เรือนไทย

 ขอบคุณครับที่เอาของดีอย่างเอกของโลกมาให้ดู

ขอคำแนะนำว่า ถ้าผมอยากไปให้เห็นกับตาจะต้องทำอย่างไรล

ช่วงนี้ ยังไม่เปิดเรียน ยังไม่ต้องสอน พอจะมีเวลาเตร๊ดเตร่บ้าง

ขอขอบคุณอีกครั้ง    

 ขอบคุณมากครับ

 สว้สดีอ.นิรันดร์คะที่อ.ถามว่าไปยังไงทางที่ดีอ.สอบถามที่การท่องเที่ยวดีกว่าคะ เพราะว่ามันไปได้หลายทาง ทางเรือก็ไปได้ เพระว่าบัวก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน วันนั้นขึ้นรถตุ๊กตุ๊กแล้วก็บอกให้เขาพาไป  แต่จำได้แม่นว่าทางเดินเข้าพิพิทธภัณฑ์ต้องเดินเข้าไปในชุมชนผ่านน้ำเน่าๆเห็นแล้วเซ็งสุดๆ เพระบัวไปทางบกขอแนะนำให้อ.ไปทางเรือดีกว่าคะ

 เข้าใจหมายถึง "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี" ใช่หรือเปล่าครับ

ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700

ลองไปเยี่ยมชมเว๊บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ดูนะครับ

 http://www.thailandmuseum.com/royal_barges/history.htm

มีข้อมูลพื้นฐานของพิพิธภัณฑ์ เลือกชมได้ตามอัธยาศัยครับ

 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

 ขอแนะนำสำหรับผู้ที่จะไปท่องเที่ยวพิพิทธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ท่านที่จะไปถ่ายรูป(ค่าเข้าชมคนไทย ๑๐บาท ค่าถ่ายรูปกล้องธรรมดา ๑๐๐ บาท กล้องวีดีโอจำไม่ได้คะ)ในพิพิทธภัณฑ์มีศาลไม้เก่าอยู่หลังหนึ่งอย่าลืมไปไว้ขออนุญาตท่านก่อนนะคะไม่งั้นถ่ายรูปไม่ติดแน่ และก่อนถ่ายรูปเรือทุกลำอย่าลืมขอขมานะคะ

 ในสมัยอยุธยาเรือพระที่นั่งได้รับการเก็บรักษาไว้ในโรงเรือพระที่นั่ง ซึ่งมีทั้งสิ้น ๒๐ โรง ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่นำลพบุรีหรือคลองเมือง และโรงเรือพระที่นั่งของวัดเชิงท่า เยื้องพระบรมมหาราชวัง ปัจจุบันเรือพระราชพิธีได้รับการจัดเก็บอยู่ภายในโรงเก็บเรือพระราชพิธีบริเวณปากคลองบางกอกน้อย ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ กรมศิลปากรได้ยกฐานะโรงเก็บเรือพระราชพิธีขึ้น เป็นพิพิทธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี โดยเรือพระราชพิธีที่จัดเก็บอยู่ภายในพิพิทธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ขณะนี้มีด้วยกันรวม ๘ ลำ เรียงตามลำดับความสำคัญได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรืออสุรวายุภักษ์ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือครุฑเหินเห็จ และเรือเอกไชยเหินหาว เพราะเนื่องจากมีพื้นที่จำกัดเรืออีกส่วนจึงได้นำไปเก็บไว้ที่ท่าวาสุกรี(ไม่สามารถเข้าไปชมได้)อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง เรือพระราชพิธีลำอื่นๆอีกจำนวน ๓๙ ลำ และเรือโบราณวัตถุที่ไม่สามารถซ่อมได้อีก ๖ ลำ ฝากเก็บไว้ที่โรงเรือ แผนกเรือพระราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ(ไม่สามารถเข้าชมได้)

 ขอแก้ประวัติการสร้างเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์คะ เรือเดิมมีนามว่า"ศรีสุพรรณหงส์" สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ลำปัจจุบันสร้างขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ ๖

 ต้องขอโทษจริงๆคะผิดไปแล้วโปรดให้อภัยด้วย     T_T T_T          

 ในการเสด็จพระราชดำเนินทางน้ำของพระเจ้าอยู่หัวในสมัยโบราณนั้น สันนิษฐานว่าจะมีเรืออยู่ ๒ สำรับ ๑.เป็นเรือทอง ซึ่งหมายถึงเรือที่แกะสลักลวดลายและลงรักปิดทองสำรับหนึ่ง จะใช้เวลาเสด็จในกระบวนที่เป็นพระราชพิธี ๒.เป็นเรือไม้ ซึ่งมักจะใช้เวลาปกติทั่วไปไม่ปะปนกัน จากการจัดริ้วกระบวนเรือ จะมีชื่อเรือต่างๆมากมายซึ่งเรือเหล่านี้มีลักษณะแตกต่างกันไปตามความสำคัญและลักษณะที่มาคือ ๑.เรือประตู มีลักษณะเป็นเรือกราบ กลางลำมีกัญญาเรียกกันว่า"เรือกราบกัญญา"ทำหน้าที่เป็นเรือนำริ้วกระบวน มีราชการผู้ใหญ่ชันปลัดทูลฉลองนั่งในกัญญาลำละ ๑ ท่น

 ๒.เรือพิฆาต เป็นเรือรบไทยโบราณประเภทหนึ่ง มีปืนจ่ารงตั้งที่หัวเรือ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มี ๕ คู่ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมีอยู่ ๖ คู่ ต่อมาภายหลังตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นมามี ๑ คู่ คือ เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ หัวเรือทำเป็นรูปหัวเสือ มีคฤหสำหรับอำมาตย์ฝ่ายทหารนั่ง แต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาใช้เรือแซ

 ๔.เรือกลองนอก-เรือกลองใน เป็นพวกเรือกราบ มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นรองผู้บัญชาการกระบวนเรือนั่งคฤหพร้อมทนายในเรือกลองนอก และมีผู้บัญชาการกระบวนเรือนั่งคฤหพร้อมทนายในเรือกลองในภายในเรือมีพนักงานปี่ชวาและกลองแขกบรรเลงลำละ ๖ นาย

 ๕.เรือตำรวจนอก-เรือตำรวจใน ใช้เรือกราบ มีนายเรือ นายท้ายและฝีพายในสองลำไม่เท่ากัน ลำหนึ่งมี ๒๒ นาย ลำหนึ่งมี ๒๗นาย มีพระตำรวจหลวงชั้นปลัดกรมนั่งคฤห

 ๙.เรือริ้ว หมายถึง เรือที่เข้ากระบวนยาวเป็นเส้นสายหลายเรียงขนานกัน และบรรดาเรือทุกลำที่ต้องเกณฑ์เข้ากระบวนแล้วจัดเป็นเรือริ้วทั้งสิ้น

 ๑๑.เรือคู่ชัก เดิมใช้สำหรับเป็นเรือชักลากเรือพระที่นั่งชนิดพายไม่ได้ เรียกว่าเรือพระที่น้งขนานหรือบัลลังค์ขนาน แต่ต่อมาได้เลิกใช้ไปเพราะไม่สะดวกรวดเร็ว เรือพระที่นั่งขนานจึงเปลี่ยนมาใช้เรือพระที่นั่งกิ่งแทน แตยังคงเรือคู่ชักไว้

 ๑๒.เรือชัย หรือ เรือไชย เป็นเรือชนิดที่มีทวนหัวสูงขึ้นไปเป็นงอน มีลักษณะเช่นเดียวกับเรือกิ่ง

 ๑๓.เรือโขมดยา โขมดแปลว่า หัว,ยา หมายถึง น้ำยาที่เขียนลายที่หัวเรือ แต่ลักษณะของเรือโขมดยาครั้งกรุงศรีอยุธยา หัวเรือท้ายเรือเรียบ เชิดขึ้น มีลายแกะเป็นรูปกลีบบัวสำหรับผูกผ้ากลางตั้งคฤหดาดผ้าแดง

 ๑๔.เรือพระที่นั่งทรง เรือพระที่นั่งลำทรง ถ้าเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ ใช้เรือพระที่นั่งกิ่งทอดพระที่นั่งบุษบกเป็นที่ประทับ ปักฉัตรเครื่องสูงหักทองขวาง มีพนักงานถวายอยู่งานพระกลด บังพระสูรย์พัดโบก มีนักสราชเชิญธงท้ายเรือ สี่มุมบุษบกมีมหาดเล็กเชิญพระแสงรายตีนตอง ในการเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินมีมหาดเล็กเชิญหอกอยู่เบื้องหน้าบุษบกอีก ๒ นาย ข้าราชการผู้ใหญ่ในราชสำนักหมอบเฝ้าอีก ๒ นาย

 ๑๕.เรือพระที่นั่งรอง ใช้เรือพระที่นั่งศรี ทอดบัลลังก์กัญญาเช่นเดียวกับเรือพลับพลามักมี ๒ องค์ หลังคาดาดผ้าลายก้านแย่ง บัลลังก์มีม่านกั้นผูกผ้าพู่จามรี เรือพระที่นั่งรองมีไว้สำหรับเรือพระที่นั่งเกิดอุปสรรค เรือพระที่นั่งรองคงภายไปในกระบวนเสด็จด้วย

 ๑๖.เรือศรี ดาดหลังคาเรือศรีด้วยผ้าสักหลาด ๑๗.เรือกราบ เป็นเรือรบที่ใช้ฝีพายของไทยแต่โบราณ มีไม้กระดานติดข้างเรือไปตามแนวนอนสำหรับเดิน

 ขอบคุณสำหรับทุกข้อความครับ    

 ขอบคุณ สำหรับบทความที่น่าสนใจครับ

 ขอบคุณครับ เมื่อวันก่อนได้ไปดูซ้อมใหญ่ที่ลานธรรมศาสตร์ อลังการมากๆ ทุกอย่างเงียบ มีแต่เสียงเห่เย็นเยียบไปทั่วท้องน้ำ ผสมกับเสียงเส้ากระทุ้งและเสียงแตรยาวแหลม ขนลุกเลยครับ

 ได้ยินว่าเย็นนี้ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีจัดชมกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ที่ลานหน้าสำนักหอสมุด
ใครไปได้ก็เก็บภาพมาฝากสมาชิกร่วมเวบกันบ้างนะครับ
อย่างน้อยก็คนติดเรียนอย่างผมคนนึงล่ะครับ อิอิ

 ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและให้กำลังใจ ส่วนเรื่องเรือสุพรรณหงส์ขอพูดอีกสักครั้งเรื่องประวัติการสร้าง เพราะอ่านจากในหนังสือหลายเล่มและหาข้อมูลในwebsite มีการบอกประวัติที่แตกต่างกันมีความคิดเห็นอยู่สองทางคะ ทางแรกบอกว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖  ดังนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงสร้างเรือแค่ลำเดียวเท่านั้น คือเรืออเนกชาติภุชงค์ ส่วนอีกความเห็นหนึ่งเรือสุพรรณหงส์ลำปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ ๖ คะ ลองเขียนมาให้พิจารณากันว่าจะมีความเห็นไปในทางใด

 อยากให้อ.นิรันดร์นำรูปมาลงคะจะได้เป็นมุมมองใหม่คะ ขอบคุณคะ          

 แต่ผมชอบรูป #51 ของอาจารย์นิรันดร์นะครับ

ได้บรรยากาศดี

 วันนี้จะมาบอกท่าในการพายเรือของฝีพายคะซึ่งมีอยู่ ๔ ประเภท ๑.พายธรรมดา หรือเรียกว่า พายจ้ำ เพื่อใช้พายเรือไปยังจุดที่กำหนด

 ๔.ท่าพายผสม คือเป็นการพายผสมะหว่างท่าพายเรือ ๒ ท่า คือท่าพายพลราบและท่าพายนกบิน โดยวิธีการพายคือ พายพลราบ ๒ ครั้งและบวกพายนกบินอีก ๑ ครั้ง จุดประสงค์ในการใช้ท่านี้คือเพื่อเร่งความเร็วของเรือให้ไปถึงที่หมายโดยเร็วคะ

 ภาพที่ผมถ่ายเก็บมาได้ คุณภาพไม่อาจเทียบได้กับภาพของคุณ"บัว"
ผมชอบภาพและข้อมูลที่คุณบัวนำมาเสนอให้อ่านกันมากครับ

ในกระทู้นี้ ผมไม่สามารถ edit ข้อผิดพลาดได้
ผมจึงได้เปิดกระทู้ใหม่
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
สนใจก็ลองคลิ๊กเข้าไปคุยกันนะครับ    

 เค้าใช้บทเห่เรือตอนอะไรเหรอครับ และมาจากเรื่องอะไรด้วยครับ อยากได้ไปหัดเห่ร้องให้น้องผมฟังบ้าง ดูมีมนต์ขลังดีจังครับ

 บทเห่เรือในครั้งนี้ แต่งขึ้นมาใหม่สำหรับพิธีเฉลิมฉลองครั้งนี้โดยเฉพาะครับ

 ขอบคุณครับ

 ลอยลำงามสง่าแม้น          มณีสวรรค์
 หยาดพโยมเพียงหยัน            ยั่วฟ้า
 โสภิตกฤษณะผายผัน             วรพาห์ สุบรรณแฮ
 พายพะแพรวพายถ้า              ถี่พร้อมผันผยอง
      เรือเอย เรือนารายณ์         ผ่องพราวพรายเพียงหยาดสวรรค์
 พิศองค์ทรงสุบรรณ                เพียงผันผยองล่องลอยพโยม
      บรรจงทรงผ้าไตร              งามผ่องใสได้อวดโฉม
  ศรัทธามาหลั่งโลม                โน้มดวงจิตชิดชอบธรรม
      สุวรรณหงส์ลงลอยล่อง      งามผุดผ่องล่องลอยลำ
  นาคราชผาดโผนนำ               ภุชงค์ล้ำเผ่นโผนลอย
      กระบี่ศรีสง่า                     งามท่วงท่าไม่ท้อถอย
  เรือครุฑไม่หยุดคอย              ยุดนาคคล้อยลอยเมฆินทร์
      อสุรวายุภักตร์                   ศักดิ์ศรีคูอสุรปักษิน
  พายยกเพียงนกบิน                ผินสู่ฟ้าร่าเริงบน
      เรือแซงแข่งเรือดั้ง             พร้อมสะพรั่งกลางสายชล
  เรือชัยไฉไลล้น                     ยลเรือกิ่งพริ้งเพราตา
      ยักษ์ลิงกลิ้งกลอกกาย        แลลวดลายล้วนเลขา
  รูปสัตว์หยัดกายา                   พาโผนเผ่นเป็นทิวแถว
      เรือน้อยลอยน้ำไหล           ล้อมเรือใหญ่ไหววับแวว
  พร่างพราวราวเพชรแพรว         พายพริ้งกวักพรักพร้อมพาย
      งามริ้วทิวทางแถว               ธงเพริศแพร้วแผ่วปลิวปลาย
  งามเรือเหลือลวดลาย              คล้ายเทพทิพย์หยิบลายพจง
      อาภรณ์ผ้าแพรพรรณ           สวยสีสรรสวมทรวดทรง
  พลพายพายเรือลง                  ทิวธงแถวล้วนเฉิดฉัน
      เสนาะศัพท์ขับเพลงเห่          เสียงเสน่ห์น้ำสนั่น
  เพลงทิพย์ไป่เทียมทัน             กลั่นจากทรวงปวงนาวี
      ศิลปะกรรมล้ำเลิศเหลือ        ลวดลายเรือล้วนโสภี
  ท่อนไม้ไร้ชีวี                         มีชีวิตคิดเหมือนเป็น
      นาวาสถาปัตย์                    ช่างเชี่ยวชัดชาญเชิงเช่น
  ยิ่งยลยิ่งเยือกเย็น                   เห็นสายศิลป์วิญญาณไทย
      สมบูรณ์สมบัติชาติ               ควรประกาศเกียรติเกริกไกร
  ฝีมือลือเลิศใคร                       ไม่เทียบเทียมเยี่ยมนิยม
      ควรสืบควรรักษา                 ควรคู่ค่าควรเมืองสม
  ควรเชิดควรชื่นชม                    ควรภูมิใจไทยทั้งมวล
      แม้นสิ้นจากถิ่นไทย              ห่อนเห็นใครมาคู่ควร
  แบบบทหมดกระบวน                ล้วนเลิศแล้วแพรวพริ้งพราย
      ขวัญเอยเป็นขวัญเนตร          ศิลป์พิเศษยังสืบสาย
  ลูกหลานวานอย่าวาย                อย่าดูดายศรีแผ่นดิน
      ฝากโลกให้รู้จัก                   ฝากศรีศักดิ์วิญญาณศิลป์
  ฝากนามสยามินทร์                   ฝากฝีมือชื่อไทยเอย

 ข้างบนนี้คือกาพย์เห่เรือพยุหยาตราชลมารค ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ กาพย์นี้เป็นกาพย์เห่เรือบทที่ ๑ ชมกระบวนเรือคะ ประพันธ์โดย นาวาโท ทองย้อย แสงสินชัย (ตั้งใจพิมพ์แบ่งช่องไฟซะสวยพอส่งข้อความมากลายเป็นติดกันเป็นพรืด ขออภัยด้วยคะที่ทำให้ไม่สบายตา)

 การเห่เรือจะมีการเห่อยู่ ๔ ทำนอง ๑."เกริ่นโคลงหรือเกริ่นเห่ "จะใช้เห่เมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จลงเรือพระที่นั่ง ๒."ช้าละวาเห่ "๓."มูลเห่" ใช้เห่เพื่อเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถของฝีพาย ๔."สวะเห่"ใช้เห่เมื่อเรือใกล้จะถึงที่หมายคะ

 ขอเชิญคุณอรยุพาและท่านอื่นๆแวะเข้าไปอ่านลิ้งค์นี้ด้วยค่ะ  น่าสนใจมาก

 http://www.navy.mi.th/sctr/royal_barge_60/index_sctr.php  

 ขอขอบคุณอาจารย์เทาชมพูมากค่ะ

 สัญญาณเรือในริ้วกระบวนลำอื่น ก็จะใช้สัญญาณที่หัวเรือเช่นกันแต่จะเปลี่ยนจากพู่หางนกยูงเป็นธงแทน และจะเปลี่ยนจากการหันหน้าไปทางท้ายเรือเป็นการหันหน้าไปทางหัวเรือ

 กาพย์เห่เรือที่ใช้ในครั้งนี้ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสิงชัย กาพย์เห่เรือพระราชพิธีในครั้งนี้มีอยู่ด้วยกัน ๓ บท คือ๑.บทสรรเสริญพระบารมี ซึ่งจะบรรยายถึงพระมหากรุณาธิคุณที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีต่อปวงชนชาวไทย ๒.บทชมเรือในกระบวน จะชมถึงความงามของเรือที่สำคัญในกระบวน ๓.บทชมเมือง จะบรรยายถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยและสถานที่สำคัญๆในประเทศไทย รวมถึงประเพณีและวัฒนธรรมที่มีค่ายิ่งของคนไทยด้วย

 สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ
ขออนุญาตฝากลิงค์ กาพย์เห่เรือที่ใช้เมื่อคราวกระบวนเรือพยุหยาตราชลมารคจำลอง ครั้งที่ไทยจัดงานเอเปคเมื่อ พ.ศ. 2546 ครับ
ผมสังเกตดู มีข้อความต่างกันบ้างเล็กน้อยครับ
 http://www.yupparaj.ac.th/thaitip/apec.htm  

 อยากได้เทปหรือ CD กาพย์เห่เรือในงานเอเปค จะหาได้ที่ไหนครับ
ถ้าเป็น VCD ก็จะเยี่ยมมาก
จะได้เอาไปเปิดให้นักเรียนได้ฟังและชมกันบ้างครับ

ขอบคุณสำหรับทุกข้อมูลครับ

 เคยได้ยินว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา มีกระบวนเรือที่เรียกว่า "กระบวนเรือเพชรพวง" ไม่ทราบว่ามีจริงประการใด หรือเป็นเพียงคำเล่าลือ
ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ

 นักสราชคืออะไรครับ ต่างกับพันท้ายอย่างไร

 นักสราชคือคนเทิดธงค่ะ

 "นักสราช "หรือ คนเทิดธง หรือ ธงท้าย เป็นเจ้าหน้าที่เครื่องสูงจะนั่งอยู่ท้ายเรือสุดหลังนายท้าย"พันท้าย"แต่ถ้าเป็นนายท้าย "นายท้าย"ทำหน้าที่ คัดหางเสือเรือให้ไปทางซ้ายหรือขวา ตามที่นายเรือสั่งหรือตามที่ได้ตกลงกัน

 วันนี้กะว่าจะไปเก็บภาพเรือพระราชพิธีที่วัดอรุณฯไปถึงประมาณเที่ยงกว่าๆ สิ่งที่ไปเจอคือเก้าอี้วางอยู่ที่ขอบปูนที่ยกสูงริมแม่น้ำเรียงรายเต็มไปหมดพอสอบถามก็ได้ความว่าเขาจองตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่ฟังเขาเล่าไปเรื่อยๆพบว่ามันไม่ได้เป็นการจองธรรมดา มันต้องเสียเงินแลกกับการได้นั่งเก้าอี้พลาสติกที่อยู่ริมน้ำที่ยกสูงขึ้นมา(แค่นี้ก็ทำให้คนที่มาทีหลังไม่สามารถชมกระบวนเรือได้แล้ว)เป็นจำนวนเงินค่านั่ง เก้าอี้ละ800บาท(จะตักตวงกันไปถึงไหน)และคนที่ไม่ได้จองก็ไม่สามารถเข้าได้เนื่องจากนำรั้วเหล็กมากั้นและก็มีอีกชุดหนึ่งมีหน่วยงานหนึ่งมาจอง(ที่วัดอรุณฯเช่นกันริมน้ำอีกแล้ว)มีตำรวจคอยมากันไม่ให้คนอื่นเข้า(แต่ใจจริงคุณตำรวจเห็นใจพวกที่มาก่อนมากๆ "แต่เขามอบหมายให้ ผมก็ต้องทำตามหน้าที่"คนที่มาจากที่ไกลๆก็ไม่ทราบ มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาจากปักษ์ใต้พร้อมด้วยลูกสาวต้องยอมกลับบ้านทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูอะไรขอเน้นว่ามันมองไม่เห็นจริงๆ ตัวเราก็จำใจต้องกลับเช่นกันก็มันมองไม่เห็นจริงๆไม่รู้จะนั่งทนร้อนไปทำไม แต่ที่ตัดสินใจให้กลับเร็วขึ้นเนื่องจากพระในวัดเริ่มมีปากเสียงกันเล็กๆ ก็ไอ้เรื่องค่าจอง800นั่นแหละ
 ( พระรูปแรก )ถือโทรโข่งมาประกาศว่าที่นี่ไม่มีการเก็บเงิน ใครเก็บเงินขอให้บอก"
  (พระรูปที่สอง )ก็บอกว่า ตรงนี้ไม่ได้เก็บเงิน
  (พระรูปแรก )จะไม่ได้เก็บได้ยังไงก็มีคนมาบอก
  (เด็กวัด ) ไม่ได้เก็บซะหน่อยไหนใครบอกหลวงพี่ ใครบอก
 ( พระรูปที่สอง )ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ก็ไปเลยไป(เสียงใส่อารมณ์ แต่ที่เห็นคือกำลังให้เด็กวัดติดสติ๊กเกอร์จองความเป็นเจ้าของเก้าอี้นั้นอยู่ เห็นนะไม่ได้โม้)
  (ผู้เขียนและน้อง) กลับบ้านดีกว่า

 ลืมบอกค่ะคำว่า"พยุหยาตราชลมารค"จะใช้คำนี้ในกรณีที่พระมหากษัตริย์เสด็จประทับร่วมอยู่ในกระบวนเรือด้วยค่ะ แต่ในกรณีของเอเปคและงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้พระมหากษัตริย์ไม่ได้เข้าร่วมประทับในกระบวนด้วย จึงเรียกแค่ว่า กระบวนเรือพระราชพิธีค่ะ

 ผมจะขออนุญาตทราบได้ไหมครับ คุณโพธิ์ประทับช้าง ว่าประทุน (เรียกว่ากัญญาได้ไหม?)เรือนั้นท่านได้แต่ใดมา?

ผมนึกว่าราวบันไดที่พระพุทธบาทจะโดนพวกจีนปล้นไปหมดแล้วเสียอีก ส่วนตัวก็ยังไม่เคยขึ้นพระบาทสักครั้งเลยครับ

สุบรรณโขนเรือเคยได้ไปชม ช่างเหมือนพระทรงเครื่องของสกุลช่างปราสาททองจริงๆครับ ผอมเรียวกว่าสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ท่าทาง คิดว่าคงประดิษฐ์เองในอยุธยา เพราะสุบรรณเขมรตอนปลายนิยมยกแขนขึ้นสองข้าง มือสองข้างที่ทำกฎกมุทรานั้นคงไว้เพื่อสอดธง แบบเรือรูปสัตว์ในปัจจุบันหรือเปล่าครับ?

ถามคุณโพธิ์อีกอย่างหนึ่ง ตำหนักทองนี้มีช่อฟ้าเป็นนกเจ่าและป้านลมก็มิได้ทำเป็นเครื่องลำยองนาคสะดุ้ง เครื่องบนนั้นเป็นของเดิมหรือเปล่าครับ หรือว่าเปลี่ยนใหม่ สังเกตดูยังมีกระจังฐานพระอยู่ แล้วพระตำหนักนี้ขนาดสามห้องแล้วมีพาไลหนึ่งหรือเปล่าครับ ผมเคยคิดว่าเรือนหลวงควรจะมีห้าห้องขึ้นไปเสียอีก

 8. ผมเคยคิดว่าเรือนหลวงควรจะมีห้าห้องขึ้นไปเสียอีก
ตอบ อยู่ที่ความเหมาะสม แล้วแต่ประโยชน์ใช้สอย
คงต้องช่วยกันค้นต่อไปครับ

สุนทรภู่ลอยเรือผ่านวัดไทร
ได้บันทึกไว้ในนิราศเมืองเพชรว่า

" ถึงคลองขวางบางระแนะแวะข้างขวา
ใครหนอมาแนะแหนกันแต่หลัง
ทุกวันนี้วิตกเพียงอกพัง
แนะให้มั่งแล้วก็เห็นจะเป็นการ
ถึงวัดไทรไทรใหญ่ใบชอุ่ม
เป็นเชิงซุ้มสาขาพฤกษาศาล
ขอเดชะพระไทรซึ่งชัยชาญ
ช่วยอุ้มฉานไปเช้นพระอนิรุท "

แล้วพบกันใหม่ครับ

 ขอแก้คำผิดในความเห็นที่92ค่ะจากคำว่า "กระบวนเรือพระราชพิธี" เป็นคำว่า "ขบวนเรือพระราชพิธี"ค่ะ

 ขอบคุณ คุณโพธิ์ประทับช้างมากเลยค่ะที่หาข้อมูลที่น่าสนใจและรูปหายากมาฝากค่ะ โดยเฉพาะรูปที่คุณแอบถ่ายมา ดูมีคุณค่ามาก

 เสียงเห่ไม่ค่อยได้ยินหรอกค่ะได้ยินแต่เสียงคนโห่ให้คนข้างหน้านั่งลง ถ้าไม่นั่งไม้ตายคือเขวี้ยงของใส่ และต้องขอขอบคุณพี่ผู้หญิง(เสียดายไม่ได้ถามชื่อ)พยายามเอื้อเฟื้อทุกอย่างเพื่อให้เราถ่ายรูปได้ถนัด พี่น่ารักมากขอบคุณค่ะ (พี่คนที่ยืนข้างหลังบัวนั่นแหละค่ะ)ขอบคุณอีกทีค่ะ

 รูปในความเห็นที่ ๑๒๒ เป็นเรือดั้งธรรมดาค่ะแต่อ่านหมายเลขเรือไม่ออก

สวยงามทุกกล้องครับ ผมดูทีวีอยู่ที่บ้าน ทราบว่าในเหตุการณ์จริง ได้บรรยากาศกว่า และงามมาก

 ตำแหน่งที่นั่งของอาจารย์เทาชมพู ได้ฉากหลังที่งดงามมากเลยนะครับ   การจัดกระบวนเรือ ก็แตกต่างจากมุมของผมอย่างสิ้นเชิง
ในมุมของผม เรือที่ขนาบเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชจะเป็น พาลีรั้งทวีป และ สุครีพครองเมือง  ครับ
ฉากหลังก็ยังเป็นบ้านรั้วไม้ผุ ๆ หลังคามุมสังกะสี
และผมยังต้องซูมจนสุดกำลังของเลนส์ โดยไม่ได้ใช้ขาตั้ง

ผมว่า ถ้ารัฐฯจะจัดทำ VCD หรือ DVD บันทึกรายการออกมาให้ประชาชนที่อยากเห็นภาพสวยงามได้ก็จะดี
จะได้เห็นถึงความงดงามอย่างสมบูรณ์โดยทั่วกัน
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคน สามารถเห็นกระบวนเรือในมุมมองที่สวยงามเหมือนกันหมด
ด้วยพื้นที่ที่จำกัดและความปลอดภัยแก่แขกบ้านเมือง

ผมคงจะต้องหาโอกาสไปชมเรือในพิพิธภัณฑ์ฯใกล้ ๆ เพื่อให้เห็นความงดงามให้เต็ม ๆ ตาอีกสักครั้งเร็ว ๆ นี้
แบบว่าไฟยังลุกอยู่ในหัวใจ ยังดู ยังเห็นไม่เต็มอิ่ม อย่างที่อยากจะเห็น

นับว่ายังดีที่โทรทัศน์ได้นำเทปบันทึกฯมาฉายให้ชมซ้ำหลายรอบ
ค่อยคลายความกระหายที่จะชมลงได้บ้าง
ทั้งยังได้ยินเสียงขับเห่เรือชัดเจนเป็นบางตอน    

 ไม่ผิดหวังจริงๆด้วยแฮะเข้ามาในเวปนี้ได้รู้ข้อมูลดีๆเพียบเลย รูปก้ออสวยทุกรูปเลย แฮะๆมุมภาพใกล้เคียงกับของผมเลย เมื่อวานกว่าจะได้ถ่ายรูปรอซะเกือบจะเป็นลมเลย แต่ก้อคุ้มจริงๆมีป้าคนหนึ่ง...เอ๊ยพี่สาวคนหนึ่ง(ไม่รู้จักชื่ออ่ะลืมถาม)แนะนำให้เข้ามาดูในนี้นะเลยแวะมาดู เห็นแกยืนถ่ายรูปขาสั้น..เอ๊ย_สั่นเลยสงสัยรอนานไปหน่อย..คนรัยไม่รู้หาว่าเราชอบหัวเราะค้างถ่ายรูปอยู่ดีๆหนีกลับมะบอกซักคำคุยกันก้อพักใหญ่ไม่บอกชื่อแซ่อีกตะหาก เอารูปลงประจานเลยซะดีไหมเนี่ยไม่ดีกว่าเดียวแกตามไปด่าที่ pantip จะซวยเอา

 ติชมด้วยนะครับ

 สวัสดีค่ะคุณmoshimaruรูปที่คุณนำมาฝากสวยดีอยากให้คุณmoเอารูปเรือมาลงเพิ่มให้ด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า แต่คิดอีกทีรูปที่คุณเอามาลงไม่สวยแล้ว(บังอาจมาว่าขาสั้น กรุณาอย่าเอาความจริงมาเปิดเผย)แล้วรูปคุณmoอยู่ส่วนไหนของpantipมันหาไม่เจอ หาจนตาลายแล้ว

 ขอแก้คำผิดในความเห็นที่ ๑๔๓ เรือแตงโม(เรือกลองใน)เป็นเรือสำหรับผู้บัญชาการขบวนเรือไม่ใช่รองค่ะ (เมื่อวานยังเป็นองคตอยู่ทำไมวันนี้เป็นลูกโป่งสวรรค์แล้วหละ)

 อ้าว!เป็นArtemisแล้ว

 ภาพเรือพระที่นั่งและเรือพระราชพิธีงดงามทั้งนั้นเลยครับ
อยากถามอาจารย์เทาชมพูหน่อยนะครับ
ผมสงสัยว่าต้องใช้คำใดจึงจะถูกต้อง ระหว่าง
กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค กับ กระบวนพยุหยาตราชลมารค

 คุณกุ้งแห้งเยอรมันมีภาพมาฝากอีกมั้ยค่ะ บัวว่ารูปของคุณมองแล้วมันสบายตาดีค่ะ

 ขอบคุณมากค่ะ  เห็นชัดขึ้นเยอะเลย
อาคารทางขวามือของภาพ หลังคาทรงปั้นหยา  ตรงท้ายพระบรมมหาราชวัง เป็นอาคารอะไรใครทราบบ้างคะ

ดิฉันพยายามมองหาร่องรอยโรงละครเจ้าพระยามหินทรฯ  ถัดจากวัดโพธิ์  มองไม่เห็นวี่แวว  เห็นแต่อาคารพาณิชย์

 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=61&Pid=53904&PHPSESSID=ef08ad6c76ba40b6acd590ca65b1e16f  

 ครับ
เพื่อนหญิงผมก็อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนจะมีเรือพระราชพิธี
เธอเล่าว่าฝนตกต้องวิ่งเข้าบ้านไปดูทีวีถ่ายทอด
พอฝนหยุด อากาศเย็นๆ ออกมาหน้าบ้านดูเรือ
พอกระบวนเรือลำหลักคือสุพรรณหงส์ผ่านหน้าพระบรมมหาราชวังเท่านั้นเอง บารมีพระองค์ท่านซึ่งเป็นคนสำคัญของโลกก็ทำให้พสกนิกรทุกคนประจักษ์
แดดจ้าเป็นสีทองยังกับฉายแสง พลพายที่ยกพายขึ้นนิ่ง แสงเป็นสีทองหมด
เงาสะท้อนน้ำก็ทอง
แสงพระบรมมหาราชวังก็ทอง
ไม่ธรรมดาเลยครับ เธอว่า ประมุขประเทศต่างๆและผู้แทนพระองค์ที่ชมอยู่ที่ราชนาวิกสภาอาจไม่ทราบคิดว่ายิงแสงอะไรสักอย่าง
แต่ประชาชนคนไทยสองข้างทางพึมพำกันถึงพระบารมีของท่าน
เพื่อนหญิงผมบอกว่า ทุกคนวิ่งเข้าบ้านดูทีวีต่อ..

