siamese
|
ความคิดเห็นที่ 165 เมื่อ 10 ก.ย. 14, 07:04
|
|
น่าคิดต่อไปว่าการถ่ายภาพพระบวรฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นั้นใช้เทคนิคอะไรในการถ่ายภาพ ระหว่าง
๑. ถ่ายบนแผ่นเงิน
๒. ถ่ายบนกระจกเปียก
++++++++++++++
๑. การถ่ายภาพบนแผ่นเงินนั้น จะได้ภาพติดกับตัวแผ่นเงิน มีลักษณะเงาคล้ายการมองฮาโลแกรม สามมิติในสมัยนี้ มีความเงาสะท้อนแสง แผ่นเงินมีขนาดเล็กได้ภาพออกมาคมชัดมาก แต่ขั้นตอนการทำนั้นยุ่งยากมากๆ
๒. ถ่ายบนกระจกเปียก เพียงเทสารไวแสงให้เคลือบกระจก ปล่อยให้แห้งแล้วนำไปถ่ายภาพ จากนั้นก็ทำสำเนาอัดลงบนกระดาษไวแสง คือ กระดาษอัลบูมิน (ทำด้วยไข่ขาว+สารไวแสง) ก็จะได้ภาพอัดลงบนกระดาษแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 166 เมื่อ 10 ก.ย. 14, 07:13
|
|
อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพแบบกระจกเปียก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 167 เมื่อ 10 ก.ย. 14, 15:40
|
|
ผมจะต้องไปอีกครั้งหนึ่งวันอื่น
ท่านที่สนใจก็อดทนหน่อยนะครับ ใกล้สรุปได้เต็มทีแล้ว
หากคุณนวรัตนไปหอจดหมายเหตุอีกครั้ง ฝากสอบถามถึงกระจกเนกาตีฟต้นฉบับของพระบวรฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ อาจฟลุคพบคำตอบก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 168 เมื่อ 10 ก.ย. 14, 16:57
|
|
ถามแล้ว เขาไม่ให้ดูครับ ใครดูได้ต้องมีเส้นใหญ่จริงๆ
คือประชาชนทั่วไปก็ไปหาบัญชีรายชื่อภาพ อยากดูภาพอะไรก็จดระหัสไปแจ้งเขา เขาก็จะไปหยิบมาให้ดู ไม่เอาเนกาตีฟให้ดูครับ ภาพพระบวรฉายาลักษณ์ ขอให้เห็นตัวจริงก่อน ถ้าจำเป็นต้องดูค่อยหาเส้นไปขอดูอีกที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 169 เมื่อ 11 ก.ย. 14, 09:23
|
|
ถามแล้ว เขาไม่ให้ดูครับ ใครดูได้ต้องมีเส้นใหญ่จริงๆ
คือประชาชนทั่วไปก็ไปหาบัญชีรายชื่อภาพ อยากดูภาพอะไรก็จดระหัสไปแจ้งเขา เขาก็จะไปหยิบมาให้ดู ไม่เอาเนกาตีฟให้ดูครับ ภาพพระบวรฉายาลักษณ์ ขอให้เห็นตัวจริงก่อน ถ้าจำเป็นต้องดูค่อยหาเส้นไปขอดูอีกที
ขอดูต้องใช้เส้น ไปแบบประชาชนเต็มขั้นก็ได้มาตรฐานแบบนี้ ... ส่วนภาพอีกค้นหาก็ส่งซ่อม ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อใด ........ คำตอบอยู่ในสายลม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 170 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:03
|
|
วันนี้พอผมเดินเข้าไปในห้องเก็บภาพเก่า เจ้าหน้าที่ก็จำได้และนำสิ่งที่ผมอยากเห็นมาให้ดูตามนัด สิ่งนั้นคืออัลบั้มภาพเก่าที่ปกเริ่มกรอบแล้ว เข้าใจเลยว่าที่เขาบอกว่าได้ส่งไปซ่อมนั้นก็เพราะเหตุใด ที่ต้องซ่อมไม่ใช่ตัวภาพในนั้นแต่เป็นตัวอัลบั้มนั่นเอง นี่เขาเห็นว่าผมสนใจเป็นพิเศษจึงขอยืมจากช่างมาให้ผมดู โดยไม่จำเป็นต้องใช้เส้นใช้สายอะไร ถือเป็นเป็นความกรุณา สงสัยจะสงสารคนมีอายุแบบผมที่ถ่อกายไปหลายครั้งแล้ว
รูปข้างล่างเอาลงมาให้ดูพอเป็นสังเขปว่า อัลบั้มที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เจ้าของอัลบั้มคงเป็นเจ้านายสมัยรัชกาลที่๕ ที่เก็บภาพชนิด carte de visite ขนาดครึ่งโปสการ์ดไว้ในรูปแบบของการสะสม คล้ายๆกับนักเล่นแสตมป์ พระบวรฉายาลักษณ์อยู่ในหน้านึงแบบปะปนกับภาพเจ้านายองค์อื่นๆ ที่จำได้ก็มีพระองค์เจ้าปฤศฤางค์ที่ทรงถ่ายสมัยที่เป็นอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษแล้วองค์หนึ่งละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 171 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:05
