โปรดอย่าย้อนกลับมาถามผมนะครับ ว่าประชาชนควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ฉลาดถึงขนาดจะตอบท่านได้
มองในระยะอีก 10 ปีข้างหน้า ต้องบอกว่าไม่มีหวังครับ จริงๆ ผมว่าอีก 30 ปีข้างหน้าด้วยซ้ำ
ระบบเส้นสาย เอื้อพวกพ้อง มันหยั่งรากลึกมากๆ ในทุกระดับของสังคม มากกว่าสำนึกความถูกผิด หรือความกล้าหาญทางจริยธรรม
แถมเราชั่งนำหนักกันไม่ค่อยเป็น เกลียดฝั่งไหนก็รักอีกฝั่งอย่างไม่ค่อยลืมหูลืมตา ผม add facebook อ. ส คนที่เกลียดเจ้าไว้ ก็เห็นแกด่าเจ้าอย่างเดียว แต่พออีกฝั่งนี่แกวิจารณ์อย่างกระมิดกระเมี้ยนเต็มทน นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งให้เห็นว่าความรักชอบ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยชั่งน้ำหนักเหตุผล มองข้อดีข้อเสียไม่ค่อยได้กัน
ยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนักการเมือง จะหวังอุดมการณ์จากคนเหล่านี้ ยิ่งเป็นไปได้ยาก ขนาดนั่งดูรูปโป๊ในสภา พรรคพวกยังออกมาปกป้องกันใหญ่ นี่ขนาด ส.ส. รุ่นใหม่แล้วนะ
ตอนนี้ถ้าอยากรุ่งเรื่องในระบบการเมืองไทย ต้องมีความสามารถเด่นๆ คือ
1. ต้องเลือกข้างให้ถูก แต่จริงๆ แล้วจะเลือกข้างไหนก็ได้ เพราะยังไงเค้าก็ผลัดกันมีอำนาจ เพียงแต่ถ้าเลือกผิดข้าง อาจจะอดอยากปากแห้ง ต้องรอนานหน่อย แต่ไม่ว่าข้างไหน ก็ได้เป็นอภิสิทธิ์ชนทั้งคู่ แกล้งทะเลาะตบตีกันไปตามบทบาท
2. ต้องไม่มีหิริโอตัปปะ เพราะต้องแกล้งหลับตา หรือแม้แต่ลงไปเกลือกกลั้วกับความชั่วร้ายต่างๆ เอง ทุกรูปแบบ แถมเวลามีอำนาจแล้ว มันดลบันดาลสิ่งใดๆ ก็ง่าย ผลประโยชน์มาง่ายๆ มามัวเป็นคนดี ก็โดนคนเลวอื่นๆ ที่รอเสียบอยู่สอยอีก ต้านยากครับ ดังนั้นไหนๆ ก็ไหนๆ เลยเลวซะเองไปหมด
3. ฝีปากต้องเป็นเอก พูดเก่ง ชักจูงเก่ง ปลุกเร้าอารมณ์ผู้คนได้ดี มีจังหวะจะโคน เสนาบดี อำมาตย์ตัวเอ้ๆ ที่เห็นๆ ตอนนี้ที่ดังๆ เป็นที่รู้จัก ลองไปดูประวัติสิครับ บางคนกว่าจะจบราม 8 ปีแบบร่อแร่ๆ บอกคุณภาพได้เป็นอย่างดี บ้างก็จบ ม เอกชนมา ได้จ่อคิวรอเป็น รมต กันแล้ว บ้างก็เป็นอำมาตย์ใหญ่ระดับพระยาพานทองแล้ว คนเหล่านี้ถ้าฝีปากไม่เป็นเอก ระดับความสามารถขนาดนี้ ถ้าทำงานเอกชนน่าจะเป็นพนักงานทั่วไปดาดๆ เท่านั้น พูดดีเป็นศรีแก่ตัวจริงๆ
