เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: ดาวกระจ่าง ที่ 08 พ.ย. 20, 10:54



กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 08 พ.ย. 20, 10:54
คือดิฉันได้ไปดูละครพีเรียดของชาติญี่ปุ่น จีนมาค่ะเห็นว่าคนในชาตินั้นผู้หญิงเขาทำมาหากิน มีอาชีพที่สามารถทำได้อยู่เยอะหลากหลายชนิด จึงทำให้นึกสงสัยไปถึงผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตเราขึ้นมา เลยขออนุญาตเรียนถามหน่อยค่ะว่า

1 ผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอยุธยาทำมาหากินอะไรได้บ้างคะ อาชีพที่ผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอยุธยาสามารถทำได้มีอะไรบ้าง

1 ผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น-ตอนกลางทำมาหากินอะไรได้บ้างคะ อาชีพที่ผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น-ตอนกลางสามารถทำได้มีอะไรบ้าง

อย่างไรบอกเท่าที่ทราบก็ได้ค่ะ หรือบอกเป็นแหล่งค้นหาก็ยินดี


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 พ.ย. 20, 12:07
คือดิฉันได้ไปดูละครพีเรียดของชาติญี่ปุ่น จีนมาค่ะเห็นว่าคนในชาตินั้นผู้หญิงเขาทำมาหากิน มีอาชีพที่สามารถทำได้อยู่เยอะหลากหลายชนิด

สาวญี่ปุ่นเมืองเอโดะและสาวจีนเมืองฉางอันในละครพีเรียดที่คุณดาวดู ทำมาหากินประกอบอะไรกันบ้างหนอ  ;)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 08 พ.ย. 20, 19:28
จากที่ดูมาและยังจำได้อยู่ก็จะเป็นแม่ค้า แม่ครัว นักวาดรูป ช่างปั้น หมอ คนที่คอยสอบสวนคล้ายๆตำรวจ คนตัดเสื้อ บางเรื่องก็ไม่เชิงอาชีพอย่างไปเป็นซามูไร เป็นจอมยุทธ์อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าอาชีพที่ว่ามีอยู่จริงไหมในญี่ปุ่น จีนสมัยก่อนแต่ก็เห็นว่าน่าสนใจดี


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 พ.ย. 20, 19:42
จากที่ดูมาและยังจำได้อยู่ก็จะเป็นแม่ค้า

แม่ค้าก็ต้องอยู่ในตลาด พาคุณดาวไปชมตลาดสะพานชีกุน  ;D

https://youtu.be/RkAJ7O_3aEg


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ย. 20, 10:49
เมื่อหมดหน้านา   ผู้หญิงทอผ้า  ผู้ชายตีเหล็ก


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 พ.ย. 20, 11:17
สมัยอยุธยา,หญิงชาวบ้านมีภาระต้องทำงานหนักเพราะสามีถูกเกณฑ์ ดังที่ลาลูแบร์(เช่นเคย) บันทึกไว้ว่า

           ในระหว่างที่พวกผู้ชายถูกเกณฑ์ไปเข้าเวรยามมีกำหนด 6 เดือนนั้น เป็นงานหลวงที่เขาจะต้องอุทิศถวายเจ้าชีวิต
ทุกปี ก็เป็นภาระของภรรยา, มารดาและธิดาเป็นผู้หาอาหารไปส่งให้