|
|
ผมขอให้เขาช่วยกรุณานำภาพพระบวรฉายาลักษณ์ออกมาจากอัลบั้ม จึงได้เห็นระหัสหวญ.ชัดเจน หมายความว่าเป็นสมบัติของหอวชิรญาณมาแต่เดิม โดยเจ้าของผู้ไม่ทราบว่าเป็นใครมอบให้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่บุตรหลานของนายจิตร ถึงจะมีตราประทับข้างหลังว่า Francis Chit, Bangkok.ก็ตาม
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 172 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:06
|
|
พระบวรฉายาลักษณ์องค์นี้แบบเต็มๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บไว้ศึกษา
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 173 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:08
|
|
ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า ตราประทับที่ระบุแต่ชื่อ Francis Chit อาจจะเป็นภาพที่ห้างของนายจิตรอัดออกขาย ไม่ใช่ภาพอัดจากกระจกแบบOriginalที่นายจิตรเป็นช่างภาพผู้ถ่ายเอง ซึ่งภาพเหล่านั้นนายจิตรจะประทับโลโก้เทียบชั้นห้องภาพชั้นดีของโลกอย่างไม่เคอะเขิน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นายจิตรคงได้พระบวรฉายาลักษณ์นี้มาจากทางใดทางหนึ่ง แล้วนำมาอัดขายในเมืองไทยแบบให้ซื้อไปใส่อัลบั้มเล่นสะสม ซึ่งที่ห้างนายจิตรอาจมีเป็นสิบๆภาพให้เลือกเพื่อสนองความต้องการของบุคคลระดับไฮโซที่แสวงหาของเล่นในยุคนั้น
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 174 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:30
|
|
วันนี้พอผมเดินเข้าไปในห้องเก็บภาพเก่า เจ้าหน้าที่ก็จำได้และนำสิ่งที่ผมอยากเห็นมาให้ดูตามนัด สิ่งนั้นคืออัลบั้มภาพเก่าที่ปกเริ่มกรอบแล้ว เข้าใจเลยว่าที่เขาบอกว่าได้ส่งไปซ่อมนั้นก็เพราะเหตุใด ที่ต้องซ่อมไม่ใช่ตัวภาพในนั้นแต่เป็นตัวอัลบั้มนั่นเอง นี่เขาเห็นว่าผมสนใจเป็นพิเศษจึงขอยืมจากช่างมาให้ผมดู โดยไม่จำเป็นต้องใช้เส้นใช้สายอะไร ถือเป็นเป็นความกรุณา สงสัยจะสงสารคนมีอายุแบบผมที่ถ่อกายไปหลายครั้งแล้ว
รูปข้างล่างเอาลงมาให้ดูพอเป็นสังเขปว่า อัลบั้มที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เจ้าของอัลบั้มคงเป็นเจ้านายสมัยรัชกาลที่๕ ที่เก็บภาพชนิด carte de visite ขนาดครึ่งโปสการ์ดไว้ในรูปแบบของการสะสม คล้ายๆกับนักเล่นแสตมป์ พระบวรฉายาลักษณ์อยู่ในหน้านึงแบบปะปนกับภาพเจ้านายองค์อื่นๆ ที่จำได้ก็มีพระองค์เจ้าปฤศฤางค์ที่ทรงถ่ายสมัยที่เป็นอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษแล้วองค์หนึ่งละ
ยกนิ้วให้กับความอุตสาหะวิริยะของท่าน NAVARAT.C
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 175 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:37
|
|
งั้นพระบวรฉายาลักษณ์รูปนี้ก็นำลงในต้นกระทู้ แทนภาพเก่าที่มีกรรมสิทธิ์ได้แล้วละซีคะ ดิฉันจะได้ย้อนกลับไปใส่ให้ครบ เพื่อคนที่เข้ามาศึกษาในตอนหลังจะได้เข้าใจเนื้อความได้ครบถ้วน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 176 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:41
|
|
พระบรมฉายาลักษณ์และพระบวรฉายาลักษณ์ทุกภาพ รวมทั้งภาพถ่ายโบราณที่มีอายุเกิน๕๐ปี ถือเป็นสมบัติของชาติ ไฉนบุคคลใดบุคคลหนึ่งจะอ้างว่ามีลิขสิทธื์ในภาพใดภาพหนึ่งได้ สิทธิ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร
แล้วทำไมจึงขอให้ลบกระทู้ หรือลบภาพที่ถูกนำมาลงเพื่อการศึกษานี้ด้วย ถ้าจะเอาออกไป ผมขอประท้วงครับ
