ไม่นึกว่าจับปิ้งอันนิดเดียวจะพาขบวนล่าโปรตุเกสพลัดพรากจากเป้าหมายจนออกทะเลไปไกลถึงเพียงนี้
ต้องแสดงความรับผิดชอบพาเข้าฝั่งสักหน่อย
เอ…เราถึงไหนกันแล้วนั่น
อยุธยาก็เลยมีทหารโปรตุเกสร่วมในกองทัพด้วย 120 คน สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงจ้างเป็นทหารรักษาพระองค์ (bodyguards)พวกนี้เองได้สอนให้ชาวสยามรู้จักใช้ปืนใหญ่
ปืนใหญ่ยุคต้นที่ฝรั่งพุทธเกศเอามาขายและถ่ายทอดเทคโนโลยี่ให้ เป็นปืนที่เรียกว่า muzzle loading cannon หรือปืนใหญ่แบบบรรจุกระสุนทางปลายปากกระบอก
ปืนเช่นนี้ยืนยงมาหลายศตวรรษ กว่าจะสามารถหล่อปืนที่เปิดและปิดทางท้ายกระบอกเพื่อความสะดวกในการบรรจุกระสุน แล้วต้องปลอดภัยด้วย ไม่ใช่พอลั่นตูมแล้วเกิดการเป็นbackfire คนยิงทั้งปวงเละเทะระเนระนาด
ปืนที่ฝรั่งพุทธเกศเอามาขายนั้น ไทยก็ใช้เทคโนโลยี่ของการหล่อพระพุทธรูป ลอกแบบออกมาเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นกระบอกเล็กๆก็พอได้อาศัย แต่พอใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็ระแวง คงจะกระบอกแตกเวลายิงมาแล้ว อย่างว่า โลหะที่นำมาผสมหล่อเป็นปืน ซึ่งเรียกว่าสัมฤทธิ์นั้น คุณสมบัติของแต่ละวัสดุที่ใช้อาจจะไม่นิ่ง ทำให้ความแข็งแรงไม่ได้ตามปรารถนา สุดท้ายก็ซื้อฝรั่งดีกว่า
รู้สึกว่าปรัชญาในการหาอาวุธมาใช้ในกองทัพที่ปฏิบัติมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยานี้ ยังอยู่ยงคงกระพันมาจนสมัยปัจจุบันทีเดียว