เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: pipat ที่ 19 ต.ค. 07, 13:02



กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 19 ต.ค. 07, 13:02

ผมไม่เคยอ่านแฮรี่ ป๊อตเตอร์ จึงไม่รู้คุณงามความดีของเรื่อง
แต่พอทราบข่าวความสู้ชีวิตของคนแต่ง และนึกยกย่องเธอ
แต่มาเจอข่าวนี้ รู้สึกพิลึกชอบกล ที่เธอให้ฟ้องเทศกาลหนึ่งในอินเดีย เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์
จริงอยู่ การกระทำของผู้จัดงาน "อาจจะ" เข้าข่ายละเมิด แต่ถ้าเป็นการละเมิดในลักษณะนี้
ผมคิดว่า น่าจะเข้าข่าย fair use
http://www.law.cornell.edu/uscode/html/uscode17/usc_sec_17_00000107----000-.html
โดยถือว่า การเฉลิมฉลองดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการให้การศึกษาเชิงคติความเชื่อและวัฒนธรรมต่อชุมชน
ข้อสำคัญ ไม่ทำให้ผลประโยชน์ของผู้ทรงสิทธิ์เสียหายด้วย(ตรงกันข้าม เป็นการเผยแพร่เสียอีก)

อดคิดไม่ได้ว่า อาการอย่างนี้ เข้าข่าย "งกเกินคน" หรือไม่

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000122348
“เจ.เค.โรว์ลิง” นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ ได้ยืนขอคำร้องต่อศาลสูงของเมืองเดลีในประเทศอินเดีย ให้เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์เป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านรูปี
หรือเกือบ 2 ล้านบาท โทษฐานที่ผู้จัดงานในเทศกาลทุรคาบูชาประจำปีนี้ได้สร้างรูปจำลองของปราสาทฮอกวอตส์โดยไม่ได้รับการยินยอมจากเธอ ซึ่งล่าสุด
ทางศาลพิจารณาให้ทางผู้จัดใช้แบบจำลองดังกล่าวต่อไปได้เฉพาะในเทศกาลนี้เท่านั้น

------------------

แฟน ๆ ชาวอินเดียได้ออกอาการลิงโลด
หลังจากศาลยอมไฟเขียวให้อนุญาตผู้จัดงานทางศาสนา สามารถสร้างโรงเรียนฮอกวอตส์ขนาดเท่าของจริงตามนวนิยาย'แฮร์รี่ พอตเตอร์'ได้แล้ว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ศาลสูงกรุงนิวเดลลี ได้ปฎิเสธการคัดค้านของเจ.เค.โรวลิ่ง ผู้ประพันธ์นวนิยายแฮร์รี่ พอตเตอร์ ชื่อดังว่า
การสร้างประสาทดังกล่าวที่เมืองกัลกัตตา ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยตอนนี้ผู้จัดได้รับอนุญาตให้สามารถเดินหน้าสร้างปราสาทดังกล่าว ซึ่งทำจากไม้ไผ่
และเยื่อกระดาษ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงเทศกาลใหญ่ของศาสนาฮินดู อันใกล้จะมีขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคมนี้แล้ว
 
ขณะที่ผู้จัดงานบอกว่า พวกเขาหวังว่าจะการเปิดตัวปราสาทดังกล่าว จะดึงดูดผู้คนให้มาชมกันเป็นจำนวนมาก ๆ
ส่วนหนี่งจากเรื่องฉาวที่เป็นคดีความกับเจ.เค.โรลลิ่ง ผู้ประพันธ์นวนิยายพ่อมดน้อยด้วย และคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ เพราะตอนนี้สื่อก็เริ่มตีข่าวเรื่องนี้แล้ว
ส่วนนายซาโยนา แมนดัล ผู้ก่อตั้งชมรมแฟนคลับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ วัย 19 ปี ชาวอินเดีย บอกว่า ศาลได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะมันจะทำให้เราได้เห็นโรงแรม
พ่อมดดังกล่าวจริง ๆ ได้เหมือนในภาพยนตร์
ก่อนหน้านี้ นักเรียนจำนวนมากต่างได้ไปยลโฉมปราสาท'ฮอกวอตส์'ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยต้นแบบของประสาทแห่งนี้ ถูกสร้างคล้ายของจริง เช่น มีบันไดหินอ่อน พื้นหินบริเวณห้องโถงทางเข้า ซี่งเต็มไปด้วยคบเพลิงเหมือนอย่างในภาพยนตร์
ทั้งนี้ ปราสาทฮอกวอตส์สร้างตามจินตนาการเป็นโรงเรียนพ่อมดสำหรับกลุ่มเด็กพรสรรค์ที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ และเพื่อน ๆ
 หนังสือพิมพ์มติชน


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 07, 13:20
ถ้าการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ มีผู้จัด  มีรายได้จากคนดู เอาเข้ากระเป๋าคนจัดงาน   ปราสามฮอกวาร์ดส์นี่ก็เข้าขั้นส่วนหนึ่งของธุรกิจการจัดงาน    ต้องให้ค่าลิขสิทธิ์แก่คุณนายโรลิ่ง
แต่ถ้าฉลองเทศกาลกันเฉยๆ ไม่คิดสะตุ้งสตางค์ ไม่มีกำไร  มุ่งหวังประโยชน์ในเชิงความรู้หรือความเชื่อ หรือเป็นความบันเทิงล้วนๆไม่คิดค่าเข้าชม   ยังงี้ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ค่ะ  กฎหมายเว้นให้


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 19 ต.ค. 07, 13:40
เมื่อคิดในมุมกลับ
คุณนายโรลริ่ง ได้หยิบฉวยลิขสิทธิ์ของคนอื่นมาบ้างหรือไม่
ปราสาทที่เธอจินตนาการ ย่อมมาจากปราสาทที่มีอยู่แล้ว
เรื่องพ่อมดแม่มดที่เธอสร้างขึ้น ก็เป็นลัทธิพิธีที่มีมาก่อนแล้ว
การขี่ไม้กวาด ก็มีผู้ทำมาก่อน
เหาะไปมา ชนนู๋นชนนี่ ก็มีผู้ทำมาก่อนแล้ว
การเดินทะลุมิติ ก็มีคนทำมาก่อน
ฯลฯ

ผมไม่ค่อยเข้าใจเจตนารมณ์ของกฏหมายลิขสิทธิ์สักเท่าใดเลย
อาจจะเป็นเพราะชอบละเมิดอยู่เป็นประจำก็เป็นได้

อย่างกรณ๊ยูทู้ป
ทุกอย่างในนั้นมันละเมิดชัดๆ ทำไมไม่มีการตามฟ้องร้องมั่ง
แล้วทำไมยังยกย่องช่องที่ส่งเสริมการละเมิดโจ่งแจ้งนี้กันละ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 ต.ค. 07, 15:00
อ่านแล้วเหมือนกันค่ะ แรกอ่านก็สนใจ อ่านรายละเอียดแล้วรู้สึกว่า เจ๊เจเคแกจะงกข้ามทวีป รวยมากกว่าควีนตัวเองไปหรือยังไม่รู้ ยังงกอีก..แต่อย่างอาจารย์ว่าแหละค่ะ
กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา เขาเจตนาทำเพื่อการค้ามากกว่าการศึกษา ก็สมควรโดนฟ้องนะฮะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 ต.ค. 07, 16:34
             ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดูหนังเรื่องแฮรี่เลย

      เดาว่า เธอคงฟ้องเพื่อหวังให้เป็นการป้องปราม ประกาศให้ทราบมากกว่าว่า ไม่ได้นะ อย่ามาละเมิดลิขสิทธิ์กัน ไม่งั้นอาจ
มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ที่โน่น ที่นี่ ทั่วโลก   
       
             ลองค้นดูหน่อยว่า รวยขนาดนี้เธอบริจาคทรัพย์เพื่อสาธารณะอย่างไร

      บริจาคเงินให้ สมาคมโรค multiple sclerosis ของอังกฤษ โรคนี้พรากมารดาเธอไปด้วยวัยเพียง 45 ปี   

      หนึ่งแสนเหรียญให้สถาบัน Dana-Farber ในนามของ Catie Hoch เพื่อนรุ่นเด็กของเธอที่เสียชีวิตจากมะเร็ง

      เงินจำนวนมากเพื่อช่วยในการค้นหาเด็กที่หายไปในปอร์ตุเกส

      £ 20,000 to help create a centre in Edinburgh which will promote children’s literature.    เป็นต้น
       


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 07, 17:36
อ้างถึง
เมื่อคิดในมุมกลับ
คุณนายโรลริ่ง ได้หยิบฉวยลิขสิทธิ์ของคนอื่นมาบ้างหรือไม่
ปราสาทที่เธอจินตนาการ ย่อมมาจากปราสาทที่มีอยู่แล้ว
เรื่องพ่อมดแม่มดที่เธอสร้างขึ้น ก็เป็นลัทธิพิธีที่มีมาก่อนแล้ว
การขี่ไม้กวาด ก็มีผู้ทำมาก่อน
เหาะไปมา ชนนู๋นชนนี่ ก็มีผู้ทำมาก่อนแล้ว
การเดินทะลุมิติ ก็มีคนทำมาก่อน

สิ่งที่คุณพิพัฒน์ยกมา ไม่ถือเป็นลิขสิทธิ์ค่ะ  เป็นจินตนาการซึ่งปรากฏมานานแล้ว โดยไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งผูกขาดได้ว่าเขาคิดขึ้นแต่ผู้เดียว
ปราสาทมีอยู่มากมายก็จริง  แต่ปราสาทแบบฮอกวาร์ดส์ มีหนึ่งเดียว ไม่ซ้ำกับปราสาทในหนังสือเล่มไหน   ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ของคุณโรลิ่งเธอ  คนอื่นละเมิดเอาไปทำขายไม่ได้


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 19 ต.ค. 07, 19:14
นั่นว่าไปตามตัวบทกฏหมายครับ
แต่คนแต่ง ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า เมื่อความคิดเรื่องพ่อมดน้อยแวบมาสู่ห้วงนึก
เธอได้มันมาจากที่ใด

ในแง่ของกฏหมาย เธอย่อมมีสิทธิ์ฟ้องดะ ไปทั่วทั้งโลก ด้วยเงินที่มากกว่าการบริจาค
และก้อต้องสมน้ำหน้า ที่มีศาลยุติธรรม อันกล้าตัดสินออกมาอย่างนั้น
ถ้าการสร้างปราสาทจำลองออกมา เป็นเรื่องละเมิด
การเล่าเรื่องของเธอก็ละเมิดด้วยสิครับ

ที่พูดนี่ ไม่ได้เปิดกฏหมายเพื่อจะเอาชนะคะคานกันนะครับ
แต่พูดเพื่อตั้งคำถามถึงสำนึกของคนปกติ ที่ว่า ตอนไม่ดัง ใครเอาหนังสือไปพูดถึง
ก้อชอบ

พอดังแล้ว
ใครพูดถึง ก็หาว่ามาฉวยผลประโยชน์
คราวก่อนเธอก็ฟ้องหนังสือรัสเซีย เรื่องแม่มดขี่เชลโล่

อีกหน่อยก็คงฟ้องเงาของเธอเอง
ข้อหาเลียนแบบเธอ...โอ่ง โฮ่ง


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 19 ต.ค. 07, 20:43
ในฐานะที่อ่านขนดกปั้นหม้อมาหลายเล่มแล้ว
ขออนุญาตออกมาสนับสนุนคุณพิพัฒ์นิดนึงครับ


คิดว่าหลายๆท่านในเรือนไทย ก็ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
อยากเรียนถามท่านที่ได้อ่านแล้วว่าไม่ทราบว่าแต่ละท่านรู้สึกเหมือนผมอย่างหนึ่งไหมครับ
คือ.... จากการอ่านนวนิยายชุดนี้มาแล้วกี่เล่มต่อกี่เล่ม ผมรู้สึกว่าคุณเจเอฟเค.... เอ๊ย เจเค
เธอหยิบยกทั้งชื่อ และบุคลิกของตัวละครจากวรรณกรรมเรื่องอื่นไปใช้อย่างดื้อๆอยู่หลายครั้ง

ใช้อย่างเห็นภาพเสียจนเผลอนึกถึงเรื่องอื่นเสียด้วย เช่น ชื่อ มักซีม, ลูปิน หรือบทของ นาร์ซิสซาร์ มัลฟอย เป็นต้น
หรือเธอจะมาอ้างว่า ลิขสิทธิ์พวกนั้นมันหมดอายุไปหลายสิบปีแล้ว ยืมใช้ไปยังไงก็ไม่ได้ผิดกฏหมาย มันก็อาจจะได้ :o





แต่คุณ JK เองก็น่าจะจำได้นี่นา ว่าเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจเรื่องงูชื่อ Nakini ที่ให้นมได้มาจากที่ไหน
ไปทวงเขาเองแล้วซะนี่...... ไม่เกรงใจเลยหรือ :-\


ปล. คิดว่าคุณ JK คงไม่ออกมาบอกอีกว่าชื่อ Lupin ของเธอมาจากชื่อดอกไม้สีม่วงอมฟ้าของทวีปอเมริกานะครับ  :-X


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 20 ต.ค. 07, 01:10
ผมไม่ค่อยเข้าใจเป้าหมายของระบบลิขสิทธิ์สักเท่าไร
สมมติว่าในชั่วโมงวรรณคดีร่วมสมัย ผู้สอนคัดบทหนึ่งของนิยายมาถ่ายเอกสารแจกนักเรียน
บางทีก็ถ่ายมันทั้งเรื่องเลย ถ้าเป็นเรื่องสั้น เพื่อให้เด็กมาถกกันในชั่วโมง อย่างนี้ กฏหมายว่าละเมิดแต่ไม่ผิด

แต่ถ้าหนังสือพิมพ์รายวันเอาเรื่องย่อนิยายมาลง อย่างนี้ผิด ทั้งๆ ที่ต่างก็ส่งเสริมชื่อเสียงของนักเขียนเหมือนกัน
จะบอกว่าฝ่ายหนึ่งเป็นการค้า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นการศึกษา ผมก็เห็นว่า โรงเรียนก็เก็บเงินค่าสอน
เหมือนหนังสือพิมพ์เก็บเงินคนอ่าน

ยังมีอีกว่า บางครั้งนักเขียน ส่งบางตอนไปพิมพ์เผยแพร่ อย่างนี้ไม่ละเมิด แต่ฉบับอื่นเอาไปแพร่ต่อ กลายเป็นละเมิด
ผมเข้าใจดีว่า ถ้านักเขียนอนุมัติ ก็ไม่ถือว่าผิด
แต่ผมไม่เข้าใจว่า การกระทำอย่างเดียวกัน ทำไมเจ้าหนึ่งผิด อีกเจ้าหนึ่งไม่ผิด
เพียงเพราะการอนุมัติของเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นละหรือ

ผมค่อนข้างซื่อบื่อ เข้าใจเรื่องการละเมิดเพียงว่า ถ้าคุณกอ. เอางานของคุณขอ ไปทำซ้ำแล้วเก็บผลประโยชน์เข้าตัว อย่างนี้ผิดแน่ๆ
จะทำซ้ำโดยใช้ชื่อคุณขอ หรือแกล้งบอกว่าเป็นงานของคุณกอ ต่างก็ผิดทั้งนั้น
แต่ถ้า คุณกอ เอาไปเผยแพร่ด้วยเจตนาชื่นชมยินดี มันจะผิดไปได้อย่างไร แล้วยิ่งไม่ได้ทำซ้ำทั้งหมดอีกด้วย บางทีก็ย่อความ บางทีก็ตัดตอน
การกระทำล้วนแต่ส่งเสริมงานให้คุณขอทั้งนั้น เป็นผม ผมปลื้มตายเลย

ยังมีอีกประเด็น...ใหนๆ ก็ยกตัวอย่างนักเขียนแล้ว
ร้านให้เช่าหนังสือก็ควรจะละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ถูกใหมครับ ร้านเช่าดีวีดียังต้องเข้าระบบลิขสิทธิ์เลย
พวกที่ขายหนังสือมือสอง และดีวีดีมือสอง ก็ผิดกฏหมายด้วยดิ
แม้แต่ให้กันเป็นของขวัญก็ผิดกฏหมายด้วย เพราะเป็นการจ่ายแจก

....เอ มันยุ่งอยู่นา


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 07, 13:30
มหาเศรษฐีอย่างคุณโรลิ่ง ย่อมมีบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายไว้คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของเธอ    เธอคงไม่มีเวลาไปสอดส่องทั่วโลกหรอกค่ะว่าใครเอาอะไรเกี่ยวกับแฮรี่ พ็อตเตอร์ไปใช้บ้าง   ก็บริษัทกฎหมายนี่แหละดูแลให้
คงมีการปรึกษากันแล้วว่าต้องฟ้อง จะชนะหรือไม่ชนะก็ไม่เป็นไร  แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเอาอย่าง  ศาลเขาก็พิพากษาว่ายกฟ้องเฉพาะกรณีนี้     แสดงว่าคำพิพากษาไม่ครอบคลุมไปถึงคนอื่นในกรณีอื่นที่จะเลียนแบบบ้าง

กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อคุ้มครองผลผลิตของคนกลุ่มหนึ่ง เช่นพวกศิลปิน  นักเขียน  นักแต่งเพลงฯลฯ  ว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมานอกจากมี"คุณค่า"ทางใจ แล้วยังมี"ราคา"ทางโลกด้วย   
อย่างภาพวาด ก็ไม่ได้มีราคาเฉพาะกระดาษ ผ้าใบ  พู่กัน สีน้ำหรือสีน้ำมัน  กรอบรูป   แต่ตัวภาพนั่นแหละคือราคาตัวจริง  ประเมินราคาได้   แลกเปลี่ยน ค้ำประกัน ซื้อขาย ได้อย่างทรัพย์สินอื่นๆ
กฎหมายจึงคุ้มครองเพื่อไม่ให้คนพวกนี้ถูกฉกฉวยเอาเปรียบจากคนอื่นๆ   และยังเป็นการยอมรับ" ค่า" และ"ราคา" ของผลผลิตจากสมองและจินตนาการด้วย

ถ้าหากว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของผลผลิตเหล่านี้ ไม่สนใจและไม่เห็นด้วย  กฎหมายก็ไม่ว่าอะไร  ไม่เอากฎหมายก็อย่าเอา กฎหมายไม่ตามไปบังคับให้เอา
แต่ถ้าเขารู้สึกว่ามันมีค่าและราคาตามความเหนื่อยยากของเขาที่สร้างขึ้นมา  กฎหมายลิขสิทธิ์ก็มีขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิ์อันพึงมีพึงได้สำหรับเขา
และที่สำคัญคือ ปกป้องเขาจากการ"เสียประโยชน์อันพึงได้" ด้วยค่ะ

คำถามของคุณพิพัฒน์  มีอาณาเขตกว้างมาก   กระจายไปหลายจุด
จะค่อยๆตอบไปทีละเรื่อง


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 07, 13:39
อ้างถึง
สมมติว่าในชั่วโมงวรรณคดีร่วมสมัย ผู้สอนคัดบทหนึ่งของนิยายมาถ่ายเอกสารแจกนักเรียน
บางทีก็ถ่ายมันทั้งเรื่องเลย ถ้าเป็นเรื่องสั้น เพื่อให้เด็กมาถกกันในชั่วโมง อย่างนี้ กฏหมายว่าละเมิดแต่ไม่ผิด

กฎหมายไม่ได้บอกว่าละเมิดแต่ไม่ผิดค่ะ  ข้อนี้กฎหมายถือเป็นกรณียกเว้น ไม่ถือว่าเป็นการละเมิด
จุดมุ่งหมายในการสอน คือเพื่อให้ความรู้   ถ้าวิชานั้นใช้แฮรี่พ็อตเตอร์เป็นการสอนหนังสือเพื่อให้เข้าใจวรรณกรรม    ผู้สอนถ่ายเอกสารมาสอนนักเรียน  เพื่อให้ความรู้  ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์เอาเอกสารมาขายเด็ก ตัดหน้าสำนักพิมพ์ที่ขายเป็นเล่ม   กฎหมายยกให้
ข้อนี้เป็นความจำเป็นที่กฎหมายลิขสิทธิ์เปิดทางให้การเรียนการสอน   มิฉะนั้นจะกลายเป็นช่องโหว่ให้เอากฎหมายลิขสิทธิ์มาเป็นเครื่องมือบีบบังคับโรงเรียน 
ผลคือทางร.ร.ไม่อาจหยิบยกเอาเรื่องอะไรมาสอนได้เลย  ถ้าไม่ซื้อหนังสือมาโดยตรงจากทางร้าน 
ทีนี้ถ้าหนังสือขาดตลาด หรือพิมพ์หมดไปแล้ว  หรือราคาแพงเกินกระเป๋าเด็กนักเรียน   วิชาการทั้งหลายก็สะดุดหยุดหมดน่ะสิคะ
ประโยชน์อันพึงมีพึงได้ของนักเรียน สำคัญกว่า ในกรณีนี้ กฎหมายยกให้   
แม้ว่าร.ร.ได้เก็บค่าเล่าเรียนจากเด็ก ก็เป็นค่าบำรุงสถานที่ ค่าจ้างครู ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียน  เอามาอ้างเป็นผลประโยชน์ที่นักเขียนเสียไป ไม่ได้ 


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 07, 21:14
ตอบคุณติบอบ้าง

อ้างถึง
อยากเรียนถามท่านที่ได้อ่านแล้วว่าไม่ทราบว่าแต่ละท่านรู้สึกเหมือนผมอย่างหนึ่งไหมครับ
คือ.... จากการอ่านนวนิยายชุดนี้มาแล้วกี่เล่มต่อกี่เล่ม ผมรู้สึกว่าคุณเจเอฟเค.... เอ๊ย เจเค
เธอหยิบยกทั้งชื่อ และบุคลิกของตัวละครจากวรรณกรรมเรื่องอื่นไปใช้อย่างดื้อๆอยู่หลายครั้ง

ใช้อย่างเห็นภาพเสียจนเผลอนึกถึงเรื่องอื่นเสียด้วย เช่น ชื่อ มักซีม, ลูปิน หรือบทของ นาร์ซิสซาร์ มัลฟอย เป็นต้น
หรือเธอจะมาอ้างว่า ลิขสิทธิ์พวกนั้นมันหมดอายุไปหลายสิบปีแล้ว ยืมใช้ไปยังไงก็ไม่ได้ผิดกฏหมาย มันก็อาจจะได้

แต่คุณ JK เองก็น่าจะจำได้นี่นา ว่าเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจเรื่องงูชื่อ Nakini ที่ให้นมได้มาจากที่ไหน
ไปทวงเขาเองแล้วซะนี่...... ไม่เกรงใจเลยหรือ

ตอบได้ ๒ ข้อ
๑) ถ้างานเดิมหมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว เพราะเจ้าของถึงแก่กรรมไปนานเกิน ๕๐ ปี  คุณจะหยิบเอาตัวละครมาใช้ได้ ไม่ถือเป็นการละเมิด   อย่าว่าแต่ตัวละคร แม้แต่เอาเรื่องทั้งเรื่องมาเขียนใหม่ พิมพ์ใหม่  แปล หรือดัดแปลง ก็ทำได้ 
เพราะงานสร้างสรรค์เหล่านี้ตกเป็นของสาธารณะไปแล้ว  ในอินเทอร์เนตมีเยอะแยะเลยค่ะที่งานเหล่านี้มาพิมพ์ฟรีให้อ่าน

คุณติบอจะแต่ง"พระอภัยมณี" ต่อก็ได้  อย่าว่าแต่ "พระอภัยมณี"  แม้แต่นวนิยายอะไรก็ตามที่ผู้แต่งตายไปนานกว่า ๕๐ ปี คุณจะเอามาแต่งต่อหรือยืมตัวละครมาก็ทำได้ จะเอามาแปลหรือดัดแปลงเป็นเรื่องไทยๆก็ทำได้
กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ถือว่าผิด
๒) ส่วนเรื่องงู ไม่เข้าใจว่าหมายถึงเรื่องอะไรเพราะไม่ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์   ถ้ามันมาจากเรื่องจริง  เธอเอามาแต่งเป็นเหตุการณ์ในนิยาย  ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ 
แต่ถ้าใครคนหนึ่งแต่งนิยายเรื่องงูชื่อ Nakini ที่ให้นม เอาไว้ อย่างชัดเจน เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมา และตัวเขาก็ยังไม่ตาย หรือตายไม่ถึง ๕๐ ปี  คุณโรลิ่งไปก๊อปเอามาเขียนลงในนิยายเธอ
เจ้าของเรื่องเดิมเขาฟ้องเรียกค่าเสียหายว่าละเมิดลิขสิทธิ์ได้ค่ะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 07, 21:33
อ้างถึง
ผมค่อนข้างซื่อบื่อ เข้าใจเรื่องการละเมิดเพียงว่า ถ้าคุณกอ. เอางานของคุณขอ ไปทำซ้ำแล้วเก็บผลประโยชน์เข้าตัว อย่างนี้ผิดแน่ๆ
จะทำซ้ำโดยใช้ชื่อคุณขอ หรือแกล้งบอกว่าเป็นงานของคุณกอ ต่างก็ผิดทั้งนั้น
แต่ถ้า คุณกอ เอาไปเผยแพร่ด้วยเจตนาชื่นชมยินดี มันจะผิดไปได้อย่างไร แล้วยิ่งไม่ได้ทำซ้ำทั้งหมดอีกด้วย บางทีก็ย่อความ บางทีก็ตัดตอน
การกระทำล้วนแต่ส่งเสริมงานให้คุณขอทั้งนั้น เป็นผม ผมปลื้มตายเลย

กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ได้เล่นงานดะไปหมดว่าใครจะเอางานไปพิมพ์ซ้ำแม้แต่ประโยคเดียวก็ต้องโดนข้อหาละเมิด
เขามีข้อกำหนดเอาไว้ว่า เอาไปพิมพ์ซ้ำเพื่ออะไร เช่นถ้าเป็นการ Quote ข้อความในการรีวิว หรือวิจารณ์  ยังงี้สมเหตุสมผล  ไม่เป็นการละเมิด
การตัดตอนสั้นๆมาประกอบคำอธิบาย ก็อยู่ในข่ายเดียวกัน
ในหนังสือโดยมาก จะมีการประกาศข้อนี้เอาไว้ในหน้าต้นๆก่อนบทที่ ๑  ลองเปิดดูนะคะ

แต่...
ถ้าการกระทำนั้นทำให้ผู้เขียนเสียสิทธิ์อันพึงมีพึงได้  โดยไม่ได้ยินยอมแต่แรก  เรียกว่าละเมิด
เช่นอะไร
เช่น คุณพิพัฒน์ เขียนนิยายขนาดสั้นขึ้นมา ๑ เรื่องยาว๓๐ หน้ากระดาษ A๔   ไม่ได้มีเจตนาแจกฟรี  แต่เจตนาพิมพ์ขาย ก็พิมพ์ออกมา
คอลัมนิสต์ชื่อคุณ ก.ไก่ มาอ่านเจอ  เกิดชื่นชอบ เอาไปลงทั้งเรื่องเลย ในหนังสือพิมพ์ ข. ไข่ ให้ผู้อ่านทั่วประเทศได้อ่าน
แล้วบอกว่าชื่นชมเรื่องนี้มาก อยากให้อ่านทั่วกัน  เป็นการแนะนำเรื่องดีๆ

ยังงี้ละเมิดไหม ละเมิดค่ะ
เพราะทำให้คุณพิพัฒน์เสียสิทธิ์อันพึงได้จากการจำหน่ายนิยายของคุณ    ก็ในเมื่อคนอ่านจำนวนมากเขาอ่านจากหนังสือพิมพ์ได้ครบหมดทั้งเรื่องแล้ว เขาจะมาซื้อของคุณอีกทำไม
มีคนอ่านหนังสือพิมพ์ ๕๐๐ คน  คุณก็หมดสิทธิ์ได้คนอ่านมาควักกระเป๋าซื้อไปแล้ว ๕๐๐ คน  รวม  ๕๐๐ เล่ม

สิทธิ์อันพึงได้นี้แหละ ที่กฎหมายลิขสิทธิ์ปกป้องให้คุณ    คุณก.ไก่แกจะอ้างว่าเอาไปลงเพื่อแนะนำหรือชื่นชมอะไรก็ตาม   เขาก็ทำให้คุณเสียสิทธิ์อันพึงมีพึงได้  คุณฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายได้
แต่ถ้าคุณพพ.ใจดีไม่เอาเรื่อง  กฎหมายก็ไม่ตามมาบีบบังคับให้เอาเรื่อง

ทีนี้ ทางออกจะทำยังไง   ก็หมายความว่าคุณก.ไก่ จะเอาอะไรไปลงตีพิมพ์   ต้องระวังว่าจะทำให้เจ้าของงานชิ้นนั้นเขาเสียหายหรือไม่   เขายอมหรือเปล่า
ถ้าไม่แน่ใจ  ก็มาขอกันดีๆกับเจ้าของเรื่อง  เจ้าของเขาเห็นด้วยว่าทำแบบนี้เท่ากับปชส.หนังสือเขา เขาก็จะยินยอม 
ก็ถือว่าตกลงกันแล้ว  ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ 


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 20 ต.ค. 07, 21:36
อาจารย์ตอบแบบทนายความ หรือผู้พิพากษาเลยครับ
ไม่มีตรงใหนที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย

แต่ข้อสงสัยของผม ไม่ได้อยู่ในประเด็นว่าถูกกฏหมายหรือเปล่า
อยู่ที่เจตจำนงในการเข้าสู่ระบบลิขสิทธิ์ และการใช้มันในการปกป้องสิทธิ์ของตน
มันเม๊คเซนท์หรือไม่

อย่างกฏหมายระบุการสิ้นสุดอายุความของคดีอาญาไว้ ที่....ตีเสียว่า 20 ปี
ก็มีคนเห็นว่า กรณีอย่างนี้ ไม่ควรมีอายุความ

หรือที่กฏหมายลิขสิทธิ์ ระบุอายุคุ้มครองไว้ 50 ปี ก้อมีความพยายามจะขยายเป็น 100 ปี
ผมสงกะสัยเพียงว่า คนที่หากินกะเชคสเปียร์ หรือสุนทรภู่อยู่ในปัจจุบันนี้น่ะ
มันปลอดลิขสิทธิ์ตามกฏหมายแล้ว แต่ลิขสิทธิ์ในสำนึกรับรู้น่ะ ยังไงก็ไม่มีอายุ
แล้วได้ทำอะไรเป็นค่าลิขสิทธิ์หรือไม่

ถ้าคุณเจเค เคยลอกเรื่องจากนิยายฮินดูมา เธอก็เป็นหนี้ลิขสิทธิ์(อย่างน้อยก็ในใจเธอ) คนอื่น
เรื่องพ่อมดของเธอ ตรวจดูแล้ว ก็ลอกมาขยำใหม่เสียครึ่งๆ
อาจารย์สุชีพ ทำงานมหึมาเกี่ยวกับพระไตรปิฎกไว้ ท่านก็ยกให้องค์กรที่จะทำประโยชน์ต่อเนื่องได้

ผมไม่ได้ค้านเรื่องความรวยจากการทำงานของคุณเจเค
ผมเพียงแต่สงสัยว่า คนเรา เอาของคนอื่นมาใช้ ทำได้
คนอื่นเอาของคนอื่นมาใช้บ้าง บังเอิญเป็นผลงานของตัว ทนไม่ได้

การที่ที่ปรึกษาทางกฏหมาย ฟ้องเรียกเงินนั่น ถ้าได้เงินมา ก็เข้ากระเป๋าเธอ
ค่าจ้างฝูงทนายก็จากกระเป๋าเธอ เธอจะใช้คำอ้างอย่างที่อาจารย์ช่วยแก้ตัวให้ มันไม่พ้นตัวอยู่ดี

ไอ้ที่ตาหลกขำกลิ้งก้อคือ เธอฟ้องเอาเงินนะครับ ไม่ใช่ฟ้องให้หยุด
คนที่ถูกฟ้องเป็นเด็กวัยรุ่นในชมรมคนรักแฮรี่เสียด้วย

ผมจึงอดนึกไม่ได้ว่า "งกไปปล่าว เจ๊....."


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 20 ต.ค. 07, 21:44
การกระทำของเด็กพวกนี้ ก็เหมือนพวกแฟนคลับต่างๆ ทั่วโลก ทำกับสิ่งที่ตนรัก
ซึ่งแม้ผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ผมก็เห็นว่าน่าสนับสนุน
เรารักใคร แล้วพยายามหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น ย่อมน่าสนับสนุน

เช่น เด็กบางคนแต่งชุดพ่อมดน้อยออกมาเดินถนน

ก้อไอ้ชุดงี่เง่านั่นก็น่าพิศวงมาก คือถ้าซื้อจากผู้ทรงสิทธิ์ เป็นใส่ได้
ถ้าตัดเย็บเอง หรือคนอื่นตัดเย็บ เป็นผิด มันก็เป็นการตีความกฏหมายแบบตรงไปตรงมา
แต่มองลึกลงไป การที่จับเด็กมาแต่งพ่อมด อย่างที่เธอทำในนิยายนี่ มันไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของเธอแน่ๆ
จะตะแบงว่า ชุดของแฮรี่ มีชายห้อยเป็นลักษณะจำเพาะ ใช้สีใช้ผ้า ไม่เหมือนใคร
ก็ลบข้อเท็จจริงไม่ได้ว่า

การสร้างเด็กให้เป็นพ่อมดน้อยนั้น ไม่ใช่ไอเดียเธอ เป็นไอเดียที่เขาทำกันมาไม่รู้กี่ร้อยล้านครั้งแล้วในวันฮาโลวีน
อย่างนี้ เธอไม่ผิดกฏหมายแฮะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 07, 21:51
ขออำไพค่ะ นึกว่าถามถึงกฎหมายลิขสิทธิ์   อ่านไม่แตก ว่าไม่ได้ถามเรื่องนี้

อ้างถึง
ผมสงกะสัยเพียงว่า คนที่หากินกะเชคสเปียร์ หรือสุนทรภู่อยู่ในปัจจุบันนี้น่ะ
มันปลอดลิขสิทธิ์ตามกฏหมายแล้ว แต่ลิขสิทธิ์ในสำนึกรับรู้น่ะ ยังไงก็ไม่มีอายุ
แล้วได้ทำอะไรเป็นค่าลิขสิทธิ์หรือไม่

หุหุ   หมายถึงพวกที่ตั้งกระทู้ว่าสุนทรภู่ไม่ได้แต่งนิราศเรื่องนั้น แต่แต่งเรื่องนี้  หรือเปล่าคะ
ดิฉันยัง   คุณพิพัฒน์ล่ะคะ

ส่วนเรื่องเชคสเปียร์   คุณพิพัฒน์รู้หรือเปล่าว่าสมัยท่านเริ่มเขียนบทละคร ก็โดน Richard Greene เขียนด่ากระจายว่าไปลอกเรื่องของเขามาดัดแปลง  มาทำเป็นของตัวเอง
หนึ่งในนั้นก็คือเอาเรื่อง Rosalynde ของกรีนมาเขียนเป็น As You Like It (ตามใจท่านป
ก็ไม่เห็นจ่ายค่าอะไรนี่คะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 07, 22:03
อ้างถึง
ก้อไอ้ชุดงี่เง่านั่นก็น่าพิศวงมาก คือถ้าซื้อจากผู้ทรงสิทธิ์ เป็นใส่ได้
ถ้าตัดเย็บเอง หรือคนอื่นตัดเย็บ เป็นผิด มันก็เป็นการตีความกฏหมายแบบตรงไปตรงมา
แต่มองลึกลงไป การที่จับเด็กมาแต่งพ่อมด อย่างที่เธอทำในนิยายนี่ มันไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของเธอแน่ๆ
จะตะแบงว่า ชุดของแฮรี่ มีชายห้อยเป็นลักษณะจำเพาะ ใช้สีใช้ผ้า ไม่เหมือนใคร
ก็ลบข้อเท็จจริงไม่ได้ว่า

นี่ไม่ใช่ลิขสิทธิ์แล้วค่ะ ชุดพ่อมดที่ว่าถ้ามีผู้ออกแบบ ของบริษัทอะไรก็ตามที่เขาได้สิทธิ์ออกแบบไปแต่ผู้เดียว  ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของคุณโรลิ่งอีกแล้วค่ะ

ถ้ามีผู้ผลิตทำเลียนแบบสินค้าบริษัทนั้น  จำหน่ายในแบรนด์นั้น  เรียกว่าละเมิด  แบบเดียวกับสินค้าเลียนแบบกระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกตำรวจบุกจับ  ทำลายของทิ้งเป็นข่าวบ่อยๆ
เพราะผู้ผลิตเหล่านั้นทำให้บริษัทที่ได้รับสิทธิ์มา เสียหาย

แต่ถ้าพ่อแม่จะเย็บเสื้อชุดพ่อมดให้ลูกใส่  หรือไปจ้างช่างตัดแค่ ๑ ชุด  ให้ลูก ไม่ได้จ้างผลิตขายมากๆ   ก็ทำได้นะคะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 20 ต.ค. 07, 22:15
ร้านขายแกสแห่งหนึ่ง ให้ลูกจ้างแต่งเป็นไอ้แมงมุมทำงาน
ถูกฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์
ผมก้องง ก็ถ้าเราไปซื้อชุดที่เขาทำขายมาใช้ แล้วใช้นุ่งเวลาทำงาน มันเกี่ยวไรกะลิขสิทธิ์หรือครับ

ถ้างั้น ซาเล้งที่เขาใช้
หรือสองแถวที่เขาขนของ ก้อต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์อีกอะดิ
กลับกัน ท้ายรถกะบะ ชอบทำตัวนูนเป็นยี่ห้อ
แบบนี้คือโฆษณาชัดๆ ไม่ผิดกฏหมาย

ผมงงเรื่องแบบนี้มากกว่าครับ
--------------------------

ปัจฉิมลิขิต
ว่าจะชวนคนชอบสุนทรภู่ ไปคารวะท่านที่กุฏีวัดเทพธิดาราม
อย่างน้อยก็เป็นการจ่ายค่าลิขสิทธ์ทางใจ(ล่ะฟะ)


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 20 ต.ค. 07, 22:33
เรื่องนี้คงต้องไปดูว่าเจตนารมณ์ของกฏหมายลิขสิทธิ์คืออะไร?

กฏหมายลิขสิทธิ์มีเพื่อสนับสนุนให้คนสร้างสรรค์งานขึ้นมา เพราะถ้าทำแล้วเป็นสมบัติแก่โลก มันก็จะเป็นเหมือนสมัยโบราณที่ศิลปินต้องหาเจ้านายสังกัด เพราะขายงานเองไม่ได้ หรือขายได้ก็ขายเป็นครั้งๆ ไม่มีสิทธิ์เก็บกินผลประโยชน์จากงานสร้างสรรค์นั้น

ระบบแบบนี้ต้องยอมรับว่าทำให้คนหนีออกจากงานสร้างสรรค์ไปไม่น้อย เพราะมันไม่มีจะกินเอาน่ะสิครับ ตัวอย่างที่น่าสงสารคือโมสซาร์ท ดังคับฟ้า แต่พอตกกระแสถึงกับอดตาย(ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง) ถ้าสมัยนั้นมีกฏหมายลิขสิทธิ์คงไม่ต้องจบชีวิตแบบนี้

ผมเข้าใจว่าลิขสิทธิ์ปัจจุบันจะคุ้มครองจนถึง ๕๐ ปีหลังจากผู้สร้างสรรค์งานเสียชีวิต หรือ ๕๐ ปีนับจากวันเผยแพร่ในกรณีที่ใช้นามแฝง จะว่าไปก็สมน้ำสมเนื้อ ให้โอกาสผู้สร้างสรรค์งานและทายาทเก็บผลประโยชน์ หลังจากนั้นยกให้เป็นสมบัติของสาธารณะ เปิดช่องให้คนอื่นเอาไปต่อยอดได้ หรือถ้าใครใจร้อน จะจ่ายเงินขอใช้สิทธิ์ กติกาก็เปิดช่องอยู่

ถ้าไม่มีส่วนนี้คงจบเห่ อารยธรรมมนุษย์คงแป้กอยู่แค่นี้ เพราะไม่ให้ต่อยอดกันเลย เจอซอยตันตลอด

ส่ว ๕๐ ปีจะยาวไปหรือสั้นไป อันนี้ก็นานาจิตตัง ก็ต้องหาจุดที่เหมาะสมกันต่อไปครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 20 ต.ค. 07, 22:39
ตกประเด็นสำคัญไปประเด็นหนึ่ง การให้โอกาสผู้สร้างสรรค์เก็บกินผลประโยชน์นี้ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์งานด้วยอีกทางหนึ่ง

เพราะถ้าทำแล้วต้องกินแกลบอย่างเดียว คงมีคนเดินเข้ามาในวงการนี้น้อยลง เท่ากับขาดโอกาสที่จะได้งานดีๆเพิ่มขึ้น

คนแบบอุดมคติที่จะทำงานศิลปะเพื่อศิลปะเพียงอย่างเดียว จะมีกินหรือเปล่าไม่สำคัญ พวกนี้คงมี แต่ไม่รู้จะอยู่รอดสร้างงานได้นานสักเท่าไหร่

อันนี้ทุนนิยมแท้ๆเลยครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 21 ต.ค. 07, 00:14
ผมไม่ได้สงสัยในเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของผู้สร้างงาน
แต่สงสัยในแง่ของความงก ที่กฏหมายเปิดช่องให้ต่างหาก

อันที่จริงจะโทษกฏหมายตรงๆ ก็คงไม่ได้ เพราะเห็นๆ อยู่ว่ากฏหมายก็มีผู้รักษาที่เป็นธรรม
แต่ผมตั้งประเด็นที่จริยธรรมของผู้ทรงสิทธิ์มากกว่า
ตัวอย่างหนึ่ง ที่เกี่ยวกะคอมพิวเตอร์ก็คือ กรณีไมโครซอฟต์ ที่ศาลบังคับให้เปิดเผยซอร์สโค๊ต
มิเช่นนั้นจะเข้าข่ายผูกขาด
เราไม่ชอบการผูกขาด เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่เลว เอาเปรียบและปิดกั้นสิทธิ์ของคนอื่น

เมื่อถูกบังคับ บริษัทนี้ก็เอาซอร์สโค๊ตพิมพ์เป็นเล่ม ตั้งไว้ให้คนอ่าน กลางห้องมั่นคง
คุณอยากได้ก็ขอเข้ามาอ่าน แล้วจำเอาสิ แค่สามสิบล้านตัวเท่านั้น
ที่เขาทำก็ถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ

เมื่อเป็นอย่างนี้ คนอีกครึ่งโลก ไม่ยอมจ่ายเงินค่าโอเอสของบิล เกต ก็อาจจะสมกันดี
และเมื่อผูกขาดได้ เขาก็วางราคาเท่าไรก็ได้ จนมาเจอประเทศจีน
ดำริจะทำโอเอสแห่งเจ๊กขึ้นมา (ถ้าคุณไม่ลดราคา) สุดท้าย ไม่มีใครรู้ว่าวินโดว์จ่ายให้ปักกิ่งเท่าไร
เพื่อให้ประเทศจีนเลิกโครงการโอเอสเจ๊ก

สำหรับประเทศกระจอกงอกง่อยอย่างเสียมกุก ก็ต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าที่ขายเกินราคาหนึ่งร้อยเท่าต่อไป
ด้วยเงินภาษีอากรของคนตาดำๆ อย่างเรา

นี่ละครับ ผลดีของกฏหมายลิขสิทธิ์


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 07, 07:27
ขอโทษ ตามไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ  ประเด็นมันขยายออกไปไกลมากแล้ว
ขอส่งไม้ต่อให้คุณอาชาผยองดีกว่า


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 21 ต.ค. 07, 08:40
อาจารย์เรา ท่านมีจิตใจสูง จึงมองประเด็นคุณเจเคเป็นเรื่องปกป้องสิทธิ์
แต่ผมถามอีกประเด็นมาแต่ต้นคะร๊าบบบ...

ผมถามว่า
"งก"
เกินไปหรือเปล่า

คือถามทั้งพฤติกรรมของเจ๊เจเค
และถามไปถึงวัตถุประสงค์ของกฏหมายลิขสิทธิ์

อาจารย์ตอบ ทำให้หายสงสัยไปได้ ว่ากฏหมายไม่ได้วางอยู่บนฐานของความ"งก"
แต่คนใช้กฏหมายตะหาก ที่เอาความ"งก" มาใช้กับกฏหมาย
งกจนเห็นว่า ระยะเวลาคุ้มครอง 50 ปีนั้น ไม่พอ อยากเพิ่ม
งกจนต้องบิดเบือนหลักแห่งการค้าโดยยุติธรรม ให้กลายเป็นเครื่องมือที่ให้ประโยชน์แก่ตนฝ่ายเดียว

สำหรับเหตุผลของคุณเครซี่นั้น โดยตัวบทก็ไม่มีอะไรจะคัดค้านได้
แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือ กฏหมายลิขสิทธิ์นั้น "ฆ่า"นักคิดเล็กๆ ที่อยากทำอะไรที่พอสมควรแก่อัตภาพ
"ฆ่า" ความหลากหลายทางความคิด และสิ่งประดิษฐ์เล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ ไม่รู้จักเท่าไร
การผูกขาดของไมโครซอฟท์ ทำให้วงการคอมพิวเตอร์ล้าหลังกว่าที่ควรไปกี่ปี
และคนเก่งๆ เป็นหมื่นเป็นแสน ไม่มีที่แสดงออก ตกงาน ล้มเหลว....ฯลฯ

ผมทราบครับ ว่าการเอาผลงาน เช่นหนังสือทั้งเล่มไปก๊อปปี้ใหม่ มันผิด
แต่ทำไมมันผิดบ้างถูกบ้าง ในการกระทำเดียวกัน
เช่นสมัยที่ยังไม่เข้าสู่ดิจิคัล
บริษัทยักษ์ใหญ่ ต่างก็ผลิตเทปคาสเสท หรือม้วนวีดีโอให้ผู้คนไปใช้กีอปปี้เพลง หนัง รายการต่างๆ กันอย่างโจ่งแจ้ง
หนับหนุนอย่างเปิดเผยด้วย ขนาดทำเทปคาสเสทที่มีความยาว 47 นาทีออกมาขาย
เพื่อให้ก๊อปปี้เพลงจากแผ่นเสียงไวนิ่ลได้พอดีๆ เพราะ 30 นาที มันน้อยเกินไป

มาถึงปัจจุบัน แค่เพลงเดียว พี่ก้อห้ามก๊อป ด่าว่าคนก๊อปด้วยเหตุผลของคุณเครซี่
ดูเหมือนว่า หลักการที่ดีของระบบลิขสิทธิ์
พลิกดูอีกด้าน

ก็คือความ"งก" ที่กฏหมายรับรอง....ประมาณนั้นแหละครับ



กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 22 ต.ค. 07, 02:01
ดิฉันว่าประเด็นของคุณpipatน่าสนใจค่ะ  ถ้าจะให้เกิดประโยชน์จริง ๆ  และเป็นการชี้ที่มีอคติน้อยที่สุดก็คงต้องไปอ่านกฎหมายลิขสิทธิ์ค่ะว่ารายละเอียดบัญญัติไว้อย่างไร  เจตนาของกฎหมายคงเป็นอย่างที่คุณเทาชมพูบอก  ส่วนเรื่อง "ความงก" เป็นเรื่องของเจ้าของสิทธิ์  กฎหมายลิขสิทธิ์คงไม่ได้มีเจตนาไปคุ้มครองความงกของเจ้าของสิทธิ์หรอกค่ะ  แต่ก็คงเป็นธรรมดาเหมือนกฎหมายฉบับอื่น ๆ ที่มีคนอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายหาประโยชน์ให้ตนอย่างไม่เหมาะ ไม่สม  ที่บอกอย่างนี้ไม่ใช่ดิฉันเห็นว่า คุณJKเธอเป็นเช่นนี้นะคะ  ดิฉันหมายถึงทั่ว ๆ ไป  และดิฉันก็เชื่อว่ากฎหมายลิขสิทธิ์คงมีช่องโหว่ที่เป็นปัญหาอยู่อีก  อย่างกรณีเรื่อง ข้าวหอมมะลิ ที่เกือบถูกจดลิขสิทธิ์เป็นข้าวของประเทศ..... (ดิฉันจำไม่ได้เช่นเคย)  แต่ไทยไหวตัวทันไปค้านไว้ก่อน  ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเราไม่มีสิทธิ์ปลูกข้าวหอมมะลิไป  ดังนั้นดิฉันว่า  กฎหมายก็คงไม่ได้ถูกต้องสมบูรณ์ไปทั้งหมด  เมื่อแก้ปัญหาหนึ่งแล้วไปเกิดอีกปัญหาหนึ่ง  ก็แก้กฎหมายอีกก็ได้นี่ค่ะเพื่อเป็นประโยชน์ตามเจตนาให้ได้มากที่สุด  แต่ว่าปัญหามันคืออะไรล่ะค่ะ  ดิฉันพยายามอ่านก็ยังไม่เข้าใจ 

อย่างกรณี JK ที่คุณpipatยกมา  ดิฉันว่า  มันต้องเริ่มที่ว่า  ปราสาทนี้ถือเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ JK หรือไม่  ถ้าเห็นว่าเป็น  อย่างไรก็ต้องแจ้งผู้สร้างสรรค์งานทราบ  แล้วจะเจรจาทางการค้ากันอย่างไรก็ต้องตกลงกันไป  ถ้าเจ้าของงานเขาจะงกเรียกเก็บค่างานของเขาเท่าไหร่  ถ้าคุณจะใช้ของเขาคุณก็ต้องจ่าย  เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา  นี่คือกติกา  แต่ถ้าผู้จัดเห็นว่าไม่เป็น  แต่ JK ว่าเป็น  ก็ต้องไปศึกษากันในกฎหมายแล้วล่ะค่ะว่าเขามีเกณฑ์อย่างไร  อันนี้ไม่มีความรู้มากพอจะออกความเห็นได้ค่ะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ต.ค. 07, 08:02
อ้างถึง
ผมถามว่า
"งก"
เกินไปหรือเปล่า

คือถามทั้งพฤติกรรมของเจ๊เจเค
และถามไปถึงวัตถุประสงค์ของกฏหมายลิขสิทธิ์

ไม่งกค่ะ ถ้าเป็นสิ่งที่คุณเจเคเธอมีสิทธิ์ได้   
แต่ถ้าเธอไม่สนว่ากิจกรรมนั้นเป็นธุรกิจเอาสตางค์หรือไม่  ถึงเป็นงานกุศล ทำเพื่อศรัทธา  ไม่คิดกำไร ไม่เงินคนดูเอาเข้ากระเป๋าผู้จัดเลย  ฉันก็จะฟ้องลูกเดียว   ยังงี้ถือว่า"งก"
ถ้าเป็นงานกุศล  กฎหมายก็เปิดช่องไว้แล้วว่าให้ยกเว้น

ส่วนเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ตอบไปแล้ว     จุดหมายคือปกป้องสิทธิ์ของผู้ผลิตงานสร้างสรรค์ แต่ถ้าผู้สร้างสรรค์เองพลิกแพลงไปเอาเปรียบคนอื่นหรือปิดกั้นคนอื่น  อันนี้โทษผู้สร้างสรรค์เอง  ไม่ใช่โทษกฎหมาย
ถ้าผู้คนเห็นว่าช่องโหว่มันกว้างจนคนเอาเปรียบขึ้นเรื่อยๆ  ก็สามารถรวมกลุ่มกันเรียกร้องให้แก้กฎหมายได้นี่คะ

อ้างถึง
อาจารย์เรา ท่านมีจิตใจสูง จึงมองประเด็นคุณเจเคเป็นเรื่องปกป้องสิทธิ์
ถ้าจะออกความเห็นกันให้สนุก  ดิฉันว่าเรามางดออกความเห็นเกี่ยวกับ"ตัวคน" แต่หยุดอยู่แค่"ประเด็น" ดีไหมคะ[/color]


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 22 ต.ค. 07, 09:57
ผมไม่ได้อ่านข่าวนี้ละเอียด แต่เข้าใจว่าที่โดนฟ้องไม่ใช่เรื่องหน้าตาของปราสาทนะครับ แต่เป็นเรื่องการใช้ "ชื่อ" และ "เรื่องราว" ว่าเป็นปราสาทฮ็อกวอร์ท
ไม่งั้นศาลท่านคงไม่ตัดสินว่าละเมิดได้หรอกครับ

ถ้างานผีตาโขนมีพ่อค้าหัวใสจะทำแบบเดียวกันนี้ ผมก็จะแอบเมล์ไปบอกน้าเจเคให้ช่วยมาฟ้องเหมือนกัน อนาถใจน่ะ
ใครจะไปรู้ได้ว่าพ่อค้าในงานทุรคาบูชานี่ก็อาจจะโดนคนท้องถิ่นนั่นแหละแอบส่งซิกให้เจ๊เหมือนกัน  ;D

ส่วนเรื่อง Micro$oft นั้น ผมไม่เคยได้ยินเรื่องเอา source code ไปพิมพ์แสดงในห้องเลยครับ และคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะมันขัดกับปัญหาจริงที่เกิดขึ้น
ปกติ source code เขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ M$ โดนฟ้องนั้นเป็นเพราะว่าใช้การผูกขาดตลาด OS(Window$) มาใช้ประโยชน์เอาเปรียบคู่แข่งขันในตลาดอื่นโดยเฉพาะซอฟท์แวร์ตระกูล Office

