เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: naitang ที่ 06 พ.ย. 22, 17:37



กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 พ.ย. 22, 17:37
มีโรคภัยไข้เจ็บมาเยี่ยมเยือนตัวเองพร้อมๆกันอยู่สองสามเรื่องตามกาลแห่งวัย เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับฟัน เป็น long-term effect จากการฉายแสงในการรักษามะเร็งที่พบในโพรงจมูก (Lymphoma)  อีกเรื่องหนึ่งมาจากนิ่วที่กรวยไต ก็ส่องกล้องผ่าตัดเอาออกไป  แล้วก็มาเรื่องของ Office syndrome แถบบริเวณคอ ผนวกกับกล้ามเนื้ออักเสบที่แขนและศอก ซึ่งดูเหมือนจะเรียกว่า Golfer elbow symptom ซึ่งก็เกิดมาจากการนั่งทำคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ผนวกกับท่าทางที่ไม่เหมาะสม   ก็เลยหายไปจากกระทู้ทั้งหลาย กระนั้นก็ยังติดตามอยู่ตลอด ครับ  ;D     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 พ.ย. 22, 17:57
เมื่อผ่าตัดเสร็จกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ลูกของผมก็เอาลูกนกเขาชวาซึ่งตกลงมาจากรังที่พ่อแม่ของมันทำอยู่ที่บริเวณบานพับหน้าต่าง เอามาให้ผมเลี้ยง รังของมันหายไปกับลมที่พัดแรงในช่วงเวลานั้น  ผมก็เลยทำหน้าที่อนุบาลมันจนกว่ามันจะบินได้คล่อง และเห็นว่ามันพอจะหาพวกพ้องและฝูงที่จะอยู่ได้  สภาพที่ได้มา มันก็พอจะมีขนปีกพอสมควรแล้ว ขนหน้าอกและขนที่หัวยังเป็นขนอุยอยู่  ขนที่หางเรื่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง  ก็ยังต้องป้อนอาหาร(ดอกหญ้า)ด้วยคีมและให้น้ำด้วยหลอดฉีดยา  ผมได้มาเมื่อปลายเดือนกันยายน ก็เลยตั้งชื่อให้มันว่า "กันยา"  ไม่มีความรู้หรอกครับว่ามันเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย   ก็ได้เห็นการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงต่างๆของเขา คิดว่าอีกไม่นานก็จะปล่อยเขาให้เป็นอิสระได้


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ย. 22, 18:37
มาต้อนรับคุณตั้งค่ะ   หายหน้าไปพักใหญ่ คิดว่าคุณตั้งคงพักผ่อน ไม่ทราบว่าไม่สบาย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 พ.ย. 22, 18:43
ก็เลยเกิดนึกถึงคำว่า "เลี้ยงสัตว์" กับคำว่า "สัตว์เลี้ยง"  แล้วนึกต่อไปถึงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ ซึ่งดูจะมีอยู่หลายคำที่ใช้เกี่ยวกับเรื่องของการเอาสัตว์มาเลี้ยงและการเลี้ยงสัตว์  

ที่นึกออกก็มี เช่น pet, domestic animals, domesticated animals, animals sanctuary, veterinary (;D) และที่มีคำวิเศษณ์นำหน้าต่างๆ  แล้วก็เลยนึกเลยเถิดไปไกลว่า ทั้งหลายก็ดูจะมีข้อกำหนดหรือข้อกฏหมายเข้ามาผูกพันอยู่ด้วย
 
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ได้พอสมควรทีเดียวสำหรับผู้ที่รักสัตว์ทั้งหลาย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 พ.ย. 22, 19:49
ขอบพระคุณครับ อ.เทาชมพู 

ก็ยังอยู่ระหว่างการทำกายภาพบำบัด พอทุเลาบ้างแล้วก็มาเข้ากระทู้ ครับ   ก็ไม่ทราบว่าจะกำเริบขึ้นมาในระดับที่ต้องหยุดกิจกรรมอีกเมื่อใด ครับ 

ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นการเจ็บป่วยที่สืบเนื่องมาจากกิจกรรมใช้คอมพ์เกี่ยวกับกระทู้ของเรือนไทย  เหตุน่าจะมาจากไปสนใจใช้เวลาติดตามเรื่องของเพลงนานาชาติและเครื่องดนตรีที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศหรือวัฒนธรรมต่างๆ   ครับ ก็เคยเล่นดนตรีมา สำเนียงเสียงดนตรีมันก็เลยยังคงฝังอยู่ในตัวเรา 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 07 พ.ย. 22, 17:48
แรกที่ได้นก "กันยา" มา เขายังไม่จิกอาหารกิน ก็เลยต้องป้อนด้วยการแงะปากแล้วป้อนเม็ดดอกหญ้า แรกๆก็จะกินอยู่ไม่เกิน 5 เม็ด แล้วก็ป้อนน้ำด้วยหลอดฉีดยา กินน้ำได้มากพอสมควร  ทำเช่นนี้อยู่วันละ 3 - 4 ครั้ง   ประมาณ 1 สัปดาห์ เขาก็เริ่มจะจิกกินเองจากปากคีบ (คีม)  พัฒนาการที่ค่อยๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คือ เขาเริ่มคุ้นเคยกับการกระทำต่างๆของเรา ยอมให้เราจับตัวเขาโดยไม่ขัดขืน เมื่อเห็นอาหารที่จะป้อน เขาก็จะร้องแบบลูกนกและทำตัวสั่น เมื่อเห็นปลายหลอดฉีดยาก็จะยิ่งตัวสั่นมากขึ้นและร้องจี๊ดๆเสียงดังมากขึ้น แล้วก็กินน้ำ  พฤติกรรมนี้มีตลอดมาประมาณ 3 สัปดาห์ แม้กระทั่งเมื่อเขาเริ่มจิกอาหารกินเองได้แล้วหลังจากได้เขามาประมาณ 10 วัน


 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 07 พ.ย. 22, 18:41
ก็ดูเป็นการรู้จักกันและเข้ากันได้ดีระหว่าง นก"กันยา" กับตัวผม ในวันเวลาที่ค่อนข้างสั้น  ผมกลายเป็นพ่อ-แม่บุญธรรมไปของเขาไป

นั่นดูจะเป็นเรื่องทางจิตใจหรือความรู้สึกผูกพันทั้งสองฝ่าย     แท้จริงแล้วมันก็มีสภาพสิ่งแวดล้อมที่อำนวยให้เกิดความรู้สึก เกิดความม้่นใจและเกิดการเข้าถึงจิตใจของทั้งสองฝ่าย  ตัวผมเองใส่เสื้อม่อฮ่อมกับกางเกงขาสั้นทุกวันเมื่ออยู่บ้าน นานตั้งแต่เกษียณงานมากว่าสิบปี  นก"กันยา" เขาก็จะคุ้นกับสีเสื้อม่อฮ่อมเป็นอย่างดี รู้ว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่ๆมีสีม่อฮ่อมนี้จะปลอดภัย กินอิ่ม และมีความสุข  ผมก็เลยใช้เศษผ้าม่อฮ่อมไปแต่งกรงที่เขาอยู่   น่าเอ็นดูที่สุดก็เมื่อเห็นเขานิยมจะนอนอยู่บนผืนผ้าม่อฮ่อมนั้น   เมื่อเอาออกมาจากกรง เขาก็ชอบที่จะหมอบนอนบนพุงของผม หรือไต่ หรือบินไปเกาะที่บ่า เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน

ผมนึกถึงความเมตตา   ผมมีความเชื่อว่า ความเมตตาที่บริสุทธิ์ที่ส่งออกไปจากใจนั้น ผู้ร้บสามารถจะรับรู้และแสดงการตอบสนองได้ทั้งในเชิงที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม (ก็พอจะมีประสบการณ์ที่จะเล่าสู่กันฟังได้บ้าง)     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 07 พ.ย. 22, 19:07
ในช่วงของชีวิตของผมได้เคยสัมผัสและเรียนรู้การเลี้ยงสัตว์หลากลายชนิดพอสมควร มีทั้งการเลี้ยงในรูปของการอนุบาล (์Nursery) ในรูปของ Domestication  ในรูปของสัตว์เลี้ยง (Pet)  ในรูปของแหล่งอาหาร (Life stock / Raising ) และในรูปของ Sanctuary (ในปัจจุบัน)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 07 พ.ย. 22, 19:19
เรื่องของ'กันยา'ทำให้ดิฉันนึกถึงเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วตอนอยู่คอนโดเก่า วันหนึ่งไปทิ้งขยะ เจอลูกนกตัวหนึ่งอยู่ในกล่องรองเท้า ต้องมีคนเอามันมาทิ้งแน่ๆ ห้องทิ้งขยะมิดชิดไม่มีหน้าต่าง เป็นไปไม่ได้ที่แม่นกจะบินเข้าไปออกไข่กระทั่งฟักเป็นลูกนกอยู่ในนั้น
ตอนเจอลูกนก มันกำลังร้อง คาดว่าคงหิว ดิฉันเลยเอาข้าวสารใส่ชามเล็กๆกับน้ำอีกถ้วยมาวางไว้ให้มันกิน ตอนนั้นไม่มีความรู้ไม่ทราบจะทำไงก็ทำไปตามที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ยังไม่รู้จักเว็บ'เรือนไทย' ไม่งั้น ต้องมาเรียนถามอ.เพ็ญฯ แน่ๆ  
แต่ลูกนกก็เอาแต่ร้อง ไม่กิน ไม่ดื่ม ดิฉันเลยต้องเอามันขึ้นรถไปบ้านเพื่อนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ ให้เขาดูว่าต้องทำไงกับมัน เพื่อนก็ไม่ทราบจะทำไง เพราะไม่มีความรู้เรื่องนกชนิดนี้ สุดท้ายก็เลยเอามันไปส่งที่สมาคมพิทักษ์สัตว์(ชื่อประมาณนี้ล่ะค่ะ..ถ้าจำไม่ผิด)
'กันยา' โชคดีมากนะคะที่เจอ อ.ตั้ง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ย. 22, 13:16
  ตั้งแต่ปี 59 ปลูกต้นไม้ใส่กระถางใหญ่ไว้บนระเบียง  ต้นไม้เติบโตขึ้น ใบแน่นทึบ เป็นที่สนใจของกระจิบน้อยคู่หนึ่ง มายึดเป็นที่สร้างรัง  มีลูกนกหลายตัวส่งเสียงจิ๊บๆเซ็งแซ่   มองผ่านกระจกออกไปเห็นพ่อแม่สอนลูกหัดบิน จนลูกนกบินได้  รังก็ร้างไปชั่วขณะ ก่อนที่พ่อแม่จะกลับมาอีก วางไข่ แล้วมีลูกน้อยๆอีก  
  วนเวียนเป็นอย่างนี้อยู่หลายปี จนสงสัยว่านกกระจิบอายุยืนขนาดนี้เชียวหรือ
  จนกระทั่งโควิดมารุกรานไทย   เจ้าของต้องอพยพทิ้งถิ่นไปอยู่ที่อื่น  ไม่มีใครรดน้ำต้นไม้  จนอพยพกลับมาพบว่าต้นไม้บนระเบียงตายเรียบ  เป็นงานใหญ่เมื่อต้องขนไม้ออกไปหมดระเบียงรวม ทั้งกระถางด้วย  
   คราวนี้เลยต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด  เป็นไม้กระถางขนาดเล็ก เผื่อตายได้ยกง่ายค่ะ  ทีแรกว่าจะไปซื้อต้นไม้ปลอมขนาดใหญ่มา เผื่อจะให้นกกลับมาอาศัยอีก   แต่หาไม่ได้ตามที่ต้องการ  แล้วจะมีปัญหาว่าฝุ่นก็จับเยอะด้วย
   นกน้อยบินกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง  มากระโดดมองๆไปตามต้นไม้ในกระถาง แล้วคงตัดสินใจว่าไม่เหมาะจะสร้างรัง  ก็เลยบินไป
  เล่นเอาใจหาย เหมือนสูญเสียเพื่อนที่เห็นกันมานาน


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 พ.ย. 22, 18:41
ที่ อ.เทาชมพูเล่ามานั้น  ก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมเช่นกันจากภาพการณ์คล้ายๆกันที่บ้านผม แต่เป็นการสืบเนื่องมาจากเรื่องของการปรับเปลี่ยนการปลูกต้นไม้เป็นอีกชนิดหนึ่ง โชคดีหน่อยที่มันยังหวนกลับมา แถมมาทำรัง และมีลูกที่น่ารักมากๆให้ดูอย่างมีความสุขช่วงเวลาหนึ่ง   ก็เป็นนกตัวเล็กจิ๋วขนาดประมาณหัวแม่มือ เป็น "กินปลี อกเหลือง" เขาชอบมาหาน้ำหวาน(หรือเกษร)ของดอกชบากินในตอนเช้า และตอนเย็นในช่วงเวลาที่เรารดน้ำต้นไม้ แล้วบินเล่นฝ่าละอองน้ำในขณะที่รดน้ำ และเล่นน้ำที่เปียกอยู่ตามใบของต้นชบา  ที่น่ารักสุดๆก็คือเป็นการเล่นที่มีการส่งเสียง ซึ่งดูจะเป็นการแสดงออกซึ่งการมีความสุขอย่างเหลือหลาย  และก็มีการออกเสียงร้องดังๆเป็นครั้งๆเหมือนกับการตะโกนบอกเพื่อนๆให้มาเล่นด้วยกัน  นกกินปลีจัดเป็นนกที่น่ารักเอามากๆทีเดียว ช่วงนี้ก็ยังมาเยี่ยมเยียนและส่งเสียงดังกันอยู่ ตอนเช้าในระหว่างการกินอาหารเช้าของเรา  นกกินปลีนี้มาเป็นคู่ๆเหมือนกัน

 ประสบการณืที่ประทับใจก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้มีโอกาศดูแลเขา(อนุบาล)อยู่ประมาณสัปดาห์หนึ่ง น่าจะประมาณ 12-13 ปีมาแล้ว ปีนั้นกรุงเทพฯมีอากาศค่อนข้างจะเย็นมากๆ(หนาว)  เห็นเขานั่งย่อตัว พองขนจนฟูคล้ายลูกปิงปอง ตากแดดอ่อนๆอยู่ที่ลานบ้าน ดูท่าแล้วน่าจะกำลังมีสภาพอ่อนแอมาก กลัวว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้จะไปขม้ำเอา ก็เลยไปเก็บเอาเขามาใส่กรง ก็ง่ายๆ เขาไม่บินหนีหรือแสดงอาการตกใจอะไรเลย เข้ากรงแล้วก็เอาโคมไฟอ่านหนังสือที่หัวนอน เอามาส่องเพื่อให้เขาอบอุ่น  ก็นานอยู่หลายชั่วโมงอยู่เหมือนกันกว่าที่เขาจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมา  ผมเอาน้ำผึ้งป้อนให้เขา ก็กินดี พอตกเย็นก็แข็งแรงเป็นปกติ กระโดด บินไปมาอยู่ในกรง     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 พ.ย. 22, 19:13
ก่อนผมจะขึ้นนอน  เห็นเขาเป็นปกติดีแล้ว ก็เลยส่องไฟห่าง จะได้ไม่ร้อนมาก  อ๊ะ! ตื่นมาตอนเช้า เห็นเขานอนหงายเอาเท้า 2 ข้างชี้ฟ้า ก็เอาเชาวางบนผ้าแล้วเอาไฟส่องใกล้ๆให้มีความอุ่นจัดๆ หลายชั่วโมงอยู่ แล้วก็กลับมาเป็นปกติ  เลี้ยงเขาต่อไปอีกสามสี่วันด้วยน้ำผึ้งเจือจาง แล้วก็ปล่อยเขาไป   สองสามวันให้หลัง เขา(?, คิดเอาเอง)ก็พาพวกหลายตัวบินกลับมาบินส่งเสียวเจี๊ยวจ๊าว มาหากินกับดอกชบาในตอนเช้าและเล่นน้ำในตอนเย็น ทุกวัน จนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำสำหรับการรดน้ำต้นชบาในตอนเช้าและเย็น โดยจะต้องพยายามบีบสายบางเพื่อพ่นน้ำให้เป็นฝอย เป็นละออง ก็เป็นความรู้สึกของการมีความสุขที่หยั่งลึกอยู่ในใจ   

ภาพที่ติดตาและประทับใจจริงๆของผมและภรรยาก็คือ ภาพที่ตื่นเช้าลงมาแล้วเห็นเขานอนหงายท้อง ตีนทั้งสองข้างชี้ฟ้า  เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกทั้งความสงสาร ความเอ็นดู ความเสียใจ ความน่ารัก คละเคล้าพร้อมๆกันไป 

ทุกวันนี้  ในตอนเช้าขณะนั่งทานอาหารเช้า ก็ยังมีนกกินปลีมาส่งเสียงทักทายและแสดงตนให้เห็นอยู่ แล้วก็มาเป็นคู่อีกด้วย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 พ.ย. 22, 17:38
ไปค้นเจอรูปนกกินปลีตัวลูกที่ได้ถ่ายเก็บไว้  ออกมาจากรังเตรียมจะฝึกบิน  เกาะกิ่งไม้รอแม่อยู่นานจนหลับเอียงไปอียงมา  ครับ

(http://)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 พ.ย. 22, 17:51
ส่งรูปไม่ไป ลองใหม่ครับ  สรุปแล้วทำไม่เป็นครับ  ???  :-[



กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 พ.ย. 22, 18:10
;D

วิธีส่งภาพ

๑. บันทึกภาพไว้ในมือถือ หรือ PC
๒. กด "ตัวเลือกเพิ่มเติม"
๓. กด "แนบไฟล์"
๔. กด "เลือกไฟล์"
๕. กด "คลังภาพ"
๖. กดภาพที่ต้องการส่ง
๗. บรรยายภาพที่ส่ง
๘. กด "ส่งข้อความ"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7112.0;attach=73259;image)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 พ.ย. 22, 18:33
นกอีกชนิดหนึ่งที่มาเยี่ยมเยือนเป็นประจำทุกวัน ก็คือ นกตะขาบ  ไม่ค่อยจะส่งเสียงร้อง แต่เมื่อใดที่มันกำลังสอนลูกให้บิน เมื่อนั้นละก็ มีทั้งพ่อแม่ พี่-ป้า-น้า-อาส่งเสียงช่วยกันลุ้นดังลั่นไปหมด   ก็มีบ่อยครั้งมากที่ผมต้องเก็บลูกนกตะขาบที่ตกลงมา เอามาอนุบาลสองสามวันก่อนปล่อยไป จะรู้ว่าเมื่อใดจะต้องปล่อยก็เมื่อพ่อแม่ของมันบินโฉบไปมาและส่งเสียงเรียก  พอเปิดกรงปล่อยออกไปเท่านั้นและครับ เสียงขรมเลย จากพ่อ-แม่-พี่-ป้า-น้าอา  ไม่รู้ว่าจะเป็นความดีใจ หรือการบ่น หรือการด่า   ลูกนกตะขาบที่เริ่มออกบินจากรังจะมีความพร้อมบินค่อนข้างมาก แม้ขนจะยังขึ้นไม่เต็มดี

ประมาณ 3-4 เดือนมานี้ บังเอิญมีลูกนกตะขาบหัดบิน ตกลงไปในเสาเหล็กของหลังคาโรงรถที่บ้าน ช่างไม่ได้ปิดหัวเสาไว้   ได้ยินเสียงแปลกๆคล้ายเสียงของอะไรสักอย่างที่กำลังตะกาย  เฝ้าฟังอยู่ 2 วันจึงจับได้ว่าเป็นเสียงมาจากเสาหลังคาต้นใหน  เมื่อประมวลจากเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนกตะขาบและการบินว่อนไปมาในบริเวณนั้นเมื่อสองสามวันก่อน ก็เลยเดาได้ว่าน่าจะเป็นเสียงจากนกที่ตกลงไป  ก็เลยจัดแจงต่อสายยางแล้วเปิดน้ำกรอกลงไป เมื่อน้ำในเสาเหล็กเอ่อขึ้นมาจนใกล้ถึงปาก จึงได้เห็นลูกนกตะขาบตัวปีกโชก ลอยน้ำขึ้นมาอย่างกับลูกเป็ดลอยน้ำ เอาตัวเขามาเช็ดให้แห้ง ใส่กรงผึ่งลมไว้ พักเดียวบรรดาครอบครัวของมันก็บินมาหาและส่งเสียงกันว่อน แสดงความดีใจอย่างมากอย่างที่เรารู้สึกสัมผัสได้

นกตะขาบเป็นนกกินแมลง หาอาหารเลี่้ยงมันได้ไม่ง่าย ก็นึกถึงเนื้อไก่เอามาหั่นเป็นเส้นๆให้คล้ายตัวหนอนเพื้่อป้อนมัน  แต่ดูแล้วมันยังแข็งแรงดีก็เลยเปิดกรงค้างๆไว้ ไม่นานครอบครัวมันก็มาพาบินไปพร้อมกับเสียงต้อนรับ (หรือบ่นด่าก็ไม่รู้) ที่วุ่นวายไปหมด    


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 พ.ย. 22, 19:03
อบคุณครับ คุณเพ็ญชมพู  ;D

(http://)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 พ.ย. 22, 19:35
ช่วยปรับภาพและเพิ่มคำบรรยาย ;D

ไปค้นเจอรูปนกกินปลีตัวลูกที่ได้ถ่ายเก็บไว้  ออกมาจากรังเตรียมจะฝึกบิน  เกาะกิ่งไม้รอแม่อยู่นานจนหลับเอียงไปอียงมา  ครับ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7328.0;attach=79103;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7328.0;attach=79101;image)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 10 พ.ย. 22, 11:53
มีบ่อยครั้งมากที่ผมต้องเก็บลูกนกตะขาบที่ตกลงมา เอามาอนุบาลสองสามวันก่อนปล่อยไป

ประมาณ 3-4 เดือนมานี้ บังเอิญมีลูกนกตะขาบหัดบิน ตกลงไปในเสาเหล็กของหลังคาโรงรถที่บ้าน ช่างไม่ได้ปิดหัวเสาไว้   ได้ยินเสียงแปลกๆคล้ายเสียงของอะไรสักอย่างที่กำลังตะกาย  เฝ้าฟังอยู่ 2 วันจึงจับได้ว่าเป็นเสียงมาจากเสาหลังคาต้นใหน  เมื่อประมวลจากเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนกตะขาบและการบินว่อนไปมาในบริเวณนั้นเมื่อสองสามวันก่อน ก็เลยเดาได้ว่าน่าจะเป็นเสียงจากนกที่ตกลงไป  ก็เลยจัดแจงต่อสายยางแล้วเปิดน้ำกรอกลงไป เมื่อน้ำในเสาเหล็กเอ่อขึ้นมาจนใกล้ถึงปาก จึงได้เห็นลูกนกตะขาบตัวปีกโชก ลอยน้ำขึ้นมาอย่างกับลูกเป็ดลอยน้ำ เอาตัวเขามาเช็ดให้แห้ง ใส่กรงผึ่งลมไว้ พักเดียวบรรดาครอบครัวของมันก็บินมาหาและส่งเสียงกันว่อน

นกตะขาบเป็นนกกินแมลง หาอาหารเลี่้ยงมันได้ไม่ง่าย ก็นึกถึงเนื้อไก่เอามาหั่นเป็นเส้นๆให้คล้ายตัวหนอนเพื้่อป้อนมัน      

ต้องขอพูดย้ำคำเดิมค่ะ นกพวกนี้โชคดีมากๆที่เจออ.ตั้ง ผู้มีความเมตตา+ความรู้
ถ้าพวกมันเจอคนอย่างดิฉันที่แค่มีจิตคิดสงสาร ทว่าปราศจากความรู้ พวกมันคงแย่ :( :(


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 10 พ.ย. 22, 12:01
ดิฉันถึงไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงสัตว์เลยค่ะ กลัวทำบาปโดยไม่ตั้งใจ
เคยไปนอนค้างบ้านเพื่อน เช้ามา เจอปลาที่เลี้ยงไว้ในตู้นอนตายเป็นแพ เพราะเมื่อคืนเกิดไฟดับ อ๊อกซิเจนหยุดทำงาน
เพื่อนถึงกับร้องไห้..เสียดายปลา+รู้สึกผิด :'( 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 10 พ.ย. 22, 17:11
ขอบพระคุณคุณเพ็ญชมพูมากๆครับ   ;D  อยากปรับภาพเป็นเช่นนั้นบ้าง แต่ก็จำกัดด้วยความรู้  หรือจะต้องใช้ app. ใดที่เหมาะสมหรือเป็นการเฉพาะหรืออย่างไร ?  ???


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 10 พ.ย. 22, 17:28
แล้วก็ต้องขออภัยท่านสมาชิกเป็นอย่างมากๆ  ผมได้ให้ชื่อชนิดนกผิดไป นึกถึงนกกินแมลง ชื่อเจ้านกตะขาบก็ลอยเด่นออกมาเลย   ที่ถูกต้องเป็น นก"กางเขน" ครับ

เมื่อก่อนโน้น นกตะขาบก็เคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านอยู่หลายปี แต่ได้หายหน้าไปนานแล้วครับ   ตอนนี้มีแต่นกกางเขน ซึ่งชอบที่จะส่งเสียงคุยกันดังระงม และค่อนข้างจะบินไปบินมาวุ่นวายมากกว่านกตะขาบมากเลยทีเดียว   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 10 พ.ย. 22, 17:38
ส่งรูปรังของนกกินปลีมาไห้ดูกับครับ

ช่วงที่ยังมีต้นชะบาและมีดอกเยอะๆ  มีนกกินปลีมาทำรังอยู่ 2 รัง  รังของมันดูไม่สวย ดูคล้ายๆกับเอาเศษก้านและใบไม้แห้งมาขยุ้มๆให้เป็นก้อน แต่รังของมันก็ติดห้อยอยู่กับกิ่งไม้เหนียวแน่นดี ทนลมและฝนได้เป็นอย่างดี

(http://)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 พ.ย. 22, 11:35
เมื่อ ๓ วันก่อน เจอนกฮูกมาหมอบอยู่ตรงเฉลียงหน้าบ้าน ขาซ้ายน่าจะเจ็บ บินไม่ได้ เอามาเลี้ยงไว้ในกรง ให้ น้ำ, อาหารพวกเนื้อสัตว์  จนตอนเช้าวันนี้เห็นแข็งแรงขึ้น จึงเอาออกมานอกกรง ให้อยู่ในสนามหน้าบ้าน สักพักก็บินได้ โผผินกลับสู่ธรรมชาติ

ข้อควรระวังในการจับตัวนกฮูก พึงหลีกเลี่ยงอย่าให้มันใช้กรงเล็บเกาะที่มือ เพราะเล็บที่ยาวและแหลมของมันจะจิกเข้าไปในผิวหนังของเรา จนเลือดออก และเจ็บมากเชียว :o


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 พ.ย. 22, 18:31
ที่บ้านเคยมีแต่ "นกแสก" มาขอพักพิงเอาแรงอยู่เกือบสัปดาห์หนึ่ง

วันหนึ่งก็กลับมาจากงานสังคมงานหนึ่ง ถึงบ้านประมาณเกือบ 3 ทุ่ม พอลงไปเปิดประตูบ้านก็เห็นนกหน้าขาววอกเกาะยืนอยู่ที่หัวเสาประตู คิดว่าเขาคงจะมาแวะเกาะพักเพื่อรอจับหนู แต่ก็เปล่า ถอยจอดรถเสร็จก็ยังเกาะหัวเสามองเราอยู่  ก็เลยเอากล้วยน้ำว้าที่เผอิญมีติดเป็นผลไม้ทานประจำวัน  เอาเก้าอี้มาต่อยืนปอกกล้วยให้เขา เขาก็กิน ก็แปลกดี และไม่แสดงอาการระแวงและหวาดกลัวใดๆอีกด้วย ก็เลยกลับเข้าบ้านไปเอาถุงมือกันร้อนในครัวมาใส่แล้วอุ้มมันไปไปวางบนตอต้นมะม่วงที่เพิ่งตัดต้นทิ้งไป  เอาตาข่ายลวดที่มีเก็บตกค้างอยู่ เอามาล้อมตอต้นมะม่วงเพื่อกันสุนัขเลี้ยง เปิดโล่งด้านบน เผื่อว่าเขาจะพร้อมจะบินไป  ก็แปลกตรงที่เขายืนนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆเลย   

รุ่งเช้าก็เลยมีหน้าที่ต้องวิ่งไปตลาดสด ไปขอเศษเครื่องในไก่จากแผงขายไก่ ขอเศษเนื้อเศษหนังที่เขาเลาะทิ้ง และซื้อเนื้อไก่มาพร้อมด้วย  เอามาหั่น ใส้ก็หั่นเป็นท่อนๆยาวประมาณ 1-2 นิ้ว เนื้อก็ทำให้เป็นเส้นแล้วตัดเป็นท่อนๆ  ทำเช่นนี้อยู่เกือบอาทิตย์นึง เป็นอาหารสดให้เขากิน  แล้วคืนหนึ่งเขาก็บินจากไป   

ความรู้สึกดีๆที่จำได้ตลอดมาก็คือ เขาบินมาส่งเสียงร้องแสกๆช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆอยู่สองสามวันหลังจากที่บินจากไป  คิดเอาเองว่าเขาคงมาแสดงความขอบคุณละมั้ง

นกแสกเป็นนกที่คนไทยเชื่อกันว่า เป็นนกที่มีความเกี่ยวข้องกับความตาย เมื่อใดที่ได้ยินเสียงร้องของเขา ก็แสดงว่าในพื้นที่บริเวณนั้นๆมีคนเสียชีวิต   เราจะคิดให้เป็นจริงก็ได้ เพราะนกแสกเป็นพวกนกเค้าแมวชนิดหนึ่งที่ชอบอาศัยอยู่ตามศาลาอาคารของวัดต่างๆ  ในปัจจุบันนี้คงจะพบเห็นได้ยาก ในพื้นที่ ตจว.ที่ยังคงมีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมากอยู่ น่าจะพอมีโอกาสได้ยินเสียงของเขาบ้าง   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 พ.ย. 22, 18:43
สำหรับหนู "กันยา" เจ้านกเขาชวาน้อยของผม ตอนนี้เขาสละขนหาง 2 เส้นที่ยื่นยาวออกมา สละทิ้งไป  ให้ภาพเหมือนคนตัดผมสั้นรองทรง คล้ายกับกำลังจะสร้างแผงขนหางที่แน่นและสวยงามขึ้นมาแทน  อาการสั่นเทาแบบลูกนกหายไป แต่ยังชอบที่จะเกาะติดตัวผมอยู่

ส่งรูปมาให้ดูครับ

(http://) 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 พ.ย. 22, 18:56
ขอความกรุณาคุณเพ็ญชมพูช่วยให้ความเห็นและขยายความต่าง / ความเหมือน / ซ้ำกัน ของชื่อพวกนกตาโตต่างๆที่หากินตอนกลางคืน ครับ

นกเค้า  นกเค้าแมว  นกฮูก  นกทึดทือ  นกแสก  นกเค้าโมง  เหยี่ยวนกเค้า (นกเค้าเหยี่ยว) ...

