"คืนนั้นนับเป็นคืนประวัติศาสตร์คืนหนึ่ง เพราะเราได้ทำการติดต่อกับสถานี (Home Station) ที่กัลกัตตาได้เป็นผลสำเร็จ พวกเราตื่นเต้นกันสุดขีด จนเหงื่อท่วมตัว มือไม้สั่นไปหมดขณะที่เคาะวิทยุ ทั้งนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญยิ่ง นับเป็นประวัติการณ์ของการปฏิบัติงานครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้เพราะเราได้พยายามติดต่อทางวิทยุมาเป็นเวลาหลายเดือน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทางกองบัญชาการเข้าใจว่าเราถูกจับไปแล้ว จึงไม่ติดต่อตามกำหนดนัดหมาย จนกระทั่งต้องใช้การสื่อสารทางจดหมายติดต่อกับเจ้าหน้าที่จุงกิง และใช้วิทยุกระจายเสียงของกรมโฆษณาการ แต่งบทความสนทนาเป็นความนัยของพวกเรา “ ช้างเผือก ” ให้ทางอินเดียรู้ ทางอินเดียเริ่มติดต่อเข้ามาใหม่ และเผอิญได้รับสัญญาณของเรา ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ปลาบปลื้มสุดจะบรรยายทีเดียว"
ใครใช้ใครในข้อความนี้ ผมละสุดเดาจริงๆ
นอกจากจะเป็นชาวจีนสองคนข้างล่าง
แต่อังกฤษก็ไม่ได้เล่นไพ่ใบเดียว ร.ต. ป๋วยเขียนเล่าว่า เมื่อกำลังจะขึ้นเครื่องบิน ซึ่งจะเกาะหมู่ไปด้วยกันหลายลำโดยมีเครื่องบินทิ้งระเบิดไปปฏิบัติการลับลวงพรางในครั้งนี้ด้วยนั้น ก็ได้ทราบโดยบังเอิญว่ามีลำหนึ่งจะนำหน่วยสืบราชการลับของจีน ๔คน มีเป้าหมายจะไปกระโดดร่มลงที่นครปฐมด้วย
ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก
จากคำให้การในฐานะพยานของพล.ต.อ.อดุล ในคดีที่อัยการฟ้องจอมพล ป.พิบูลสงครามและพวก เป็นจำเลยในคดีอาชญากรสงครามนั้น มีตอนหนึ่งที่พล.ต.อ.อดุลเบิกความว่า ในราวปี ๒๔๘๔ ทางอังกฤษได้ส่งลูกจีนที่เกิดในเมืองไทยมาโดดร่มลงบริเวณรางรถไฟ ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ๔คน แต่ตำรวจยิงตายไป ๑คน จับเป็นได้ ๒คน พร้อมวิทยุและสัมภาระทั้งหมด หนีหายไป ๑คน ญี่ปุ่นรู้เข้าก็จะขอตัวไปสอบสวนแต่ท่านไม่ยอม แต่ถ้าจะสอบสวนร่วมกันก็ได้ ผลการสอบทราบว่าอังกฤษส่งให้มาดูลาดเลา และแจ้งพิกัดที่ตั้งของทหารญี่ปุ่น หลังการสอบสวนตำรวจก็คุมยังคุมตัวไว้ ส่วนวิทยุญี่ปุ่นขอไป แต่ท่านก็สังให้ถอดอะไหล่สำคัญตัวหนึ่งออกเพื่อให้ญี่ปุ่นใช้การไม่ได้
ผมหาเอกสารที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อีกไม่ได้เลยครับ มันลึกลับจริงๆ