เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: พระยาสุเรนทร์ ที่ 10 พ.ย. 08, 00:59



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: พระยาสุเรนทร์ ที่ 10 พ.ย. 08, 00:59
อยากได้รูปพระนางศุภยาลัต (Queen Supayalat) ราชินีองค์สุดท้ายของพม่า แบบชัดๆ เพราะลองหาในเวบแล้วมีแต่รูปเล็กๆ หรือไม่ก็ไม่ชัด

จึงอยากรบกวนทุกท่านที่มีรูป หรือพอจะแนะนำแหล่งของรูปได้

จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: Plearn ที่ 15 ต.ค. 09, 17:36
ไม่รู้ว่าได้คำตอบหรือยังนะค่ะ...
ในหนังสือ "พม่าเสียเมือง" ของ อ.หม่อม คุ้น ๆ ว่าจะมีรูปของพระนางนะค่ะ
ลองไปดูอีกทีแล้วกัน


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ต.ค. 09, 23:38
ขอชวนให้แวะไปพันทิป  ห้องสมุดนะคะ

คุณ Navarat.C  เขียนเรื่อง พม่าไว้สี่ตอนแล้วค่ะ
มีรายการวิทยุต่างจังหวัดนำไปอ่านเฉยเลย
มีเรื่องและรูปเยอะเลยค่ะ
ข้อมูลทันสมัยมาก

แฟนานุแฟนนั่งเฝ้า

นาน ๆ คุณ Navarat.C  ก็แวะมาอ่านกระทู้แถวนี้บ้างเหมือนกัน




กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 16 ต.ค. 09, 20:33
เอ้คุณNavarat.Cนี่คุณ นิติภูมิ เนาวรัตน์ วะละมั้ง เห็นเขียนเรื่องพม่าลงไทยรัฐอยู่พอดี


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ต.ค. 09, 20:51
ไม่ใช่ค่ะ     

รายนี้เขียนเรื่องหลายเรื่องลือลั่น   ใช้ภาษาง่ายๆ

ท่านค้นข้อมูลละเอียดมาก  เรื่องพระเมรุมาศ    เรื่องช้าง     เรื่องเรือสุพรรณหงส์

ลองค้นชื่อในห้องสมุดพันทิปนะคะ      อ่านแล้วอ้าปากค้างเลย 


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ต.ค. 09, 21:10
คุณ  Navarat.C  เป็นผู้มั่นคงในข้อมูล   แวะมาคุยกัน  ดูเป็นระดับคุณหลวงนุ่งกางเกงแพรถือไม้เท้าหัวนาก
ใส่หมวกหางนกยูงประมาณนั้น

ใครมาเพิ่มเติม  ก็ยินดี        ใครมาเถียงท่านก็ชอบมาก   แว่บไปหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วมาเขียนใหม่


ข้อมูลทันสมัยจริง ๆค่ะ

ดิฉันเป็นนักอ่านหาอะไรสนุก ๆ อ่าน    ใครเขียนดี เราก็บอกกันต่อไป

เรื่องเรือ สุพรรณหงส์ มีคนมาเล่าเพิ่มเติมมาก     อ่านแล้วน้ำตาร้อนๆก็ไหลลงมาโดยไม่ตั้งใจ

ความจริงใจของคนที่เข้ามาคุยด้วย  หลอกกันยากค่ะ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 09, 20:04
เข้ามาอ่านครับ

คุณวันดีก็ชมผมจนเกินไป
แต่วันหลัง คงได้มาแจมที่นี่บ้างครับ

ขอบพระคุณ

อำนวยความสะดวกให้ย้อนเวลาไปหาพระนางศุภยาลัตได้เลย

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8387677/K8387677.html


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ต.ค. 09, 20:55
อ๊ะ!   อาจมองไม้เท้าหัวเงินเป็นหัวนากไปค่ะ


อ่านเรื่อง ตำราปืนใหญ่  ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เรียนถามคุณ NAVARAT.C   เรื่องปืนใหญ่โบราณ

เรื่องปืนฉัตรชัย(หน้า 37)  ปืนนี้มีเรือนดินสองชั้น    หมายความว่าอย่างไรคะ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 09, 22:07
ถามยากสุดๆ

จะให้เดานะครับ ก็เป็นทำนองนี้แหละ ไม่ใช่กระบอกแฝดนะครับ แต่ซ้อนกันสองชั้น


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ต.ค. 09, 22:21
พอได้เค้าแล้วค่ะ  ขอบคุณค่ะ

หาข้อมูลไว้ใช้ในเรื่อง ปืนใหญ่ ปะขาวกวาดวัด ที่ใช้โซ่บรรจุ  และ ปืนฉัตรชัยค่ะ(ขุนช้างขุนแผน)
พวกอั้งยี่ในเมืองไทยสมัยก่อนใช้ไม้แดงขุดสองท่อนประกบกัน  รัดด้วยปลอกเหล็ก
ไว้คุยกันเมื่อมีกระทู้เกี่ยวพัน   ขอบคุณค่ะ



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: sugar ที่ 13 ธ.ค. 09, 20:35
ดิฉันได้อ่านเรื่อง "ราชบัลลังก์พม่า" ของ ศ.พิเศษ เสถียร  พันธรังษี เล่มพิมพ์ปี พ.ศ. 2508 และ "พม่าเสียเมือง" ของคุณชายคึกฤทธิ์ รู้สึกเหมือนกันจัง... อดสงสัยไม่ได้ค่ะ การอ่านไม่แตกฉานอีกประการด้วยค่ะ ความคิดเลยคลุมเครือ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 16 ธ.ค. 09, 15:58
พระนางประทับกลาง


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 12, 15:18
อำนวยความสะดวกให้ย้อนเวลาไปหาพระนางศุภยาลัตได้เลย

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8387677/K8387677.html

ลิ้งก์ปัจจุบัน

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8387677/K8387677.html

บทความ # ๗๔ - # ๗๗ น่าสนใจทีเดียว

 ;D



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 15:36
^
ขอบคุณครับคุณเพ็ญ

นั่นน่ะเป็นเรื่องแรกๆที่ผมเขียนลงเน็ทเลยทีเดียว


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 12, 15:46
นึกถึงกระทู้ของคุณนวรัตนเพราะเห็นข่าวการเยือนอินเดียของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่ ผู้จัดการ (http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000155418)

ภาพนี้น่าสนใจ

"ผู้ยิ่งใหญ่สองยุค"

ประธานาธิบดีเต็งเส่งถ่ายภาพคู่พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าสีป่อ เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ระหว่างไปเยือนพระตำหนักเก่าของอดีตกษัตริย์ที่เมืองรัตนคีรี  รัฐมหาราษฎร์ ห่างจากเมืองมุมไบไปทางทิศตะวันตกราว ๓๓๐ กิโลเมตร

 ;D



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 12, 15:50
ประธานาธิบดีและผู้ติดตามร่วมกันถ่ายภาพหน้าพระตำหนักที่รัตนคีรี ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 12, 17:42
คำถามเดียวกับกับชื่อกระทู้นี้ และคำตอบที่พันทิป

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7191064/K7191064.html

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 18:22
เอารูปที่ยังไม่เคยเห็นในเวปไทยมาให้ชมกันต่อ

