|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 12:04
|
|
ตอนสมัยอายุ 7 ขวบ เคยเอาหนังสือของเด็กโตมาอ่านค่ะ เป็นรวมเรื่องสั้น เล่มหนึ่ง มี 4-5 เรื่องย่อย เรื่องเอกคือ ดอกรัก สัตว์แสนรู้ เป็นสุนัขแสนรู้ที่พลัดหลงออกไปนอกบ้านตอนคุณยายกำลังหยอด ดินสอพอง เรื่องอื่นๆคือ “ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด” และ “ออมไว้ ไม่ขัดสน” จำได้เท่านี้ค่ะ ชาวเรือนไทยท่านใดเคยอ่านผ่านตาบ้างไหมค่ะ อ่านแล้วติดใจ มีคติสอนใจเด็กๆ และเป็นเรื่องอ่านง่ายๆคล้ายเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก สะท้อนชีวิตแบบไทยๆ ยังติดใจไม่หายค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 12:55
|
|
ผมก็แฟนอาจารย์หม่อมตัวยงคนหนึ่งครับ หนังสือเชิงประวัติศาสตร์ของอ.หม่อมยังมี กฤษฎาภินิหาริย์อันบดบังมิได้ ที่มันมาก เป็นหนังสือประวัติศาสตร์เล่มเดียวที่อ่านไปหัวเราะไป
เสน่ห์ของผลงานของอ.หม่อมนอกจากอารมณ์ขัน แสนสนุกแล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากๆ คือ การเรียบเรียงลำดับ เหตุการณ์ เหตุผล ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย หลายๆผลงานที่ให้ความรู้เชิงวิชาการได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ยิว หรือฝรั่งศักดินา อ่านเพลินว่างไม่ลง ราวกับอ่านเพชรพระอุมายังไงหยั่งงั้น
ชอบมากๆอีกอย่าง คือ รวมเล่มหน้า 5 สยามรัฐ โดยเฉพาะช่วงยุครัฐบาลจอมพล ป. ถึงยุครัฐบาลจอมพลถนอม ลีลาการพริ้วปากกาติติง แซวรัฐบาลแพรวพราวยิ่งนัก หาคอลัมนิสต์รุ่นหลังที่พอจะเทียบเคียงไม่ได้เลย
มีอยู่เล่มเดียวที่ยอมแพ้ แม้จะเพียรอ่านจนจบด้วยความรักศรัทธาอาจารย์หม่อม แต่ก็ต้องสารภาพว่า ไม่รู้เรื่อง คือในห้วงมหรรฆนพ แม้หนังสือของอาจารย์จะช่วยจุดประกายความสนใจใจใคร่รู้ในพระศาสนา หากอาจเป็นเพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ และเป็นปัจจัตตัง เชื่อว่าอาจารย์แม้ทรงอัจฉริยภาพเพียงใด แต่คงมิได้ปฏิบัติด้วยตนเองสักเท่าใด ผลงานจึงขาดจิตวิญญาณที่แท้จริงไป
ถึงกระนั้นในบทความหน้า 5 สยามรัฐที่กล่าวถึงสมเด็จพระสังฆราช(ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์)พระอุปัชฌาย์ของอาจารย์อย่างน่ารักน่าชื่นชมและแฝงด้วยอารมณ์ขันแบบบัณฑิตอีกตามเคย
อยาเล่านิดหนึ่งพอเรียกน้ำย่อยผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน อ.หม่อมเขียนถึงท่านเจ้าคุณนรฯ ว่า ครั้งหนึ่งคลานเข้าไปกราบเท้านมัสการเรียนถามท่านว่า ใต้เท้าขอรับ เขาว่าใต้เท้าเป็นพระอรหันต์จริงไหมขอรับ ท่านเจ้าคุณก็ดึงหูอาจารย์มาจ่อปากของท่าน แล้วตอบว่า "ไอ้บ้า"
ส่วนที่เป็นนิยายอย่างสี่แผ่นดิน ไผ่แดง หลายชีวิต หรือกาเหว้าที่บางเพลง ล้วนรู้ในระดับอมตวรรณกรรมที่จะคงอยู่คู่สังคมไทยสืบต่อไปอีกแสนนาน
