เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ถาวภักดิ์ t_tiyabhorn@yahoo.com ที่ 28 ก.ย. 00, 12:00



กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ t_tiyabhorn@yahoo.com ที่ 28 ก.ย. 00, 12:00
เคยอ่านเกี่ยวกับเสรีไทยฝ่ายอังกฤษ จากบทความของเสรีไทยที่อยู่ในกองทัพอังกฤษ 2-3 ท่าน  ทำให้เห็นได้ชัดเจนถึงความสนใจเอาแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเองของฝรั่งชาตินี้  

เสรีไทยในกองทัพอังกฤษต้องรับการฝึกอย่างหฤโหด ในหลักสูตรหน่วยคอมมานโด  และต้องปฎิบัติภาระกิจเสี่ยงชีวิต  บางท่านก็ตายในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่  หากทางการอังกฤษก็ได้แต่ปูนบำเหน็จ เลื่อนยศให้เสมือนเป็นทหารของตน  ไม่ได้มองว่าเป็นชนชาติของฝ่ายพันธมิตร  ดังเจตนารมณ์ของเหล่าเสรีไทยที่เสียสละเข้าช่วยรบ   โดยเมื่อสงครามยุติ อังกฤษได้กระทำต่อประเทศไทยดังประเทศผู้แพ้สงคราม  พยายามจะเข้ามาควบคุม  และเรียกร้องค่าปฏิกรณ์สงคราม  ดีที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้เดินหมากทางการเมืองไว้อย่างแยบยลในอเมริกา  ด้วยการไม่ประกาศสงครามกับอเมริกา ตามคำสั่งของรัฐบาลของจอมพล ป.  พร้อมทั้งได้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในอเมริกา
จึงได้อเมริกาหนุนหลัง พอพยุงฐานะของประเทศไม่ให้ตกต่ำไปมากนัก

คุณประโพธิ เปาโรหิตย์ (ไม่แน่ใจตัวสะกด) อยู่ในคณะเสรีไทยชุดแรก  ที่สามารถแทรกซึมเข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทยได้สำเร็จ  ด้วยการจัดตั้งฐานลับบนภูกระดึง  เป็นทั้งคลังอาวุธ และค่ายฝึกกำลังพล เตรียมการกองกำลังต่อต้านญี่ปุ่น

อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์เป็นเสรีไทยสายอังกฤษอีกท่านหนึ่งที่กระโดดร่มเข้ามาเพื่อปฏิบัติการในประเทศ   หากได้รับบาดเจ็บขณะลงถึงพื้น  และถูกชาวบ้านผู้หลงผิดตามคำโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลจอมพล ป. รุมทำร้าย เพราะมองว่าท่านเป็นคนไทยขายชาติ เป็นแนวห้าให้ชาติศัตรู  แม้ท่านจะมีทั้งปืนกล และระเบิดมือ  แต่ด้วยความเมตตาเพื่อนร่วมชาติ ท่านจึงไม่ยอมต่อสู้  ยอมรับการเตะถีบ จับกุมแต่โดยดี

เหล่าเสรีไทยสายอังกฤษ  โดยเฉพาะผู้ที่ได้เข้ามาปฏิบัติภาระกิจในประเทศไทย  ล้วนได้รับการเลื่อนยศ และเหรียญกล้าหาญจากกองทัพอังกฤษ  แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่า ท่านเหล่านี้มิได้แสดงความภาคภูมิใจในยศและเหรียญตรานั้นเลย

ถ้าจะให้เดา  ก็น่าจะเป็นเพราะความขมขื่นที่ได้รับจากการกระทำของประเทศอังกฤษต่อมาตุภูมิของตน


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
ปัจจุบันเกือบไม่มีคนรุ่นใหม่ทราบแล้วละค่ะว่า ใครคือเสรีไทยกันบ้าง  ดิฉันเองก็เพิ่งทราบตอนไปค้นเรื่องนี้มาลง
ขอทยอยลงรายชื่อเสรีไทย(สายอเมริกา) รุ่นแรกก่อนนะคะ
๑  อานนท์ ณ ป้องเพชร
๒ บุญรอด บิณฑสัณห์
๓ บุญเลี้ยง ตามไท
๔ บุญเย็น   ศศิรัตน์
๕ การะเวก ศรีวิจารณ์(เสียชีวิตขณะปฏิบัติงาน)
๖ จก ณ ระนอง
๗ จำรัส ฟอลเล็ต
๘ เอี่ยน  ขัมพานนท์
๙  ม.ล,เอกชัย กำภู
๑๐  จินตมัย  อมาตบกุล
๑๑ ม.จ. ยุธิษเฐียร สวัสดิวัตน์
๑๒  จำรูญ ดิษยนันท์
๑๓  การุณ เก่งระดมยิง
๑๔  นิธิพัฒน์ ชาลีจันทร์
๑๕ พิเศษ ปัตตะพงษ์
๑๖ โผน  อินทรทัต
๑๗ พิสุทธิ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา
๑๘  เป้า  ขำอุไร
๑๙  สมพงษ์ ศัลยพงษ์ (เสียชีวิตขณะปฏิบัติงาน)
๒๐ สวัสดิ์ เชี่ยวสกุล
๒๑ วิเชียร วายวานนท์