 ;D


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 พ.ย. 22, 09:35
ชื่อนกฮูก นกเค้าแมว เป็นทั้งชื่อเรียกชนิดนกที่เฉพาะเจาะจง และชื่อเรียกทั่ว ๆ ไป ในกรณีหลังนี้ทั้งสองชื่ออาจถือเป็นนกพวกเดียวกัน คือนกฮูกเรียกตามเสียงร้อง และนกเค้าแมวเรียกตามรูปหน้าที่เหมือนแมว

การจำแนกตามหลักทางอนุกรมวิธาน (taxonomy) จัดให้บรรดานกของคุณตั้ง อยู่ในอันดับ Strigiformes หรืออันดับนกเค้าแมว แยกออกเป็น ๒ วงศ์คือ วงศ์ Strigidae หรือวงศ์นกเค้าแมว และวงศ์ Tytonidae หรือวงศ์นกแสก

วงศ์นกเค้าแมว (Family Strigidae) ในเมืองไทยมีสมาชิกอยู่ ๑๗ ชนิด คือ นกเค้าเหยี่ยว, นกเค้าหน้าผากขาว, นกเค้าแดง, นกเค้าภูเขาหูยาว, นกเค้าหูยาวเล็ก, นกเค้ากู่, นกเค้าแคระ, นกเค้าโมง*, นกเค้าจุด, นกเค้าป่าหลังจุด, นกเค้าป่าสีน้ำตาล, นกเค้าแมวหูสั้น, นกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาล, นกเค้าใหญ่พันธุ์สุมาตรา, นกเค้าใหญ่สีคล้ำ, นกทึดทือพันธุ์เหนือ และนกทึดทือมลายู

* นกเค้าโมง ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ นกเค้าแมว (Asian Barred Owlet - Glaucidium cuculoides) นกฮูกตัวที่กล่าวถึงข้างบน ถ้าเรียกให้เฉพาะเจาะจงก็คงเป็นเจ้าตัวนี้

https://youtu.be/g2ngEh5aqbY

วงศ์นกแสก (Family Tytonidae)ในเมืองไทยมีสมาชิกอยู่ ๓ ชนิดคือ นกแสกบ้าน (Eurasian Barn Owl - Tyto alba), นกแสกแดง (Oriental Bay Owl - Phodilus badius) และนกแสกทุ่งหญ้า (Eastern Grass Owl - Tyto longimembris)

โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงนกแสก มักหมายถึง นกแสกบ้าน

https://youtu.be/wZwTRVF5zLs

จากกระทู้ สัตว์ประหลาด ๕ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6794.msg161010#msg161010)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 12 พ.ย. 22, 18:04
ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดีเลยทีเดียว   อย่างน้อยเมื่อพบเห็นนกที่มีตาโตในช่วงเวลามืดค่ำ เกาะกิ่งไม้ ยืดตัวตรงอยู่นิ่งๆ ดูคล้ายกับใส่เสื้อคลุม  หากใบหน้ามีสี-มีลาย ก็พอจะบอกได้ได้ว่ามันเป็นพวกนกเค้าแมว(นกฮูก)  แต่หากเห็นหน้าของมันค่อนข้างจะมีสีขาวและสะอาดเกลื้ยงเกลา ก็พอจะบอกได้ว่ามันเป็นพวกนกแสก  น่าจะไม่ผิดเพื้ยนไปนัก  ;D

สำหรับตัวผม หากเดินส่องไฟเมื่อเวลามืด ไปตามห้วยเล็กๆที่พอมีน้ำ แล้วเห็นตาเป็นคู่แวววาว เป็นนกตัวใหญ่เกาะขอนไม้หรือรากไม้ที่โผล่อยู่ตามผนังข้างห้วย ผมก็จะเรียกมันว่เป็นนกถึดทือ

นกฮูกนั้น ในสังคมของฝรั่งเขาถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาด (Wisdom)   หากได้พบเห็นสถานที่หรือจุดใดมีสัญลักษณ์นกฮูกอยู่ ก็อาจจะพอเดาได้เลยว่า ที่นั่นหรือแถวนั้นเป็นสถานที่ๆมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการใช้สมอง เรื่องของสติปัญญาและความรู้ต่างๆ   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 พ.ย. 22, 19:35
ครั้งล่าสุดที่ไปญี่ปุ่น พักอยู่โรงแรมแถว อิเคะบุคุโระ (池袋- いけぶくろ) มีคนไทยหลายคณะมาพักที่นี่ แถวนี้มีรูปนกฮูกเต็มไปหมด สาเหตุก็เพราะว่าคำว่า อิเคะบุคุโระ เขียนโดยตัวคันจิ ๒ ตัว คือ 池 (อิเคะ) แปลว่า บ่อน้ำ + 袋 (บุกุโระ) แปลว่า ถุง คำนี้ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 梟 (ฟุกุโร) ซึ่งแปลว่า นกฮูก

คำว่าฟุคุโร 梟 เอง ก็พ้องเสียงกับคำว่า 福 (ฟุกุ) แปลว่า โชค + 郎 (โร) ซึ่งเป็นคำต่อท้ายชื่อเด็กผู้ชาย หรืออีกคำหนึ่งคือ 不 (ฟุ) แปลว่า ไม่ + 苦労 (กุโร) แปลว่า ยากลำบาก รวมความก็คือ ไม่ยากลำบาก ซึ่งมีความหมายดีทั้ง ๒ คำ

คาเฟ่นกฮูก ที่ อิเคะบุคุโระ โตเกียว

https://youtu.be/UA6idHYHlX4

ภาพจาก IKEDANE NIPPON (https://press.ikidane-nippon.com/th/a00969/)



กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 12 พ.ย. 22, 19:39
เกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่า เรามีกฏกติกาทางกฏหมายหรือข้อบังคับใดๆบ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์(หรือที่เกี่ยวข้อง)ระหว่างปกติชนกับสัตว์ต่างๆ  


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 พ.ย. 22, 18:38
ที่มีปุจฉาไปนั้น เกิดจากความสงสัยว่า ในกรณีที่เราพบสัตว์ที่เจ็บป่วย ที่พลัดหลงจากฝูงหรือพ่อแม่ ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือที่หนีภัยมาแอบซ่อนอยู่กับเรา แล้วเราให้ความช่วยเหลือ ดูแล หรืออนุบาลเขาจนแข็งแรงแล้วปล่อยเขาเป็นอิสระไป  หากบังเอิญสัตว์เหล่านั้นจัดเป็นสัตว์คุ้มครองหรือสัตว์สงวนตามกฏหมาย  การกระทำของเรานั้นจะมีข้อจำกัดมากน้อยเพียงใด หรือพึงจะต้องปฏิบัติเช่นใด เพื่อให้ยังคงมีความเป็นมนุษย์ที่มีเมตตาธรรมโดยไม่ขัดต่อกฏ ระเบียบ ข้อบังคับ และกฏหมายต่างๆ   

กรณี นก"กันยา" ที่ผมอนุบาลอยู่นี้ เป็นนกเขาชวา ซึ่งก็เป็นสัตว์ในกลุ่มสัตว์คุ้มครองฯ  เลี้ยงเขาโตมาจนรู้สึกว่าอยู่กับตัวผม กับเสื้อม่อฮ่อมของผมแล้วเขารู้สึกปลอดภัย  โชคดีที่ผมสามารถจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระได้โดยไม่ต้องกังวลกับความอยู่รอดของเขาข้างหน้า    ทุกวันนี้ เวลาประมาณบ่าย 2 โมง และบ่าย 4 โมง จะมีนกเขาชวาฝูงหนึ่งประมาณ 20 ตัว และนกเขาใหญ่อีกคู่หนึ่งกับอีก 1 ตัว บินลงมากินดอกหญ้าที่ผมหว่านกองให้ ก็นั่งมอง นั่งนับจำนวนเขาทุกวัน   นก"กันยา"ของผม เห็นนกกลุ่มนี้ทุกวัน ตัวเองกำลังฝึกความพร้อมในการกระพือปีกเป็นเวลานานๆ  ก็เอาเขาเข้าบ้านให้เขาลองบินดูว่าจะบินได้แข็งและไกลมากน้อยเช่นใด  พร้อมดีแล้วก็จะปล่อยเขาไป เขาก็น่าจะพอมีกลุ่มที่จะบินเกาะติดตามได้ ตอนนี้กำลังรอให้ขนหางของเขาสมบูรณ์ขึ้นมาอีกนิดแล้วก็จะปล่อยเขาไป โดยจะใช้วิธีเปิดกรงที่มีจานอาหาร มีน้ำ มีที่นอนที่ปูด้วยเศษผ้าเสื้อม่อฮ่อมเหมือนที่เขาเคยเห็นทุกวัน หากเขาอยากลับมาก็จะมีที่พร้อมอยู่ให้กับเขา       


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 พ.ย. 22, 19:14
การให้อาหารฝูงนกเขาที่ผมทำอยู่นั้น คงไม่อยู่ในความหมายของคำว่า สัตว์เลี้ยง  เมื่อดูแต่เพียงการกระทำก็คงจะไปอยู่ในลักณะหนึ่งในความหมายของคำว่า เลี้ยงสัตว์ หรือการให้อาหารสัตว์(ชนิดหนึ่ง)ในธรรมชาติ   ความประสงค์ในการกระทำของผมโดยเนื้อแท้จริงๆแล้ว ผมพยายามเติมเต็มอาหารให้แก่เขาทั้งหลายก่อนกลับรังหรือเอาไปเลี้ยงดูลูก  ด้วยเห็นว่า พื้นที่ในละแวกบ้านเกือบจะไม่มีแหล่งอาหารที่พอเพียงสำหรับความสมบูรณ์พูนสุขของเขา โดยเฉพาะดอกหญ้า  เห็นเขาอ้วนท้วนแข็งแรงดีก็สุขใจ   

นกเขาชวาเป็นพวกนกป่าชนิดหนึ่ง ดูจะพบมากในพื้นที่ป่าชานเมือง แต่ปัจจุบันนี้พบว่าเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองค่อนข้างมาก  เมื่อหลายสิบปีก่อนเห็นแต่นกเขาใหญ่ แต่ปัจจุบันนี้หายไปเกือบหมด มีแต่นกเขาชวาเขามาปรากฏอยู่ในปริมาณมาก  ในพื้นที่เมืองในต่างจังหวัดก็เช่นกัน   

ก็ดูจะเริ่มกลับทางกันกับนกพิราบ ซึ่งเป็นนกป่าที่เข้ามาบุกรุกและอาศัยอยู่ในพื้นที่เมือง ปัจจุบันนี้กำลังกลับออกไปอยู่ในพื้นที่ไร่นาต่างๆ กำลังเป็นตัวทำลายผลิตผลข้าวของชาวนาที่น่ากลัวมากกว่านกกระจอก  นาข้าวได้รับความเสียหายค่อนข้างมากตั้งแต่เริ่มกระบวนการทำนา และเป็นความเสียหายที่รวดเร็วอีกด้วยเพราะนกตัวมันโตแถมกินจุอีกด้วย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ย. 22, 10:59
นกพิราบ เป็นปัญหามาก  นอกจากจะถ่ายเลอะเทอะแล้ว มูลนกยังมีเชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟรอร์แมนส์ (Cryptococcus Neoformans) ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์ถึงขั้นเสียชีวิต   
ที่บ้านมันเกาะบนหลังคาสูงทำให้ยากจะไล่  ยังดีที่อยู่หลังบ้านซึ่งไม่มีใครค่อยเดินไปกันนัก   ส่วนตามคอนโด ถ้าห้องไหนเจ้าของปิดทิ้งไว้ นกพิราบก็ชอบมาอาศัยตามระเบียง อันตรายกับห้องใกล้ๆเหมือนกัน
ยังไม่รู้จะไล่ยังไงเลยค่ะ

สัตว์เลี้ยงที่บ้านมีชนิดเดียวคือหมา   ไม่เลี้ยงแมวเพราะหมาเกือบทุกพันธุ์ที่เลี้ยง ไม่ถูกกับแมวค่ะ เรียกว่าเห็นไม่ได้เลย ต้องไล่กันถึงตาย
ปกติเลี้ยงหมาใหญ่ เพราะมีไว้เฝ้าบ้าน   เคยเลี้ยงโดเบอร์แมนคู่หนึ่ง  นิสัยพันธุ์นี้ขี้ตื่น ว่องไว ซุกซน  ไม่เคยอยู่นิ่ง และที่สำคัญคือเป็นหมาล่าสัตว์ที่ดุมาก  ไม่ว่าแมว จิ้งจก ตุ๊กแก หรือนก อย่าให้เห็นเชียว  จัดการเรียบ   
ต่อมาเมื่อตายไปหมดแล้ว ตัดสินใจว่ามันดุเกินไป  เลยเปลี่ยนมาเลี้ยงร็อทไวเลอร์ซึ่งเจ้าของฟาร์มบอกว่านิ่งกว่าโดเบอร์แมน    สองตัวแรกที่ได้มานิ่งสมคำรับรอง  ขนาดคนในบ้านเดินข้ามได้ ไม่กระดิกตัว   ยิ่งโตก็ยิ่งตัวใหญ่จนชาวบ้านลือกันว่าเอาหมีมาเลี้ยง 
เลี้ยงร็อทไวเลอร์ ต้องมีบริเวณบ้านให้เดินหรือวิ่ง     ถ้าหากว่าเลี้ยงแบบขังกรงจะหงุดหงิดมาก  ข่าวที่ร็อททำร้ายเด็กหรือเจ้าของอาจเป็นได้ว่าล่ามโซ่หรือขังกรงเป็นประจำ   

ที่บ้านเลี้ยงร็อทไม่เคยขังกรงเลย   ตลอดเวลาก็ไม่ดุ  หรือไม่มีโอกาสดุก็เป็นได้ค่ะ  แค่เห่า เสียงก็เกือบเท่ากับขยายลำโพง   พอเห็นคนเดินผ่านหน้าบ้าน  เ่ห่าออกมา "โฮ่ง" เดียว คนเดินผ่านโดยเฉพาะเด็กๆ วิ่งกระเจิดกระเจิงกันไม่คิดชีวิต
ทั้งๆเลี้ยงอย่างดี  ร็อทที่เลี้ยงกี่ตัวๆอายุสั้นมาก  แค่ 6-7 ขวบก็ป่วยตาย   ผิดกับหมาไทยพวกอารามด๊อกที่แข็งแรงมาก อยู่เกิน 10 ปี    ต่อมาทางการห้ามนำเข้าร็อทไวเลอร์ กลายเป็นหมาอันตราย  เลยหาซื้อไม่ได้อีก
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเลี้ยงแลบราดอร์แทน เลือกชนิดพันธุ๋ผสม เพราะกลัวพันธุ์แท้เลี้ยงแล้วอายุไม่ยืน   ที่ได้มา ตัวไม่ใหญ่เท่าร็อท  แต่ก็ฉลาด   เวลารวมกลุ่มแล้ว ดูเอาการเหมือนกัน


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ย. 22, 11:14
   ขอเล่าถึงร็อทไวเลอร์ตัวโปรด ชื่อลีโอ กับ ไลอ้อน ได้มาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ซื้อมา 2 ตัวให้เป็นเพื่อนกันค่ะ
   เป็นร็อทไวเลอร์สีดำค่ะ ตอนเล็กๆอ้วนกลม ขนดำนุ่มเหมือนกำมะหยี่ น่ารักมาก   แต่โตเร็วเหลือเกิน  อุ้มอยู่ได้ไม่นานก็อุ้มไม่ไหว
   ก่อนหน้ามีร็อทไวเลอร์  ที่บ้านได้พูเดิ้ลมาคู่หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ  เจ้าของเขามีหลายตัวเลี้ยงไม่ไหว เลยยกมาให้ 2 ตัว  ตัวผู้กับตัวเมีย น่ารักมาก ชื่อน้ำชากับกาแฟ  น้ำชาเป็นพูเดิ้ลขนสีทอง ส่วนกาแฟมีขนสีช็อกโกแลต
   ต่อมา กาแฟคลอดลูกมา 4 ตัว ขนหยิกสีทองกับสีช็อกโกแลตเหมือนพ่อแม่    กลายเป็นมีพูเดิ้ล 6 ตัวแบบเจ้าของบ้านไม่ได้ตั้งตัว    ทั้ง 4 ตัวน่ารักเหมือนลูกหมาในโปสเตอร์   ตกลงว่ายกให้ใครไม่ลง เลยเลี้ยงไว้หมด   ได้ร็อทมาอีก 2  กลายเป็นมีหมา 8 ตัว  เต็มบ้านไปหมดในตอนนั้น
   ลูกหมาพูเดิ้ลโตกว่าร็อท   พอได้ร็อทมา พูเดิ้ล 4 ตัวโตเต็มที่แล้ว   พูเดิ้ลก็เลยเจ้ากี้เจ้าการไปช่วยเลี้ยงร็อท  เวลานอนก็นอนด้วยกัน  เลี้ยงไปเลี้ยงมา ร็อทนึกว่าตัวเองเป็นพูเดิ้ล  พอพูเดิ้ลตะกายเจ้าของให้อุ้ม  ร็อทก็ตะกายมั่ง  เจ้าของต้องตั้งหลักให้ดี ไม่งั้นหงายหลังได้ง่ายๆ
  อาจจะเป็นได้ว่าพูเดิ้ลเลี้ยง  ร็อทเลยมีนิสัยคล้ายพูเดิ้ล คือไม่ดุ  พี่ๆเขานอนเล่นกันทั้งวัน ร็อทก็นอนบ้าง   ตอนกลางคืน พูเดิ้ลก็นอนหนุนร็อท ร็อทเอาขาก่ายเหมือนเด็กนอนกอดตุ๊กตา หลับกันไปทั้งสองคู่
   ลีโอเป็นหมาสุภาพกว่าไลอ้อน  ไลอ้อนติดจะขี้เล่นหน่อย บางทีก็เกเรเหมือนเด็กเอาแต่ใจ    ส่วนลีโอนั้นมาดพระเอก  ตอนเช้าเมื่อดิฉันเดินออกกำลังกาย  ลีโอเห็นจะต้องลุกมาเดินเป็นบอดี้การ์ด  เดินนิ่งๆไปด้วยตลอดทาง ไม่ต้องจูง จนกระทั่งกลับถึงที่ประจำถึงจะผละไปนอนตามเดิม

   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 14 พ.ย. 22, 18:46
Rottweiler  :-X   หากได้ยินว่าบ้านใหนเลี้ยงหมาพันธุ์นี้ ผมจะพยายามอยู่ห่างไว้ก่อน  ;D    ชื่อเสียงของเขาในเชิงของคุณลักษณะประจำตัว มักจะปรากฎอยู่ในฝั่งของข่าวที่เป็นทางลบมากกว่าในทางบวก ก็คงเหมือนกับหมาไทยพวกหมาหลังอานและหมาพันธุ์บางแก้ว  ที่จริงแล้วผมเห็นว่าหมาพวกนี้เป็นพวกหมามีนายเดียว เขาจะซื่อสัตย์และปกป้องอย่างถึงที่สุดสำหรับนายผู้นั้น ซึ้่งส่วนมากก็จะเป็นผู้ที่คลุกคลี ดูแลอาหาร และร่วมทุกข์-สุขกับเขา   สำหรับความก้าวร้าว ความดุจะมากจะน้อย ความรู้สึกที่เป็นมิตร หรือความอ่อนโยนของเขานั้น ดูจะมาจากลักษณะและวิธีการเลี้ยงของเรา 

เมื่อสมัยยังเป็นเด็กในวัยทีนต้นๆ ที่บ้าน ตจว.เคยเลี้ยงหมาพันธุ์ที่เรียกกันว่าหมาดอย (ชื่อ หมี)  เมื่ออยู่กรุงเทพฯมีครอบครัวแล้วก็เลี้ยงหมาหลังอาน (ชื่อ สีหมอก) เป็นตัวผู้ทั้งสองตัว ทั้งสองพันธุ์นี้จัดว่าเป็นประเภทหมาดุ และเป็นประเภทหมามีนายเดียว   ก็มีข้อสังเกตเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่พอจะรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการฝึกสัตว์เพื่อใช้ในทางราชการว่า หมาไทยพันธุ์ดุนั้นดูจะมีความฉลาดและมีความคิดเป็นของตนเองมาก ชอบที่จะปฏิบัติเกินเลยกว่าคำสั่งและขอบเขตของการปฏิบัติที่ฝึกมา เช่น การฝึกให้กัดเฉพาะส่วนของแขนที่ผู้ฝึกจะสวมปลอกป้องกันเขี้ยวไว้ หมาไทยก็จะงับตรงนั้นแต่จะขยับไล่ไปหาส่วนที่ไม่ใช่ปลอกแขน มันคงคิดว่าการงับฝังเขี้ยวที่ถูกต้องควรจะอยู่ที่เนื้อคนมากกว่าที่วัสดุที่ทำเป็นปลอกแขน  ที่น่ากลัวอย่างหนึ่งของหมาไทยพันธุ์ดุก็ดูจะเป็นการกัดแบบขย้ำ

ผู้ที่เป็นเจ้าของตัวจริงของ เจ้าหมี ก็คือคุณพ่อของผม สำหรับ เจ้าหมอก ก็คือผม  ทั้งพ่อผมและตัวผมเองเกือบจะไม่เคยได้ให้ข้าว อาบน้ำ...  มีก็แต่เพียงเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ทักทายลูบหัวลูบหลังมันและคุยกับมัน  ด้วยความฉลาดของมัน มันรู้ว่านายที่แท้จริงของมันคือผู้ใด  เรารู้ได้จากการกระทำต่างๆเช่นในลักษณะที่มันพยายามอยู่ใกล้ชิดติดตัวเรา  และการไม่แสดงอาการการต่อต้านใดๆกับการกระทำใดๆของเรากับตัวมัน กระทั่งพลาดเผลอไปเหยียบมัน มันก็แสดงออกเพียงร้องว่าเจ็บและกัดฟันรัวๆแสดงว่าโกรธนะ     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 14 พ.ย. 22, 19:42
พูดถึงสัตว์เลี้ยงที่มีความผูกพันกันกับตัวเรามากๆแล้วก็ทำให้คิดถึงเขานะครับ

สุนัขตัวสุดท้ายที่เลี้ยงชื่อ บาแกตต์ (Baguette) เป็นพันธุ์ French Bulldog   แก่+โรค ตายไปแล้วเมื่อสามสี่ปีก่อน   ก็ไปใหนมาใหนด้วยกันเท่าที่โอกาสอำนวย นอนบนฟูกข้างเตียง หากฝนตกฟ้าร้อง บางทีก็ขอปีนขึ้นมานอนเบียดกัน   

ยังคิดถึงเขาอยู่ครับ

(http://)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 14 พ.ย. 22, 20:34
บ้านผมเคยมีปัญหาเรื่องนกพิราบหลายปี แก้ยังไงก็ไม่หายจนรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ

อยู่มาวันหนึ่ง...เพื่อนบ้านติดกันได้ขายบ้านไม้อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร นับตั้งแต่วันนั้นไม่มีนกพิราบมาเกาะบนตึกแถวบ้านผมสักตัว ไม่มีแม่นกพิราบมาทำรังบนระเบียงชั้นสอง แต่บ้านติดกันอีกหลังที่เป็นบ้านสองชั้นยังมีนกพิราบทำรังเหมือนเดิม

เข้าใจว่าพอไม่มีบ้านไม้ในระยะร่อนไปร่อนมาได้อย่างถนัดถนี่ นกพิราบจึงย้ายถิ่นฐานไปทำรังบ้านคนอื่น  ;D เรื่องแปลกแต่จริงของผมเอง


ส่วนเรื่องสุนัขผมมีแค่ตัวเดียวพันธ์ผสมสีน้ำตาลแดง ตอนนี้เดินทางกลับดาวเคราะห์แคระไปแล้ว  :( ฉะนั้นผมจะไม่เลี้ยงสุนัขแบบกินนอนด้วยกันอีกแล้ว แต่ถ้าเป็นสุนัขของแฟนหรือของลูกค่อยว่ากันภายหลัง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 15 พ.ย. 22, 17:51
นกพิราบเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องการมี "สันติภาพ" ซึ่งต้องเป็นนกสีขาวอีกด้วย ผมเคยอ่านที่มาที่ไปของการใช้สัญลักษณ์นี้แบบกระท่อนกระแท่น แล้วก็ลืม จำเรื่องราวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย     นกพิราบสีขาวพบในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกมีสีเทา นกสีขาวนี้มักจะพบอยู่ใน(เมือง)ของประเทศที่มีฤดูหนาวแบบมีหิมะตก หรือในพื้นที่แถบประมาณเส้นละติจูด 40+ องศา (ผมพบเห็นเช่นนั้น)    นกพิราบน่าจะจัดเป็นนกที่สร้างปัญหาให้กับมนุษย์มากที่สุดในเรื่องของความสกปรกและพาหะของโรคภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ๆมันอยู่รวมกันเป็นฝูง และอาคารสถานที่ๆมันยึดอาศัย  แต่ความเป็นฝูงของมันก็กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับนักท่องที่ยวหรือผู้ที่เดินทางผ่านไปมาในการให้อาหารพวกมัน   

เท่าที่พอจะทราบ นกพิราบก็มีอยู่หลากหลายสายพันธู์ พวกที่เอามาเป็นสัตว์เลี้ยงกันนั้น จะเป็นพวกที่มีรูปลักษณ์แปลกและสวยงาม หรือเป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถเด่นในการแสวงหาทางกลับสถานที่อยู่(กรง)ของตนเอง(นกพิราบสื่อสาร เลี้ยงไว้เพื่อการแข่งขัน)  หรือเป็นสายพันธุ์ที่เลี้ยงเพื่อเอามาทำเป็นอาหาร ....

ก็แปลกอยู่ที่ผู้คนทั้งโลกประสบกับปัญหาเรื่องนกพิราบเหมือนๆกัน แต่ดูจะมีความรู้ไม่มากนักเกี่ยวกับวิธีการกำจัดหรือการจำกัดเรื่องที่ไม่พึงปราถนาต่างๆที่เกิดจากนกพิราบ  วิธีการที่ดูจะนิยมทำกันก็คือ จับมันไปปล่อยในพื้นที่ห่างไกลจากผู้คน ซึ่งก็จะไปทำให้เกิดผลอันไม่พึงปราถนาตามมาจากการที่มันไปทำความเสียหายให้กับผลิตผลทางการเกษตรของชาวบ้าน  กลายเป็นการเอาปัญหานั้นไปโยกไปให้กับอีกพื้นที่หนึ่ง จะจับตายนกก็เป็นการโหดเกินไป   อื่นๆที่ใช้กันก็มีเช่น ไล่ด้วยการใช้เสียง(ปะทัด)  ไล่ด้วยกลิ่น(ลูกเหม็น) ไล่ด้วยเหยี่ยวนกตัวจริง หรือด้วยเหยี่ยวเทียม(mobile)  หรือด้วยการใช้ว่าวแบบเขียนเสือให้วัวกลัว
 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 15 พ.ย. 22, 18:47
วิธีแก้ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับกรณีพื้นที่ระเบียงบ้าน ดังเช่นกรณีของคุณ superboy นั้น  ผมเคยเห็นเขาใช้ตาข่ายไนล่อนดักปลาสีขาวใส ขนาดตาของตาข่ายประมาณครึ่งนิ้ว หรือหนึ่งนิ้วก็ได้  แขวนห้อยเป็นแผงลงมา นกมันมองไม่เห็นก็จะบินไปชนแล้วติดอยู่  ก็สุดแท้แต่ว่าจะแกะมันออกปล่อยไป หรือจะทิ้งไว้นานพอให่มันใกล้หมดแรง แล้วจึงแกะปล่อยมัน จะได้เข็ดหลาบ ฝรั่งก็ใช้วิธีนี้ และอีกวิธีหนึ่งที่เขาใช้ก็ คือใช้วิธีการตอกตะปูทะลุแผ่นไม้ แล้วเอาไปวางเพื่อไม่ให้มันสามารถเกาะได้ 

ในกรณีที่เป็นพื้นที่โรงงาน ก็มีที่ฝรั่งเขาใช้เหยี่ยวไล่ มีคนที่เลี้ยงและฝึกเหยี่ยวเพื่อการไล่นกตามโรงงานเป็นอาชีพโดยเฉพาะ วันหนึ่งทำสองสามครั้ง ก็ดูจะได้ผลดีเหมือนกัน    อ้อ! ลืมไปว่าบางสนามบินในยุโรป (?) ก็ใช้เหยี่ยวไล่เช่นกัน

ไทยเรามีเหยี่ยวนกชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า "เหยี่ยวนกเขา"  จัดเป็นพวกสัตว์คุ้มครอง   ผมมีความเห็นว่าหากอนุญาตให้ชาวบ้านสามารถเลี้ยงและฝึกเหยี่ยวชนิดนี้ได้ ก็น่าจะเป็นการดีทีเดียว มันจะช่วยจัดการกับพวกนกพิราบ นกกระจอก นกกระจาบ ที่ชอบแห่กันลงมากินข้าวในนาตั้งแต่เมื่อเม็ดข้าวติดรวงเริ่มสุก หรือเม็ดข้าวที่แผ่ตากไว้เพื่อลดความชื้นหลังจากการฟัดแล้ว

อันที่จริงแล้ว เหยี่ยวที่เรียกว่า "อีรุ้ง" ก็น่าจะอนุญาตให้เลี้ยงกันได้เช่นกัน  เหยี่ยวอีรุ้งดูจะเป็นพวกนิยมหากินสัตว์พวกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ฉ่ำน้ำ มันก็น่าจะช่วยกำจัดหนูได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เรามีความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับเหยี่ยวทั้งสองชนิดนี้มากพอที่จะสามารถกำหนดเงื่อนไขการควบคุมการเลี้ยง การใช้ประโยชน์ และการสร้างความสมดุลย์ให้เกิดขึ้ยและเป็นไปตามธรรมชาติได้


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 พ.ย. 22, 09:32
ขอเล่าเรื่องร็อทไวเลอร์ต่ออีกนิด
เราตกลงกันว่า เลี้ยงหมาใหญ่เพื่อให้ผู้อยากบุกรุกบ้านเกิดความกลัว ไม่คิดจะเข้ามา แทนที่จะเลี้ยงหมาดุตัวย่อมๆอย่างหมาบางแก้วที่พวกนั้นเข้ามาแล้วถึงค่อยเจอเขี้ยว  แบบหลังนี้จะยุ่งยากกว่า อย่างน้อยก็ต้องไปแจ้งความ ตำรวจต้องมาตรวจสอบ ฯลฯ
สู้เลี้ยงหมาใหญ่ให้ยำเกรงดีกว่า  ตัดไฟแต่ต้นลม
ดังนั้นเมื่อลีโอกับไลอ้อนจากไปแล้ว   ก็เลยหาร็อทไวเลอร์ตัวใหม่มาแทน   คราวนี้หามาได้ตัวเดียว ตั้งชื่อว่าไทเกอร์
ร็อทไวเลอร์คนละครอกกัน  นิสัยไม่เหมือนกัน   ลีโอกับไลอ้อนเป็นร็อทที่ใจดี นิสัยเรียบร้อย    ส่วนไทเกอร์เหมือนผสมโดเบอร์แมน  คือนิสัยดุ ขี้โมโห    เลี้ยงยากแม้แต่คนเลี้ยงเองก็ต้องระวัง   เวลาไม่พอใจขึ้นมาจะแสดงอาการออกมาทันที  คือแยกเขี้ยว ขนคอพองออกมาให้รู้ว่า..ฉันโกรธละนะ   ทำเอาเจ้าของบ้านต้องกำชับเด็กๆไ่ม่ให้ไปเล่นด้วย
ทุกคนในบ้านรู้ว่าอย่าทำให้หิว หรือโกรธ   เพราะไทเกอร์นิสัยไม่น่ารักอย่างสองตัวก่อน   ทำเอาต้องอยู่ห่างๆ ให้อาหารตามปกติ แต่ไม่ไปคลุกคลีด้วย   จะขังกรงก็ไม่ได้ เพราะจะทำให้ไทเกอร์พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น
ไทเกอร์ก็เช่นเดียวกับร็อทก่อนหน้านี้ คืออายุไม่ยืน   
พอหมดยุคไทเกอร์ ก็ไม่เลี้ยงร็อทอีกเลยค่ะ   หันมาเลี้ยงแลบราดอร์แทน 
เพิ่งเปิดเจอในกูเกิ้ลว่า ร็อทไวเลอร์ยังมีขายอยู่   จะแท้หรือผสมยังไม่ได้เห็นรายละเอียด     แต่พอบอกว่าจะไปหามาดู  เสียงคัดค้านก็ตามมาทันที  เพราะกลัวว่าจะได้อย่างไทเกอร์มาแล้วปราบไม่อยู่


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 16 พ.ย. 22, 18:17
แลบราดอร์ที่อาจารย์นำมาเลี้ยงน่าจะทดแทนเจ้ารอทไวเลอร์ทั้งสามตัวที่ยังอยู่ในความทรงจำของอาจารย์ได้เป็นอย่างดี  เดาว่าอาจารย์น่าจะชอบพวกพันธุ์ที่มีร่างกายกำยำ ดูแข็งแรงและมั่นคง (sturdy) +นิสัยและอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลาย   ผมไม่เคยเลี้ยงแลบราดอร์ เพียงแต่เคยได้เล่นและได้สัมผัสตัวจริงบ้าง ได้เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ ก็เลยพอจะรู้ว่าแลบราดอร์มี่ชื่อเรียกเต็มต่อท้ายว่า รีทรีพเวอร์ (Retriever)  เป็นพวกที่มีนิสัยพื้นฐานชอบไปคาบหรือเก็บของมาเล่น ฝึกง่าย เชื่อฟังและชอบคลุกคลีกับเจ้าของ  ดูจะเหมาะสำหรับการเลี้ยงโดยผู้สูงวัย ผมนึกถีงภาพที่ผู้สูงวัยเดินและเล่นกับมันในสนามหรือในพื้นที่โล่งๆ ครับ