รูปพระนางศุภยาลัตกับพระเจ้าสีป่อ  ทรงฉายกับพระเก้าอี้ที่ทำในอังกฤษ และพระแสงดาบซึ่งคือดาบของทหารม้าอังกฤษ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 18:25
พระนางศุภยาจิ พระขนิษฐา และพระราชมารดา พระนางอเลนันดอ พระมเหสีของพระเจ้ามินดงกษัตริย์องค์ก่อน พระราชมารดานี่แหละที่เป็นผู้วางแผนชิงอำนาจราชบัลลังก์พม่า ที่ทำให้ต้องมีการปลงพระชนม์เจ้านายซึ่งเป็นเจ้าพี่เจ้าน้องร่วมพระบิดาของพระเจ้าสีป่อ ทั้งลูกเมียรวมร้อยกว่าศพ แต่คนปวงเห็นว่าเป็นบาปของพระนางศุภยาลัต


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 12, 20:16
ภาพสีดูสดใส

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 20:29
พระเจ้าสีป่อกับพระมเหษีทั้งสองศรีพี่น้อง


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 21:02
หลังเสียพระราชวังมัณฑเลย์ อังกฤษก็บังคับกษัตริย์และพระราชินีพม่าให้นิราศพ้นพระราชอาณาจักร ไปยังเมืองรัตนคีรีของอินเดีย ในคืนที่จำต้องเสด็จออกจากวังนั้น หลักฐานฝ่ายพม่าบันทึกว่าอังกฤษจัดให้ประทับในเกวียนเทียมโคไปยังท่าเรือ ถือเป็นการหยามเกียรติแบบตัดไม้ข่มนาม แต่ภาพนี้ดูเหมือนจะเป็นราชรถเทียมม้า


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 21:09
ขณะจะทรงก้าวขึ้นเรือกลไฟของอังกฤษไปสู่อนาคตอันมืดมน


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 21:11
เมื่อเรือพระที่นั่งผ่านเมืองแปร ทหารอังกฤษที่ทราบข่าวก็มารอเฝ้าดูยังริมตลิ่ง ชาวพม่าเองในภาพก็ดูจะไม่อินังขังขอบกับกษัตริย์พระองค์นี้นัก


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 12, 21:49
ขอชวนให้แวะไปพันทิป  ห้องสมุดนะคะ

คุณ Navarat.C  เขียนเรื่อง พม่าไว้สี่ตอนแล้วค่ะ
มีรายการวิทยุต่างจังหวัดนำไปอ่านเฉยเลย
มีเรื่องและรูปเยอะเลยค่ะ
ข้อมูลทันสมัยมาก

แฟนานุแฟนนั่งเฝ้า

รวมผลงานชุด พม่าเสียเมือง ของคุณนวรัตน ทั้งหมด ๕ ตอน

ตอนที่ ๑ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8387677/K8387677.html

ตอนที่ ๒ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8404784/K8404784.html

ตอนที่ ๓ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8411452/K8411452.html

ตอนที่ ๔ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8420681/K8420681.html

ตอนที่ ๕ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8435679/K8435679.html

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ธ.ค. 12, 22:08
^
โอ้โห ผมเองยังหาไม่เจอ

ย้อนกลับไปอ่านที่ตนเขียนไว้ก็เพลินดีเหมือนกันครับ พันทิปสมัยก่อนคนเข้ามาร่วมแจมสนุกมาก แต่หลังๆผมทนพวกหลงห้องมาจากราชดำเนินไม่ไหวเลยผันตัวเองมาเขียนที่นี่ เพราะเจ้าเรือนท่านเข้มแข็ง ผมเหงาหน่อยแต่อยู่ได้ 

ผมมีรูปช่วงอังกฤษเข้าไปยำพม่าได้มาใหม่อีกหลายสิบ แต่ซ้ำๆกับที่ลงไปแล้วก็เยอะ จะทยอยคัดเอาลงที่เรือนไทยนี่ก็แล้วกัน ใครที่ชอบเรื่องพรรค์นี้ก็คอยติดตามนะครับ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 ธ.ค. 12, 08:19
พระราชบันลังก์ท้องพระโรงในพระราชวังมัณฑเลย์ ตั้งหุ่นพระนางศุภยาลัตกับพระเจ้าสีป่อไว้ให้ชม


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 09:35
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านกระทู้ พม่าเสียเมืองของคุณ NAVARAT.C เต็มๆ คราวนี้เอง  
ขอบคุณที่ค้นคว้ามาให้อ่านค่ะ ได้ทั้งสาระและสนุกสนาน
รอภาพ ที่จะทยอยนำลงค่ะ   และหวังว่าจะมีกระทู้ประวัติศาสตร์ดีๆอย่างนี้ให้อ่านกันอีกนะคะ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 09:37
จากพม่าพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตเดินทางไปรัตนคีรีอย่างไร

อดีตกษัตริย์และราชินี รวมทั้งบริวาร มีความเป็นอยู่อย่างไรที่นั่น

เรื่องน่าเศร้าของพระธิดา-เจ้าหญิงพญาและพระนัดดา-ตูตู

เปิด ลิ้งก์นี้ (http://www.vimlapatil.com/vimlablog/burmas-emperor-thibaws-miserable-death-in-exile-in-india-a-blot-on-asias-history/) เข้าไปอ่านได้โดยพลัน

 :(


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 10:17
มาเพิ่มเรตติ้งให้กระทู้

ในบั้นปลาย พระนางศุภยาลัตผนวชเป็นชี    ดูหน้าตาก็ไม่ค่อยจะอิ่มเอิบเท่าไหร่   แต่ในเมื่อท่านตัดสินใจสละทางโลก  ก็ถือว่ายังดี


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 19:12
หลังเสียพระราชวังมัณฑเลย์ อังกฤษก็บังคับกษัตริย์และพระราชินีพม่าให้นิราศพ้นพระราชอาณาจักร ไปยังเมืองรัตนคีรีของอินเดีย ในคืนที่จำต้องเสด็จออกจากวังนั้น หลักฐานฝ่ายพม่าบันทึกว่าอังกฤษจัดให้ประทับในเกวียนเทียมโคไปยังท่าเรือ ถือเป็นการหยามเกียรติแบบตัดไม้ข่มนาม

ภาพวาดฝีมือนาย Saya Chone หรือ ฉายา สอน ตามที่คุณนวรัตนเรียก

 ;D 


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 20:11
เคราะห์กรรมของพระเจ้าสีป่อในชาตินี้จบลงในพ.ศ. 2459 ตรงกับในรัชกาลที่ 6   พระองค์สิ้นพระชนม์ไปอย่างไม่มีใครสนใจไยดี เมื่อพระชนม์ได้ 58 พรรษา   ส่วนพระนางศุภยาลัตไปสู่ปรโลกในพ.ศ. 2468  ตรงกับปีสุดท้ายในรัชกาลที่ 6     ทิ้งไว้แต่พระธิดาสี่องค์ให้เผชิญเวรกรรมกันต่อไป    พระราชโอรสและธิดาอีก 4 องค์ล้วนสิ้นพระชนม์กันไปตั้งแต่ยังเยาว์
เจ้าฟ้าหญิงพม่าตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง      นอกจากจะต้องทนอยู่ในสภาพเชลยเนรเทศแล้ว   อินเดียก็มิได้อินังขังขอบเจ้านายพลัดถิ่น     ความเป็นสตรีทำให้เจ้าหญิงประกอบอาชีพอะไรก็ไม่ได้   ที่สำคัญคือหาสามีไม่ได้   ไม่มีใครวิวาห์ด้วยเพราะถือว่าเป็นคนต่างชาติต่างภาษา
เจ้าหญิงองค์ใหญ่ มีพระนามภาษาพม่า สะกดเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Myat Phaya (Mibura) Gyi    ( ใครทราบว่าพม่าออกเสียงว่าอะไรกรุณาบอกด้วยนะคะ)   ในที่นี้ขอเรียกว่าเจ้าหญิงองค์ใหญ่     หลังจากอยู่เป็นสาวใหญ่มาจนอายุได้ 24 พระบิดายังมีชีวิตอยู่ เธอก็ได้สามีเป็นสารถีขับรถและยามเฝ้าประตูของตำหนักในรัตนคีรีนั่นเอง  นายคนนี้เป็นชาวอินเดียชื่อนายโคปาล  สาวันต์   จนมีลูกสาวเชื้อชาติครึ่งอินเดีย-พม่ามาคนหนึ่ง   ทั้งสองมิได้แต่งงานกันจนแล้วจนรอด  ลูกสาวที่เกิดจึงกลายเป็นลูกนอกสมรส  