สำหรับพระบวรฉายาลักษณ์สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของพี่อรรถดา คอมันตร์ ที่นำลงพิมพ์ในหนังสือสยามเรเนสซอง และได้ทำการขออนุญาตจากพี่อรรถดาในการใช้ภาพนี้เพื่อเป็นการศึกษาและค้นคว้าโดยไม่มีผลประโยชน์ทางแสวงหากำไร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย ดิฉันขอขอบคุณคุณอรรถดาเช่นเดียวกับคุณ siamese ที่อนุญาตให้ใช้ภาพนี้ได้ แต่ในเมื่อภาพนี้ได้มีลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ซ้อนเข้ามาอีก เพื่อคลี่คลายความลำบากใจของทุกฝ่าย ดิฉันจะขอลบพระบวรฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระปิ่นเกล้าที่มีชื่อห้องภาพสิงคโปร์ออกไป และหาพระรูปอื่นในลักษณะเดียวกันมาแทนที่ เพราะจุดมุ่งหมายของกระทู้นี้ เน้นที่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ในพระรูป ไม่ใช่ตัวพระรูปเอง ดังนั้นพระรูปอื่นที่คล้ายกันก็คงจะใช้ได้ และขอประทานโทษคุณอรรถดาที่ทำให้ยุ่งยากเสียเวลา ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของทางฝ่ายดิฉัน ที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ เมื่อรู้แล้วก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะพยายามแก้ไขอย่างดีที่สุด ไม่ต้องลบครับ อ.เทาชมพู / พี่ท่านได้โทรมาคุยกับผมแล้ว ไม่ติดใจอะไรและฝากนับถือ อ.เทาชมพู และ อ. Navarat ด้วยครับ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้พี่ท่านได้ทิ้งท้ายไว้อย่างเดียวว่า ไม่อยากให้คนไทยเข้าใจผิดไปว่าภาพนี้อยู่เมืองนอก ตอนนี้ภาพนี้อยู่เมืองไทย โดยคนไทยแล้ว และทำเพื่อความรู้ยิ่งสนับสนุนเพียงแต่ให้เครดิทก็เพียงพอ เพราะพี่ท่านลงทุนซื้อภาพ ( ราคาหลายบาทนะคับ เท่าที่ผมได้ยินมา - หนุ่มสยาม) ดังนี้แล้วกระทู้คุยเรื่องค้นหาตราปริศนาต่อไปละกันครับ ตามนั้นเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 177 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 16:54
|
|
ผมขอสรุปที่มาที่ไปของพระบวรฉายาลักษณ์ให้ชัดๆ
ภาพช้าย มาจากเวปของเยอรมัน (ซึ่งเขาได้มาอย่างไรต่อจากนี้เราจะแกะรอยกัน ทุกวันนี้สามารถเข้าไปซื้อได้ในราคา๒๕๐บาท จะได้ภาพที่มีความละเอียดสูง เหมาะจะเอามาหาว่าเหรียญที่ติดที่ฉลองพระองค์เป็นเหรียญอะไร) ผมถือว่าเป็นต้นฉบับ เพราะสีของฉลองพระองค์ในภาพไม่เข้มจนเกินไป ภาพขวา ศาสตราจารย์ศักดาได้มาจากสถาบันMEPของฝรั่งเศส น่าจะแต่งความเข้มของฉลองพระองค์มาทีหนึ่งแล้ว แถมยังตัดภาพส่วนบนออกไปด้วย จึงไม่ใช่ต้นฉบับ(แม้ว่าที่เห็นนี้จะคมชัดกว่าก็ตาม)
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 178 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 17:04
|
|
จากภาพต้นฉบับ ผมยังเชื่อว่าการตกแต่งภาพเพื่อใส่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของเขาให้พระองค์ท่าน กระทำในฝรั่งเศสนั่นเอง แต่น่าจะเป็นสมัยหลังๆที่เกิดกระแสนิยมเล่นสะสมภาพ carte de visite กัน ทั้งขนาดเต็มโปสการ์ดและครึ่งโปสการ์ด แพร่ขยายจากยุโรปไปยังอาณานิคมฝรั่งต่างๆทั่วโลก รวมถึงเอเซีย แล้วมาถึงสยามในสมัยรัชกาลที่๕ โดยลูกหลานของนายจิตรรับมาจากยี่ปั๊วในสิงคโปรอีกทีหนึ่ง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 179 เมื่อ 12 ก.ย. 14, 17:37
|
|
ติดตามและคิดตามไปด้วย มาถึงคำถามสรุป ว่าการแต่งเติมเครื่องราชให้พระองค์ท่าน ทำไปเพื่ออะไรคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|