ภาพของสุนัขที่มีนิสัยดีและเป็นมิตรกับผู้คนทุกวัยที่ค่อนข้างจะคุ้นหน้าคุ้นตาทางสื่อ มักจะเป็นรีทรีพเวอร์พันธุ์ที่ชื่อว่า โกลเด็น รีทรีพเวอร์ (Golden Retriever)   ก็ไม่เคยคิดจะหามาเลี้ยง ภาพต่างๆตามที่สื่อออกมาส่วนมากจะแสดงถึงลักษณะที่ดูมันจะจุ้นกับเราไปในทุกเรื่องแบบมากเกินพอดี  ;D   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 พ.ย. 22, 18:50
ไม่ได้เลี้ยงโกลเด้นเพราะกิตติศัพท์เลื่องลือว่าเป็นหมาใจดี เป็นมิตรกับทุกคนรวมทั้งขโมยที่เข้าบ้านด้วย  สรุปง่ายๆว่าไม่ดุเลยค่ะ
แลบราดอร์ที่บ้าน เป็นหมาขี้เล่น สนุกสนาน ชอบของเล่น   เวลาไปเจอร้าน ๒๐ บาท จะต้องซื้อตุ๊กตาที่บีบแล้วดังบิ๊บๆมาให้  จะชอบเล่นมาก    แต่จูงเดินไม่ได้เพราะแลบราดอร์ชอบวิ่งตัวปลิว   ไม่ชอบเดิน   จะลากนายผู้สูงอายุล้มลุกคลุกคลานไปด้วยค่ะ
แลบราดอร์ใจดี แต่บทจะดุขึ้นมาเช่นเห็นคนแปลกหน้า ก็น่ากลัวเอาการเหมือนกันค่ะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 17 พ.ย. 22, 18:22
หลังเวลาเที่ยงวันนี้ เจ้า "กันยา" นกเขาชวาตัวน้อยที่ผมได้ดูแลแทนพ่อ-แม่ของเขาได้บินออกจากกรงไปสู่อิสรภาพแล้ว บินไปเกาะที่รั้วมองไปข้างหน้า มองซ้าย-ขวาอยู่พักใหญ่ แล้วก็หันกลับหลังมามองในบ้าน สักพักก็บินไป   ดูแลเขามาเดือนกว่าๆตั้งแต่ตัวยังเต็มไปด้วยขนอุย ดูพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของขนของเขาจนกลายเป็นขนนกที่มีลวดลายตามฉบับของนกเขวา   

ดูวิธีการไซร้ขน การแต่งขนของเขา ก็เลยได้รู้เห็นสัญชาตญาณของสัตว์ว่า ถึงช่วงใหนเวลาใหนเขาพึงจะต้องทำอะไรและปฏิบัติเช่นใด  นกใช้ปากไซร้ขนได้เกือบทั่วทั้งตัว ส่วนคอช่วงบนจะใช้วิธีเกาด้วยตีน    เขาจะชอบคลี่ปีกและพองขนอาบแดด ก็เพื่อตากขนที่งอกยาวออกมาที่มีไขมันติดมาด้วยนั้น ให้มันแห้ง แล้วเขาก็จะไซร้ขนเพื่อคลี่มันให้แตกเป็นแผงที่สมบูรณ์ (คล้ายกับการคลี่พัด)  จะเห็นว่ามีผงสีขาวๆร่วงลงมา ก็คงเป็นไขมันที่แห้งนั่นเอง     ก็เลยคิดเอาเอง เดาเอาเองต่อไปว่า อ้อ..ไขมันที่มากับขนของพวกสัตว์ปีกนี่เอง ที่น่าจะเป็นแหล่งอาหารของแมลงพวกไร ทำให้นกมีไร ที่เรียกว่า ไรนก    ก็เลยมีความเห็นว่า หากจะเลี้ยงพวกสัตว์มีปีกหรือพวกสัตว์มีขนใดๆก็ตาม ก็พึงจะต้องทำมันต้องมีโอกาสได้ตากแดดอยู่เป็นประจำ

ก็ยังเป็นห่วงนก "กันยา"อยู่ ครับ   ว่าได้พบที่พักที่เหมาะสมแล้วหรือยัง  ก็ยังคงเปิดกรงพร้อมน้ำและอาหารให้เขาอยู่ เอาเศษผ้าม่อฮ่อมแปะไว้ที่ประตูกรงและเอาวางบนถาดที่นอนเดิมของเขา เพื่อที่เขาจะได้เห็นได้ชัดเจนหากคิดจะกลับมาเยือน   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 17 พ.ย. 22, 18:55
ย้อนไปยังความเห็นของคุณ Anna ว่า  ที่เอาไปให้สมาคมพิทักษ์สัตว์..(ที่ชื่อทำนองนี้) นั้น   นั่นเป็นการกระทำอย่างหนึ่งที่เหมาะสม ผมรู้ว่าต้องมีสมาคมประเภทนี้ แต่ไม่เคยแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ    ในประสบการณ์ของผมที่ได้สัมผัสและกระทำมา ผมไพล่ไปนึกถึงการเอาไปให้สวนสัตว์ดูแล     จะเป็นเช่นใดก็ตาม ความเหมาะสมต่างๆก็ดูจะขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์และสภาพการณ์ที่เกี่ยวข้อง    กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็มีความเกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์คุ้มครองต่างๆเช่นกัน   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 พ.ย. 22, 17:26
เมื่อวานนี้ได้เล่าว่าเปิดกรงให้ นก"กันยา" นกเขาชวาตัวน้อยได้บินสู่อิสระ  ดีใจแล้วก็เป็นห่วงเขา   วันนี้ได้ดีใจ หมดห่วง และมีความสุขใจอย่างมากเลยครับ   'กันยา' ได้บินกลับมากินอาหารที่เตรียมพร้อมไว้ให้เขาในกรง เขาจำผมได้ ไม่ตื่นหนี เกาะกินอย่างมีความสุข แล้วก็บินลงพื้นไปอยู่รวมกับฝูงที่ลงมากินอาหารที่ได้โปรยไว้ทุกๆประมาณบ่าย 4 โมงเย็น   ดีใจที่เขาสามารถเอาตัวรอดได้ มีที่กิน มีที่นอน และมีเพื่อนและฝูงให้เกาะกลุ่มกัน   จะยังไงก็ตาม ผมก็จะยังคงเปิดประตูกรงที่มีความพร้อมเรื่องอาหาร น้ำ และแอ่งที่นอนสำหรับเขาไปอีกระยะหนึ่ง ยาวๆ เผื่อว่าเขาอยากกลับมานอน หรืออยากมาใช้ประโยชน์อื่นใด     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 พ.ย. 22, 18:18
เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ขณะกำลังดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างบ้าน ก็ปรากฎว่าลูกของช่างก่อสร้างได้จับลิงตัวจิ๋วได้ เด็กก็ให้พ่อทำกรงเล็กๆขังไว้ เลี้ยงอยู่สองสามวัน กล้วว่ามันจะตายก็เลยเอามาให้ผมดูแลต่อ  แต่แรกเห็นก็รู้เลยว่าน่าจะมิใช่สัตว์ที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในภูมิภาคบ้านเรา  ดูจากลักษณะตาโตคล้ายๆกับพวกลิงลม เคลื่อนไหวช้าแต่ก็ยังเร็วกว่าลิงลม ก็เดาได้ว่ามันคงเป็นพวกสัตว์หากินกลางคืน อาหารของมันก็น่าจะผสมผสานทั้งพืชและแมลง (Omnivorous) น่าจะหนักไปทางแมลง  เอามาใส่กรงนกขุนทองที่มีซี่กรงเป็นช่องห่างกันประมาณ 1.5 ซม. แล้วให้กล้วยน้ำว้าเป็นอาหารแทนไปก่อน  กลางว้นมันก็ซุกนอนอยู่ในมุมอับแสง ส่วนกลางคืนไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นใด  คืนนั้นก็พยายามค้นหาทางเน็ตเท่าที่ความรู้จะพึงมีสำหรับการตั้งคำเพื่อสรรหาคำตอบ แต่จำกัดด้วยความรู้ก็เลยไม่รอด ไม่รู้อยู่ดี   รุ่งขึ้นก็เอาไปที่เขาดิน (สวนสัตว์ดุสิต) ก็เลยพอได้ความรู้ว่าน่าจะเป็นตัวอะไร ก็พร้อมมอบให้สวนสัตว์เอาไปเลี้ยง แต่ไม่สำเร็จด้วยข้อจำกัด(จำไม่ได้ว่าอะไรบ้าง)   ที่สุด เราก็ต้องเอากลับมาเลี้ยงเอง   

คืนนั้นมันก็แหกกรงขัง  ไปรู้ว่ามันอยู่ที่ใหนก็ตอนที่เห็นมันโดนงูงับห้อยร่องแร่งอยู่ที่กิ่งต้นมะม่วง  ดีที่ไม่สูงนักและบังเอิญมีไม้ไผ่ยาวสำหรับผูกกับตะกร้าสอยมะม่วงอยู่  ก็เลยทำการฟาดฟันโรมรันพันตูกับงูและแย่งเจ้าลิงตั๋วนี้มาได้สำร็จ งูคายลิง ปล่อยให้มันตกลงมา ลิงมันก็คงเจ็บจากการตกลงมา แต่อาจจะไม่มากนักเพราะตัวมันเบา แต่การบาดเจ็บจากพิษของงูนี่สิ ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขเช่นใด  ก็ยังดูมันแข็งแรง คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แล้วก็เศร้า หดหู่ใจ เช้ามาก็พบว่าตันตายเสียแล้ว 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 พ.ย. 22, 18:23
ลิงน้อยตัวนั้นครับ

(http://)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 พ.ย. 22, 18:01
ยังคาใจอยู่ว่าเป็นลิงอะไร เมื่อคืนก็เลยนึกคำค้นหาออกอีกคำหนึ่ง คือ small nocturnal monkey  จึงได้รู้ชื่อเรียกขานทั่วไปของลิงตัวเล็กต่างๆว่า พวก Tarsier  แต่หน้าตาของมันไม่เหมือนที่เรามีอยู่เลย เลยค้นต่อในยูทูปด้วยคำว่า Tarsier monkey around the world  ได้ผลครับ ตัวที่มีลักษณะคล้ายกับตัวที่อยู่กับผมนั้น ถิ่นของมันดูจะเป็นประเทศนิวซีแลนด์ จะถูกหรือผิดอย่างไร ไม่มีความรู้มากพอที่จะยืนยันครับ 

เกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่า ลิงที่มีหางยาว ตาโต หากินในเวลากลางคืนในไทย มีบ้างใหม ??    เคยเห็นแต่ลิงลม(นางอาย)ซึ่งไม่มีหาง ที่เป็นธรรมชาติในป่าจริงๆ เมื่อยื่นมือไปหาตัวเขา เขาจะแยกปาก คล้ายกับจะร้องแต่ไม่มีเสียง เมื่อบวกกับความเชื่องช้าทั้งการขยับตัว ขยับตา เลยเป็นภาพที่คล้ายกับ ET ในหนัง แต่ให้ภาพที่ออกไปทางสยิวมากกว่าทางน่ารัก     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 พ.ย. 22, 18:23
เมื่อเช้านี้มีความสุขใจเพิ่มมากขึ้นอีกครับ ตื่นนอนลงมาจากบ้านก็ได้เห็นนกน้อย "กันยา" กำลังกินอาหารอยู่ในกรง อิ่มแล้วก็ขึ้นคอนไซร้ขนอย่างมีความสุข สักพักก็บินออกไป หลังเที่ยงก็บินลงมากินอาหารที่โปรยไว้รวมกับนกตัวอื่นๆ  แต่เมื่อกินเสร็จแล้วกลับไม่บินตามฝูงไป แยกตัวไปเดินคุ้ยแคะอะไรๆอยู่ในสนามหญ้า หลังจากนั้นจนขณะนี้ยังไม่เห็นอีกเลย เลยเริ่มจะรู้สึกกังวล  แต่ก็สบายใจอยู่ว่า เขาใช้ชีวิตแบบอิสระรอดมา 24 ชม.แล้ว ก็น่าจะโอเค   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 พ.ย. 22, 19:02
พูดถึงลิงตัวน้อยมาว่ามันก็มีพื้นเพถิ่นฐาน  ทำให้นึกถึงคำที่ใช้เรียกสุนัขพันธุ์หนึ่งว่า 'หมาไทย'   

หน้าตา รูปร่าง ลักษณะ อุปนิสัยใจคอของสุนัขที่เรียกว่า 'หมาไทย' นั้นเป็นเช่นใด ?   ดูเราทั้งหลายจะมีความสามารถจำแนกสุนัขและใช้คำว่า 'หมาไทย' กันได้ทุกคนในทันทีที่พบเห็น ก็เลยเป็นที่น่าสนใจ      ไทยเราดูจะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ที่ยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์ของพื้นถิ่นไทย คือ หลังอาน ซึ่งถิ่นเดิมคือ จ.ตราด ??  และ บางแก้ว ซึ่งถิ่นเดิม คือ จ.พิษณุโลก ??    แล้วที่เรียกว่า หมาไทย ที่ไม่มีลักษณะของทั้งสองสายพันธุ์นั้นล่ะ ??    คำว่า 'พันธุ์ทาง' ก็มีใช้กันอยู่ แต่เราก็ดูจะมีการจำแนกการเรียกพันธุ์สุนัขระหว่างสองคำนี้อยู่   

อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ  แต่ก็เขื่อว่าน่าจะมีเอกสารการศึกษาวิจัยในวงวิชาการทาง Vet.  ก็น่าจะมีข้อมูลอะไรๆที่น่าสนใจอยู่บ้าง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 19 พ.ย. 22, 20:46
สมัยเด็กน้าชายผมเคยเลี้ยงชะนีชื่อนังยุ่ง เชื่องพอสมควรแต่กับเฉพาะคนคุ้นหน้า ปรกติไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากเวลากินอาหาร กลางวันใช้สองมือโหนสายไฟไปบ้านโน้นบ้านนี้ที่เป็นญาติกัน ตกกลางคืนก็กลับมานอนในที่พักตัวเอง แต่ถ้าคืนไหนจันทร์เต็มดวงนังยุ่งจะขึ้นมาชมจันทร์บนหลังคา แล้วร้องโหยหวนประมาณว่าหาเพื่อนหรือหาตัวผู้ บางคืนก็ปีนเสาโทรทัศน์เล่นเป็นที่น่าหวาดเสียว แต่ไม่เคยพลัดหล่นลงมาจากสายไฟหรือต้นไม้แม้แต่ครั้งเดียว เป็นสีสันของชีวิตในวัยเด็กที่หาไม่ได้อีกแล้ว

ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่านังยุ่งจากไปตอนไหน ตอนนั้นน้าชายได้ลูกหมาป่ามาเลี้ยงหนึ่งตัวด้วย เข้าใจว่าจากเมืองจันทร์เพราะแกกับแฟนวิ่งรถสายนี้ ลูกหมาป่าอยู่ที่บ้านไม่นานไม่แน่ใจว่าตายหรือให้คนอื่นไป


คงพอคาดเดากันได้นะครับว่า วัยเยาว์ของผมน่าจะประมาณยุคป่าแตก  ;D


ปล.ที่บอกว่าลิงแพ้กะปิใช้กับชะนีไม่ได้นะครับ ไม่ได้อย่างเด็ดขาดผมขอนั่งยันนอนยัน


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 พ.ย. 22, 09:35
ตัวที่มีลักษณะคล้ายกับตัวที่อยู่กับผมนั้น ถิ่นของมันดูจะเป็นประเทศนิวซีแลนด์ จะถูกหรือผิดอย่างไร ไม่มีความรู้มากพอที่จะยืนยันครับ

ว่าด้วยเรื่องทาร์เซีย

https://youtu.be/vcB5IEoFuYI

ในนิวซีแลนด์คงไม่พบทาร๋เซียในธรรมชาติ เราจะพบทาร์เซียกระจายอยู่ตามเกาะต่างในอินโดนีเซีย เช่น สุมาตรา, บอร์เนียว, ซูลาเวซี และเกาะทางใต้ของฟิลิปปินส์ เช่น มินดาเนา, โบโฮล, เลย์เต, ซามาร์


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 พ.ย. 22, 11:35
แล้วที่เรียกว่า หมาไทย ที่ไม่มีลักษณะของทั้งสองสายพันธุ์นั้นล่ะ ??    คำว่า 'พันธุ์ทาง' ก็มีใช้กันอยู่ แต่เราก็ดูจะมีการจำแนกการเรียกพันธุ์สุนัขระหว่างสองคำนี้อยู่

ราชบัณฑิตท่านให้ใช้คำว่า 'สุนัขพันทาง'

พันทาง : เรียกไก่ที่พ่อเป็นอู แม่เป็นแจ้ ว่า ไก่พันทาง, ภายหลังเรียกเลยไปถึง สัตว์ที่พ่อแม่ต่างพันธุ์กัน (ยกเว้นปลากัด) จนถึงสิ่งต่างชนิดบางอย่างที่แกมกันหรือไม่เข้าชุดกัน เช่น สุนัขพันทาง เครื่องลายครามพันทาง

คุณทองแดง สุนัขทางเลี้ยง ตามประวัติก็เป็นสุนัขพันทาง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เคยมีรับสั่งว่าเป็น 'พันธุ์ธาวซันด์ เวย์' (thousand way - พันทาง) บ้าง 'พันธุ์มิดโรด' (midroad - กลางถนน) บ้าง
;D


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 22, 14:01
เคยเลี้ยงพันธุ์ธาวซันด์ เวย์มาหลายตัว  พบว่ามีนิสัยแตกต่างกันไปจนหาคำจำกัดความไม่ได้   บางตัวดุและรักเจ้าของ บางตัวชอบเที่ยว ไม่เคยอยู่บ้าน
แต่เหมือนกันคืออดทนต่อหนาวร้อนดีมาก   ไม่เจ็บป่วยง่าย นอนตากยุงไม่ต้องทำกรงบุมุ้งลวดให้ ก็ไม่เป็นอะไร    ปัจจุบันไม่ได้เลี้ยงแล้วค่ะ  เพราะตัวไม่ใหญ่  โจรไม่กลัว 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 20 พ.ย. 22, 17:53
สุนัขผมโรงพยาบาลสัตว์เกษตรลงทะเบียนว่าเป็นพันธ์ุ crossbreed ครับ ตอนเด็กขนสั้นเหมือนลาบาดอร์ โตขึ้นมาขนหนาเหมือนโกเด้น ยิ่งโตขนยิ่งยาวจนจำเป็นต้องซอยออกบ้างโดยเฉพาะแถวก้น


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 20 พ.ย. 22, 17:58
ที่ผมว่า Tarsier พันธุ์ที่อยู่บนมือผมที่แสดงในรูป ว่ามีถิ่นอยู่ในนิวซีแลนด์นั้น ก็ได้มาจากยูทูป แต่ก็มีความกังขาอยู่มากว่าจะเป็นไปได้อย่างไร  เพราะออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นแผ่นดินที่ดูจะไม่มี Primates พวกนี้เลย  

ตัวมันเล็กน่ารักดีนะครับ ;D  


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 20 พ.ย. 22, 19:38
สุนัขไทยที่เราเลี้ยงกันดูจะมีหลากหลายขื่อเรียกสายพันธุ์ของมัน  นอกจากที่ว่ามาแล้วก็ยังมีที่เรียกกันว่า หมาพื้นบ้าน หมาดอย หมาไล่เนื้อ หมาตลาด หมาวัด...   สุนัขตามชื่อเรียกเหล่านี้ ดูคล้ายกับจะเป็นการเรียกตามสถานที่อยู่ที่เราพบเห็นมันหรือสถานที่ๆได้ไปเอามันมาเลี้ยงดู   

คำว่า 'หมาไทยจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสทั้งจากการเลี้ยงเอง และจากการได้คลุกคลีกับสุนัขของชาวบ้านในท้องถิ่นชนบทต่างๆ ผมเห็นว่ามันมีข้อพิจารณาอยู่ไม่น้อยในการเลือกใช้ชื่อเพื่อบ่งบอกว่าสุนัขนั้นๆเป็นพันธุ์ใดหรือประเภทใด  เป็นการประมวลจากรูปลักษณ์ อุปนิสัยใจคอ การกระทำในเชิงการรุกและในเชิงการรับ พื้นเพกำเนิด สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ...


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 20 พ.ย. 22, 19:45
หมาไทย ก็เลยดูมีความหมายที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของสายพันธุ์ แต่มันก็มีเอกลักษณ์ที่มีลักษณะจำเพาะของความมีสายพันธุ์


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 21 พ.ย. 22, 19:00
เมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น ในหมู่บ้านเล็กๆขนาด 10-20 หลังคาเรือนที่อยู่ห่างไกลจากเมือง โดยเฉพาะในแถบพื้นที่ๆเป็นป่าละเมาะและพื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ราบกับพื้นที่ที่เป็นป่าไม้ จะพบเห็นสุนัขหางด้วนค่อนข้างมากอยู่ตามบ้านของชาวบ้าน  เกือบทั้งหมดเป็นพวกจมูกยาว ขนเกรียน สีขนออกไปทางสีเทา-สีน้ำตาล หรือน้ำตาลแดง สีของตาออกไปทางสีน้ำตาลแดง พวกที่มีหางยาวก็จะเป็นแบบหางเรียวแหลม ส่วนพวกที่มีหางกุดก็จะมีทั้งกุดแบบสั้นๆ(ประมาณ 3+/- นิ้ว และแบบยาวประมาณเกือบคืบฝ่ามือ    จำได้ว่าไม่เคยเห็นแบบที่มีขนยาวและที่มีสีดำ พวกสีด่างก็ไม่ค่อยจะมี หากจะด่างก็จะมีวงด่างเป็นปื้นสีน้ำตาลแดง   

ลักษณะที่กล่าวถึงนี้ ไม่รู้จะพอจัดให้เป็นลักษณะของสายพันธุ์สุนัขพื้นบ้านได้หรือไม่ ?  สุนัขพวกนี้นอกจากจะมีการผสมพันธุ์กันเองในหมู่ แล้วก็ยังก็มีการผสมข้ามหมู่กันด้วย เนื่องจากมีการแจกจ่ายกระจายกันไปเลี้ยงข้ามไปข้ามมาในระหว่างหมู่บ้านต่างๆ  การคัดสายพันธุ์กันก็มี ซึ่งเกิดขึ้นจากการเลือกเอาลูกสุนัขจากพ่อหรือแม่ที่มีอุปนิสัยสอดคล้องตามที่ต้องการเอาไปเลี้ยงและขยายพันธุ์ในพื้นที่ต่างถิ่นต่างหมู่บ้าน

สำหรับพวกหางด้วนหรือหางกุดนั้น สาเหตุมาจากเรื่องของความขี้เกียจและความไม่กระตือรือล้นของสุนัขตัวนั้นๆ  เหตุเกิดเมื่อชาวบ้านลงบันใดบ้านมาพร้อมอาวุธ(เครื่องมือทำมาหากิน) สุนัขเหล่านั้นจะต้องรู้ว่าถึงเวลาออกไปเที่ยวทุ่งเที่ยวป่าพร้อกับนายแล้ว ต้องกระตือรือล้น หากยังคงนอนคุดคู้อยู่และทำเป็นกิจวัตร ก็อาจถูกพิจารณาตัดหางด้วยการสับด้วยมีดอีโต้ ซึ่งจะยังผลให้มันเกิดความระแวง และจะต้อง active เมื่อถึงเวลาทำงาน   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 21 พ.ย. 22, 19:14
ชาวบ้านที่ทำไร่ทำสวนอยู่ในพื่นที่ชายป่าหรือหาเลี้ยงชีวิตด้วยการเก็บกินของป่า จะนิยมเลี้ยงสุนัขไว้สองสามตัวหรืออาจถึงห้าหกตัว  สุนัขจะช่วยไล่แมลง งูและสัตว์มีพิษ ช่วยบอกและชี้ตำแหน่งของของป่าหรืออาหารที่เข้าไปเสาะหา ช่วยไล่ล่าสัตว์ที่เอามาทำอาหาร ช่วยไปเสาะเก็บของป่า ช่วยนำทางกลับบ้าน .....  เรียกว่า(น่าจะ)ครบทุกรูปแบบที่ฝรั่งเขาพยายามเพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อให้ทำงานจำเพาะเป็นเรื่องๆไป 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 22 พ.ย. 22, 18:47
สองวันมานี้  'กันยา'นกเขาชวาน้อยได้บินกลับมากินอาหารที่โปรยไว้ที่พื้นโรงรถตามเวลาที่จัดให้กับฝูงนกเขาชวาประมาณ 20 ตัวที่ลงมาเป็นประจำ  ช่วงเช้าของวันนี้ เวลาประมาณ 8 โมง 'กันยา'บินเข้าไปในกรงที่เปิดประตูคาไว้ กินน้ำ และกินอาหารเล็กน้อย แล้วก็ขึ้นจับขอนแต่งตัว เสร็จแล้วก็กระโดดลงมาหมอบพักบนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปูไว้ในกรง  สักพักใหญ่ก็ไปเกาะที่ขอบประตูกรง มองไปมาสักครู่ใหญ่ๆแล้วก็บินไป  เขาก็ยังเชื่องและคุ้นเคยกับผมมากๆอยู่ ยังยื่นหน้าไปประชิดปากเขาให้เขาจิกหนวดเคราเล่นได้ ยังแนบแก้มกับตัวเขาได้  โดยสภาพเช่นนี้ ก็หมดห่วงเขาไปได้มาก เขาเอาตัวรอดได้แล้ว  แต่ก็ยังมีกังวลอยู่บ้างที่เมื่อเช้านี้ได้เห็นขนตามตัวฟูขึ้นมาเป็นจดๆ ขนหัวก็ไม่เรียบ  ดูคล้ายกับถูกจิกโดยนกตัวอื่นมา เขาก็คงต้องสู้ต่อไปและพยายามอยู่ให้ได้ในโลกของความเป็นจริงของนก

เป็นความสุขที่ได้จากการเลี้ยงสัตว์ในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่จะเข้าข่ายของการใช้คำว่า สัตว์เลี้ยง ได้หรือไม่ ??


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 22 พ.ย. 22, 19:38
ในพื้นที่ไร่นาสวนผสมของผมในปัจจุบันนี้มีสัตว์ที่เข้ามาพักพิง เข้ามาหากิน หรือเข้ามาปรากฎตัวอยู่ค่อนข้างจะหลากหลาย  พวกนกที่ไม่ค่อยจะได้พบเห็นกันในปัจจุบันก็มี นกกะปูด นกแซงแซวหางปลา นกคุ่ม นกกวัก นกกะรางหัวหงอก นกโพระดก ... ที่ขาดไปและอยากจะเห็นก็คือนกกะรางหัวหวาน ที่จริงแล้วน่าจะมีอีกมากหลายชนิด เพียงแต่ไม่ได้ให้ความสนใจพุ่งเป้าความอยากรู้   

ไก่ป่านั้นมีแน่นอน แถมยังลงมาผสมกับไก่บ้านที่เลี้ยงไว้อีกด้วย  นกเป็ดก็มีเพราะมีบ่อปลา นกเป็ดน้ำนี้มาอาศัยอยู่จนคล้ายบ้านของมัน  พวกสัตว์สี่เท้าที่เข้ามาเยี่ยมเยียนก็มีพวกอีเห็น ไม่แน่ชัดว่าเป็นอีเห็นข้างขาว ข้างลาย แต่คงมิใช่อีเห็นหางปล้อง    กระต่าย ไม่มาแล้ว    หมาป่า ก็เคยมาแต่ถูกหมาสวนกัดตายไปแล้ว 2 ตัว หายไปเลย 

ไม่ได้เลี้ยงเลย เพียงแต่ทำให้มันเป็นพื้นที่ๆมีความปลอดภัยเพียงพอที่สัตว์จะสามารถเข้ามาพำนักพักพืงได้

 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 23 พ.ย. 22, 18:19
เมื่อครั้งยังอยู่ในวัยเด็กจนถึงวัยมัธยมต้น ได้มีโอกาสจับตัว ได้สัมผัส และเรียนรู้สัตว์ป่าอยู่หลายชนิดพอสมควร ด้วยที่คุณพ่อเป็นหมอ คนไข้ที่มารักษาที่โรงพยาบาลก็จะหอบเอาลูกสัตว์ป่าที่ได้มาจากกรณีต่างๆ เอาใส่เกวียนเอามาให้เลี้ยงเมื่อเดินทางมารักษา นัยว่าเป็นการแสดงความขอบคุณ  ตัวแรกที่จำได้ก็คือลูกหมาดอยที่ชื่อ'หมี'ที่เล่าไปแล้ว ต่อๆมาก็มีลูกหมีควาย กระจง ชะนีทั้งขนขาวและขนดำ ลิง ค่าง นกแก้วแขก นกขุนทอง กระต่าย ลูกเสีอก็มีมาแต่ไม่รับไว้เลี้ยง

เมื่อตัวเองทำงานที่ต้องเดินเข้าป่าเข้าดง ได้เห็นสัตว์ป่าต่างๆก็เลยรู้สึกคุ้นเคยและรู้สึกเอ็นดูมัน โดยเฉพาะในภาพที่มันแสดงอาการงงเมื่อเห็นเราว่า ใครหว่า !   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 23 พ.ย. 22, 19:32
ประสบการณ์นอกตำราเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับสัตว์นี้  ทำให้มีความเห็นในสองสามประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของการเลี้ยงสัตว์และการมีสัตว์เลี้ยง   

เบื้องแรกของเหตุที่ทำให้เกิดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นมา ดูจะมาจากพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่มีสภาพจิตใจเป็นปกติ คือจะมีจิตใจที่มีความเอ็นดู มีความอ่อนโยน และยินดีให้ความช่วยเหลือแก่ลูกสัตว์(ประเภทมีกระดูกสันหลัง)ตัวเล็กที่เพิ่งเกิดมาดูโลกได้ไม่นาน เมื่อได้พบเห็นพวกมัน   มีความรู้สึกว่าเป็นพื้นๆว่าลูกสัตว์เหล่านั้นมีอะไรๆที่เป็นความน่ารักมากมาย    ด้วยพื้นฐานของความรู้สึกเช่นนี้ บ้างก็เกิดความรู้สึกอยากเอาเขามาเลี้ยง เอามาดูแลด้วยตัวเอง บ้างก็เกิดจากภาวะจำยอมต้องหรือจำเป็นต้องรับเลี้ยงและต้องดูแล  บ้างก็เกิดจากความรู้สึกอยากจะเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือในการเลี้ยงดูให้เขาเหล่านั้นมีชีวิตรอด เจริญเติบโตต่อไป    เมื่อมีความเกี่ยวพันเกิดขึ้น ก็เกิดความห่วงใย ซึ่งนอกจากจะเป็นในเรื่องของการดูแลเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ต่างๆแล้ว ก็จะผนวกด้วยการเห็นและติดตามเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและอุปนิสัยใจคอของสัตว์เหล่านั้น ผันต่อกลายเป็นความผูกพัน เกิดความรัก ความห่วง และอาจเกิดความหวงแหนเขาขึ้นมา ซึ่งบ้างก็เกิดกับตนเองเพียงคนเดียว บ้างก็เกิดกับคนทั้งครอบครัว

เมื่อย้อนนึกกลับไป ดูเรามักจะนึกถึงสัตว์เลี้ยงของเราอยู่ในสองช่วงเวลา คือ ช่วงวัยที่เรียกว่ายังป็นลูกสัตว์ กับวัยที่เรารู้สึกว่าเขาเป็น Companionship     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 24 พ.ย. 22, 19:02
ลูกของสัตว์ 2 ขา และ 4 ขา ล้วนมีความน่ารักอยู่ในตัวของมัน บ้างก็ในทางรูปกาย บ้างก็ในด้านการเคลื่อนไหว บ้างก็ในทางอุปนิสัยใจคอ  ความน่ารักเหล่านี้ แม้จะมีการเปลี่ยนไปตามวัย ซึ่งก็มีทั้งแบบการแปรเปลี่ยนเฉพาะเรื่องทางกายภาพ (เช่น การเปลี่ยนสีขน การมีเขา)  การแปรเปลี่ยนทางอุปนิสัยใจคอ (เช่น ความเป็นมิตร ความดุร้าย) และการแปรเปลี่ยนทั้งด้านกายภาพและอุปนิสัยใจคอ (เช่น เป็นนักล่า)

ลูกของสัตว์ที่มีการเปลี่ยนสีขนเมื่อโตขึ้น ที่ผมเคยได้เห็นในพื้นที่ๆเป็นป่าจริงๆก็มี ลูกไก่ป่าและลูกเก้ง(อีเก้ง)  ลูกเจี๊ยบของไก่ป่าจะมีขนลาย สีขนจะเปลี่ยนไปเมื่อโตขึ้น เป็นอย่างที่เห็นกัน   สำหรับลูกอีเก้ง(ฟาน ในภาษาเหนือ) จะมีจุดขาวบนสีน้ำตาลแดงอ่อน แซมด้วยสีผมหงอก เมื่อโตขึ้นจะมีสีขนเป็นน้ำตาลแดงเข้ม แต่ไม่มีความรู้ว่า ลูกของเก้ง(ฟาน) หรือของเก้งหม้อ(เก้งดำ) ชนิดใดที่ลูกของมันมีจุดขาว หรือมีทั้งสองพันธุ์ ?       