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 20:25
สามปีต่อมาพระนางศุภยาลัตกลับพม่าพร้อมเจ้าหญิงทั้งสอง       เจ้าหญิงองค์ใหญ่หอบหิ้วลูกสาวชื่อตูตูกลับมาด้วย   ก็ประสบความรังเกียจเดียดฉันท์จากชาวพม่าที่มีต่อลูกสาวเชื้อชาติครึ่งพม่าครึ่งอินเดีย จนเธอทนไม่ไหว     เจ้าหญิงเขียนจดหมายนับไม่ถ้วนถึงทางการอังกฤษ เพื่อขอกลับไปสู่รัตนคีรี และกลับไปหานายโคปาลผู้สามีซึ่งไม่ได้ติดตามมาพม่าด้วย     นั่นหมายถึงว่าเธอต้องสละฐานันดรศักดิ์เจ้าหญิง  ไม่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยเลี้ยงหรือเงินทองอะไรเลยจากทางการ

ในที่สุด  เจ้าหญิงองค์ใหญ่ก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปรัตนคีรีได้ตามต้องการ    นายโคปาลซึ่งยังอยู่ที่นั่นให้เธอไปอาศัยอยู่ในกระต๊อบแห่งหนึ่ง    มีบันทึกว่าเธอได้ให้กำเนิดบุตรคนที่สองกับนายโคปาล แต่ตายเสียก่อนคลอด เมื่อพ.ศ. 2490     เจ้าหญิงอยู่ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง  ลำบากยากไร้แสนสาหัส    จนกระทั่งเสียสติ กลายเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย   ว่ากันว่าเธอถึงกับขว้างก้อนหินใส่ใครก็ตามที่ไปเยือนหรือแม้แต่เดินผ่านหน้ากระต๊อบ    
เจ้าหญิงสิ้นชีพไปอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว  ไม่มีแม้แต่ค่าทำศพ  ชาวบ้านต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินทำศพให้เธอ   จนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่าเถ้ากระดูกและอัฐิของเธอเก็บไว้ที่ไหน ในอินเดียหรือว่าพม่า


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ธ.ค. 12, 20:30
เรื่องน่าเศร้าของพระธิดา-เจ้าหญิงพญา

เจ้าหญิงพญาผู้น่าสงสาร

 :(


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ธ.ค. 12, 07:34
อ้างถึง
ผมมีรูปช่วงอังกฤษเข้าไปยำพม่าได้มาใหม่อีกหลายสิบ แต่ซ้ำๆกับที่ลงไปแล้วก็เยอะ จะทยอยคัดเอาลงที่เรือนไทยนี่ก็แล้วกัน ใครที่ชอบเรื่องพรรค์นี้ก็คอยติดตามนะครับ

มาแจ้งสำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ ผมได้นำมาเสนอเป็นกระทู้ใหม่ เรื่อง “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”


ตามนี้เลยครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5490.msg117233;topicseen#msg117233


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 07:23
รออ่านชีวิตที่น่าเศร้าของพระนัดดา ตู ตู   ;)

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าสีป่อ จากคำให้สัมภาษณ์ของ อูตานส่วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของพม่า  ที่เดินทางไปเยือนอินเดียพร้อมประธานาธิบดีเต็งเส่ง

จากหนังสือพิมพ์ The New Light of Myanmar ฉบับวันเสาร์ที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 08:04
ประธานาธิบดีเต็งเส่งมอบเงินและของขวัญแก่เชื้อพระวงศ์พระเจ้าสีป่อในอินเดีย

 :)



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 09:02
รออ่านชีวิตที่น่าเศร้าของพระนัดดา ตู ตู   ;)
พูดยังงี้แปลว่ารู้เรื่องชีวิตของตูตูแล้ว   ;D
ภาพในค.ห. 36 น่าจะเป็นลูกสาวของตูตู ชื่อ Jayu (Jayashree) Kule ซึ่งอาศัยอยู่ในอินเดีย   ดำเนินชีวิตอย่างคนอินเดียเต็มตัว

บั้นปลายชีวิตพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตที่วังในรัตนคีรี มีสีสันดราม่าไม่น้อยไปกว่าชีวิตเบื้องต้น    แม้ไม่โหดร้ายเท่าแต่ก็ระทมขมขื่นด้วยความเครียดจัด   จนไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ไปเมื่ออายุแค่ 58 เท่านั้นเอง  ทั้งๆน่าจะอยู่มาได้จนวัยชรา 
อินทรเนตรมองทะลุเข้าไปเห็นภายในตำหนัก ว่าพระเจ้าสีป่ออยู่ที่นั่นในแต่ละวันด้วยความโดดเดี่ยวหงอยเหงาและเบื่อหน่ายอย่างที่สุด   จริงอยู่ พระองค์ก็ไม่ได้ลำบากตรากตรำ    ไม่ต้องตักน้ำฝ่าฟืนหรือไถนาปลูกข้าวกินเองแต่อย่างใด  ยังดำรงพระยศอย่างกษัตริย์มีข้าราชบริพารรับใช้  คล้ายๆกับเมื่ออยู่ในพม่า    ถ้าหากว่าเป็นคนแก่อื่นๆ อยู่ได้ขนาดนี้ก็อาจจะถือว่าตัวเองโชคดีมากๆ    แต่พระเจ้าสีป่อทรงเครียดจัดกับชีวิตแบบนี้   เห็นได้จากจดหมายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทรงระดมส่งถึงไวซรอยหรือผู้สำเร็จราชการแห่งอินเดียซึ่งเป็นชาวอังกฤษ   และเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการเนรเทศพระองค์มาที่นี่

ในจดหมายเหล่านั้นทรงเรียกร้องให้ผู้สำเร็จราชการเชิญเสด็จพระองค์กลับบ้านเกิดเมืองนอนตามเดิม     เรียกร้องแล้วเรียกร้องอีก  แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ     อันที่จริงพวกเราก็คงจะรู้ว่าไม่มีทาง  เรื่องอะไรอังกฤษจะเอากษัตริย์พม่ากลับไปเป็นชนวนก่อความยุ่งยากทางการเมืองขึ้นในพม่า ให้ต้องเหนื่อยปราบปรามกันอีก         ยิ่งเป็นกษัตริย์ที่เรียกร้องโน่นนี่ไม่รู้จบแบบนี้ ยิ่งไม่น่าเสี่ยง
ปัญหาที่สองของพระเจ้าสีป่อคือค่าใช้จ่าย      พระองค์ไม่ใช่ชาวบ้านกระจอกๆที่ขอแค่มีหลังคาคุ้มหัวกับข้าววันละสามมื้อก็พอ   แต่ทรงอยู่อย่างกษัตริย์ มีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย    เบี้ยเลี้ยงที่รัฐบาลอังกฤษในพม่าจ่ายให้ก็น้อยนิดเมื่อเทียบกับพระเกียรติยศ  จึงต้องทรงนำพระราชทรัพย์อันได้แก่เครื่องเพชรนิลจินดาที่พระนางศุภยาลัตนำติดตัวมา ออกขายในราคาถูกกดมหาโหดจากพ่อค้าอินเดีย