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: GSX ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
เสรีไทยสายอังกฤษเริ่มแรกมีชื่อเรียกกันว่า Free Siamnese movement เพราะอังกฤษยังติดกับคำว่าประเทศสยามอยู่ แต่ในเอกสารทางราชการของอักกฤษเรียกเสรีไทยสายอังกฤษว่า Thai Resistance Movement
ส่วนเสรีไทยสายอเมริกามีชื่อว่า Free Thai Movementมาตั้งแต่แรก


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
บทความเกี่ยวกับชีวิตการเป็นเสรีไทยของคุณประโพธิ เปาโรหิตย์ มักไม่เป็นที่รู้จัก ในหมู่ผู้ค้นคว้าเรื่องเสรีไทย  ด้วยท่านได้เขียนแฝงไว้ในนิยายอิงประวัติศาสตร์ "สมบัติเจ้าพระฝาง" โดยใช้นามปากกาว่า"นวลแสงทอง" (ถ้าผมจำไม่ผิด)  และรู้สึกว่าจะพิมพ์จำหน่ายโดยสำนักพิมพ์โลกทิพย์

ผู้ที่อ่านจึงไม่ทราบว่าการที่ตัวเอกของเรื่องได้กล่าวถึงชีวประวัติ  ตั้งแต่การเข้าร่วมอยู่ในกองทัพอังกฤษ  การรับราชการเป็นตำรวจสันติบาล   จนถึงการเข้าทำงานกับบริษัทลีเวอร์ฯ  นั่นล้วนมาจากชีวิตจริงของท่านผู้แต่ง

เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู ต่อผู้เสียสละให้กับประเทศ  หากผู้ค้นคว้าท่านใดได้อ่านหนังสือดังกล่าวแล้วไม่แน่ใจในส่วนใด จะสอบถามผม  ก็จะยินดีช่วยหาความกระจ่างให้  สิ่งใดที่ผมไม่สามารถตอบเองได้ ก็จะไปขอความกรุณาสอบถามจากภรรยาหม้ายของท่านให้


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
ขอบคุณค่ะคุณ GSX ดิฉันได้คำแปลชื่อเสรีไทยมาจากบันทึกของ นอ.วิมล วิริยะวิทย์ เสรีไทยสายอเมริกา รุ่น ๒
ท่านบอกว่า ชื่อ เสรีไทย = Free Thai
ขบวนการเสรีไทย = Free Thai Movement ค่ะ

คุณถาวภักดิ์คะ  คุณประโพธิเล่าหรือเปล่าว่าทางการบ้านเมืองได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบให้เสรีไทยอย่างไรบ้าง เมื่อสงครามจบแล้ว


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: GSX ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
เท่าที่้เคยได้ยินมาจำได้ว่าเสรีไทยสายปรีดี หลายคนเริ่มมีบทบาททางการเมืองหลังสงคราม แล้วพอหลังจากที่ท่านปรีดีถูกให้ออกนอกประเทศไปแล้วนั้น เสรีไทยบางส่วนถูกรัฐบาลของจอมพล ป. เก็บไปก็มี อันนี้ฟังเค้ามาอีกที่ไม่มีรายละเอียด


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: ลุงแก่ ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
คำให้สัมภาษณ์ มรว. เสนีย์ ปราโมช
ถาม - "ท่านถูกขอไปนี่เพื่อทำงานเสรีไทยหรือเปล่าคะ"
ตอบ - "เปล่าผมทำของผมเอง จอมพล ป. ท่านเข้าข้างญี่ปุ่น
ยังตัดเงินเดือนของผมเลย ตอนนั้นผมมีโทษประหารอยู่ ถ้ากลับมา
ก็ถูกยิงเป้าแน่เลย"

สั้นๆ แค่นี้แหละครับ บังเอิญอ่านพบ
 


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
คุณประโพธิ  ท่านไม่ได้เล่าไว้เลยครับ  แต่เท่าที่ได้ยินมา  ก็ไม่ปรากฎว่าเหล่าเสรีไทย จะได้รับการเชิดชู  หรือบำเหน็จเป็นพิเศษแต่อย่างใด   กลับจะเป็นภัย และเป็นที่เพ่งเล็ง  ในยุคจอมพล ป. กลับมาเรืองอำนาจ  ดังที่คุณGSXกล่าว


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: หนอนต้อม ที่ 19 ก.ย. 00, 00:00
ขอแสดงความเห็นแบบส่วนตัว ส่วนตัว ของผมหน่อยนะครับ
ผมอยากมองว่า เสรีไทย เป็นตัวอย่างอีกครั้งของการแตกความสามัคคีของคนไทยเราเอง
 จริงอยู่ เสรีไทยช่วยไม่ให้เราตกอยู่ในสภาพประเทศผู้แพ้สงคราม
ทำให้เราไม่ต้องประสบความลำบากยากเข็ญแบบประเทศญี่ปุ่น
แต่มองอีกแง่ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันร่วมรับความลำบากนั้นมิใช่หรือ ที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในทุกวันนี้
ปัจจุบัน ก็ยังเห็นเรื่องแบบนี้อยู่เสมอในประเทศไทย ต่างฝ่ายต่างอ้างว่ารักชาติ ต่างฝ่ายก็พยายามใช้วิธีของตัว ไม่พยายาม ประสานเข้าหากัน ผมไม่รู้เรื่องของเสรีไทยมากนัก แต่ที่หลาย ๆ คนบอกว่าเสรีไทยถูกลอบฆ่ามากมาย หลังสงครามสิ้นสุด ก็น่าจะชี้ว่า เกิดอะไรขึ้น
ผมไม่อยากสรุปว่าฝ่ายใดถูก ฝ่ายใดผิด ถ้าเราไม่มีเสรีไทย แล้วประเทศเราจะเป็นอย่างไร ก็บอกไม่ได้ เพราะเรื่องทั้งหมดเป็นอดีตไปแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่อยากเราสามัคคีกันรักชาติในปัจจุบันมากกว่า ไม่ใช่ต่างคนต่างรัก ต่างคนต่างทำ แล้วผลก็ออกมาอย่างที่เป็นอยู่
 


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ก.ย. 00, 00:00
คุณหนอนต้อมชอบมองต่างมุมแฮะ ไม่ว่ากันครับ สนุกดี
ผมกลับคิดว่าการมีเสรีไทยขึ้น อย่างน้อยในช่วงแรกๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักชาติของคนไทย มากกว่าจะมองว่าเป็นการแก่งแย่งแตกกันเอง ส่วนว่ารักชาติแล้วอาจจะไม่ค่อยประสานงานกันเท่าไหร่ในการปฏิบัติ(หรือว่าสมัยหลังสงครามแล้วมีการช่วงชิงอำนาจเข่นฆ่ากัน) นั้น เป็นอีกเรื่อง ผมว่าคุณหนอนต้อมคงต้องทำใจว่า นิสัยประจำชาติพวกเราก็ยังงี้แหละ ผมยังคิดอยู่ว่า มีเสรีไทยแตกออกมาน่าจะดีกว่า ถ้าคุณหนอนต้อมต้องการให้คนไทยเป็นเหมือนอย่างคนเยอรมัน คนญี่ปุ่น เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย เดินต้อยๆ ตามกันไปลงเหวทั้งชาติ ผมว่าคงไม่สนุกครับ ญี่ปุ่นเจอเอาระเบิดปรมาณูเข้าไป และเยอรมันบ้านเมืองยับเยินพินาศหมดไม่ใช่เพราะอย่างนั้นหรือครับ อีกอย่าง นิสัยคนไทยก็ไม่ให้ที่จะเป็นอย่างนั้นด้วยดังกล่าวแล้ว ถ้าคุณหนอนต้อมบอกว่าอยากให้คนไทยสามัคคีร่วมเผชิญภัยสงคราม คุณหนอนต้อมต้องไปบอกจอมพล ป. ตอนนั้น เพราะถ้าท่านสู้ ไทยคนอื่นก็คงร่วมกับท่านสู้ด้วย (ก่อน 7 ธค. ไทยประกาศตัวเป็นกลางและจอมพล ป. ตั้งท่าจะสู้อย่างเข้มแข็งนะครับ ที่สู้ไปแล้วก็มี วรีกรรมยุวชนทหารนั่นไง แต่ท่านมาเปลี่ยนใจตอนหลัง) แต่นี่เพราะคนไทยคนอื่นตอนนั้นเขาเห็นว่าท่านไปยอมญี่ปุ่นหมดแล้วน่ะสิครับ เขาเห็น (จะเห็นผิดหรือถูกก็แล้วแต่) ว่ารัฐบาลจอมพล ป. กลายเป็นหุ่นญี่ปุ่น หรือระบอบวิชีไปแล้ว เขาถึงต้องดิ้นรนหาทางสู้ของเขากันเอง คุณจะโทษว่าเสรีไทย "แตกสามัคคี" ออกไปจากการนำของรัฐบาลหลวงพิบูลฯ หรือ ฟังแปลกๆ นะ (เรื่องเหตุผลต่างๆ ที่จอมพล ป.พิจารณาแล้วตัดสินใจยอมญี่ปุ่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) และหลังสงครามแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะมีเสรีไทย บ้านเมืองเราหลังสงครามจึงไม่บอบช้ำมากนัก
ทีนี้ว่าถึงเรื่องการร่วมกันรับความทุกข์ร้อนด้วยกันทั้งชาติ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นกับเยอรมันฟื้นตัวเร็ว ผมมองว่าเป็นคนละตอนกับตอนสงครามแล้วครับ ผมเห็นด้วย ว่าการร่วมกันสามัคคีสู้หน้าวิกฤตของชาติเป็นเรื่องดี แต่ทั้งนี้ คนที่เป็นแกนต้องมีภาวะผู้นำสูงและสามารถทำให้คนอื่นเห็นว่าเขามีความชอบธรรมในการนำ ถ้าตัวเองสูญเสียความน่าเชื่อถือในการนำไปเอง จะไปโทษว่าคนอื่นที่เขาทนดูชาติย่อยยับไม่ได้ "แตกสามัคคี" ออกไป ก็คงไม่ได้มั้งครับ  


