควีนทำให้ได้รับการกล่าวถึงว่าทรงเป็น  Widow of Windsor และมีผลทำให้
ความนิยมชื่นชมในควีนจากปวงประชาลดลงอย่างมาก ทั้งยังก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางฝ่ายรีพับลิกัน แม้ว่าจะทรงปฏิบัติภารกิจ
ทางการ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะประทับเก็บองค์อยู่ในที่ประทับ ที่สก็อตแลนด์, Isle of Wight และพระราชวัง Windsor

         เหตุการณ์ในภาพยนตร์เริ่มเมื่อเหล่าข้าราชบริพารพยายามหาหนทางที่จะทำให้พระอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
ของควีนอันเนื่องมาจากการสูญเสียเจ้าชายอัลเบิร์ทดีขึ้น
           หัวหน้าข้าราชบริพารของควีนได้เสนอความเห็นว่า นายบราวน์ซึ่งเป็นข้าเก่าจากสก็อตแลนด์ผู้ได้รับความไว้วางพระทัย
เคยเป็นคนสนิทในเจ้าชายอัลเบิร์ท น่าจะเป็นบุคคลที่ควีนทรงพอพระทัยและไว้วางพระทัยยอมเชื่อคำแนะนำกราบบังคมทูล
           เขาผู้นี้น่าจะสามารถช่วยให้ควีนมีพระอาการดีขึ้นจากความโศกเศร้าอาดูร เพื่อที่ควีนจะได้ทรงเลิกเก็บพระองค์ แล้ว
เสด็จออกงานปฏิบัติพระกรณียกิจและปรากฏพระวรกายต่อสาธารณชน
          แผนการเริ่มต้นด้วยดี เมื่อควีนทรงยอมเสด็จไปทรงม้า (กีฬาที่ทรงโปรดพร้อมกับเจ้าชายอัลเบิร์ท เมื่อครั้งที่ประทับ
ณ Balmoral castle สก็อตแลนด์) โดยมีนายบราวน์ถวายการดูแล เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศนอกสถานที่หลังจาก
ที่ทรงเก็บองค์อยู่แต่ภายในเป็นเวลานาน และเป็นการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ควีนทรงกลับไปเป็นควีนพระองค์เดิม

          แต่แล้วในที่สุด ทุกคนก็เริ่มตระหนักว่าแผนการที่วางไว้นี้บรรลุผลดีเกินคาด-มากเกินไป เหล่าข้าราชบริพารเริ่มรู้สึกเสียใจ
ที่คิดผิดเลือกใช้นายบราวน์ เพราะถึงแม้ว่านายบราวน์จะสามารถทำให้ควีนทรงพอพระทัย ทรงพระสำราญมากขึ้น เลิกเก็บพระองค์
และหลายคนยอมรับในความสามารถ ความจงรักภักดีที่นายบราวน์มีต่อควีน 
           แต่หลายคนก็รู้สึกไม่พอใจในกิริยามารยาทและการปฏิบัติต่อควีนอย่างไม่ค่อยถูกต้องตามระเบียบแบบแผน ที่สำคัญคือ
ยิ่งควีนพอพระทัยในตัวเขามากขึ้น บราวน์ยิ่งมีอิทธิพลต่อควีนและเริ่มมีบทบาทก้าวก่ายเกินหน้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ
           บางคนถึงกับเรียกควีนว่า คุณนายบราวน์

หนังสนุก และ เดม จูดิ เดนช์สวมบทควีน Victoria ได้อย่างยอดเยี่ยม (ไม่น้อยไปกว่าเมื่อครั้งที่สวมบทเป็นควีน Elizabeth)


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 01 ส.ค. 08, 13:51

      John Brown (December 8, 1826 – March 27, 1883)

ผู้ที่มีรูปลักษณ์ตามคำบรรยายรวมความได้ว่า
       ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าราวสะกัดจากหินแกรนิต ผมและหนวดเคราสีแดงทอง รูปหล่อ ตัวโต สมเป็นชาว Highlander
ดวงตาจ้องเขม็ง แลดูดุและใจดี

