ความงดงามของพระที่นั่งวิมานเมฆยามค่ำคืน (ภาพ : ททท.)
เจอบทความนำเที่ยวชมพระที่นั่งวิมานเมฆ ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000029350เลยก็อปมาเก็บไว้ให้ดูกันครับ
***********************
สำหรับแฟนธ์แท้สถาปัตยกรรมไทย หากเอ่ยถึงฉายา “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” ฉันเชื่อว่าคงจะรู้จักกันดีว่าท่านคือ “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์” ซึ่งท่านได้ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมในเมืองไทยไว้มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์
ด้วยความงดงามทั้งภายนอกและภายในของพระที่นั่งวิมานเมฆ ทำให้ใครหลายๆคนเปรียบพระที่นั่งแห่งนี้ดังวิมานบนดินที่คนทั่วไปสามารถไปเที่ยวชมความงามกันได้ในพระราชวังสวนดุสิต
สำหรับความน่าสนใจของพระที่นั่งวิมานเมฆนั้นมีหลายอย่างเริ่มตั้งแต่การก่อสร้างที่ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งแห่งนี้ขึ้นในปีพ.ศ. 2443 โดยมีสมเด็จฯกรมพระยานริศฯเป็นผู้ออกแบบและควบคุมงาน ซึ่งได้รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ จากเกาะสีชัง มาสร้างขึ้นใหม่ในพระราชวังสวนดุสิตแล้วเสร็จในพ.ศ. 2444 กลายเป็นตำหนักไม้สักทองหลังใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อรู้ถึงที่มาย่อๆของพระที่นั่งวิมานเมฆแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาไปชมความงามของพระที่นั่งแห่งนี้กัน โดยหลังจากที่ฉันตีตั๋วเข้าไปในพระราชวังสวนดุสิตทางฝั่งประตูราชวิถีก็รู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งที่มีบรรยากาศคลาสสิคย้อนยุคที่ไม่น่าเชื่อว่าฉันกำลังเดินอยู่ในกทม.เมืองหลวงที่แสนวุ่นวาย
ครั้นเมื่อเหลียวซ้ายแลขวาก็เจออาคารสวยๆงามๆมากมาย อาทิ พระตำหนักสวนหงส์ ที่ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับพระราชพิธีโบราณ ตำหนักสวนบัวที่ภายในจัดแสดงศิลปะวัตถุของหายาก
นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารตำหนักเก่าของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง อย่าง ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุษบันบัวผัน ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรุณวดี ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา และตำหนักกรมหลวงวรเสรฐสุดา ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เรียกว่าใครใคร่ชมตำหนักไหนก็เข้าไปชมภายในกันได้ตามสะดวก
เมื่ออุ่นเครื่องด้วยการชมตำหนักต่างๆแล้วที่นี้ก็ถึงคราวชมไฮไลท์แห่งพระราชวังสวนดุสิตนั่นก็คือ พระที่นั่งวิมานเมฆ ที่เมื่อเดินทะลุร้านขายของที่ระลึกเข้าไปก็จะเห็น พระที่นั่งวิมานเมฆที่เป็นอาคารไม้สักทองหลังใหญ่สีครีมอ่อน หลังคาแดง ตั้งตระหง่านโดดเด่น ตัดกลับสนามหญ้าสีเขียวสด
ก่อนที่จะเข้าไปชมภายในที่มีการจัดรอบเข้าชมทุกครึ่งชั่วโมง ฉันก็ขอบิวด์อารมณ์ด้วยการเดินชมความงามภายนอกของพระที่นั่งไม้สักทองหลังนี้ก่อน ซึ่งพระที่นั่งวิมานเมฆได้รับอิทธิพลการก่อสร้างจากสถาปัตยกรรมตะวันตก ตัวอาคารวางผังเป็นรูปตัวแอล(L)
สำหรับสิ่งน่าสนใจภายนอกของพระที่นั่งวิมานเมฆที่แสดงถึงฝีมือเชิงช่างของกรมพระยานริศฯนั้น นอกจากการออกแบบพระที่นั่งที่สวยงามสมส่วนแล้ว พระที่นั่งวิมานเมฆยังงดงามไปด้วยเส้นสายลวดลายต่างๆ ตามประตู หน้าต่าง ช่องลมโดยเฉพาะลายฉลุไม้ในสไตล์ขนมปังขิงที่สวยเฉียบเนี๊ยบนิ๊ง ซึ่งมีให้ชมทั่วไปรอบพระที่นั่งแห่งนี้
หลังจากที่ฉันเดิมชมด้านนอกของพระที่นั่งวิมานเมฆอยู่พักใหญ่ก็ได้เวลาเข้าชมภายใน ที่พอเดินตามพรมแดงสู่โถงกลมก็มีเจ้าหน้าที่สาวเสียงใสออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวในรอบนี้ประมาณ 20 คน ที่พอพร้อมๆเธอก็เริ่มบรรยายเรื่องราวต่างๆในพระที่นั่งวิมานเมฆอย่างละเอียดแบบข้อมูลแน่นปึ๊กไม่มีสะดุด