           เมื่อพ้นกำหนดเกณฑ์แล้วและกลับมาถึงบ้าน ผู้ชายส่วนมากก็ไม่รู้ที่จะทำงานอะไรให้เป็นล่ำเป็นสัน เพราะไม่ได้
ฝึกงานอาชีพอย่างใดไว้ให้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษสักอย่างเดียว ด้วยพระเจ้าแผ่นดินได้ทรงใช้ให้พวกนี้ทำงานหลายอย่างต่างๆ กัน
แล้วแต่พระราชประสงค์
           เช่นนี้จึงพออนุมานได้ว่าชีวิตตามปกติของชาวสยามนั้นดำเนินไปด้วยความเกียจคร้านเป็นประมาณ เขาแทบจะไม่ได้
ทำงานอะไรเลยเมื่อพ้นจากราชการงานหลวงมาแล้ว เที่ยวก็ไม่เที่ยว ล่าสัตว์ก็ไม่ไป ได้แต่นั่ง, เอนหลัง, กิน, เล่น, สูบยา
สูบแล้วก็นอนไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น
           ภรรยาจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นราว 7 โมงเช้า เอาข้าวปลาอาหารมาให้บริโภค เสร็จแล้วก็ลงนอนต่อไปใหม่ พอเที่ยงวัน
ก็ลุกขึ้นมากินอีก แล้วก็มื้อเย็นอีกคำรบหนึ่ง
           ระหว่างเวลาอาหารมื้อกลางวันกับมื้อเย็นนี้ เขาก็เอนหลังลงพักผ่อนเสียพักหนึ่ง เวลาที่เหลืออยู่นอกนั้นก็หมดไปด้วย
การพูดคุยและเล่นการพนัน
           พวกภรรยานั้นไปไถนา ไปขายของหรือซื้อของที่ในเมือง


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 พ.ย. 20, 13:41
สมัยอยุธยา,หญิงชาวบ้านมีภาระต้องทำงานหนักเพราะสามีถูกเกณฑ์ ดังที่ลาลูแบร์(เช่นเคย) บันทึกไว้
           พวกภรรยานั้นไปไถนา ไปขายของหรือซื้อของที่ในเมือง

ผู้หญิงจึงเป็นกำลังสำคัญในระบบการค้าขายสมัยอยุธยา ด้วยประการฉะนี้แล  ;D

http://old-book.ru.ac.th/e-book/h/HI322(48)/hi322(48)-2-6.pdf


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 09 พ.ย. 20, 21:39
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบและคำอธิบายค่ะ 

ขอถามเพิ่มเติมเรื่องออกค้าขายหน่อยซิคะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ค้าขายอะไร ดิฉันเคยได้ยินว่าคนไทยภาคกลางในสมัยอยุธยาไม่ค่อยนิยมค้าขายเท่าไรส่วนใหญ่จะเป็นชาติพันธ์อื่นๆเช่นลาว เขมร จีน ฝรั่ง แขก มาค้าซะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าถูกต้องแค่ไหน

และนอกจากค้าขายแล้วผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น-ตอนกลางสามารถทำอาชีพอะไรได้อีกบ้าง




กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ย. 20, 08:11
ขอถามเพิ่มเติมเรื่องออกค้าขายหน่อยซิคะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ค้าขายอะไร

ในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรมยังได้พรรณนาภูมิสถานพระนครศรีอยุธยา อันประกอบไปด้วยท่าเรือจ้างรอบกรุง ตะพาน และตลาดของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีความคึกคักด้วยสินค้าและผู้คนอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงชีวิตของผู้หญิงอยุธยาโดยตรง แต่สินค้าและการค้าต่าง ๆ ย่อมทำให้นึกถึงบรรยากาศที่แม่ค้าต่าง ๆ เก็บเกี่ยวผลผลิตและผลิตสินค้าออกมาค้าขาย เช่น

ย่านป่าขนม มีขนมชะมด กงเกวียน สามเกลอหิน ฝนทอง ขนมกรุบ ขนมพิมพ์ถั่ว ขนมสาปะนี ย่านป่าชมพูมีร้านขายผ้าชมพู ผ้าชมพูเลว ผ้าตีพิมพ์เลว ย่านป่าฟูกมีร้านขายฟูกเบาะเมาะหมอนมุ้ง ตลาดเสาชิงช้าที่ศาลาริมเสาชิงช้าขายของสดเช้าเย็นเป็นตลาดใหญ่ ตลาดใหญ่ท้ายพระนครย่านในไก่ มีตึกกว้านร้านจีน ขายกระเบื้องถ้วยโถชาม แพรจีน ไหมจีนสีต่าง ๆ อาหารจีนและผลไม้จากจีน เป็นตลาดสดเช้าเย็น ขายสุกรเป็ดไก่ และทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด ที่ถนนบ้านลาวมีร้านขายของสรรพดอกไม้สด ชื่อ ตลาดดอกไม้ ถนนย่านฉะไกรใหญ่มีไม้ไผ่ทำเป็นฝาเรือนหอขาย มีร้านขายผ้าลายสุรัศ ผ้าขาวแลผ้าฉลาง มีร้านขายของเช้าเย็น ชื่อตลาดผ้าลาย เป็นต้น