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 09:34
คำพังเพยที่ว่าเคราะห์ร้ายไม่ได้มาหนเดียว เป็นความจริงในชีวิตพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต      ราวกับว่าเรื่องถูกเนรเทศเป็นเจ้าไม่มีศาลยังไม่โหดร้ายพอ    โชคชะตาฟ้าลิขิตให้เจ้าหญิงพระธิดาก่อเรื่องให้พระบิดามารดาเกิดอาการเครียดกำลังสองกำลังสามเข้าไปอีก
เราคงรู้จากค.ห.บนๆนี้ว่า พระธิดาองค์ใหญ่ทำงามหน้ามีลูกสาวนอกสมรสออกมากับแขกยามชาวอินเดีย    ตอนแรกพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตก็กริ้วโกรธ   หากว่ายังทรงมีอำนาจเต็มเหมือนเมื่อครั้งนั่งบัลลังก์ เห็นทีลูกเขยจะต้องลงไปนอนอยู่ในหลุมใต้ดินเหมือนพระญาติพระวงศ์     
แต่บัดนี้สิ้นยศสิ้นอำนาจวาสนา  จะทำอะไรก็ไม่ได้    ขืนเฉดหัวลูกสาวไปเธอก็ตกระกำลำบาก  พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตก็เลยกลืนเลือด ยอมคืนดีกับลูกสาว  รับหลานสาวตัวน้อยๆมาเลี้ยงไว้ในตำหนักรัตนคีรี  ข้อบาดหมางก็ระงับไป   แต่เจ้าหญิงพญาก็ไม่ได้เสกสมรสกับนายโคปาลอยู่ดี    ตูตูจึงเป็นลูกนอกสมรสไป

เวลาผ่านไป 10 ปีหลังเรื่องอัปยศเรื่องแรกสงบลง     มาถึงค.ศ. 1916  พระธิดาองค์รองก็ก่อเรื่องขึ้นมาอีกองค์หนึ่ง


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 09:52
เจ้าฟ้าหญิงองค์ที่สองมีชื่อพม่าสะกดแบบอังกฤษว่า Myat Paya Lat    ได้ชื่อว่าเป็นลูกหัวดื้อไม่ค่อยจะอยู่ในโอวาทพ่อแม่  เธอเกิดสร้างตำนานรักขึ้นมาอีก  ไม่ใช่อินเดียอย่างพี่เขยแต่หนุ่มพม่าชื่อ Khin Maung Gyi.   (ขิ่น เมือง คยี  ??)

หนุ่มคนนี้ถึงเป็นชนชาติเดียวกัน    แต่พระเจ้าสีป่อต่อต้านเต็มที่  เพราะเขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นเลขานุการส่วนพระองค์ในตำหนักนั่นเอง   คำนี้ที่ฝรั่งเรียกฟังแล้วค่อนข้างจะโก้   จนหากว่าแปลตรงตัวแล้วเราอาจไม่เข้าใจว่าจะทรงขัดขวางไปทำไม     แต่หน้าที่เลขาฯส่วนตัวนี้ไม่ได้โก้และมีเกียรติอย่างท.ส.ของนายพลทหาร หรือนายเวรของนายพลตำรวจ    เป็นคนละเรื่องกันทีเดียว   แปลตรงๆก็คือบ่าวรับใช้ประจำตัวนั่นเอง     
พระเจ้าสีป่อทรงมองว่า นายขิ่นเมืองคยีนี้ก็คือ "ขี้ข้า" (ฝรั่งใช้คำว่า slave)ของพระองค์   จะอาจเอื้อมมาเป็นราชบุตรเขยมันก็เกินไป     จึงไม่ทรงยินยอม    ดังนั้นหนทางของเจ้าหญิงก็มีทางเดียวคือทรงหอบผ้าหนีออกจากวังไปพร้อมกับคนรัก   เพื่อไปใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่ต้องมีชนชั้นวรรณะกีดขวาง

เมื่อพระเจ้าสีป่อทรงทราบว่าพระธิดาหนีไปไม่มีวันกลับ  พระองค์ก็ทั้งกริ้วทั้งโทมนัสอย่างหนัก   พระชนม์ก็มากแล้ว หลังจากระทมทุกข์กับโชคชะตามาหลายปี    ก็เลยสิ้นพระชนม์ด้วยอาการพระหทัยวาย    พระศพถูกฝังไว้ในบริเวณพระตำหนักรัตนคีรีนั่นเอง   อังกฤษไม่ยอมให้มีพิธีศาสนาตามประเพณีพม่า     ข้อนี้ทำให้พระนางศุภยาลัตทรงบ่นด้วยความแค้นเคืองอังกฤษอย่างยิ่ง


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 10:53
ย้อนกลับมาถึงตูตู ที่คุณเพ็ญชมพูถามถึง
ทั้งๆตูตูเป็นหลานตาแท้ๆของกษัตริย์พม่าเกิดจากเจ้าหญิงพระธิดาองค์ใหญ่    แต่เธอมิได้มีฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าหญิง   เพราะพ่อเธอเป็นสามัญชนชาวอินเดีย    แถมตัวเธอก็เกิดมาโดยพ่อแม่มิได้สมรสกัน    ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษในอินเดียจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รับรู้ตัวตนของตูตู     เมื่อโตเป็นสาว เธอพยายามร้องขอเบี้ยหวัดเงินปีของพระราชวงศ์จากทางการ ในฐานะเธอเป็นเชื้อพระวงศ์   แต่ข้าราชการอังกฤษในอินเดียก็มีหมัดเด็ดคือให้ตูตูไปหาหลักฐานมาแสดง    แล้วตูตูจะไปหามาจากไหน พ่อแม่ไม่มีทะเบียนสมรส  แม่ก็ตายไปแล้ว    เธอก็เลยถูกมองเหมือนเป็นพวกแอบอ้างคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ตูตูใช้ชีวิตในอินเดีย  เธอได้สามีเป็นช่างฟิตชื่อศังการ์ ปาวาร์   มีลูกกันหลายคน     ครอบครัวอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดหรือเรียกง่ายๆว่าสลัมในเมืองมุมไบ   มีลูกมีเต้าก็แยกย้ายกันไปเมื่อออกเรือน  ทุกคนล้วนใช้ชีวิตอย่างลำบากยากจน  และเป็นชาวอินเดีย ไม่มีวัฒนธรรมพม่า เว้นแต่หน้าตาที่ยังมีเค้าพม่าอยู่บ้าง