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ย. 00, 00:00
ขอต่อประเด็นของคุณนกข.
ดิฉันอ่านพบในหนังสือประวัติของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์  ในนั้นบันทึกการประชุมของคณะรัฐมนตรีตอนญี่ปุ่นบุกไทย   ในนั้นบอกหมดว่าใครพูดอะไร ค้านอะไร แถลงอะไรบ้าง  อ่านแล้วก็พิศวงว่า หลายๆคนในนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  อย่าสู้เขาเลยไม่มีทาง  สู้ไปก็แพ้แน่   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นกยรัฐมนตรีก็ประกาศให้ไทยสู้สุดใจขาดดิ้น  ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งที่สู้ตามนโยบายแรก เสียชีวิต อย่างยุวชนทหาร
แต่ในบันทึกการประชุมไม่ได้บอกว่า มีข้อมูลอะไรทำให้มีบุคคลสำคัญหลายคนเห็นว่า สู้ไปก็แพ้


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: GSX ที่ 23 ก.ย. 00, 00:00
อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับพอดีไม่ได้มีหนังสืออยู่ใกล้ๆให้ค้นด้วย สมัยนั้นกองทัพญี่ปุ่นยิ่งใหญ่มากยึดจีนได้ บุกไปบอมบ์เพิร์ลฮาเบอร์ แถวๆเอเชียนี่ก็โดนญี่ปุ่นโจมตีกันถ้วนหน้า อีกอย่างทหารที่รบให้กองทัพจักพรรดิ์ญี่ปุ่่นนั้นเตรียมตัวมาชนะหรือไม่ก็ตาย ดังนั้นจึงเป็นนักรบที่เหี้ยมโหดกับศัตรูมาก ผมเคยดูภาพสารคดีเกี่ยวกับทหารญี่ปุ่นในสงคราม เค้าฝึกกันโหดมาก ยิ่งการใช้ดาบปลายปืนเนียแล้วดูแล้วน่ากลัว คือเค้าจะแต่งชุดเหมือนกับเคนโด คือมีเกราะเต็มตัว แต่จะไม่ใช้ดาบไม้ แต่จะเปลี่ยนเป็นปืนที่ทำจาำกไม้ยาวๆ แล้ว ก็ซ้อมตะลุมบอนกัน ใช้พานท้ายตีกันเอาปลายดาบปลายปืน(ปลอม)แทงกันอย่างแรงเห็นเล่นกันคว่ำไปเลย ดูแล้วน่ากลัวมาก(เป็นคล้ายๆภาพที่ญี่ปุ่นเก็บเอาไว้) พวกนี้เวลาประจันบานแล้วถ้าตัวเองจะตายก็ต้องพุ่งตัวเอาดาบปลายปืนหรือดาบคัทตาน่า แทงให้ทหารศัตรูตายไปกับตนด้วยอย่างน้อยคนหรือ2คน คล้ายๆนักรบกามิกาเซ่ คือตัวตายไม่ว่าแต่ข้าศึกต้องตายด้วย (แต่ทหารอเมริกันมีปืน11มม.ใช้ป้องกันพวกนี้ได้คือยิงโดนปุ๊ปร่างจะกระเด็นไปอีกทางหรือไม่ก็กองตรงนั้นเลยซามูำไรไม่มีโอกาสเข้าแทง)
คาดว่าผู้ใหญ่หลายท่านในที่ประชุมน่าจะทราบข้อมูลทางการทหารของญี่ปุ่นดีเลยคิดว่าโอกาสที่กองทัพไทยจะชนะนั้นมีน้อยมาก หรืออาจไม่มีเลยก็เป็นได้ ดังนั้นจึงลงความเห็นว่าสู้ไปก็แพ้ อีกอย่างสมัยนั้นกองทัพไทยยังไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมากนัก กองทัพไทยเำพิ่งจะมาพัฒนาได้เท่ากับประเทศพัฒนาแล้วก็ตอนช่วงสงครามเวียดนามแล้ว  ซึ่งอเมริกามีส่วนมากในการปรับปรุงช่วยเหลือด้านการทหาร เพราะช่วงนั้นเราเป็นกันชนอยู่ระหว่างคอมมิวนิสต์กับเสรีนิยมกองทัพไทยจึงได้อาวุธและระบบที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นมาใช้