ย่อมเข้าใจได้ว่าในกิจการการค้าในเขตพระนครศรีอยุธยานี้ มีหญิงสามัญหรือไพร่เป็นแม่ค้าแม่ขายและเป็นผู้จับจ่ายเสียโดยมาก
 
จาก ภาพสะท้อนของสตรีที่ปรากฏในเอกสารสมัยอยุธยา โดย นายอาษา ภาคอารีย์ (http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/1896/1/57205206.pdf) หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ แผน ข ระดับปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา ๒๕๖๑


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ย. 20, 08:54
คุณดาวและชาวเรือนไทยอาจสนใจรายละเอียดเรื่องตลาดและการค้าขายในคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม

- ว่าด้วยเรือจ้างรอบกรุง (https://vajirayana.org/คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม-เอกสารจากหอหลวง/ว่าด้วยเรือจ้างรอบกรุง)

- ว่าด้วยที่ค้าขายนอกกรุง (https://vajirayana.org/คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม-เอกสารจากหอหลวง/ว่าด้วยที่ค้าขายนอกกรุง)

- ว่าด้วยตลาดในพระนครศรีอยุธยา (https://vajirayana.org/คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม-เอกสารจากหอหลวง/ว่าด้วยตลาดในพระนครศรีอยุธยา)



กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 พ.ย. 20, 09:58
         "นิยาย" อิงยุคพระนารายณ์ เรื่อง ลายกินรี ตอนแรก เปิดตัวละครคนแรกเป็นป้าวางเบ็ดตกปลาเพื่อนำไปขายที่ตลาด
ตามต่อมา, ตัวเอก เป็นหมอหญิง ที่ได้วิชาแพทย์มาจากบิดาและพิสูจน์ฝีมือทำการรักษาปรุงยาจนเป็นที่ยอมรับจากผู้คน
(กล่าวไว้ว่า สมัยนั้น,ไม่มีข้อกำหนด ห้ามผู้หญิงเป็นหมอ แต่หมอ = ผู้ชาย)
 


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ย. 20, 11:33
หมอนวดน่าจะเป็นอีกอาชีพหนึ่งของผู้หญิงสมัยอยุธยา

ในทำเนียบศักดินา ข้าราชการฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนที่ตราขึ้นในปี พ.ศ. ๑๙๙๘  ซึ่งเป็นสมัยของพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. ๑๙๙๑-๒๐๓๑) ปรากฏความใน กฎหมายตราสามดวง “นาพลเรือน” ได้กล่าวถึงการแบ่งส่วนราชการให้มีกรมหมอนวดเป็นกรมใหญ่ เจ้ากรมและปลัดกรมมีศักดินามากกว่ากรมอื่น ๆ  จำแนกตำแหน่งเป็น หลวง ขุน หมื่น พัน และมีศักดินา เช่นเดียวกับข้าราชการสมัยนั้น คือเจ้ากรมหมอนวดมีตำแหน่งหลวงรักษาและแบ่งการบริหารเป็นปลัดกรมหมอนวดฝ่ายขวา คือหมอนวดฝ่ายผู้ชาย มีขุนภักดีองค์เป็นปลัดกรมหมอนวดฝ่ายขวา  

