เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 25 26 [27]
  พิมพ์  
อ่าน: 39220 โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12604



ความคิดเห็นที่ 390  เมื่อ 23 เม.ย. 24, 14:35

สัปดาห์ล่าสุด 14-20 เม.ย.2024 จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,004 ราย เสียชีวิต 3 ราย ปอดอักเสบ 292 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย

เตรียมตัวรับผลกระทบจาก Songkran Effect  อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นไปจนถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12604



ความคิดเห็นที่ 391  เมื่อ 29 เม.ย. 24, 09:35

สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนเมษายน ๒๕๖๗

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล เพิ่มขึ้น จาก ๑๑๑ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็น ๒๓๙ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นจาก ๓ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์แรก เป็น ๙ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12604



ความคิดเห็นที่ 392  เมื่อ 02 พ.ค. 24, 10:35

ข่าวจาก เทเลกราฟ สื่ออังกฤษ

'แอสตร้าเซนเนก้า' บริษัทยาชื่อดัง ได้ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า 'วัคซีนโควิด' ของบริษัท ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก

การยอมรับครั้งนี้ ถือเป็นเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทรับว่า วัคซีนได้ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยปรากฏอยู่ในเอกสารในชั้นศาล พบว่า วัคซีนป้องกันโควิดสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ อาจจะทำให้บริษัทต้องจ่ายเงินหลายล้านปอนด์ หลังเกิดการฟ้องร้องในอังกฤษ 

ทั้งนี้ ในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม ได้กล่าวหาบริษัทว่า วัคซีนดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส โดยเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง ๑๐๐ ล้านปอนด์ (ประมาณ ๔,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท) แก่เหยื่อประมาณ ๕๐ ราย

ผู้ร้องเรียนรายหนึ่ง กล่าวหาว่า วัคซีนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างถาวร หลังจากที่เขามีลิ่มเลือด จนทำให้ทำงานไม่ได้


แม้ว่า แอสตร้าเซนเนก้า จะโต้แย้งข้อกล่าวอ้างเหล่านั้น แต่ก็ยอมรับเป็นครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนสามารถทำให้เกิด 'ภาวะทีทีเอส (TTS)' หรือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ได้ในบางกรณี

โดยเอกสารระบุว่า "เป็นที่ยอมรับกันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้เกิด TTS ได้ในบางกรณี แต่ไม่ทราบสาเหตุ"

ทั้งนี้ โควิชีลด์ ได้รับการพัฒนาโดย บริษัท อังกฤษ สวีเดน โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และผลิตโดย สถาบันเซรุ่ม แห่งอินเดีย มีการบริหารงานอย่างกว้างขวางใน ๑๕๐ ประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร และ อินเดีย

โดย วัคซีนดังกล่าวมี ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ได้ถึง ๖๐-๘๐% อย่างไรก็ตาม การวิจัยก็พบว่า โควิดชิลด์ อาจทำให้บางคนเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

https://ch3plus.com/news/international/frontpagenews/397940

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12604



ความคิดเห็นที่ 393  เมื่อ 03 พ.ค. 24, 09:35

ผลกระทบจากกรณี บริษัทแอสตร้าเซนเนก้ายอมรับว่า 'วัคซีนโควิด' ของบริษัท ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ

เมื่อวานนี้ (๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผลข้างเคียงหลังรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ชนิดไวรัลเวกเตอร์ ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า  ว่า เรื่องของผลข้างเคียงจากวัคซีนแอสตร้าฯ เป็นสิ่งที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยรับทราบมาก่อนอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเรามีคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องของการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มที่เหมาะสมอยู่

ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ทั้งหมด ๔๘ ล้านโดส โดย ๑ คน ฉีด ๒ โดส ดังนั้นมีผู้รับวัคซีนประมาณ ๒๐ ล้านคน ซึ่งเข็มสุดท้ายที่ฉีดคือเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๖ ขณะที่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ จะเกิดขึ้นหลังการรับวัคซีน ๕-๔๒ วัน เท่านั้น

หากภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกิดขึ้นหลังจากนั้น ไม่น่าจะใช่อาการที่เกิดจากวัคซีน จึงขอให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ อย่ากังวล ซึ่งภาวะดังกล่าวหลังการฉีดวัคซีนนั้นเกิดขึ้นได้ทั่วโลก

ในส่วนของประเทศไทย ก็มีรายงานผู้เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังการรับวัคซีนแอสตร้าฯ ๒๓ ราย แต่คณะอนุกรรมการพิจารณาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ พิจารณาแล้ว พบว่ามีผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันที่เข้าข่ายอาจเกิดจากวัคซีน ๗ ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต ๒ ราย

ข่าวจาก มติชน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 25 26 [27]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง