ทีแรกผมยังเอ๋อๆ ว่าจะเขียนในนี้อย่างไรดีนะครับ แต่ตอนหลังนึกได้ว่าจะเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะ อะไรไม่เหมาะสมเดี๋ยวอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์ใหญ่กว่าเอาไม้เรียวมาตีก้นเอง แฮ่!
ผมขอเริ่มจากระเบิดนิวเคลียร์แล้วกันนะครับ ทุกคนคงรู้จักกันดีฉะนั้นขอข้ามรายละเอียดเพื่อให้เนื้อหากระชับ ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองหลายประเทศเริ่มพัฒนาอาวุธร้ายแรงชนิดนี้ และอเมริกาทำสำเร็จรายแรกในปี 1945 ก่อนนำไปทดสอบของจริงที่ฮิโรชิม่ากับนางาซากิ เป็นการบังคับตรงๆ ให้ทางญี่ปุ่นยอมจำนนแต่โดยดี ผลก็คือประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ระเบิดทั้ง 2 ลูกทำงานได้ดีตามคาดหมายไม่มีเสียฟอร์ม รวมทั้งเกิดผลร้ายแรงที่ผู้ผลิตเองคาดคิดไม่ถึงมาก่อน สิ่งนั้นก็คือภัยร้ายจากสารกัมมันตรังสีที่ใหญ่โตและบานปลายมาก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นมีคนรู้ข้อเท็จจริงแค่เพียงจำกัด แน่นอนที่สุดว่าคนอเมริกาในยุค American Dream ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง รู้แค่ว่าเราชนะสงครามโลกและมีระเบิดนิวเคลียร์เป็นไม้ตาย จนกระทั่งปี 1949 โซเวียตทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกสำเร็จ อาจไม่น่ากลัวอะไรมากมายแต่ถือว่าสำเร็จ เป็นประเทศที่มีการครอบครองระเบิดนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ เท่านั้นเองรัฐบาลอเมริกาก็อยู่เฉยไม่ไหว
ปรกติในทุกรัฐบาลทุกประเทศทุกระบอบการปกครอง จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งสายเหยี่ยวรักความรุนแรงเฉียดขาดและสายนกพิราบรักความสงบสุขรวมอยู่ด้วยกัน รัฐบาลอเมริกาเองก็เช่นกัน...มีข้อเสนอในการรับภัยแตกเป็นแม่น้ำสองสาย เจ้าหน้าที่ทั้งสายเหยี่ยวบอกว่าเราต้องเพิ่มงบประมาณกลาโหมเข้าไป 4 เท่าเพื่อตั้งรับและจัดการโซเวียตให้เด็ดขาด เรื่องนี้ได้รับการตอบรับจากประธาธิบดีและคณะรัฐมนตรีพอสมควร กระทั่งกลายเป็นสงครามเย็นที่มีการสะสมอาวุธร้ายใช้ประหัตประหารกัน
ส่วนเจ้าหน้าที่สายนกพิราบบอกให้หาวิธีป้องกันคนของเรา ต้องทำไอ้โน่นไอ้นั่นไอ้นี่เตรียมความพร้อมไว้ก่อน แต่คณะรัฐมนตรีไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนจากคนในกองทัพอีกที มองว่าโซเวียตผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ไม่มากและได้ไม่ดี การป้องกันคนในชาติจึงเป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย แค่ให้ความรู้เรื่องการป้องกันตนเองเมื่อโดนโจมตี อยู่นอกอาคารให้ก้มตัวลงมุดหัวแนบพื้น ถ้าอยู่ในห้องให้คลานไปอยู่ใต้เก้าอี้อะไรทำนองนี้ ซึ่งว่ากันตรงๆ อาจช่วยให้รอดตายจากผลการระเบิดได้ก็จริง (บาดเจ็บหนักแทน) แต่ต้องทุกข์ทรมานเพราะสารกัมตรังสีตกค้างซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่งกว่า
มีการสร้างที่หลบภัยขึ้นมากลางเมืองสำหรับยามฉุกเฉิน ภาพจากปี 1951 ครับ
เด็กๆ ในปี 1955 กับการซ้อมเมื่อโดนโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ หมายความว่าเด็กในยุคนี้ทุกคนไม่ได้มีชีวิตสวยงามดั่งนิยายแต่อย่างใด พวกเขาต้องเรียนรู้ความจริงว่าเผชิญภัยร้ายขนาดใหญ่เช่นกัน เพียงแต่ตอนนั้นภัยร้ายอยูู่ไกลคนละทวีป ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่จึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก
ปี 1951 หรือช่วงต้นของยุค American Dream และ Baby Boomer ในอเมริกามีการเผยแพร่ภาพยนตร์สั้นวิธีการป้องกันตนเองจากระเบิดนิวเคลียร์ ทุกคนรู้จักในชื่อ 'Duck and Cover' มาในสไตล์อเมริกันทีแท้จริงคือมีความน่ารักสดใส โลกสวย เพลงเพราะ และมาในรูปแบบการ์ตูนเพื่อดึงดูดความสนใจเยาวชน นี่คือการเตือนภัยอย่างเป็นทางการว่า โลกที่แสนสุขสันต์ของอเมริกาไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้วนะ เพียงแต่มันยังเลือนรางมองอะไรไม่ชัดเจน
ชมคลิปวีดีโอก่อนเลยครับ ไม่ทราบว่าจะโพสสำเร็จไหม ผมยังงงๆ ว่าต้องครอบด้วยอะไรคลิปถึงจะขึ้น ถ้าทำไม่ถูกวานสอนเด็กน้อยคนนี้ทีครับ