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ย. 00, 00:00
ไปเปิดหนังสือ "ชีวิตและงานของพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์"อีกทีหนึ่ง ขอคัดบางส่วนมาให้อ่าน
ความคิดเห็นของคุณ GSX ตรงกับความคิดของบุคคลในคณะรัฐมนตรีหลายๆคนค่ะ
พล ต.ต. อดุล อดุลเดชจรัส - "กองทัพเรือของอเมริกาก็ดี ดัทช์ก็ดี   หรือกองทัพเรืออังกฤษก็ดี  ไม่สามารถที่จะมาช่วยไทยในอ่าวไทยได้...ผมเห็นว่าควรจะพูดจาผ่อนไปบ้างตามสมควร เพราะเราขืนสู้ก็สู้ไม่ได้  และไม่มีใครเขาช่วยเราได้อย่างเต็มที่"
พล ต พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต  - เท่าที่ท่านนายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่าถ้าสู้  เราก็สู้ไปไม่กี่น้ำ  ถ้าไปอย่างนี้บางทีจะมีทางบ้างกระมัง"
นายดิเรก ชัยนาม - ผมคิดว่าสู้นั้นเราสู้ไม่ไหว  อย่างที่ท่านนายกเคยกล่าวแล้ว...แต่การที่จะบังคับให้เราร่วมรบนั้นเรายอมไม่ได้
 


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 24 ก.ย. 00, 00:00
แม้แต่หลังวันที่ 7 ธค. เมื่อเราหยุดยิงกับญี่ปุ่นและจำยอมให้ทัพญี่ปุ่นผ่านทางไปตีสัมพันธมิตรแล้ว ผมว่า ผู้ใหญ่ฝ่ายที่เห็นว่าจำเป็นต้องมีเสรีไทยก็ยังคงเข้าใจจอมพล ป. อยู่ ว่าเราจำเป็นจำทำเพราะจำใจ ซึ่งยังพอจะอธิบายฝ่ายสัมพันธมิตรได้ หลังจากนั้นแล้วต่างหาก ที่รัฐบาลตัดสินใจเข้าเป็นพันธมิตรญี่ปุ่นกอดคอร่วมรบกับสัมพันธมิตร ประกาศสงครามกับอเมริกาอังกฤษ นั่นต่างหาก ที่ความจำเป็นต้อง "แตกสามัคคี" ไปจัดตั้งเสรีไทยปรากฏชัดขึ้นมา เพราะจะหวังพึ่งรัฐบาลก็ประกาศตัวกลายเป็นพวกญี่ปุ่นไปเต็มตัวแล้ว อย่างน้อยในระดับทางการ แต่ลึกๆ คนในรัฐบาลเองหลายฝ่าย เช่น พล.ต.อ หลวงอดุลฯ อธิบดีตำรวจ ท่านก็รู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายเสรีไทยอยู่ด้วย - ซึ่งผมแปลว่า ที่จริง ไม่ใช่แตกสามัคคีเสียทีเดียวนะครับ ก็ยังแอบๆ ประสานกันอยู่บ้างนะ