ต่อไประดับการเล่นการเมือง เกมส์อำนาจ มีแต่จะเนียนขึ้น ซับซ้อนขึ้น หวังแต่เพียงว่าเมืองไทยคงไม่มีการนำระบบเกตโต้ หรือกูลักมาใช้แบบสมัยสงครามโลก สงครามเย็น ไม่งั้นหวยออกที่นายประกอบได้ไปเป็นนักโทษการเมืองแหงมๆ เพราะเวลาการเมืองแรงๆ ไม่เคยมีที่ดีๆ สำหรับคนสายกลางหรือพวกที่รู้ทันทั้งสองฝ่ายครับ เยอรมัน รวันดา เป็นตัวอย่างที่ดี สายกลางก็ต้องโดนกำจัด ไม่เลือกข้างไม่ได้
บ่นเสร็จ กลับมาเรื่องท่านจอมพลที่รักยิ่งของผม ผมว่าท่านอาจารย์เทากับ อ. นวรัตน์ มองท่านจอมพลของผมดีไปหรือเปล่าครับ ผมว่าท่านจอมพลของผมแกไม่แคร์เรื่องชีวิตหรือความเสียหายของทรัพย์สินคนอื่นหรอกนะครับ เพียงแต่ที่ยิงกันไม่ค่อยโดนเพราะ
1. ฝีไม้ลายมือทางการรบของพวกเรากันเองมันไม่ได้เรื่องจริงๆ โดยเฉพาะท่านจอมพลสมัยเป็นพันโทนั่นแหละ เล็งจริงแล้วแต่มันไม่โดน เพราะหลังกลับจากฝรั่งเศสอาจจะรื้อตำรา ฝึกมั่งไม่ฝึกมั่ง พอเวลาเอาจริงเลยฝืดก็เป็นได้ เพราะยิงตั้ง 40 นัด สำหรับปืนใหญ่นี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ ถ้าจะขู่ๆ 5 นัด 10 นัดเฉียดๆ ก็เพียงพอแล้วยิงไปปรับระยะไป แถมจะให้เรือรบเอาปืนใหญ่มาถล่มดอนเมือง ถ้าคิดถึงชีวิตทรัพย์สินผู้คน คำสั่งสั่วๆ แบบนี้ต้องไม่ออกมา ยิ่งผลงานหลังๆ จนตลอดชีวิต ผมไม่สามารถเชื่อได้ว่าคนอย่างท่านจอมพลที่รักของผมเห็นชีวิตคนอื่น หรือทรัพย์สินรัฐบาล สำคัญกว่าอำนาจของตัวไปได้เลยนะเนี่ย เห็นแกพร้อมจะสังเวยใครก็ตาม เพื่ออำนาจตัวเองได้ตลอดแหละ
2. ระดับรองๆ เค้าไม่ฆ่ากันเอง จงใจเปิดช่องกันไว้ นายสั่งก็ยิง แต่แกล้งหลับหูหลับตา โดนมั่งไม่โดนมั่ง ทั้งสองฝั่ง พวกแกนนำตัวเบ้งๆ หนะเอาจริงหวังสร้างผลงานทั้งนั้น แต่ระดับลูกกระจ๊อกก็อย่างว่า เสี่ยงมากไปก็แค่นั้น ความดีความชอบนายๆ รับไปหมดตามธรรมเนียม เลยสู้พลางถอยพลาง มองทางหนีทีไล่ไว้ดีกว่าทั้งสองฝ่าย นายสั่งทีต่อหน้านายก็ทำขึงขังไปตามบทบาทเท่านั้น เค้าให้ยิงก็ยิง เล็งบ้างไม่เล็งบ้าง
3. เรื่องเปิดทางให้พวกที่ยังสองจิตสองใจแทงกั๊กนั้นมีแน่ ผมว่าทหารส่วนใหญ่ก็จะแทงกั๊กทั้งนั้น รอดูท่าทีก่อนว่าใครจะชนะ พวกที่ขึงขังเดินหน้าชนอุดมการณ์แรงกล้านั้นมีไม่เท่าไหร่ แกนนำแต่ละฝ่ายก็คงพอรู้ๆ โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล เลยเปิดช่องไว้ แต่ก็รอเช็คบิลไว้ตอนหลังเหมือนกัน แต่ใครสู้ตายถวายชีวิต ก็ปูนบำเหน็จก้อนใหญ่ไปตามๆ กัน ใครแทงกั๊ก ก็อาจจะแค่ไม่เอาผิดเท่านั้น
บ๊ะ รู้สึกความเห็นนี้การเมืองสุดๆ อีกแล้ว เตรียมเก็บเสื้อผ้า รอย้ายไปอยู่ในกูลักดีกว่า