อีกเล่มหนึ่งที่คนรักหมาพลาดไม่ได้ คือรวมเล่มเรื่องสั้น-บทความเกี่ยวกับหมา ที่ดูเหมือนใช้ชื่อว่าคนรักหมา อ่านแล้วทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตาปนหัวเราะ มีครบทุกรส ครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องมอน ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้
โอ๊ย พูดถึงอาจารย์หม่อมแล้วเพลินครับ ต้องเบรกคตัวเองไว้ก่อน ไม่งั้นจะเขียนหนังสือเล่มโตซะเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 14:29
|
|
เอ เรื่องเกี่ยวกับสุนัขหาย จำได้ว่าอ่านค้างไว้ตั้งแต่ประถม พอดีปิดเทอมและย้ายที่เรียนเลยไม่ได้กลับมาอ่านจนจบ ยังนึกอยากอ่านให้จบต่อมาอีกหลายปี
ส่วนเรื่องที่ว่าแข่งยิงธนู ผมจำได้ว่าแข่งยิงกระสุน หรือหนังสะติ๊กอะไรทำนองนั้นนะครับ ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน สุดท้ายเด็กที่แต่งชุดลูกเสือเป็นผู้ชนะ โดยได้เอาเชือกที่เก็บไว้ไม่ทิ้ง มาพันดามซ่อมไม้คันกระสุนที่ชำรุด
อาจารย์หม่อมเป็นแบบอย่างของคนไทยรักแผ่นดินที่น่าเคารพและเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แม้เป็น นร.นอกเชื้อเจ้า มีชีวิตที่ดูสุขสบายโก้หรู อาจารย์ยังสมัครเป็นพลหารเมื่อยามเกิดศึกสงคราม ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ชายแดนแนวหน้าห่างไกล ซึ่งดูเหมือนอาจารย์นำเอาประสบการณ์ครั้งนั้นมาบอกเล่าไว้ในหน้า 5 สยามรัฐ ในเรื่องแกงบอนสิบหมู่
ความรักชาติและจงรักภักดีต่อราชบัลลังค์อย่างดื่มด่ำของอาจารย์นั้นเป็นแบบอย่างอันหาได้ยากยิ่ง และด้วยพรสวรรค์พิเศษของอาจารย์ยังสามารถส่งทอดความรักชาติรักแผ่นดินด้วยงานเขียนอย่างแนบเนียน เพราะอาจารย์สามารถชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของทุกอณูแห่งความเป็นไทยได้อย่างละเอียดละออและเห็นจริง ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณ และที่สำคัญคือ ความจริงใจที่กลั่นกรองออกมาจากน้ำใสใจจริง มิได้เสแสร้งแกล้งทำด้วยหวังผลประโยชน์ อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นใหญ่
ผู้ใกล้ชิดอาจารย์เล่าว่าครั้งหนึ่ง อาจารย์ถูกเข้าพระทัยผิดว่ามุ่งร้ายต่อแผ่นดินโดยพระบรมวงศ์ชั้นสูงที่อาจารย์เองก็เคารพรักอย่างมอบกายถวายชีวิต แม้จะสูงวัยผมขาวทั้งศีรษะ อาจารย์ถึงกับทรุดลงกอดพระบาทพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้สะอึกสะอื้นยิ่งกว่าคนจะถูกฆ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
paganini
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 14:40
|
|
คุณพี่ Nuchan จุดประกายจนกระทู้นี้กลายพันธุ์เป็นกระทู้คึกฤทธิ์ไปแล้ว อิอิอิ คุณ ถาวภักดิ์นี่เป็นแฟนพันธุ์แท้เลยนะ ผมยังอ่านงานของท่านไม่เยอะเท่าเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 15:12