ในค.ศ. 1978  ตูตูทำเรื่องขอเบี้ยหวัดจากทางการอีกครั้ง  คราวนี้รัฐบาลพม่าอนุญาตจ่ายให้ แต่เป็นเงินจำนวนน้อยนิด   เธอมีอายุยืนยาวมาจน 93 ปี ถึงแก่กรรมในค.ศ. 1999   เธอเคยทำหนังสือขอไปยังรัฐบาลอินเดีย เพื่อขอไปพำนักยังตำหนักรัตนคีรีบ้านเดิมที่เธอกำเนิดมา  แม้ค้างได้แค่คืนเดียวเธอก็พอใจแล้ว
แต่รัฐบาลอินเดียก็ไม่ได้อนุญาตตามคำขอจนแล้วจนรอด
หลังจากทำเรื่องไปไม่กี่เดือน ตูตูก็ถึงแก่กรรมในโรงรถซึ่งดัดแปลงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเธอกับลูกชายนั่นเอง

ภาพข้างล่างนี้คือตูตู(ซ้าย) กับลูกสาว(ขวา) ซึ่งว่ากันว่าหน้าตาเหมือนพระเจ้าสีป่อ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 14:52
ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงองค์ที่สองกับสามีพยายามหลบเร้นไปอยู่พ้นสายตาชาวบ้านชาวเมืองมากเท่าใดก็ตาม  ในยุคที่อินทรเนตรมองเห็นได้ทุกจุดในโลก    บรรดานักประวัติศาสตร์ฝรั่งก็ตามแกะรอยจนพบ
เจ้าหญิงองค์นี้ใจเด็ด เมื่อตัดจากฐานันดรศักดิ์ก็ตัดแล้วตัดเลย   ไม่ติดต่อแม้แต่กับพี่น้อง   เท่าที่รู้คือทั้งสองพากันไปตั้งถิ่นฐานอยู่
ที่เมืองกาลิมปง ใกล้ๆเมืองดาร์จีลิ่งในอินเดีย   ว่ากันว่าอยู่เชิงเขาหิมาลัย  อากาศดี ภูมิประเทศน่าอยู่
ชื่อกาลิมปงไม่คุ้นหู แต่ดาร์จิลิ่งคุ้นหูเพราะเป็นเมืองที่พ่อแม่คนไทยที่มีสตางค์ในยุคก่อนนิยมส่งลูกชายไปเรียนมัธยมที่นั่นก่อนไปต่อที่อังกฤษ   โดยเฉพาะพ่อแม่เชื้อสายอินเดียในไทย   ที่นั่นเขาว่ามีร.ร.ประจำมัธยมชายซึ่งมีระบบหลักสูตรแบบร.ร.ลูกผู้ดีอังกฤษ  ซึ่งอังกฤษวางรากฐานไว้ให้
แต่เดี๋ยวนี้คงไม่มีใครไปเรียนที่นั่นเพื่อไปต่อที่อังกฤษแล้ว    เพราะบินแค่สิบสองชั่วโมงก็ถึงอังกฤษได้โดยตรง  เข้าเรียนไม่ยากเย็นเหมือนเมื่อก่อน

เจ้าหญิงกับสามีซื้อที่นาผืนหนึ่ง เลี้ยงวัวเป็นอาชีพ  ปักหลักอยู่ที่นั่น  อยู่กันมาจนตายจากกันไป  โดยไม่มีบุตรด้วยกัน   แต่ว่าเจ้าหญิงรับอุปการะเด็กชายเอาไว้คนหนึ่งเป็นลูกของหญิงรับใช้ชาวเนปาลของเธอ   ในเมื่อเด็กคนนี้ไม่ใช่เชื้อสายพระราชวงศ์และยังไม่ใช่ชาวพม่า  นักประวัติศาสตร์ที่ตามแกะรอยก็เลยไม่อยากจะรู้ต่อ  
เป็นอันจบเชื้อสายพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตสายเจ้าหญิงองค์กลางไปเพียงแค่นี้


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 15:14
เห็นวิกข้างๆถอดชื่อพม่าออกมาเป็นไทยฟังเข้าท่าดี  อย่างน้อยก็สนิทหูคนไทยมากกว่า เลยลองถอดออกมาเป็นสำเนียงไทยดูบ้าง

Princess Myat Phaya  Gyi (Mibura)           เจ้าหญิงมาดพญาขจี  (มีบุญรา)
Princess Myat Paya Lat                           เจ้าหญิงมาดพญาลัต
Khin Maung Gyi.                                    เคยถอดชื่อออกมาว่า ขิ่นเมืองคยี    ถ้าเป็นขิ่นเมืองขจี น่าจะสนิทหูกว่า
Princess Myat Phaya                               เจ้าหญิงมาดพญา
Kodaw Gyi Naing  ชื่อผู้ชาย                       ขอดาว ขจี นายอิง
U Mya U    ชื่อผู้ชาย                                 อูเมียอู


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 12, 15:23
^


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 12, 15:24
จะลงจากเรือนไทยไปฉลองปีใหม่ในที่ที่อาจไม่มี 3G ให้เข้าเน็ตได้  จึงขออวยพรปีใหม่ ส่งความปรารถนาดีมาให้ท่านผู้อ่านเรือนไทยเสียแต่ตอนนี้นะคะ
ขอให้ทุกท่านประสบความสุข ทั้งกายและใจ ถึงพร้อมด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ  ปรารถนาสิ่งใดขอให้สมปรารถนาในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้
เจอกันปีหน้าค่ะ
ขออัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ มาให้ท่านผู้อ่านเรือนไทยได้ฟังเป็นสิริมงคลโดยทั่วกัน

http://www.youtube.com/watch?v=ltHGdgLaUGI


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 12, 10:26
เธอเคยทำหนังสือขอไปยังรัฐบาลอินเดีย เพื่อขอไปพำนักยังตำหนักรัตนคีรีบ้านเดิมที่เธอกำเนิดมา  แม้ค้างได้แค่คืนเดียวเธอก็พอใจแล้ว
แต่รัฐบาลอินเดียก็ไม่ได้อนุญาตตามคำขอจนแล้วจนรอด

พระตำหนักรัตนคีรี บ้านเกิดของ ตู ตู

(http://farm6.staticflickr.com/5224/5880147218_7f55d332d2.jpg)

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 12, 11:04
ขออนุญาตถือโอกาสนี้ ส่งความสุข พ.ศ. ๒๕๕๖ แด่ชาวเรือนไทยทุกท่าน

สุข    สดชื่นจิตน้อม         ความดี
ศรี     ศักดิ์เกิดเลิศทวี       ยิ่งล้น
ปี      เก่าล่วงเริ่มปี           ฟ้าใหม่
ใหม่   จิตใหม่ใจพ้น          หมดสิ้นทุกข์เทอญ

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ม.ค. 13, 21:39
^
ขอบคุณ ในนามชาวเรือนไทยค่ะ

มาต่อเรื่องชะตากรรมของเจ้านายพม่ากันให้จบนะคะ

เจ้าหญิงองค์ที่สาม ซึ่งเป็นคนสุดท้อง มีชะตากรรมเรียกได้ว่าดีกว่าพี่ๆ นิดหน่อย   
องค์นี้ฝรั่งเรียกว่า Princess Myat  Phaya   ขอเรียกแบบไทยๆว่าเจ้าหญิงมาดพญา   องค์นี้ไม่ได้ประสูติในพม่า แต่ไปประสูติในอินเดียเมื่อพระบิดาพระมารดาถูกเนรเทศออกพ้นบ้านเกิดไปแล้ว      เมื่อพระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์  พระนางศุภยาลัตได้โอกาสเดินทางกลับพม่าพร้อมๆพระธิดา    โดยรัฐบาลอังกฤษเห็นว่าเหลือกันแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ไม่น่าจะก่อปัญหาการเมืองใดๆได้   ก็เลยอนุญาต