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 24 พ.ย. 22, 19:42
มีข้อสังเกตว่า ไก่ป่าที่เลี้ยงกันจะยังคงมีสัญชาติญาณของสายพันธุ์ตกค้างอยู่ คือ ชอบเกาะนอนบนขอนเหนือพื้นดิน เมื่อตกใจจะแรกตอบสนองด้วยการบิน ยังคงมีความรู้สึกระวังภัยในระดับสูง ไม่นิยมเข้าไปสังคมในฝูงใหญ่   ลูกผสมกับไก่บ้านของมันก็ยังคงลักษณะดังกล่าวนี้อยู่ 

ไก่ป่าที่พบในป่าของบ้านเราดูจะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือที่มีติ่งหู(ตุ้มหู)ขาว และติ่งหูแดง  ที่พบโดยทั่วไปทางภาคตะวันตกและภาคเหนือจะเป็นพวกติ่งหูแดง  ไก่ป่าจะไข่ไว้บนผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยเศษใบไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อระหว่างชัฏป่าไผ่กับป่าอื่นๆ   ว่ากันว่า ซึ่งควรจะต้องถือเป็นข้อปฏิบัติที่เคร่งครัด ว่าเมื่อเห็นแล้วก็ไม่ควรเอามือเราไปจับต้องหยิบจับขึ้นมาพิจารณา มิฉะนั้นมันจะไม่กลับมาฟักต่อไปอีก จะจริงเท็จเช่นไรก็ไม่ทราบ แต่แน่นอนว่าเมื่อมันเห็นเราเข้าใกล้มากเกินควรมันก็จะบินหนี 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 25 พ.ย. 22, 18:49
หมูป่าที่เคยเลี้ยงนั้น ได้มาตั้งแต่ยังเป็นลูกหมู จำมันได้อยู่ในสองช่วงอายุ คือเมื่อยังเป็นลูกหมูที่มีขนไม่เป็นสีดำ น่ารักดี และอีกช่วงหนึ่งเมื่อมันโต เลี้ยงอยู่ในคอกที่ทำลอบต้นจำปี มีเขี้ยวงอกออกจากปากยาวประมาณนิ้วชี้ ตัวมีสีดำ ขนคอยาว พื้นดินในคอกเป็นดินโคลนแฉะ มันชอบเดินเอาสีข้างสีต้นจำปี รอบต้นจำปีจึงมีแต่รอยฉีกขาดกับคราบดิน และรอยขุดงัดดินที่โคนต้น ในที่สุดต้นจำปีก็ตาย  ดูจะเชื่องและรับรู้เฉพาะเสียงของคนให้อาหารเท่านั้น

เรื่องราวที่ได้เรียนรู้และจำได้เนื่องมาจากการเลี้ยงหมูป่าตัวนั้น ที่ได้มาจากชาวบ้านและพรานไพรรุ่นเก่าในสมัยนั้นก็คือ หมูป่ามีความสามารถในการกระโจนชนได้ แข็งแรง สามารถวิ่งสวนลูกปืนได้และทำให้เราบาดเจ็บถึงตายได้   และอีกเรื่องหนึ่งคือ เขี้ยวหมูตัน    การล่าหมูป่าของชาวบ้านส่วนหนึ่งมาจากความต้องการเขี้ยวหมูที่ตัน(ไม่มีโพรง) เพื่อเอามาทำเครื่องรางของขลังในกลุ่มคงกระพันชาตรี   

เมื่อทำงานที่ต้องเดินป่าเดินดง ก็ได้พบกับชาวบ้านที่ถูกหมูป่าทำร้ายสองสามคน ซึ่งเหตุเกิดจากการไปยิงมัน รายหนึ่งเป็นการยิงตรงด้านหน้าระยะไกล้ อีกรายหนึ่งเกิดจากการยิงตัวหนึ่ง(ด้านข้าง)แต่ถูกอีกตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาทางด้านข้างของตนแล้วขวิดชนเอา เห็นแผลเป็นที่ตัวและแขนขาของทั้งสองคนแล้วน่ากลัวมาก เป็นผลมาจากการฉีกขาด


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 25 พ.ย. 22, 19:56
ไม่เคยเห็นกรณีเลี้ยงหมูป่าในลักษณะที่เป็นสัตว์เลี้ยง เคยเห็นแต่การเลี้ยงหมูบ้านและหมูพันธุ์  ในไทยนั้นเห็นแต่การเลี้ยงเมื่อยังเป็นลูกหมูตัวเล็กอยู่เท่านั้น  สำหรับฝรั่ง เคยเห็นตามสื่อว่ามีการเลี้ยงต่อเนื่องจนมันโตเต็มวัย ซึ่งก็ดูว่าจะเลือกเลี้ยงเฉพาะพวกพันธุ์ที่มีสีขาว

ขอเลยเถิดไปถึงการเลี้ยงหมูวิธีการหนึ่งในไทย  เรียกว่าการเลี้ยง "หมูหลุม"  ก็ไม่รู้ว่าแนวคิดการเลี้ยงแบบนี้มีต้นกำเนิดมาจากใคร 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 พ.ย. 22, 15:33
" หมูหลุม" คืออะไรคะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 26 พ.ย. 22, 18:55
หมูหลุมเป็นชื่อเรียกวิธีการเลีั้ยงหมููในคอกที่ขุดดินออกให้เป็นหลุม   

ผมไปเรียนรู้วิธีการเลี้ยงแบบนี้กับ'พ่อถา' ชาวบ้านที่เป็นเกษตรดีเด่นในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย  แล้วเอามาลองทำเอง   วิธีการก็คือ ขุดดินให้เป็นหลุมกว้างยาวประมาณ วา x วา ลึกประมาณ 1 เมตร  ฟางช้าวปูพื้น แล้วเอาแกลบเทลงทับเป็นชั้นๆ 3 ชั้น ชั้นแรกและชั้นที่สองแต่ละชั้นหนาประมาณ 1 คืบ และคั่นรถน้ำ EM ด้วยบัวรดน้ำให้ชุ่มหมาดๆ แกลบชั้นบนสุดให้หนามากกว่า สักหน่อย รดด้วยน้ำ EM เช่นกัน  เสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน ระหว่างนั้นก็ทำหลังคาและคอกไม้   ได้เวลาก็เอาลูกหมูลงไปเลี้ยง มันก็จะ อึ-ฉี่ อยู่บนแกลบในคอกนั้น น้ำที่หมูกินก็ใช้น้ำที่ผสม EM อ่อนๆ  ดูคล้ายกับจะเป็นคอกหมูที่สกปรก แต่ที่จริงแล้วสะอาดและไร้กลิ่นเหม็นอีกด้วย ซึ่งก็ด้วยฤทธิ์ของการทำงานของจุลินทรีย์ EM ที่มีอุดมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราสร้างขึ้นมานั้นเอง

หมูที่ให้คนดูแลสวนเอามาเลี้ยงเพื่อการทดลอง เป็นพันธุ์พื้นบ้าน ตัวไม่ใหญ่เหมือนกับพวกหมูสายพันธุ์ฝรั่งต่างๆ เช่นพวก Middle white, Large White, Duroc Jersey  ก็ได้ผลดีนะครับ  ความคิดแต่เดิมก็เพียงเพื่อจะให้เป็นตัวอย่างและการเรียนรู้ของชาวบ้านในท้องที่  แต่ไม่ได้ทำต่อไปให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะดูจะมีข้อจำกัดในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง คือเรื่องของแกลบ เรื่องที่ดูว่าน่าจะเป็นของหาง่ายนั้น มันมิใช่เป็นเช่นนั้น มันมิใช่ของเหลือทิ้งไร้คุณค่าดังแต่ก่อน ในปัจจุบันนี้มันมีราคา และในช่วงบางเวลาก็กลายเป็นของขาดตลาด    เมื่อชาวบ้านขายข้าวเปลือก มันก็เท่ากับขายไปทั้งแกลบและทั้งรำข้าว   เมื่อเอาข้าวไปสีเพื่อกินเอง แกลบและรำที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างในการสีข้าว คือตกเป็นของเจ้าของเครื่องสีข้าว   หากจะรวบรวมแกลบที่ได้แต่ละครั้งในการเอาข้าวไปสีเพื่อกินในครอบครัว ก็ดูจะได้แกลบไม่พอสำหรับการเอามาทำอะไรๆ (ดังเรื่องหมูหลุมที่เล่ามา) กลับกลายเป็นไปว่าต้องไปหาซื้อแกลบทั้งๆที่ตนทำนาข้าว   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 26 พ.ย. 22, 19:46
เกิดความเห็นขึ้นมาว่า   คุโระบูตะ เป็นเนื้อหมูคุณภาพดีมีราคาแพงที่ใช้ในเมนูอาหารญี่ปุ่นที่มีระดับ    ไทยเราก็มีอาหารดังติดอันดับโลกหลายเมนูที่ใช้เนื้อหมู เช่น ผัดกะเพราะหมู หมูน้ำตก คอหมูย่าง ...    เลยเป็นเรื่องน่าคิดว่า หากมีร้านหนึ่งใดได้ใช้และโฆษณาว่า ได้ใช้เนื้อหมูพันธุ์ไทยดั้งเดิมที่ได้ทำให้อาหารเมนูเหล่านั้นได้อร่อยถึงใจจนกระจายไปทั่วไทย จนได้ขยายไปดังกระฉ่อนไปทั่วโลก     ก็อาจจะเป็นเรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจสำหรับท้องถิ่นที่ดีก็ได้ 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 27 พ.ย. 22, 18:58
"กันยา"นกเขาชวาตัวน้อยที่ได้เลี้ยงต้อยขึ้นมา ยังคงบินมากินอาหารทุกวัน บางวันก็มาเดินโชว์ตัวในตอนเช้า บางวันก็ในตอนบ่าย แต่ที่น่ารักมากๆก็คือ บางวันก็บินเข้าไปในกรง กินน้ำ กินอาหาร ไซร้ขน แล้วเกาะขอนรอเรา  เขายังตัวเล็กอยู่ ดูจะผอมไปหน่อย มีขนหางยาวขึ้น   ถ้าเขาปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตรอีกสักระยะหนึ่ง  ความสัมพันธ์ของผมกับนก"กันยา"ก็จะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เมื่อแรกมาเป็นลูกนกที่ได้รับการช่วยเหลือ (อนุบาล) ตอนนี้เป็นนกที่ได้รับการเลี้ยงดู (เลี้ยงสัตว์) กำลังจะพัฒนาต่อไปเป็นสภาพของ 'สัตว์เลี้ยง'   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 22, 19:06
สงสัยว่ากันยาจะไม่ไปไหนแล้วค่ะ  บ้านคุณตั้งและกรงคือป่าของเขา ที่เขาอาศัยอยู่ได้แบบสนิทใจ
ต่อไปก็คงเป็นสัตว์เลี้ยงแบบไม่ต้องขังกรง  ไปไหนมาไหนได้แต่ก็กลับมาอยู่เสมอ   วันหนึ่งเมื่อมีคู่และมีลูก ก็คงพาครอบครัวมาอยู่แถวๆนี้แหละ
พูดแล้วก็คิดถึงนกกระจิบที่เคยมาทำรังบนระเบียง   ยังไม่รู้จะหาต้นไม้มาให้เขาอยู่ได้ยังไงเลย ตอนนี้เลี้ยงแต่ไม้กระถาง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 27 พ.ย. 22, 20:05
ทำให้นึกถึงความเป็นจริงบางอย่างในตัวตนของคนและสัตว์ ครับ    เมื่อแรกพบกัน ต่างก็เหนียม พยายามเว้นระยะห่าง   เมื่อต่างก็เริ่มเห็นความเป็นตัวตนที่เป็นตามรรมชาติมากขึ้น ก็จะเริ่มสัมผัสต้องตัวกันได้ จนในที่สุดการสัมผัสกันก็เป็นเรื่องปกติ   จุดสำคัญที่สร้างให้เกิดความสัมพันธ์ในระดับที่เริ่มไว้วางใจกันก็ดูจะเป็นตอนที่เริ่มสัมผัสต้องตัวกันได้นั่นเอง  แล้วก็พัฒนาไปสู่ความผูกพัน ห่วงใย   ประสบการณ์การช่วยชีวิตและเลี้ยงสัตว์ของผมทำให้คิดเช่นนั้น ก็มีเช่น กระรอก แย้ อ้น เต่าหก นกกวัก เป็ด..     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 28 พ.ย. 22, 18:10
วันนี้ทั้งวันไม่เห็นกะนยาบินลงมากินอาหารทั้งวันเลย ชักเป็นห่วงครับ   แม้จะเป็นห่วง เมื่อเขากลับมาก็จะไม่ขังเขาใว้ในกรง เพราะว่าสิ่งแวดล้อมในพื้นที่พักอยู่อาศัยของผมยังคงเป็นพื้นที่ๆยังมีการทำสวนอยู่(พื้นที่บางพลัด บางกรวย) ยังมีต้นไม้/พืชพรรณมากมายหลากหลายชนิด  คือยังมีพื้นที่ส่วนที่ยังมีความเป็นธรรมชาติที่นกสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระตามธรรมชาติของเขา   เป็นการเลี้ยงสัตว์แบบให้เขามีอิสระในการดำรงชีวิตได้อย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสภาพแวดล้อมหนึ่งใด   เป็นดังภาพ ดังที่ อ.เทาชมพู ได้ว่าไว้  ;D 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 28 พ.ย. 22, 19:11
ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งก็คือ การสัมผัสที่สื่อได้ถึงความมีไมตรีจิตต่อกันระหว่างคนกับสัตว์นั้น ดูจะอยู่ในรูปแบบของการลูบไล้บริเวณห้ว อก ท้อง และหลัง ซึ่งดูจะเป็นจุดที่ไวต่อการรับรู้ถึงไมตรีจิตนั้นๆ   ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ทั้งหลายล้วนสื่อกับสัตว์เลี้ยงในลักษณะดังที่กล่าว ซึ่งการสนองตอบถึงการรับรู้ของสัตว์ก็มีเช่น การอยู่นิ่ง การส่ายหาง การหลับตา และอาการลิงโลด


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 29 พ.ย. 22, 19:30
ตุ่น(ตัวตุ่น)และอ้น เป็นสัตวที่เอามาเลี้ยงได้ และทำให้เชื่องใด้   ในป่า ตุ่นและอ้นมักจะพบอยู่ในพื้นที่ๆเป็นตะพักลำน้ำของลำห้วย (stream terrace) ที่มีต้นไผ่ขึ้นเป็นกอๆ โดยเฉพาะที่เป็นพวกไผ่รวก ไผ่บง ...    ตุ่นและอ้นเป็นสัตว์ฟันแทะ  ขนาดตัวโตเต็มวัยของตุ่นมีขนาดประมาณขวดโซดา อ้นมีขนาดตัวประมาณแถวขมปังปอนด์  ทั้งตุ่นและอ้นเป็นสัตว์ที่ชอบกินรากอ่อนของต้นไม้และหัวของพืชที่มีหัว รวมทั้งสัตว์เล็กๆ เช่น ใส้เดือน     จากที่เคยอ่านศึกษา อ้นดูจะเป็นพวกเคร่งมังสวิรัติ ในขณะที่ตุ่นกินมั่ว   

กิจกรรมทั้งหมดของตุ่นและอ้นอยู่ใต้ผิวดิน ยกเว้นตอนออกมาหาอาหารบางอย่าง  ด้วยที่มันเป็นสัตว์ที่เอามาทำอาหารได้ แถมมีความอร่อยอีกด้วย  ก็เลยมีเรื่องอยู่สองนัย คือจับมาเพื่อลดความเสียหายต่อพืชผล และจับเอามาทำอาหาร    วิธีการจับตุ่นและอ้นคงมีหลากหลายวิธีในท้องถิ่นต่างๆ  วิธีที่ดูจะเหมือนๆกันอย่างหนึ่งก็คือการขุดไปตามรูที่มันใช้เดินหาอาหาร อาจจะมีพลิกแพลงบ้างด้วยการตักน้ำกรอกเข้าไปในรู  วิธีการขุดนี้เป็นเรื่องที่นิยมทำกันในหมู่เด็กๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่สนุก ได้มีเวลาคุย แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ ปรัชญาและแนวคิด    ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องสารพัดคุย สารพัดความเห็นที่ถกกันในหมู่เด็กๆนั้น เป็นพื้นฐานที่มีค่าในด้านการกระตุ้นพัฒนาการทางภูมิปัญญาของเขาเหล่านั้น

สำหรับผู้ใหญ่ ตุ่นจะนิยมจับด้วยวิธีการดักด้วยแร้ว โดยเฉพาะ 'แร้วกระบอกไม้ไผ่'    ส่วนสำหรับอ้นนั้นก็มีทั้งการใช้แร้วและอื่นๆ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 22, 19:46
เคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=x2pTZiIZPOk


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 30 พ.ย. 22, 18:26
ถ้าเห็นตัวจริง เชื่อว่าอาจารย์จะต้องขอจับตัวมันทั้งตัวตุ่นและตัวอ้น ขนของมันจะนุ่มฟูและอ่อนนิ่มคล้ายสำลี (เมื่อยังเล็กอยู่)  ตัวอ้วนยุ้ย เนื้อนิ่ม ผิวละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะที่ท้องของมัน 

ผมเคยเลี้ยงแต่ตัวตุ่น ได้มาด้วยการขอแลกกับเนื้อหมูที่ซื้อเตรียมไว้ทำอาหาร ขณะที่กำลังตั้งแคมป์เตรียมออกเดินสำรวจในวันรุ่งขึ้น  ตุ่นจะซุกนอนในช่วงเวลากลางวัน จะกระฉับกระเฉงในเวลากลางคืน  แรกๆก็คิดว่าเลี้ยงไว้ในกล่องกระดาษก็ได้ มันกัดกล่องกระดาษแหว่งทุกคืน เลยต้องเลี้ยงในปี๊บ(หีบสังกะสี)ที่ใช้ใส่เสื้อผ้า  เอาเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไปใส่รวมไว้ในถุงทะเลแทน  เมื่อเข้าเมืองก็ได้ให้กับคนที่อยากจะเลี้ยงมันต่อไป เราเองอยู่ในระหว่างการเดินทางทำงาน การเลี้ยงดูมันลำบาก ช่วยชีวิตมันแล้วก็ดีใจแล้ว ที่ทำมาก็เห็นว่าพอสมควรแล้ว

ตัวอ้น ไม่เคยเลี้ยง แต่เคยพยายามจะช่วยชีวิตมัน   เรื่องเกิดในพื้นที่ทางตะวันตกของ จ.กำแพงเพชร พ.ศ.2513  สมัยนั้นเริ่มมีการกรุยทาง(ถนน)เข้าไปในพื้นที่ (ย่าน อ.คลองลาน ในปัจจุบัน)  ในระหว่างการเดินทำงานเลาะไปตามห้วย ได้พบแคมป์ของชุดคนขับรถแทรกเตอร์กรุยบุกเบิกทางในพื้นที่ป่าไผ่  ได้เห็นอ้นตัวหนึ่งถูกผูกขาหลังข้างหนึ่งแขวนห้อยหัวอยู่ ดิ้นและออกเสียงแฟดๆคล้ายกับเสียงของแมวเมื่อมันตบกัน ก็ขอซื้อเขา แต่เขาไม่ขาย เลยขอเขาเพียงปล่อยลงมาจับตัวมันเล่น แท้จริงก็เพื่อจะคลายเชือกที่มัดขาของมันจนขาบวม ที่ปากของมันก็ไม่เห็นมีฟันแทะ ก็เลยไม่ต้องกลัวมันกัด  ได้ลูบตัวเขาให้รู้สึกผ่อนคลายจนสงบสักพัก แล้วก็ต้องเดินทำงานต่อไป  ช่วยอ้นตัวนั้นได้เพียงเอาเขาผูกใว้กับเสาไม้ไผ่ปักบนดิน  ก็ยังเป็นเรื่องราวที่ติดอยู่ในใจตลอดมา         


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 30 พ.ย. 22, 19:04
ที่เล่ามา เป็นลักษณะของการได้ตัวอ้นจากการกรุยทางเพื่อทำถนนผ่านพื้นที่ๆเป็นป่าไผ่ด้วยการโค่นกอไผ่ ซึ่งค่อนข้างจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ  วิธีที่ชาวบ้านใช้หาตัวอ้นจะต่างไปโดยสิ้นเชิง พื้นฐานแรก สัตว์พวกนี้ใช้ชีวิตอยู่ใต้ผิวดิน มีการขุดโพรงทำเป็นที่อยู่อาศัย มีการขุดอุโมงค์เป็นทางเดินไปยังแหล่งหากิน มันก็เลยต้องมีขุยดินปรากฎให้เห็นอยู่บนผิวดิน มันจะอยู่ในพื้นที่บริเวณใหนก็เลยดูได้จากความสดใหม่ของขุยดิน ขุยดินใหม่จะมีความชื้น ไม่แห้งเหมือนขุยดินเก่า   

ขุยดินใหม่หรือสดๆที่อยู่ที่โคนกอไผ่ โดยนัยก็คือบริเวณที่มันหากินอยู่  ก็เอาไม้ไผ่ตัดเป็นปล้อง บากผิวให้เป็นบั้งๆ เอาปลายด้านหนึ่งจ่อลงไปที่ขุยดินใหม่นั้น แล้วใช้ซีกไม้ไผ่ครูดบั้งที่ทำไว้ให้เกิดเสียง  เสียงที่ได้ยินใต้ผิวดินคงจะเหมือนกับการกัดแทะรากไม้ไผ้  ตุ่นก็จะเข้ามาเพื่อปกป้องแหล่งอาหาร เมื่อรู้สึกว่ามันขึ้นมาถึงแถวขุยดิน ก็ไม่ยากแล้ว เพียงใช้จอบหรือเสียมสับลงไปเพื่อปิดทางไม่ให้มันถอยกลับ หรือสับไปที่ตัวมัน หรือหากมันโผล่ออกมาก็ใช้มีดพร้าตบปากมันเแื่ให้ฟันมันหัก กัดไม่ได้ แล้วก็จับตัวมัน   ดูจะโหดสำหรับคนในเมืองเช่นพวกเรา แต่นั่นคือวิถีการดำรงชีพของชาวบ้านห่างไกลเมือง   

ฟันที่หักไปของพวกสัตว์ฟันแทะนั้น ดูจะงอกออกมาทดแทนได้  จากประสบการณ์เลี้ยงกระรอกจนแก่ตายของผมนะครับ 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 01 ธ.ค. 22, 18:07
ผมได้ลูกกระรอกมาจากป่าปากลำห้วยขาแข้งในระหว่างตั้งแคมป์เดินสำรวจทำแผนที่ธรณีวิทยา มันคงกำลังพลัดหลงหรือเริ่มแยกตัวเป็นอิสระจากครอบครัว เดินไต่ต้นไผ่ที่โน้มเอียงใกล้ล้ม เพียงเขย่าต้นไผ่ก็ตกลงมา ไม่วิ่งหนีไปใหน ไม่กลัวคน จับตัวเขาได้เลย   เขาเป็นตัวเมีย แต่เรียกเขาว่า ไอ้รอก  เวลานั้นเป็นช่วงปลายปี อากาศเย็นและหนาวมาก  ในขณะเดินทำงาน เขาก็จะนอนคุดคู้อยู่ในกระเป๋าเสื้อหนาว (เสื้อ Jacket field ของทหาร)  ตอนค่ำเข้านอน เขาก็จะซุกอยู่ปลายเท้าในถุงนอน  เช้าขึ้นมาก็จะไต่ตัวขึ้นมาแถวหน้าอกและคอของเรา คล้ายกับมาปลุกเราให้ตื่น  เมื่อกลับเข้ากรุงเทพฯก็หากรงให้เขาอยู่ แต่ก็เอาตัวเขาออกมาให้ไต่อยู่บนไหล่ เขาก็จะสำรวจและฉี่รดหนึ่งที  ผมชอบกางแขนขาของเขาแล้วใช้จมูกไชร้บริเวณท้องของเขา แล้วเม้มปากย้ำแรงที่ใบหูของเขาจนร้องอิ๊ดแล้วก็พอ ทำเป็นกิจวัตรจนเขาเสียชีวิต  ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ในทุกวันนี้

ที่แปลกก็ตรงที่เขามีความเป็นมิตรและเชื่องกับเรามากตั้งแต่เริ่มพบและอยู่ด้วยกัน คล้ายกับมีบุญมีกรรมระหว่างกันมาแต่ปางก่อน  เขาเชื่องกับคุณแม่ของผมและคนอื่นๆบางคน แต่ไม่เลยกับภรรยาของผม เพียงเห็นมาอยู่ใกล้ๆก็หางฟู ทำท่าและออกเสียงไล่   อยู่กันมาสิบกว่าปี แก่เฒ่าจนฟันหัก แล้วก็เป็นมะเร็งที่ท้อง มีก้อนเนื้อค่อยๆปูดออกมา จากก้อนหนึ่งก็เป็นสองก้อนขนาดประมาณหนึ่งองคุลี แล้วก็เสียชีวิตไปในที่สุด   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 01 ธ.ค. 22, 18:49
ในช่วงเวลานั้น มีความรู้แต่เพียงว่ากระรอกในป่ามีเพียงอย่างที่เราได้มาเลี้ยง กับกระรอกใหญ่ที่เรียกว่า พญากระรอก ซึ่งมีพวกที่มีสีขนดำและพวกที่มีสีน้ำตาลอมเขียว  พญากระรอกนั้นไม่ค่อยจะได้พบเห็นตัวมันในป่า จะเห็นก็เมื่อมันไต่สู่ปลายกิ่งไม้และกระโจนข้ามต้นไม้   มามีความรู้เอาในภายหลังว่ากระรอกก็มีหลากหลายพันธุ์เลยทีเดียว   

ภาพกระรอกที่เราเห็นและรู้สึกว่ามันน่ารักและน่าเอ็นดูนั้น ดูจะเป็นภาพที่มันกำลังนั่งจับเม็ดถั่วกินในลักษณะยกหางแนบไปตามหลังของตัวมัน  ผมไม่เคยเห็นกระรอกในไทยกระทำเช่นนั้น เคยเห็นแต่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ๆอุดมไปด้วยต้นโอ๊คและต้นสน   ก็คิดเอาเองจากการสังเกตอาหารที่มันกำลังแทะกินว่า มันดูจะกำลังมีความสุขกับการแทะถั่วลิสงซึ่งแทะง่ายกว่าลูกของต้นโอ๊คและต้นสน ก็เลยนั่งนิ่งให้ถ่ายภาพได้ง่ายๆ  อีกประการหนึ่ง กระรอกฝรั่งที่พบในสวนสาธารณะต่างๆ จะค่อนข้างจะมีความเชื่องมากในช่วงเวลาที่มันกำลังสะสมไขมันไว้ต่อสู้กับความหนาวในฤดูหนาว           


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 01 ธ.ค. 22, 19:06
กระรอกกินได้ใหม กินได้ครับ แต่ชาวบ้านไม่นิยมจะล่าเอามันมาเป็นอาหาร   เหตุผลแรกก็คือตัวมันเล็ก เนื้อน้อย กระดูกเยอะ  ปริมาณที่จะใช้ให้พอมื้ออาหารหนึ่งก็ต้องสองสามตัว แต่ว่า กว่าจะตามหาให้ได้สองสามตัวนั้นไม่ง่ายเลย  จะยิงมันด้วยปืนก็ต้องใช้ปืนยาวที่ใช้ลูกกระสุนขนาดเล็ก (ปืนลูกกรด) ซึ่งชาวบ้านเขาไม่ใช้กัน เขาจะใช้ปืนยาวลูกซองเป็นหลักในการป้องกันทรัพย์สิน   กระรอกที่ชาวบ้านได้มากัน ส่วนมากจึงมาจากฝีมือของเด็กที่ยิงด้วยหนังสะติ๊กเพื่อทดสอบความแม่นในการใช้หนังสะติ๊กระหว่างกันในหมู่เพื่อน  ซึ่งในปัจจุบันนี้คงจะไม่มีสภาพดังกล่าวให้เห็นอีกแล้ว 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 22, 20:38
  สมัยลูกเรียนอยู่ที่อเมริกา  ใกล้ๆอพาร์ตเม้นต์มีต้นไม่ใหญ่ขึ้นอยู่หลายต้น   มีกระรอกอาศัยอยู่  ตัวมันโตประมาณแมว คือโตกว่ากระรอกไทยมาก   ค่อนข้างเชื่อง วิ่งลงมาโคนต้นเวลาคนเดินผ่าน แสดงว่าไม่กลัว
  เลยไปซื้อลูกนัทจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆกัน เอามาวางไว้บนขอบระเบียงหน้าห้อง  กระรอกก็จะค่อยๆไต่กระดุบกระดิบเข้ามาใกล้ จนแน่ใจว่าไม่มีคนอยู่ ก็มาฉวยเอาไปกินทีละลูก
  กลายเป็นความเคยชินว่าจะต้องหามาให้ทุกวัน   แต่ลูกเตือนว่าไม่ควร  เพราะถ้าวันไหนไม่เห็นอาหาร บางทีตะกุยตะกายหน้าต่างเข้ามาในห้องเลย  ตัวโตแรงมากด้วย 
  ถึงรู้ก็อดไม่ได้อยู่ดีละค่ะ   ให้กันอยู่อย่างนี้จนถึงเวลาต้องเดินทางกลับบ้าน  ยังคิดถึงอยู่เลย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 02 ธ.ค. 22, 18:16
ภาพดังที่อาจารย์เล่ามา ดูจะเป็นเรื่องที่ผู้คนนิยมทำกัน  บ้างก็ใช้วิธีเอาด้ายผูกถั่วลิสงทั้งฝักหรือลูกนัทอื่นๆ โดยเฉพาะวอลนัทที่แกะแล้ว(มันฮ่อ) วางล่อไว้แล้วค่อยๆลากเข้ามาที่หน้าต่าง ซึ่งวิธีนี้จะนิยมทำกับตัวชิบมังค์ (Chipmunk)   

ชิบมังค์ เป็นพวกสัตว์ฟันแทะ ตัวเล็ก มีลายที่ข้างตัวเป็นแถบเด่นเห็นได้ชัด  มีความเชื่องมากกว่าพวกกระรอกในระดับที่มันกล้าพอที่จะเข้ามาเอาของในมือเรา  ก็เป็นภาพเช่นเดียวกันกับภาพที่อาจารย์เล่ามา คือชอบมาเยี่ยมเยียนเมื่อมันรู้ว่าเราชอบที่จะเอาอาหารมาวางไว้ให้มัน จะเป็นที่ขอบหน้าต่างบ้านหรือแถวโคนต้นไม้ที่เราชอบไปนั่งอยู่เป็นประจำก็ตาม 

ก็มีสองช่วงเวลาที่เราจะเห็นสัตว์ทีั้งสองชนิดนี้ออกมาเพ่นพ่านอยู่ในสวนสาธารณะมากเป็นพิเศษ คือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก่อนเข้าสู่สภาพอากาศหนาวจัด ซึ่งเป็นช่วงก่อนนอนจำศีลของพวกมัน พวกมันจะกินๆๆๆจนอ้วนพี น่ารักดี   และช่วงต้นฤดูเมื่อไบไม้เริ่มผลิ เป็นช่วงเวลาของการออกจากการจำศีล สภาพน่าจะหิวโซเลย