โดยปกติผู้ผลิต OS จะเปิดเผยข้อมูลส่วนหนึ่งที่เรียกว่า API เพื่อให้ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายอื่นๆสามารถเรียกใช้ในโปรแกรมของตัวเองได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ M$ เปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ไม่หมด (และบางส่วนถึงกับวางยา) ทำให้โปรแกรมจากผู้ผลิตรายอื่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือบางทีจู่ๆก็มีปัญหาในการใช้งานเมื่อ M$ อัพเดท OS ของตัวเอง ในขณะที่ M$ Office ไม่มีปัญหาเลย เพราะรู้กันเป็นการภายใน

พฤติกรรมแบบนี้กฎหมายเขาไม่อนุญาต สุดท้ายศาลจึงสั่งปรับเงิน และบังคับให้ M$ เปิดเผย API ออกมาอย่างน้อยเท่ากับที่ส่งให้ทีมที่ทำ M$ Office

เรื่องนี้ M$ ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องจบแบบนี้ แต่กระบวนการฟ้องร้องนี้ต้องใช้เวลา เป็นเกมทางธุรกิจ ดูเอาแล้วกันครับว่าถึงต้องเปิด API ถึงต้องจ่ายค่าปรับ แต่คุ้มมาก เพราะคู่แข่งตายหมดแล้ว

สุดท้าย M$ เป็นคนกำหนดราคาตลาดได้ต่อไปครับ

ผมใช้คอมพ์มาเกิน ๒๐ ปีแล้ว ราคาฮาร์ดแวร์ถูกลงอย่างมาก (ไม่ต้องคิดถึงประสิทธิภาพ) แต่ราคาซอฟท์แวร์ไม่เคยถูกลงเลย

แต่ทั้งหมดนี้ผมว่าไม่เกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์เลยนะครับ ปัญหาอยู่ที่การผูกขาดล้วนๆ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 22 ต.ค. 07, 13:32
ผมมองสวนทางว่า กฏหมายลิขสิทธิ์นี่แหละ ตัวสะกัดความเจริญก้าวหน้าในทุกเรื่อง

ยกตัวอย่างที่คอมพิวเตอร์ก้อด้าย......
ถ้าไอบีเอ็มไม่เปิดสิทธิ์ในการทำเครื่องแก่สาธารณะ โลกจะไปไกลขนาดนี้ใหม
ดูแอปเปิ้ลสิ ใช้ระบบปิด สุดท้ายจากส่วนแบ่ง 20 % ในตอนเริ่มแข่ง เดี๋ยวนี้อาจจะเหลือไม่ถึง 2 %
ถ้าไม่มีการผูกขาดจากทั้งจ๊อบบ์ และเกตต์ ป่านนี้คอมพิวเตอร์จะเหลือเครื่องละไม่ถึงหมื่น
และดีกว่านี้ไม่รู้เท่าไร

ผมไม่มีความรู้เรื่องเกมส์ แต่ผมงงว่าบริษัทเล็กๆ เหล่านั้น สร้างของพิศดารออกมาได้ยังไง
เมื่อสิบปีก่อน เกมส์สนุกมากมาย มีให้เล่นกันโดยไม่คิดเงิน บางคนก็ขอแค่โปสการ์ดสักแผ่น
ปรากฏว่า พวกยักษ์ใหญ่ พากันมาซื้อไปขายแบบเก็บเงิน
ปลั๊กอินหลายๆ ตัว ที่ใช้บนแมค ก็ถูกซื้อเก็บเหมือนกัน

ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะออกกฏหมายนี้ใหม่ ให้มีรูหายใจขยายใหญ่ยิ่งขึ้น
ทำให้การละเมิดแบบฆ่าเจ้าของลิขสิทธิ์หายไป แต่การละเมิดแบบต่อยอดอยู่ได้
จะร่างยังไงก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 22 ต.ค. 07, 14:32
จริงๆแล้วทั้ง IBM และ Mac ก็อยู่ใต้กฎหมายสิทธิบัตรอันเดียวกันนะครับ เพียงแต่สองเจ้านี้เลือกหนทางต่างกัน

เรื่องซอฟท์แวร์นี่ไม่ต่างกัน คือเปิด API ให้คนมาเขียนโปรแกรมให้ตามสบาย

แต่เรื่องฮาร์ดแวร์ IBM ยอมให้ผลิตได้ ด้วยความมั่นใจว่า ตลาดเปิดทำให้อัตราการโตสูงเป็นทวีคูณ และโดยรวม IBM จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากกว่าอยู่แบบงุบๆงิบๆเหมือนที่ Apple ทำ

จะว่าไปก็ตลก เพราะโมเดลเดียวกันนี้ Apple เคยทำมาก่อนแล้วสมัยยังเป็น Apple II ซึ่งทำให้มี Apple II Compatible ออกมาเพียบ

ทีนี้มาดูผลที่เกิดขึ้นกันบ้าง

IBM โตเป็นเจ้าตลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เครื่อง IBM Compatible กลายเป็นของประจำบ้าน (ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อสามัญเป็น PC อย่างที่เรียกในปัจจุบัน) ส่วน Mac ห่อตัวใช้กันอยู่ในกลุ่มเล็กๆ

Apple ซึ่งคงรู้สึกเสียดายว่าตักตวงประโยชน์จาก Apple II ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มาถึง Mac ก็เลยไม่ให้สิทธิ์ใคร ทำตัวเป็นระบบปิด แต่ความจริงแล้วมีช่วงหนึ่ง Apple ก็เคยให้้สิทธิ์คนอื่นทำเครื่อง Compatible อยู่พักนึงนะครับ(ไม่รู้ว่าเห็น IBM โกยเงินแล้วน้ำลายไหลหรืิเปล่า) แต่เข้าใจว่ามีปัญหาเรื่องการควบคุมคุณภาพและภาพลักษณ์(?) สุดท้ายก็เลิกให้สิทธิ์ กลับไปทำเองหมดเหมือนเดิม

ส่วน IBM ที่ฟู่ฟ่าสุดๆ จนในที่สุดเจอเครื่อง Compatible ครองตลาด ไอ้ที่หวังว่าจะได้ชื่อ IBM Compatible เป็นตัวนำ ชาวบ้านเขาก็หันมาเรียกเป็น PC ไปหมด สุดท้าย IBM ต้องขายกิจการส่วน PC ให้เจ๊ก Lenovo ไปแล้ว ผันตัวเองไปทำธุรกิจ IBM จักรกลธุรกิจข้ามชาติ หากินกะคนรวยสบายกว่ากันแยะเลย

และปิดฉากธุรกิจนี้ไปแบบที่เรียกว่าจบเห่ และสบายใจได้เลยว่าจะไม่มีพ่อค้าหน้าไหนกล้าเดินรอยตาม IBM อีกแน่ๆ

ก็สิทธิบัตรเขาไม่ได้บังคับว่าห้ามเปิดนี่ครับ เจ้าของเลือกได้ว่าจะเอาไง IBM เลือกเปิด แล้วเป็นอย่างนี้ แสดงให้ดูว่าเปิดโล่งโจ้งแล้วต้องจบแบบนี้ และนี่คือสภาพที่ไม่มีสิทธิบัตรนั่นเอง รายใหญ่อย่าง IBM ยังมีโอกาสตักตวงผลประโยชน์ช่วงแรกๆไปได้บ้าง แต่ถ้าเป็นรายเล็กๆหมดสิทธิ์รอดแน่ ทำแทบตาย ยังไม่ทันได้กินเลยโดนคนอื่นจ้วงกินเรียบ ต้องนั่งร้องไห้โฮๆ แล้วใครมันจะไปทำล่ะคร้าบ... ไม่จูงใจเลย

ในขณะที่ Mac อยู่อย่างลุ่มๆดอนๆมาตลอดเกือบ ๒๐ ปีนี้ แต่ Mac ก็ยังเป็น Mac นะครับ  ;)

ผมเสียดายเหมือนกันที่ระบบของ Mac ไม่เปิด เพราะที่จุดเริ่มต้น Mac เหนือกว่าแบบคนละเรื่องเลย ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกแบบ USB นั้น Mac มีของคล้ายๆกันนี้ใช้มาราวๆชาตินึงมาแล้ว ผมยังเคยทะลึ่งเอาคียบอร์ดมาต่อพ่วงกันสามตัวซ้อนมาแล้ว ตื่นเต้นดีมาก  ;D Mac OS และ เมาส์ ก็เป็นต้นฉบับให้ Window$ ลอกไปใช้จนมีคดีความเป็นเรื่องเป็นราวมาแล้ว (โดยประสบการณ์ที่เคยศึกษา API ของทั้งสอง OS นี้ ถ้าบอกว่าไม่ได้ลอก สู้บอกผมว่าควายออกลูกเป็นลิงได้ยังน่าเชื่อกว่าเป็นไหนๆ) ถึงแม้จอบส์จะขมายไอเดียทั้งสองอย่างมาจากแล็บ Xerox ที่พาโลอัลโตอีกทีก็เถอะ

จะให้แจ๋ว ต้องคุยกันต่อเรื่องแนวคิด Open Source และ GPL ที่กำลังแรงในช่วงหลายปีนี้ครับ เป็นการใช้กฎหมายลิขสิทธิ์อย่างน่าสนใจมากครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 22 ต.ค. 07, 15:50
ผมได้ยินมาต่างจากนี้หน่อยนึง....
ไอบีเอมจ้างบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง มารับทำโอเอสให้คอมพิวเตอร์สายพันธุ์ใหม่ของตน
ที่เลือกบริษัทเล็ก ได้ไม่ต้องกลัวว่าจะโตมาฆ่าตนเอง
สองเกลอหัวแข็งก๊ได้งานไป กลายเป็นไมโครซอฟต์

ในช่วงเวลานั้น ตลาดคอมพิวเตอร์ อยู่ในมือยักษ์สีฟ้า เป็นเมนเฟรมทั้งสิ้น ราคาตั้งต้นที่ร้อยล้าน
ไอบีเอมจึงไม่สนใจจะมองเครื่องตั้งโต๊ะ ราคาแค่หลักหมื่นๆ บาท
ขายพันตัวยังไม่ได้ราคาเท่าขายอาหลั่ยเมนเฟรมตัวเดียว แล้วปีนั้น คนที่รู้จักคอมพิวเตอร์มีแค่หยิบมือเดียว
ไอบีเอมจึงยอมให้คนอื่นมาสร้างเครื่องเลียนแบบ
นั่นทำให้ โอเอสของไมโครซอฟท์เป็นที่ต้องการ
ยักษ์สีฟ้าพลาดอีก เมื่อไมโครซอฟท์ขออนุญาตขายโอเอสของตนให้กับพวกเครื่องเทียบเท่าเหล่านั้น
ลิขสิทธิ์แรกเริ่มทุกอย่าง เป็นของไอบีเอม ซึ่งมองว่ายิ่งคนใช้เครื่องเทียบเท่ามากเท่าไร ท้ายที่สุดก็มาจบที่เมนเฟรม
ตูจะได้ขายเครื่องร้อยล้าน เพิ่มขึ้นง่ายดาย......พระเจ้าคงนั่งหัวร่ออยู่ในวันนั้น

ส่วนค่ายแมคนั่น เจตจำนงก้นบึ้งน่ากลัวมาก
เขาต้องการเอาชนะยักษ์สีฟ้า....คนอารัย คิดใหญ่ได้ขนาดนั้น ยิ่งกว่ามดล้มไดโนซอร์อีก
บริษัทจากโรงรถ จะล้มบริษัทที่ใหญ่กว่าประเทศบางประเทศ
แต่จ๊อบบ์ทำสำเร็จ เขารวย จนซื้อเวลาโฆษณาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ คือเมื่อพักครึ่งซุปเปอร์โบล์ว
เพื่อเปิดตัวคอมพิวเตอร์ที่ชื่อเป็นผลไม้....เขาจึงเป็นขวัญใจของสาวกตราบเท่าทุกวันนี้
แต่จ๊อบบ์คิดผิด ที่ไปเอาประธานเป๊ปซี่โค มาใช้งาน
เขาหวังว่า หมอนี่จะรับบริหารธุรกิจ เพื่อเขาจะได้คิดงานสร้างสรรค์ แค่ไม่กี่ปี หมอนี่ก็ไล่จ๊อบบ์ออกจากบริษัท
เออ....เอากะมันสิ

ตอนนั้นแอปเปิ้ลตกต่ำถึงที่สุดแล้ว จนต้องยอมเปิดช่องให้มีการผลิตแมคโคลน ออกมา
ทุกคนที่เกี่ยวข้อง เจ้งไม่เป็นท่า ยกเว้นจ๊อบบ์ ซึ่งบอกว่า
"เมื่อคุณถูกไล่ออกจากบริษัทที่คุณเป็นคนก่อตั้ง จงดีใจ"....ตอนนั้นเขาไปเปิดบริษัทคอมพิวเตอร์ใหม่
และกำลังสนุกกับ pixar บริษัททำอะนิเมชั่นที่เขาซุ่มฟูมฟักอยู่ ตอนนั้น ไมโครซอฟท์ครองโลกเรียบร้อยแล้ว
ด้วยการยืมเปลือกของแมค มาคลุมฬาที่ชื่อว่าดอส กลายเป็นวินโดว์

จ๊อบบ์ถูกเชิญกลับมาคุมแอปเปิ้ล เขาทำหลายอย่างพร้อมๆ กัน
เขาออกแมคเจนเนอเรชั่นใหม่ เปลี่ยนทุกอย่างหมด ซึ่งทำให้รอดตาย
เขาฟ้องไมโครซอฟท์ และคดีจบลงเงียบๆ ด้วยการที่เกตต์เข้าถือหุ้นแอปเปิ้ล 5 % ผมคิดว่านี่คือค่ายอมความ