โดย ณ จุดแรกบริเวณห้องโถง เธอได้แนะนำให้รู้จักกับสิ่งที่น่าสนใจในพระที่นั่งวิมานเมฆที่แบ่งเป็นเป็นห้องสีต่างๆ 5 สีคือ สีฟ้า สีเขียว สีชมพู สีงาช้าง และสีลูกพีช(ชมพูอมส้ม) ซึ่งแต่ละห้องต่างก็มีสิ่งสวยๆงามๆที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป ซึ่งของที่จัดแสดงจะเป็นเครื่องใช้ส่วนพระองค์และศิลปวัตถุของรัชกาลที่ 5 และพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นๆ รวมถึงของเจ้านายชั้นสูง ที่หากให้เดินดูแบบรายละเอียดคงต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ว่าหากเดินตามชมแบบรวดรัดฉบับย่อตามเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที
สำหรับห้องที่น่าสนใจไล่ไปจากทางเดินก็มีโซนห้องสีเขียว ที่มีห้องเครื่องเงินจากจีน(เซี่ยงไฮ้)ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ใช้เป็นเครื่องทดสอบการลอบวางยาพิษจากอาหารในสมัยก่อน โดยถ้าอาหารมีพิษจะเปลี่ยนเครื่องเงินจากสีเงินเป็นสีดำ จากนั้นก็เป็นห้องเครื่องเคลือบที่ประทับตราจปร. แล้วก็เป็นห้องเครื่องโลหะ ห้องเขาสัตว์ที่มีสารพัดเขาสัตว์ให้เลือกชมทั้งเขากวาง เขาวัว เขาควาย รวมไปถึงงาช้างอีกจำนวนมาก
มาที่ชั้น 2 กันบ้าง พอขึ้นสู่ชั้น 2 ก็เป็นห้องทรงงานของรัชกาลที่ 5 ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาเดินขึ้นชั้น 3 (ห้องสีลูกพีช) แล้วก็ไปต่อที่ห้องบรรทมที่อยู่ในชั้นสูงสุด แล้วเดินลงมาที่ห้องสีงาช้างอีกครั้งเพื่อพาเข้าสู่ไฮไลท์ของพระที่นั่งวิมานเมฆคือห้องท้องพระโรงที่พอเข้าสู่ภายเขตในท้องพระโรง เจ้าหน้าที่จะให้นักท่องเที่ยวทั้งหมดนั่งอธิษฐานและก้มกราบ 1 ครั้งโดยไม่แบมือ เพื่อเป็นการถวายพระพรพระบรมสาทิสลักษณ์ขนาดเท่าองค์จริงของรัชกาลที่ 5 ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลางผนังห้อง ท่ามกลางบรรยากาศภายในห้องที่เป็นไปอย่างขรึมขลัง โดยมีเจ้าน่าที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับห้องท้องพระโรง ข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ประกอบไปตลอดซึ่งก็ฟังเพลินทีเดียว
ครั้นพอออกจากห้องท้องพระโรงเจ้าหน้าที่ก็พาเดินชมอีกหลายห้อง ก่อนจะไปยืนชมรอยจารึกจากการทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฝากรอยไว้บนเพดาน และที่พื้นอย่างชัดเจน ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างชมห้องอัลบั้มภาพในรัชกาลที่ 5 และห้องเครื่องดนตรีปิดท้ายก่อนส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มฉันที่ห้องโถงทางเข้าอีกครั้ง
สำหรับช่วงเวลาที่เดินชมศิลปวัตถุสวยๆงามๆในพระที่นั่งวิมานเมฆนั้นแม้ว่าบาช่วงเจ้าหน้าที่จะอธิบายเร็วไปบ้าง พาเดินเร็วไปนิดแต่ฉันก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาประมาณ 45 นาทีที่คุ้มค่าไม่น้อย ซึ่งใครที่เที่ยวชมพระที่นั่งวิมานเมฆแล้ว หากมีเวลาฉันก็อยากชวนให้เที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจภายในพระราชวังสวนดุสิตกันต่อ
โดยในนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากพระที่นั่งวิมานเมฆและตำหนักที่กล่าวมาก็คือ การแสดงนาฏศิลป์ไทย ณ พลับพลาหลังพระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งอภิเษกดุสิตที่นับเป็นอีกพระที่นั่งอันงดงามแห่งพระราชวังสวนดุสิตภายในจัดแสดงงานฝีมือของมูลนิธิศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระตำหนักสวนสี่ฤดู และอาคารที่น่าสนใจอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้งพระที่นั่งวิมานเมฆและอาคารต่างๆในพระราชวังสวนดุสิตนั้นถือเป็นความงามท่ามกลางบรรยากาศคลาสสิคย้อนยุค ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากบรรยากาศอันวุ่นวายของกทม.ที่ด้านนอกโดยสิ้นเชิง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พระที่นั่งวิมานเมฆ ตั้งอยู่ในพระราชวังสวนดุสิต ถนนราชวิถี เขตดุสิต กทม. เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. การเข้าชมโปรดแต่งกายสุภาพ ส่วนภายในพระที่นั่งวิมานเมฆเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆทุกครึ่งชั่วโมง ภาษาไทย 9.30 น.-15.00 น. ภาษาอังกฤษ 9.45-15.15น. โดยห้ามถ่ายรูปภายในอาคาร นอกจากนี้หากมีโอกาสพิเศษพระที่นั่งวิมานเมฆก็จะเปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเที่ยวชมยามค่ำคืน ส่วนการแสดงนาฏศิลป์ไทยเปิดแสดงวันละ 2 รอบ 10.30 น. และ 14.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2628-6300