ข้อนี้เป็นเหตุให้เจ้าหญิงมาดพญาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติมากกว่าพี่ๆ   คือมีโอกาสแต่งงานกับหนุ่มพม่าที่สมน้ำสมเนื้อได้ ไม่มีข้อกีดขวาง   สามีของเธอชื่อ Kodaw Gyi Naing  ซึ่งแปลงเป็นไทยๆว่า ขอดาว ขจี นายอิง   เป็นเชื้อสายเจ้านายพม่าด้วยกัน    แต่ว่าชีวิตสมรสของเธอกับเจ้าขอดาวนี้ก็เจอมรสุมเข้าจนได้   อยู่กันได้ 7 ปีก็หย่าขาดจากกัน
จากนั้นเจ้าหญิงมาดพญาก็สมรสใหม่กับทนายความพม่า ชื่อนายอูเมียอู     อยู่กันมาได้ยืนนานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นบุกพม่า    สามีเธอก็เสียชีวิต   ทิ้งให้เธอเป็นม่ายจนถึงแก่กรรมในค.ศ. 1962

เธอมีบุตรชายเกิดจากสามีคนที่สองอยู่ 2 คน  คนโตถูกลอบสังหารโดยคอมมิวนิสต์ในพม่า  คนที่สองอยู่มาได้ ชื่อ  Taw Phaya   ชื่อนี้ออกเสียงง่ายดี ว่า "ท้าวพญา"   คุณชายท้าวพญาถือเป็นผู้สืบเชื้อสายจากบัลลังก์นกยูงของราชวงศ์คองบองชั้นอาวุโสเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่    แต่ไม่รู้ว่าในค.ศ. 2013 นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า   เพราะเกิดตั้งแต่ค.ศ. 1924   
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีลูกมีหลานสืบเชื้อสายเจ้านายพม่ากันต่อมาอีกจนถึงปัจจุบัน


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 21:43
ส่วนตำหนักรัตนคีรี ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์   แต่ก็ทรุดโทรม  เพราะขาดการบำรุงรักษา


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 21:47
เรื่องราวของพระนางศุภยาลัตจบแล้ว  แต่กระทู้ยังมีอะไรต่อได้นอกเรื่องอีกนิดหน่อยค่ะ     
ระหว่างไปค้นเรื่องพระเจ้าสีป่อและพระนางก็พลัดเข้าไปเจอรูปอะไรต่อมิอะไรที่แสดงอดีตและวัฒนธรรมของพม่าอีกหลายรูป  จะทิ้งก็เสียดาย   จะเอาไปใส่ไว้ในวิกใกล้เคียงก็ไม่เข้ากับเนื้อหาบรรยากาศพม่ารบฝรั่ง
เลยเอามาต่อท้ายกระทู้นี้ก็แล้วกัน

รูปแรกคือรูปพระราชวังช้างเผือก ที่อมรปุระ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 21:51
ถ้าใครสนใจชีวิตพระนางศุภยาลัต  อยากอ่านในแง่มุมอื่น  หาอ่านได้ที่นี่ค่ะ

http://archive.org/stream/thibawsqueen00fieluoft#page/24/mode/2up


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 21:58
ทศกัณฐ์พม่า    เขาก็มีรามเกียรติ์ตามแบบเขาเหมือนกันค่ะ


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 22:01
เหล่านางรำในราชสำนัก มีตั้งแต่ตัวจิ๋วๆ ไปจนรุ่นสาว  ภาพนี้ถ่ายประมาณค.ศ. 1890


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 22:10
ส่วนตำหนักรัตนคีรี ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์   แต่ก็ทรุดโทรม  เพราะขาดการบำรุงรักษา

ภาพชุดนี้ (http://www.purusphotos.com/2011_09_01_archive.html) ถ่ายเมื่อปีที่แล้วเอง พระตำหนักยังอยู่ในสภาพดีพอใช้

เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ค่าผ่านประตูคนละ ๗ รูปี

 ;D



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ม.ค. 13, 08:51
พระนางศุภยลัตได้รับอนุญาตให้ออกจากวังในรัตนคีรีกลับคืนสู่แรงกูนในวันที่๑๐เมษายน๑๙๑๙ แต่มิได้เป็นอิสระแท้จริง เพราะยังคงอยู่ใต้อารักขาของอังกฤษต่อไปจวบจนสิ้นพระชนม์ในปี๑๙๒๕ อย่างไรก็ดี พระนางมีโอกาสได้พระราชทานสัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ หม่อง กา เล เมื่อทรงมีพระชนมายุ๖๕พรรษาว่า
“ตอนพระเจ้าเหนือหัวสวรรคตเมื่อ๑๕ธันวาคมปี๑๙๑๖ เราไม่มีเงินพอที่จะจัดพิธีพระบรมศพถวาย ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้ทำบุญอุทิศพระราชกุศลตามประเพณี เราตั้งพระบรมศพไว้ในห้องๆหนึ่งที่วัง จนวันที่๑๗กุมภาพันธ์ ๑๙๑๗ จึงย้ายมาบรรจุที่พระราชสุสานที่สร้างไว้ในบริเวณวังนั่นเอง จนกระทั่งเดือนมีนาคม ๑๙๑๗ พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลก็มาย้ายพระราชสุสานไปตั้งใหม่ในป่าแห่งหนึ่ง"

พระราชธิดาเจ้าหญิงมธุรสศุภรา (Princess Madarus Suphara - her daughter and Princess) เคยประทานประทานสัมภาษณ์นิตยสารมหาพันธุละว่า “พระราชสุสานตั้งอยู่ใจกลางป่า ไกลจากวังมาก ต้องเดินทางกันครึ่งค่อนวันจึงจะไปถึง”

พระนางศุภยาลัตทรงอ้างในระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งนั้นว่า ทรงอยากจะย้ายพระราชสุสานกลับมาพม่า แต่รัฐบาลอังกฤษปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะเกิดกระแสต่อต้านจากมวลชนที่เห็นว่าอังกฤษเอากษัตริย์ของพวกตนไปเป็นๆแต่คืนกลับมาให้แค่ร่างที่หาชีวิตไม่แล้ว ไม่ยอมแม้แต่จะให้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของพระบรมศพกลับมาพม่า จึงเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของบรรดาพระราชวงศ์ ทั้งยังจัดยามคอยเฝ้าดูพระราชสุสานด้วย

เมื่อพระนางศุภยลัตเสด็จกลับพม่าในปี๑๙๑๙นั้น พระนางศุภยาจี พระขนิษฐาซึ่งเป็นพระมเหสีอีกองค์หนึ่งของพระเจ้าสีป่อมิได้เสด็จด้วย คงอยู่ในวังที่รัตนคีรีนั่นเองจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในสองสามปีต่อมา รัฐบาลอังกฤษได้นำพระศพไปบรรจุไว้ในพระราชสุสานเคียงข้างกัน

ทุกวันนี้พระราชสุสานที่ว่ากันว่าอยู่ใจกลางป่าในครั้งกระนั้น กลายมาเป็นป่าคอนกรีตซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของชาวเมืองไปแล้วอย่างน่าพิศวง ขอบคุณรัฐบาลอินเดีย(จากใจชาวพม่า)ที่ได้ทำการบูรณะพระราชสุสานเมื่อปี๑๙๙๔ และเว้นที่ตรงนั้นไว้ให้โดยการสร้างกำแพงเล็กๆ ป้องกันมิให้คนเข้าไปใช้พระราชสุสานเป็นลานตากเสื้อผ้าดังเช่นที่เคย