        เมื่อครั้งที่ควีนเสด็จไปประทับที่ปราสาท Balmoral กับเจ้าชายอัลเบิร์ท กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทรงโปรดคือ
การเต้นรำกับเด็กหนุ่ม ในงาน Ghillie Ball (a man or boy who helps sb who is shooting or fishing
for sport in Scotland)
       ในบรรดาเด็กหนุ่ม ghillie ทั้งปวง นายบราวน์นี้ หน้าตาดีที่สุด เขามีอายุน้อยกว่าควีน ๕ ปี เคยถวายการรับใช้เจ้าชายอัลเบิร์ท
เป็นข้าคนสนิท ต่อมาเจ้าชายทรงโปรดให้เขาเป็น ghillie ในควีนเมื่อ ๓ ปี ก่อนที่เจ้าชายจะสิ้นพระชนม์

         หลังจากเจ้าชายสิ้นพระชนม์ดังที่ได้กล่าวแล้ว บราวน์ก็ได้กลายมาเป็น Queen's Highland Servant
ควีนไม่ทรงถือว่าเขาเป็น คนรับใช้ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นข้ารับใช้ควีน

         ยิ่งเวลาผ่านไป ควีนก็ยิ่งวางพระทัยในตัวข้าราชบริพารจากสก็อตแลนด์ผู้นี้มากขึ้น และนายบราวน์ก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อควีน
และแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนปฏิบัติภารกิจก้าวก่ายฝ่ายอื่น

         ควีนเสด็จไปไหนโดยมีบราวน์คนโปรดติดตามถวายการรับใช้ใกล้ชิดตลอด ทรงให้ความสนิทสนมมากเป็นพิเศษ
จนบางครั้งเมื่อบราวน์ซึ่งมีอาการมึนเมาเพราะชอบดื่มสุราปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่ควีนก็มิได้ทรง
ถือสา หากกลับทรงพระสรวลต่อพฤติกรรมที่ไม่สุภาพเรียบร้อยของนายบราวน์
          บราวน์เป็นบุคคลเพียงผู้เดียวที่สามารถสูบบุหรี่ได้ในขณะที่ควีนทรงประทับอยู่ในบริเวณนั้น
         
          มีบันทึกเหตุการณ์ยามเมื่อควีนทรงอยู่เพียงลำพังกับบราวน์ โดยที่(ทรงคิดว่า)ไม่มีใครเห็น  เล่าว่า
ในปี 1875 แถบปราสาท Balmoral สามีภรรยาคู่หนึ่งได้เห็น
                 Brown, pinning a plaid round the Queen's shoulders, apparently
scratched her; she squealed and protested.
              "Brown offered no apology. He gave the Queen a kind of shake,
clutched her more tightly and snapped: 'Hoots, then, wumman—can ye no hould
yere heid up?'       


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 01 ส.ค. 08, 14:04

       บรรดาพระญาติและข้าราชบริพารทั้งหลาย ไม่มีใครชอบบราวน์ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครกล้ากราบทูล
แต่ควีนก็ทรงทราบถึงเรื่องราวความไม่สบายใจในราชสำนักที่มีต่อเรื่องของพระองค์กับบราวน์
         เมื่อคราวจะเสด็จในพิธีสวนสนาม ณ ไฮด์ ปาร์ค โดยมีบราวน์ตามเสด็จ ทรงทราบว่าเหล่ารัฐมนตรีไม่พอใจ
ควีนจึงทรงประกาศว่า

         "If the government wants me, they have to put up with John Brown."

        วันปีใหม่ที่ 1 ม.ค. 1877  หญิงรับใช้นำการ์ดมามอบให้บราวน์ การ์ดนี้มีข้อความว่า

    I send my serving maiden
With New Year letter laden,
My words will prove my faith and love.
To you my heart’s best treasure,
Then smile on her and smile on me and give me pleasure.