|
|
นั่นซิครับ คุณพี่ Nuchan มากระตุ้นต่อมน้องด้าย ยังพูดถึงอาจารย์หม่อมไม่หายมันปากเลยนะเนี่ย
คนทั่วไปที่มองเผินๆ อาจเข้าใจผิด เห็นอาจารย์เป็นพวกอนุรักษ์นิยม แต่ที่จริงอาจารย์เป็นนักปฏิวัติเต็มตัว ครั้งแรกที่อาจารย์เป็นส.ส. ทั้งสภายกมือขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง ในขณะที่อาจารย์นำออกโรงคัดค้านอย่างแข็งขัน จนส.ส.ทั้งสภาแทบต้องมุดดินหนีอาย จากเหตุการณ์ครั้งนั้น อาจารย์น่าจะเป็นคนเป็นๆที่ไม่ใช่พระเพียงคนเดียวที่ประชาชนแห่กันมาปิดทองด้วยความเคารพสูงสุด
สมัยรัฐบาลจอมพลถนอม ผู้ใหญ่บังคับเด็กนักเรียน นักศึกษาตัดผมสั้นเกรียนราวทหารเกณฑ์ทั้งประเทศ อาจารย์ก็ลุกขึ้นมาไว้ผมบ๊อบเป็นพุ่มสวยเก๋ทั้งที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ประท้วงความไร้เหตุผลของผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจ
โขนกรมศิลปฯ ต้องหัดกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงปรับปรุง อาจารย์ก็ลุกขึ้นมาตั้งโขนธรรมศาสตร์ หัดนักศึกษาไม่กี่เดือน ก็ออกโรงแสดงได้อย่างงดงาม โด่งดังยิ่งกว่าโขนโรงใหญ่ของกรมศิลปฯ
เฮ้อ คิดถึงอาจารย์หม่อมจริงๆ ก่อนตายจะมีบุญได้เห็นคนไทยอย่างอาจารย์หม่อมอีกสักคนไหมหนอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 16:05
|
|
ค.ห. 20 ว้าย..อ้ายถา...ตัวเอง นึกเก่งจังเลย ใช่แล้ว
...ส่วนเรื่องที่ว่าแข่งยิงธนู ผมจำได้ว่าแข่งยิงกระสุน หรือหนังสะติ๊กอะไรทำนองนั้นนะครับ ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน สุดท้ายเด็กที่แต่งชุดลูกเสือเป็นผู้ชนะ โดยได้เอาเชือกที่เก็บไว้ไม่ทิ้ง มาพันดามซ่อมไม้คันกระสุนที่ชำรุด...
แม่นแล้วค่ะ ตัวละครในเรื่องชื่อ ประยูรกับประหยัด มาพักที่บ้านอา เจ้าหลานสองคนนี้ นิสัยต่างกันมาก คนหนึ่งมีเท่าไรใช้ให้หมด อีกคนหนึ่งรู้จักเก็บออม อ่านแล้วทำให้กลับจากโรงเรียน ต้องเหลือสตางค์มาหยอดกระปุกเลียนแบบบ้าง (พออาป๊ามาเห็นเข้า ต้องออกประกาศ ห้ามเด็กๆเหลือเงิน กลับบ้าน ที่ให้ไปให้ไว้กิน ไม่ได้ให้ไว้เก็บ) เกิดความสับสนจนต้องกลับมาอ่านอีกไม่รู้กี่รอบค่ะ
เขายิงอะไรก็จำไม่ได้ค่ะ แต่คันปืนหรือคันธนูเดาะ ต้องเอาเชือกที่เก็บไว้มารัดดาม *****
ส่วนเรื่อง "ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด" เกี่ยวกับเพื่อนบ้านติดกัน ทะเลาะกัน วันหนึ่งบ้านหนึ่งตัดต้นไม้ กิ่งไม้หล่นไปทับต้นมะเฟืองของอีกบ้านหนึ่ง ที่เป็นต้นพันธุ์สำหรับส่งเข้าประกวด ประโยค "ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด" ถูกนำขึ้นมาพูด ทำให้สองบ้านกลายเป็นมิตรกันได้
**** ส่วนเรื่องดอกรัก สัตว์แสนรู้ คือเจ้าหมาน้อย หนีออกไปเที่ยว จนถูกจับไปออกงานวัด พลัดกับเจ้าของเก่า
ดิฉันไม่ทราบว่าติดใจอะไร แต่ชอบอ่านทุกคืนค่ะ ป่านนี้คงสูญพันธุ์ไปแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 16:34