เดินเล่นในสวนและเลี้ยงดูพวกมันก็เป็นการเลี้ยงสัตว์ในสิ่งแวดล้อมแบบธรรมชาติ มีอิสระทั้งคนเลี้ยงและสัตว์ที่เลี้ยง ก็เป็นความสุขทางใจที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งผมชอบแต่ก็เลือกที่จะไม่ทำอยู่ในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์บางชนิด   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 02 ธ.ค. 22, 19:00
อาจารย์กล่าวถึงกระรอกตัวใหญ๋  เลยนึกถึงสัตว์ฟันแทะรูปทรงประเภทเดียวกัน 2 ชนิด ตัวหนึ่งเรียกว่า Prairie Dog และอีกตัวหนึ่งเรียกว่า Groundhog 

Prairie dog ผมไม่เคยเห็นตัวมัน รู้จากทางสารคดีว่า ตัวมันน่าจะโตขนาดประมาณพญากระรอก ใช้ชีวิตในโพรงใต้ผิวดิน  น่าจะพบมากในทุ่งหญ้าแพรรีทางตอนเหนือของสหรัฐฯ เลยได้ชื่อนั้น 

Groundhog เคยเห็นตัวมันในระยะไกล ตัวโตมากเลยทีเดียว นัยว่ามีน้ำหนักตัวได้ถึง 5 กก. ใช้ชีวิตเช่นเดียวกันกับ Prairie dog  ดูจะพบมากในพื้นที่ราบที่ใช้ทำการเกษตรในเขตภาคกลางของประเทศแคนนาดา

Prairie dog ดูจะมีความโชคดีกว่า Groundhog  ด้วยที่เกษตรกรยังเห็นว่ามันมีความน่ารักอยู่ ด้วยที่พวกมันไม่ทำลายพืชผลมากจนเกินไป  ต่างกับ Groundhog ที่เกษตรกรเห็นว่า มันเป็นพวกที่สร้างปัญหาและทำลายผืชผลทางการเกษตรมากเกินไปจนต้องกำจัด รวมทั้งการเอามันมาทำเป็นอาหาร   ก็เลยไม่แปลกนักที่จะเห็นสารคดีที่ว่าด้วยวิถีชีวิตของ Prairie dog ในมุมของความน่ารักน่าเอ็นดูของมัน แต่เกือบจะไม่มีเรื่งราวที่เกี่ยวกับ Groundhog เลย   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 03 ธ.ค. 22, 18:17
ผมมีข้อสังเกตอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวก้บการเอาสัตว์มาเลี้ยงในพื้นที่อยู่อาศัยของคน    เท่าที่เคยเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในหลายประเทศ มีโอกาสได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน รวมทั้งได้พูดคุยสอบถามกันในเรื่องต่างๆ  พบว่านอกจากสุนัขและแมวแล้วก็เกือบจะไม่มีการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นใดๆ   ต่างกับคนไทยที่ดูจะมีความคิดลึกๆอยู่ในใจเสมอในการหาสัตว์มาเลี้ยง ซึ่งก็มีทั้งด้วยเพราะความเหงา ต้องการเพื่อน  ด้วยเพราะรักและเอ็นดูในความน่ารักของมัน  ด้วยเพราะต้องการแสดงว่าก็มีความสามารถที่จะทำได้เช่นกัน  ด้วยเพราะต้องการให้ความเพลิดเพลืนแก่ลูกเด็กเล็กแดงตัวน้อยๆของเรา .... ฯลฯ   ชนิดของสัตว์ที่นิยมเลือกสำหรับเด็กก็ดูจะเป็นลูกสุนัขตัวน้อย นก และพวกสัตว์ฟันแทะที่เลี้ยงดูในกรง สำหรับผู้ใหญ่ก็ดูจะนิยมสุนัข แมว และพวกสัตว์ที่ไม่ต้องคลุกคลีกับมันมากนัก           


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 22, 18:47
   เดือนตุลาคม ใบไม้เปลี่ยนสีในโคโลราโด กระรอกวิ่งจากต้นไม้ลงมาพลุกพล่านไปหมด   คงจะมาตุนอาหารเอาไว้กินตอนฤดูหนาว  แต่ละตัวอ้วนเอาการ
   ส่วนแพร์รี่ด๊อก ไม่เคยเห็นในเมืองที่อยู่   เคยไปเยี่ยมเพื่อนในอีกเมืองทางใต้  มีเจ้านี่ออกมาเพ่นพ่าน ก่อความเดือดร้อนเหมือนกัน   เพราะมันมากัดกินพืชผลเสียหาย  ใครปลูกผักไว้หลังบ้านละก็เรียบร้อย  แล้วเขาว่ามันนำเชื้อโรคมาด้วยค่ะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 03 ธ.ค. 22, 19:51
เรื่องเชื้อโรคที่อาจารย์กล่าวถึงนั้น ที่ร้ายแรงและน่ากลัวที่สุดคือเชื้อตัวที่ทำให้เกิดโรคกลัวน้ำ(โรคพิษสุนัขบ้า)  เชื้อตัวนี้พบได้และถ่ายทอดได้ในระหว่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด  ผมไม่มีความรู้ว่า นอกจากสามารถติดต่อกันทางของเหลว(น้ำลาย....)และจากการกัดแล้ว  ทางอื่นเช่นจากการขีดข่วนจะเกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใด   

บังเอิญที่สัตว์ที่เราเอามาเลี้ยงส่วนมากจะเป็นพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นอกจากสุนัขและแมวแล้ว สัตว์ฟันแทะพวกกระรอก กระเแต กระถิก(เล็น) กระจ้อน(จ้อน) กระต่าย บ่าง หนูถีบจักร หนูตะเภา หนู Hamster... เหล่านี้ก็ล้วนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งนั้น   จะเอามาเลี้ยงกันก็ต้องมีการระมัดระวังกันให้มากในเรื่องของการกัดและการขีดข่วน 

สำหรับผมใช้หลักอยู่ 3 อย่าง ในการระมัดระวังเรื่องของโรคนี้  1.สัตว์ที่เคยเชื่องและซุกซน วันดีคืนดีก็สงบเงียบ ไม่กินอาหาร และไม่ค่อยจะเป็นมิตร แสดงอาการจะกัดหรือข่วน  2.สัตว์ตายในช่วงเวลา 7-15 วันหลังจากมันกัดหรือข่วนเราแล้ว รีบเอาตัวสัตว์ไปหาสัตว์แพทย์เพื่อผ่าสมอง ทำการตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า  3.หากสัตว์ตายใช่วงเวลาดังกล่าว เราควรไปหาหมอเพื่อฉีดยาโรคพิษสุนัขบ้า 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 04 ธ.ค. 22, 19:15
ในปัจจุบันนี้ดูจะเห็นเฉพาะกระรอกและกระแต เห็นมันไต่สายไฟและกำแพงรั้วบ้านที่อยู่ในพื้นที่ๆยังคงมีสวน  ส่วนกระจ้อนซึ่งชอบเดินหากินบริเวณผิวดินนั้น เกือบจะไม่พบเห็นเลย  สำหรับกระถิกหรือตัวเล็น ก็ไม่เคยเห็นมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ก็เข้าใจว่าน่าจะยังจะพบได้ในตลาดซื้อขายสัตว์เลี้ยงต่างๆ 

ได้กล่าวถึงหนูที่เอามาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เลยนึกถึงหนูพุก  ก็เป็นหนูที่เอามาเลี้ยงเหมือนกัน หากแต่เป็นการเลี้ยงเพื่อการเอามาทำเป็นอาหาร   หนูพุก เป็นชื่อที่ใช้ในปัจจุบันแทนการเรียกว่า หนูนา  เป็นหนูที่ชาวนาไม่ชอบเพราะมันกัดกินทำลายผลิตผลในปริมาณที่มาก เป็นหนูที่ชาวนาจะต้องกำจัด หรือต้องจำกัดปริมาณ  ทางหนึ่งที่ทำกันก็คือด้วยการเอามันมาทำอาหาร เพราะมันเป็นพวกหนูที่ค่อนข้างจะไม่สกปรก กินแต่ข้าวและอาหารอื่นๆที่มีอยู่ในผืนนา อยู่ในโพรงดินในนา มีตัวอ้วนพีในช่วงเวลาที่ทำการเกี่ยวข้าว

อาหารที่ทำด้วยเนื้อหนูพุกน่าจะมีอยู่หลายแบบ  แบบหนึ่งที่ผมเคยกินและเห็นว่ามีความอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ก็คือเอามาผัดเผ็ดพริกแกงใส่ใบโหระพา  จะติดขัดไม่ให้คะแนนความอร่อยสูงมากก็ดูจะเกี่ยวกับชื่อของเนื้อสัตว์ที่เอามาทำที่มีคำว่า'หนู'อยู่ในชื่อนั้น 

ในปัจจุบันนี้ เมื่อเราขับรถขึ้นเหนือตามเส้นทางหลักที่ผ่านพื้นที่ปลูกข้าวที่สำคัญ จะพบว่ามีเพิงอยู่ข้างทางที่ยกป้ายขายหนูนาย่าง  หากจะถามว่าขายดีหรือไม่ ไม่ทราบ? รู้แต่ว่ามีอาชีพการเลี้ยงหนูนาหรือหนูพุกเพื่อการบริโภค  ก็น่าจะแสดงว่ามีคนนิยมกินหนูนาในปริมาณที่มากพอควร บ่งชี้ถึงสถาพการขาดแคลนผลิตผลที่เป็นไปตามธรรมชาติ     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 04 ธ.ค. 22, 19:27
กระถิกหรือตัวเล็น ก็ไม่เคยเห็นมานานหลายสิบปีแล้ว /quote]

เพิ่งได้ยินชื่อสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก เป็นความรู้ใหม่จริงๆค่ะ เดี๋ยวต้องไปหารูปดูในเน็ท


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 04 ธ.ค. 22, 19:29
ผมจะหายไปจากกระทู้นี้สักพักใหญ่จนถึงเกือบปลายเดือน  หะแรกคิดว่าจะขึ้นเหนือไปในช่วงกันยายน-ตุลาคม หากไปช่วงนั้นก็จะได้เห็นสัตว์เลี้ยงประเภทแมลง ซึ่งอาจจะเอากลับมาเพื่อให้หลานได้เห็นเพื่อการเรียนรู้โลกกว้าง  ก็คือ ตัว 'กว่าง' ครับ     ดูจะเป็นสัตว์เลี้ยงประเภทแมลงเท่านั้น(?)ที่มีการเอามาเลี้ยงกันในลักษณะของสัตว์เลี้ยงที่ต้องให้ความใส่ใจในการดูแลเฉกเช่นสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 22, 08:28
เดินทางปลอดภัยค่ะคุณตั้ง
เคยได้ยินเรื่องเอากว่างมากัดกัน  แต่ไม่เคยเห็นค่ะ

ตัวกว่าง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 22, 08:37
นานมาแล้วเคยดูการ์ตูน Chip 'n' Dale ของดิสนีย์ แสดงนำโดยเจ้าตัวน้อยขนาดกระรอกแต่หางสั้น มีลายทางยาวบนหลัง เรียกว่า Chipmunk 
อยากรู้ว่ามันคือตัวอะไร  ก็ไปเปิดหนังสือดู   เขาบอกว่ามันคือกระถิก หรือกระเล็น
แต่ต่อมาคนแปลการ์ตูนเรียก chipmunk  ว่า กระแต   ชื่อกระถิกหรือกระเล็นก็เลยไม่มีใครรู้จักอีกค่ะ

เพิ่งรู้ว่ามันอาศัยอยู่ในเขตร้อนอย่างประเทศไทยด้วย



กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 05 ม.ค. 23, 18:53
หายไปนานหลายวัน ไปเติมสุขให้กับตัวเองมาด้วยสิ่งต่างๆที่เป็นธรรมชาติทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม   ได้กินผักสดใหม่ที่ชาวบ้านปลูกเอง เอาผลที่ผลิตได้เกินพอหรือกินไม่ทันนำมาวางขาย ไร้สารเคมีต่างๆและในราคาถูก  เช่น ถั่วลันเตาสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่ใช่แบบ Pea ที่เห็นกันทั่วไป  เห็ดแชมปิญองสดก็มีวางขาย .....ฯลฯ
 
ราคาของในตลาดสดชุมชนพื้นบ้านยังอยู่ในกรอบห้าบาทสิบบาท  ที่เป็นอาหารสำเร็จรูปแล้ว ส่วนมากก็อยู่ในเกณฑ์ 20 บาท หรือ 10 บาท มีอยู่น้อยเมนูมากที่จะอยู่ในเกณฑ์ 30 บาท    ได้กินปลาดุกอุย(เลี้ยง)ย่างกับเตาถ่าน  ได้กินผักนึ่งหรือต้มแนมกับสารพัดน้ำพริก ผักก็มีเช่น มะระขี้นกลูกจิ๋วๆ ผักขี้หูด ยอดหวาย(หางหวาย) ผักกูด ผักเชียงดา ใบจิก(กระโดน) เพกา(มะริดไม้,ลิ้นฟ้า) ....

ได้นอนหลับอย่างสนิทในห้องนอนเปิดหน้าต่างกว้าง รับอากาศเย็นตามธรรมชาติของพื้นที่ราบที่ติดภูเขาและทุ่งนาข้าว

ที่ยังดีใจอยู่อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ยังคงพบเห็นนกกะปูดตัวใหญ่ นกกวัก และนกอื่นๆอยู่ในบริเวณพื้นที่ ซึ่งแสดงว่าความเป็นธรรมชาติยังคงมีอยู่ค่อนข้างจะสมบูรณ์       


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 05 ม.ค. 23, 19:52
เห็นรูปการ์ตูน Chipmunk แล้วทำให้คิดถึง 'ไอ้รอก'  กระรอกจากห้วยขาแข้งของผมที่เคยเลี้ยงดูแลกันมานาน เขาเป็นลัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่ผมมีความรู้สึกผูกพันกับเขามาก ไม่น้อยไปกว่าสุนัขพันธุ์ French Bulldog ชื่อ บาแก็ตต์ (ขนมปังฝรั่งเศส) ที่เป็นส่วนหนึ่งในชิวิตของผมมาประมาณ 10 ปี

กระแตและกระรอกบินก็เคยเลี้ยง แต่ไม่ติดใจที่จะเสาะหาและนำมาเลี้ยงต่อไป  กระแตออกไปทางเป็นสัตว์ที่กินทุกอย่าง หากินในเวลากลางวัน  มีหน้ายาวและฟันเรียง  กระรอกบินเป็นสัตว์ฟันแทะหากินในเวลากลางคืน  สัตว์ทั้งสองชนิดนี้สามารถเลี้ยงให้เชื่องใด้ แต่ตัวผมเห็นว่ามันมีความแข็งกระด้างลึกๆอยู่ภายในตัวของมัน และดูพร้อมจะหนีห่างอยู่เสมอ   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 ม.ค. 23, 18:51
ดูจะมีสัตว์ฟันแทะอยู่ 2 ชนิดที่นิยมเอามาเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินของเด็กเล็ก

   ตัวหนึ่งก็คือกระต่าย ซึ่งมีหลากหลายสีและหลากหลายสายพันธุ์ บ้างก็ในเรื่องของใบหู บ้างก็ในเรื่องของขน ...ฯลฯ  สมัยก่อนโน้น..น การเลี้ยงกระต่ายเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เพราะว่าอาหารหลักของมันคือหญ้าปล้องสด ก็ต้องไปเที่ยวหาเก็บเกี่ยวมาให้มัน แถมกระต่ายมันก็เป็นประเภทกินไม่หยุด ย่อยแล้วถ่ายมูลออกมาเป็นเม็ดๆได้ตลอดเวลา ก็โชคดีที่หญ้าปล้องมีอย่างอุดมและมีอยู่ในละแวกพื้นที่เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย  ในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องไม่ยากแล้ว เพราะมีอาหารสำเร็จรูปสำหรับมันเป็นการเฉพาะ    เด็กๆจะชอบเพราะมันมีความเชื่อง มีขนนิ่มฟู และยอมให้จับเนื้อต้องตัวได้ แต่ที่สำคัญดูจะเป็นเรื่องของความหน้าหวานและความไม่ดุแบบแยกเขี้ยวยิงฟัน

เนื้อกระต่ายก็กินได้และจัดเป็นอาหารในระดับพ่อครัวที่มีฝีมือจึงจะกล้าทำให้กินกัน เมนูเนื้อกระต่ายเกือบทั้งหมดจะพบอยู่ในร้านอาหารฝรั่งเศส   ทำแบบไทยๆเราก็เอามาย่างและผัดเผ็ด หรือย่างแล้วผัดเผ็ด  ยังไม่เคยเห็นแบบที่เอามาแกง จะมีก็เป็นแบบน้ำขลุกขลิกแห้งๆ  ถามว่าอร่อยใหม ก็ทานได้ หากเป็นเนื้อที่อร่อยจริงก็คงจะมีการเลี้ยงเพื่อการนั้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันกันพอสมควรมานานแล้ว เพราะว่าระยะการท้องของมันสั้นและออกลูกได้ครั้งละหลายตัว ก็คือในรอบปีจะมีได้หลายครอก   

ก็น่าคิดอยู่ว่า ก็น่าจะมีการลองคิดเมนูอาหารจากเนื้อกระต่ายที่มีความอร่อยแบบไทยๆ อาจจะมีโอกาสเป็นอาหารที่ต้องลองกินในระดับสากลไปก็ได้ 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 ม.ค. 23, 19:29
อีกตัวหนึ่งก็คือ หนู  ก็จะมีหนูถีบจักรแบบไทยๆ ซึ่งเป็นการเลี้ยงเพื่อดูกิจกรรมของมัน ไม่รู้ว่าในปัจจุบันนี้ยังนิยมเลี้ยงกันอยู่หรือไม่  ก็มีอีกหนูหนึ่งที่ในปัจจุบันนิยมเอามาเลี้ยงกัน คือเจ้า Hamster  หนูแฮมเสตอร์ค่อนข้างจะเคลื่อนไหวช้า ขนนิ่ม จับต้องตัวได้ มีความน่ารัก ข้อสำคัญคือ สามารถเฝ้าดูกิจกรรมของมันในแต่ละวันได้คล้ายกับ Reality Show

หนูแฮมเสตอร์มีความโชคดีมากกว่าพวกหนูสีขาวที่มีขนเกรียน(หนูถีบจักร ?) ซึ่งพวกหนูสีขาวขนเกรียนนี้ดูจะถูกเพาะเลี้ยงไว้เพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องทางสุขภาพต่างๆของมนุษย์


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 07 ม.ค. 23, 20:10
ได้กล่าวถึงแมลงที่เรียกว่า กว่าง ว่าเป็นแมลงชนิดเดียวที่เอามาเลี้ยงนั้น ต้องขออภัยที่ใจเร็วไปหน่อยครับ  แท้จริงแล้วก็ยังมีแมลงอื่นๆอีกที่มีการเลี้ยงกัน เช่น จิ้งหรีด  แล้วก็มีพวกที่ลักษณะรูปร่างไม่ต่างกันนักแต่เรียกว่า แมง  ซึ่งการเลี้ยงพวกแมลงและแมงนั้น มีทั้งการเลี้ยงเพื่อสันทนาการ และการเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารของคนและสัตว์   อีกไม่นานเราๆทั้งหลายอาจจะได้เห็นเมนูอาหารจากสัตว์ที่เรียกว่าแมลงบางชนิดแพร่หลายก็ได้

เรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เป็นเด็กช่วงมัธยมต้นแบบท่องจำว่า แมลงส่วนมากมีปีกและมี 6 ขา ส่วนแมงนั้นมี 8 ขา  เรียนต่อมาก็ได้รู้ว่าทั้งแมลง แมง กุ้ง กั้ง ตะขาบ กิ้งกือ ปู  ก็ล้วนจัดเป็นกลุ่มสัตว์ประเภทเดียวกัน เป็นพวกลำตัวมีโครงสร้างลักษณะเป็นปล้อง (Phylum Arthropoda) แต่ต่างจำพวกกัน (Class) 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 ม.ค. 23, 17:57
กว่าง   

ผมไม่เคยได้เสาะหาและเพาะเลี้ยงด้วงกว่างด้วยตัวเอง เคยแต่มีโอกาสได้เลือกว่าจะเอาตัวใหนที่พร้อมชนแล้วมาเลี้ยง เอามันมาเลี้ยงด้วยการให้มันเกาะบนท่อนอ้อยยาว 2-3 ข้อ? (ปล้อง? หรือ ข้อปล้อง?  ???)  จะใช้วิธีการแขวนท่อนอ้อยหรือวางท่อนอ้อยราบๆก็ได้  แต่จะต้องมีการใช้ด้ายเหนียวผูกเขามันโยงติดไว้กับท่อนอ้อย เพราะมันบินได้และมักจะบินหนีในยามวิกาล   วิธีดีที่สุดก็คือเลี้ยงในกล่องไม้ไผ่สานที่ใส่อ้อยไว้ให้มันกิน   จำได้ว่า เคยเลี้ยงตัวเมียเพื่อล่อจับตัวผู้ด้วย ซึ่งได้ผลและพบมันขณะกำลัง mate กัน บนท่อนอ้อย 

ตัวกว่างมีได้หลายสี ที่จำได้ดูจะมึสีดำ สีน้ำตาลดำ และสีดำแดงเข้ม  และก็มีที่ใต้ท้องของมันบางตัวก็มีขนเป็นกำมะหยี่สีเหลืองตามรอยต่อของปล้องท้อง   กว่างที่เอามาชนกันนั้นก็มีลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน มีชื่อเรียกแยกกันไป ก็มี กว่างกิ กว่างแซม กว่างโซ่ง   

ที่พอจำได้ กว่างที่นิยมเอามาชนกันก็จะเป็นกว่างโซ่ง ลักษณะที่สำคัญคือ ตัวค่อนข้างใหญ่ มีเขาบนและล่างโง้งยาวสวย (ไม่ออกไปรูแบบฟันเหยิน)   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 ม.ค. 23, 18:36
กว่างกิ  เป็นกว่างที่มีเขาด้านล่างยาวกว่าด้านบน  ก็เป็นกว่างนักสู้ที่สำคัญ แม้ว่ายากที่จะใช้เขางัดให้คู่ต่อสู้หงายท้องได้(แพ้)   

สำหรับกว่างแซมจะมีลำตัวเล็กกว่ากว่างโซ่ง และรูปทรงของตัวดูจะออกไปทางแบนมากกว่าหลังเต่าโค้งนูนแบบกว่างโซ่ง อีกทั้งมีสีออกไปทางสีน้ำตาลแดงมากกว่ากว่างโซ่ง

ในสมัยเด็กนั้น การชนกว่างในหมู่เด็กๆไม่มีเรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งมวลเป็นไปเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว  ตัวผมเองนั้นชอบกว่างแซมมากกว่ากว่างกิ ไม่นิยมกว่างโซ่ง (ก็ไม่ทราบเหตุผลลึกๆของตัวเองเหมือนกัน)   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 ม.ค. 23, 19:11
เมื่อจะเอากว่างมาขวิดกัน ก็ทำได้ด้วยการเอาตัวมันมาวางอยู่บนขอนอ้อยเดียวกัน  มี 2 วิธีการที่ใช้ วิธีการหนึ่งคือ ใช้ไม้ทรงเหลี่ยมขนาดประมาณด้ามตะเกียบปั่นที่แก้มของมัน (เสมือนว่ามีผู้มาตบแก้มท้าทาย  ???  ;D) ด้านซ้ายบ้าง-ขวาบ้างเพื่อให้เดินเข้าไปขวิดกัน   อีกวิธีการหนึ่งก็ใช้ตัวเมีย โดยเอาใส่กลัก(กล่องเล็กๆ)วางไว้ตรงกลางท่อนอ้อย กว่างตัวผู้ทั้งสองฝั่งก็จะเดินเข้ามาขวิดกันเพื่อแย่งตัวเมีย

กว่างจะแพ้-ชนะกันด้วยการขวิดกัน งัดกันจนอีกตัวหนึ่งหงายท้อง ไม่ถึงกับต้องมีเลือดตกยางออก   นึกขึ้นได้ว่า กว่างแซมดูจะเป็นกว่างที่มีการออกเสียงคล้ายเสียง ซี่ๆ ซึ่งมักได้ยินเมื่อมันกำลังฮึกเหิมหรือในขณะมันพลิกหงายท้อง

กว่างมีอายุสั้น น่าจะระหว่าง 1-3 เดือน ??  แล้วก็จะแก่ตายไปเอง สมัยเด็กๆเรียกกันว่า มันคอหักตาย ซึ่งก็มีทั้งตายแบบต้องหงายท้องตีนชี้ฟ้า และแบบถูกสตาร์ฟวางเอาไว้


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 ม.ค. 23, 19:22
มาถึงเรื่องอยากรู้เรื่องหนึ่งว่า ด้วยเหตุใด หรือ ทำไม แมลงทั้งหลายนั้น เมื่อเวลาตายมักจะอยู่ในในลักษณะที่ต้องหงายท้อง  เช่นกัน พวกสัตว์เลื้อยคลานสี่เท้า ก็ดูจะเห็นภาพเป็นเช่นนั้น


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 ม.ค. 23, 17:07
เขียนทับศัพท์ผิดไป 1 คำ   เพลินและเผลอไปครับ  สตาร์ฟ ขอแก้เป็น สตัฟฟ์ ครับ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 ม.ค. 23, 17:48
จิ้งหรีดก็แมลงอีกชนิดหนึ่งที่เด็กๆสมัยก่อนจับเอามากัดกัน มีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ ตัวสีน้ำตาลแดง เรียกกันว่า ทองแดง กับตัวสีดำ เรียกกันว่า ทองดำ   ผมเคยหาจับมันมาเล่น จับได้ก็เอาใส่กลักไม้ขีดไฟกลับมาใส่กล่องกระดาษ แล้วทำไม้ปั่นหัวมันเพื่อดูมันแยกเขี้ยวกระกระพือปีก  ไม้ปั่นทำด้วยทางมะพร้าวที่เอามาทำไม้กวาด หักส่วนโคนของก้านยาวประมาณเกือบคืบมาท่อนหนึ่ง หาขี้ชันโรง หาเส้นผมตรงๆยาวประมาณ2-3 นิ้วมาสองสามเส้น เอามาต่อที่ปลายไม้ทางมะพร้าวโดยใช้ขี้ชันโรงเป็นกาวทำให้ต่อติดกัน

เพียงเอาไม้ปั่นเขี่ยไปมาที่ส่วนหน้าของจิ้งหรีด มันก็จะนึกว่าเส้นผมที่ไม้ปั่นนั้นเป็นหนวดของจิ้งหรีดอีกตัวหนึ่ง ก็จึงแยกเขี้ยวใส่และลุยไล่ให้ไปให้พ้น ซึ่งบางตัวก็ไม่ออกอาการใดๆเลย  เมื่อจะให้มันกัดกันก็เพียงใส่ตัวที่ดุอีกตัวหนึ่งลงไปในกล่องนั้น  กัดกันแล้ว ตัวที่แพ้ก็จะพยายามเดินหนีห่างสถานเดียว


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 ม.ค. 23, 18:30
ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้แล้วเอามาสะสมไว้ที่รังคล้ายกับผึ้ง รังของตัวชันโรงมักพบอยู่ในรอยแตกรอยแยกของอาคารและโพรงที่มีรูเปิด โดยเฉพาะในจุดที่มีความชื้นมากกว่าในพื้นที่รอบๆ ในโพรงของมันจะมีของเหนียวๆสีดำ เรียกกันว่า ชันหรือขี้ชันโรง ซึ่งนิยมจะออกเสียงว่า ชันนะรง   ของเหนียวนี้มีความเหนียวเหมือนกาวหนังสัตว์(กาวหนังควาย) แต่มีความหนาแน่นของเนื้อมากกว่า

ปัจจุบันนี้ เราเกือบจะไม่เห็นตัวและรังชันโรงตามบ้านเรือนต่างๆ  เคยอ่านพบว่าเขาเรียกว่าผึ้งจิ๋ว และก็มีการส่งเสริมให้มีการเลี้ยงอีกด้วย     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 ม.ค. 23, 19:33
จิ้งหรีดในสมัยก่อนเป็นการจับตัวมันมาจากธรรมชาติ เพื่อเอามาเล่นกัดกัน ตัวที่แพ้ก็ปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ ตัวที่ชนะก็จะต้องสู้ต่อไปจนแพ้ จึงจะถูกปล่อยกลับ จะเรียกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงหรือเป็นการเลี้ยงสัตว์ก็ดูจะไม่เข้าเกณฑ์ของความหมาของคำทั้งสอง   แต่ในปัจจุบันนี้มีการเลี้ยงจิ้งหรีดกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อป้อนตลาดแมลงทอด การเลี้ยงจิ้งหรีดเลยคงต้องจัดไปอยู่ในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์(ประเภทแมลง)  คิดเอาเองว่า อีกไม่นานก็คงจะต้องมีการเลี้ยงจิ้งโกร่งหรือจิ้งกุ่งอย่างเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป

จิ้งโกร่งหรือจิ้งกุ่ง มีลักษณะตัวเหมือนๆกับจิ้งหรีด แต่มีขนาดตัวใหญ่กว่าจิ้งหรีดค่อนข้างมาก(ประมาณนิ้วมือ)  เด็กชาวบ้านสมัยก่อนจะเดินแบกเสียมไปในทุ่งนาเพื่อขุดหาจิ้งกุ่ง เปิดปากรูให้กว้างหน่อยและขุดตามรูมันไป แล้วก็ตักน้ำมาเทในแอ่งที่ขุดที่ปากรูเพื่อไล่ให้มันออกมา กว่าจะได้สักตัวหนึ่งก็ใช้เวลาโขอยู่ แต่ของมันอร่อย ได้แล้วก็เอามาปิ้งไฟกินกัน    ในตลาดสดเชียงใหม่ เมื่อก่อน พ.ศ.2510 จะมีจิ้งกุ่ง 4-5 ต้วเสียบไม้ชุบไข่(แป้ง)ทอด  กินกับข้าวเหนียวอร่อยไปเลย 

กระชอนก็เป็นแมลงอีกชนิดหนึ่งที่เอามาทอดขายกัน พบมากในนาข้าว

คนในภาคเหนือนิยมกินจิ้งกุ่ง ส่วนกระชอนและจิ้งหรีดเป็นแมลงที่คนอิสานนืยมกินกัน    ชาวนาญี่ปุ่นย่านชิบะก็นิยมกินจิ้งหรีดเหมือนกัน ที่เคยลองกินมา จิ้งหรีดของเขาตัวเล็กมาก ดูจะนิยมเอามาคั่วในสุก ไม่กรอบ ทำรสให้ออกหวานน้ำตาล 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 10 ม.ค. 23, 18:19
ในปัจจุบันนี้ สัตว์ประเภทลำตัวเป็นปล้องหลายชนิด (Arthropods) ได้ถูกนำมาเลี้ยงเพื่อส่งขายไปทำอาหาร  ดูกำลังจะก้าวเข้าไปสู่การทำธุรกิจในลักษณะของอุตสาหกรรมครัวเรือนอย่างเป็นกิจลักษณะและที่มั่นคง  ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากในด้านของสัมมาอาชีพทางเลือกอิสระสำหรับชาวบ้านที่มีข้อจำกัดในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 

ผมไม่ทราบว่า ในวงวิชาการเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารของเราได้ให้ความสนใจในเรื่องโปรตีนจากแมลงมากน้อยเพียงใด หลายประเทศได้มีการให้ความสนใจอย่างจริงจังจนไปถึงขั้นการผลิตในระดับอุตสาหกรรมขยาดย่อม ขายเป็นส่วนผมในวัสดุที่ใช้ทำอาหารในชีวิตประจำวัน แม้จะยังอยู่ในสัดส่วนที่น้อยเพราะมีราคาต้นทุนสูง    ในญี่ปุ่นนั้นมีการศึกษาลงไปถึงการกินแมลงสาบ มีการทดลองทำเมนูที่น่าจะเข้าท่าที่สุด  ส่วนในไทยเรานั้น ก็คงได้ทราบและได้เห็นว่ามีกินมีขายกันเช่นใด   แต่ก่อนนั้นการกินแมลงถูกมองว่าไม่มีอะไรจะกิน ในปัจจุบัน แมลงทอดดีๆกลายเป็นของกิน delicacy เหมือนกัน ฝรั่งแถวพัทยาซื้อกินกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 10 ม.ค. 23, 18:54
นึกถึงเรื่องตั๊กแตนปาทังก้าของไทย