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 00, 00:00
มาถึงตอนที่คุณนิลกังขาเล่าแล้วยังติดใจอยู่ว่า  รัฐบาลจำใจ  ถูกบังคับให้เป็นพันธมิตร หรือว่าสมัครใจเข้าไปเอง เพราะเชื่อว่าญี่ปุ่นจะชนะกันแน่คะ
ที่ถามเพราะยังค้นตำราไม่พบค่ะ
ส่วนเรื่องเสรีไทย เคยถามอาจารย์ทางประวัติศาสตร์  ท่านบอกว่าพอสงครามสงบ  ใครต่อใครก็มาเปิดเผยตัวกันใหญ่กว่าเป็นเสรีไทย  แม้บางกระแสก็ยังมีข่าวว่าจอมพลป.เป็นเสรีไทย(แบบซ่อนเร้น) ด้วยเหมือนกัน


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: GSX ที่ 25 ก.ย. 00, 00:00
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวอีกหน่อยนะครับ
คาดว่าที่รัฐบาลไทยในขณะนั้นเข้ากับฝ่ายญี่ปุ่น
เพราะคงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาบนแผ่นดินไทยเรียบร้อยแล้ว ต้านก็ไม่ได้ หาคนช่วยก็ไม่ได้ เลยคงมีทางเดียวคือเป็นมิตรกับญี่ปุ่น เหมือนมีมีดมาจ่อคออยู่แล้วขัดขืนก็ตายเปล่า  ผมยังเชื่อว่าจอมพล ป.นั้นทราบเรื่องการมีตัวตนของเสรีำไทยตลอด แต่คงไม่ได้หนุนหลัง หรือต่อต้านอย่างจริงจัง

แต่อีกข้อที่น่าคิดก็คือนายกในสมัยนั้น ค่อนข้างจะมีความคิดออกไปทางชาตินิยม คล้ายๆกับฮิตเลอร์ มุโสลินี หรือแม้แต่ จอมพลแม่ทัพของญี่ปุ่น อาจเป็นไปได้ที่จอมพล ป เต็มใจเข้ากับฝ่ายอักษะ
อันนี้คิดเฉยๆนะครับ


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 25 ก.ย. 00, 00:00
ถ้าได้อ่าน"สามก๊ก  ฉบับนายทุน"  ของ  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ซึ่งเขียนขึ้นในยุคจอมพล ป.  ก็จะพอเห็นมุมมองด้านลบ ที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  มีต่อ ท่านจอมพล  โดยอาจารย์หม่อมได้เปรียบเทียบแบบประชดประชันท่านจอมพลดังโจโฉ  อย่างชัดเจน  จากการให้สมญาโจโฉว่านายกตลอดกาล  และเรียกฐานันดรสุดท้ายของโจโฉว่าสมเด็จเจ้าพระยา  ตรงกับความคิดในยุคนั้นที่จะรื้อฟื้นบรรดาศักดิ์ขึ้นมาใหม่  ซึ่งเมื่อเทียบชั้นเครื่องราชฯที่ได้รับพระราชทาน  ท่านจอมพลก็จะได้บรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยา

"สามกรุง"ของ นมส. ก็เป็นบทกวีที่สอดแทรก  ทัศนคติด้านลบที่มีต่อจอมพล ป.  ซึ่งล่าสุดสำนักพิมพ์มติชนก็มีหนังสือวิเคราะห์อย่างละเอียดละออ แต่ต้องขออภัยที่ลืมชื่อท่านผู้เขียนไปเสียแล้ว

ในมุมหนึ่งผมมองว่า รัฐบาลยุคนั้นและรัฐบาลยุคนี้มีส่วนคล้ายกัน  ตรงที่อยู่ในสภาวะที่มีแต่เสียกับเสีย  ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอย่างไรประเทศก็ต้องสูญเสียทั้งสิ้น  (อันนี้พูดถึงนโยบายอย่างเดียวนะครับ  ยังไม่คำนึงถึงด้านการปฎิบัติ  และจริยธรรม)

ปัจจุบันคนก็พูดกันมากว่าเราเดินมาผิดทาง  และก็ดูเหมือนว่ากำลังจะเกิดวิกฤตรอบสองจริงๆ   ซึ่งผมก็ได้ยินแต่เสียงด่ารัฐบาล(หลายอย่างผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง)  หากยังไม่เห็นใครที่จะมีความชัดเจนในวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ  อย่างเบ็ดเสร็จ   อย่างมากก็ดูจะบอกเป็นจุดเล็กๆเท่านั้น

จะมียกเว้นก็แต่วิธีของในหลวง  แต่คนทั่วไปมัวเอาไว้กราบไหว้บูชาและกล่าวอ้าง  เหมือนที่ชอบกระทำกับพระพุทธ และพระธรรม  มากว่าจะนำไปปฏิบัติจริง   ทั้งอาจเป็นด้วยสาเหตุประการหนึ่งว่า  คนทั่วไปยังต้องการที่จะไม่ยอมรับความจริงว่าเราสู้เขาไม่ได้  เช่นเดียวกับในยุคสงครามโลกครั้งที่2  เรากำลังมาถึงจุดที่ต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้แล้ว