สำหรับเจ้ากรมหมอนวดฝ่ายซ้ายคือหมอนวดฝ่ายหญิง มีหลวงราโชเป็นหัวหน้าและขุนองค์รักษาเป็นปลัดเจ้ากรม  ขณะที่ตำแหน่งหมื่น มีตำแหน่งเท่ากัน ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ได้แก่หมื่นแก้ววรเลือก หมื่นวาโยวาด หมื่นวาโยนาศ และหมื่นวาโยไชย ตามลำดับ ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ รองลงไปได้แก่ พัน และนายพะโรง

http://www.facebook.com/100266388128915/posts/171179644370922/

หมอนวดฝ่ายหญิงในกรมหมอนวดฝ่ายซ้ายคงมีหน้าที่ส่วนใหญ่เฉพาะในราชสำนัก แต่หมอนวดหญิงเชลยศักดิ์ก็น่าจะมีบริการสามัญชนทั่วไป


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ย. 20, 12:48
จากคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม  

ตลาดบ้านจีนปากคลองขุนละครไชย มีหญิงละครโสเภณีตั้งโรงอยู่ท้ายตลาด ๔ โรง รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ตลาดนี้เปนตลาดใหญ่ใกล้ทางเรือแลทางบก มีตึกกว้านร้านจีนมาก ฃายของจีนมากกว่าของไทย

นับเป็นอีกอาชีพหนึ่งของผู้หญิงในสมัยอยุธยา  ::)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 10 พ.ย. 20, 21:10
ขอถามคุณ SILA เพิ่มหน่อยค่ะ ถ้าสมัยนั้นไม่มีข้อกำหนดห้ามผู้หญิงเป็นหมอแต่ทำไมหมอต้อง = ผู้ชายหรือคะ หรือรากศัพท์ของคำว่าหมอแปลว่าผู้ชาย

พูดถึงอาชีพโสเภนีดิฉันเลยนึกไปถึงอาชีพเกอิชาของญี่ปุ่น แต่ของญี่ปุ่นเขาจะไม่จำเป็นต้องขายตัว แต่ไปเล่นดนตรี ขับร้อง เต้นรำ ชงชา จัดดอกไม้ เขียน อ่านเรื่องบทกวีและวรรณคดี ให้กับลูกค้าแทน ไม่ทราบว่าผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น-ตอนกลาง มีนิยมอาชีพที่ไปทางศิลปะอะไรคล้ายๆแบบบ้างไหมคะ ดิฉันนึกออกแต่รำไทย ส่วนเล่นดนตรี ร้องเพลงไม่แน่ใจว่าผู้หญิงทำอาชีพนี้ได้ไหม


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 12 พ.ย. 20, 08:34
สมัยน้้น หมอตำแย ก็ผู้หญิงนะคะ เรียกหมอไม่เรียกตำแยเฉยๆ ที่พอจำได้ในเอกสารเก่า ๆ มีหมอผู้หญิง คิดว่าน่าจะเป็นหมอในราชสำนัก ที่ไม่ให้หมอผู้ชายเข้าวัง ขนาดออกพระแพทย์โอสถ หมอฝรั่ง พระสนมป่วยยังต้องออกไปหานอกวัง


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 12 พ.ย. 20, 08:35
สมัยน้้น หมอตำแย ก็ผู้หญิงนะคะ เรียกหมอไม่เรียกตำแยเฉยๆ ที่พอจำได้ในเอกสารเก่า ๆ มีหมอผู้หญิง คิดว่าน่าจะเป็นหมอในราชสำนัก ที่ไม่ให้หมอผู้ชายเข้าวัง ขนาดออกพระแพทย์โอสถ หมอฝรั่ง พระสนมป่วยยังต้องออกไปหานอกวัง