 สวัสดีค่ะหายหน้าไปนานเนื่องจากคอมพิวเตอร์เสียจนตอนนี้ก็ยังซ่อมไม่เสร็จต้องยืมของน้องใช้ก่อน ได้คู่มือภาษาอังกฤษของงานครั้งนี้มาแล้วคิดว่าน่าจะเป็นเล่มเดียวกับที่อ.เทาชมพูได้มาค่ะ(เล่มสีทอง)ในความเห็นที่ ๑๓๗ ของอ.เทาชมพูอ่านในคู่มือแล้วก็ถอดความได้ว่าเป็นเรือแดงขวัญฟ้าและเรือแดงบ้าบิ่นเช่นกันค่ะ แต่ความจริงชื่อของเรือคือ"เรือดั้งทองขวานฟ้า"และ"เรือดั้งทองบ้าบิ่น"มีตำแหน่งเป็นเรือประตูหน้า ทำหน้าที่เป็นเรือนำริ้วขบวนค่ะ

 ขอบคุณที่มาแก้ให้ค่ะ   อ่านชื่อไทยสะกดด้วยภาษาอังกฤษ ผิดไปหลายเมตรเชียว

 เอามาฝากคนรักเรือพระราชพิธีครับ

บทเห่เรือพระราชพิธี ในงาน ฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ประพันธ์โดย นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย บทที่ ๑ สรรเสริญพระบารมี

 ตามด้วยบทชมเรือ

 สุดท้ายเป็นบทชมพระนคร

 คนที่ร้องกาพย์เห่เรือ อยู่ที่ไหนครับ  

 คนเห่จะอยู่ในเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชค่ะ        

 คำถามของคุณนทีฯในความเห็นที่ ๑๖๔ เนื่องจากคำว่า"มารค"แปลว่า"ทาง"ค่ะจึงใช้คำว่า"พยุหยาตราชลมารค"ค่ะ          

 สวัสดีค่ะ พอดีได้หนังสือเล่มใหม่มาค่ะคือ หนังสือ"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับมรดกของแผ่นดิน" จัดทำโดย กรมศิลปากร จึงมีข้อมูลใหม่เล็กๆน้อยๆมาเพิ่มเติมค่ะ หัวข้อในหนังสือคือ"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการฟื้นฟูพระราชพิธี" การฟื้นฟูการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค  เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่โรงเก็บเรือพระราชพิธีในคลองบางกอกน้อย ทอดพระเนตรเห็นเรืออยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม จึงมีพระราชดำริว่า "ถ้าจะให้มีการฟื้นฟูการเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินขึ้น ก็จะดูไม่เป็นการสิ้นเปลืองอะไรนัก เพราะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายทำขึ้นเพียงครั้งเดียวก็ใช้ไปได้นานปี ส่วนประโยชน์ที่พึงจะไดรับนั้น มีอยู่มากมายและหลายทางด้วยกัน เช่น เรือพระราชพิธีต่างๆอันสวยงาม และทรงคุณค่าในทางศิลปะอย่างยิ่งนั้น ก็จะได้รับการดูแลรักษา และบูรณะซ่อมแซมให้ดีอยู่เสมอ เป็นการรักษาสมบัติอันมีค่าของชาติให้มีอายุยืนยาวออกไป ทั้งจะได้เป็นการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีที่บรรพชนของเราใด้กระทำมาแล้วก่อนให้ดำรงอยู่ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาติ เป็นการบำรุงขวัญและก่อให้เกิดความภาคภูมิใจของคนไทย ทั้งยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมของชาติไทยที่มีแต่โบราณกาล ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของชาวต่างประเทศอยู่ตลอดกาลด้วย"

 นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารคในงานพระราชพิธี และการจัดกระบวนเรือพระราชพิธีในงานรัฐพิธี ซึ่งหากนับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๐-๒๕๔๙ ได้ปรากฏแก่สายตาชาวไทยและชาวโลกแล้ว ๑๕ ครั้ง

 พระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปบูชาประจำรัชกาลที่ ๑ ซึ่งพระองค์อัญเชิญไปประดิษฐานบนหลังช้างศึกทุกครั้งที่ทรงออกรบตั้งแต่ยังมิได้เถลิงถวัลยราชสมบัติ จนกระทั่งเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว และทรงได้รับชัยชนะทุกครั้ง

 วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ กระบวนพยุหยาตราแห่พระพุทธสิหิงค์อัญเชิญมาประดิษฐานในเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ในปีพ.ศ.๒๕๒๕ มีการจัดกระบวนพยุหยาตราขึ้นถึง ๓ ครัง ครั้งที่ ๓ จัดในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๕ เนื่องในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน ณ อัดอรุณราชวราราม

 สวยมากครับ

 สวยงามมากครับ น่าเสียดายตอนนี้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธียังไม่มีเรือพระที่นั่งให้ชมเลย คาดว่าคงกำลังซ่อมบำรุงกันอยู่

 http://www.navy.mi.th/sctr/royal_barge_60/index_sctr.php
คณะกรรมการเผยแพร่ข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ และกองสารสนเทศ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ
กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ ๑๐๖๐๐( ดูแผนที่ )
โทร. ๐-๒๔๗๕-๕๗๓๓,๐-๒๔๖๕-๓๐๑๘, ๐ ๒๔๗๕ ๕๑๘๔ แฟกซ์ ๐-๒๔๗๕-๕๗๓๒ ,๐-๒๔๖๖-๑๘๑๑
website :::www.navy.mi.th/sctr :::: email : relation@navy.mi.th BestViews 1024*768 Pixels & IE 5.5
Copyright 2004 - 2007 Naval Secretariat Office All rights reserved.