ซึ่งยิ่งเรายอมรับได้เร็วขึ้นเท่าไร  เราก็จะสามารถเริ่มช่วยกันสร้างชาติได้ใหม่เร็วขึ้นเท่านั้น    


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 00, 00:00
ผู้นำอย่างจอมพล ป. ก็คงลำบากใจเหมือนกันว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน ให้ไทยบอบช้ำน้อยที่สุด
นึกๆดูอีกที ถ้าหากว่าญี่ปุ่นเป็นฝ่ายขนะ จอมพลป.คงจะกลายเป็นวีรบุรุษ มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ว่าตัดสินใจถูก ช่วยให้ชาติพ้นภีย  ไทยอาจกลายเป็นมหาอำนาจรองลงจากญี่ปุ่น
แต่ญี่ปุ่นแพ้    ผลก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ละค่ะ

ส่วนประเด็นที่คุณถาวภักดิ์ยกมา  ก็เป็นความวิตกกังวลของคนหลายคนรวมทั้งดิฉันด้วย
ดิฉันยังชอบวิธีของมหาเธร์ โมฮัมหมัดอยู่เลยค่ะ  


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 29 ก.ย. 00, 00:00
ประเด็นของคุณ GSX น่าสนใจ และเป็นประเด็นที่ผู้ใหญ่ไทยสมัยโน้นหลายๆ คนเห็น คือว่า นอกจากเรื่องทางปฏิบัติ คือ ผลประโยชน์ของชาติที่ยังคงเถียงได้ว่าจะเอายังไงให้เสียน้อยที่สุดในสถานการณ์ที่มีแต่เสียกับเสียแล้ว ยังมีเรื่องแนวความคิดอุดมการเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ผมเองก็รู้สึก ว่าท่านจอมพล ป. และคุณหลวงวิจิตรวาทการ มีความโน้มเอียงค่อนไปทางชาตินิยม/อำนาจนิยม/ลัทธิทหาร อยู่ อาจจะไม่ถึงกับขนาดฟาสซิสต์หรือนาซี แต่ว่าไม่ค่อยจะเป็นประชาธิปไตยเสรีนิยมแน่ๆ ครับ นั่นอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งให้คนไทยกลุ่มอื่นเห็นว่าจะไม่ใช่จำเป็นต้องเข้ากับญี่ปุ่นเพราะมีดจ่อคออยู่เท่านั้นกระมัง จะเป็นเพราะนับถือเลื่อมใสแนวคิดด้วยหรือเปล่า
สงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนเรียก (จะผิดหรือถูกก็ตาม) ว่าเป็นสงครามระหว่างลัทธิเผด็จการขวาจัดกับประชาธิปไตยแบบตะวันตก ผลปรากฏว่าฮิตเล่อร์แพ้ ทำให้ลัทธิการเมืองอย่างฟาสซิสต์ หรือนาซี ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่สังคมโลกยอมรับได้อีกต่อไป (ก่อนสงครามโลกลัทธิพวกนี้ได้รับการยอมรับเป็นทางเลือกทางหนึ่งนะครับ มุสโสลินี หรือฟรังโก ปกครองประเทศแบบเผด็จการโดยไม่ได้มีการวิจารณ์ด่าว่าสักเท่าไหร่ โลกยอมรับกลายๆ ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่อิตาลีหรือสเปนหรือเยอรมันได้เลือก เหมือนลัทธิคอมมิวนิสต์ก่อนโซเวียตล่มสลายนั่นแหละ) สมมติกันเล่นๆ ว่าญี่ปุ่นและฝ่ายอักษะชนะ ไทยก็อาจจะเป็นประเทศชนะสงคราม จอมพล ป.ก็คงเป็นวีรบุรุษไปได้จริงแหละ แต่สังคมโลกและสังคมไทยจะเป็นยังไง จอมพล ป. เป็นวีรบุรุษสงครามแล้ว จะกลายเป็น "ท่านผู้นำ" ตลอดชาติไปด้วยหรือเปล่า (แล้วจะเอาสถาบันกษัตริย์ไปไว้ไหน - จะเลียนแบบมุสโสลินี หรือจะเลียนแบบฟรังโก) บางที เสรีไทย (และเผลอๆ ก็จะมีเสรีจีน เสรีอเมริกัน เสรีอิตาเลียน เสรียิว ฯลฯ ด้วย) อาจจะยังคงต้องเกิดขึ้นอยู่ดี แต่คราวนี้กลายเป็นการต่อสู่ใต้ดินระหว่างรัฐเผด็จการที่ชนะสงครามกับกลุ่มการเมืองติดอาวุธที่ไม่เชื่อในลัทธิอำนาจนิยมแทน แต่นี่ผมก็แค่คิดเล่นๆ ครับ