มองย้อนกลับ ผมจึงอยากสรุปว่า การปิดกั้นลิขสิทธิ์ เป็นการปิดกั้นความก้าวกระโดด
เกตต์ยึดติดอยู่กับการเอาเปรียบทางลิขสิทธิ์ ทำให้เขามองอินเตอร์เนตผิดหมด
ทุกวันนี้เกตต์เดินตามกูเกิ้ลต๊อกๆๆๆๆ แต่ผมว่าเขาตามไม่ทันและ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 ต.ค. 07, 20:36
เรื่องเกตส์กับอินเตอร์เน็ต มันเป็นอย่างนั้นจริง แต่คู่กรณีตัวจริงคือ Netscape เมื่อสิบปีที่แล้วนะครับที่ทำให้เกตส์กลืนน้ำลายตัวเอง ประกาศว่าทุกองคาพยพของ M$ ต้องมุ่งหน้าหานเตอร์เน็ต

แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับกรณี Google นะครับ และก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย

M$ เสียเปรียบ Google ในบางสนามเพราะน้องกุ๊กเธอฉลาดเลือกเล่นในเกมส์ที่ M$ ไม่มีแต้มต่อ ค่อยๆตะล่อมรุกคืบไปเรื่อยๆ เกมนี้ M$ เสียเปรียบเพราะฝีมือสู้ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่สงครามยังไม่จบ M$ ไม่ใช่ผู้นำที่ดี แต่เป็นนักลอกเลียนตัสยงที่รู้ดีว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไรและพร้อมจะใช้จุดแข็งนี้เข้าบดคู่แข่งโดยไม่ต้องสนใจถูกผิด

จุดแข็งนี้คือเรื่องการผูกขาดครับ ไม่ใช่เรื่องลิขสิทธิ์เลย

Andy Tai ทำแผนภูมิสงครามซอฟท์แวร์ไว้อย่างน่าสนใจ http://mshiltonj.com/software_wars/ (http://mshiltonj.com/software_wars/) เห็นภาพชัดเจน ชาร์ตแรกที่ปี 1998 นั่นคือหลังจากที่เกตส์กลืนน้ำลายที่เคยบอกว่าอินเตอร์เน็ตเป็นของเด็กเล่น ประกาศกลับลำ ทุกโครงการของ M$ มุ่งหน้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วออก IE (บังคับ)แถมมากับ Windows จนทำให้ Netscape ต้องม้วนเสื่อ ยกโครงการ Web Browser ให้เป็นสมบัติสาธารณะ (จนแตกหน่อมาเป็นเจ้าจิ้งจอกไฟในทุกวันนี้)


เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ ผมก็เห็นว่ามันไม่ได้สมบูรณ์แบบนะครับ แต่ถ้าหวังให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือทำเพื่อมนุษยชาติ มันก็เหมือนกับคอมมูนิสต์ที่ฝืนสัญชาติญานอยากได้ใคร่ดีของมนุษย์ สุดท้ายคือคนส่วนมากไม่อยากจะทำอะไรเลย เพราะทำมากทำน้อยก็ได้เท่ากัน

แนวคิดสัญญาลิขสิทธิ์แบบ GPL ที่โครงการ Open Source จำนวนมากใช้อยู่ก็น่าสนใจนะครับ ประกาศว่าสิ่งที่ทำมาเป็นสมบัติของมนุษยชาติ เผยแพร่พร้อม Source Code ใครใคร่แก้ก็เชิญตามสบาย มีเงื่อนไขว่าได้ผลอย่างไรต้องเป็นสมบัติสาธารณะต่อไป ห้ามอ้างสิทธิ์เป็นของตัวเอง

แต่ก็มีการแตกลูกแตกหลาน บางแบบก็ให้สิทธิ์ว่าคนที่เอาไปทำต่อมีสิทธิ์ปิดหรือเปิดก็ได้เหมือนกัน

การมีหลากหลายโมเดลให้เลือกแบบนี้ก็ดีครับ สุดท้ายรูปแบบเหมาะสม สังคมได้ประโยชน์ ประนีประนอมกับผลประโยชน์ได้ ก็จะถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติเองครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 07, 20:54
เข้าหลัก Survival of the fittest หรือเปล่าคะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 ต.ค. 07, 22:13
ใช่เลยครับ ถ้ามีทางเลือกหลายๆทาง ให้คนในสังคมเลือก มันต้องมีคำตอบที่เหมาะๆรออยู่แน่

ความจริงเรื่องลิขสิทธิ์ ถ้าไม่ได้เอาไปหารายได้ หรือทำให้เจ้าของสิทธิ์ขาดรายได้ เจ้าของสิทธิ์ก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้

ตัวอย่างที่น่าสนใจอันหนึ่งคือเว็บนี้ครับ http://www.theangkorguide.com/ (http://www.theangkorguide.com/)

เว็บนี้เอาหนังสือ The Monuments of the Angkor Group ของ Maurice Glaize มาแปลเป็นภาษาอังกฤษเปิดให้อ่านและดาวน์โหลดได้ฟรีมาหลายปีแล้ว ลิขสิทธิ์ของหนังสือเล่มนี้ก็ยังไม่หมดอายุ (เข้าใจว่าจะหมดอายุในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้า)

เว็บนี้ไม่แสวงผลกำไร ดูแล้วผู้จัดทำเขาระมัดระวังมาก ไม่มีโฆษณาเลยแม้แต่น้อย เข้าใจว่าไม่มีฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษพิมพ์ขายด้วย แต่ก็ยังล่อแหมอยู่บ้างนิดหน่อยว่าจะทำให้ฉบับภาษาฝรั่งเศสเองขายได้น้อยลง

แต่เมื่อเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อแสวงประโยชน์ทางการค้า ทายาทผู้ทรงสิทธิ์ก็คงไม่เอาความเขาหรอกครับ

ผมยังเคยคิดอยู่ว่าน่าเอามาแปลเป็นไทยบ้าง เพราะตอนไปเที่ยวเสียมเรียบเมื่อหลายปีที่แล้วก็ได้ประโยชน์จากเว็บนี้ไม่น้อยเหมือนกันครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 24 ต.ค. 07, 22:49
เกตต์ชนะเนตสเขปในสงครามครั้งแรกครับ
แต่แพ้น้องกู๊ก ในสงครามที่ยังไม่ทันได้ตั้งเค้าเลย

เปรียบเทียบอย่างนี้จะเห็นชัดกว่าครับ คือประโยชน์โภคผลทั้งปวง ที่กูเกิ้ลได้รับอยู่ในเวลานี้
มันน่าจะเป็นของไมโครซอฟต์ อุตส่าห์กำจัดก้างขวางคอ
ไปเป็นของไอ้หนูสองคนนั่นได้ไง

ตอนที่ไมโครซอฟต์กำลังสาละวนจัดการเน้ตสเขปอยู่นั้น IE น่ะ เกือบจะไม่มีราคาทางการตลาดเลย
เขามองไม่เห็นในสิ่งที่กูเกิ้ลเห็น
ลองคิดว่า ต่อไป เราไม่ต้องซื้อโอเอสอีกแล้ว แค่สมัครเป็นสมาชิกกูเกิ้ล เหมือนสมาชิกเคเบิลทีวี
วินโด้ว์จะเหลืออะไรครับ....คงเหลือตลาดผู้ใช้ระดับสูงอยู่หยิบมือหนึ่ง

นี่สามารถทำนายติดข้างฝารอดูผลได้เลย


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 24 ต.ค. 07, 23:06
ต่ออีกเรื่องหนึ่งในโลกไซเบอร์ คือ เอมพี 3
นี่ของฟรี 100 เปอร์เซนต์เลย ทั้งๆ ที่มันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าใครผูกขาดได้
แต่

พอมีเค้าว่า จะมีการผูกขาดขึ้นมา
ฟอร์แมทเทียบเท่า และดีกว่า ประสิทธิภาพสูงกว่า
มีออกมาให้เลือกใช้ จนตอนนี้ ผมก้องงแล้วว่า การบีบอัดตัวใหนเจ๋งสุด

ซีดี หรือการเก็บข้อมูลเสียงด้วยดิจิตัลที่ 44.1 KHz/16  bit ตามกฏเหล็กใน redbook ของฟิลิปส์-โซนี่
เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการผูกขาดที่สกัดความก้าวหน้า
ระดับการเก็บสัญญานแค่นั้น มันต่ำมากๆ เอาหละ มันอาจจะพอเมื่อ ก่อน 1980
แต่นี่ผ่านมาสามสิบปีแล้ว สองหน่อก็ไม่ขยับขยายเพดานเทคโนโลยี่

ปัจจุบันนี้ บางแห่งเริ่มเล่นกับสัญญานเสียงที่ 768KHz /24 bit นั่นก็อาจจะปิดบัญชีซีดีออดิโอพร้อมๆวินโดว์

อีกไม่นานเกินรอ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 ต.ค. 07, 23:36
โอ้... คุยเรื่องนี้ก็มันสิครับ

พี่เกดแกไม่ใช่หมูๆนะครับ สมัยที่ Netscape มาใหม่ๆ พี่เกดแกไม่สน เพราะมันไม่ได้คุกคาม M$ ครับ แต่พอเห็นท่าว่า browser มันชักจะเก่ง ต่อไปไม่ต้องใช้ OS แล้ว ทุกอย่างทำงานบน Brower ได้ แถม browser ยังเป็น platform-independent ไม่สนว่าทำงานบน OS ตัวไหนด้วยแล้ว มันก็ซวยสิครับ เพราะนั่นแปลว่า Window$ จะเสียความสามารถในการผูกขาดตลาด

ยกที่ ๑ พี่เกดปล่อย IE ออกมาให้ใช้ฟรีๆ โดยยัดไส้มากับ Window$ เลย Netscape แจกฟรีเหมือนกันแต่ต้องไปโหลดมา จะไปสู้กับของที่พร้อมใช้ได้ไง ทาง Netscape ก็เลยฟ้องสิครับห้องว่าใช้ประโยชน์จากการผูกขาด

คดียืดเยื้อไปจนในที่สุด M$ ก็แพ้ (อย่างที่ควรเป็น) แต่พี่เกดแกแน่มาก เพราะแกเล่นฝัง IE เข้าไปใน Window$ เวอร์ชั่นใหม่ คราวนี้โดนฟ้องก็อ้างว่ามันทำให้ OS ของแกทำงานได้สมบูรณ์ สุดท้ายศาลก็ทำได้แค่บังคับให้สามารถ uninstall เอา IE ออกได้ ผู้ใช้ทั่วไปใครจะไปอยากยุ่งยากอย่างนั้นล่ะครับ สุดท้าย Netscape พับเสื่อกลับบ้าน เพราะแจกไม่ทัน

แต่ทางลึกแล้ว ระหว่างสงครามนี้ M$ ชวนเล่นเกมมาตรฐาน (ของถนัดของเขาเลย โปรดจำไว้ให้ดี เพราะไม้นี้เขาใช้บ่อย) โดยการป่วนมาตรฐาน HTML จนวุ่นวาย เรื่องนี้ก็ต้องโทษ Netscape ที่อ่อนหัดด้วย เพราะดันไปเล่นตามเกมของเขา คนเขียนเว็บก็ปวดกบาล เพราะ HTML ที่ควรเป็นมาตรฐานมันดันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว กลายเป็นต้องเขียนเพื่อแสดงผลใน IE และ Netscape แตกต่างกัน เกมนี้จบลงเมื่อ Netscape ตายสนิทไปแล้วครับ เพราะ M$ ไม่รู้จะไปป่วนให้ปวดหัวอีกทำไม

เสร็จศึก Netscape ก็เป็นศึก Java

๋แนวคิดของ Java แค่ได้ยิน M$ ก็ขนหัวลุกแล้ว เพราะเขียนโปรแกรมทีเดียว สามารถเอาไปใช้งานได้ทุกที่ตั้งแต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จนถึงโทรศัพท์มือถือ โดยไม่แคร์ OS เลย

Sun ออกแบบ Java แล้วเปิดมาตรฐานของ Java ใครอยากเขียน JVM (JAVA Virtual Machine) เลียนแบบก็เชิญตามสบาย หรือถ้าขี้เกียจเขียนเอง ทาง Sun ก็มีทั้งแบบแจกและแบบขาย มีคนเขียน JVM ออกมากันเพียบ ทั้งพวก Open Source ทั้งพวกขาใหญ่ทั้งหลาย IBM ก็ทำ และที่แน่ๆ M$ ก็ไม่พลาด

M$ ยัดไส้แถม JVM มากับ Window$ อย่างเคย แต่ไม่ได้ใจดีนะครับ เพราะ JVM ของ M$ เป็นรุ่นพิเศษ คือเพิ่มความสามารถพิเศษ ที่ทำให้ JVM "เก่งขึ้น" แต่ "ต้องทำงานบน Window$" เท่านั้น

ครับ มันมาอีกแล้ว เกมป่วนมาตรฐานที่เคยได้ผลมาแล้วกับ HTML

แต่ครั้งนี้สถานการณ์ต่างไปหน่อย เพราะ Sun เปิดมาตรฐานให้เขียนตามได้ แต่ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง (เห็นประโยชน์ของกฎหมายลิขสิทธิ์หรือยังครับ  ;D) จึงฟ้อง M$ ตามระเบียบ

ศาลสั่งให้ M$ แก้ไข JVM ของตัวเองให้ comply กับมาตรฐานที่ Sun กำหนด หรือไม่ก็เอาออกไปจาก Window$ เลย

M$ โอดครวญนิดหน่อยแล้วก็ (แน่นอน) เอา JVM ออกไปเลย ทิ้งช่วงไปพักใหญ่ถึงเอากลับเข้ามาใหม่พร้อมกับออก .NET platform ใหม่สุดเจ๋ง ที่ดัดแปลงมาจาก Java ตามเคย