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 13, 09:34
พระนางศุภยาลัต สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ รัฐบาลอังกฤษจัดการพระศพให้ตามธรรมเนียม แต่ไม่อนุญาตให้เชิญพระศพขึ้นไปที่ราชธานีกรุงมัณฑเลย์ คงอนุญาตเพียงแต่ทำเป็นมณฑปบรรจุพระอัฐิ เป็นกู่ทรงมณฑปยอดปราสาทแบบพม่า ก่ออิฐฉาบปูนขาว รูปทรงคล้ายมณฑปบรรจุพระอัฐิของพระเจ้ามินดง ณ กรุงมัณฑเลย์  

อยู่ที่ถนนเจดีย์ชเวดากอง (Shwe Dagon Pagoda Road) ห่างจากบันไดด้านทิศใต้ของพระเจดีย์ชเวดากองมาประมาณ ๒๐๐ เมตร

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 13, 09:36
เธอมีบุตรชายเกิดจากสามีคนที่สองอยู่ 2 คน  คนโตถูกลอบสังหารโดยคอมมิวนิสต์ในพม่า  คนที่สองอยู่มาได้ ชื่อ  Taw Phaya   ชื่อนี้ออกเสียงง่ายดี ว่า "ท้าวพญา"   คุณชายท้าวพญาถือเป็นผู้สืบเชื้อสายจากบัลลังก์นกยูงของราชวงศ์คองบองชั้นอาวุโสเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่    แต่ไม่รู้ว่าในค.ศ. 2013 นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า   เพราะเกิดตั้งแต่ค.ศ. 1924  
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีลูกมีหลานสืบเชื้อสายเจ้านายพม่ากันต่อมาอีกจนถึงปัจจุบัน

ท่าน "ท้าวพญา" พระนัดดาองค์สุดท้ายของพระเจ้าสีป่อ เสียชีวิตแล้วเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙ และนำพระอัฐิมาฝังไว้ในกู่เดียวกับพระนางศุภยาลัต ที่มีศักดิ์เป็น "พระอัยยิกา"  ที่ฐานล่างมีแผ่นจารึกเล็ก ๆ ของท่านอยู่

ภาพโดย คุณ NMkrung แห่งพันทิป (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7199874/K7199874.html)

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 13, 09:51
เป็นกู่ทรงมณฑปยอดปราสาทแบบพม่า ก่ออิฐฉาบปูนขาว รูปทรงคล้ายมณฑปบรรจุพระอัฐิของพระเจ้ามินดง ณ กรุงมัณฑเลย์  

มณฑปบรรจุพระอัฐิของพระเจ้ามินดง

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 13, 09:52
ส่วนตำหนักรัตนคีรี ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์   แต่ก็ทรุดโทรม  เพราะขาดการบำรุงรักษา

ภาพชุดนี้ (http://www.purusphotos.com/2011_09_01_archive.html) ถ่ายเมื่อปีที่แล้วเอง พระตำหนักยังอยู่ในสภาพดีพอใช้

เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ค่าผ่านประตูคนละ ๗ รูปี

 ;D
ภาพโฆษณาพิพิธภัณฑ์มั้ง คุณเพ็ญ เชิญชวนให้คนเข้าไปชม ก็ต้องเลือกมุมที่ดูดีที่สุด
อ่านที่นี่นะคะ
Now it has also been partly converted into a museum. The museum is rather pitiful as it has only four rooms. The three rooms on the first floor have some old, badly damaged copper vessels, old photographs and the last room is an attempt to recreate the grandeur of the  palace. At present, the palace is in shambles and some portion of the roof and walls may collapse at any moment.

http://www.deccanherald.com/content/79027/remains-lost-kingdom.html


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 13, 09:59
คุณ Puru Tiger  ไปเที่ยวพระตำหนักนี้เมือเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เขียนบรรยายไว้ว่า

Our next place of visit in Ratnagiri was the almost forgotten, Thibaw Palace. I say “almost forgotten” because the palace is extremely well kept.  However there are very few visitors. And the entry fee is Rs. 7. Which is about 7 cents!!
 
If this was in any western country, then you can guarantee that it would be minting money like crazy. Such a beautiful piece of history, yet so few seem to know about it!

Even we stumbled upon it accidently when we stopped to ask locals about places to visit!

This picture tells the story about the palace.

Just for your interest, $1 = Rs 50

So this palace was build at the cost of approximately $2500!! :-)…in the year 1906

http://www.purusphotos.com/2011_09_01_archive.html

 ;D


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 12:01
มีภาพถ่ายพระตำหนักเพิ่มเติม แต่อาจจะเก่าไปสักหน่อยเพราะถ่ายเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ - ๘ ปีมาแล้ว

ท้องพระโรงกว้างขวางทีเดียว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 12:09
พระตำหนักอยู่บนเนินเขา จากระเบียง สามารถมองลงมา เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของหมู่บ้านริมทะเลเบื้องล่าง

พระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัยคงทรงเสด็จขึ้นมาทอดพระเนตรทิวทัศน์บนระเบียงบ่อย ๆ

ภาพโดย คุณ Jay (http://www.ghumakkar.com/2011/06/25/bangalore-to-mumbai-and-back/)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 13, 20:31
วิวข้างบนมองจาก Thiba point

แต่หากมองจากพระตำหนักก็ไกลหน่อย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ม.ค. 13, 05:57
อ้างถึง
เจ้าหญิงองค์ที่สาม ซึ่งเป็นคนสุดท้อง มีชะตากรรมเรียกได้ว่าดีกว่าพี่ๆ นิดหน่อย   
องค์นี้ฝรั่งเรียกว่า Princess Myat  Phaya   ขอเรียกแบบไทยๆว่าเจ้าหญิงมาดพญา   องค์นี้ไม่ได้ประสูติในพม่า แต่ไปประสูติในอินเดียเมื่อพระบิดาพระมารดาถูกเนรเทศออกพ้นบ้านเกิดไปแล้ว      เมื่อพระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์  พระนางศุภยาลัตได้โอกาสเดินทางกลับพม่าพร้อมๆพระธิดา    โดยรัฐบาลอังกฤษเห็นว่าเหลือกันแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ไม่น่าจะก่อปัญหาการเมืองใดๆได้   ก็เลยอนุญาต
เมื่ออังกฤษเปิดศึกกับพม่าจนสุดท้ายในวันที่บังคับให้พระราชวงศ์กษัตริย์ออกจากพระราชวังเมื่อ๒๙ พฤศจิกายน ๑๘๕๕ นั้น ผมเพิ่งทราบตอนนี้แหละว่าขณะดังกล่าวพระนางศุภยลัตทรงพระครรภ์แก่แล้ว เพราะทรงมีพระประสูติกาลเจ้าหญิงมาดพญาในวันที่๗มีนาคม ปีถัดไปนั่นเอง

น่าสงสารมาก


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 13:23
เมื่ออังกฤษเปิดศึกกับพม่าจนสุดท้ายในวันที่บังคับให้พระราชวงศ์กษัตริย์ออกจากพระราชวังเมื่อ๒๙ พฤศจิกายน ๑๘๕๕ นั้น ผมเพิ่งทราบตอนนี้แหละว่าขณะดังกล่าวพระนางศุภยลัตทรงพระครรภ์แก่แล้ว เพราะทรงมีพระประสูติกาลเจ้าหญิงมาดพญาในวันที่๗มีนาคม ปีถัดไปนั่นเอง

ในหนังสือของนินิเมียนต์บอกว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้พระนามว่า มัทราสศุภยาลัต (Madras Supayalat) ประสูติที่เมืองมัทราส เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๘๖

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 13:30
องค์ไหนกันหนอ   Princess Myat Paya Lat  หรือ Princess Myat Phaya  ที่อ่านว่า มัทราสศุภยาลัต?