นานมาแล้ว จำไม่ได้ว่าปีใหน ตั๊กแตนปาทังก้าเกิดสนใจไทยเรา แห่บินกันมากินพืชผลทางการเกษตรเสียหายมากมาย  พอชาวบ้านตั้งตัวติด ก็
ขึงตาข่ายดักมัน เก็บรวบรวมไว้แล้วก็หาทางใช้ประโยชน์ แรกๆได้ยินว่ามีการเอาไปหมักทำน้ำปลา (จริงเท็จเช่นใดก็ไม่ทราบ)  จำได้ว่าอีกปีหนึ่งมันติดใจ ก็มาอีก คราวนี้เจอกองทัพชาวบ้านดักจับ ก็จับกันจนเกลี้ยง แทบจะต้องแย่งกัน  ต่อมากลายเป็นเรื่องต้องรอว่าเมื่อไรมันจะมา แถมจะต้องล่อมันให้มันบินมาติดตาข่ายเสียอีก  สุดท้ายในปัจจุบัน ต้องเพาะเลี้ยงมันเพื่อเอาไว้ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าเอาไปทอดขายทั่วไทย 
ปาทังก้า ยอมแพ้ ไม่เคยได้ข่าวว่ามันสนใจบินมาหากินในไทยอีกเลย

ก็ไม่ทราบว่า เหล่านักกีฎวิทยาในปัจจุบันกำลังเน้นการพัฒนาความรู้อยู่บนเส้นทางใดระหว่าง กำจัด ในฐานที่เป็นศุตรูพืช หรือเลี้ยงและขุนมัน เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 ม.ค. 23, 17:53
กล่าวถึงตัวแมลงไปแล้วก็คงต้องกล่าวถึงตัวมันในช่วงวัฏจักรชีวิตที่มันเป็นตัวหนอนหรือตัวด้วง   มีท่านใดนึกออกในทันทีใหมครับว่า ที่เรียกว่า หนอน กับที่เรียกว่า ด้วง นั้นต่างกันอย่างไร


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 ม.ค. 23, 18:49
ความต่างแบบสรุปก็คือ สุดท้ายของหนอนไปสู่การเป็นแมลงปีกอ่อน สุดท้ายของด้วงไปสู่การเป็นแมลงปีกแข็ง

แม้พัฒนาการสุดท้ายของหนอนและด้วงจะกลายไปเป็นแมลงที่เป็นอาหารของสัตว์ต่างๆในระบบนิเวศ แต่ส่วนมากจะเป็นศัตรูของพืชที่เป็นอาหารของมนุษย์

ก็มีหนอนและด้วงของแมลงบางชนิดกลับได้รับการเพาะเลี้ยงเพื่อนำไปทำอาหารและขายเป็นรายได้  หนอนกินได้ที่ดังมาแต่แรกเป็นหนอนกินเยื่อไผ่ที่เรียกกันว่า รถด่วน ซึ่งในปัจจุบันนี้ รถด่วนได้พ้ฒนาไปอยู่ในกระป๋องวางขายอยู่ทั่วไป(กระทั่งในสนามบิน)  ส่วนด้วงที่กำลังติดตลาดตามหนอนรถด่วนมาคือด้วงสาคู ด้วงนี้พบเห็นขายอยู่ตามตลาดสดของชุมชนพื้นบ้านทั่วไป ยังไม่มีการพัฒนาไปเป็นรูปอาหารสำเร็จรูป



กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 ม.ค. 23, 20:12
ปลวกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เห็นแล้วต้องกำจัดให้สิ้นซากโดยเร็วไวพร้อมกับหาทางป้องกันไม่ให้มันกลับมาอีก   เท่าที่เคยสังเกตเห็นมา จะพบปลวกในปริมาณค่อนข้างมากในพื้นที่เรือกสวนที่เป็นตะพักลำน้ำ ในพื้นที่ตีนเขา และในพื้นที่ราบระหว่างเขา  ในบริเวณที่มีหย่อมความชื้นมากพอสมควรของพื้นที่เหล่านี้จะมีไม้ตระกูลยางขึ้นได้ดี ปลวกก็ชอบด้วยเพราะมีความชื้นใต้ดินมากพอสำหรับมัน     เราจะพบว่ามีเห็ดหลายชนิดเกิดอยู่ในพื้นที่เช่นนี้ แต่ที่น่าสนใจก็คือพวกเห็ดโคน ซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยพบว่าวัฏจักรสำคัญของเห็ดโคนช่วงหนึ่งก็คือ เชื้อจะต้องผ่านท้องของพวกปลวกเสียก่อน  ก็ดูจะจริง ลองไปขุดเอาดินจอมปลวกที่เคยว่ามีเห็นโคนขึ้นมา นำมาใส่ในพื้นที่สวนจุดที่มีปลวก สองปีต่อมาก็ได้พบว่ามีเห็นโคนกระจายอยู่ทั่วสวนเลย   

คิดถึงตัวนิ่ม(หรือลิ่น) อยากจะเอาเลี้ยงแบบปล่อยเพื่อให้มันช่วยกำจัดปลวกในสวนให้มีปริมาณลดลง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 12 ม.ค. 23, 19:10
แต่ก่อนนั้น ตัวนิ่มยังพบเห็นได้ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะแถวๆสวนสัตว์ดุสิต ผมอยู่โรงเรียนประจำบริเวณพื้นที่นั้น จะเห็นตัวมันและจับตัวมันมาเล่นด้วยการจี้ให้มันม้วนตัวหรือพยายามดึงหางเพื่อยืดตัวมันให้กางออก พื้นที่บริเวณท้องของมันจะเป็นบริเวณที่มีเนื้อนิ่มที่สุด นิ่มกว่าท้องหมูสามชั้นเสียอีก  มันเป็นสัตว์หากินกลางคืน มันชอบเดินข้ามถนนในช่วงเวลาดึก จึงถูกรถชนและทับมันบ่อยๆ ก็ไม่ทราบว่ามันจะตายหรือไม่ ได้ยินแต่เสียงรถเบรดและเสียงชนมัน   

เมื่อเรียนวิชา Paleontology (บรรพชีวินวิทยา) จึงได้ความรู้ว่าตัวนิ่มเป็นพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม   เมื่อต้องเดินทำงานในป่าดง จึงได้รู้ว่ามันเป็นสัตว์ที่กินได้ เนื้อไม่มีกลิ่นสาบ ไม่เหนียว ส่วนเกล็ดของมันนั้นเอามาทำยา   มารู้เอาภายหลังว่ามันเป็นสัตว์ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากๆในวงการแพทย์แผนโบราณของจีน และเป็นสัตว์ที่เข้าใกล้สภาพจะสูญพันธุ์

ผมก็เลยมีความเห็นว่า  พื้นที่ๆที่เราใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชสวน พืชไร่ และที่สร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยนั้น เกือบทั้งหมดจะอยู่ในผืนดินที่มีลักษณะที่เรียกรวมๆว่าเป็น Terrace deposit  ซึ่งเกิดมาจากการทับถมของตะกอนดินทรายที่พัดพามากับลำน้ำ (Alluvial deposit) และตะกอนจากการผุพังของพื้นที่สูงชัน (Eluvial deposit)  พื้นที่เหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งที่พบปลวกมาก  หากเราดูแลให้พวกสัตว์กินมดกินปลวกเช่นตัวนิ่มนี้ ได้มีโอกาสเดินท่อมๆหากินตามขุดรังมดหรือรังปลวกอย่างเสรีโดยไม่มีการไปขัดขวางและทำลายพวกมัน ก็ไม่แน่ที่เราอาจจะสามารถลดและจำกัดความเสียหายของทรัพย์สินต่างๆได้


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 ม.ค. 23, 18:43
ไก่เป็นสัตว์ที่ชาวบ้านในต่างจังหวัดนิยมเลี้ยงกันในบ้าน เป็นการเเลี้ยงเพื่อประโยชน์ในเรื่องของอาหาร เป็นไก่พันธุ์ที่เรียกรวมๆว่าไก่บ้านหรือไก่พื้นเมือง    สำหรับคนในเมืองจะเลี้ยงไว้ในลักษณะของสัตว์เลี้ยงเพื่อความรื่นรมย์ ก็จะเป็นไก่พันธุ์เล็ก โดยเฉพาะไก่แจ้  แต่หากมีที่ดินกว้างมากหน่อยและมีสนามหญ้า ก็อาจเลี้ยงไก่หลายพันธุ์รวมกัน เช่นมีทั้งไก่ต็อก ไก่งวง ไก่โต้ง ไก่อู และอื่นๆ     ก็มีการเลี้ยงไก่ที่เลี้ยงอย่างมีจุดประสงค์เป็นการจำเพาะเจาะจงในบางเรื่อง เช่น เลี้ยงไก่ชน เลี้ยงไก่พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ไก่ของสายพันธุ์ต่างๆ  และเลี้ยงเพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านจิตบำบัด   และก็มีที่เลี้ยงไก่ในลักษณะเพื่อประโยชน์ทางการค้า ซึ่งทั้งหมดน่าจะเป็นไก่สายพันธุ์ต่างประเทศ 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 ม.ค. 23, 19:08
ผมได้มีโอกาสคลุกคลีกับการเลี้ยงไก่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กวัยประถมต้น เป็นการเลี้ยงรวมกันแบบปล่อยอิสระ ก็มีไก่ต๊อก ไก่งวง ไก่โต้ง ไก้อู ไก่แจ้ ไก่ชน และนกยูง  ภาพที่น่าดูก็คือช่วงเวลาให้อาหารตอนเย็น ทุกตัวจะมาอยู่รวมกันกินข้าวที่หว่านโปรยไป ทุกตัวไม่กลัวคน ที่เชื่องจริงๆพอที่จะเข้าถึงตัวและจับได้ทุกเวลาก็คือไก่ชนและไก่แจ้  ส่วนไก่ที่ดูน่ากลัวก็คือไก่งวง เมื่อหลีกเลี่ยงการจับของเราได้แล้ว มันก็จะแพนหางพร้อมกับปล่อยงวงให้ยื่นยาวออกมาและออกเสียงร้อง คล้ายกับเยาะเย้ยเรา 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 ม.ค. 23, 19:19
ก็มีข้อสงสัยอยู่ว่า ทำไมเมื่อเราออกเสียงเพื่อเรียกไก่ให้มากินอาหารจึงใช้เสียง "กู๊ก กุ๊กๆๆๆ"    หรือว่ามาจากการเลียนเสียงของตัวผู้เมื่อเวลาเรียกตัวเมีย  หรือจากการเลียนเสียงตัวเมียเมื่อเรียกลูกให้จิกกินอาหาร 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 23, 19:56
https://www.youtube.com/watch?v=awYVgz7KSTw


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 14 ม.ค. 23, 18:11
เพลงน่ารักดีครับ  :D

อีกเสียงเรียกหนึ่งที่ไม่ไม่นุ่มนวลเหมือน "กู๊ก กุ๊กๆๆๆ" ซึ่งจะใช้เรียกไก่ในพื้นที่เล็กๆรอบตัวเรา และเห็นตัวไก่อยู่ใกล้ๆ   อีกเสียงเรียกหนึ่งจะออกไปทางห้าวและตะโกน "โอ้ว โอ้วๆๆ" หรือ "อ้าว เอ้าๆๆๆ" ใช้เรียกไก่ที่อยู่กระจายตัวกันในบริเวณค่อนข้างกว้าง

เสียงของไก่ตัวเมียมีอยู่ 3 เสียงที่สำคัญ คือ เสียง "จ๊อกๆๆๆๆ" จะได้ยินในขณะที่มันกำลังจะไข่หรือกำลังฟักไข่ ซึ่งก็พอจะแยกออกได้ว่ามันกำลังทำอะไร ด้วยการสังเกตหัวมัน หากมันย่อคอลงไป ส่วนมากจะเป็นการฟักไข่ แต่หากมันชูคอ ส่วนมากจะแสดงว่ามันกำลังจะออกไข่และกำลังพะวงอะไรสักอย่างหนึ่ง     เสียงที่สองคือ "กระต๊ากๆๆๆๆๆ"    หากเป็นเสียงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะบ่งบอกว่ามันกำลังตกใจ แต่หากมีเสียงต่อท้ายด้วย "กุกๆๆๆๆ" บ่งบอกว่ามันตกใจในขณะที่กำลังดูแลลูกเจี๊ยบ  บางทีเสียงกระต๊ากก็ได้ยินหลังจากที่มันออกไข่เสร็จสิ้นแล้ว และเสียงที่สามก็คือ "กุ๊กๆๆๆๆ" มันกำลังบอกลูกมันให้มาอยู่ใกล้ๆหรือให้จิกอาหารที่มันคุ้ยเขี่ยให้   

ก็เป็นพฤติกรรมของไก่ตัวเมียที่จำได้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กซนๆอยู่ ตจว. 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 14 ม.ค. 23, 19:09
เสียงของตัวผู้ดูจะมีอยู่ 2 เสียงที่สำคัญ คือเสียงขัน และเสียง "กุกๆๆๆๆ"  เสียงขันจะได้ยินจะได้ยินในตอนย่ำรุ่ง แต่ก็มีที่ขันตอนบ่ายๆ นัยว่าได้ประสบผลสำเร็จอะไรบางอย่าง  แต่สำหรับไก่ป่าตัวผู้ที่อยู่ในผืนป่าจริงๆนั้นกลับไม่ค่อยจะขันกัน  ดูมันจะขันเพื่อแสดงถึงการประกาศว่าฉันเป็นเจ้าของพื้นที่บริเวณนั้นนะ  ทำให้อาจจะมีไก่ตัวผู้อีกตัวหนึ่งเข้ามาหาเสียงนั้นเพื่อต่อสู้แย่งกันเป็นเจ้าของพื้นที่ ซึ่งก็คือการแย่งฝูงตัวเมีย  ไก่ตัวผู้มีนิสัยเป็น Casanova เมื่อต่อสู้ชนะก็จะประกาศด้วยการขันเสียงดัง

การต่อไก่ก็เลยใช้กลยุทธ์ล่อด้วยการใช้พฤติกรรมการขันของตัวผู้ หรือ การใช้เสียงร้องจ๊อกของตัวเมีย  ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ล้วนเป็นการต่อไก่ตัวผู้   วิธีแรกจะใช่วิธีการเอาไก่ตัวที่ขันเก่งๆ ผูกขามันไว้ด้วยเชือกที่ปลายด้านหนึ่งปักใว้ให้แน่น เอาไปวางในพื้นที่ๆมีรอยขุดคุ้ยของไก่ อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อนำพาไก่ต่อไปในที่ต่างๆจะเป็นเครื่องจักสานไม้ไผ่ เรียกว่า ตะกร้าใส่ไก่ต่อ?? (ภาษาอิสานเรียกว่า กะทอ)     วิธีที่สอง ด้วยการใช้เสียงร้องของตัวเมีย ทำได้ง่ายๆมากด้วยการใช้ใบไม้สดที่ไม่หนามากสองใบ คว่ำหน้าใบประกบกันแล้วเป่า ก็จะได้เสียงของตัวเมีย

ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องของไก่พื้นเมืองหรือไก่บ้านและไก่ป่าในบ้านเรา   ไม่มีความรู้ว่า ที่เรียกว่าไก่พันธุ์ทั้งหลายนั้นจะมีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 15 ม.ค. 23, 18:13
ไก่ที่เหมาะจะนำมาเลี้ยงในบ้านที่อยู่ในเมืองน่าจะเป็นไก่แจ้  ไก่แจ้นั้นมีหลายพันธุ์ให้เลือก ทั้งของไทยและของเทศ   ไก่แจ้ต้องการพื้นที่สนามหญ้าผืนเล็กๆ ต้องการคอนไม้สำหรับเกาะนอน จะเป็นคอนในกรงก็ได้  สามารถเลี้ยงควบคู่ไปกับสุนัขได้ ไก่แจ้ตัวผู้จะหวงตัวเมียและไล่ตีสุนัขโดยไม่กลัวเกรง   ควรจะเลี้ยงเป็นคู่ตัวผู้-ตัวเมีย หรือตัวผู้ตัวเดียว ตัวเมียหลายตัว 

ไก่แจ้สามารถขยายพันธุ์ได้ค่อนข้างจะรวดเร็วมาก ตัวเมียออกไข่ครั้งละหลายฟอง มากจนกินจะไม่ทัน และเกือบจะไม่มีไข่ลม คือไข่ทุกใบสามารถฟักออกเป็นตัวได้ ด้วยเหตุว่าตัวผู้เจ้าชู้มาก ก็เป็นจริงตามสำนวนไทยที่ว่าว่า "เจ้าชู้ไก่แจ้" 

ไก่แจ้ค่อนข้างจะเชื่องมากๆ เดินไปเดินมา น่ารักดี   มันไม่ค่อยหนีและไม่ขัดขืนในการจับต้องตัวมัน ก็นิ่งมากพอที่จะเข้าทำนองกระชากลากถูมันได้   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 23, 18:57
ไก่แจ้


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 15 ม.ค. 23, 19:06
ไก่แจ้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ให้ประโยชน์ในหลายๆเรื่องเมื่อเลี้ยงไว้อย่างถูกจังหวะเวลา   ช่วงเวลาการเลี้ยงที่เหมาะที่สุดดูจะเป็นช่วงที่บุตรหลานกำลังเข้าสู่วัยซน อยากเรียนรู้ และอยากสัมผัสสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริงๆในแง่มุมต่างๆ  เขาจะได้เรียนรู้จากการสังเกตด้วยตนเองและมีความเข้าใจในพฤติกรรมที่ตนเองกระทำลงไป (action) และผลตอบสนองจากการกระทำนั้นๆ (reaction)  ซึ่งผู้ใหญ่ที่ดูแลอยู่ก็จะช่วยสอนต่อไปถึงว่าอะไรควรหรือไม่ควรจะกระทำที่จะยังให้เกิดผลที่ต่างกัน รวมทั้งถ่ายทอดปรัชญาในการดำรงชีวิตในเรื่องต่างๆ สุดแท้แต่จะโยงไป    ที่สำคัญคือเป็นการช่วยปรับสภาพจิตใจเด็กให้อยู่ในลู่ของความเป็นคนที่มีจิตใจดี รู้รับผิดชอบชั่วดี ปูพื้นให้เป็นคนที่ gentle  ลดความเป็นคนที่ aggressive  ซึ่งจะยังผลไปสู่การช่วยลดความเป็นคนที่ mean โดยรวม  

ไก่แจ้ มีอายุแถวๆ 6-7 ปี  เมื่อแก่หนักๆเข้าก็น่าเอ็นดูไปอีกอย่างหนึ่ง มีทั้งตาไม่ดี เดินชน  ยืนหลับก็มี และนอนตกขอน  ก็เป็นอาการที่ไม่ต่างจากคนแก่ทั้งหลายนัก    


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ม.ค. 23, 10:35
ที่ญี่ปุ่นมีไก่สวยงามอยู่พันธุ์หนึ่ง ชื่อว่าพันธุ์โอนากาโดริ  尾長鶏  แปลตามตัวอักษรก็คือ ไก่หางยาว ถือเป็นสมบัติของชาติทีเดียว ห้ามนำไก่พันธุ์นี้รวมทั้งไข่ออกนอกประเทศ

ไก่หางยาวตัวเป็น ๆ เกาะคอนโชว์ตัวอยู่ในสวนสัตว์อูเอโนะ โตเกียว

https://youtu.be/agpuODRqsKs

โอนากาโดริ นานาสี ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=32527;image)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 16 ม.ค. 23, 18:16
เคยเข้าไปเดินเที่ยวในสวนสัตว์อูเอโนะ แต่ไม่รู้ว่ามีไก่พันธุ์นี้ออกแสดงอยู่ด้วย อาจจะไม่ใช่ฤดูหรือเวลาเอาออกโชว์  ก็แปลกและสวยดี คงต้องเลี้ยงแบบประคบประหงมกันน่าดูเลยนะครับ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 16 ม.ค. 23, 19:03
ไก่ชนเป็นไก่ที่นิยมเลี้ยงกันเหมือนกัน แต่เรามักจะไม่สังเกตเห็น    ข้อสังเกตง่ายๆว่ามีการเลี้ยงไก่หรือไก่ชน ก็คือดูว่ามีสุ่มไก่หรือไม่  สุ่มไก่ที่นิยมใช้กันจะทำด้วยไม้ไผ่สาน  ในปัจจุบันนี้มีให้เลือกสุ่มที่ทำด้วยตาข่ายไนล่อนสีเขียวขึงกับโครงที่ทำด้วยลวดเส้นใหญ่ 

สุ่มไก่นิยมนำมาใช้กันใน 3 กรณี คือ ไว้กักไก่แม่ลูกอ่อนไม่ให้มันเที่ยวเดินนำลูกเสาะหาอาหารไปทั่ว และใช้ครอบเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกของมันได้รับอันตรายจากสัตว์อื่น กรณีนี้มักจะมีอยู่เพียงสุ่มเดียว   อีกกรณีหนึ่งก็คือใช้กักไก่ชนแต่ละตัวแยกห่างจากกัน เพื่อไม่ให้มันต่อสู้กัน กรณีนี้มักจะเห็นหลายสุ่ม พร้อมๆไปกับเห็นลานดินที่มีการกวาดสะอาดเรียบร้อย   และกรณีสุดท้าย มีสุ่มไว้เพื่อใช้ประโยชน์อื่นใดเมื่อจำเป็น เช่น ใช้จับนกที่มาแย่งอาหารสัคว์เลี้ยง ใช้ตากผ้าขี้ริ้วในหน้าฝน ใช้ครอบสิ่งของเพื่อไม่ให้สุนัขและแมวมาคุ้ย....

เท่าที่ได้สัมผัสมา การเลี้ยงไก่ชนดูจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ เลี้ยงในลักษณะเพื่อการเพาะพันธุ์และการดำรงสายพันธุ์  และเลี้ยงในลักษณะไก่นักสู้ของค่าย   โดยนัยก็คือเลี้ยงเพื่อการค้า กับ เลีัยงเพื่อการกีฬา/พนัน     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 16 ม.ค. 23, 19:25
ไก่ตัวผู้นี้ก็แปลก เดินอยู่ด้วยกันในฝูงเดียวกัน เพียงเราจับตัวหนึ่งออกมาแล้วเอาเขม่าก้นหม้อทาหน้าทาแก้มมันให้ดำแล้วปล่อยเข้าฝูงไป  ก็ได้เรื่อง   เพื่อนเห็นเพื่อนหน้าดำ จำไม่ได้ เข้าใจว่าจะหาญเข้ามาแย่งตัวเมียในฝูง ก็เลยต้องตีต้องไล่   ฝ่ายเพื่อนที่ถูกทาหน้าจนดำก็แปลกใจ แรกก็พอทนให้เพื่อนตี แต่เอ ดูจะหนักไปหน่อยก็เลยต้องสู้  ปะหน้ากันก็สู้กันไปจนกว่าหน้าจะหายดำ เราสนุกพอแล้วก็เอามันมาเช็ดหน้าให้หายดำ แล้วทุกอย่างก็เป็นปกติสุขเหมือนเดิม  ก็เป็นหนึ่งวิธีการในการคัดนักสู้บนฐานของความ aggressive 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 17 ม.ค. 23, 18:16
การเลี้ยงไก่ชนเพื่อการแข่งขัน เอามันไปตีกันในสนามไก่ชน มีกระบวนการเลี้ยงที่มีความต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากวิธีการเลี้ยงไก่ตามปกติ   เมื่อจะเลี้ยงไก่ให้มันเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและทรหดในสังเวียน ก็จะต้องให้การดูแลมันเป็นอย่างดี มีการให้อาหารอย่างดี มียาบำรุง มีการฝึกและล่อเป้าให้มันตี มีการอาบน้ำเช็ดตัวด้วยเครื่องยาบำรุงที่ผสมขมิ้น มีการนวด มีการปั่นหรือดูดเสลดออกจากลำคอเพื่อให้หายใจคล่อง มีการพันเดือยเพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บในขณะฝึกซ้อม มีการแต่งเดือย.....ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น

ในปัจจุบันนี้ หากไก่ชนที่เลี้ยงมีสายพันธุ์ทางพ่อดี (ชนะการต่อสู้มากครั้ง) มีลักษณะและหน่วยก้านที่ดี (เช่น มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ ลักษณะเดือยดี ลักษณะการตีเป้าล่อดี ..)  ไก่หนุ่มลักษณะดังกล่าวนี้จะมีราคาซื้อขายอยู่ในหลักหลายพันบาทต่อตัวขึ้นไปจนถึงในหลักหมื่น และก็อาจจะถึงหลักแสนได้

สำหรับพ่อพันธุ์นั้น หากเป็นประเภทชนะในสนามของนักเลงไก่ระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค เคยทราบว่ามีราคาในระดับหลักล้านเลยทีเดียว       


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 17 ม.ค. 23, 19:20
ออกจากเรื่องการเลี้ยงไก่ก็ไปสู่เรื่องการเลี้ยงเป็ดและห่าน 

เป็ดก็เป็นสัตว์ที่น่ารักที่สามารถเลี้ยงในลักษณะของสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขหรือแมวได้   เช่นเดียวกัน ห่านก็เป็นสัตว์ที่น่ารักเหมือนกัน แต่จะเด่นออกไปทางแบบเลี้ยงสุนัข   เป็ดและห่านมีความต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องหนึ่งคือ เป็ดจะพยายามหนีห่างคนที่ไม่คุ้นเคย  ต่างกับห่านที่จะดุและไล่คนที่ไม่คุ้นเคยให้ออกห่างออกไป

เราออกเสียงเรียกเป็ดให้มาหาเรา มากินอาหาร หรือเข้าคอกว่า "กิ๊วๆๆๆๆๆ"  ก็น่าสนใจที่เป็ดออกเสียงร้อง "ก้าบๆๆๆ" แต่เราออกเสียงเรียกมัน "กิ๊วๆๆๆๆ"   สำหรับห่านนั้น ไม่ทราบว่า นิยมจะออกเสียงเรียกห่านเช่นใด     

ก็มีวลีที่ผมชอบ "ม่องไอ้ก้าบ"     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 ม.ค. 23, 18:38
เป็ดเป็นสัตว์ที่มีนิสัยต้องมีเพื่อนอยู่ใกล้ตัว(ติดตัว)ตลอดเวลา จึงชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง เมื่อเป็นฝูงก็เลยต้องมีผู้นำ ซึ่งทั้งฝูงก็เชื่อผู้นำ   ก็ไม่ทราบว่าผู้นำตัวนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีการเลือกกันเช่นใด อีกทั้งดูเหมือนว่าผู้นำก็มีได้หลายตัวและมีลักษณะเป็นลำดับเรียงกันอีกด้วย

การเลี้ยงเป็ดเกือบทั้งหมดจะเป็นเรื่องของการเลี้ยงเพื่อเอามาทำอาหาร ก็มีทั้งแบบที่เลี้ยงในโรงเรือน และแบบที่เลี้ยงปล่อยให้มีอิสระหากินตามไร่นาและหนองน้ำ (เป็นช่วงเวลา) ที่เรียกลักษณะการเลี้ยงว่า "เป็ดไล่ทุ่ง"

เป็ดที่เลี้ยงในโรงเรือนทั้งหมดน่าจะเป็นเป็ดพันธุ์ ซึ่งอาจจะเป็นในเรื่องของเนื้อ เรื่องของไข่ หรือในเรื่องของอวัยวะบางอย่าง (ตับเป็ด)      ส่วนการเลี้ยงเป็ดเพื่อเอาไข่ของชาวบ้านนั้นจะเป็นการเลี้ยงในเล้า(คอก) ซึ่งในพื้นที่เล้าจะมีส่วนที่เป็นผืนดิน อาจมีแอ่งหรืออ่างน้ำเล็กๆพอให้มันได้ลงไปทำให้ตัวเปียกและสกปรก เลอะโคลนบ้าง  ในเล้าจะต้องมีพื้นที่ยกระดับสูงจากผืนดินเล็กน้อย ปูด้วยไม้กระดานหรือไม้ไผ่สาน เพื่อให้เป็นพื้นที่แห้งที่นอนและที่ไข่ของมัน

เป็ดไล่ทุ่ง ดูจะเป็นเป็ดสายพันธุ์ลูกผสม มีการเลี้ยงอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในพื้นที่ๆมีการทำนาข้าวและพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตชลประทานที่มีน้ำตลอดเกือบทั้งปี (พื้นที่ๆมีการทำนาข้าว 2 หรือ 3 ครั้งในรอบปี)    หัวหน้าฝูงเป็ดไล่ทุ่งตัวจริง คือ ถุงพลาสติกสีขาวหรือผ้าขาวที่ผูกไว้ที่ปลายไม้  เป็ดจะเดินตามและหากินอยู่ในทุ่ง(นา)ในบริเวณพื้นที่ๆมันสามารถเห็นธงถุงพลาสติกนั้น คนเลี้ยงจะย้ายพวกมันให้ไปอยู่ในพื้นที่ใดก็เพียงแบกธงพลาสติกเดินไป มันก็จะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเดินตามธง ปักธงลงจุดใด ฝูงเป็ดก็จะอยู่ในบริเวณรอบๆธงนั้น  เป็นภาพที่น่ารักดีครับ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 ม.ค. 23, 19:10
ผมพอจะคุ้นเคยกับการเลี้ยงเป็ดเมื่อครั้งยังเป็นเด็กอยู่ บ้านเลี้ยงอยู่ประมาณ 10 ตัว(?)  ตกเย็นก็ช่วยคนดูแลเรียกเข้าเล้า ให้อาหารเป็นรำข้าวผสมน้ำในรางข้าว เคยมุดเล้าเข้าไปเก็บไข่ของมัน ก็เป็นเป็ดพันธุ์พื้นบ้านโดยทั่วไป จนวันหนึ่งก็มีเป็ดเทศถูกนำเข้ามาร่วมวงด้วย เป็ดเทศจะมีขนสีขาว หน้าแดง มีขนสีขาว มีนิสัยออกไปทางดุ ไม่อยู่ร่วมกับใคร

เมื่อมีสวนก็ยังพยายามจะเลี้ยงเป็ดเพื่อเอาไข่ และกะว่าจะเพาะพันธุ์ต่อเนื่อง  ก็เกิดมีปัญหาพื้นฐานที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย  ลูกเป็ดที่ไปหาซื้อในตลาดนัดหรือที่ใด มีแต่ตัวเมีย หาตัวผู้ไม่ได้  ได้ความว่า ไม่มีการปล่อยลูกเป็ดตัวผู้ออกมาวางขายกัน     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 ม.ค. 23, 19:23
เคยฟักไข่เป็ดให้เป็นตัวอยู่ครั้งหนึ่ง ต้องช่วยมันให้หลุดออกมาจากไข่ เช็ดตัวให้แห้ง เลยตั้งชื่อมันว่า ซีซ่า เพราะต้องทำหัตถกรรมคล้ายกับการผ่าตัดทำคลอด (Cesarean section) ประคบประหงมเลี้ยงมันจนโตโดยสมบูรณ์  น่ารักดีครับ เขาคอยเดินตาม วิ่งตาม ชอบมาหมอบนอนแนบข้างตัวเมื่อเรานั่งกับพื้น จะจับจะเล่นกับเขาเล่นอย่างไรก็ได้  เหมือนกับเลี้ยงเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 ม.ค. 23, 18:31
ห่านเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันในบ้านที่มีรั้วรอบและมีเนื้อที่กว้างพอสมควร ที่เคยเห็นมาก็จะอยู่ในเกณฑ์ ไม่น้อยกว่า 100 ตร.วา  จะเป็นบ้านที่อยู่ในพื้นที่แถบชานเมืองที่ยังคงมีสภาพรอบตัวเป็นธรรมชาติค่อนข้างมาก  แต่ตามบ้านสวนที่ไม่มีการตั้งรั้วบ้านก็มีการเลี้ยงกันเหมือนกัน  ซึ่งก็มักจะมีพื้นที่โล่งหรือมีสนามหญ้าในบริเวณบ้าน   ห่านเป็นสัตว์ประเภทมีผัวเดียวเมียเดียว (monogamous) การเลี้ยงห่านนิยมเป็นการเลี้ยงคู่เพื่อมิให้มันเหงา ในกรณีที่ตัวหนึ่งตายไป อีกตัวก็จะเหงามากและไม่นานก็ตายตามไป   พวกสัตว์มีปีกหลายชนิดอยู่ในประเภทนี้

ห่านเป็นสัตว์หวงพื้นที่ จึงส่งเสียงร้องเพื่อไล่ รวมทั้งเดินเข้าไปหาและจิก ไล่ให้คนหรือสัตว์แปลกหน้าออกไปให้พ้นพื้นที่   โบราณเขาว่ามูลของห่านเป็นของร้อน ทำให้งูหนีห่าง บ้านที่เลี้ยงห่านก็เลยไม่มีงูเข้ามาเบียน จะจริงเท็จเช่นใดไม่ขอยืนยัน  แต่เท่าที่เคยเลี้ยงในสวนมา ซึ่งมีทั้งไก่ เป็ด และห่านรวมๆกัน ก็ไม่เคยมีงูเข้ามาเบียดเบียนหาไก่กิน   ตัวที่มาเยี่ยมเยียนประจำกลับกลายเป็น พังพร (ไอ้จ้อน) และอีเห็น   