เกมนี้ M$ เล่นเกมมาตรฐานซื้อเวลาให้ตัวเองสำเร็จครับ

แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ ตอนนี้... ผมหมายถึงตอนนี้จริงๆ M$ กำลังผลักดันมาตรฐานไฟล์ของโปรแกรม Office ของตัวเอง การสร้างมาตรฐานเป็นเรื่องดี แต่ที่คนเขาโวยกันเป็นเพราะ
- มาตรฐานโปรแกรม Office มีอยู่แล้ว เป็นมาตรฐานที่ผลักดันโดนชุมชน Open Source
- มาตรฐานของ M$ นั้นพิกลมาก เพราะแม้แต่ในเอกสารนำเสนอของตัวเองก็แสดงให้เห็นอยู่ว่าไม่สามารถเขียนไฟล์ Office ของ M$ เองตามมาตรฐานนี้ได้
- มีปัญหาหลายจุดที่เป็นข้อบกพร่องอยู่อย่างชัดเจน

เรื่องนี้ประชาชนธรรมดาไม่มีสิทธิ์โหวตรับหรือไม่รับ ต้องให้หน่วยงานแบบ สมอ. ของแต่ละชาติเป็นตัวแทน

อินเดียนั้นเจ๋งมาก เขาระดมยอดฝีมือประชุมกัน ผลออกมาว่า "ไม่รับ" แต่ยินดีพิจารณาใหม่หาก M$ แก้ไขข้อบกพร่องในมาตรฐานที่เสนอมา (ราวๆร้อยกว่าประเด็นเห็นจะได้)

ชาติอื่นก็มีที่ออกมาแสดงจุดยืนทั้งรับและไม่รับ

ที่สวีเดนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเขาให้บริษัททางด้าน IT ที่เป็นสมาชิกสมาคมมาลงคะแนนโหวตกัน สุดท้ายได้ผลว่า "รับ" โดยฝ่ายเสียงข้างน้อยที่โหวตไม่รับ walk out เพราะเกือบ 100% ของพวกโหวตรับ เพิ่งจะมาสมัครเป็นสมาชิกในวันนั้นเอง ค่าสมัครก็ไม่ใช่ถูกๆ เป็นที่สงสัยว่ามีสปอนเซอร์จัดให้

ข่าวนี้ผมอ่านแล้วฮามาก ฝรั่งล้าหลังพี่ไทยเราหลายขุมว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 ต.ค. 07, 02:46
ไมโครซอฟต์กำลังทำเรื่องผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
คนที่โตมาจากการก๊อปปี้ ย่อมเห็นช่องทางในการทะลุกฏหมายปรุโปร่ง(เห็นประโยชน์ของกฏหมายลิขสิทธิ์แล้วครับ....หึหึ)
แต่คู่ต่อกรคราวนี้ ไม่ใช่บริษัทต่อบริษัท ซึ่งนายประตูใหญ่แกย่อมมีเงินสู้ได้ หนึ่งต่อสิบแกก็ยังสะบาย
บริษัทเล็กๆอย่างเนตสเขปหรือซัน ไม่ใช่คู่มือ

แต่ตราวนี้เกตต์จะสู้คนทั้งโลก...จึ๋ยย์
เทคโนโลยี่ก้าวหน้าจนไม่มีวันจะผูกขาดได้อีกต่อไป แล้วคนที่สู้กับเกตต์ไม่ใช่พวกกินเงินเดือน
กินแกลบ.....แรงอึดเลยแยะ มีเป็นล้าน ทั่วโลก ใครๆก็อยากโค่นเจ้าคนนี้

แนวรบด้านหนึ่งที่ซ๊อฟต์จิ๋วกำลังแพ้ คือเกมส์ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาเหลือส่วนแบ่งอยู่เท่าไหร่
แต่ลูกชายผมบอกว่า ไม่มีใครในหมู่เพื่อนสองร้อยกว่าคนที่แชตกัน เล่นเกมส์ของไมโครซอฟต์
ในอนาคต ผมยังเชื่อว่า คอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเครื่องจำเพาะ
มันจะถูกลง จนสามารถทำเครื่องเล่นเกมส์กับเล่นเนต เล่นหนังกับเล่นเนต และเล่นถ่ายทอดสด
แยกออกจากเครื่องที่ทำงานด้านอื่นๆ

มองตามแนวโน้มนี้ จ๊อบบ์ดูเหมือนจะไปดักล่วงหน้าแล้ว
เขาแข็งแกร่งทางด้านกราฟิค เมื่อเพืมปิซซ่า....เอ้ย พิ๊กซ่าเข้าไป
แอปเปิ้ลก็น่าจะเป็นเอนเตอรเทนเม้นท์เซ็นเตอร์ได้ สะบายๆ.....
แอปเปิ้ลโฟนและแอปเปิ้ลทีวี กำลังบุกเพิ่มอีก 2 แนว

หวังว่าจะไม่ไปเร็วจนลูกค้าตามไม่ทัน เหมือนเมื่อตอนคิดนิวตั้น สมุดบันทึกอิเลคโทรนิค
เจ้งไปล่วงหน้า 10 ปี กว่าที่วัยรุ่นจะมาเพิ่งเห่อพีดีเอ อย่างทุกวันนี้


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 ต.ค. 07, 07:04
มีนิวตั้นหนึ่งตัว ว่าจะทำพิพิธภัณฑ์ฮ่ะ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 25 ต.ค. 07, 10:35
ข้อที่ว่า M$ กำลังจะแพ้ ผมยังไม่แน่ใจนักครับ  :(

เพราะที่ผ่านมา M$ ไม่ใช่ผู้ริเริ่ม แต่เป็นนักลอกเลียน และเก่งเรื่องยุทธวิธีการตลาด เป็นผู้ตามในตอนเริ่มต้นเกือบทุกครั้ง แต่สามารถใช้ความได้เปรียบของตัวเองไล่บดคู่แข่งจนตายคากระดานได้ทุกที

เรื่องเกมส์คอมพิวเตอร์นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง เป็นตลาดที่ M$ ไม่เคยเป็นผู้นำ แต่กระโดดเข้ามาเมื่อเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ สถานการณ์ตอนนี้ยังดีกว่าวันที่ M$ กระโดดเข้ามามากนัก แต่ผมก็ไม่คิดว่า M$ จะครองกระดานนี้ได้ครับ เพราะธุรกิจนี้ต้องการความคิดสร้างสรรค์ อิอิ

สภาพแบบนี้ยังมีอีกหลายผลิตภัณฑ์ครับ ฐานข้อมูล M$ SQL ตอนเข้ามาใหม่เป็นของเด็กเล่น ค่อยๆปรับค่อยๆก๊อป(อิอิ) วันนี้ยังไม่ใช่จ่าฝูง แต่ไม่ห่างมากแล้ว

หรือ M$ Project เป็นของเด็กเล่นจนเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองที่เริ่มมี features ที่พอจะใช้งานได้จริง เทียบเจ้าตลาดอย่าง Primavera Project Planner แล้วความสามารถยังห่างไกล แต่เข้าใจว่า M$ น่าจะเป็นจ่าฝูงในตลาดล่างไปแล้ว

ตระกูล Office นี่คงไม่ต้องสาธยายมาก เพราะคู่แข่งตายเรียบ คู่แข่งปัจจุบันมีหัวหอกเป็นของแจกฟรีอย่าง OO.O (อ่านว่า โอโอดอทโอ - Open Office.Org) กลายเป็นอีกตลาดนึงที่เป็นที่มั่นสำคัญของ M$

นอกจากนี้มีอีกหลายกระดานที่ M$ ไม่เข้าไปแข่งเลย ดูพวก Photoshop, AutoCAD

และที่เห็นๆ Google Earth ซึ่งตัวนี้นี่แหละทำให้ M$ ลำบาก เพราะโดนชิง community
ผมคิดว่าอาจจะได้เห็น M$ กระโดดเข้ามาในสนามนี้ในเร็ววันครับ เผลอๆจะฝังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Window$ อีกเหมียนเดิม  ;)

โอ๊ะโอ๋... นิวตั้นเลยหรือครับ เมืองไทยหาดูยากนะฮับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 ต.ค. 07, 10:42
หายากพอๆกับเจ้าของเลยฮ่ะ.. ;D


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 ต.ค. 07, 12:40
ผม"เกือบ" จะเล่นแล้ว เจ้านิวตั้นเนี่ยะ
แต่มันดันอ่านภาษาไทยไม่ออก ไม่รูจะซื้อมาทำไม
จ้อบบ์รับซื้ออดีตของแอปเปิ้ลทุกชิ้น คุณกุ้งแห้งยังมีคลาสสิคเหลือใหมครับ......

เอารูปไอ้จอมลอกมาฝากคุณเครซี่ครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 ต.ค. 07, 12:46
ยังเก็บไว้ค่ะ..รุ่น 2 CI ราคาเป็นแสน บ้าชมัด!
ใช้งานมือเดียวมาเป็นสิบปี
เคยไปหาหมอแค่หนเดียว
ซื่อสัตย์มาก


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 ต.ค. 07, 10:56
ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้เป็นเจ้าของ Apple สักเครื่องเลยครับ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ไหน ตั้งแต่ Apple II ยัน iPhone ที่ฮิตระเบิดตอนนี้

แต่สมัยเรียนเคยได้จับๆคลำๆอยู่หลายช่วง

Macintosh นี่ได้จับตั้งแต่รุ่นแรกๆที่จอยังเป็น Monochrome แต่ไม่เคยเอามาทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันครับ

ตอนฝึกงานไปอยู่กับบริษัทของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ใช้ Mac ทั้ง Office เสียดายที่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Jobs โดนเตะออกไปจาก Apple แล้ว เป็นยุคที่ Apple เชยมาก Jobs เองก็ไปทำ NeXT ก๊อกๆแก๊กๆไม่ค่อยได้ความ สุดท้ายรู้สึกว่าจะให้ Apple เข้าซื้อ NEXT เป็นส่วนหนึ่งของดีลที่ Jobs กลับเข้ามา Apple ใหม่

ช่วงนั้นแหละครับที่ได้ศึกษาไส้ในของ Apple พอควร เพราะเอกสารพวกนี้ Apple ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน ใครอยากได้ต้องเป็นสมาชิกอะไรสักอย่าง ปีหนึ่งหลายสตางค์อยู่ ตอนนั้นก็สนุกดีครับ ยุคนั้น PC ยังใช้ Window$ 3.11 อยู่เลย

เครื่อง Mac สมัยนั้น (สมัยนี้ไม่รู้ว่ายังเหมือนเดิมหรือเปล่า) มีสายจากตัวเครื่องมาเข้าคีย์บอร์ด และเมาส์มาเสียบต่อจากคีย์บอร์ดออกไปอีกที ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอไปอ่านเอกสารเขาถึงรู้ว่าเป็น bus แบบหนึ่ง ตอนนั้นก็งงๆหน่อย เพราะ PC ยังไม่มีอะไรแบบนี้ กว่าจะปรากฎร่างให้เห็นเป็น USB ก็อีกหลายปีหลังจากนั้นแล้ว

ด้วยความซน เห็นว่าเป็น bus ก็เลยลองสมัยช่องเสียบสายที่คีย์บอร์ดดู คือคีย์บอร์ดนี่จะมีช่องเสียบอยู่ทางซ้ายกับทางขวา หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ ด้านนึงต่อไปคอมพ์อีกด้านนึงไปเมาส์อย่างที่เล่าไว้ก่อนหน้านี้ไงครับ พอลองสลับสาย โช๊ะ... ใช้ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  :D
ทีนี้ชักสนุก ไปเอาคีย์บอร์ดจากอีกเครื่องนึงมาต่อ คือแทรกเข้าไประหว่างคีย์บอร์ดตัวเก่ากับคอมพ์ โอ้... ใช้ได้อีก พิมพ์พร้อมๆกันก็ยังด้ายยยย

สุดท้ายต่อคีย์บอร์ดถึงสามตัว+เมาส์อีกหนึ่ง ใช้งานได้หมดครับ ถ้ามากกว่านี้ก็อาจจะได้ แต่คงโดนคนใน office เหยียบแน่เพราะซนเกินไป  ;D


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 ต.ค. 07, 11:27
คอมตัวแรกที่ลงทุนซื้อโดยใช้เงินเก็บเป็นแอปเปิ้ลนี่หละค่ะ รุ่น2CIซึ่งเป็นสีแล้ว รุ่นขาวดำก็ดูกะทัดรัดมาก แต่ความสามารถน้อย ที่ซื้อตอนนั้นมีจ็อบรออยู่เป็นรีทัชงานหมู่บ้านหนึ่ง ได้เงินแค่ 15,000บาท กว่าเงินจะออกดิฉันก็โทรไปทวงจนอายเองปาเข้าไปสามเดือน
เป็นภาพผู้ชาย ยืนเปลือย หันหลังอยู่ หน้าป่าเขียวๆ
แสงที่ช่างภาพถ่ายมาแบนแต๊ดแต๋ รูปร่าง กล้าม และบอดี้ดี..แต่เกลื้อนเยอะ อึ๋ยย์..
คุณพอลของเราใช้เวลาสามวันสามคืนรีทัชจนทั้งป่าทั้งหลังชายหนุ่ม เนียน มีวอลุ่ม..ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะเส้นตายบังคับ
สมัยก่อนเรนเดอร์ทีเป็นชั่วโมง..
มอนิเตอณ์เป็นจอ 16 นิ้ว ก็ของแอปเปิ้ล ยังอมตะอยู่เลยค่ะ
เราสร้างงานได้ก็จากคอมพิวเตอร์ตัวนี้ ถึงแม้จะมีรุ่นใหม่ๆให้ตามซื้อตลอด รุ่นนี้ก็ไม่เคยโละ ครั้งหนึ่งมีนักแต่งเพลงขอซื้อ 15,000บาท เพราะมีซาวด์คาร์ด..เขาใช้ได้
หุ้นส่วนดิฉันคุณพอลอยากจะขาย แต่ดิฉันไม่..
และคิดว่าตัดสินใจถูกค่ะ เพราะใช้ตลอดเวลา โปรแกรมที่สันทัดก็คือPagemaker


