เอ๋...ความจริงการสั่นพ้องน่าจะแปลว่ากระซุ่นได้ด้วย
หรืออีกนัยหนึ่ง กำทอนก็น่าจะแปลว่ากระซุ่นได้เช่นกัน
เห็นด้วยนะครับ resonance เป็นอาการที่เกิดจากการแทรกเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างสอดคล้องกับ movement ที่มีอยู่เดิม ซึ่งทำให้เกิดการเพิ่มขนาดของ movement นั้นๆ
ลองมโน ตามภาพนี้นะครับ เปลเด็กอ่อนที่แขนอยู่ เมื่อจะไกวเปล เราจะค่อยๆผลักให้มันเคลื่อนที่ เราจะไม่ผลักมันมากจนเกินไป ซึ่งจะไปทำให้เปลนั้นแกว่งไปมา (เด็กเวียนหัวตายเลย) เปลที่มันไกวไปมาได้อย่างนุ่มนวลนั้น คือ อาการที่เปลนั้นเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติในสภาพและองคาพยพของมัน เรียกสภาพนี้กันว่า natural frequency ของมัน (frequency = จำนวนรอบของคลื่นใน 1 วินาที หรือ จะกล่าวในอีกมุมหนึ่งก็ได้ คือ natural period __period = ระยะเวลาที่ใช้สำหรับการเคลื่อนตัวของคลื่นครบหนึ่งรอบ) เชือกที่ห้อยเปลยาวหรือสั้นต่างกัน ก็จะมี natural frequency ต่างกัน
คราวนี้เมื่อเราต้องการจะไกวเปลให้แรงขึ้น เราก็จะต้องใส่แรงผลักหรือดึงเพิ่มเข้าไป เราก็จะต้องรอจังหวะการผลักหรือดึงให้สอดคล้องกันการแกว่งไกวของมัน จะใส่แรงมากไปก็ไม่ได้ เพราะมันจะไปทำให้เปลนั้นแกว่งไปมาอย่างไร้ทิศทาง (period เปลี่ยนไป) จะใส่แรงน้อยไปมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย แถมหากหากไม่ได้จังหวะตาม ก็จะกลายเป็นการขวางการแกว่งไกวของเปลนั้น
การเข้าไปแทรกที่สอดคล้องกับ movement ของเปลเด็กอ่อนนี้ ก็คือการกระทำที่ resonance ในความเห็นของผมนะ ความหมายจะตรงกับคำว่า "กระชุ่น" มากกที่สุด
ต่ออีกนิดครับ คลื่นแผ่นดินไหวที่วิ่งผ่านอาคารสิ่งก่อสร้างนั้น หาก resonance กับ natural frequency ของตัวอาคาร มันก็จะไปเพิ่ม amplitude ของ natural frequency ซึ่งจะส่งผลให้วงรอบของคลื่นใช้เวลายาวขึ้น natural period ของอาคารก็จะเปลี่ยนไป อาคารซึ่งไหวโอนเอนได้อย่างจำกัด ก็จะเกิดความเสียหายในระดับต่างๆ และถึงกับพังลงได้
จาก กำทอน ไปเป็น กำธร ไปเป็น สั่นพ้อง กำลังลงไปเป็น กระชุ่น แล้ว ฮิๆ