กล่าวถึงอีเห็น ทำให้นึกถึง ชะมดเช็ด ซึ่งก็เป็นสัตว์ที่มีการเอามาเลี้ยงเช่นกัน แล้วค่อนกล่าวถึง     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 ม.ค. 23, 18:54
ก็มีคนที่คิดถึงประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการเลี้ยงห่าน ก็คือ การเลี้ยงเครื่องตัดหญ้า ก็น่าสนใจดี    สว.หลายท่านน่าจะแว็บนึกถึงคำโฆษณาสมัยก่อนอยู่ชิ้นหนึ่ง  "ห่านดินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง" ได้ยินทุกวันทางสถานีวิทยุทั่วประเทศ สมัยคลื่นวิทยุ FM ยังไม่แพร่หลายนัก


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 ม.ค. 23, 19:33
พูดถึงไก่ เป็ด ห่าน ในช่วงเวลาตรุษจีน ก็เลยนึกไปถึง ไก่ตอนต้มหรือนึ่ง เป็ดย่างหรือพะโล้ แต่นึกไม่ออกว่ามีห่านไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ในสำรับเครื่องไหว้นั้นไม่น่าจะมี  แต่ในโต๊ะฉลองกันนั้นน่าจะพอมีได้ในเมนู   

ก็มีความเชื่อของชาวไทยพื้นบ้านว่า การกินเป็ดและสัตว์ปีกตัวใหญ่ในหมู่คนรู้จักกันที่มิได้เป็นสมาชิกใกล้ชิดกันในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกกัน  ก็คงพอจะสังเกตเห็นได้ว่า อาหารการกินในงานทางสังคมของคนไทยเกือบทั้งหมดจะไม่มีเมนูที่ใช้เป็ดและสัตว์ปีกตัวใหญ่ ซึ่งหากดูลึกเข้าไป สัตว์ที่ว่าไม่ควรกินนั้นดูจะเป็นสัตว์ประเภทผัวเดียวเมียเดียวเกือบทั้งนั้น

สำหรับฝรั่งในยุโรปนั้น เมื่อพูดถึงเมนูดีๆของเป็ดและห่าน ส่วนมากน่าจะนึกถึง foie gras (ตับเป็ดหรือตับห่าน) ที่ทำโดยพ่อครัวฝีมือดีๆ   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 20 ม.ค. 23, 18:40
อาหารที่ทำด้วยเป็ดที่เราคุ้นเคยกันเกือบทั้งหมดจะเป็นอาหารแบบครัวจีน  ที่เป็นแบบฝรั่งก็ดูจะมีเพียงเป็ดกับซอสส้ม ที่เป็นแบบไทยๆก็จะมีลาบเป็ดอุดร  ของภาคกลางก็มีแกงเผ็ดเป็ดย่าง  ที่แปลงต่อมาก็มีเช่นผัดกะเพราเป็ดย่าง  ที่แผลงๆต่อไปในวงเมรัยก็มีเช่นต้มยำเป็ดตุ๋น 

อาหารจานเป็ดของฝั่งทวีปอเมริกาจะเป็นเช่นใดก็ไม่เคยลอง แต่ของในยุโรปนั้นมีจานที่อร่อยมากมาย  เชื่อว่าส่วนมากเราจะนึกถึงจานที่ทำแบบฝรั่งเศส  แท้จริงแล้วจานอร่อยจริงๆไปอยู่ย่านพรมแดนรอยต่อระหว่างยุโรปตะวันตกกับยุโรปตะวันออก (เยอรมัน ออสเตรีย กับ เช็ค ฮังการี สโลวัค) 

สำหรับเมนูจากห่านนั้น จานที่ทำจากห่านดินนั้นไม่แน่ใจว่าเคยกินหรือไม่ แต่ที่เป็นห่านฟ้านั้นเคยกินแน่นอน ก็จะมีเมนูนี้ในช่วงเวลาปลายปีที่ห่านฟ้าอพยพหนีหนาวลงใต้  ร้านอาหารที่มีเมนูจากห่านฟ้ามีค่อนข้างจะน้อยมากๆ

หากไปเที่ยวยุโรปแล้วอยากจะลองเมนูเป็ดหรือห่าน ก็ดูเมนูที่มีคำเหล่านี้  canard, ente, gans, duckling, confit, entenleber, foie gras 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ม.ค. 23, 19:10
ตับห่านฟัวกราส์ เป็นอาหารที่อร่อยมาก   แต่พอมารู้ว่าต้องทรมานห่านยังไงกว่าจะออกมาเป็นตับชั้นเลิศ   ก็เลิกกินไปตามระเบียบ    อดอาหารชนิดนี้มาหลายปีแล้วค่ะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ม.ค. 23, 19:13
ช่วงตรุษจีน ห่านพะโล้ขายดี


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 20 ม.ค. 23, 19:37
นึกออกว่า ไก่ฟ้า ก็มีการเลี้ยงกัน เข้าใจว่าน่าจะเป็นการเลี้ยงในกรงเป็นพื้นฐาน  ไก่ฟ้าตามธรรมชาติพบได้ในป่าไม่ยากนัก  มักจะพบในพื้นที่เปิดโล่ง(ทุ่งเล็กๆ)ที่เป็นรอยต่อระหว่างชัฎป่าไผ่กับป่าเบ็ญจพรรณที่เป็นป่าโปร่ง  เป็นสัตว์ที่กินทั้งเมล็ดพืช(ขุยไผ่) หนอน สัตว์เลื้อยคลานตัวเล็ก และแมลง  ไก่ฟ้ามีหลายพันธุ์ แต่ที่พบเป็นประจำในระหว่างการเดินทำงานในผืนป่าดูจะเป็นๆไก่ฟ้าพญาลอ หรือไม่ก็เป็นไก่ฟ้าหน้าแดง  ดูมันจะนิยมไข่ในรังที่สูงเหนือพื้นดิน รังหนึ่งก็ประมาณ 6 ฟอง เห็นแล้วห้ามแตะต้องและห้ามหยิบขึ้นมาดู ว่ากันว่าหากทำเช่นนั้นมันจะไม่กลับมาฟักไข่ต่อไปอีกเลย จะจริงเท็จเช่นใดก็ไม่ทราบ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 20 ม.ค. 23, 20:17
ตับห่านฟัวกราส์ เป็นอาหารที่อร่อยมาก   แต่พอมารู้ว่าต้องทรมานห่านยังไงกว่าจะออกมาเป็นตับชั้นเลิศ   ก็เลิกกินไปตามระเบียบ    อดอาหารชนิดนี้มาหลายปีแล้วค่ะ

ครับ เลี้ยงให้มันเป็นโรคไขมันในตับจนพองโต    ส่วนตะโพกและน่องก็เอาไปทำแบบให้น้ำมันในเนื้อตัวของมันต้มตุ๋นตัวเนื้อมันเองให้สุก (confit)   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 21 ม.ค. 23, 18:59
ก็ยังคงนึกถึงความอร่อยของจานเรียกน้ำย่อย  pan fried foie gras  ตับห่านหั่นเป็นแผ่น วางบนกระทะร้อนๆให้สุก พลิกให้ผิวหน้าทั้งสองด้านเกรียมนิดๆ วางมากับมันฝรั่งบดละเอียดยิบ (creamy) ราดซอส จัดวางมาพร้อมเครื่องแนมเล็กๆน้อยๆ 

กล่าวถึงไก่ฟ้า ก็นึกถึงคำว่า fowl ที่ใช้อยู่ในเมนูอาหารของฝรั่ง  โดยพื้นแล้วคำนี้มีความหมายค่อนข้างกว้างมาก หมายถึงสัตว์ปีกตัวใหญ่ที่อาจจะเป็นสัตว์ป่าหรือที่เลี้ยงไว้เพื่อเอามาทำอาหาร (ไก่ เป็ด ไก่ต๊อก ไก่งวง ...)   แต่เมื่อมาใช้อยู่ในเมนูอาหาร ก็ดูจะมีความหมายที่จำแนกออกไปให้หมายถึงสัตว์ปีกนอกเหนือไปจากที่มีขายตามท้องตลาดโดยทั่วไป  เดาเอาว่าน่าจะเป็นเนื้อของไก่ต็อก (Guinea fowl) สีของเนื้อจะคล้ำกว่าสีของเนื้อไก่ มีกลิ่นที่ไม่สาบเหมือนไก่  ราคาอาหารอาจจะสูงกว่าจานปกติไปบ้าง แต่ก็อร่อยดี         


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 23, 19:33
อยากรู้ว่าไก่ต๊อกขึ้นโต๊ะแล้วหน้าตาเป็นไง  เลยไปค้นรูปดู    ดูๆไปก็เหมือนไก่นะคะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 23, 19:36
อีกอย่างที่เข้าใจว่าน่าจะนิยมกันในยุโรปมากกว่าอเมริกา คือนกกระทา (partridge)  เพลงคริสต์มาสเก่าแก่ที่รู้จักกันดี ชื่อ twelve days of christmas  เอ่ยถึง partridge  เป็นของขวัญอย่างแรกที่ฝ่ายชายให้คนรัก(หรือภรรยา)  คงจะเอาไว้เป็นอาหารวันคริสต์มาสละมั้ง
ดิฉันไม่เคยกินนกกระทาค่ะ    ไม่เคยเห็นขายตามร้านด้วย ไม่ว่าจะช่วงคริสต์มาสหรือช่วงไหนๆ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 21 ม.ค. 23, 20:04
นกกระทา ก็เป็นสัตว์ที่หลายๆบ้านในสมัยก่อนมีการเลี้ยงกัน  เท่าที่พอจะจำได้ ช่วงเวลาที่ดูจะมีความนิยมเลี้ยงกันอยู่ในช่วงทศวรรษของปีกึ่งพุทธกาล (พ.ศ.2500 +/-)  นกกระทาต้องเลี้ยงในกรง จุดประสงค์หลักก็เพื่อเอาไข่ของมันมาเป็นอาหาร เป็นนกที่น่ารัก เมื่ออยู่ในธรรมชาติ เราเรียกว่า นกคุ่ม แต่พอมาอยู่ในกรง เราเรียกว่า นกกระทา   เป็นนกที่ไม่บิน ชอบเดิน/วิ่งมุดไปตามกอหญ้า จะบินก็ต่อเมื่อจวนตัวเมื่อวิ่งหนีไม่ทันแล้ว  

นกกระทามีหลายสายพันุธุ์ ซึ่งดูจะแยกขาดระหว่างนกกระทาเลี้ยงกับนกระทาป่า(กระทาดง)  ในปัจจุบันนี้การเลี้ยงนกระทาดูจะอยู่ในรูปเชิงอุตสาหกรรม เป็นลักษณะการทำฟาร์มเพื่อเอาไข่ไปขาย   เมื่อนกมีอายุมาก หมดสมรรถภาพในการผลิตไข่ตามเกณฑ์มาตรฐาน มันก็ต้องจบชีวิตไปเป็นประโยชน์ต่อไปกลายเป็นนกกระทาหัน ย่างขายกันตามงานวัดต่างๆรวมทั้งใน กทม.  ก็ยังได้กินทุกปี บางปีนกก็ตัวอ้วนหน่อย บางปีก็กระดูกมากหน่อย ส่วนที่อร่อยก็เหมือนกับสัตว์ปีกทั่วไป เนื้อหน้าอก ตะโพกและขา   แต่..ความอร่อยดูจะยังไม่เท่ากับนกกระจาบทอดที่ขายตามสถานีรถไฟในพื้นที่ จ.พิจิตร (สมัยก่อน) เพราะกินได้เกือบหมดทั้งตัว  


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 22 ม.ค. 23, 19:17
นกกระทามีหลายสายพันธุ์มาก  จากประสบการณ์เดินในทุ่งในป่าของผม สังเกตว่าพอจะจำแนกแบบพื้นฐานออกได้เป็น 2 พวก คือพวกตัวใหญ่จะเรียกกันว่า นกระทา  และสำหรับตัวเล็กจะเรียกว่า นกคุ่ม    นกทั้งสองชนิดนี้ ชาวบ้านป่าจริงๆไม่สนใจในการล่าเอามาเป็นอาหาร  ต่างกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลชุมชน  เขาจะใช้วิธีดักจับด้วยอุปกรณ์หลายลักษณะรูปร่าง อย่างหนึ่งเรียกว่า เพนียด ซึ่งก็มีลักษณะรูปร่างต่างกันไป แต่ก่อนนั้นเป็นไม้ไผ่สาน ในปัจจุบันเป็นโครงลวดที่คลุมด้วยตาข่าย  รูปร่างและทรงจะขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปใช้ในลักษณะใด  เช่นใช้เพื่อต่อนก (เอามาเลี้ยง เอามาเป็นนกต่อ) หรือใช้จับเอามาทำอาหาร   อุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งเรียกว่า เซิง หรือ ซิง  ก็คือซุ้มตาข่ายที่ใช้ดักตามทางที่มันเดิน ซึ่งเครื่องมือลักษณะนี้ใช้ดักสัตว์หลายอย่างที่ชอบเดินตามช่องในดงหญ้าที่มีพื้นค่อนข้างจะเรียบ (เสมือนถนนลาดยาง) นอกจากนกกระทาและนกคุ่มแล้วก็มีนกกวัก กระต่าย   ตามปกติสัตว์เหล่านี้ก็จะเดินลัดไปลัดมาตามช่องในดงหญ้าอยู่แล้ว แต่เมื่อใดที่ตกใจหรือถูกไล่ เส้นทางหนีที่เร็วที่สุดก็คือเส้นทางที่ค่อนข้างตรง ชาวบ้านก็รู้เลยช่วยทำช่องทางให้เรียบแล้ววางอุปกรณ์ดักจับมัน  ก็เลยมี 2 วิธีในการจับสัตว์พวกนี้ อย่างหนึ่งก็คือ วางกับดักไว้ให้มันเดินเข้ามาเอง กับอีกวิธีหนึ่ง คือตีเกราะเคาะไม้ให้มันตกใจวิ่งหนี ซึ่งเรียกว่าการ ไล่เหล่า   

วิธีการใช้ซุ้มตาข่ายนี้ เมื่อยังเด็กอยู่ เคยเห็นการทำในพื้นที่ชายป่าที่เหมาะๆเพื่อการจับเก้ง  และเคยได้สัมผัสกับกระจงที่จับได้มาจากวิธีการนี้  กระจงนี้น่ารักนะครับ เป็นประเภทเก้งแคระ  อยู่ได้สองสามวันก็ถูกเอาไปปล่อยกลับคืนสู่ป่า   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 23, 20:36
นกกระทาย่าง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ม.ค. 23, 20:39
ผัดเผ็ดนกกระทา

https://www.youtube.com/watch?v=2dsBjTne3Tc


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 23 ม.ค. 23, 19:01
นกกระทาย่าง ตัวละ 25 บาท ได้ซื้อมาแนมกับน้ำอมฤตทุกปี   เมื่อดูจากลักษณะที่เหมือนๆกันของร้านค้าในเรื่องของอุปกรณ์ การหมัก ขนาดของตัวนก การย่าง การประนกด้วยงา และราคา ดูจะเป็นธุรกิจที่อยู่ในระบบแฟรนไชส์ (franchise)

พอเห็นภาพผัดเผ็ดนกกระทา เลยทำให้นึกถึง 'แกงสับนก'   ชื่อ'สับนก'ดูเสมือนว่าจะเป็นแกงที่ใช้นกสับละเอียด แต่กลายเป็นว่าเป็นแกงที่เอาเนื้อปลามาสับให้ละเอียด เป็นแกงแบบน้ำขลุกขลิกและเป็นแกงที่มีการใส่กระชาย ซึ่งก็ใส่กระชายได้ทั้งในตัวพริกแกงและใช้เป็นเนื้อของแกง   ในอีกนัยหนึ่ง แกงสับนกก็คือแกงป่าในอีกลักษณะหนึ่ง  ในกรณีที่เนื้อสัตว์ที่ใช้สามารถหั่นหรือสับได้เป็นชิ้นๆ ก็จะเรียกว่าแกงป่า (ไก่ ปลา...)  แต่หากสัตว์ที่นำมาทำแกงนั้นมีขนาดตัวเล็กจนยาก(เสียเวลา)ที่จะแยกชิ้นส่วนที่เป็นของกินได้ตามปกติ จะใช้วิธีสับละเอียดทั้งตัวแล้วเรียกอาหารที่ทำในลักษณะนี้ว่าเรียกว่า สับนก 

ในวิถีชีวิตของชาวบ้าน การทำแกงเผ็ดหรีอผัดเผ็ดด้วยการใช้สัตว์สับละเอียดเป็นเรื่องที่ปกติมาก  ใช้ทำกับสัตว์ตัวเล็กที่หามาได้ในปริมาณน้อยในแต่ละวัน เช่น กระรอก นก กบ ปลาตัวเล็กตัวน้อย ...    ในกรณีที่ต้องทำอาหารกินในวงคนหมู่มาก  ไก่ก็ใช้วิธีการสับละเอียดเหมือนกัน แถมยังต้องเพิ่มปริมาณด้วยสิ่งเทียมเนื้อด้วย เช่น การใช้ขุยเปลือกไม้ของต้นตะคร้ำ   ขุย(เปลือก)ของต้นตะคร้ำนี้ยังมีการใช้ในพวกจานลาบอีกด้วย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ม.ค. 23, 21:02
เพิ่งเคยได้ยินชื่อต้นตะคร้ำ ค่ะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 24 ม.ค. 23, 19:02
เปลือกของต้นมะริดก็ขูดเอามาใช้เช่นเดียวกันกับของต้นตะคร้ำ ครับ 

ต้นมะริด กับ มะลิดไม้ เป็นต้นไม้ต่างชนิดกัน  ต้นมะริดเป็นไม้ใหญ่ให้ผลเป็นลูกทรงกลม ผลเอามากินได้   ส่วนต้นมะลิดไม้เป็นไม้ขนาดเล็กที่สูงชะลูด ไร้กิ้งก้านสาขาตามลำต้นไปจนถึงส่วนยอดจึงมีกิ่งและใบ ให้ผลเป็นฝักคล้ายฝักของต้นหางนกยูง แต่ยาวกว่ามาก ฝักเอามากินได้  แรกเริ่มก็คงจะเป็นเพราะทรงของฝักที่คล้ายกับลิ้นของคนและสัตว์ ก็เลยเรียกว่า ลิ้นไม้ แต่ด้วยที่มันเป็นผลของต้นไม้ก็เลยมีคำว่า มะ หรือ หมาก เติมเข้าไปข้างหน้า สุดท้ายจาก มะ/หมาก ลิ้น(ต้น)ไม้ ก็ผันไปเป็นมะลิดไม้ เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของ ฝักเพกา หรือ ฝักลิ้นฟ้า

ผมคุ้นเคยน้อยมากๆอาหารที่ใส่ผิวต้นมะริดและการกินผลของมัน  ต่างกับฝักเพกาที่เป็นของโปรดเอามากๆ ทั้งเป็นผักน้ำพริก ผักแนมลาบ และผัด    น้ำจับเลี้ยงที่ต้มขายกันอยู่ก็มีเมล็ดแก่ของฝักเพกาอยู่ในส่วนผสมสิบอย่างนั้นด้วย กลิ่นหอมของน้ำจับเลี้ยงส่วนหนึ่งก็มาจากเมล็ดของฝักเพกานี้เอง 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 24 ม.ค. 23, 19:32
นกเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งการเลี้ยงนั้นดูจะตั้งอยู่ในองค์ประกอบในเรื่องของความสวยงาม เสียง พื้นที่ใช้สอย เวลาและความง่ายในการดูแล  นกที่นิยมเลี้ยงกันเกือบทั้งหมดจะอยู่ในตระกูลนกที่เรียกว่า นกหงส์หยก นกแก้ว นกขุนทอง นกเขา นกหัวจุก 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 23, 20:05
ฝักเพกา


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 23, 20:07
นกหงส์หยก น่ารักมากค่ะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 25 ม.ค. 23, 19:14
นกหงส์หยกเป็นนกที่น่ารักครับ   ดูจะเป็นนกที่ต้องเลี้ยงในกรงเท่านั้น หากหลุดออกไปในธรรมชาติก็คงจะเอาชีวิตรอดได้ยาก  เป็นนกที่ต้องเลี้ยงหลายตัวพร้อมๆกัน เพราะมันเป็นนกที่ต้องมีสังคม ต้องมีเพื่อนซี้ มีเพื่อนคุย และมีคู่อยู่ข้างตัว  ซึ่งก็อาจจะเพราะการต้องมีเพื่อนใกล้ตัวอยู่เสมอนั้น มันจึงชอบเล่นกับกระจก   

นกหงส์หยกน่าจะเป็นนกเลี้ยงในประเภทนกสวยงาม และประเภทนกที่มีพฤติกรรมที่น่ารัก  คือให้ภาพออกไปทางด้านความนุ่มนวลที่มีอยู่ในธรรมชาติ จึงดูจะเป็นนกเลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับเด็กในวัยกำลังเริ่มเรียนรู้ธรรมชาติด้านรูปธรรมและนามธรรม (ในเชิง generosity)       


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 25 ม.ค. 23, 20:12
ก็มาถึงนกแก้ว   

เมื่อพูดถึงการเลี้ยงนกแก้ว ผมเห็นว่า ผู้คนส่วนมากน่าจะนึกไปถึงการเลี้ยงนกแก้วตัวใหญ่ของต่างประเทศ พันธุ์ที่มีสีสวยงามต่างๆ และนกกระตั้ว  แต่ผมนึกไปถึงการเลี้ยงนกแก้วแขก และ นกแก้วโมง (นกแก้วโม่ง)  นกแก้วพันธุ์ของบ้านเราก็มีหลายชนิดเช่นกัน แต่จำได้เพียง 2 สายพันธุ์ที่กล่าวถึง


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 27 ม.ค. 23, 18:22
นกแก้วเป็นนกที่น่ารัก ชอบออกเสียงกอกๆแกกๆ เป็นนกขี้เล่น ชอบแหย่เพื่อนหรือคู่ของตน  ตาดำขยายใหญ่-เล็กได้ตามอารมณ์  ก็เคยเลี้ยงทั้งนกแก้วแขก(นกแขกเต้า)และนกแก้วโมง(นกแก้วโม่ง)  ผมเรียกชื่อตามที่ได้ยินชาวบ้านเขาเรียกกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ชื่อในวงเล็บนั้นมาได้รู้จัก  :-[ เมื่อเริ่มหยุดเดินทำงานในพื้นที่ป่าดงแล้ว

นกแก้วเป็นนกที่ชาวบ้านดูจะไม่นิยมเลี้ยงกันเลย อาจจะเป็นเพราะด้วยเรื่องของอาหารของมัน หรือไม่ก็การที่ไม่มีเวลาอยู่บ้านมากพอที่จะไปสอนให้มันพูดได้ หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องขวนขวายปีนต้นไม้ไปเอาลูกของมันมาเลี้ยง 

สมัยยังทำงานอยู่นั้น ในพื้นที่ป่าดงและชนบท ในช่วงเวลาสายและช่วงบ่ายแก่ๆ เราจะเห็นนกแก้วเกาะกลุ่มบินกันเป็นฝูง ได้ยินมันส่งเสียงดังไปทั่วท้องฟ้า ตอนเช้าก็บินไปหากิน ทิศทางที่มันบินไปทำให้รู้ว่าแถวใหนมีต้นไทรป่าขนาดใหญ่  ตกบ่ายแก่ๆก็บินกลับรังที่อยู่ตามโพรงไม้ในผืนป่าอีกลักษณะหนึ่ง  เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงเช้า-เย็นในพื้นที่ๆทำสวนอยู่ ก็ยังพอได้เห็นฝูงนกแก้วเกาะกลุ่มบินอยู่ แต่ในปัจจุบันนี้ไม่เห็นเลย  เคยเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้รับจากธรรมชาติ ก็ยังนึกถึงอยู่ครับ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 27 ม.ค. 23, 18:55
ก็มีข้อสังเกตว่า ฝูงนกแก้วที่เห็นบินอยู่นั้น เมื่อสมัยยังเด็กอยู่จะเห็นเป็นฝูงค่อนข้างใหญ่  เมื่อทำงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขาทางตะวันตกของไทยเรา ฝูงนกที่เห็นก็จะมีนกในหลักน่าจะ 30 ตัวขึ้นไป  ในอีก 10 กว่าปีต่อมาก็เห็นฝูงเล็กลง  ในที่สุด ในพื้นที่ทำสวนก็เห็นสักประมาณ 10 ตัว    ผมไม่มีความรู้มากพอว่านกแก้วที่บินเป็นฝูงอยู่นั้นจะเป็นแก้วแขกหรือแก้วโมง  ที่รู้ในขณะเดินทำงานในบริเวณที่มีต้นไทรป่า ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าแก้วโมง 

นกแก้วเป็นนกที่ชาวบ้านเขาไม่ล่าเพื่อเอามาทำอาหาร ซึ่งดูจะมีอยู่เพียงเหตุผลเดียวที่ไม่ทำ ก็คือ เมื่อยิงมันแล้วไม่ค่อยจะได้ตัวมัน ด้วยที่ปากมันเป็นจะงอย จะแขวนห้อยต่องแต่งอยู่ไม่ค่อนจะตกลงถึงพื้นดิน

โดยส่วนตัว ผมชอบนกแก้วแขก มันมีอารมณ์หลากหลายดี มีทั้งหวาน โกรธ ประจบ งอนง้อ...  แปรเปลี่ยนรวดเร็วและแสดงออกทั้งทางเสียง ทางตา และอากัปกริยาต่างๆ     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 28 ม.ค. 23, 19:16
ต้นไทรเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญในระบบนิเวศของป่าดง  ต้นไทรเอื้ออำนวยปัจจัย 4 ให้แก่สัตว์ต่างๆในผืนป่า ให้ทั้งร่มเงา อาหาร ที่พักอาศัย และเป็นยา(ความเห็นของผม)จากอนุพันธุ์(Derivatives)ของอาหารที่สัตว์ได้กินจากส่วนต่างๆของต้นไทร 

แม้ต้นไทรจะเป็นประเภทกาฝากที่น่าจะพบเห็นกระจัดกระจายได้ทั่วไปในผืนป่า ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น   แต่จากประสบการณ์การเดินป่าเดินดงทำงานของผม แม้จะเห็นต้นไม้ที่เป็นประเภทกาฝากคล้ายต้นไทรมากอยู่ก็ตาม พบว่าต้นไทรขนาดใหญ่ที่เหมาะเป็นแหล่งปัจจัย 4 ของสัตว์นั้นพบน้อยมาก

ต้นไทรเป็นพวกต้นไม้ประเภทกาฝาก จัดเป็นต้นไม้ที่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจในการอุตสาหกรรมป่าไม้ ในพื้นที่สัมปทานทำไม้ ต้นไทรจึงถูกตัดโค่นทิ้งไปอย่างไร้ค่า  ผมได้ทำงานในผืนป่าบางแห่งทั้งก่อนและหลังจากที่ต้นไทรได้หายไป   ที่เคยได้ยินเสียงบินของนกกก(นกเงือก หรือ นกกาฮัง) นกแกง (นกเงือกเล็ก หรือ นกแก๊ก)  ที่ได้เคยเห็นฝูงนกแก้วบินตอนเช้าและตอนบ่าย  ที่เคยเห็นฝูงนกเขาเปล้าเกาะกิ่งต้นไทร  ที่เคยเห็นนกกุลุมพูเกาะยอดไม้ (นกกะลุมพู หรือ นกลุมพู) ....ฯลฯ   เงียบหายไปหมดเลย ในช่วงเวลาหลังการเปลี่ยนแปลงเพียงประมาณ 3 เดือน     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 29 ม.ค. 23, 18:15
ทราบว่าต้นไทรมีหลายชนิด  แต่ไม่มีความรู้ว่าต้นไทรใหญ่ในป่าที่ออกดอกออกผลเลี้ยงสัตว์ต่างๆนั้นมีชื่อพันธุ์ว่าอย่างไร  ไทรทุกชนิดดูจะเป็นต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขาและใบค่อนข้างหนาแน่น นกจึงค่อนข้างจะชอบ แต่ก็มีข้อน่าสังเกตว่า ไม่มีรังนกที่ต้นไทร

ต้นกร่างและต้นโพธิ์ก็เป็นต้นไม้ที่นกชอบ   ต้นกร่างดูจะพบในพื้นที่ชานเมืองและในชนบทเป็นหลัก  ต้นโพธิ์ก็ดูจะพบเฉพาะในพื้นที่เมืองเป็นหลัก     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 29 ม.ค. 23, 19:33
นึกถึงนกกะรางหัวหงอก ก็เป็นนกอีกชนิดหนึ่งที่เลี้ยงกัน  เป็นนกที่มีความว่องไว กระโดดไปมาเก่ง ชอบส่งเสียงร้องดัง เป็นนกที่ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จะพบเห็นในป่าได้บ่อยครั้งในช่วงต้นๆฤดูฝน เพราะมันจะบินลงต่ำหากินกับหนอน แมลง และสัตว์หน้าดินตัวเล็กๆ ซึ่งจะมีชุกชุมในช่วงเวลานั้น

ผมไม่เคยเลี้ยงนกกะราง แต่ชอบกิจกรรมของพวกมันบางอย่าง   ในขณะที่เดินทำงานในพื้นที่ในช่วงต้นฤดูฝนที่มีฝนเริ่มตกบ่อยครั้ง  เดินทำงานอยู่เงียบๆ อยู่ดีๆก็มีกลุ่มนกกะรางกลุ่มเล็กๆบ้าง บางทีก็กลุ่มใหญ่ขนาดประมาณ 10+ ตัวบ้าง บินในระดับใกล้ผิวดิน ส่งเสียงดังจ๊อกแจ๊กจอแจ ลงดินคล้ายกับนัดตีกัน  การณ์เช่นนี้มักจะบ่งบอกถึงจุดที่มีกลุ่มเห็ดกำลังเบ่งบาน โดยเฉพาะเห็ดโคน  มันไม่ได้ลงไปกินแต่มันลงไปเล่น ลงไปตีเห็ดให้กระจุยกระจายอย่างสนุกสนาน ก็ไม่รู้ว่ามันโกรธเคืองมาแต่ปางใด  ก็เลยทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา ไปเก็บเห็ดโคนของอร่อยเอามาทำอาหารกินกัน

ก็มีการคิดเลอะเทอะแบบสนุกสนานกันไปว่าเสียงร้องของนกก็คล้ายกับเสียงว่า เจ็กโครกๆ และหมวกเห็ดก็เป็นทรงของหมวกกุยเล้ย หรือว่านกมันไม่ชอบอะไรที่เป็นจีน เมื่อพบเห็นก็เลยต้องรุมไล่


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 31 ม.ค. 23, 19:24
พูดถึงนกกะราง เลยนึกถึงนกที่คนพื้นบ้านเรียกว่านกหัวขวาน แต่ในทางวิชาการเรียกว่า นกกะรางหัวขวาน   

เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าด้วยเหตุใดจึงใช้คำว่านกกะรางนำหน้าทั้งๆที่หน้าตา รูปทรง และสีขนต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง  ไปค้นดูจึงทราบว่า กะรางเป็นชื่อเรียกพวกนก(วงศ์นก)กินแมลง และก็ได้เห็นภาพของนกชนิดต่างๆในวงศ์นี้ที่มีสีขนสวยงามมาก   ผมไม่มีความรู้ว่ามีการเอานกในวงศ์นกกะรางชนิดใดบ้างมาเลี้ยงและมีความแพร่หลายกันมากน้อยเพียงใด