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ย. 20, 16:35
ไม่ทราบว่าผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น-ตอนกลาง มีนิยมอาชีพที่ไปทางศิลปะอะไรคล้ายๆแบบบ้างไหมคะ ดิฉันนึกออกแต่รำไทย ส่วนเล่นดนตรี ร้องเพลงไม่แน่ใจว่าผู้หญิงทำอาชีพนี้ได้ไหม
อาชีพที่ค่อนไปทางศิลปะ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือเขียนกลอนขายค่ะ   ในประวัติคุณพุ่มเล่าว่าเมื่ออายุมากขึ้น ท่านตกยากต้องเขียนกลอนขาย  ก็แสดงว่าเขียนกลอน (จะเป็นนิทานหรือเพลงยาวโต้ตอบกับผู้ชาย) ก็ทำเป็นอาชีพ มีคนมาว่าจ้างได้


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 พ.ย. 20, 17:07
นางละครก็เป็นอาชีพทางศิลปะอีกอย่างหนึ่ง แต่ในสมัยอยุธยา ธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้นจะแสดงแต่ในรั้วในวังเท่านั้น

ละครที่แสดงในราชสำนักเรียกว่า 'ละครใน' ใช้ผู้หญิงล้วน ห้ามไม่ให้ชาวบ้านเล่น เรื่องที่นิยมมาแสดงมี ๓ เรื่องคือ อิเหนา รามเกียรติ์ อุณรุท ส่วน 'ละครนอก' ชาวบ้านจะแสดง ใช้ผู้ชายล้วนดำเนินเรื่อง

ในสมัยกรุงธนบุรี มีตัวละครผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นนางเอกละครหลวงมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และได้มาเป็นครูละครครั้งกรุงธนบุรี มีชื่อว่า “จัน” ในเพลงยาวความเก่าเรียกไว้ว่า “จันอุษา” ซึ่งคงจะหมายความว่า หญิงชื่อจันคนนี้ เคยแสดงละคอนเป็นตัวนางอุษา นางเอกในเรื่องอุณรุท และแสดงดีมีชื่อเลียงจนคนทั้งหลายขนานนามในตัวละครเป็นสร้อยติดชื่อตัวมาด้วย เช่นเดียวกับที่เรียก “แย้มอิเหนา” “อิ่มย่าหรัน” “ทองใบทศกรรฐ์” และ “ทองดีพระราม” เป็นต้น ซึ่งมีประเพณีนิยมเรียกกันมาจนในชั้นหลังนี้

https://vajirayana.org/บทละครเรื่อง-อุณรุท/ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท-ของ-ธนิต-อยู่โพธิ์ (https://vajirayana.org/บทละครเรื่อง-อุณรุท/ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท-ของ-ธนิต-อยู่โพธิ์)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 14 พ.ย. 20, 16:59
ขอบพระคุณที่มาตอบเพิ่มเติมให้ค่ะ ดิฉันพึ่งนึกขึ้นได้ถึงอาชีพจำพวกหนึ่งที่ซีรีส์จีนพีเรียดมักจะให้ผู้หญิงทำคือหมดดู ร่างทรง คนที่ติดต่อกับเทพเจ้า ผีต่างๆ แต่พอมาดูละครไทยพีเรียดถ้าเป็นแบบนี้มักจะให้ผู้ชายทำ อันนี้สมัยก่อนผู้หญิงไทยเขามีทำบ้างไหมคะ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ย. 20, 19:04
มีค่ะ ในวรรณคดีลิลิตพระลอ
เมื่อนางรื่นนางโรยไปหาหมอเสน่ห์ให้มาทำเสน่ห์พระลอ  เพื่อจะได้ทิ้งเมืองมาหาพระเพื่อนพระแพง     ตอนแรกนางรื่นนางโรยไปหาหมอเสน่ห์เป็นผู้หญิงแก่   เรียกว่า "ยายมด"

จึ่งแสวงหายายมด ไปจรดผู้ยายำ จำเอาแต่ผู้สิทธิ์ รู้ชิดใช้กลคล่อง บอกทำนองทุกอัน ครัน ธ ช่วยลุไซร้ ตูจะให้ ลาภจงครัน จะให้รางวัลจงพอ ครั้นะพระลอสมสองแล้ว อยู่ช่างยายมดแก้ว อะคร้าวใครปาน เปรียบเอย ฯ
ยายฟังสารยายสั่นหัว ยายเคยแต่ตัวชั่วตัวช้า
ยายจักลองเจ้าหล้า บ่ได้หลานเอย ฯ