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 00, 00:00
คิดเล่นๆเหมือนกันนะคะ
ถ้าหากว่าญี่ปุ่นและเยอรมันชนะ  ไทยร่วมเป็นประเทศชนะสงครามด้วย  อำนาจนิยมในแนวชาตินิยมคงครอบงำประเทศอยู่อีกนาน
แต่ในเมื่ออเมริกายังอยู่  เสรีใต้ดินทั้งหลายก็คงจะมีอย่างที่คุณว่า
ดิฉันมองไทยว่าจะคล้ายๆประเทศหลายประเทศในอเมริกาใต้ ที่สหรัฐเข้าไปมีบทบาทอย่างไม่เปิดเผยค่ะ


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: นพณัฐ ที่ 01 ธ.ค. 05, 19:34
 ปืนรุ่นที่ทหารอเมริกันใช้ ถ้าจำไม่ผิดเรียกว่า anti-katana หรืออะไรซักอย่างเนี่ยแหละครับ ใช้สำหรับสู้กับพวกนี้ในระยะประชิด


กระทู้: จากบทความ"เสรีไทย"
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 05 ธ.ค. 05, 11:32
 กระทู้โบราณยังอุตส่าห์ถูกงัดขึ้นมาได้หนอ

ดีเหมือนกันครับ มาพ้องกับเหตุการณ์เมื่อวาน(4 ธค) ทรงมีพระราชกระแส ย้ำเตือนถึงเศษรฐกิจพอเพียง และการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับอนาคตที่อาจขาดแคลนเช่นในเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง

จากวันนั้นนั้นถึงวันนี้ เราได้เห็นความแตกต่างระหว่างชาติเอเซียด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาหลีกับเรา  เกาหลีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และก้าวมาอยู่ในระดับชาติผู้นำทางเศษรฐกิจอย่างเต็มภาคภูมิ แม้สินค้าประเภทภาพยนต์ ละครโทรทัศน์ ดนตรีPop ก็ยังได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ(อย่างไทย) ตีญี่ปุ่นกระจุย

หันมาดูประเทศไทยก็ชวนให้สะท้อนใจ ไม่ต้องไปอ้างอิงผลงานวิจัยของใคร เพียงแค่มองดูรอบๆตัว ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิม    เห็นผู้คนยังนิยมกู้เงินดอกเบี้ยแพงๆ เพื่อสินค้าประดับบารมี อย่างรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ  เห็นค่านิยมที่ยังให้ความสำคัญสูงสุดที่ความโก้หรู และหน้าตา  

อยากเห็นการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทด้วยการปฏิบัติด้วยตนเองจริงๆ ไม่ใช่ตามแต่ปาก และด้วยความคำขวัญ คำสรรเสริญ  มีสิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้อย่างชัดเจน คือการใช้ขนส่งสาธารณะให้เป็นประจำ  คนที่เคยผ่านประเทศอุตสาหกรรมมาแล้ว คงจะเห็นความแตกต่างของค่านิยมตรงนี้  ว่าคนไทยเวอร์เพียงใด  ขณะอยู่ต่างประเทศยังใช้ขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องปกติกันได้  แต่พออยู่บ้านเรา  ทำไม่ได้ซะแล้ว  อ้างกันไปสารพัดว่าไม่ดี ไม่สะดวกเหมือนเมืองนอกอย่างนั้นอย่างนี้   แต่สำรวจใจตนเองจริงๆเถิด มาจากทิฐิมานะ ค่านิยมผิดๆของเราเองแท้ๆ

ใครที่ชอบทำตนเป็นนักปฏิวัติ ทำไมไม่ปฏิวัติเพื่อพระเจ้าอยู่หัวกันบ้างหนอ  จะประหยัดเงินไหลออกได้มหาศาลขนาดไหน  จะประหยัดเงินที่ต้องทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาการจราจรได้มากเพียงใด

ไม่ต้องเสียเงินกันสักแดง  มีแต่จะประหยัดได้เดือนละเป็นพัน เป็นหมื่น ยอมลำบากกันสักนิด หักห้ามความอายกันสักหน่อย ลดอัตตาตัวเองกันบ้าง ช่วยกันแก้ค่านิยมเอาหน้าเอาตาของสังคม  ถวายเป็นของขวัญพระเจ้าอยู่หัวกันเถอะ