เมื่อครั้งยังเดินทำงานในป่าดงพงไพรนั้น เคยเห็นนกต่างๆมากมาย เกือบทั้งหมดที่เห็นนั้นไม่รู้จักเอาเลย ที่รู้จักและจำได้มีน้อยชนิดมาก  (นกกะรางหัวขวานเป็นนกที่ทำให้ผมต้องไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับนกมาอ่าน หนังสือที่หาได้ในเวลานั้นเป็นหนังสือคู่มือดูนก ของ นพ.บุญส่ง เลขะกุล (พ.ศ.2517) เพิ่งวางตลาดใหม่ๆ)  นกหัวขวานเป็นนกกินแมลง เจาะต้นไม้ และอยู่โพรง มีสีขนออกไปทางโทนสีเหลือง-น้ำตาล มีลายสีดำพาด พื้นที่ๆผมคุ้นเคยพบเห็นนกหัวขวานมากจะเป็นพื้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างป่าไผ่รวกกับป่าไม้ใบที่ค่อนข้างจะโปร่ง  โดยเฉพาะในพื้นที่ด้านตะวันตกของ(ห้วย)ลำตะเพิน ในเขต ต.ลาดหญ้า หรือตะวันออกของแควใหญ่ ไม่เลยขึ้นไปเหนือเขื่อนท่าทุ่งนา  บนผืนดินในพื้นที่บริเวณที่เป็นที่ราบในบริเวณนี้ มี(ตัว)แย้ อยู่มากมาย วิ่งกันเพ่นพ่านไปหมด  แต่ละตัวมีใหญ่ขนาดประมาณ 3 นิ้วมือเลยทีเดียว  ก็ได้สนุกสนานและเรียนรู้กับชีวิตแย้ในพื้นที่นี้พอสมควร  ครั้งหนึ่งก็ได้ช่วยมันรอดจากการถูกงูกิน  งูเลื้อยลงรูไปดักจับมันกิน เมื่อขุดขึ้นมา งูก็ยังงับไม่ปล่อย ดีที่งูเป็นพวกมีฟันเป็นราว(มีพิษน้อยหรือไม่มีพิษ) มันก็เลยรอด     

เมื่อมีสัตว์ชนิดหนึ่งกินหนอนและแมลงตามต้นไม้ และก็อีกชนิดหนึ่งกินหนอนและแมลงตามพื้นดิน ก็เลยดูจะบ่งบอกว่า พื้นที่บริเวณนี้เป็นผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว  ซึ่งก็ดูจะมีข้อสนับสนุนว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดูจากวิถีของนกบางชนิด(นกนางแอ่น ?)ที่เจาะตลิ่งทรายของแม่น้ำแควใหญ่แถวนั้น ให้เป็นโพรงทำเป็นรังที่อยู่อาศัย ซึ่งก็น่าจะเป็นพวกนกกินแมลง 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 01 ก.พ. 23, 18:16
บ้านผมมีนกกางเขนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ เกือบจะทุกปีจะต้องมีลูกนกที่กำลังหัดบินตกลงมา ผมก็มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือไม่ให้ถูกแมวจรจัดมาขย้ำ  ด้วยที่มันเป็นพวกนกกินแมลง ที่ผมทำก็คือ ใช้พวกเนื้อไก่หรือหมูสดๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วป้อนมัน ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งที่นกกางเขนเป็นพวกนกที่แข็งแรง ไม่ชอบอยู่นิ่ง ว่องไวอยู่ตลอดเวลา เลี้ยงเพียงสองสามวันมันก็แข็งแรงพอจะบินได้อีก  พ่อแม่ของมันจะคอยบินเวียนไปมาตามหาและส่งเสียงร้องเรียก  พอได้พักฟื้น ดูแข็งแรงดีพอได้  ก็จะเปิดกรงให้มันบินออกไปเอง บินออกไปเกาะรั้วบ้านเพื่อตั้งหลัก  เท่านั้นแหละครับ ก็จะมีทั้งพ่อ-แม่ รวมทั้งพี่ป้าน้าอาอีก 4-5 ตัว บินว่อนไปมา ส่งเสียงกันเจี๊ยวจ๊าวไปหมด น่าเอ็นดูดีครับ เดาว่าคงจะมีทั้งการสอบถาม การก่นด่า การให้กำลังใจ และการเร่งให้บินตามไป 

ปีนี้ เมื่อวานนี้ก็มีลูกนกกระจอกตกลงมา สภาพที่เห็นก็คือ เท้าหงิก นอนหัวขมำ มีอาการคอบิด  รู้อยู่ว่ารอดยาก แต่ก็ให้ความอบอุ่นกับเขา ป้อนน้ำ และจัดท่านอนให้ดี  เลี้ยงอยู่ได้ประมาณ 3 ชม. ก็สิ้นลม   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 01 ก.พ. 23, 18:53
นกที่แต่ก่อนนั้น ตามปกติแล้วจะพบในพื้นที่ชายป่าที่มีการทำไร่ ทำสวนและทำนา   แต่ในปัจจุบันนี้มีนกเหล่านั้นบางชนิดที่พบได้อย่างเป็นปกติในพื้นที่เมือง กทม.  ที่พบมากที่สุดน่าจะเป็นนกเขาชวา  นกเขาใหญ่ก็พบเห็นเป็นปกติมากขึ้น สำหรับนกเขาไฟก็เริ่มเห็นเช่นกัน   นกเขาเขียวก็เคยเห็น แต่พบน้อยครั้งมาก   นกกาเหว่าก็ดูจะเริ่มขยับขยายตัวเป็นนกเมือง เช่นเดียวกันกับนกโพระดก (มาๆหายๆ) ส่วนนกกระจอกนั้น กลายเป็นนกเมืองไปแล้ว   

ก็มีของแปลกมาใหม่ คือ นกกระยาง นานๆก็เห็นมันบินเกาะกลุ่มกันในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ    ผมเลี้ยงปลาหางนกยูงในอ่างบัวเพื่อกำจัดยุง เมื่อปลาตัวโตเต็มที่ มันก็แอบบินลงมากิน แรกๆก็ไม่เข้าใจว่า อยู่ดีๆปลาหางนกยูงก็หายไปหมด จนได้เห็นกับตาคาหนังคาเขา ไม่รู้ว่ามันมีสันชาตญาณอะไรถึงได้รู้ถึงปานนั้น   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 02 ก.พ. 23, 17:44
มาถึงนกขุนทอง ดูจะเป็นนกที่ผู้คนชอบจะเลี้ยงกัน เป็นนกที่มีความสามารถในการลอกเลียนเสียงต่างๆได้เป็นอย่างดีและมีน้ำเสียงที่มีความชัดเจนเท่ากับเสียงต้นทางที่มันเลียนแบบมา    นกบางตัวมีความสามารถในการจดจำได้ค่อนข้างจะเร็ว บางตัวกว่าจะเลียนเสียงได้ก็ช้าเอามากๆ   นกขุนทองเป็นนกที่ค่อนข้างจะมีความว่องไว กระโดดไปมา ไม่หยุดนิ่ง ชอบเอียงคอ/ตะแคงหัวไปมา นัยว่าพยายามจะฟังเสียงให้ชัด จะได้เลียนเสียงได้อย่างใกล้เคียงมากที่สุด  นกบางตัวก็มีความเชื่อง บางตัวก็ไม่ยอมให้ถูกตัวเลย เมื่อถูกจับตัวก็จะใช้เท้าจับ ถีบออก ปากก็จะจิก/งับไว้    หากเลี้ยงนกขุนทองตั้งแต่วัยยังต้องป้อนข่้าว-ป้อนน้ำ คลุกคลีกับมันพอสมควร มันก็เชื่องมากพอที่เราจะปล่อยให้มันบินไปบินมา เกาะที่โน่นที่นี่มันจะบินไปที่ไม่ห่างจากตัวเจ้าของ บางทีก็บินมาจับอยู่ที่ไหล่ บางทีก็บินมาร่วมวงอาหาร .... น่ารีกดีครับ   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 02 ก.พ. 23, 18:57
น่าจะเคยสังเกตเห็นกรงที่ใช้เลี้ยงนกนั้นมีตั้งแต่เป็นกรงแขวนทำด้วยลวด  เป็นกรงกึ่งถาวรที่สร้างขึ้นจากฐานบนดิน  และเป็นกรงที่รังสรรค์ขึ้นมาจากงานฝีมือของช่างไม้   กรงนกขุนทองที่นิยมใช้กันจะเป็นงานฝีมือช่างไม้ มีลักษณะเป็นเรือนทรงไทย มีหลังคาไม้    สำหรับกรงของนกเขาทั้งหลายจะนิยมกรงทรงกลมที่ซี่ของลูกกรงทำด้วยไม้ ซึ่งก็ดูจะมีแยกเป็นทรงออกไปทางแบนและแบบสูงสำหรับนกเขาต่างชนิดกัน   กรงของนกหัวจุกจะนิยมใช้กรงทรงสี่เหลี่ยมที่ซี่ของลูกกรงทำด้วยไม้   

กรงนกและการจัดกรงดูจะบ่งบอกถึงเจตนา อุปนิสัยใจคอ และความเข้าใจในตัวนกของคนเลี้ยงนกชนิดนั้นๆ

 



กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 03 ก.พ. 23, 19:11
การเลี้ยงนกในปัจจุบันนี้ดูจะเป็นการเลี้ยงเพราะชอบความสวยงามของมัน สายพันธุ์ของพวกมันจึงมักจะเป็นแบบลูกผสมหรือนำเข้า ซึ่งทำให้เกิดธุรกิจเพาะลูกนกขาย   ต่างกับการเลี้ยงนกในสมัยก่อนที่ดูจะเป็นการเลี้ยงเพราะชอบฟังเสียงร้องของมัน นัยว่าได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ นกที่เลี้ยงจะเป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นและได้มาจากการจับมาจากธรรมชาติ ก็จึงมีกิจกรรมที่เรียกว่า การต่อนก  ยังดีที่กิจกรรมต่อนกยังคงมีหลงเหลือให้เห็นอยู่ตามชุมชนพื้นบ้านในต่างจังหวัด  ภูมิปัญญาชาวบ้านก็เลยยังพอจะมีการเก็บรักษาและมีการถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องอยู่พอประมาณ ซึ่งในองค์รวมจะครอบคลุมทั้งเรื่องของรูปแบบและวิธีการเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ดักจับ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำเสียงเลียนเสียงของนกตัวผู้หรือเสียงนกตัวเมีย  ศิลปะและวัฒนธรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ในมุมมองหนึ่ง การจับนก(หรือสัตว์อื่นใด)จากธรรมชาติ  โดยแยกจับเอาเฉพาะเพศที่มีสีสรรค์สวยงามหรือสามารถส่งเสียงร้องที่ไพเพราะ  เอามาใส่กรงเลี้ยงไว้แบบเลี้ยงเดี่ยว มีลักษณะเป็นการทำลายความสมดุลย์ของธรรมชาติ จึงเป็นเรื่องที่พึงต้องห้าม   แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง หากเสริมการแนะนำให้ผู้ที่ประสงค์จะเลี้ยงพึงต้องเอาเพศตรงข้ามของมันมาเลี้ยงเป็นคู่อยู่ร่วมกันในกรง ก็จะยังผลให้วัฏจักร/วงจรชีวิตของมันมีครบถ้วนสมบูรณ์ และช่วยรักษาการ reproduction เผ่าพันธุ์ของมัน จะเป็นการเลี้ยงแยกกรงก่อนจนถึงเวลาอันควรก็ได้

เป็นปกติที่โดยส่วนมากแล้วสัตว์ตัวผู้จะมีสีสรรสวยงามและส่งเสียงร้องเพราะๆ ก็จึงเป็นธรรมดาพวกมันเลยถูกจับมาใส่กรงเลี้ยง   สัตว์จำนวนมากชนิดเป็นพวก Polygamy และจำนวนมากชนิดก็เป็นพวกผลิตลูกหลายครั้งละหลายๆตัว  เมื่อจับแยกเฉพาะตัวผู้ออกมา ก็จึงหมายถึงการลดจำนวนสายพันธุ์ของพวกมัน   ก็เป็นเรื่องน่าคิดในมุมของการอนุรักษ์ที่พึงกระทำในสภาพที่ธรรมชาติที่เป็นจริงเปลี่ยนแปลงไป


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 03 ก.พ. 23, 20:01
ในไทยเรามีประเพณีการปล่อยนก ปล่อยปลาและสัตว์อื่นๆ   เป็นลักษณะของการทำบุญหรือสร้างบุญด้วยการต่อชีวิตหรือให้อิสระแก่สัตว์ที่ถูกจำหรือจับมาเพื่อประโยชน์อื่นใดของมนุษย์  เป็นการปล่อยเขากลับสู่ธรรมชาติ(หลังจากไปจับเขามา ;D)


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 04 ก.พ. 23, 19:05
นกกระจาบดูจะเป็นนกที่ใช้ในเรื่องของพิธีกรรมปล่อยสัตว์มากที่สุด นกกระจาบพบมากในพื้นที่ๆเป็นทุ่งทำนาข้าว รังของมันมีความสวยงาม ถักทอขึ้นมาด้วยหญ้าและฟางข้าวให้เป็นทรงที่มีลักษณะรูปแบบจำเพาะ ด้วยความที่มันอยู่กันเป็นฝูงและนิยมบินในระดับสูงเพียงเหนือยอดหญ้า(ยอดต้นข้าว ยอดต้นกก) ทำให้การจับทำได้ง่ายด้วยการขึงตาข่ายจับปลาดักมัน (คล้ายกับขึงเน็ตเพื่อการเล่นวอลเลย์บอล)   

นกที่ถูกจับมาเพื่อการปล่อยนั้น แม้จะเรียกว่านกกระจาบ  แท้จริงแล้วนกของบางผู้ขายก็เป็นอาจเป็นนกกระจอก หรือเป็นนกกระจิบ(เห็นไม่บ่อยมากนัก)

สถานที่ๆมีพิธีกรรมปล่อยนกจะอยู่ตามวัดเก่าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นวัดที่อยู่ในเมือง หากเป็นวัดที่อยู่นอกเมืองก็จะมีเฉพาะในวันงานของวัด  จะว่าไปแล้วก็มีอยู่ไม่กี่วัดที่มีนกให้ปล่อย ในกรุงเทพฯสมัยก่อนนั้น ที่จำได้ก็จะมีเช่น ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หน้ากระทรวงกลาโหม จำได้ไม่แม่นก็ที่ศาลพระพรหม สี่แยกเอราวัณ   ในต่างจังหวัดก็มีที่วัดพระพุทธชินราช พิษณุโลก  ที่วัดพระมหาธาตุฯ นครศรีธรรมราช  วัดในอยุธยาและในสุพรรณบุรีก็ดูจะมีเหมือนกัน

เมื่อครั้งยังเดินทางทำงานอยู่ในต่างจังหวัด ชอบเดินตลาดสดตอนเช้า เมื่อเห็นนกตัวเป็นๆที่ชาวบ้านเขาจับมาขายเพื่อการบริโภค (นกกวัก นกคุ่ม) ก็จะซื้อแล้วเอาไปปล่อยกลับสู่ธรรมชาติในพื้นที่ๆเหมาะสม  เกิดความรู้สึกสุขใจดีครับ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 04 ก.พ. 23, 19:57
ปล่อยปลาเป็นพีธีกรรมที่พบได้ทั้งตามวัดที่ตั้งอยู่ริมน้ำและในพื้นที่อื่นใด แต่เกือบทั้งหมดดูจะเป็นการกระทำในพื้นที่ห่างไกลจากวัดที่ไปทำบุญ  ในพื้นที่ กทม.ในปัจจุบันนี้ ดูจะมีแหล่งปล่อยอยู่ท้ายตลาดต้นไม้เทเวศ บริเวณหน้ากรมส่งเสริมสหกรณ์   

แต่ก่อนนั้นดูจะเป็นเรื่องของการปล่อยปลาโดยตรง  ในปัจจุบันดูจะต้องมีการเลือกว่าจะปล่อยอะไร  ที่เรียกกันว่าปล่อยนกปล่อยปลานั้นสามารถจะเลือกได้ว่าจะปล่อยสัตว์อะไรลงน้ำ มีได้ทั้งปลาไหล เต่า ตะพาบ กบ  กระทั่งเลือกว่าปลาอะไร (ปลาหมอ ปลาดุก ปลาบู่ ...)    สัตว์ที่กล่าวถึงเหล่านี้ ดูจะเป็นพวกที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นมา มากกว่าที่จะได้มาจากธรรมชาติ   ก็เป็นการเลี้ยงสัตว์ที่ดีในอีกลักษณะหนึ่ง คือเลี้ยงเพื่อปล่อย เป็นการช่วยการเพิ่มประชากรในธรรมชาติของสัตว์ชนิดนั้นๆ 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 05 ก.พ. 23, 18:29
คำว่าตาข่ายดักปลาดูจะใช้เฉพาะกับกรณีการดักปลาน้ำจืด และใช้เฉพาะในกรณีปักขึงกับเสาอยู่กับที่  แต่หากใช้วิธีการลากตาข่ายเคลื่อนที่ไปมาในแอ่งน้ำ ก็จะเรียกว่า อวน   ในพื้นที่ภาคกลางโดยทั่วไปเรียกตาข่ายดักปลาว่า ตะคัด หรือ ตะครัด ภาคใต้ดูจะใช้คำว่า คัด  ในภาคเหนือและอีสานใข้คำว่า มอง   ตาข่ายนี้สามารถใช้ได้หลายอย่าง นอกจากขึงดักปลา ดักนกแล้ว ก็ยังใช้ดักแมลงดานา และขึงกันนกพิราบตามอาคารบ้านเรือนได้อีกด้วย

แต่ก่อนนั้น ขบวนรถไฟทางยาวจะมีตู้รถเสบียงพ่วงอยู่ด้วย ก็จะมีผู้โดยสารที่สัดทัดกรณี เลือกเวลาที่เหมาะสม(ค่อนข้างจะปลอดคนแล้ว) ไปจับกลุ่มนั่งอยู่ที่ตู้เสบียง สังสรรเฮฮากัน     รถไฟสายเหนือจะถึงสถานีตะพานหิน บางมูลนาก พิจิตร ช่วงเวลาประมาณสี่ห้าทุ่ม  ที่สถานี้ทั้งสามนี้ ช่วงฤดูหนึ่งก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเอานกกระจาบทอดมาเดินเร่ขาย ก็เป็นของแกล้มที่อร่อย ถูก และหายาก เป็นของขายดีพอสมควร มิฉนั้นก็คงไม่ทำขายกัน   ในบางช่วงฤดู ก็จะเห็นชาวบ้านตามรายทางรถไฟ ขึงตาข่ายและเปิดไฟนีออนเพื่อจับแมลงดานาและจับตั๊กแตน (ปาทังก้า ?)   ปัจจุบันนี้ แมลงดานาก็ถึงจุดที่ต้องเพาะเลี้ยงกัน    กลิ่นของแมลงดานาที่เป็นธรรมชาติจะมีความหอมนิ่มนวลมากกว่ากลิ่นที่สังเคราะห์ขึ้นมา ซึ่งจะมีความฉุนที่ค่อนข้างรุนแรง หากใส่มากไปก็อาจให้รสปร่าเนื่องจากเป็นกรดอินทรีย์เคมี  กลิ่นของแมลงดานาน่าจะให้ผลพวงในเรื่องของอุมามิสำหรับบางกลุ่มผู้คน แต่ก็มีในทางกลับกันที่มีบางกลุ่มคนที่รู้สึกว่ามีอาการแพ้     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 05 ก.พ. 23, 19:11
นึกออกถึงนกที่เลียนเสียงคนและสัตว์อื่นๆได้อีก 3 ชนิด  นอกจากพวกนกแก้วและนกขุนทองแล้ว ก็มีนกเอี้ยงสาริกา(นกเอี้ยง..เลี้ยงควายเฒ่า)  นกเอี้ยงโครง(นกกิ้งโครง) และอีกา

นกเอี้ยงสาริกาเป็นนกที่เคยเห็นว่าเป็นนกที่มีการนำมาเลี้ยงแบบปล่อยอย่างอิสระมากที่สุด มันจะวนเวียนวุ่นวายอยู่ใกล้ๆกับคนเลี้ยง เป็นนกที่ไม่อยู่นิ่ง ว่องไว แต่ก็น่ารัก เป็นนกที่สะอาด ชอบอาบน้ำ  ต่างกับนกเอี้ยงโครงที่เห็นแต่เลี้ยงกันอยู่เพียงในกรง   สำหรับอีกานั้น เป็นนกที่ดุ มีความฉลาด มักทำให้เราตกใจด้วยเสียงต่างๆที่มันแอบเลียนแบบมา

อีกาก็เป็นนกที่กินได้ แต่ไม่เป็นที่นิยม ผมเคยลองชิมเนื้อของมันครั้งหนึ่งในงานชมรมของคนกลุ่มหนึ่งที่แคนาดา กล่าวได้ว่าไม่มีอะไรที่บอกได้ถึงความน่ากินของเนื้อของมันเลย


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 16 ก.พ. 23, 18:52
ปลาเป็นสัตว์ที่เลี้ยงได้ทั้งในรูปของอ่างน้ำภายนอกอาคารและในรูปของตู้เลี้ยงปลาภายในอาคาร   ที่เลี้ยงภายนอกอาคารดูจะเป็นพวกปลาน้ำจืดทั้งหมด ที่เลี้ยงในตู้ปลาก็จะมีทั้งปลาน้ำจืด ปลาสองน้ำ และปลาน้ำเค็ม

ส่วนมากแล้ว การเลี้ยงปลาจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสวยงามเป็นหลัก แต่ก็มีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความหายาก  มีน้อยรายมากๆที่เลี้ยงบนฐานของการช่วยชีวิต   ต่างกับการเลี้ยงสัตว์ปีกพวกนก ซึ่งอาจจะตั้งอยู่บนฐานคิด/ความชอบหลายๆเรื่อง เช่น เสียงร้อง ความสวยงามของสีขน และความน่ารักในพฤติกรรมบางอย่าง  กรณีที่เป็นพวกสัตว์ปีกที่ไม่นิยมบิน การเลี้ยงส่วนมากจะเป็นเรื่องของความสุขที่ได้เห็นพฤติกรรมทางสังคมแบบกลุ่มของพวกมัน  สัตว์ปีกเกือบทุกชนิดจะถูกเลี้ยงภายนอกอาคาร   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 16 ก.พ. 23, 19:30
สิ่งดีที่สุดที่ได้จากการเลี้ยงปลาตู้ก็คือ เมื่อเฝ้าดูการเคลื่อนไหวว่ายไปมาของปลา(ในขณะให้อาหารปลา)ที่ผนวกด้วยความสวยงามของตัวปลา ของการจัดตู้ปลา จะช่วยปรับสภาพของจิตใจ ความเครียด และอารมณ์ร้อนแรงให้ผ่อนคลาย ลดน้อยลง     

การเลี้ยงปลาตู้ในปัจจุบันนี้น่าจะกระทำได้ในกลุ่มผู้คนจำนวนไม่มากนัก สาเหตุหลักก็น่าจะมาจากเรื่องของข้อจำกัดของการใช้พื้นที่ๆอยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง(โดยเฉพาะค่าไฟ)   แต่ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะในตลาดชุมชนยังมีการซื้อขายปลากัดที่สามารถเลี้ยงในขวดแก้วหรือโหลแก้วได้ อาหารของปลาก็ไปช้อนเอาลูกน้ำจากแอ่งน้ำครำ ซึ่งยังจะช่วยลดปริมาณยุงได้บ้าง(แม้จะน้อยนิดก็ตาม)   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 17 ก.พ. 23, 18:48
เด็กชายไทยที่อยู่ในพื้นที่นอกเขตเมืองในสมัยก่อนโน้น ส่วนมากน่าจะเคยจับปลากัดมาใส่ขวดเลี้ยงดูมัน ซนกันตามประสาเด็กผู้ชาย  ผมเองแม้จะเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำในกรุงเทพฯ เมื่อถึงช่วงปิดเรียนสั้นๆ ก็ยังอดซนไม่ได้ ลงคูข้างทางรถไฟช่วงสถานีสามเสนกับถนนประดิพัทธิ์ เล่นอยู่กับกอผักตบชวา ถ่อไปมา ใช้เศษผ้ามุ้งทำเป็นสวิงหาช้อนปลากัด แต่ดูจะได้ปลากิมเสียมากกว่า

ได้ปลากัดมาก็ต้องแยกเลี้ยงเดี่ยว เพราะมันจะกัดกัน ต้องแยกใส่ขวด วางเรียงกัน แต่ไม่ให้มันเห็นกันด้วยการใช้กระดาษขั้นระหว่างขวด   

ความเพลิดเพลินในการเลี้ยงปลากัดมีอยู่ในหลายมิติ   แรกก็คือ การดูมันรำมวย การฟ่อใส่กันเมื่อได้เห็นกัน     ต่อมาก็คือ การพยายามเลี้ยงให้มันมีพัฒนาการทางสีสรร ซึ่งดูจะเกี่ยวพันกับเรื่องของอาหารและความสะอาดของน้ำในขวดที่ใส่เลี้ยงมัน  น้ำที่มันอาศัยอยู่ตามธรรมชาตินั้นมีความสกปรกและขุ่นข้น เต็มไปด้วยตะกอนแขวนลอย  เมื่อเอามาเลี้ยง ได้กินลูกน้ำ ได้อยู่ในน้ำที่ใส มีการเปลี่ยนน้ำถ่ายน้ำและทำความสะอาดขวด ก็จะทำให้ร่างกายของมันมีความสมบูรณ์ ครีบต่างๆก็จะยาวขึ้น ที่กะรุ่งกะริ่งก็จะหายไปและมีสีสรรสดใส พริ้วสลวยเมื่อเวลามันว่ายไปมา     เรื่องต่อมาก็คือ การต้องพยายามไปหาตักลูกน้ำมาเป็นอาหารให้มัน  ดูคล้ายกับจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่หากลองนึกถึงสภาพว่าสถานที่ๆจะมีลูกน้ำอยู่ควรจะอยู่แถวใหน ที่จุดใด บริเวณใด   จะช้อนมันมาเก็บสะสมไว้ ลูกน้ำก็จะกลายเป็นยุง  ต้องคำนึงถึงความสมดุลย์ระหว่างปริมาณที่ปลาจะกินได้กับปริมาณลูกน้ำที่จะปล่อยให้มันกิน  ภาระก็เลยมักจะเป็นงานที่เกือบจะต้องทำรายวัน  คิดในมุมหนึ่งก็เป็นการดีในเรื่องของการผ่อนคลาย ได้เดินออกกำลัง ได้ใช้สมองคิด ...     

เมื่อมันดูสวยงามดีแล้ว ก็นึกอยากจะเพาะพันธ์ุ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สร้างสรรความเพลิดเพลินได้อีกเรื่องหนึ่ง   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 ก.พ. 23, 17:43
เมื่อจะเพาะพันธุ์ก็ต้องแต่งเรือนหอให้น่าอยู่ ก็ใช้อ่างบัว ทำความสอาดเสียหน่อยเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ดูดีขึ้น ไปเก็บจอกและแหนมาเล็กน้อย เอามาลอยในอ่างบัวเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศ  เอาปลาตัวผู้และตัวเมียใส่ลงไป แล้วก็คอยเฝ้าดูมัน   เมื่อใดที่เห็นฟองลอยแผ่ติดจอกเป็นกระจุก ก็แสดงว่ามันกำลังอยู่ในช่วงผสมพันธุ์กัน  กระบวนความรู้จากภาคปฏิบัติของผมเองก็หมดลงเพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่ามันยังจีบกันอยู่ กำลังไข่ กำลังฟัก หรือกำลังเลี้ยงลูกปลาตัวจิ๋ว  ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นการเจริญพันธุ์จนครบวงจรสักครั้ง   


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 ก.พ. 23, 18:59
ปลาเงินปลาทอง น่าจะเป็นปลาตู้ที่มีการเลี้ยงมากที่สุด แต่ก่อนนั้นก็เป็นปลาที่มีทรงรูปตามปกติของมัน แล้วก็มีการพัฒนาไปเป็นการเลือกเลี้ยงพวกที่แตกพันธุ์ออกไปที่มีลักษณะเด่นจำเพาะ เช่น ลักษณะวุ้นที่หัว ความยาวของครีบ ...  ปลาทองเป็นปลาที่กินจุและถ่ายมาก จึงต้องมีการดูแลความสอาดตู้ที่เลี้ยงมันอย่างสม่ำเสมอ   

ในช่วงเวลาหนึ่ง เกิดความนิยมเลี้ยงพวกปลากินเนื้อทั้งชนิดที่มีอยู่ในไทยและที่นำเข้า  ปลาเงินปลาทองตัวเล็กๆก็เลยถูกนำไปใช้เป็นอาหารแก่ปลาเหล่านั้นบ้างเป็นครั้งคราว

ปลากินเนื้อที่มีการนำมาเลี้ยงกันชนิดหนึ่ง คือ ปลาตะพัด ซึ่งเป็นปลาเกล็ดน้ำจืดที่พบได้ในคลองที่มีน้ำไหลในภาคใต้ของเรา ขนาดของปลาที่เคยเห็นเลี้ยงกันในตู้ปลา ตัวจะยาวประมาณ 1 ศอกแขน  ที่เคยเห็นอาหารที่เอาให้มันกินก็มีเช่น แมลงสาบ จิ้งจก ปลาตัวเล็ก ...

ปลาเสือก็มีการเอาเลี้ยงเหมือนกัน เป็นปลาที่สามารถถุยน้ำ (split) ไปยังแมลงที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ใบหญ้าที่เอนเรี่ยอยู่เหนือผิวน้ำ  เป็นความสามารถพิเศษของมันในการทำให้แมลงตกลงน้ำแล้วกินเป็นอาหาร  ที่ผมชอบก็คือลายของมันสามารถปรับให้เข้มหรือจางได้ตามอารมณ์
 
ปลาเสือตัวใหญ่ที่เรียกว่าปลาเสือตอ พบอยู่ในบึงบรเพ็ดมากพอควรแต่ถูกจับมาทอดกินจนเกือบสูญพันธุ์ เป็นเมนูอาหารยอดนิยมของ จ.นครสวรรค์ ในช่วงประมาณ พ.ศ.2520+/-     ก็ดูจะยังโชคดีที่มีปลาแรดตัวขนาดพอๆกันเข้ามาช่วยทดแทน  ในปัจจุบันนี้ได้มีการเลี้ยงปลาแรดในกระชังในแม่น้ำสะแกกรัง ในพื้นที่ จ.อุทัยธานี   ก็น่าสนใจดีครับ เห็นชาวบ้านเลี้ยงผักบุ้งเป็นแพในแม่น้ำ ก็สงสัย พอเช้ามาก็มีคนพายเรือไปเก็บผักบุ้ง นึกว่าจะเอาไปขายในตลาด ไม่ใช่เลยครับ เขาเอามาสับ(หั่น)ให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อเอาไปทำเป็นอาหารของปลาแรดที่เลี้ยงไว้ในกระชัง    ซื้อปลาแรดสดมาทอดเองจะไม่อร่อยเท่าที่ร้านขายอาหารเขาทอด เหตุผลก็มีเพียงว่า มันต้องทอดแบบ deep fry ที่ต้องใช้น้ำมันเยอะมาก
     


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 18 ก.พ. 23, 19:26
เปิดกระทู้นี้มาเพื่อนำเสนอเรื่องสำหรับอ่านเล่นและช่วยเสริมชีวิตชีวาเล็กๆน้อยๆแก่เรือนไทยในช่วงปลายโควิด-19   เรื่องราวก็ยังคงมี หากแต่ที่เป็นสาระคงจะไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก   เลยเห็นว่า กระทู้น่าจะถึงวาระลงเวทีแต่เพียงเท่านี้ ครับ  ;D 


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.พ. 23, 10:42
อ้าว จบแล้ว กำลังอ่านเพลินทีเดียว
กำลังจะยกปลาแรดทอดมาร่วมวงค่ะ   จบไปเสียก่อน  งั้นส่งท้ายกระทู้ก็แล้วกัน

ขอกระทู้เรื่องใหม่อีกสักเรื่องนะคะ


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.พ. 23, 10:43
https://www.youtube.com/watch?v=EykEwjeQ3Ug


กระทู้: เลี้ยงสัตว์ - สัตว์เลี้ยง
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 19 ก.พ. 23, 18:47
เปิดกระทู้นี้มาเพื่อนำเสนอเรื่องสำหรับอ่านเล่นและช่วยเสริมชีวิตชีวาเล็กๆน้อยๆแก่เรือนไทยในช่วงปลายโควิด-19   เรื่องราวก็ยังคงมี หากแต่ที่เป็นสาระคงจะไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก   เลยเห็นว่า กระทู้น่าจะถึงวาระลงเวทีแต่เพียงเท่านี้ ครับ  ;D 
ตามอ่านเงียบๆมาตลอด ได้รับความรู้ใหม่ๆจากเรื่องเล่าของอาจารย์ ได้รู้จักสัตว์เพิ่มขึ้นอีกหลายตัวเลยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ :D :D