ทำไมถึงเรียกว่า ยายมด  คำว่ายายพอเข้าใจได้ว่าหมายถึงหญิงแก่  แต่คำว่า "มด" นึกไม่ออกว่ามาจากภาษาอะไร คำนี้หายไปจากความเข้าใจของคนไทย 
แต่มีคำที่คล้ายคลึงกัน จนน่าจะมาจากรากศัพท์เดียวกัน คือ "แม่มด"


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 พ.ย. 20, 21:22
แม่มด มีกล่าวถึงในกฎหมายสมัยอยุธยาโบราณ ในตอนท้ายของ "พระอายการเบดเสรจ" ลงมหาศักราช ๑๑๔๖ ตรงกับ พ.ศ. ๑๗๖๘ ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓ เป็นเวลา ๑๒๕ ปี

อาจกล่าวได้ว่ากรุงศรีอยุธยาเก่าแก่กว่ากรุงสุโขทัยด้วยซ้ำไป จึงมีวรรณคดีที่ใช้ภาษาไทยก่อนใคร วรรณคดีเก่าแก่เล่มนั้นยังเหลือร่องรอยชื่อ กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ (ตอนท้าย) เก่ากว่าจารึกสุโขทัยเกือบ ๑๐๐ ปีทีเดียว

กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ เป็นชื่อเรียกตามความเข้าใจปัจจุบัน แต่ตัวเขียนในสมุดข่อยมีว่า "พระอายการเบดเสรจ" หมายถึง พระไอยการเบ็ดเสร็จ คำว่า "เบ็ดเสร็จ" ตรงกับ "เบ็ดเตล็ด" ทุกวันนี้

เหตุที่เรียกชื่อกฎหมายฉบับนี้ว่า "เบ็ดเสร็จ" หรือ "เบ็ดเตล็ด" ก็เพราะเป็นกฎหมายต่าง ๆ หลายเรื่องเอามารวมไว้ในที่เดียวกัน และไม่อาจให้ความสำคัญเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ถนัด อันเนื่องเพราะเป็นเรื่องย่อย ๆ เบ็ดเตล็ดทั้งนั้น

กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ มี ๒ ตอน คือ

ตอนต้น ลงศักราช ๑๒๖๓ ปีมะแม ตรงกับ พ.ศ. ๑๘๘๖ ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา ๗ ปี ว่าด้วยลักษณะวิวาท เรื่องกระหนาบคาบเกี่ยวให้เป็นเสนียดแก่กัน

ตอนท้าย ลงศักราช ๑๑๔๖ ปีมะแม ซึ่งเป็นตอนเก่าแก่ที่สุด ว่าด้วยลักษณะวิวาทเรื่องกระทำกฤติยาคุณ มีฉมบ จะกละ กระสือ กระหาง เป็นต้นเหตุ

กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ (ตอนท้าย) มีเนื้อหาเป็นเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับลักษณะ ผีร้าย มีชื่อเรียกในกฎหมายนี้ว่า "ฉมบ จะกละ กระสือ กระหาง" กับเรื่อง หมอผี ที่เรียกชื่อในกฎหมายนี้ว่า "แม่มดพ่อหมอ" คือคนผู้เรียนรู้เวทวิทยาคมและกฤติยาคุณอันทำให้ถึงตายฉิบหายด้วยอุบายต่าง  ๆ