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ม.ค. 13, 13:37
ตรงกับ Princess Myat Phaya  ข้อมูลจาก คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Myat_Phaya) บอกว่า ประสูติที่รัตนคีรี เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๘๖

(http://ptcdn.info/emoticons/emoticon-smile.png)



กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 มี.ค. 17, 10:32
เจ้าหญิงองค์ที่สาม ซึ่งเป็นคนสุดท้อง มีชะตากรรมเรียกได้ว่าดีกว่าพี่ๆ นิดหน่อย    
องค์นี้ฝรั่งเรียกว่า Princess Myat  Phaya   ขอเรียกแบบไทยๆว่าเจ้าหญิงมาดพญา   องค์นี้ไม่ได้ประสูติในพม่า แต่ไปประสูติในอินเดียเมื่อพระบิดาพระมารดาถูกเนรเทศออกพ้นบ้านเกิดไปแล้ว      เมื่อพระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์  พระนางศุภยาลัตได้โอกาสเดินทางกลับพม่าพร้อมๆพระธิดา    โดยรัฐบาลอังกฤษเห็นว่าเหลือกันแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ไม่น่าจะก่อปัญหาการเมืองใดๆได้   ก็เลยอนุญาต

ข้อนี้เป็นเหตุให้เจ้าหญิงมาดพญาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติมากกว่าพี่ๆ   คือมีโอกาสแต่งงานกับหนุ่มพม่าที่สมน้ำสมเนื้อได้ ไม่มีข้อกีดขวาง   สามีของเธอชื่อ Kodaw Gyi Naing  ซึ่งแปลงเป็นไทยๆว่า ขอดาว ขจี นายอิง   เป็นเชื้อสายเจ้านายพม่าด้วยกัน    แต่ว่าชีวิตสมรสของเธอกับเจ้าขอดาวนี้ก็เจอมรสุมเข้าจนได้   อยู่กันได้ 7 ปีก็หย่าขาดจากกัน
จากนั้นเจ้าหญิงมาดพญาก็สมรสใหม่กับทนายความพม่า ชื่อนายอูเมียอู     อยู่กันมาได้ยืนนานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นบุกพม่า    สามีเธอก็เสียชีวิต   ทิ้งให้เธอเป็นม่ายจนถึงแก่กรรมในค.ศ. 1962

เธอมีบุตรชายเกิดจากสามีคนที่สองอยู่ 2 คน  คนโตถูกลอบสังหารโดยคอมมิวนิสต์ในพม่า  คนที่สองอยู่มาได้ ชื่อ  Taw Phaya   ชื่อนี้ออกเสียงง่ายดี ว่า "ท้าวพญา"   คุณชายท้าวพญาถือเป็นผู้สืบเชื้อสายจากบัลลังก์นกยูงของราชวงศ์คองบองชั้นอาวุโสเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่    แต่ไม่รู้ว่าในค.ศ. 2013 นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า   เพราะเกิดตั้งแต่ค.ศ. 1924  
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีลูกมีหลานสืบเชื้อสายเจ้านายพม่ากันต่อมาอีกจนถึงปัจจุบัน

ในความคิดเห็นที่ ๕๖ "ท้าวพญา" ที่กล่าวถึงน่าจะหมายถึง Frederick Taw Phayalay  (คุณวิกกี้ (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Myat_Phaya) ให้ข้อมูลว่า เจ้าหญิง Myat Phaya มีโอรสและธิดาทั้งหมด ๖ คน)

ท่าน "ท้าวพญา" พระนัดดาองค์สุดท้ายของพระเจ้าสีป่อ เสียชีวิตแล้วเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙ และนำพระอัฐิมาฝังไว้ในกู่เดียวกับพระนางศุภยาลัต ที่มีศักดิ์เป็น "พระอัยยิกา"  ที่ฐานล่างมีแผ่นจารึกเล็ก ๆ ของท่านอยู่

ข้อมูลจาก คุณ NMkrung แห่งพันทิป (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7199874/K7199874.html)

Taw Phya (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Taw_Phaya) (Edward Taw Phaya) ยังคงสุขสบายดีในวัย ๙๓ ปีท่ามกลางลูกหลานพร้อมหน้า

ภาพจาก http://www.nationmultimedia.com/news/aec/asean_plus/30300561


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 มี.ค. 17, 10:41
ลูกชายคนหนึ่งของ George Taw Phayagyi พี่ชายคนโตที่เสียชีวิตไปแล้วของ Taw Phya  ชื่อ Soe Win (คนที่ ๒ จากขวา) คนนี้แหละที่กำลังเป็นข่าวเรียกร้องให้ละครเรื่อง "เพลิงพระนาง" หยุดฉาย ด้วยข้อหาดูหมิ่นราชวงศ์พม่า

เหลนพระเจ้าธีบอ โกรธ ‘เพลิงพระนาง’ดูหมิ่นราชวงศ์พม่า หยุดฉายได้แล้ว
http://www.thairath.co.th/content/883047


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 มี.ค. 17, 12:36
โซ วิน ทายาทรุ่นเหลนของพระเจ้าธีบอ กษัตริย์องค์สุดท้ายของเมียนมา บอกบีบีซีแผนกภาษาพม่าว่า ครอบครัวของเขาไม่พอใจละครเรื่องเพลิงพระนางเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเนื้อเรื่องของละครจะเกี่ยวกับอาณาจักรสมมติ แต่เกือบทั้งหมดจำลองมาจากช่วงปีสุดท้ายของราชวงศ์คองบอง ในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ซึ่งเป็นช่วงที่เมียนมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่าพม่า

เนื้อหาส่วนหนึ่งในละครคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ กรณีการสังหารหมู่ที่พระมเหสีและบรรดาเจ้านางอื่น ๆ ร่วมมือกันกำจัดพระราชวงศ์ร่วม ๑๐๐ คน ที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ เพื่อเป็นหลักประกันว่า พระเจ้าธีบอจะไม่มีคู่แข่งและได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ภายหลังจากพระราชบิดาสวรรคตเมื่อปี ๒๔๒๑

แม้ว่าการสังหารหมู่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ แต่ทายาทของพระเจ้าธีบอไม่พอใจที่ตระกูลของพวกเขาถูกนำเสนอโดยประเทศที่ปกป้องระบอบกษัตริย์ของตนเองไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ โซวิน ยังบอกด้วยว่าไม่พอใจที่ละครดังกล่าวนำเสนอฉากการตบตีกัน ฉากการข่มขืน และการเข่นฆ่า

ข่าวจาก บีบีซี (http://www.bbc.com/thai/thailand-39249112)


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 17, 10:35
พระราชธิดา ๔ พระองค์ของพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต


กระทู้: พระนางศุภยาลัต
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 17, 10:46
ข้อมูลจาก คุณวิกกี้ (https://th.m.wikipedia.org/wiki/พระนางศุภยาลัต)