      การ์ดนี้ลงท้ายด้วยลายพระหัตถ์ของควีนว่า: To my best friend J.B from his best friend V.R.I

      เนื่องจากบราวน์ครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิต จึงเป็นช่องทางสำหรับข่าวลือว่า ควีนทรงมีความสัมพันธ์ฉันคนรัก
ถึงขนาดทรงมีการเสกสมรสกันอย่างลับๆ หากแต่ไม่มีหลักฐานพยานยืนยันได้ ส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าเป็นข่าวเท็จ
       หนังส์อพิมพ์ แม็กกาซีนลงข้อเขียนและการ์ตูนล้อเลียนเรื่องนี้ โดยมีการเรียกขานควีนในนามว่า  Mrs. Brown
หรือ Mrs. John Brown
       นักเขียนเรื่องเกี่ยวกับควีนผู้หนึ่ง อ้างว่า เหนือที่บรรทมของควีนปรากฏพระฉายาลักษณ์ของเจ้าชายอัลเบิร์ทติดวางเรียงราย
และเขาตั้งข้อสันนิษฐานว่า พื้นฐานความผูกพันระหว่างควีนกับบราวน์นี้อาจอยู่ที่บราวน์ทำหน้าที่เป็นสื่อทางจิตวิญญาณให้ควีน
ได้ติดต่อกับพระสวามีผู้เป็นที่รัก

        จากเรื่องราวพระราชประวัติของควีนในช่วงนี้ที่มีผู้สืบค้นข้อมูล บันทึกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างควีนกับนายบราวน์
สิ่งที่สรุปได้แน่นอนคือ นายบราวน์นี้เป็นคนพิเศษ คนโปรดที่ควีนทรงพอพระทัยและให้ความสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง
         นอกจากนั้นเป็นข้อสันนิษฐานที่ล่วงเลยมานานจนปัจจุบันนี้ (คง/ยัง)ไม่มีใครสามารถค้นพบหลักฐานที่เชื่อถือได้
มาสนับสนุนยืนยันว่าเป็นความจริง


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 01 ส.ค. 08, 14:25

        หลังจากถวายการรับใช้เป็นเวลา 20 ปี บราวน์ป่วยและเสียชีวิตในปี 1883 ยังความเศร้าโศกมาสู่ควีนเป็นอันมาก
ทรงมีลายพระหัตถ์ว่า    "I am sorely stricken."
       ทรงกล่าวที่หลุมฝังศพของเขาว่า   "Yes byegone days were bright and happy and it seems to me
that life is without light now."
       นอกจากนี้ยังมีจดหมายที่ค้นพบเมื่อไม่นาน มีข้อความแสดงความเสียพระทัย ความว่า
(Queen Victoria wrote - characteristically in the third person)

       "The Queen has let her pen run on... The Queen is not ill,
but terribly shaken and quite unable to walk... missing more than ever
her dear faithful friend's strong arm."

       "Perhaps never in history was there so strong and true an attachment,
so warm and loving a friendship between the sovereign and servant...
        Strength of character as well as power of frame - the most fearless
uprightness, kindness, sense of justice, honesty, independence and
unselfishness combined with a tender, warm heart... made him one of
the most remarkable men."

        เมื่อควีนเสด็จสวรรคต ข้างพระวรกายในหีบพระศพมีสิ่งของส่วนพระองค์ที่ควีนโปรดให้วางไว้
          ด้านหนึ่งเป็นฉลองพระองค์ของเจ้าชายอัลเบิร์ท ส่วนทางด้านซ้ายเป็นรูป และปอยผมของบราวน์
          มีข้อมูลที่เปิดเผยในปี ๒๐๐๘ นี้ว่า แหวนแต่งงานของมารดาบราวน์ได้ถูกนำมาวางไว้ในพระหัตถ์ของควีนด้วย

young John Brown as sketched by Queen Victoria     


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 19 คำสั่ง