หมอผี หรือ "แม่มดพ่อหมอ" อาจารย์ศรีศักรอธิบายว่า "คนพวกนี้คือพวกที่รู้ในเรื่องไสยศาสตร์ (magic) แต่ว่าเป็นไสยดำ (black magic) คือการนำเอาไสยศาสตร์ไปใช้ในทางที่ผิดและชั่วร้าย เช่น การปล่อยคุณ เสกหนังควายเข้าท้องคน ทำเสน่ห์ยาแฝด รวมทั้งทำยาเบื่อยาสั่งด้วย การประพฤติในทำนองนี้ พวกนักมานุษยวิทยาเรียกรวมๆกันว่า ซอสเซอรี่ (sorcery)"

สุจิตต์ วงษ์เทศ อ่านแผ่นดินฯ มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ปีที่ ๒๓ ฉบับที่ ๑๒๐๐


อ่านเพิ่มเติมได้ใน ภาพสะท้อนของกฎหมายตราสามดวงในเรื่องเวทย์มนต์และอาถรรพ์ต่างๆ (http://www.library.coj.go.th/Openmedia/index?f=../file_upload/module/manage_digital_file/digital_file/eb73ceff.pdf)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 พ.ย. 20, 09:39
คำว่า "มด" นึกไม่ออกว่ามาจากภาษาอะไร

ศ.จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต เขียนบทความชื่อ "มดหมอ" (http://legacy.orst.go.th/?knowledges=มดหมอ-โดย-ศ-จำนงค์-ทองประ) ความตอนหนึ่งว่า มีคำในภาษาไทยอยู่คู่หนึ่งซึ่งไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร คือ คำว่า “มด” กับ “หมอ” ที่ชาวบ้านมักพูดเข้าคู่กันเป็น “มดหมอ” ท่านให้ความเห็นว่า มด มาจากบาลีว่า มะตะ แปลว่า ตาย โดยอิงคำว่า "พ่อมดหมอผี" ผี ก็ต้องหมายถึง คนที่ตายไปแล้ว

ศ.ดร.บรรจบ พันธุเมธา ให้เบาะแสที่ชัดเจนกว่า ท่านชี้ว่า คำว่า มด มาจากภาษาเขมร เขียนว่า "มต" แปลว่า หมอ

"มด" จากภาษาเขมรว่า ม็วต หรือ ม็วด ถูกกร่อนด้วยลิ้นคนไทยกลายเป็น มด

ม็วด (มด) คือ ร่างทรง  มะม็วด (แม่มด) คือ หญิงคนทรง

พิธีกรรมทรงเจ้าเข้าผีเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เรียกว่า  "ปัญโจลมะม็วด" หรือ "โจลมะม็วด”


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 20, 07:55
ู^

ありがとうございました


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 20, 07:58
วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนฉบับหอพระสมุด แต่งขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์  แต่การสะท้อนภาพสังคมก็ไม่ไกลจากอยุธยาตอนปลาย   พออนุโลมได้ว่าอาชีพค้าขายที่นางแก้วกิริยาทำ น่าจะมีผู้หญิงอยุธยาค้าขายแบบนี้มาก่อนเช่นกัน

จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยา            แต่ได้เงินสิบห้าขุนแผนให้
ไถ่ตัวออกจากขุนช้างไป            อยู่ในกรุงศรีอยุธยา
อาศัยอยู่เรือนเพื่อนบ้านเก่า            เขาก็ช่วยบำรุงรักษา
ชายใดได้เห็นก็ต้องตา            นางอุตส่าห์เจียมตัวว่าผัวมี
ซื้อขายวายล่องแต่ของถูก            ลูกไม้ขนมส้มลิ้นจี่
ร้านชำทำฉลากหมากฝาดดี            ยาบุหรี่เพชรบูรณ์ใบตองนวล ฯ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ย. 20, 11:20
ありがとうございました

どういたしまして。

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7158.0;attach=74689;image)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเรื่องอาชีพของผู้หญิงไทยภาคกลางในสมัยอดีตหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 17 พ.ย. 20, 19:25
ขอบพระคุณทุกท่านที่มาช่วยตอบคำถามและช่วยอธิบายให้ค่ะ

ถ้าท่านไหนมีเพิ่มเติมอีกก็เชิญได้เรื่อยๆค่ะ