piyasann
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 11 มี.ค. 12, 18:07
|
|
มีตัวอย่างบทความที่กล่าวถึง ๑ ชิ้นครับ
จาก "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น" ลงใน อนุมานวสาร วารสารของสมาคมนักเรียนเก่า วชิราวุธวิทยาลัย ฉบับที่ ๒๐ กรกฏาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
".....................! ถึงวันงานพระราชทานตราในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ข้าพเจ้าเข้าไปในงานในฐานะผู้ได้รับตราแล้ว, เมื่อพระราชทานแล้วตามธรรมดา, ก็ทรงยืนขึ้นพระราชทานพรแก่บรรดาสมาชิกใหม่ และทรงชักชวนให้ไปถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระอดีตมหาราชทุกพระองค์ที่ปราสาทพระเทพบิดรในวัดพระแก้ว. วันนั้นข้าพเจ้ากลับมาบ้านแล้วยังได้บ่นกับหญิงเหลือว่า-- “ทำไมพระสุรเสียงในหลวงจึงเบาผิดปรกติก็ไม่รู้, และดูท่านทรงเพลีย ๆ.” แต่ก็มิได้คิดฝันเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้แลเห็นพระองค์, เพราะตอนดึกก็ทรงพระประชวรวันนั้นเอง ต่อมาอีก ๒-๓ วัน ก็ยังนึกว่าไม่เป็นอะไร, จนบ่ายวันหนึ่งพระยาศรีเสนา ฯ เลขานุการของเด็จพ่อในเวลานั้นเดินมาหาข้าพเจ้าที่เรือนบอกอย่างไม่สบายว่า-- “ท่าทางจะไม่ดีเสียแล้ว, เขามาตามในกรมเข้าไปในวังแล้วเดี๋ยวนี้เอง, ดินฟ้าอากาศก็ดูพิกล. ดูซี ลมแล้งไม่มีจนใบไม้ก็ไม่ไหว!” เราก็ออกตกใจ แต่ก็ยังไม่นึกถึงร้าย, จนเด็จพ่อเด็จกลับมาบอกว่า-- “พระอาการมาก, เราจะเข้าไปกับท่านด้วยก็ได้, เพราะฝ่ายในก็มีไปกันแล้ว. ข้าพเจ้า, พิลัยและเหลือจึงตามเสด็จพ่อไปและเข้าไปนั่งอยู่กับเจ้านายฝ่ายในที่ชานพักท้องพระโรง. ไปฟังอาการได้ ๒ วันก็เสด็จสวรรคต. ความเคารพ,รัก,ความคุ้นเคยมาแต่เด็กก็กลับมาสู่ใจเรา. ข้าพเจ้า ๓ คนร้องไห้เสียฮัก ๆ อย่างไม่กลัวใครจะว่าอย่างไร. จนสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงนิภา ฯ ตรัสล้อเราว่า-- “ไม่เห็นมีใครเขาร้องไห้, นอกจากเจ้าจอมตกค้าง ๓ คนนี่เท่านั้น!” ซึ่งเป็นความจริง. ครั้นเรากลับมาถึงบ้าน,พี่สาวข้าพเจ้าก็เล่าให้ฟังว่า—เจ้านายท่านขันเด็จพ่อกันว่าเวลาสรงน้ำพระบรมศพเด็จพ่อทรงพระกรรแสงเอามากมาย เห็นจะเสียดายที่ไม่มีใครจะด่าอีกกระมัง! เสด็จพ่อยังตรัสอยู่เสมอว่า-- “พ่อรักท่านมากจริง ๆ เป็นแต่น้อยใจอยู่นิดหนึ่งว่าท่านไม่รู้จักใจพ่อเท่านั้น.”
ถ้าเราจะหยิบยกอคติออกวางให้อารมย์ของเราเป็นกลางจริง ๆ แล้ว, ก็จะเห็นได้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ทรงเป็นสุภาพบุรุษอย่างประเสริฐ, และมีน้ำพระราชหฤทัยดีอย่างหาได้ด้วยยาก. ที่เหตุการณ์เป็นไปแล้วต่าง ๆ ก็เพราะพระองค์ทรงมีกรรมเสมือนเพ็ชร์น้ำหนึ่งที่ตกอยู่ในตม! ผู้ที่รู้จักพระองค์จริง ๆ จึงมีความเศร้าโศกและสงสารอยู่เป็นเนืองนิตย์ และทุกคนคงจะช่วยกันอุทิศกุศลกรรมทั้งหลายที่ได้ทำแล้วไปทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระองค์. ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ขออธิฐานว่า—เดชะแห่งความสัตย์สุจริตที่ข้าพเจ้าได้เล่ามาแล้วนี้รวมทั้งความจงรักภักดีและกตัญญูกตเวทีที่ข้าพเจ้ามีอยู่ต่อพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ขอให้ทรงประสพแต่ความศุขสำราญในที่ทุกแห่งไม่ว่าจะประทับอยู่ในที่ใด ๆ ขอพระองค์จงทรงมีชัยแก่ผู้ที่รักตัวยิ่งกว่าพระองค์, ขออย่าให้ทรงถูกเขาแย่งชิงกันจนชอกช้ำเหมือนชาตินี้อีกเลย, และถ้าแม้จะยังมีชาติใหม่สำหรับพระองค์อีก, ก็ขอให้ทรงได้เป็น-- “ตาผมยาวใส่แว่นตามือคลำหนังสืออยู่ตลอดวันนั้น—เป็นศุขจริง ๆ” ให้สมดังพระราชประสงค์จงทุกประการเทอญ ! "
|