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 26 ต.ค. 07, 12:21
ขอสมัครรัก Mac ด้วยคนค่ะ จำไม่ได้ว่าที่ใช้เครื่องแรกเป็นรุ่นอะไร  ที่แตกต่างคือดิฉันใช้macทำงานเอกสารเป็นหลักค่ะ  ใช้word excel ภาษาไทยนี่แหละ  ไม่ได้ใช้ในด้านgraphic เลย  ขนาดนี้ยังหลงไหลในระบบที่ดีมาก ๆ ไม่จุกจิกแบบPc ช่วงนั้นดิฉันใช้ทั้ง 2 ระบบควบคู่กันไป  อยู่ที่บ้านใช้mac อยู่ที่ทำงานใช้ PC ก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัดมาก ๆ ช่วงนั้นสหวิริยาดูmacอยู่  พยายามจะส่งเสริมmac ขึ้นมา  ทำโปรแกรมที่สามารถแปลงfile mac ให้ไปอ่านใน pc ได้สำหรับภาษาไทย เอาpcมาทำในmac ได้  ช่วงนั้นถ้าเป็นงานเอกสารที่มีความซับซ้อนมาก ๆ มีตาราง รูปภาพ ข้อมูลเยอะ ๆ ดิฉันต้องทำด้วยmac ถ้าทำด้วย pc จะมีปัญหาเยอะ  สุดท้ายพอสหวิริยามีปัญหา  การพัฒนาmac เรื่องภาษาไทยก็เลยนิ่งสนิท  พอดีกับระบบpc พัฒนา os เป็นwindowก็เลยทำให้ mac กับ pc ดูไม่ค่อยต่างกัน  แล้วเครื่องmacก็แพงเสียเหลือเกิน  ไหนจะโปรแกรมลิขสิทธิ์อีก  ถ้าจะใช้ภาษาไทยต้องมีอุปกรณ์เสริมอีก  ดิฉันเลยทิ้งการใช้งานmacมาตั้งแต่เริ่ม OS X ค่ะ  แล้วก็ห่างเหินวงการไปเลย ตอนนี้ไม่กล้าออกความเห็นเท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่านอกจากรูปร่างหน้าตาที่กิ๊บเก๋แล้ว OS ของmac ดีแตกต่างจากwindowขนาดไหน  แล้วการพัฒนาภาษาไทยสำหรับmacไปถึงไหนแล้ว


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 11 มี.ค. 08, 01:37
มาอั้พข่าว
เกตต์ ตกจากอันดับหนึ่งมะหาเศษถีโลกแล้ว ตกทีเดียวไปที่ 3 เลย
สาเหตุเพราะรายได้ของแก เพิ่มน้อยกว่าที่หมายเลข 1 และ 2 เพิ่มขึ้น
อันดับหนึ่ง เห็นว่าเพิ่มถึงหมื่นล้านเหรีญ....อุแม่จ้าว ทำมะไรน่ะ
เท่ากับมีเงินเพิ่มเดือนละร่วมเก้าร้อยล้านเหรียญ....ทำมะรัยได้อารัยอย่างนั้นน่ะ
คิดเทียบไปก็ประมาณว่าแกมีบริษัทระดับปูนใหญ่อยู่ในมือ ทีเดียวสามสิบกว่าโรง
ทั้งๆ ที่แก....ดูเหมือนจะใช้แฟกส์ไม่เป็นหรืองัยเนี่ยะ
เล่นหุ้นอย่างเดียว

ตลาดหุ้นปีที่แล้วนี่ น่าสงสารที่สุด
ขอเดาแบบไม่พึ่งข้อมูลเลยละครับว่า
รวยจากการเปลี่ยนราคาของน้ำมันแน่นอน เป็นสินค้าตัวเดียวที่ราคาพุ่งขึ้น
ไล่เรี่ยกับความโลภโมโทสันของมนุษย์

ราตรีสวัสดิ์.....


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 09 เม.ย. 08, 12:26
มีความเคลื่อนไหวเรื่องลิขสิทธิ์ที่น่าจับตามอง เกิดในอินเตอร์เนตไทย
และในตลาดต้าปลีกที่ต้องพึ่งเสียงเพลง

เรื่องแรกคือ อากู๋ออกมาปิดช่อง ไม่ให้เปิดเพลงที่แกลอกต่างด้าวมาทำขายในสื่อที่แกไม่ได้ตังค์
หมายความว่า แกปิดรูหูชาวบ้านด้วยความโลภ ซึ่งใครที่เป็นกุนซือให้แกในเรื่องนี้ สมควรถูกยึดเมีย
ถ้าแกกุนฯ ตัวเอง ก็ต้องแถมเบิ๊ดกระโหลกอีกปุ๊หนึ่ง

เดิมทีน้น พวกที่เล่นบล๊อค ชอบเอาเพลงกเฬวระมาประดับจอ โดยไม่เสียเงินให้อากู๋ เพราะคิดไปว่า ก็ฉันมิได้ให้ดาวน์โหลดนี่
เปิดฟังเล่นจะเป็นไร
อากู๋แกเห็นว่า ช่องทางนี้ จะทำให้คนไม่มาซื้อของที่แกทำ แกก็เลยลุกขึ้นมาผสมปูน เทปิดรูระบายนี้เสีย
ทำให้เกิดความเดือดร้อนอลหม่านไปพักหนึ่ง

แต่ผมคิดว่าคนที่จะหายนะแท้จริงแล้ว ก็คืออากู๋
เพราะคนเขาก็ต้องไปหาเพลงอื่น ที่มีให้เลือกเกลื่อนกลาด มาแทนที่ของกู๋แก....
ของอย่างนี้ มันเข้าทฤษฎีควอนตั้มครับ คือจู่ๆ มันก็กลายสภาพ เกิดโดยมิเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปทีละน้อย
หมายความว่า จากข้าวสุกเป็นข้าวสาร มันเกิดปุ๊ปปั๊ปเลย ไม่มีผลต่อเนื่องให้คอยแก้ตัว

เรื่องที่สองคือ ธุรกิจรีดไถจากกฏหมายลิขสิทธิ์
ทำง่ายๆ โดยให้หน้าม้าคนหนึ่ง เอาซีดีลิขสิทธิ์ไทย ไปให้ร้านค้า เช่นร้านกาแฟเปิด บอกว่าชอบเพลงนี้
แล้วก็มีตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมลิขสิทธิ์และตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์บุกเข้ามา
แจ้งข้อหาละเมิด เพราะถือว่าเปิดเพลงเพื่อการค้าโดยไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น ลากตัวไปโรงพัก เจรจาเงินค่าเสียหายสักหกหมื่อน
ต่อรองได้นิดหน่อย ภายในสามชั่วโมง(มักจะมาจับบ่ายแก่ ผู้ต้องหาจะได้รีบวิ่งหาเงิน เพื่อไม่ต้องเข้ากรง) ก็จบเรื่อง
สรุปว่า ทำรายได้วันละห้าหกหมื่น

ดูตัวอย่างผู้เสียหายที่นี่ครับ
http://www.meechaithailand.com/ver1/?module=4&cateid=04&action=view&id=026635
และวิธีการป้องกันตัวเอง ที่นี่
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6479145/X6479145.html


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 23:18
ผมไม่ค่อยเข้าใจเป้าหมายของระบบลิขสิทธิ์สักเท่าไร
สมมติว่าในชั่วโมงวรรณคดีร่วมสมัย ผู้สอนคัดบทหนึ่งของนิยายมาถ่ายเอกสารแจกนักเรียน
บางทีก็ถ่ายมันทั้งเรื่องเลย ถ้าเป็นเรื่องสั้น เพื่อให้เด็กมาถกกันในชั่วโมง อย่างนี้ กฏหมายว่าละเมิดแต่ไม่ผิด

แต่ถ้าหนังสือพิมพ์รายวันเอาเรื่องย่อนิยายมาลง อย่างนี้ผิด ทั้งๆ ที่ต่างก็ส่งเสริมชื่อเสียงของนักเขียนเหมือนกัน
จะบอกว่าฝ่ายหนึ่งเป็นการค้า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นการศึกษา ผมก็เห็นว่า โรงเรียนก็เก็บเงินค่าสอน
เหมือนหนังสือพิมพ์เก็บเงินคนอ่าน

ยังมีอีกว่า บางครั้งนักเขียน ส่งบางตอนไปพิมพ์เผยแพร่ อย่างนี้ไม่ละเมิด แต่ฉบับอื่นเอาไปแพร่ต่อ กลายเป็นละเมิด
ผมเข้าใจดีว่า ถ้านักเขียนอนุมัติ ก็ไม่ถือว่าผิด
แต่ผมไม่เข้าใจว่า การกระทำอย่างเดียวกัน ทำไมเจ้าหนึ่งผิด อีกเจ้าหนึ่งไม่ผิด
เพียงเพราะการอนุมัติของเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นละหรือ

ผมค่อนข้างซื่อบื่อ เข้าใจเรื่องการละเมิดเพียงว่า ถ้าคุณกอ. เอางานของคุณขอ ไปทำซ้ำแล้วเก็บผลประโยชน์เข้าตัว อย่างนี้ผิดแน่ๆ
จะทำซ้ำโดยใช้ชื่อคุณขอ หรือแกล้งบอกว่าเป็นงานของคุณกอ ต่างก็ผิดทั้งนั้น
แต่ถ้า คุณกอ เอาไปเผยแพร่ด้วยเจตนาชื่นชมยินดี มันจะผิดไปได้อย่างไร แล้วยิ่งไม่ได้ทำซ้ำทั้งหมดอีกด้วย บางทีก็ย่อความ บางทีก็ตัดตอน
การกระทำล้วนแต่ส่งเสริมงานให้คุณขอทั้งนั้น เป็นผม ผมปลื้มตายเลย

ยังมีอีกประเด็น...ใหนๆ ก็ยกตัวอย่างนักเขียนแล้ว
ร้านให้เช่าหนังสือก็ควรจะละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ถูกใหมครับ ร้านเช่าดีวีดียังต้องเข้าระบบลิขสิทธิ์เลย
พวกที่ขายหนังสือมือสอง และดีวีดีมือสอง ก็ผิดกฏหมายด้วยดิ
แม้แต่ให้กันเป็นของขวัญก็ผิดกฏหมายด้วย เพราะเป็นการจ่ายแจก

....เอ มันยุ่งอยู่นา

ประเด็นคุณพิพัฒน์น่าสนใจ
ขอผมอ่านจนจบกระทู้แล้วจะกลับมาแลกเปลี่ยนในประเด็นนี้ครับ


กระทู้: งกไปหรือเปล่า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 12, 08:52
กระทู้นี้จบไปหลายปีแล้ว  ดิฉันไม่แน่ใจว่าเนื้อความในนี้ล้าสมัยไปหรือยัง 
อย่างไรก็ตาม  เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ยังมีให้ประชาชนที่สนใจได้ติดตามเป็นความรู้ได้เสมอ   ในงานหนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติที่จะจัดในเดือนนี้ก็มี  เลยถือโอกาสแจ้งให้ทราบเสียเลยค่ะ

กรมทรัพย์สินทางปัญญา
ขอเชิญ นักเขียน นักแปล บรรณาธิการ เจ้าของสำนักพิมพ์ และผู้สนใจร่วมงานเสวนา
พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับวิทยากรผู้มีประสบการณ์
ในงานเสวนา
เรื่องลิขสิทธิ์กับนวัตกรรมของวรรณกรรมไทย
โดยวิทยากร
นางชมัยภร แสงกระจ่าง
นักเขียน นักวิจารณ์ กรรมการตัดสินการประกวดวรรณกรรม
อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

            นายเอกระพีร์ สุขกุลพิพัฒน์   
นักเขียน คอลัมนิสต์ บรรณาธิการ   
ผู้อำนวยการสายงานกองบรรณาธิการพ็อกเกตบุ๊ก
บริษัทสยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน)

นายพีระพงศ์ โพสินธุ์
นักสร้างภาพประกอบและออกแบบปก ผู้จัดการฝ่ายศิลปกรรมหนังสือเล่ม
บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)

                นางสาวเขมะศิริ นิชชากร
หัวหน้าส่วนส่งเสริมงานลิขสิทธิ์ สำนักลิขสิทธิ์ 
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
ดำเนินรายการโดย
นายกตัญญู สว่างศรี  นักเขียนและพิธีกรอิสระ

วันจันทร์ที่  22  ตุลาคม  2555   เวลา 12.30 – 17.00 น.
ณ ห้อง meeting room 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ
 สำรองที่นั่งด่วน โทร. 0-2547-4633 หรือ 0-2547-4704 (เวลาราชการ) 
หรือส่งแบบตอบรับกลับมาทาง E-mail : saisuda_9906@hotmail.co.th หรือ kanjana_ae31@hotmail.com
ผู้ที่ตั้งคำถามในช่วง “ตอบคำถามเรื่องลิขสิทธิ์” จะได้รับหนังสือจากนักเขียนยอดนิยมกลับบ้าน
   ฟรีตลอดงาน  