|
|
หุหุ ถ้อยทีถ้อยอาศัย พี่กระตุ้นต่อมน้อง น้องก็กระตุ้มต่อมพี่
หากพูดถึงร้องกรอง อาจาย์ก็มีผลงานมากมาย แต่ที่ประทับใจมากๆ คือสักวาสด ที่ถึงพร้อมด้วยลูกเล่น ลูกล่อ ลูกชนแพรวพราว มนต์เสน่ห์สำคัญคือการการฉลาดนำเอาสิ่งละอันพันละน้อย ณ เวลานั้น มาสอดแทรกอย่างทันเหตุการณ์ทันสมัย ซึ่งถ้าไม่รู้พื้นหลังเหตุการณ์ความเป็นไปในเวลานั้น ก็จะเสียอรรถรสการอ่านไปมาก
เสียดายที่จำนิราศหนึ่งของอาจารย์ไม่ได้ ดูเหมือนอาจารย์เขียนลงคอลัมน์ซอยสวนพลู ขณะนั่งรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ประทับใจมุมมองของอาจารย์ที่ถ่ายทอดเป็นร้อยกรองอย่างไพเราะ ชี้ให้เห็นความกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน อย่างเรียบง่าย ไม่กระแดะ(แหะๆ...ขออภัยครับ หาคำตรงใจเท่านี้ไม่มีจริงๆ) ตั้งแต่นั้นมาได้เห็นแผ่นดินกว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างเต็มตาทีไรก็ให้นึกถึงนิราศของอาจารย์ทุกครั้งไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 16:38
|
|
นอกจากฝีมือแนะนำเพลงของคุณ paganini จะเลิศล้ำเกินบรรยายแล้ว ฝีมือแนะนำหนังสือของคุณ ก็หาตัวจับยาก เรียกว่าเป็น book reviewer ได้ทีเดียว คุณแนะเล่มไหน เล่มนั้นซื้อได้ไม่ผิดหวัง
กรุณาอีกเล่มก็แล้วกันค่ะ เรื่อง ยิว ของอาจารย์หม่อม ใช้ได้บ่?
(คุณ paganini แนะอะไรก็ใช้ได้ มีอยู่อย่างเดียวที่คุณแนะค้าง แล้วกระตุ้นต่อมอยากรู้ของดิฉันให้ทำงาน ตกลงท่านแม่ย่านาง...เป็นใครเพ่)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 17:41
|
|
คุณซูมเขียนว่า...สำหรับท่านผู้อ่านที่ประสงค์จะหาหนังสือ “พม่าเสียเมือง” มาอ่านอีกรอบ ผมก็ขอเรียนว่าต้องไปหาอ่านตามห้องสมุดแล้วครับช่วงนี้ ด้วยไม่มีจำหน่ายในร้านหนังสือเลย ผมเดินหาจนอ่อนใจทั่วย่านสยามเมื่อวานนี้ทั้งฝั่งใหม่ฝั่งเก่า ไม่มีแม้แต่เล่มเดียว
ร้าน ดอกหญ้า สยามสแควร์ บอกผมว่ามีคนมาถามหาทุกวันระยะนี้ ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น
ดิฉันซื้อมา 4 เล่ม เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก ละครแห่งชีวิต พม่าเสียเมือง ไผ่แดง ให้แบ้งค์ 100 ไป ได้ทอนมา 20 บาทค่ะ พม่าเสียเมืองยังมีเหลือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nuchana
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 20 ธ.ค. 05, 17:53
|
|
......ฝากบอกคุณ paganini ด้วยว่า อย่าล่อหลอกคุณ Nuchan ให้มากนัก นี่ไม่ใช่วันฮัลโลวีนนะคะ…..
ถ้าคุณปากกานินีมากระตุ้นต่อมอยากรู้ ให้คุณ Nuchan งงงวย ปวดหัว ดิฉันจะฉีดวัคซีนให้…....… |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|